บทที่ 14 คำยุยง /1
ในขณะที่รวี่เยว่กำลังเพลิดเพลิน กับการหารายได้เข้ากระเป๋าอยู่ที่ร้านเฟิ่งหนี่ว์ในเมืองเฉินเปี้ยน เฉียนเยียนหรานคู่แค้นของรวี่เยว่ ได้นำเรื่องที่นางลงจากตำหนักแล่นไปฟ้องท่านหญิงเมิ่ง เมิ่งเฟยหลิง หลานสาวขององค์ราชินี ซึ่งแอบมีใจให้อวี้เหวินเทียนหยามาหลายปีแล้ว เมิ่งเฟยหลิงเป็นหญิงงาม กิริยามารยาทอ่อนหวานน่าทะนุถนอม หากแต่มิอาจมัดใจบุรุษเย็นชาอย่างอวี้เหวินเทียนหยาได้เสียที “ท่านหญิงเจ้าคะ รวี่เยว่แอบลงไปจากภูผาอีกแล้วเจ้าค่ะ นางทำแบบนี้ทุกสามเดือน แต่ไม่เห็นว่าท่านอ๋องจะกล่าวตำหนิหรือลงโทษนางเลยสักครั้ง หากเป็นข้าหรือคนอื่นๆทำเช่นเดียวกัน คงโดนสั่งโบยหลังขาดไปแล้ว แบบนี้มันไม่ยุติธรรมนะเจ้าค่ะ ท่านหญิงเห็นด้วยกับข้าหรือไม่” ในดวงตาของเฉียนเยียนหรานเต็มไปด้วยความเกลียดชิงอย่างไม่คิดจะปิดบัง ภาพความทรงจำในวันแรกที่ได้พบคู่แค้นหวนกลับมาอีกครา …ห้าปีก่อน รวี่เยว่ในวัยเก้าหนาวแย้มรอยยิ้มอย่างยินดี เมื่อมองเห็นตำหนักเทวาอนธการตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ร่างเล็กก้าวเท้ามุ่งไปยังจุดหมาย ทว่าเมื่อเดินขึ้นมาได้ครึ่งทางก่อนถึงประตูใหญ่ ชายหนุ่มชุดดำห้าคนซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นองครักษ์ ได้ปรากฏตัวขวางนางไวั “เด็กน้อยหลงทางมาหรือ” รวี่เยว่คิ้วกระตุก นางไม่ได้หลงทางเสียหน่อย กว่าจะหาทางขึ้นมาบนนี้ได้แทบรากเลือด! สัตว์อสูรในวงกตมายานั่น มีแต่ตัวระดับสี่ขึ้นไปทั้งนั้น! ดีที่มีหยกของชินอ๋องช่วยชี้ทาง มิเช่นนั้นนางคงหลงอยู่ในเขาวงกตนั่นจนแก่ตายแน่! “ข้าไม่ได้หลงมาเจ้าค่ะ ข้าตั้งใจมาที่นี่ ชินอ๋องอวี้เหวินเทียนหยาเป็นคนชวนข้ามาเอง” ชายหนุ่มทั้งห้ามองหน้ากันไปมา ชินอ๋องเป็นผู้เอ่ยชวนเด็กคนนี้มาอย่างนั้นรึ เป็นไปได้อย่างไร “เจ้ามีหลักฐานมายืนยันหรือไม่” “นี่เจ้าค่ะ” รวี่เยว่แสดงหยกสีดำที่ชินอ๋องมอบให้นางเป็นหลักฐาน ชายหนุ่มคนหนึ่งรับไปตรวจดู เมื่อเห็นว่าเป็นหยกของชินอ๋องจริงจึงเตรียมนำทาง ทว่าอุปสรรคของรวี่เยว่ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ เมื่อถึงประตูทางเข้าป้อมปราการ นางกลับถูกเด็กสาวอีกคน ที่เพิ่งกลับมาจากการล่าสัตว์ขี่กระบี่มาขวางทาง “หยุดก่อน! เด็กคนนี้เป็นใครมาจากไหน ไยพวกเจ้าถึงกล้าพานางขึ้นมาถึงบนนี้ ไม่กลัวถูกลงโทษหรืออย่างไร!” เด็กสาวกระแทกเสียงใส่องครักษ์ด้วยท่าทางอวดดี ชายหนุ่มทั้งห้าลอบถอนหายใจ เอ่ยทำความเคารพเด็กสาวตรงหน้าอย่างฝืนๆ “คุณหนูเฉียน เด็กคนนี้ชินอ๋องเป็นผู้เชิญมาขอรับ” “เด็กคนนี้ชินอ๋องเป็นผู้เชิญมา? ข้าว่าพวกเจ้าเฝ้าประตูกันนานเกินไป ถึงได้เสียสติไปแล้ว ชินอ๋องจะเชิญเด็กมนุษย์ ที่ไม่มีแม้กระทั่งสาวใช้ติดตามมายังตำหนักได้อย่างไร เพ้อเจ้อ! แล้วนั่นอะไร แมว นก? ฮ่ะๆๆ ข้าว่าเด็กคนนี้สติไม่สมประกอบ แล้วบังเอิญหลงทางขึ้นมามากกว่า” เฉียนเยียนหรานกล่าวกับองครักษ์ผู้มีหน้าที่เฝ้าประตูป้อมปราการอย่างไม่ไว้หน้า องครักษ์ทั้งห้าขมวดคิ้ว บุตรีของท่านแม่ทัพเฉียนกวางเอาแต่ใจและค่อนข้างที่จะ…ไร้สมอง หากพวกเขาดึงดันที่จะต่อปากต่อคำกับนาง อาจพาลเดือดร้อนเองเสียมากกว่า เด็กหญิงมนุษย์ตรงหน้าสามารถผ่านวงกตมายาขึ้นมาได้ ฝีมือย่อมไม่ธรรมดา