บทที่ 54/2 อย่าทำให้ข้าโมโห จากนั้นก็ลงมือทุบตีจิกข่วน จนใบหน้าของวั่งเฉาบวมเป่งกลายเป็นหัวหมู ผ่านไปครู่หนึ่งโส่วจินจึงลากร่างอันบอบช้ำของ ของเล่นชิ้นใหม่ เอ้ย นักโทษคนใหม่ ไปแยกขังไว้ในห้องข้างๆ ช่วงสายของวันรุ่งขึ้น หวังเหลียงเดินกระสับกระส่าย วนไปวนมาอยู่หน้าจวนแม่ทัพปราบทักษิณ มารดาของเขากับจูหมัวมัวออกมาพบต้าอ๋องตั้งแต่เมื่อวานช่วงบ่าย จนถึงบัดนี้ทั้งคู่ยังไม่กลับจวน ทหารที่เฝ้าประตูกลับออกมาพร้อมพ่อบ้าน กล่าวว่าฮูหยินผู้เฒ่าและจูหมัวมัว ออกไปจากที่นี่ตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวานแล้ว ซึ่งถือเป็นความจริงไม่ได้โกหกเลยสักนิดเดียว หญิงชราถูกส่งไปหอโอสถเยว่เสียง ส่วนร่างไร้วิญญาณของจูหมัวมัวถูกพาไปทิ้งยังป่าอสูรในเวลาเดียวกัน ส่วนคนขับรถม้าอย่างฝานจื่อหรือหม่าฝาน ก็กลับมายังคฤหาสน์ตามคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่า นางบอกให้เขากลับมารอรับหวังเหลียงตอนเลิกงานเหมือนทุกวัน นางกับจูหมัวมัวจะหารถม้ากลับคฤหาสน์เอง เพราะต้องใช้เวลาในการสนทนากับต้าอ๋องค่อนข้างนาน หวังเหลียงเดินกลับขึ้นรถม้า ในอกเต็มด้วยความวิตกกังวล มารดาของเขาหายตัวไป หลังมาขอพบต้าอ๋อง เรื่องนี้ดูอย่างไรก็ไม่ปกติ อยากจะถามไถ่มาก
บทที่ 1 ขอพรกับดาวตก ณ แดนเทพอันศักดิ์สิทธิ์ มหาเทพหวงหลงนั่งหรี่ตาเล็งศิลาเทวะธาตุหลายลูกในกล่องด้วยสีหน้าคร่ำเครียด ครุ่นคิดว่าจะหยิบศิลาลูกไหนขึ้นมาดีดใส่ศิลาของอีกฝ่ายเพื่อทำแต้มตีเสมอ คู่ต่อสู้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามมีใบหน้างดงามราวอิสตรี เอนกายอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน พิงหมอนอิงใบใหญ่บนตั่ง อากัปกิริยาค่อนไปทางเกียจคร้าน มือขาวหมุนจอกสุราดอกท้อหยกพันปี ส่งกลิ่นหอมกรุ่นละมุนไปทั่วสวนลอยฟ้า ณ ตำหนักของมหาเทพหวงหลง ริมฝีปากหยักสีลูกท้อสุกเหยียดยิ้มยียวน เอื้อนเอ่ยเย้ยหยันฝีมือดีดลูกแก้วของสหายรัก "ท่านจะเลือกศิลาอีกนานเท่าใด หวงหลง ข้ารอจนรากจะงอกอยู่แล้ว สู้ไม่ได้ก็ยอมแพ้เสียเถิด ดันทุรังไปก็เปล่าประโยชน์" "เฮอะ! สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร ชิงหลง รอบนี้ข้าไม่แพ้เจ้าแน่!" มหาเทพหวงหลงแค่นเสียง ใบหน้าหล่อเหลาราวหยกสลักดูยุ่งเหยิง ตัดสินใจหยิบก้อนศิลา ซึ่งกำลังเปล่งแสงเรืองรองสีขาวสลับดำออกมาจากกลางกล่องถือไว้ในมือ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดพรายที่มุมปาก "เพ้ย! แบบนี้ขี้โกงกันนี่หวงหลง! ท่านจะเอาศิลาเทวะธาตุลูกนั้นออกมาใช้ไม่ได้นะ!" เสียงคัดค้านของมหาเทพชิงหลงดังขึ้นทันที หล
