กีรติการีบตื่นนอนตั้งแต่เช้าเพื่อจะคุยกับวิคเตอร์และหวังว่าเช้านี้ชายหนุ่มจะเปลี่ยนใจพาเธอกลับกรุงเทพแต่ก็ต้องผิดหวังมาออกมาจากห้องนอนแล้วป้าภรณ์บอกว่าเจ้านายออกไปจากเกาะตั้งแต่เช้า
“เขาไปไหนคะป้าภรณ์ แล้วเย็นนี้จะกลับมาหรือเปล่า”
“ก็คงจะออกไปทำงานนั่นแหละค่ะ แต่ตอนเย็นก็จะกลับมาค้างที่นี่คุณวิคเตอร์สั่งให้ป้าทำกับข้าวไว้รอแล้ว เช้านี้คุณกรีนต้องกินข้าวคนเดียวนะคะ ป้าทำข้าวต้มกุ้งไว้คุณคงไม่แพ้กุ้งใช่ไหม”
“ไม่ค่ะ กินข้าวคนเดียวก็ดีเหมือนกันกรีนก็ไม่อยากจะเห็นหน้าเขามากนักหรอก” หญิงสาวเดินตามป้าภรณ์เข้าไปในห้องครัวและนั่งทานข้าวต้มจนหมดก็กลับเข้าห้อง จากนั้นยกแล็ปท็อปออกมานั่งทำงานต่อที่ห้องรับแขก เธอไม่ชอบนั่งทำงานในห้องนอนถึงแม้จะมีความเป็นส่วนตัวแต่เวลาเห็นเตียงนอนทีไรก็ง่วงทุกที
ในขณะที่เธอกำลังนั่งทำงานอยู่นั้นก็มีเด็กสาวคนหนึ่งเดินเข้ามา
“ป้าภรณ์อยู่มั้ย” ผู้มาเยือนถามหญิงสาวที่นั่งอยู่บนพื้นในห้องรับแขก
“ป้าภรณ์ทำความสะอาดห้องนอนคุณวิคเตอร์อยู่น่ะ มีอะไรกับป้าภรณ์เหรอเดี๋ยวฉันจะไปเรียกให้”
“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวหนูไปหาเอง” ท่าทางของผู้หญิงที่เดินเข้ามาเหมือนจะคุ้นเคยกับป้าภรณ์และดูคุ้นเคยกับที่นี่ดีกีรติกาจึงเลิกสนใจและนั่งทำงานของตนเองต่อ
“ป้าภรณ์”
“อ้าวลูกปลามาทำอะไรที่นี่ล่ะ”
“ก็พี่เต้ไปตามบอกว่าเจ้านายให้มาช่วยป้าภรณ์ทำงานค่ะ ผู้หญิงที่อยู่ในห้องรับแขกเป็นใครเหรอคะป้า”
“แขกของคุณวิคเตอร์น่ะ”
“แน่ใจเหรอว่าเป็นแขก ปกติหนูไม่เห็นคุณวิคเตอร์พาผู้หญิงมาที่นี่เลยหนูว่าน่าจะไม่ใช่แขกธรรมดาหรอก”
“เธอจะเป็นใครก็ช่างเถอะเรามีหน้าที่ทำอะไรก็ทำไปอย่ายุ่งเรื่องของเจ้านายเลย มาช่วยป้าทำความสะอาดห้องดีกว่าเดี๋ยวต้องไปทำห้องคุณกรีนอีกห้องหนึ่ง”
“ผู้หญิงคนนั้นชื่อกรีนเหรอคะ”
“ใช่เธอชื่อคุณกรีน”
“เธอสวยดีนะคะแต่เด็กไปหน่อยไม่เหมาะกับเจ้านายหรอก”
“เราไม่มีสิทธิ์ไปวิพากษ์วิจารณ์เจ้านายแบบนั้นนะลูกปลาเกิดเขามาได้ยินขึ้นแล้วโมโหเลิกจ้างเราขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ”
“หนูก็แค่พูดกับป้าภรณ์คนเดียวไม่พูดให้คนอื่นฟังหรอกค่ะ”
“ไปทำงานกันเถอะป้าไม่อยากเถียงกับแกแล้วลูกปลา”
หลังจากช่วยป้าภรณ์ทำความสะอาดและซักผ้าเรียบร้อยแล้วลูกปลาก็เดินมาที่ห้องรับแขกอีกครั้ง
“ป้าภรณ์ให้หนูมาถามว่ากลางวันนี้คุณกรีนจะกินข้าวกับอะไร”
“อะไรก็ได้จ้ะแล้วแต่ป้าภรณ์เลยฉันกินได้ทุกอย่าง” เมื่อได้รับคำตอบแล้วลูกปลาก็เดินไปบอกป้าภรณ์ในห้องครัว
ในช่วงบ่ายทั้งบ้านเงียบสนิทกีรติกาเลยถือโอกาสเดินสำรวจบริเวณบ้าน บ้านหลังนี้เป็นบ้านชั้นเดียวยกพื้นสูงมีห้องนอนอยู่ประมาณสามถึงสี่ห้องมีห้องรับแขกที่เธอนั่งทำงานอยู่ถัดออกไปก็เป็นห้องครัวและมีส่วนของระเบียงที่ยื่นออกไปด้านหน้าเพื่อรับลมทะเล
เมื่อสำรวจบริเวณด้านบนจนครบเธอก็ลงมาด้านล่างซึ่งไม่แปลกใจเลยที่เห็นผู้ชายที่ชื่อเต้นั่งเฝ้าอยู่เหมือนกับเมื่อวาน
“เขาให้นายเฝ้าฉันใช่ไหม”
“ครับ”
“นายไม่เบื่อรึไงที่ต้องมาเฝ้าฉันแบบนี้”
“ผมถือว่านี่คืองานครับ”
“นี่นายเต้ฉันมาคิดดูดีๆ แล้วฉันว่าที่นี่มันก็น่าอยู่เหมือนกันนะแต่จะให้ฉันอยู่แต่ในบ้านก็คงน่าเบื่อมากนอกจากชายหาดที่เห็นแล้วที่นี่ยังมีที่เที่ยวอื่นหรือเปล่าล่ะเช่นพวกน้ำตก ร้านอาหาร คาเฟ่หรือกิจกรรมทางน้ำต่างๆ อะไรพวกนี้น่ะ ฉันจะได้เล่นแก้เบื่อ”
“ไม่มีหรอกครับที่นี่เป็นแค่เกาะเล็กๆ เองมีบ้านอยู่แค่ไม่กี่หลัง”
“บ้านนายอยู่บนเกาะนี้ด้วยหรือเปล่าล่ะ”