เฉียนเยียนหรานลืมตระหนักถึงเรื่องนี้ไปเสียอย่างนั้น มิสู้พวกเขาอยู่เฉยๆ รอดูเรื่องสนุกที่กำลังจะตามมาดีกว่า การที่องครักษ์ทั้งห้าเลือกที่จะปิดปากเงียบ สร้างความพอใจให้แก่เฉียนเยียนหราน เด็กสาวหันมามองรวี่เยว่ด้วยสายตาดูแคลน “เจ้า! มาจากไหนก็ไสหัวกลับไปทางนั้น! ที่นี่ไม่ต้อนรับคนไม่มีหัวนอนปลายเท้า!” “อ้าว! ปากดีแบบนี้เดี๋ยวได้โดนข้าตะปบหน้าแหก! แง้ววว!!” จวี๋จื่อโมโหแทนรวี่เยว่ กระโดดลงจากอ้อมแขนเล็ก เงยหน้าแยกเขี้ยวพองขน ขู่ฟ่อใส่เฉียนเยียนหรานอย่างเอาเรื่อง “จวี๋จื่อจัดการมันเลย! เดี๋ยวข้าช่วยเจ้าเอง” เสี่ยวหลานกระพือปีกเตรียมกลายร่างเพื่อช่วยสหายรักเล่นงานศัตรู “…” รวี่เยว่ “พวกเจ้าเย็นๆกันก่อน ข้าจัดการได้” หลังจากห้ามทัพสหายรักทั้งสองเป็นที่เรียบร้อย รวี่เยว่เงยมองเด็กสาว อายุราวสิบสามสิบสี่ด้วยสายตาเย็นเยียบ อีกฝ่ายถึงกับผงะไปชั่วอึดใจ เมื่อได้เห็นดวงตาดอกท้อสีเทาของร่างเล็ก “ข้าเพิ่งรู้ว่าคนตำหนักเทวาอนธการ มีวิธีต้อนรับแขกที่มาเยือนได้น่าสนใจจริงๆ วันนี้ข้าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว” เฉียนเยียนหรานคล้ายถูกยั่วยุ นางเป็นถึงบุตรสาวแม่ทัพราชองครักษ์ มีแต่คนคอยพะเน้าพะนอ ไม่เคยมีใครกล้าขัดใจ หรือกล่าววาจายอกย้อนนางมาก่อน ความรู้สึกไม่ยินยอมผุดขึ้นในใจทันที เด็กสาวชักกระบี่ออกมาชี้หน้าร่างเล็กบนพื้นอย่างเอาเรื่อง “กำแหงนักนะ! ข้าจะลากลิ้นของเจ้าออกมาตัดทิ้งเสีย!” เฉียนเยียนหรานปลดปล่อยตบะระดับจู้จีขั้นสมบูรณ์เพื่อข่มขวัญอีกฝ่าย รวี่เยว่ถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ปล่อยแรงกดดันระดับที่สูงกว่าใส่เฉียนเยียนหราน อีกฝ่ายถึงกับร่วงลงพื้น ตุ๊บ! “เจ้า เจ้ากล้าทำร้ายข้า!!” เฉียนเยียนหรานลุแก่โทสะ กำลังจะซัดพลังใส่ร่างเล็ก แต่ถูกสิ่งที่อยู่ในมือของอีกฝ่ายหยุดยั้งความคิดไว้เสียก่อน เวลานี้รอบกายของรวี่เยว่เต็มไปด้วยจิตสังหารหนาวยะเยือก ร่างเล็กก้าวไปข้างหน้า พร้อมปล่อยไฟธาตุสีดำบนฝ่ามือซ้าย ให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นได้ประจักษ์ “อัคคีนิลกาฬ!!!!” เฉียนเยียนหรานหน้าเปลี่ยนสี เลือดในกายเย็นเยียบ คาดไม่ถึงว่าเด็กหญิงมนุษย์เบื้องหน้าจะมีธาตุมืด! ถึงแม้ตัวนางจะเป็นเผ่ามนุษย์สายเลือดมารสวรรค์ ทว่ากลับมีเพียงธาตุไฟหาใช่ธาตุมืด ซึ่งมีเพียงสายเลือดมารสวรรค์ชั้นสูงอย่างคนในราชวงศ์อวี้เหวินเท่านั้นที่เกิดมาพร้อมธาตุนี้ “ที่นี้จะให้ข้าเข้าไปพบชินอ๋องได้รึยังคุณหนูเฉียน” สีหน้าของรวี่เยว่เรียบเฉย ทว่าสุ้มเสียงกลับกดดันจนคนฟังขนอ่อนลุกไปทั้งตัวบทที่ 14 คำยุยง /2 ด้วยเพราะพลานุภาพอัคคีนิลกาฬในกายของรวี่เยว่ มาจากศิลามหาเทวะธาตุหยินหยาง จึงทรงพลังยิ่งกว่าอัคคีนิลกาฬของผู้ที่มีตบะในระดับเดียวกันไปมากโข ชินอ๋องอวี้เหวินเทียนหยารู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนลึกลับที่เกิดขึ้น ร่างสูงแวบหายจากตำหนัก มาปรากฏกายอยู่หน้าประตูใหญ่ในเสี้ยวลมหายใจ ครั้นเห็นว่าเป็นใคร สุ้มเสียงทุ้มต่ำกล่าวถ้อยคำขึ้นอย่างยินดี “รวี่เยว่! เป็นเจ้านั่นเอง ข้าดีใจที่เจ้ายอมรับคำเชิญของข้า” อวี้เหวินเทียนหยาร่อนลงพื้นสาวเท้ามาหาร่างเล็กด้วยท่วงท่างามสง่า “เส้นทางขึ้นภูผาลำบากไม่น้อย