บทเสริมมหาพิภพทงเทียนเหอ ประกอบไปด้วยสี่อาณาจักรทิศเหนือ อาณาจักรอู๋ซางทิศใต้ อาณาจักรหวงซาทิศตะวันออก อาณาจักรตงหลงทิศตะวันตก อาณาจักรเว่ยเสินพลังธาตุในมหาพิภพทงเทียนเหอชนิดพลังธาตุและสีของไฟธาตุต้นกำเนิด (ที่เรียกว่าไฟธาตุ เพราะดูเก๋ตามจินตนาการของนักเขียนค่ะ หากฟังดูไม่เข้าท่าในความคิดของนักอ่านบางท่าน ก็อย่าเก็บมาคิดมากนะคะเน้นจินตนาการและความบันเทิงค่ะ)พลังธาตุปกติดิน ปฐพีธาตุ ไฟธาตุสีน้ำตาลน้ำ วารีธาตุ ไฟธาตุสีขาวใสลม วาโยธาตุ ไฟธาตุสีขาวแกมเขียวอ่อนไฟ อัคคีธาตุ ไฟธาตุสีส้มแดงไม้ พฤกษาธาตุ ไฟธาตุสีเขียวเข้มพลังธาตุพิเศษ แบ่งเป็นสายฟ้า อัสนีธาตุ ไฟธาตุสีเงินน้ำแข็ง หรือ หิมะ เหมันต์ธาตุ ไฟธาตุสีฟ้าพลังธาตุพิเศษหายาก หรือ มหาธาตุหยินหยางธาตุแสง ไฟธาตุสีทอง เรียกอีกชื่อว่า อัคคีหิรัณย์ธาตุมืด ไฟธาตุสีดำ เรียกอีกชื่อว่า อัคคีนิลกาฬอาณาจักรอู๋ซางราชวงศ์หวงฝู่ ปกครองโดยเผ่ามนุษย์สี่สำนักใหญ่สำนักเพลิงจักรพรรดิสำนักหงสาจันทราสำนักกระบี่สวรรค์สำนักอัสนีเทพสองตำหนักใหญ่ในอาณาจักรอู๋ซาง มีราชวงศ์ปกครองตนเอง ได้แก่ตำหนักเทวาอนธการ ปกครองโดยเผ่ามนุษย์สายเลือดมารส
บทที่ 2 พลังที่ตื่นขึ้น แสงทองของวันใหม่ทาบทับขอบฟ้า เสียงสกุณาขับขานบทเพลงแห่งชีวิต สายลมอุ่นยามเช้าโลมเลียผิวอ่อนของเด็กหญิงตัวน้อยบนกองฟาง เปลือกตาของร่างเล็กพลันเคลื่อนไหว "คิกๆๆ จั๊กจี้ เช้าแล้วเหรอ นี่ข้ายังไม่ตายเหรอ?!" หวังลี่ถิงปรือตาตื่น ผมเผ้ายุ่งเหยิงมีฟางติดผมหลายเส้น ดวงตาดอกท้อกลอกไปมาแลดูสับสน "ก็เช้าแล้วน่ะสิ ถิงเอ๋อร์ ไยเจ้าถึงมาหลับอยู่ตรงนี้กัน แล้วที่บอกว่ายังไม่ตายอีก แปลกจริงเขียว ว่าแต่เจ้าไปทำอะไรมาถึงได้สกปรกเหม็นหึ่งขนาดนี้" นกกระเต็นสีฟ้าสดใสใช้ปากของมันเขี่ยใบหูของเด็กหญิง ส่งเสียงเจื้อยแจ้วทักทายอยู่ข้างหูเล็ก นี่คือความพิเศษของหวังลี่ถิง ซึ่งมีเพียงแม่นมและสาวใช้คนสนิทเท่านั้นที่รู้ แม้ว่านางจะไม่มีพลังธาตุ ทว่ากลับสามารถสื่อสารกับสัตว์ได้ทุกชนิด ยกเว้นจำพวกแมลง… "อรุณสวัสดิ์ เสี่ยวหลาน!" เด็กหญิงเอ่ยทักทายนกน้อยเสียงใส ก้มหน้าสำรวจคราบสีดำส่งกลิ่นคละคลุ้งบนร่างกาย "เห คราบสีดำพวกนี้มาได้อย่างไรเนี่ย เหม็นชะมัด" หรือว่านางนอนละเมอไปเล่นกับหมูอสูรในเล้ามากันนะ ร่างเล็กรีบไถลลงจากกองฟาง วิ่งตรงไปยังบ้านของตนเพื่อชำระร่างกาย "ข้ารีบกลับบ้านไ
บทที่ 3 /1 มหาธาตุหยินหยาง เสียงเจื้อยแจ้วของเสี่ยวหลานช่วยเรียกสติหวังลี่ถิงให้กลับมา ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ จ้องมองไฟธาตุสีทองและสีดำที่เพิ่งเรียกขึ้นมาในมือด้วยแววตาใคร่รู้ จนแทบมองเห็นเครื่องหมายคำถามผุดขึ้นเหนือศีรษะเล็กๆ ของนาง "เสี่ยวหลาน ท่านปู่นกฮูกได้บอกหรือไม่ ว่าไฟธาตุพิเศษมีสีอะไรบ้าง