“ครับแต่จะอยู่อีกฝั่งหนึ่ง”
“คนที่นี่เขาทำอาชีพอะไรกันเหรอ”
“คุณอยากจะรู้ไปทำไมครับ”
“ก็ฉันเป็นนักเขียนนิยายฉันก็อยากรู้ข้อมูลเอาไปเขียนนิยายเยอะๆ นายพาฉันเดินดูรอบๆ เกาะได้ไหมล่ะฉันจะได้เก็บข้อมูล”
“ผมขอโทรถามเจ้านายก่อนว่าจะพาคุณไปได้ไกลแค่ไหน” ชายหนุ่มที่ชื่อเต้เดินเลี่ยงออกไปอีกทางหนึ่งจากนั้นก็โทรศัพท์ไปหาวิคเตอร์เพื่อขออนุญาตพาหญิงสาวไปเที่ยวรอบๆ เกาะตามที่เธอขอเมื่อคุยเสร็จเขาก็เขาเดินกลับมาอีกครั้ง
“เขาตกลงหรือเปล่านายเต้” หญิงสาวรีบถาม
“เจ้านายให้ผมพาคุณเดินดูรอบเกาะฝั่งนี้ได้ส่วนอีกฝั่งหนึ่งถ้าคุณอยากจะไปจริงๆ เจ้านายจะเป็นคนพาคุณไปเอง”
“ฝั่งที่นายพูดถึงมันเป็นอะไรเหรอ”
“ก็เป็นหมู่บ้านชาวประมงน่ะ แต่มันค่อนข้างอันตราย ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณผมคงรับผิดชอบไม่ไหว เอาไว้ถ้าคุณอยากไปจริงๆ ก็รอวันที่เจ้าไหนว่างก็แล้วกันนะ”
“มันน่ากลัวอย่างที่นายพูดจริงๆ หรือเพราะเขากลัวว่าฉันจะไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นกันแน่ล่ะ”
“ดูเหมือนคุณจะไม่เชื่อสิ่งที่ผมพูดถ้าอย่างนั้นผมพาคุณไปก็ได้แต่คุณวิ่งได้เร็วแค่ไหนล่ะ”
“หมายถึงอะไร”
“ผมก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละคุณวิ่งได้เร็วแค่ไหนเพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นมาเราต้องวิ่งให้เร็วที่สุด หมู่บ้านชาวประมงผู้ชายค่อนข้างเยอะและผู้หญิงสวยๆ แปลกหน้าอย่างคุณเดินลงเขาไปผมก็ไม่รู้ว่าจะอยู่รอดปลอดภัยกลับออกมาหรือเปล่า มันเคยมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวบนเกาะและหลงเข้าไปโซนหมู่บ้านชาวประมงคุณรู้มั้ยเกิดอะไรขึ้นกับเธอ”
“เกิดอะไรขึ้นล่ะ”
“เธอก็ถูกผู้ชายพวกนั้นข่มขืนคืนยังไงล่ะ”
“จะบ้าหรือเปล่าบ้านเมืองมีกฎหมายนะแล้วคนแถวนั้นยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นได้ยังไง” กีรติกาไม่เชื่อที่เขาพูด
“เพราะนี่มันอยู่นอกเหนือน่านน้ำประเทศไทยนะคุณอะไรก็เกิดขึ้นได้”
“แล้วนักท่องเที่ยวคนนั้นเขาแจ้งความหรือเปล่า”
“ถ้าเป็นคุณโดนแบบนั้นคุณจะกล้าแจ้งความไหมล่ะ เธอก็แค่กลับออกไปจากที่นี่เรื่องทุกอย่างก็เงียบลง”
“นายกำลังจะขู่ให้ฉันกลัวใช่มั้ยล่ะ”
“ไม่ได้ขู่ครับ ถ้าคุณอยากจะไปจริงๆ ผมก็พาคุณไปได้แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นเราต้องวิ่งให้เร็วที่สุดคุณอยากไปจริงๆ ก็เปลี่ยนเป็นรองเท้าผ้าใบ” เขามองหญิงสาวที่สวมรองเท้าแตะหูคีบสีชมพูหวานแล้วส่ายหน้า
“ฉันไม่ไปก็ได้” เมื่อเขาพูดแบบนี้กีรติกาก็เริ่มจะกลัวแต่เธอคิดว่าวันใดวันหนึ่งต้องหาโอกาสเพราะถ้าหากที่นั่นเป็นหมู่บ้านชาวประมงก็อาจจะมีเรือออกไปด้านนอกและเธอจะว่าจ้างเรือพวกนั้นให้ไปส่ง กีรติกายังไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ส่วนไหนแต่เขาบอกว่าอยู่นอกน่านน้ำของประเทศไทยถ้าเดาไม่ผิดก็น่าจะเป็นทางใต้แต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นฝั่งอันดามันหรือฝั่งอ่าวไทยซึ่งเรื่องนี้เธอจะต้องหาข้อมูลอีกครั้ง