แต่เจ้าก็สามารถผ่านขึ้นมาได้โดยปราศจากรอยขีดข่วน นับว่าฝีมือล้ำเลิศจริงๆ” ชายหนุ่มกล่าววาจาชื่นชมร่างเล็กอย่างอ่อนโยน ก่อนปรายตามองเฉียนเยียนหรานด้วยสายตาคมกริบ ถึงไม่ถามเขาก็พอคาดเดาสถานการณ์ออก คนถูกมองสะดุ้งเฮือก เหงื่อกาฬแตกเต็มเผ่นหลัง รีบก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาผู้เป็นใหญ่รองจากองค์ราชาของตำหนักเทวาอนธการ “กักบริเวณเฉียนเยียนหรานสามเดือน งดโอสถเสริมพลังทุกชนิดครึ่งปี! ส่วนบ่าวไพร่ที่ติดตามมาลงโทษตามกฎ ความผิดฐานปล่อยให้นายของตน กระทำการหยาบคายกับแขกของข้า!” “ท่านอ๋อง ไม่นะเพ
บทที่ 15 การกลับมาของจอมมาร /1 ตำหนักเทพอนันต์ นับตั้งแต่วันที่ฮั่วเฮ่อฉีเดินทางกลับตำหนักเทพอนันต์ตามคำสั่งของพระอัยกา หลังผ่านงานประมูลโอสถครั้งใหญ่ ณ เมืองลวี่เฟิง เด็กหนุ่มแสนดื้อรั้นเอาแต่ใจ เดินเข้าสู่ถ้ำบำเพ็ญของราชวงศ์ในหุบเขาเทพประทานพรด้วยตนเอง หลังได้ข่าวว่าบ้านหลังเล็กของรวี่เยว่ถูกไฟไหม้และเด็กหญิงหายตัวไป… ย้อนไปในวันที่ทราบเรื่อง ฮั่วเฮ่อฉีร้อนใจจนอยู่ไม่สุข เขาส่งคนไปสืบข่าว ทว่าคว้าน้ำเหลว ผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งอย่างเผยคังกลับตายแล้วเช่นกัน องค์ไท่จื่อผู้หยิ่งยโสถึงกับยอมลดความโอหังลง เขียนสาส์นไปหาชินอ๋องของตำหนักเทวาอนธการ ถามหารวี่เยว่น้อยด้วยองค์เอง อีกฝ่ายตอบกลับมาว่านางไม่ได้มาพบเขา ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องจริง เพราะในยามนั้นรวี่เยว่ยังไม่ได้เดินทางขึ้นภูผาของตำหนักเทวาอนธการ… ห้าปีผ่านไป ในที่สุดประตูถ้ำบำเพ็ญก็เปิดออก พลังปราณตบะระดับหยวนอิงขั้นกลางพวยพุ่งออกมา ปะทะเข้ากับอากาศภายนอกจนเกิดลมกระโชกไปทั่วบริเวณ อี้หรงทำหน้าที่เฝ้าปากถ้ำรีบวิ่งไปหาสหายรักอย่างลิงโลด พวงหางสีเงินฟูฟ่องแกว่งไปมารวดเร็วจนเกิดลมแรงระลอกที่สอง องครักษ์ที่ผลัดกันมาค
บทที่ 15 การกลับมาของจอมมาร /2 ด้านล่างห่างออกไปคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของตำหนักเทพอนันต์ พระราชวังหลวงสีขาวทองสร้างจากศิลาอัคนีหยกขาว ตั้งอยู่ใจกลางหุบเขาเทพประทานพร สถานที่ซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสมุนไพรปราณและปราณบริสุทธิ์จากธรรมชาติ แมกไม้เขียวขจี สายธารรินไหลจากที่สูงลงสู่ทะเลสาบนิรันดร์ ใจกลางตำหนักเทพอนันต์ ทัศนียภาพเบื้องหน้างดงามราวสรวงสวรรค์ “ตามองครักษ์ที่ติดตามข้าไปเมืองลวี่เฟิงเมื่อห้าปีก่อน บอกให้ไปรอที่ตำหนักนอกเมือง ข้าจะออกเดินทาง” “พะย่ะค่ะ” องครักษ์คนสนิทรับคำสั่งและแวบหายไปจากตรงนั้นราวกับไม่เคยมีอยู่ “...” อี้หรงแอบกลอกตามองฟ้า “เอ่อ ไท่จื่อ ท่านไม่คิดจะกลับไปตำหนักเทพอนันต์ เพื่อเยี่ยมเยียนพระอัยกาสักหน่อยก่อนหรือ” เดี๋ยวก็ได้งานเข้าอีกหรอก แหมมม ออกจากการกักตนปุ๊บ ก็จะหนีเที่ยวปั๊บเลยนะ! “ข้าย่อมกลับไปก่อนแน่ ป่านนี้ท่านปู่คงคิดถึงข้าแย่แล้ว รายนั้นติดข้าจะตาย หุหุ” สีหน้าของชายหนุ่มเป็นเปลี่ยนซุกซนยามเอ่ยถึงท่านปู่ผู้เข้มงวด ฮัดชิ้ว!! ฮั่วเซี่ยวเทียน จามออกมาขณะกำลังคัดเลือกสมุนไพร ร่างสูงหันกลับมาหาอี้หรง เอ่ยถามบางอย่างผ่านกระแสจิต ‘องค์ชายใหญ่กับมารดาของเข