ธาตุปกติข้าพอรู้ ธาตุพิเศษอย่างสายฟ้ากับน้ำแข็งก็เคยได้ยินมาบ้าง แต่ธาตุแสงกับธาตุมืดนี่สิ ข้าไม่เคยพบเห็นมาก่อน" นกกระเต็นที่ดื่มน้ำจนหายคอแห้ง รีบยืดอกของตนก่อนเอ่ยตอบเด็กหญิง ด้วยท่าทางคล้ายผู้คงแก่เรียน "อ่ะ แฮ่ม นี่ใคร นี่เสี่ยวหลานนะ เรื่องรอบคอบขอให้บอกนกกระเต็นแสนสวยอย่างข้า ไฟธาตุต้นกำเนิดในมือของถิงเอ๋อร์ก็คือธาตุแสงและธาตุมืดอย่างไรล่ะ เห็นชัดออกขนาดนี้ แต่ไม่ต้องห่วงนะ ข้าไม่ได้บอกเรื่องของเจ้ากับท่านปู่นกฮูกหรือใครๆทั้งสิ้น" "ธาตุแสงและธาตุมืดอย่างนั้นหรือ?" หวังลี่พึมพำเสียงแผ่วก่อนที่… "ว้ายยย ถิงเอ๋อร์เจ้าเป็นอะไรไป! จวี๋จื่อช่วยที" เสี่ยวหลานร้องเสียงหลง ยามเห็นสหายมนุษย์ตัวน้อยของมันลมจับหงายท้องตึง ลงไปกองอยู่บนตั่งจากอารามตกใจเรื่องธาตุสุดพิเศษของตน แมวส้มหน้า
บทที่ 3/2 มหาธาตุหยินหยาง "โอ้ นี่มันธาตุลมเหมือนกับของฮูหยินเลยเจ้าค่ะ" ดวงตาสองคู่จดจ้องลมหมุนสีเขียวอ่อนบนฝ่ามือเล็กอย่างยินดี พวกนางดีใจที่หวังลี่ถิงมีธาตุลมเหมือนมารดา หาใช่ธาตุไฟเหมือนบุรษใจดำผู้นั้น! หวังลี่ถิงเก็บพลังของตน ก่อนขอให้แม่นมและสาวใช้ตามนางเข้าไปห้องนอน เอ่ยขอให้ทั้งสองนั่งลงบนตั่ง พลางหันไปพูดกับนกกระเต็น "เสี่ยวหลาน ช่วยดูให้ถิงเอ๋อร์ทีว่ามีใครอยู่แถวหน้าบ้านหรือด้านหลังหรือเปล่า" "ได้เลย" นกกระเต็นผละออกไปตามคำขอ ครู่หนึ่งจึงบินกลับมาหาเด็กหญิง ยามได้รับคำตอบว่ารอบบ้านปลอดคน หวังลี่ถิงจึงหันมาหาแม่นมและสาวใช้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ที่มองอย่างไรก็น่าเอ็นดูที่สุดในสายตาของผู้ใหญ่ทั้งสอง "แม่นมเจ้าคะ พี่ชุนอิ่งเจ้าคะ สิ่งที่ถิงเอ๋อร์กำลังจะบอก เป็นเรื่องสำคัญมากเจ้าค่ะ และถิงเอ๋อร์ก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดี แต่ก่อนอื่น ถิงเอ๋อร์อยากให้พวกท่านสัญญาก่อนเจ้าค่ะว่าจะไม่ตกใจ" แม่นมชุนหงหันมาสบตากับหลานสาว คล้ายกำลังสื่อสารว่าวันนี้คุณหนูดูมีลับลมคมนัยแปลกๆ ทั้งสองพยักหน้าให้กัน ก่อนหันมาตอบรับคำของเจ้านายตัวน้อยอย่างพร้อมเพรียง "พวกเราสัญญาว่าจะไม่ตกใจเจ้า
บทที่ 4/1 รวี่เยว่ "คุณหนูคิดถึงท่านเสนาธิการมากเลยหรือเจ้าคะ" เสียงของแม่นมชุนราบเรียบทว่าแฝงความขุ่นมัวอยู่ในนั้น หวังลี่ถิงเป็นเด็กไวต่อความรู้สึกและอ่อนไหว นางจึงจับสังเกตได้จากน้ำเสียงของแม่นม ริมฝีปากจิ้มลิ้มเม้มเข้ากันจนเป็นเส้นตรง ก้มหน้าลงเล็กน้อย หลังจากผ่านไปราวสามอึดใจจึงตัดสินใจเอ่ยปากออกมา "ถิงเอ๋อร์คิดถึงท่านพ่อเจ้าค่ะแม่นม แต่ทำไมแม่นมถึงดูไม่ค่อยพอใจหรือเจ้าคะ ท่านพ่อ…ทำอะไรผิดหรือเจ้าคะ" ชุนอิ่งหันไปสบตาท่านป้าของนาง ส่ายศีรษะเล็กน้อยอย่างไม่เห็นด้วย