หลังจากเดินเล่นรอบบริเวณบ้านและชายหาดฝั่งที่มีท่าเรือเล็กๆ แล้วกีรติกาก็เดินกลับขึ้นมาบนห้องรอรับประทานอาหารค่ำพร้อมวิคเตอร์ หญิงสาวอยากจะถามเขาอีกครั้งเผื่อเขาจะเปลี่ยนใจแต่ดูท่าทางสีหน้าของชายหนุ่มเหมือนจะเครียดกับอะไรสักอย่างเธอก็เลยนั่งรับประทานอาหารเงียบๆ“วันนี้เต้พาเธอไปที่ไหนบ้าง”“ก็เดินเล่นรอบๆ บ้านค่ะ ฉันอยากจะไปดูหมู่บ้านชาวประมงแต่เขาไม่พาฉันไปเขาบอกว่าที่นั่นมันอันตราย”“มันก็อันตรายอย่างที่เต้ว่านั่นแหละผู้หญิงสวยๆ อย่างเธออย่าเข้าไปใกล้แถวนั้นเลย เต้คงเล่าให้เธอฟังแล้วใช่ไหมว่ามีนักท่องเที่ยวเคยถูกคนแถวนั้นข่มขืน”“ใช่เขาเล่าให้ฉันฟังแล้ว แต่มันเรื่องจริงหรือแค่ขู่ไม่ให้ฉันไปกันแน่ล่ะ”“เรื่องจริงสิถ้าเธออยากจะไปที่นั่นจริงๆ ก็บอกฉันล่วงหน้า”“ทำไมต้องบอกล่วงหน้าล่ะ”“ฉันจะได้พาคนของฉันมาเพิ่มไงล่ะ เพราะถ้าไปกันตามลำพังสองสามคนฉันก็สู้พวกนั้นไม่ไหวหรอกนะ ชายฉกรรจ์พวกนั้นทั้งแข็งแรงและมีกันหลายคน”“คุณทำเหมือนกับว่าที่นั่นเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนเลยนะ”“มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกแต่พวกเขาไม่ใช่คนไทยทั้งหมดหรอก มันเลยยากที่จะพูดคุยกันน่ะ”“ไม่ใช่คนไทยเหรอคะ แล้วเกาะที่เราอยู่
“ขอโทษนะคะที่นี่ไหนคะ” เธอถามคนที่นั่งอยู่บนท่าเรือ“คุณมาที่นี่โดยไม่รู้ว่าคือที่ไหนเหรอ”“ฉันถูกผู้ชายคนหนึ่งจับตัวมาและตอนนี้ฉันก็กำลังจะหาทางกลับบ้านของฉัน”“บ้านคุณอยู่ที่ไหน”“บ้านฉันอยู่ประเทศไทยค่ะ ที่นี่ห่างจากประเทศไทยนานไหม”“ที่นี่เป็นเกาะนอกเขตประเทศไทยถ้าจะเดินทางจากที่นี่ก็ต้องนั่งเรือไปอีกประมาณเกือบสองชั่วโมง”“คุณช่วยหาหรือจ้างให้ฉันหน่อยได้ไหมฉันอยากกลับประเทศไทย”“ได้สิว่าแต่คุณชื่ออะไรล่ะ” นายท่าเรือมองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วยิ้มเพราะดูเหมือนหญิงสาวคนนี้จะไม่รู้อะไรเลยรูปร่างและหน้าตาแบบนี้ถ้าเขาพาเธอไปขายให้กับเสี่ยกระเป๋าหนักก็คงได้หลายบาทอยู่“ฉันชื่อกรีน”“ผมขอดูบัตรประชาชนของคุณหน่อยได้ไหม ถ้าเกิดคุณเป็นคนร้ายปลอมตัวมาหรือมีคดีมาผมก็คงจะลำบากถ้าให้การช่วยเหลือคุณ”“ฉันถูกเขาจับตัวมากเพราะฉะนั้นฉันไม่มีบัตรประชาชนหรอก”“แล้วเงินค่าจ้างล่ะจะให้เท่าไหร่”“ถ้าถึงฝั่งแล้วฉันจะให้คุณ”“ตลกแล้วคุณ” เขาหัวเราะเบาๆ จากนั้นก็เรียกชายฉกรรจ์อีกหลายให้ออกมาจับแขนของหญิงสาวไว้“นี่พวกคุณจะพาฉันไปไหน”“ฉันว่าเธอต้องเป็นสายของตำรวจที่ขึ้นมาหาข่าวที่นี่แน่ๆ จับเธอไปขังไว
กีรติกาพยายามเดินหาคนที่พอจะช่วยเหลือเธอได้แต่ดูเหมือนทุกคนจะไม่สนใจเธอเลยต่างสนใจแค่กิจกรรมตรงหน้าซึ่งมีทั้งตู้ปั่นสล็อต ไพ่ บาคาร่า รูเล็ตต์ ซึ่งเธอก็เคยสัมผัสบรรยากาศแบบนี้มาบ้างตอนที่ไปเที่ยวลาสเวกัสกับเพื่อนๆ“สนใจจะเล่นเหรอกรีน” เสียงที่กระซิบทางด้านหลังทำให้หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวและหันไปมองก็เจอว่าวิคเตอร์นั้นเดินเข้ามาประชิดตัวเธอแล้ว“มันก็น่าสนใจอยู่”“ที่เธอตามฉันมาไม่ใช่คงไม่ใช่เพราะอยากจะมาเล่นอะไรพวกนี้หรอกนะ”“แล้วถ้าฉันบอกว่าใช่ล่ะ” หญิงสาวพูดกับเขาแต่สายตาก็ยังคงมองหาใครสักคนที่จะเข้ามาช่วยเธอได้“เธอคิดว่าฉันดูเธอไม่ออกเหรอ ฉันเห็นเธอตั้งแต่อยู่บนเรือแล้วและก็รอว่าเมื่อไหร่เธอจะมาที่นี่”“คุณเห็นฉันตั้งแต่บนเรือแล้วทำไมคุณยังยอมให้ผู้ชายพวกนั้นที่ท่าเรือจับฉันไปแบบนั้นล่ะ”“ก็ฉันอยากรู้ว่าเธอจะเอาตัวรอดยังไงกับสถานการณ์แบบนั้น แต่เธอก็เก่งนะที่ทำให้คนพวกนั้นพาเธอมาส่งฉันที่นี่ได้”“คุณคงไม่คิดจะให้พวกนั้นพาฉันไปขายจริงๆ หรอกใช่ไหมล่ะ” หญิงสาวถามขณะที่เดินตามเขามายังด้านนอกโรงแรมซึ่งเป็นบริเวณสนามหญ้าเขานั่งลงบนเก้าอี้และฉุดให้เธอนั่งลงข้างๆ“ไม่หรอกเพราะฉันยังไม่ได้แก้แ