บทที่ 16 ภารกิจพิสูจน์ความสามารถ /1 เมื่อเสร็จจากธุระในเมืองเฉินเปี้ยน รวี่เยว่ก็เดินทางกลับสู่ตำหนักเทวาอนธการในคืนวันนั้น หญิงสาวสังหรณ์ใจว่ากำลังจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เพราะทุกครั้งที่หนังตากระตุก เป็นต้องมีเรื่องตีรันฟันแทงเสียทุกครั้งไป! ล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อสามเดือนที่แล้ว ระหว่างที่นางเดินทางลงจากภูผา เพื่อนำโอสถต่างๆ ที่หลอมไว้ ไปมอบให้หม่าลั่วและชุนอิ่งนำกลับไปยังหอโอสถของนางที่เมืองหลวง ซึ่งเปิดขึ้นเมื่อหนึ่งปีที่ผ่าน …ในวันนั้น รวี่เยว่เพิ่งก้าวเท้าพ้นเขตวงกตมายามาได้เพียงไม่กี่ก้าว กลุ่มนักฆ่ารับจ้างจำนวนสามสิบคน ซึ่งมาดักรออยู่ก่อนแล้ว เข้าจู่โจมแบบกะทันหันจนนางตกใจทำถังหูลู่ตกพื้น! น่าโมโหที่สุด! ท่านอ๋องอุตส่าห์ทำให้นางกินเองกับมือ! โชคดีที่นางไม่ได้พาสาวใช้ทั้งสองคนมาด้วย มิฉะนั้นเรื่องนี้คงได้ถึงหูผู้ปกครองของนาง ชินอ๋องอวี้เหวินเทียนหยา หากเขารู้เข้ามีความเป็นไปได้สูงว่า นางจะถูกสั่งห้ามลงจากตำหนักเทวาอนธการไปอีกหลายเดือน และนั่นจะมีผลกระทบกับกิจการทั้งหลายทั้งปวงของนาง เรื่องนี้รวี่เยว่ยอมไม่ได้ เวลาของนางเป็นเงินเป็นทอง!! ตำหนักชินอ๋อง เรือนพักธิดาเทพ รว
บทที่ 16 ภารกิจพิสูจน์ความสามารถ /2 หน้าทางเข้าป่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ ชินอ๋องอวี้เหวินเทียนหยาเดินเคียงข้างมากับรวี่เยว่ นำเด็กสาวมาส่งยังทางเข้าป่าเพื่อทำภารกิจด้วยตนเอง ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชา ฉายแววกังวลระคนห่วงใยออกมาอย่างชัดเจน จนหลายคนเหลือบมองท่านหญิงเมิ่งที่ยืนอยู่ข้างองค์ราชินีด้วยสายตาหลากหลายอารมณ์ เฉียนเยียนหรานที่ยืนรวมกลุ่มอยู่กับศิษย์คนอื่นๆลอบยิ้ม ในใจกำลังสาปแช่งให้รวี่เยว่ตกตายด้วยฝีมือสัตว์อสูรระดับสูงในป่า “รวี่เยว่ระวังด้วย อย่าให้ตัวเองต้องเป็นอันตราย หากไม่ไหวจริงๆ ให้ยิงพลุสัญญาณ ข้าจะเข้าไปรับเจ้าออกมาเอง” เขาคาดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสของหอบำเพ็ญ จะกดดันให้รวี่เยว่ต้องทำการพิสูจน์ตนเองเร็วขนาดนี้ ตบะของนางยังไม่ถึงระดับหยวนอิงด้วยซ้ำ ตัวเขาคัดค้านอย่างไรก็ไม่เป็นผล สุดท้ายจึงต้องจำยอมปฏิบัติตามกฎที่บัญญัติไว้ ความจริงระดับตบะของรวี่เยว่ผ่านระดับหยวนอิงมาพักหนึ่งแล้ว นางแค่รอให้ผ่านวันปักปิ่นไปก่อนถึงจะยอมเปิดเผยพลังที่แท้จริง เมิ่งเฟยหลิงกำหมัดใต้แขนเสื้อแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ เมื่อได้เห็นสีหน้าและแววตาอ่อนโยนของอวี้เหวินเทียนหยา ยามทอดมองรวี่เยว่ ทีกับนางเขามีแต่ค
บทที่ 17 เสี่ยวเฮยมาว/1 ตลอดเส้นทาง สัตว์อสูรระดับสูงที่สมควรปรากฏตัว กลับหายหัวไปไหนกันหมดไม่รู้ องครักษ์ที่ลอบตามมาห่างๆ ต่างมองหน้ากันด้วยความงวยงง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าสัตว์อสูรหายไปไหนกันหมด” “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร ก็มาด้วยเนี่ย” “พวกเจ้าอย่ามัวเถียงกัน ธิดาเทพหายไปแล้ว! นี่มันใกล้อาณาเขตของพยัคฆ์อนธการเข้าไปทุกที หากหลงเข้าไปมีหวัง…” องครักษ์ไม่กล้าคิดต่อ เกิดนางเป็นอะไรขึ้นมา ชินอ๋องฆ่าพวกเขาทิ้งแน่! ทางด้านรวี่เยว่หลังจากแอบหลบฉากมาได้ นางก็รีบกินยากลบกลิ่นอายของตนเอง และเป็นเพราะกลิ่นอายจากเกล็ดมังกรทองของมหาเทพหวงหลง ช่วยข่มขวัญบรรดาสัตว์อสูรทุกระดับในป่าอสูรแห่งนี้ รวี่เยว่จึงเดินทางมาถึงหน้าบ้านของเป้าหมายได้อย่างสะดวกราบรื่นและรวดเร็ว รวี่เยว่ตระเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างที่ได้รับมาจากมหาเทวีเฟิ่งหนี่ว์ ก่อนสาวเท้าไปยืนหน้าปากถ้ำของ เสี่ยวเฮยมาว ตามที่อาจารย์หญิงใช้เรียกพยัคฆ์อนธการ ทั้งที่ความจริงชื่อของมันคือ เย่หมิง! กรุ๊ง กริ๊ง กรุ๊ง กริ๊ง กรุ๊ง กริ๊ง เสียงกระพรวนสายรุ้งดังขึ้น พยัคฆ์อนธการสีเทาเข้มมีปีกสีดำตัวมหึมาลืมตาขึ้นทันที ดวงตาสีเขียวประดุจอัญมณีวาวโรจน
บทที่ 17 เสี่ยวเฮยมาว/2 “ข้ามอบให้ท่านได้เจ้าค่ะ เพียงแต่…ท่านต้องกลับไปกับข้า เพราะอาจารย์หญิงสั่งไว้ว่า อะ แฮ่ม” รวี่เยว่ดึงมือที่กำใบกัญชาแมวกลับมา เงยหน้าสบตาแมวยักษ์ตรงหน้า กระแอมเล็กน้อย ก่อนถ่ายทอดคำสั่งที่ได้รับมาจากมหาเทวี “เสี่ยวเฮยมาว ลูกศิษย์ของข้าเป็นผู้ที่ได้รับเลือกจากสวรรค์ เจ้าจงติดตามนางออกไปจากป่า ทำหน้าที่สหายที่ดีของนาง หากเจ้าไม่เชื่อฟัง ข้าจะส่งสายฟ้ามาหวดก้นปุกปุยของเจ้าเสีย!” กล่าวจบรวี่เยว่ก็แบมือทั้งสองข้างออกพร้อมกัน อัคคีหิรัณย์และอัคคีนิลกาฬปรากฏต่อสายของเสี่ยวเฮยมาว “มหาธาตุหยินหยาง!!! นี่เจ้าครอบครองมหาธาตุหยินหยางจริงๆ อย่างนั้นรึมนุษย์” ร่างยักษ์กระโจนผลุงมาหยุดอยู่ตรงหน้ารวี่เยว่ ดวงตาจ้องมองไฟธาตุทั้งสองอย่างตื่นตะลึง รวี่เยว่ไม่สามารถกลั้นยิ้มได้อีกต่อไป เมื่อได้เห็นความนุ่มฟูในระยะประชิด นางดับไฟธาตุในมือ เอากัญชาแมวสวรรค์ออกมามอบให้พยัคฆ์อนธการ อีกฝ่ายรีบรับไปอย่างลิงโลดหลังจากถูๆไถๆ สูดดมไปได้ครู่หนึ่ง อาการแมวยักษ์เมากัญชาสวรรค์จึงปรากฏ รวี่เยว่รีบฉวยโอกาส เขย่ากระพรวนสายรุ้งพร้อมเอ่ยถามน้ำเสียงเว้าวอน กรุ๊ง กริ๊ง “พ่อพยัคฆ์สุดหล่อ กลับไป
บทที่ 18 โทสะขององค์ราชา/1 “ก็ใช่น่ะเซ่! โฮกกก!!…สตรีหน้าโง่คนนี้ ดันมากล่าวหาว่าข้าเป็นแมวจรจัด สามหาวยิ่งนัก! ไม่มีสมองหรืออย่างไร แมวธรรมดาที่ไหนจะมีปีก โง่แล้วยังปากเสีย! “เสี่ยวเฮยมาวอารมณ์ขึ้น หันมาคำรามใส่ฝูงชนจนผู้ที่มีระดับตบะอ่อนด้อย ปลิวหายกันไปคนละทิศละทาง เหลือเพียงผู้ที่มีตบะระดับหยวนอิงขึ้นไปที่ยังยืนอยู่ได้ ก่อนหันกลับมาบริภาษเฉียนเยียนหราน ที่นอนตัวสั่นงันงกด้วยความกลัวสุดขีดอยู่ใต้กรงเล็บต่ออย่างไม่ไว้หน้า อยากมาว่าสุดหล่ออย่างมันเป็นแมวจรจัดก่อนทำไม เคืองนะเฟ้ย!!! ผู้อาวุโสของหอบำเพ็ญหน้าซีดขาว หันมองชินอ๋องทำนองขอความช่วยเหลือ “เรื่องนี้ข้าคงช่วยอะไรไม่ได้ ท่านคงต้องเจรจากับธิดาเทพเอง เพราะนางเป็นผู้นำพยัคฆ์อนธการออกมา” เฉียนเยียนหรานหวาดกลัวจนปัสสาวะราด สะอึกสะอื้นปานขาดใจอย่างเสียขวัญ หากอีกฝ่ายไม่ยอมเลิกรา นางคงแดดิ้นอยู่ตรงนี้ แต่เมื่อเสี่ยวเฮยมาวได้กลิ่นปัสสาวะ มันรีบถอนกรงเล็บออกจากลำคอของหญิงสาว ขยับตัวถอยกรูดอย่างรวดเร็ว เปล่งเสียงเหยียดหยามกึ่งประจานออกมาดังลั่น “อี๋ น่าขยะแขยง สกปรกที่สุด! นอกจากโง่แล้วยังไร้ยางอาย มาปล่อยปัสสาวะเรี่ยราดอย