คุณหนูยังเด็กเกินไปที่จะมารับรู้เรื่องราวน่าอดสูที่กำลังเผชิญ "ช้าเร็วก็ต้องบอกอยู่ดี ไม่บอกวันนี้จะรอให้ข้าบอกวันไหนอาอิ่ง" ท่าทีของแม่นมชุนดูเคร่งเครียด ปฏิเสธความเห็นของหลานสาว จริงอยู่ที่หวังลี่ถิงยังเด็ก ทว่ากลับฉลาดหลักแหลมและรู้ความไม่น้อยไปกว่าผู้ใหญ่ นางมีค่าเกินกว่าจะมีบุรุษไร้ใจเห็นแก่ตัวอย่างหวังเหลียงเป็นบิดา หากเขาทราบว่าบัดนี้บุตรสาวพลังธาตุตื่นขึ้นแล้ว ทั้งยังเป็นมหาธาตุหยินหยาง คงไม่แคล้วจะมาพาตัวกลับไปและฉกฉวยหาผลประโยชน์จากนางเป็นแน่ "คุณหนูรอสักครู่นะเจ้าคะ เดี๋ยวแม่นมกลับมา" ร่างท้วมขอ
บทที่ 4 รวี่เยว่ /2 "ด่าได้ดีจวี๋จื่อ!" เสี่ยวหลานถูหัวของมันกับแก้มของแมวสาว แม่นมชุนยกยิ้ม ชื่นชมคุณหนูของตนว่าสมแล้วที่เป็นบุตรีของนักรบผู้หาญกล้า สายเลือดของเยว่หนิงลี่เข้มข้นกว่าสายเลือดคนตระกูลหวังโดยแท้จริง นางชอบใจตรงที่คุณหนูใช้คำว่า ข้าอนุญาต!!! สาแก่ใจยิ่งนัก นางเลยเขียนตัวหนังสือของคำนั้นใหญ่กว่าตัวหนังสืออื่นๆในสาร เมื่อเขียนสารจบพวกนางจึงนั่งรถม้าเข้าไปในเมืองเพื่อส่งสารไปยังเมืองหลวง ระหว่างทางได้เห็นประกาศของสำนักบำเพ็ญติดไว้ที่จตุรัสกลางเมือง - ในอีกสามเดือนตัวแทนของสี่สำนักใหญ่จะมาดูการทดสอบนักเรียนของสำนักกระบี่จันทรา หรือผู้ที่ประสงค์จะเข้าร่วมการทดสอบ อายุต้องไม่เกินสิบสองหนาว หากเด็กคนใดสนใจ สามารถลงชื่อสมัครได้ที่สำนักกระบี่จันทราโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ดวงตาของหวังลี่ถิงสว่างวาบนางหันไปหาแม่นมกับสาวใช้ เอ่ยปากบอกความประสงค์ของตนออกมาอย่างไม่ลังเล "ข้าต้องเข้าร่วมการทดสอบนี้เจ้าค่ะ ช่วยพาข้าไปลงชื่อสมัครทีนะเจ้าคะ" สำนักกระบี่จันทราเป็นสำนักมีชื่อเสียงประจำเมืองลวี่เฟิง ซึ่งถือเป็นเมืองใหญ่ของทิศอีสาน ในทุกๆปีจะจัดงานประลองขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้ศิษย์ของสำนัก
บทที่ 54/2 อย่าทำให้ข้าโมโห จากนั้นก็ลงมือทุบตีจิกข่วน จนใบหน้าของวั่งเฉาบวมเป่งกลายเป็นหัวหมู ผ่านไปครู่หนึ่งโส่วจินจึงลากร่างอันบอบช้ำของ ของเล่นชิ้นใหม่ เอ้ย นักโทษคนใหม่ ไปแยกขังไว้ในห้องข้างๆ ช่วงสายของวันรุ่งขึ้น หวังเหลียงเดินกระสับกระส่าย วนไปวนมาอยู่หน้าจวนแม่ทัพปราบทักษิณ มารดาของเขากับจูหมัวมัวออกมาพบต้าอ๋องตั้งแต่เมื่อวานช่วงบ่าย จนถึงบัดนี้ทั้งคู่ยังไม่กลับจวน ทหารที่เฝ้าประตูกลับออกมาพร้อมพ่อบ้าน กล่าวว่าฮูหยินผู้เฒ่าและจูหมัวมัว ออกไปจากที่นี่ตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวานแล้ว ซึ่งถือเป็นความจริงไม่ได้โกหกเลยสักนิดเดียว หญิงชราถูกส่งไปหอโอสถเยว่เสียง ส่วนร่างไร้วิญญาณของจูหมัวมัวถูกพาไปทิ้งยังป่าอสูรในเวลาเดียวกัน ส่วนคนขับรถม้าอย่างฝานจื่อหรือหม่าฝาน