“บอสแน่ใจนะครับว่าจะทำแบบนี้จริงๆ”“แน่ใจสิ” วิคเตอร์มาเฟียหนุ่มลูกครึ่งไทยรัสเซียวัย 32 ปีตอบด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดแววตาของเขามองไปยังประวัติผู้หญิงทั้งสามคนบนหน้าจอแท็บเล็ตด้วยความแค้นเมื่อหนึ่งในนั้นคือคนที่เขาจะต้องจัดการเพื่อแก้แค้นให้กับมาเรียน้องสาวของตนเองที่เสียชีวิตไปเมื่อครึ่งปีก่อน“แล้วถ้านายหญิงรู้ล่ะครับ” โรมันผู้ช่วยของชายหนุ่มหมายถึงคุณวัชรีมารดาของเจ้านายที่สั่งไว้ว่าห้ามยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือคิดจะแก้แค้นอย่างเด็ดขาด“เวลามันผ่านมาครึ่งปีแล้วแม่ก็คงคิดว่าฉันไม่ได้ติดใจเรื่องนี้แต่คนอย่างฉันไม่มีทางลืมเรื่องแย่ๆ ที่ผู้ชายคนนั้นมันทำไว้กับน้องสาวฉันหรอกนะ นายก็เห็นแล้วว่ามาเรียเจ็บปวดและเสียใจเรื่องนี้มากแค่ไหน มันจะต้องเจ็บปวดมากกว่ามาเรียหลายเท่า”“ตอนนี้ไอ้หมอนั่นมันคบผู้หญิงอยู่หลายคนเลยแล้วบอสจะให้ผมจัดการกับคนไหนดีล่ะครับ คนหนึ่งเป็นนางแบบแถวหน้าของเมืองไทยส่วนอีกคนก็เป็นนักศึกษาจบใหม่ที่เพิ่งเข้าทำงานในบริษัทของมัน”“สองคนนี้ก็แค่ตัวหลอกเท่านั้นแหละ คนที่ฉันจะให้นายไปจัดการก็คือคู่หมั้นของมัน”“คนที่เรียนอยู่อังกฤษเหรอครับ แต่แปลกนะบอสผมไม่เคยเห็นมันไปหาคู
สนามบินฮีทโธรว์ประเทศอังกฤษ“ณัฐชาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมกรีนจะต้องรีบกลับประเทศไทยด้วยล่ะ ทำไมไม่อยู่เที่ยวด้วยกันก่อน”“ก็ตอนนี้กรีนเรียนจบแล้วก็อยากจะรีบกลับไปช่วยงานคุณท่านที่เมืองไทย”“แต่กรีนเรียนจบก่อนเวลาตั้งหนึ่งเดือนนะถ้าไม่บอกคุณท่านคุณท่านก็ไม่รู้หรอกว่าเรียนจบแล้ว”“กรีนไม่อยากโกหกคุณท่านนะ แค่คุณท่านส่งให้เรียนต่อจนจบแบบนี้ก็รู้สึกเกรงใจมากๆ แล้ว”กรีนหรือกีรติกาพูดกับณัฐชาเพื่อนสนิทที่มาเรียนออกแบบเครื่องประดับด้วยกันที่ประเทศอังกฤษนานถึงสี่ปีตอนนี้หญิงสาวเรียนจบและกำลังจะกลับไปทำงานกับคุณท่านหรือคุณสุธีเพื่อนของบิดาที่ส่งเธอเรียนหลังจากบิดาของเธอเสียชีวิตไปแล้ว“กรีนจะกลับไปทำงานที่บริษัทของคุณท่านเลยใช่ไหม”“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละคุณท่านส่งให้กรีนเรียนพอเรียนจบก็ต้องกลับไปช่วยงานบริษัท”เมื่อพูดถึงบริษัทหญิงสาวก็มีสีหน้าสลดลงเล็กน้อยเพราะบริษัทที่เธอพูดถึงนั้นครึ่งหนึ่งเคยเป็นของบิดาแต่เมื่อเธอมาเรียนต่อที่อังกฤษบิดาของเธอก็ติดการพนันอย่างหนักจนเป็นหนี้เขาไปทั่วคุณสุธีเลยขอซื้อหุ้นทั้งหมดเพื่อแลกกับเงินให้บิดาของเธอเอาเงินไปใช้หนี้แต่มันก็ยังไม่พอ บ้านที่เธอเคยอยู่ตั
กีรติกาเดินทางกลับเมืองไทยก่อนกำหนดเกือบหนึ่งเดือนเพราะหญิงสาวรู้สึกเกรงใจคุณสุธีถ้าหากจะอยู่ต่อที่ประเทศอังกฤษอีกหนึ่งเดือนโดยไม่ทำอะไรเลย แต่เธอก็ไม่ได้แจ้งทางบ้านไว้ว่าจะเดินทางกลับวันนี้เพราะไม่อยากรบกวนให้ใครต้องมารับที่สนามบินครั้งสุดท้ายที่หญิงสาวกลับมาเมืองไทยก็ตั้งแต่งานศพของบิดาเมื่อสองปีก่อนจากนั้นเธอก็ไม่มีโอกาสได้กลับเมืองไทยอีกเลย ตอนนี้กีรติกาเหลือที่ซุกหัวนอนเพียงที่เดียวก็คือคอนโดที่บิดาซื้อให้เป็นชื่อของตัวเธอเองหญิงสาวคิดว่ากลับมาเมืองไทยครั้งนี้เธอจะไปพักอยู่ที่นั่นก่อน เพราะถ้าหากกลับไปที่บ้านของคุณท่านตอนนี้ก็กลัวว่าจะถูกจับให้แต่งงานกับกิตติเดชเร็วขึ้น กีรติกาไม่ได้สนิทสนมหรือคุ้นเคยกับคู่หมั้นคนนี้เลยทุกอย่างเป็นไปตามที่บิดาของเธอและบิดาของกิตติเดชเป็นคนจัดการทั้งหมดการจากไปอย่างกะทันหันของบิดาทำให้กีรติการู้สึกเคว้งคว้าง และไร้ที่พึ่งเมื่อคุณท่านยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือหญิงสาวก็ยอมรับด้วยความเต็มใจเธอไม่เหลือทรัพย์สินอะไรอีกแล้วนอกจากคอนโดมิเนียมห้องเล็กห้องหนึ่งเมื่อลงจากเครื่องหญิงสาวก็ต้องแปลกใจเมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งเดินตรงมาหาเธอ“สวัสดีครับคุณกรีนผมชื่อชา