บทที่ 51/2 คนร้ายตัวจริง ถึงแม้ตัวเลี่ยวโร่เป้ยจะโดดเด่นเปี่ยมด้วยพรสวรรค์อย่างไร แต่กลับไม่มีสิทธิ์นั่งบัลลังก์ของอาณาจักรหวงซา ด้วยว่ามีมารดาเป็นสตรีจากอาณาจักรอู๋ซาง รวมถึงเรื่องที่นางเป็นเพียงบุตรีจากอนุ เมื่อเป็นเช่นนั้น เลี่ยวเจิงเวยจึงหารือกับสือเซิน วางแผนช่วยเขาพิชิตอาณาจักรอู๋ซาง หากทำสำเร็จเลี่ยวเจิงเวยสัญญาเป็นมั่นเหมาะว่า จะแต่งตั้งเลี่ยวโร่เป้ยขึ้นเป็นผู้ปกครองอาณาจักรอู๋ซางคนต่อไป ภายใต้ร่มเงาของอาณาจักรหวงซา เรื่องนี้วั่งเฉาหาได้รับรู้ เขาเข้าใจว่า หากหวงฝู่ฮ่าวอวี่ได้นั่งบัลลังก์ต่อจากพระบิดา สำนักกระบี่สวรรค์จะสนับสนุนวั่งเตี้ยนเถียน ให้ได้รับตำแหน่งฮองเฮาอย่างเต็มที่…ทั้งที่ความจริงตนเป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่งของสือเซิน …อาณาจักรหวงซาซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของมหาพิภพทงเทียนเหอ มีสายแร่หลายชนิดเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของอาณาจักร ทว่าพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย และเต็มไปด้วยภูเขาหินจึงขาดแคลนพื้นทำการเกษตร หลายร้อยปีมานี้มักเข้าโจมตีเมืองติดชายแดนของอาณาจักรอู๋ซางอยู่เนืองๆ จุดประสงค์เพื่อแย่งชิงดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ในเขตนั้นมาเป็นของตน เพิ่งจะมีการทำสัญญาสงบศึกไปเม
บทที่ 51/1 คนร้ายตัวจริง จวนอัครมหาเสนาบดี ภายในโถงรับรองของเรือนส่วนตัว วั่งเฉาเข่าทรุดกระอักเลือด รับแรงกดดันหนักหน่วงจากบุรุษในชุดผ้าไหมสีเงินที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ภายในใจอัดแน่นไปด้วยความหวาดหวั่นค่อนไปทางหวาดกลัว หวนรำลึกถึงเรื่องเมื่อสิบกว่าปีก่อน ในวันที่บุรุษผู้นี้เดินทางมาหาเขา พร้อมยื่นข้อเสนออันแสนหอมหวานยั่วยวนเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน สิ่งที่เขาต้องลงมือทำคือการกำจัดเด็กหญิงซึ่งมีชะตาหงส์ตามคำทำนายของหอพยากรณ์ในปีนั้น เด็กผู้หญิงอายุห้าหนาว ที่เกิดกลางฤดูวสันต์หลายคนถูกกำจัด ไม่ก็ถูกทำให้ไร้ซึ่งพลังธาตุ หากแต่คาดไม่ถึงว่า หนึ่งในนั้นจะรอดพ้นการคุกคามทั้งหมดทั้งมวลมาได้! กระทั่งเติบใหญ่ขึ้นมาและกลายเป็นธิดาเทพแห่งตำหนักเทวาอนธการผู้สูงส่ง แม้แต่พยัคฆ์อนธการยังยอมรับนางเป็นคู่พันธะ! “อาจารย์ หากวั่งเฉาตายจะมีคนสงสัยได้นะขอรับ โปรดยั้งมือด้วยเถิด” เสียงทุ้มของชายหนุ่มรูปงามที่นั่งกอดกระบี่อยู่บนเก้าอี้ดังขึ้น แรงกดดันหายไปตามคำขอ วั่งเฉาหอบหายใจรีบโกยอากาศเข้าปอดหนักหน่วง นึกว่าตนจะแดดิ้นด้วยมือบุรุษตรงหน้าเสียแล้ว เพียงแค่แรงกดดันยังทำเขากระอักเลือดไปหลายคำจนแทบสิ้นสติ
บทที่ 50/2 ความหวาดหวั่นและยำเกรง บัดนี้ เด็กคนนั้นกลายเป็นธิดาเทพแห่งตำหนักเทวาอนธการอันยิ่งใหญ่ สูงส่งห่างไกลจนมิอาจเอื้อมถึง เขาเคยปรามาสนางว่าเป็นเพียงแค่ขยะไร้ประโยชน์ ทั้งที่ความจริงนางคืออัจฉริยะ จะมีสักกี่คนบนมหาพิภพทงเทียนเหอ ที่สามารถบรรลุระดับหยวนอิงตั้งแต่อายุสิบห้า!… เขาและมารดาทำลายวาสนาอันยิ่งใหญ่ที่สมควรเป็นของตนลงกับมือ! ช่างน่าแค้นใจนัก… แต่หากว่าเขาทวงสิทธิ์ความเป็นบิดาของนาง กลับคืนมาต่อหน้าธารกำนัลในเวลานี้ ไม่แน่ว่าครั้งนี้อาจได้ผล! ด้วยเพราะฮ่องเต้ทรง ให้ความสำคัญเรื่องความกตัญญู ต่อบุพการีและผู้มีพระคุณเป็นอย่างยิ่ง หวังเหลียงหยัดกายลุกขึ้นก้าวออกมาที่ขอบกั้นอัฒจันทร์ กำลังจะอ้าปากเปล่งเสียงเรียกชื่อบุตรี ทว่ากลับถูกพลังลึกลับอันแข็งแกร่ง กระแทกเข้าที่ลำคอจนจุกแน่นก่อนกระอักเลือดออกมา ครั้นเหลือบมองขึ้นไปด้านบน สายตาพลันประสบเข้ากับดวงตาสีเขียวมรกต ทรงอำนาจดุดันของพยัคฆ์อนธการ พร้อมถ้อยคำส่งผ่านพลังปราณดังกึกก้องในโสตประสาท “หากไม่อยากสลายเป็นจุณ ก็เลิกคิดตอแยกับรวี่เยว่ซะ เพราะข้าหาใช่ผู้มีจิตใจเมตตา จำใส่กระโหลกหนาๆ ของเจ้าเอาไว้ให้ดี!” ร่างอรช