ก็กลับมายังคฤหาสน์ตามคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่า นางบอกให้เขากลับมารอรับหวังเหลียงตอนเลิกงานเหมือนทุกวัน นางกับจูหมัวมัวจะหารถม้ากลับคฤหาสน์เอง เพราะต้องใช้เวลาในการสนทนากับต้าอ๋องค่อนข้างนาน หวังเหลียงเดินกลับขึ้นรถม้า ในอกเต็มด้วยความวิตกกังวล มารดาของเขาหายตัวไป หลังมาขอพบต้าอ๋อง เรื่องนี้ดูอย่างไรก็ไม่ปกติ อยากจะถามไถ่มาก
บทที่ 54 อย่าทำให้ข้าโมโห วั่งเฉาละล่ำละลักเอ่ยวาจา เตรียมปลดปล่อยพลังธาตุ…ทว่ากลับไร้ปฏิกิริยาใดๆ พลังธาตุวารีระดับเจี๋ยตันขั้นสมบูรณ์ปลายยอดระดับคอขวด ถูกกดข่มไว้ด้วยพลังอันแข็งแกร่งบางอย่าง ชายวัยกลางคนตื่นตระหนกจนแทบจิตหลุด มองหญิงสาวราวเห็นภูตผี ใบหน้าของเขาซีดขาวมิต่างจากกระดาษ ในแววตาเต็มไปด้วยความสับสนระคนหวาดกลัว ในมหาพิภพทงเทียนเหอ สิ่งที่สามารถกดข่มพลังธาตุของนักพรตคนอื่นๆได้ในบัดดล มีเพียงสองประการ ประการแรกคือ เขตแดนแห่งแสงพิสุทธิ์ของผู้ครอบครองธาตุแสงระดับหยวนอิงขึ้นไป และประการที่สอง พลังที่อยู่เหนือมวลมนุษย์ทั้งปวง ทวยเทพ! ถึงแม้หญิงสาวเบื้องหน้าจะมีตบะระดับหยวนอิง หากแต่นางหาใช่เผ่ามนุษย์สายเลือดสัตว์เทพเหมือนเช่นเชื้อพระวงศ์ของตำหนักเทพอนันต์ จะมีเขตแดนแห่งแสงพิสุทธิ์ได้อย่างไร เรื่องที่นางมีธาตุมืดนั่นก็น่าเหลือเชื่อจนทำให้เขาประหลาดใจมากพอแล้ว “เจ้าเป็นใครกันแน่! เจ้าไม่ใช่หวังลี่ถิง แต่เป็นตัวปลอมใช่หรือไม่!” วั่งเฉาตกอยู่ในความหวาดผวาโพล่งวาจาออกมาขณะก้าวถอยหลัง “ถามมากเสียจริง หนวกหู” เสียงหวานดังขึ้นคล้ายรำคาญก่อนที่จะ… ครืนนน!! ปึ้ก!! แร
บทที่ 53/2 ช่วงเวลาแห่งความสนุก กระต่ายน้อยพองขนขู่ฟ่ออีกรอบ หันมาแหวใส่อีกฝ่ายทันควัน กล่าวว่าตนไม่ใช่เด็กน้อยเสียหน่อย ปีหน้าก็จะปักปิ่นแล้ว ถึงเวลานั้นจะกลับมาท้าเขาแข่งดื่มสุรา ใครแพ้ต้องยอมเรียกอีกฝ่ายว่า ลูกพี่ “ตกลง แล้วข้าจะรอแข่งร่ำสุรากับเจ้า! เตรียมล้างคอไว้ได้เลยอวี้เหวินอิงเอ๋อร์” “ท่านต่างหากที่ต้องเตรียมล้างคอไว้รอ หวงฝู่ฮ่าวอวี่” หลังจากปะทะคารมกันจบ ก็กลับมานั่งกินข้าวกันต่อ ทั้งคู่วางความแค้นลงชั่วคราว แต่กลับมาประลองฝีมือด้วยการแย่งชิงอาหารกันบนโต๊ะแทน รวี่เยว่ถึงกับส่ายหน้าให้กับความซุกซนของทั้งคู่ คืนนั้นองค์ชายใหญ่เสด็จกลับวังด้วยอารมณ์เบิกบานใจอย่างถึงที่สุด เขาไม่ได้สนุกเช่นนี้มานานแล้ว กงกงประจำตำหนักรีบไปรายงานจ้าวกุ้ยเฟยเป็นการเร่งด่วน องค์ชายใหญ่อารมณ์ดีเป็นพิเศษ ทางด้านรวี่เยว่หลังจากส่งกระต่ายน้อยพุงโตถึงเรือน นางก็แวะไปดูสภาพของเล่นใหม่ที่ต้าอ๋องส่งมาให้ตามคำขอ ภายในคุกใต้ดินเวลานี้ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง บนร่างกายของฮูหยินผู้เฒ่าเต็มไปด้วยรอยตะปบ จากกรงเล็บของเสี่ยวเฮยมาว หญิงชรานั่งขดตัวกลม ยกมือปิดหน้าร้องไห้คร่ำครวญขอชีวิตปานขาดใจ ทว่าเสียงที่เ