กีรติกาเห็นว่าไม่มีทางที่ตัวเองจะเดินผ่านชายฉกรรจ์ตัวโตไปได้หญิงสาวจึงกลับขึ้นมานั่งหน้าบูดอยู่บนบ้านอีกครั้ง “คุณคะป้าทำกับข้าวไว้หลายอย่างเลยคุณไปกินหน่อยดีไหม คุณไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วเดี๋ยวจะปวดท้องเอานะคะ”“ป้าคะป้าบอกหน่อยได้ไหมว่าที่นี่มันคือที่ไหน”“ป้าก็อยากจะบอกคุณนะคะแต่ป้าพูดไม่ได้จริงๆ”“ไม่มีใครบอกอะไรได้เลยเหรอคะ”“คุณกรีนอย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลยค่ะกินข้าวก่อนนะคะ”“ป้ารู้ชื่อกรีนได้ยังไงคะ”“ป้าก็ต้องรู้ข้อมูลของเจ้านายทุกคนค่ะ”“แต่กรีนไม่ใช่เจ้านายของป้านะคะ”“ถึงไม่ใช่เจ้านายแต่คุณก็เป็นคนของเจ้านาย เอาเถอะค่ะอย่าเพิ่งเสียเวลาพูดเลยไปกินข้าวดีกว่านะคะ”“ก็ได้ค่ะ” เพราะไม่ได้ทานอะไรมาหลายชั่วโมงกีรติกาก็เริ่มจะหิวขึ้นมาหญิงสาวเดินตามป้าภรณ์ไปยังห้องครัวก่อนจะนั่งลง“ป้าไม่รู้ว่าคุณกรีนชอบกินอะไรบ้างก็เลยทำอาหารที่ไม่เผ็ดมากเท่าไหร่”“น่ากินทั้งนั้นเลยค่ะ” หญิงสาวมองหมูทอดกระเทียมพริกไทยผัดผักรวมมิตรแล้วก็ต้มยำกุ้งที่อยู่ตรงหน้าแล้วกลืนน้ำลายลงคออาหารไทยแบบนี้เธอไม่ได้ทานมานานแล้ว“พอจะทานได้ไหมคะ”“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะว่าแต่ป้าชื่ออะไรคะกรีนจะได้เรียกถูก”“ป้า
กีรติกาเดินเล่นอยู่ไม่นานก็กลับขึ้นมาบนบ้านเพราะรู้สึกว่าไม่อิสระเลยที่มีคนคอยเดินตามตลอด หญิงสาวกลับขึ้นมาด้านบนบ้านและเข้าไปในห้องจากนั้นอาบน้ำก่อนจะหยิบชุดที่อยู่ในตู้มาสวมเธอต้องแปลกใจมากๆ เพราะนอกจากจะมีชุดที่เธอนำกลับมาจากอังกฤษแล้วในนั้นยังมีชุดผู้หญิงอยู่อีกหลายชุด แต่เธอก็เลือกที่จะหยิบชุดของตัวเองมาสวมก่อนจะเดินออกมาจากห้องและนั่งดูทีวีบริเวณห้องรับแขกเพื่อฆ่าเวลา ปกติแล้วหญิงสาวไม่ค่อยดูทีวีเท่าไหร่เวลาส่วนใหญ่มักจะหมดไปกับการเล่นโทรศัพท์มือถือมากกว่า แต่เมื่อไม่มีโทรศัพท์มือถือความบันเทิงที่เธอจะหาได้ในตอนนี้ก็คือการดูทีวีนั่นเอง“เย็นนี้คุณกรีนอยากกินอะไรคะ เดี๋ยวป้าจะทำให้”“กินอาหารเดิมก็ได้ค่ะป้าภรณ์ป้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”“ไม่เหนื่อยอะไรเลยป้ามีหน้าที่ดูแลคุณกรีนอยู่แล้ว”“ป้าคะแล้วเมื่อไหร่เจ้านายป้าจะมาเปิดสักทีล่ะคะ กรีนเบื่อที่จะต้องอยู่เฉยๆ แบบนี้แล้วนะคะ”“เดี๋ยวก็คงมาค่ะ”“กรีนเห็นมีเสื้อผ้า ผู้หญิงอยู่ในตู้เยอะเลยของใครเหรอคะ”“ก็ของคุณกรีนนั่นแหละค่ะเจ้านายเขาเตรียมไว้ให้”“ทำไมเขาจะต้องเตรียมเสื้อผ้าพวกนั้นไว้ให้กรีนด้วย”“อันนี้ป้าก็ไม่รู้เหมือนกันนะ คุณกร
กีรติกาพยายามเดินหาคนที่พอจะช่วยเหลือเธอได้แต่ดูเหมือนทุกคนจะไม่สนใจเธอเลยต่างสนใจแค่กิจกรรมตรงหน้าซึ่งมีทั้งตู้ปั่นสล็อต ไพ่ บาคาร่า รูเล็ตต์ ซึ่งเธอก็เคยสัมผัสบรรยากาศแบบนี้มาบ้างตอนที่ไปเที่ยวลาสเวกัสกับเพื่อนๆ“สนใจจะเล่นเหรอกรีน” เสียงที่กระซิบทางด้านหลังทำให้หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวและหันไปมองก็เจอว่าวิคเตอร์นั้นเดินเข้ามาประชิดตัวเธอแล้ว“มันก็น่าสนใจอยู่”“ที่เธอตามฉันมาไม่ใช่คงไม่ใช่เพราะอยากจะมาเล่นอะไรพวกนี้หรอกนะ”“แล้วถ้าฉันบอกว่าใช่ล่ะ” หญิงสาวพูดกับเขาแต่สายตาก็ยังคงมองหาใครสักคนที่จะเข้ามาช่วยเธอได้“เธอคิดว่าฉันดูเธอไม่ออกเหรอ ฉันเห็นเธอตั้งแต่อยู่บนเรือแล้วและก็รอว่าเมื่อไหร่เธอจะมาที่นี่”“คุณเห็นฉันตั้งแต่บนเรือแล้วทำไมคุณยังยอมให้ผู้ชายพวกนั้นที่ท่าเรือจับฉันไปแบบนั้นล่ะ”“ก็ฉันอยากรู้ว่าเธอจะเอาตัวรอดยังไงกับสถานการณ์แบบนั้น แต่เธอก็เก่งนะที่ทำให้คนพวกนั้นพาเธอมาส่งฉันที่นี่ได้”“คุณคงไม่คิดจะให้พวกนั้นพาฉันไปขายจริงๆ หรอกใช่ไหมล่ะ” หญิงสาวถามขณะที่เดินตามเขามายังด้านนอกโรงแรมซึ่งเป็นบริเวณสนามหญ้าเขานั่งลงบนเก้าอี้และฉุดให้เธอนั่งลงข้างๆ“ไม่หรอกเพราะฉันยังไม่ได้แก้แ