บทที่ 50/1 ความหวาดหวั่นและยำเกรง สุ้มเสียงแว่วหวาน เอื้อนเอ่ยแสดงความเคารพฮ่องเต้ของแคว้นอู๋ซางอย่างนอบน้อม วรกายสูงสง่าของโอรสสวรรค์ หยัดขึ้นจากเก้าอี้ประธาน ก้าวมาหาหญิงสาวด้วยรอยยิ้มประดับมุมปากบางเบา “ธิดาเทพ ยินดีที่ได้พบ” เขากล่าวรับคำทักทายของนาง ก่อนเอ่ยวาจาต่อจากนั้น “คล้ายมาก ช่างคล้ายมากจริงๆ ต้าอ๋อง ท่านเองก็คิดเหมือนข้าใช่หรือไม่” ฮ่องเต้หวงฝู่ฮุ่ยหมิ่นหันไปถามลูกพี่ลูกน้องของตน ผู้เป็นอ๋องปกครองแดนทักษิณ ต้าอ๋องหรือ หวงฝู่เจิ้งหยาง บุตรชายของต้าอ๋องผู้เฒ่าผู้ล่วงลับ ซึ่งมีศักดิ์เป็นพระปิตุลาของหวงฝู่ฮุ่ยหมิ่น “คล้ายอาลี่มากพะย่ะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมเห็นด้วยกับพระองค์” ต้าอ๋องลุกขึ้นจากที่นั่งก้าวมาสมทบกับฮ่องเต้ “ธิดาเทพ ข้าคงต้องขอละลาบละล้วงถามท่านซักคำถาม ไม่ทราบว่าพอจะบอกข้าได้ไหมว่า มารดาของท่านมีนามว่าอะไรหรือ” ต้าอ๋องเอ่ยถามสิ่งที่ต้องการทราบ ด้วยน้ำเสียงสุภาพและอ่อนโยน “เรียนต้าอ๋อง มารดาของหม่อมฉันมีนามว่า เยว่หนิงลี่เพคะ” คำตอบของนางสร้างความตื่นตะลึงอีกครั้งให้ใครหลายๆคนในสนามประลอง บุตรีรองแม่ทัพเยว่หนิงลี่! นั่นก็หมายความว่า หญิงสาวตรงหน้าคือเด
บทที่ 49/2 วันเปิดงาน ฮั่วเฮ่อฉีเองช่วงนี้ก็มัวแต่วุ่นวายอยู่กับพี่น้อง และศิษย์จากตำหนักเทพอนันต์ จนแทบไม่มีเวลาปลีกตัวมาพบรวี่เยว่ ชายหนุ่มถูกผู้อาวุโสขอให้ช่วยหลอมยา ให้บรรดาน้องๆ และศิษย์ตัวแทน จนตัวเขาแทบหมดเรี่ยวแรงทุกวี่วัน อี้หรงได้แต่มองคู่พันธะอย่างเห็นใจ ‘ใครใช้ให้ท่านอยากเป็นนักปรุงโอสถระดับเก้า ตั้งแต่อายุเท่านี้กันล่ะ ก้มหน้ารับชะตากรรมไปเถอะ ข้าเอาใจช่วย‘ สรุปว่าการเอาใจช่วยของอี้หรง ซึ่งหากฟังดีๆ จะคล้ายว่ากำลังสมน้ำหน้าเขา ทำให้มันโดนฮั่วเฮ่อฉีกัดหูไปหนึ่งทีจนน้ำตาร่วง… จากฤดคิมหันต์ย่างเข้าต้นฤดูสารท อากาศที่เคยร้อนอบอ้าวผันเปลี่ยนเป็นเย็นสดชื่นอีกครั้ง เวลาแห่งการประลองอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรอู๋ซางได้เริ่มต้นขึ้น ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางเข้าเมืองเทียนหวงเพื่อร่วมแข่งขัน หรือร่วมเป็นสักขีพยานในศึกของนักพรตรุ่นเยาว์ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่อึดใจ สนามประลองหลักที่ใช้ทำพิธีเปิดนี้ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองหลวง สามารถจุผู้ชมได้มากถึงสองหมื่นคน ท้องฟ้าสีครามสดใสไร้เมฆบัง สายลมเย็นพัดเข้ามาเบาๆ ราวกับดนตรีที่เล่นโดยธรรมชาติ ท่ามกลางเสียงโห่ร้อง