บทที่ 53 ช่วงเวลาแห่งความสนุก นอกจากซื้อขนมให้อวี้เหวินอิงเอ๋อร์แล้ว หวงฝู่ฮ่าวอวี่ยังพากระต่ายน้อยจอมซนคู่กัด และรวี่เยว่ไปเลี้ยงอาหารเย็น ณ ภัตตาคารอาหารทะเลชื่อดังของเมืองหลวง ภายในห้องอาหารส่วนตัวอันหรูหรา องค์หญิงห้าของตำหนักเทวาอนธการ สั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ กระทั่งหลงจู๊ที่มาคอยดูแล ยังแอบสงสัยว่า หญิงสาวร่างเล็กหน้าตาพริ้มเพรา จะกินทุกอย่างเข้าไปหมดจริงๆ หรือ! สายตาของอวี้เหวินอิงเอ๋อร์ ผู้ไม่เคยเห็นและชิมรสชาติอาหารทะเลมาก่อน บัดนี้ทอประกายวาวโรจน์ด้วยความตื่นตาตื่นใจ เมื่อได้เห็นอาหารทะเลที่ถูกจัดวางอยู่บนโต๊ะ ทุกจานล้วนมีความงดงามและมีกลิ่นหอมอันชวนให้หลงใหล อาหารทะเลทั้งหมดสิบสองจาน หน้าตาสีสันและรูปร่างงดงามต่างกันไป ทุกจานล้วนถูกปรุงแต่งอย่างประณีต ไม่ว่าจะเป็นหอยนางรมสด ที่ยังคงมีละอองน้ำทะเลอยู่ กุ้งตัวโตแกะเปลือกถูกปรุงรสด้วยเครื่องเทศหอมกรุ่น ปูม้าตัวใหญ่เนื้อแน่นราวกับเพิ่งขึ้นมาจากท้องทะเล ปลาทอดกรอบราดน้ำปรุงรสสีแดงส่งกลิ่นหอมหวานเจือความเผ็ด และอาหารทะเลจานอื่นๆอีกหลายอย่าง องค์หญิงน้อยนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ด้วยความไม่คุ้นเคยกับอาหารทะเลแสนหลากหลายนี้ จึ
บทที่ 52/2 การเจรจา และเป็นอีกครั้งที่หวงฝู่ฮุ่ยหมิ่นชะงักค้าง หากรวี่เยว่คือนางหงส์ในคำทำนายของหอพยากรณ์จริง เช่นนั้นเขาควรทำเช่นไร บุรุษตรงหน้าคือผู้มีพระคุณของเขา หลายปีที่ผ่านมาก็ไม่เคยเรียกร้องสิ่งใดตอบแทนสักครั้ง ยิ่งคิดยิ่งลำบากใจ โอรสสวรรค์ถอนหายใจแผ่วเบา เอ่ยถามอีกฝ่ายถึงเรื่องคำพยากรณ์เมื่อสิบกว่าปีก่อน ชายหนุ่มตอบกลับมาว่าเขาทราบเรื่องนี้ และเอ่ยถามผู้ปกครองอาณาจักรอู๋ซางกลับไปว่า “ท่านไม่มีความสามารถพอที่จะปกป้องอาณาจักรด้วยมือตนเองอย่างนั้นหรือ หรือว่าต้องรอพึ่งพาผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง” ทำคนฟังสะอึกนิ่งอึ้งไปอีกรอบ… “องค์ไท่จื่อ จะเอ่ยคำใดก็ช่วยไว้หน้าข้าหน่อยเถอะ ดีนะที่ตรงนี้มีแค่ท่านกับข้าและท่านอี้หรง มิฉะนั้นข้าคงขายขี้หน้าแย่” “ข้าแค่พูดความจริง แต่ท่านไม่ต้องกังวลไป หากวันใดเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมา ข้าไม่ทอดทิ้งสหายของข้าแน่นอน ข้าสัญญา” คำสัญญาของฮั่วเฮ่อฉีช่วยให้คนฟังสบายใจไปเปราะหนึ่ง ถึงชายหนุ่มจะยโสโอหังไปบ้าง แต่กลับเป็นคนใจกว้างและรักษาสัจจะยิ่งชีพ หากตัวเขาคิดแย่งชิงรวี่เยว่มาให้บุตรชาย มีหวังได้โดนจอมอหังการตรงหน้า สังหารทิ้งด้วยมือเป็นแน่!…คนผู้น