“ขอโทษนะคะที่นี่ไหนคะ” เธอถามคนที่นั่งอยู่บนท่าเรือ“คุณมาที่นี่โดยไม่รู้ว่าคือที่ไหนเหรอ”“ฉันถูกผู้ชายคนหนึ่งจับตัวมาและตอนนี้ฉันก็กำลังจะหาทางกลับบ้านของฉัน”“บ้านคุณอยู่ที่ไหน”“บ้านฉันอยู่ประเทศไทยค่ะ ที่นี่ห่างจากประเทศไทยนานไหม”“ที่นี่เป็นเกาะนอกเขตประเทศไทยถ้าจะเดินทางจากที่นี่ก็ต้องนั่งเรือไปอีกประมาณเกือบสองชั่วโมง”“คุณช่วยหาหรือจ้างให้ฉันหน่อยได้ไหมฉันอยากกลับประเทศไทย”“ได้สิว่าแต่คุณชื่ออะไรล่ะ” นายท่าเรือมองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วยิ้มเพราะดูเหมือนหญิงสาวคนนี้จะไม่รู้อะไรเลยรูปร่างและหน้าตาแบบนี้ถ้าเขาพาเธอไปขายให้กับเสี่ยกระเป๋าหนักก็คงได้หลายบาทอยู่“ฉันชื่อกรีน”“ผมขอดูบัตรประชาชนของคุณหน่อยได้ไหม ถ้าเกิดคุณเป็นคนร้ายปลอมตัวมาหรือมีคดีมาผมก็คงจะลำบากถ้าให้การช่วยเหลือคุณ”“ฉันถูกเขาจับตัวมากเพราะฉะนั้นฉันไม่มีบัตรประชาชนหรอก”“แล้วเงินค่าจ้างล่ะจะให้เท่าไหร่”“ถ้าถึงฝั่งแล้วฉันจะให้คุณ”“ตลกแล้วคุณ” เขาหัวเราะเบาๆ จากนั้นก็เรียกชายฉกรรจ์อีกหลายให้ออกมาจับแขนของหญิงสาวไว้“นี่พวกคุณจะพาฉันไปไหน”“ฉันว่าเธอต้องเป็นสายของตำรวจที่ขึ้นมาหาข่าวที่นี่แน่ๆ จับเธอไปขังไว
หลังจากเดินเล่นรอบบริเวณบ้านและชายหาดฝั่งที่มีท่าเรือเล็กๆ แล้วกีรติกาก็เดินกลับขึ้นมาบนห้องรอรับประทานอาหารค่ำพร้อมวิคเตอร์ หญิงสาวอยากจะถามเขาอีกครั้งเผื่อเขาจะเปลี่ยนใจแต่ดูท่าทางสีหน้าของชายหนุ่มเหมือนจะเครียดกับอะไรสักอย่างเธอก็เลยนั่งรับประทานอาหารเงียบๆ“วันนี้เต้พาเธอไปที่ไหนบ้าง”“ก็เดินเล่นรอบๆ บ้านค่ะ ฉันอยากจะไปดูหมู่บ้านชาวประมงแต่เขาไม่พาฉันไปเขาบอกว่าที่นั่นมันอันตราย”“มันก็อันตรายอย่างที่เต้ว่านั่นแหละผู้หญิงสวยๆ อย่างเธออย่าเข้าไปใกล้แถวนั้นเลย เต้คงเล่าให้เธอฟังแล้วใช่ไหมว่ามีนักท่องเที่ยวเคยถูกคนแถวนั้นข่มขืน”“ใช่เขาเล่าให้ฉันฟังแล้ว แต่มันเรื่องจริงหรือแค่ขู่ไม่ให้ฉันไปกันแน่ล่ะ”“เรื่องจริงสิถ้าเธออยากจะไปที่นั่นจริงๆ ก็บอกฉันล่วงหน้า”“ทำไมต้องบอกล่วงหน้าล่ะ”“ฉันจะได้พาคนของฉันมาเพิ่มไงล่ะ เพราะถ้าไปกันตามลำพังสองสามคนฉันก็สู้พวกนั้นไม่ไหวหรอกนะ ชายฉกรรจ์พวกนั้นทั้งแข็งแรงและมีกันหลายคน”“คุณทำเหมือนกับว่าที่นั่นเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนเลยนะ”“มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกแต่พวกเขาไม่ใช่คนไทยทั้งหมดหรอก มันเลยยากที่จะพูดคุยกันน่ะ”“ไม่ใช่คนไทยเหรอคะ แล้วเกาะที่เราอยู่
กีรติการีบตื่นนอนตั้งแต่เช้าเพื่อจะคุยกับวิคเตอร์และหวังว่าเช้านี้ชายหนุ่มจะเปลี่ยนใจพาเธอกลับกรุงเทพแต่ก็ต้องผิดหวังมาออกมาจากห้องนอนแล้วป้าภรณ์บอกว่าเจ้านายออกไปจากเกาะตั้งแต่เช้า“เขาไปไหนคะป้าภรณ์ แล้วเย็นนี้จะกลับมาหรือเปล่า”“ก็คงจะออกไปทำงานนั่นแหละค่ะ แต่ตอนเย็นก็จะกลับมาค้างที่นี่คุณวิคเตอร์สั่งให้ป้าทำกับข้าวไว้รอแล้ว เช้านี้คุณกรีนต้องกินข้าวคนเดียวนะคะ ป้าทำข้าวต้มกุ้งไว้คุณคงไม่แพ้กุ้งใช่ไหม”“ไม่ค่ะ กินข้าวคนเดียวก็ดีเหมือนกันกรีนก็ไม่อยากจะเห็นหน้าเขามากนักหรอก” หญิงสาวเดินตามป้าภรณ์เข้าไปในห้องครัวและนั่งทานข้าวต้มจนหมดก็กลับเข้าห้อง จากนั้นยกแล็ปท็อปออกมานั่งทำงานต่อที่ห้องรับแขก เธอไม่ชอบนั่งทำงานในห้องนอนถึงแม้จะมีความเป็นส่วนตัวแต่เวลาเห็นเตียงนอนทีไรก็ง่วงทุกที ในขณะที่เธอกำลังนั่งทำงานอยู่นั้นก็มีเด็กสาวคนหนึ่งเดินเข้ามา“ป้าภรณ์อยู่มั้ย” ผู้มาเยือนถามหญิงสาวที่นั่งอยู่บนพื้นในห้องรับแขก“ป้าภรณ์ทำความสะอาดห้องนอนคุณวิคเตอร์อยู่น่ะ มีอะไรกับป้าภรณ์เหรอเดี๋ยวฉันจะไปเรียกให้”“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวหนูไปหาเอง” ท่าทางของผู้หญิงที่เดินเข้ามาเหมือนจะคุ้นเคยกับป้าภรณ์และด
กีรติกานั่งเครียดอยู่ในห้องรับแขกตอนนี้หญิงสาวกำลังต้องการคุยกับใครสักคนเรื่องนี้และอยากจะขอความช่วยเหลือแต่เธอก็นึกเบอร์โทรศัพท์ของใครไม่ได้เลยสักคน เธอต้องขอโทรศัพท์คืนมาจากวิคเตอร์ให้ได้หญิงสาวนั่งรอเขาอยู่ที่ห้องรับแขกเพราะป้าภรณ์บอกเจ้านายของเธอจะออกมารับประทานอาหารเย็นในเวลาหนึ่งทุ่มตอนนี้กีรติกากำลังคิดรวบรวมคำพูดที่จะขอโทรศัพท์คืนมาจากวิคเตอร์เพราะดูแล้วมันน่าจะเป็นทางเดียวที่เธอจะติดต่อเพื่อนได้ ส่วนเรื่องจะออกไปจากที่นี่ก็ค่อยหาทางกันอีกที แต่เธอคงไม่ยอมอยู่เฉยๆ แบบนี้แน่ หญิงสาวรอเวลาที่เขาจะออกมาจากห้อง เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้องก็รีบลุกขึ้นยืนทันที“คุณวิคเตอร์คะฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” กีรติกายิ้มสู้และคิดว่าถ้าคุยกับเขาดีๆ เขาจะใจอ่อน“ตอนนี้มันเป็นเวลาอาหารฉันขอกินก่อนมีอะไรค่อยคุยกันทีหลัง”เขาบอกก่อนเธอก่อนจะเดินไปยังห้องครัว“แล้วจะต้องให้ฉันเชิญด้วยใช่ไหม” เขาหันมาถามหญิงสาวเมื่อเห็นว่าเธอยังยืนอยู่ที่เดิมกีรติกาถอนหายใจก่อนจะเดินตามเขาเข้าไปในห้องครัวเมื่อป้าภรณ์ตักข้าวให้กับทั้งสองแล้วก็เดินหายไปจากห้องครัวทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารค่อนข้างจะอึดอัด เธออยากจะถาม
กีรติกาเดินเล่นอยู่ไม่นานก็กลับขึ้นมาบนบ้านเพราะรู้สึกว่าไม่อิสระเลยที่มีคนคอยเดินตามตลอด หญิงสาวกลับขึ้นมาด้านบนบ้านและเข้าไปในห้องจากนั้นอาบน้ำก่อนจะหยิบชุดที่อยู่ในตู้มาสวมเธอต้องแปลกใจมากๆ เพราะนอกจากจะมีชุดที่เธอนำกลับมาจากอังกฤษแล้วในนั้นยังมีชุดผู้หญิงอยู่อีกหลายชุด แต่เธอก็เลือกที่จะหยิบชุดของตัวเองมาสวมก่อนจะเดินออกมาจากห้องและนั่งดูทีวีบริเวณห้องรับแขกเพื่อฆ่าเวลา ปกติแล้วหญิงสาวไม่ค่อยดูทีวีเท่าไหร่เวลาส่วนใหญ่มักจะหมดไปกับการเล่นโทรศัพท์มือถือมากกว่า แต่เมื่อไม่มีโทรศัพท์มือถือความบันเทิงที่เธอจะหาได้ในตอนนี้ก็คือการดูทีวีนั่นเอง“เย็นนี้คุณกรีนอยากกินอะไรคะ เดี๋ยวป้าจะทำให้”“กินอาหารเดิมก็ได้ค่ะป้าภรณ์ป้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”“ไม่เหนื่อยอะไรเลยป้ามีหน้าที่ดูแลคุณกรีนอยู่แล้ว”“ป้าคะแล้วเมื่อไหร่เจ้านายป้าจะมาเปิดสักทีล่ะคะ กรีนเบื่อที่จะต้องอยู่เฉยๆ แบบนี้แล้วนะคะ”“เดี๋ยวก็คงมาค่ะ”“กรีนเห็นมีเสื้อผ้า ผู้หญิงอยู่ในตู้เยอะเลยของใครเหรอคะ”“ก็ของคุณกรีนนั่นแหละค่ะเจ้านายเขาเตรียมไว้ให้”“ทำไมเขาจะต้องเตรียมเสื้อผ้าพวกนั้นไว้ให้กรีนด้วย”“อันนี้ป้าก็ไม่รู้เหมือนกันนะ คุณกร