บทที่ 52 /1 การเจรจา เมื่อได้ยินต้าอ๋องยืนกรานที่จะให้รวี่เยว่อยู่ฟังด้วย ฮูหยินผู้เฒ่าพลันบังเกิดความลังเล ดวงตากลอกไปมาพยายามครุ่นคิดหาทางรอด ด้วยเพราะตัวนางเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย ใครจะไปคาดฝันว่าเด็กคนนั้นจะดวงแข็งอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่ใช่แค่รอดพ้นจากพิษร้ายและการถูกล่าสังหาร! แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากตำหนักเทวาอนธการ กระทั่งกลายมาเป็นธิดาเทพอันสู่งส่ง อากัปกิริยาของหญิงชราล้วนอยู่ในสายตาของรวี่เยว่ มุมปากพลันยกขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ หันไปกล่าวกับต้าอ๋องว่าตนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระต้องไปจัดการ หากแต่ความจริงนางเองก็อยากพิสูจน์ความจริงใจของต้าอ๋อง ว่าจะลงโทษคนตระกูลหวังให้สาสมกับความผิด อย่างที่เพิ่งกล่าวกับนางก่อนหน้านี้จริงหรือไม่ ร่างอรชรสง่างามในอ้อมแขนอุ้มแมวสีเข้มมีปีกอยู่ สาวเท้ามาหยุดข้างกายหญิงชราที่ยืนตัวสั่น พลางปรายหางตามองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง เพียงแค่นั้นยังทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าดวงวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง “ทีนี้คงพูดธุระสำคัญได้แล้วกระมัง! “เสียงของต้าอ๋องดังขึ้น เขาอยากจับหญิงชราตรงหน้า มาทรมานให้สาสมกับความเลว หากแต่ถูกรวี่เยว่ขอไว้ด้วยวาจาไร้เสีย
บทที่ 51/2 คนร้ายตัวจริง ถึงแม้ตัวเลี่ยวโร่เป้ยจะโดดเด่นเปี่ยมด้วยพรสวรรค์อย่างไร แต่กลับไม่มีสิทธิ์นั่งบัลลังก์ของอาณาจักรหวงซา ด้วยว่ามีมารดาเป็นสตรีจากอาณาจักรอู๋ซาง รวมถึงเรื่องที่นางเป็นเพียงบุตรีจากอนุ เมื่อเป็นเช่นนั้น เลี่ยวเจิงเวยจึงหารือกับสือเซิน วางแผนช่วยเขาพิชิตอาณาจักรอู๋ซาง หากทำสำเร็จเลี่ยวเจิงเวยสัญญาเป็นมั่นเหมาะว่า จะแต่งตั้งเลี่ยวโร่เป้ยขึ้นเป็นผู้ปกครองอาณาจักรอู๋ซางคนต่อไป ภายใต้ร่มเงาของอาณาจักรหวงซา เรื่องนี้วั่งเฉาหาได้รับรู้ เขาเข้าใจว่า หากหวงฝู่ฮ่าวอวี่ได้นั่งบัลลังก์ต่อจากพระบิดา สำนักกระบี่สวรรค์จะสนับสนุนวั่งเตี้ยนเถียน ให้ได้รับตำแหน่งฮองเฮาอย่างเต็มที่…ทั้งที่ความจริงตนเป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่งของสือเซิน …อาณาจักรหวงซาซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของมหาพิภพทงเทียนเหอ มีสายแร่หลายชนิดเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของอาณาจักร ทว่าพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย และเต็มไปด้วยภูเขาหินจึงขาดแคลนพื้นทำการเกษตร หลายร้อยปีมานี้มักเข้าโจมตีเมืองติดชายแดนของอาณาจักรอู๋ซางอยู่เนืองๆ จุดประสงค์เพื่อแย่งชิงดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ในเขตนั้นมาเป็นของตน เพิ่งจะมีการทำสัญญาสงบศึกไปเม