กีรติกาเห็นว่าไม่มีทางที่ตัวเองจะเดินผ่านชายฉกรรจ์ตัวโตไปได้หญิงสาวจึงกลับขึ้นมานั่งหน้าบูดอยู่บนบ้านอีกครั้ง “คุณคะป้าทำกับข้าวไว้หลายอย่างเลยคุณไปกินหน่อยดีไหม คุณไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วเดี๋ยวจะปวดท้องเอานะคะ”“ป้าคะป้าบอกหน่อยได้ไหมว่าที่นี่มันคือที่ไหน”“ป้าก็อยากจะบอกคุณนะคะแต่ป้าพูดไม่ได้จริงๆ”“ไม่มีใครบอกอะไรได้เลยเหรอคะ”“คุณกรีนอย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลยค่ะกินข้าวก่อนนะคะ”“ป้ารู้ชื่อกรีนได้ยังไงคะ”“ป้าก็ต้องรู้ข้อมูลของเจ้านายทุกคนค่ะ”“แต่กรีนไม่ใช่เจ้านายของป้านะคะ”“ถึงไม่ใช่เจ้านายแต่คุณก็เป็นคนของเจ้านาย เอาเถอะค่ะอย่าเพิ่งเสียเวลาพูดเลยไปกินข้าวดีกว่านะคะ”“ก็ได้ค่ะ” เพราะไม่ได้ทานอะไรมาหลายชั่วโมงกีรติกาก็เริ่มจะหิวขึ้นมาหญิงสาวเดินตามป้าภรณ์ไปยังห้องครัวก่อนจะนั่งลง“ป้าไม่รู้ว่าคุณกรีนชอบกินอะไรบ้างก็เลยทำอาหารที่ไม่เผ็ดมากเท่าไหร่”“น่ากินทั้งนั้นเลยค่ะ” หญิงสาวมองหมูทอดกระเทียมพริกไทยผัดผักรวมมิตรแล้วก็ต้มยำกุ้งที่อยู่ตรงหน้าแล้วกลืนน้ำลายลงคออาหารไทยแบบนี้เธอไม่ได้ทานมานานแล้ว“พอจะทานได้ไหมคะ”“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะว่าแต่ป้าชื่ออะไรคะกรีนจะได้เรียกถูก”“ป้า
กีรติกาเดินทางกลับเมืองไทยก่อนกำหนดเกือบหนึ่งเดือนเพราะหญิงสาวรู้สึกเกรงใจคุณสุธีถ้าหากจะอยู่ต่อที่ประเทศอังกฤษอีกหนึ่งเดือนโดยไม่ทำอะไรเลย แต่เธอก็ไม่ได้แจ้งทางบ้านไว้ว่าจะเดินทางกลับวันนี้เพราะไม่อยากรบกวนให้ใครต้องมารับที่สนามบินครั้งสุดท้ายที่หญิงสาวกลับมาเมืองไทยก็ตั้งแต่งานศพของบิดาเมื่อสองปีก่อนจากนั้นเธอก็ไม่มีโอกาสได้กลับเมืองไทยอีกเลย ตอนนี้กีรติกาเหลือที่ซุกหัวนอนเพียงที่เดียวก็คือคอนโดที่บิดาซื้อให้เป็นชื่อของตัวเธอเองหญิงสาวคิดว่ากลับมาเมืองไทยครั้งนี้เธอจะไปพักอยู่ที่นั่นก่อน เพราะถ้าหากกลับไปที่บ้านของคุณท่านตอนนี้ก็กลัวว่าจะถูกจับให้แต่งงานกับกิตติเดชเร็วขึ้น กีรติกาไม่ได้สนิทสนมหรือคุ้นเคยกับคู่หมั้นคนนี้เลยทุกอย่างเป็นไปตามที่บิดาของเธอและบิดาของกิตติเดชเป็นคนจัดการทั้งหมดการจากไปอย่างกะทันหันของบิดาทำให้กีรติการู้สึกเคว้งคว้าง และไร้ที่พึ่งเมื่อคุณท่านยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือหญิงสาวก็ยอมรับด้วยความเต็มใจเธอไม่เหลือทรัพย์สินอะไรอีกแล้วนอกจากคอนโดมิเนียมห้องเล็กห้องหนึ่งเมื่อลงจากเครื่องหญิงสาวก็ต้องแปลกใจเมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งเดินตรงมาหาเธอ“สวัสดีครับคุณกรีนผมชื่อชา
สนามบินฮีทโธรว์ประเทศอังกฤษ“ณัฐชาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมกรีนจะต้องรีบกลับประเทศไทยด้วยล่ะ ทำไมไม่อยู่เที่ยวด้วยกันก่อน”“ก็ตอนนี้กรีนเรียนจบแล้วก็อยากจะรีบกลับไปช่วยงานคุณท่านที่เมืองไทย”“แต่กรีนเรียนจบก่อนเวลาตั้งหนึ่งเดือนนะถ้าไม่บอกคุณท่านคุณท่านก็ไม่รู้หรอกว่าเรียนจบแล้ว”“กรีนไม่อยากโกหกคุณท่านนะ แค่คุณท่านส่งให้เรียนต่อจนจบแบบนี้ก็รู้สึกเกรงใจมากๆ แล้ว”กรีนหรือกีรติกาพูดกับณัฐชาเพื่อนสนิทที่มาเรียนออกแบบเครื่องประดับด้วยกันที่ประเทศอังกฤษนานถึงสี่ปีตอนนี้หญิงสาวเรียนจบและกำลังจะกลับไปทำงานกับคุณท่านหรือคุณสุธีเพื่อนของบิดาที่ส่งเธอเรียนหลังจากบิดาของเธอเสียชีวิตไปแล้ว“กรีนจะกลับไปทำงานที่บริษัทของคุณท่านเลยใช่ไหม”“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละคุณท่านส่งให้กรีนเรียนพอเรียนจบก็ต้องกลับไปช่วยงานบริษัท”เมื่อพูดถึงบริษัทหญิงสาวก็มีสีหน้าสลดลงเล็กน้อยเพราะบริษัทที่เธอพูดถึงนั้นครึ่งหนึ่งเคยเป็นของบิดาแต่เมื่อเธอมาเรียนต่อที่อังกฤษบิดาของเธอก็ติดการพนันอย่างหนักจนเป็นหนี้เขาไปทั่วคุณสุธีเลยขอซื้อหุ้นทั้งหมดเพื่อแลกกับเงินให้บิดาของเธอเอาเงินไปใช้หนี้แต่มันก็ยังไม่พอ บ้านที่เธอเคยอยู่ตั