บทที่ 51/1 คนร้ายตัวจริง จวนอัครมหาเสนาบดี ภายในโถงรับรองของเรือนส่วนตัว วั่งเฉาเข่าทรุดกระอักเลือด รับแรงกดดันหนักหน่วงจากบุรุษในชุดผ้าไหมสีเงินที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ภายในใจอัดแน่นไปด้วยความหวาดหวั่นค่อนไปทางหวาดกลัว หวนรำลึกถึงเรื่องเมื่อสิบกว่าปีก่อน ในวันที่บุรุษผู้นี้เดินทางมาหาเขา พร้อมยื่นข้อเสนออันแสนหอมหวานยั่วยวนเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน สิ่งที่เขาต้องลงมือทำคือการกำจัดเด็กหญิงซึ่งมีชะตาหงส์ตามคำทำนายของหอพยากรณ์ในปีนั้น เด็กผู้หญิงอายุห้าหนาว ที่เกิดกลางฤดูวสันต์หลายคนถูกกำจัด ไม่ก็ถูกทำให้ไร้ซึ่งพลังธาตุ หากแต่คาดไม่ถึงว่า หนึ่งในนั้นจะรอดพ้นการคุกคามทั้งหมดทั้งมวลมาได้! กระทั่งเติบใหญ่ขึ้นมาและกลายเป็นธิดาเทพแห่งตำหนักเทวาอนธการผู้สูงส่ง แม้แต่พยัคฆ์อนธการยังยอมรับนางเป็นคู่พันธะ! “อาจารย์ หากวั่งเฉาตายจะมีคนสงสัยได้นะขอรับ โปรดยั้งมือด้วยเถิด” เสียงทุ้มของชายหนุ่มรูปงามที่นั่งกอดกระบี่อยู่บนเก้าอี้ดังขึ้น แรงกดดันหายไปตามคำขอ วั่งเฉาหอบหายใจรีบโกยอากาศเข้าปอดหนักหน่วง นึกว่าตนจะแดดิ้นด้วยมือบุรุษตรงหน้าเสียแล้ว เพียงแค่แรงกดดันยังทำเขากระอักเลือดไปหลายคำจนแทบสิ้นสติ
บทที่ 50/2 ความหวาดหวั่นและยำเกรง บัดนี้ เด็กคนนั้นกลายเป็นธิดาเทพแห่งตำหนักเทวาอนธการอันยิ่งใหญ่ สูงส่งห่างไกลจนมิอาจเอื้อมถึง เขาเคยปรามาสนางว่าเป็นเพียงแค่ขยะไร้ประโยชน์ ทั้งที่ความจริงนางคืออัจฉริยะ จะมีสักกี่คนบนมหาพิภพทงเทียนเหอ ที่สามารถบรรลุระดับหยวนอิงตั้งแต่อายุสิบห้า!… เขาและมารดาทำลายวาสนาอันยิ่งใหญ่ที่สมควรเป็นของตนลงกับมือ! ช่างน่าแค้นใจนัก… แต่หากว่าเขาทวงสิทธิ์ความเป็นบิดาของนาง กลับคืนมาต่อหน้าธารกำนัลในเวลานี้ ไม่แน่ว่าครั้งนี้อาจได้ผล! ด้วยเพราะฮ่องเต้ทรง ให้ความสำคัญเรื่องความกตัญญู ต่อบุพการีและผู้มีพระคุณเป็นอย่างยิ่ง หวังเหลียงหยัดกายลุกขึ้นก้าวออกมาที่ขอบกั้นอัฒจันทร์ กำลังจะอ้าปากเปล่งเสียงเรียกชื่อบุตรี ทว่ากลับถูกพลังลึกลับอันแข็งแกร่ง กระแทกเข้าที่ลำคอจนจุกแน่นก่อนกระอักเลือดออกมา ครั้นเหลือบมองขึ้นไปด้านบน สายตาพลันประสบเข้ากับดวงตาสีเขียวมรกต ทรงอำนาจดุดันของพยัคฆ์อนธการ พร้อมถ้อยคำส่งผ่านพลังปราณดังกึกก้องในโสตประสาท “หากไม่อยากสลายเป็นจุณ ก็เลิกคิดตอแยกับรวี่เยว่ซะ เพราะข้าหาใช่ผู้มีจิตใจเมตตา จำใส่กระโหลกหนาๆ ของเจ้าเอาไว้ให้ดี!” ร่างอรช