บทที่ 49/1 วันเปิดงานประลอง สิบห้าวันต่อมา ตัวแทนจากตำหนักเทวาอนธการได้เดินมาถึง โดยมีผู้อาวุโสหนึ่งและสอง นำศิษย์มากฝีมือซึ่งมีอายุไม่เกินสิบแปด จำนวนทั้งหมดหกคนที่จะเข้าร่วมการประลอง เดินทางมาด้วยตนเอง ส่วนองค์ไท่จื่ออย่างองค์ชายใหญ่ และองค์หญิงรองมิได้เข้าร่วมการประลองในครั้งนี้ เพียงแค่มาร่วมชมความสนุกเฉยๆ ฮ่องเต้ทราบข่าวจากชินอ๋องอวี้เหวินเทียนหยา จึงมอบตำหนักรับรองริมทะเลสาบให้เป็นที่พักสำหรับคนจากตำหนักเทวาอนธการ ส่วนคนจากตำหนักเทพอนันต์ มีตำหนักใกล้ภูเขาทางทิศเหนือเป็นที่พักประจำอยู่แล้ว อวี้เหวินเทียนหยาและรวี่เยว่ไปรอรับพวกเขาอยู่ที่นั่นตั้งแต่ช่วงสาย ครั้นพอได้เวลามวลอากาศบนท้องฟ้าเหนือตำหนักก็แยกออกเป็นช่องกว้างขนาดใหญ่ คณะเดินทางทั้งหมดจากตำหนักเทวาอนธการก็ทยอยกันออกมา ทันทีที่อวี้เหวินอิงเอ๋อร์เห็นหน้ารวี่เยว่ นางก็ขี่กระบี่พุ่งตรงมาหา ใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราจดจ้องธิดาเทพผู้เป็นสหายรักด้วยแววตาน้อยอกน้อยใจ “รวี่เยว่ คนใจร้าย ท่านทิ้งข้าไว้คนเดียวตั้งหลายเดือน ข้าเหงามากเลยรู้ไหม ฮึก ไม่มีใครเล่นสนุกกับข้าเลย ทุกคนเอาแต่เก็บตัวฝึกวิชา…ท่านสัญญาได้หรือไม่ว่าต่อไป
บทที่ 48/2 ความเปลี่ยนแปลง ในที่สุดก็ครบกำหนดจ่ายหนี้ที่ค้างไว้ ทั้งหวังเหลียงและฮูหยินผู้เฒ่าต่างอ้อนวอนหญิงสาว ขอให้นางเห็นแก่ความเป็นพ่อลูก ยอมให้พวกเขาอาศัยอยู่ที่จวนหลังนี้ต่อไป เพราะอย่างไรเสียพวกเขาก็คือครอบครัวของนาง รวี่เยว่หัวเราะเย้ยหยัน ก่อนกล่าววาจาตอบโต้จนคนฟังหน้าชา “ฮ่าๆๆ ให้ข้าเห็นกับความเป็นพ่อลูกอย่างนั้นรึ! ช่างพูดออกมาได้ไม่อายปาก หากไม่ตกที่นั่งลำบากคงยังมองว่าข้าเป็นเพียงขยะไร้ประโยชน์อยู่สิท่า หึ! หน้าหนาไร้ยางอาย ข้าหาใช่บุตรหลานของพวกท่านนานแล้ว จำมิได้รึ?! เสมียนหวัง ท่านยังจำได้หรือไม่ หลังจากท่านส่งหนังสือตัดขาดไปให้ข้าเมื่อหกปีก่อน ท่านก็หยุดส่งเสียข้า ไม่สนใจว่าข้าจะมีที่ซุกหัวนอนหรือมีข้าวกิน โชคดีที่เจ้าของบ้านเช่าหลังนั้นเวทนาข้า แม่นมชุน และพี่ชุนอิ่ง ถึงได้ยอมให้พวกข้าอยู่โดยไม่เก็บเงินค่าเช่าเป็นเวลาสามเดือน! ไฉนตอนนั้นพวกท่านถึงไม่คิดว่าข้าเป็นคนในครอบครัวบ้างเล่า ทั้งๆ ที่เสวยสุขอยู่บนทรัพย์สินของมารดาข้าแท้ๆ! ข้าให้เวลาพวกท่านเก็บของหนึ่งวัน พรุ่งนี้เช้ายามเฉิน (07:00-08:59) พวกท่านทุกคนต้องย้ายออกไปจากที่นี่! หากไม่ยอมไปข้าจะไปแจ้งทาง
บทที่ 48/1 ความเปลี่ยนแปลง หวังเหลียงกระดกจอกสุราเข้าปากจนหมด ก่อนหันมามองมารดาด้วยสายตาว่างเปล่า “ท่านแม่จะถามข้าทำไมขอรับ ในเมื่อท่านบอกเองว่าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งสิ้น” “อาเหลียง นี่มันใช่เวลาที่เจ้าจะมาประชดประชันข้าไหม ลองตรองดูให้ดี บางทีเรื่องนี้อาจเชื่อมโยงกัน เริ่มจากการที่เจ้ามาถามข้าเรื่องพิษ ต่อมาลุงของเจ้าก็หายตัว จากนั้นพลังของเจ้าก็…เฮ้อออ “ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจยาวในท้ายประโยคและเริ่มกล่าวต่อ “เจ้าไม่คิดว่ามันน่าแปลกหรอกรึ แต่ที่ข้ามาถามเจ้า เป็นเพราะวันนี้ทั้งเสียนเอ๋อร์และเหยียนเอ๋อร์ จู่ๆ ก็ไข้ขึ้นสูงอย่างไม่มีสาเหตุ หมอกี่คนมาตรวจต่างบอกว่าเป็นไข้ไม่ได้ถูกพิษ อาการเหมือนกับเจ้าก่อนหน้านี้ไม่มีผิด” คำพูดของหญิงชรามีความเป็นไปได้อยู่หลายส่วน หากนำมาเชื่อมโยงกันให้ดีๆ ก็จะเห็นจุดที่น่าสงสัย ทว่าในเอกสารที่เขาเคยอ่านผ่านตา ระบุไว้ชัดเจนเรื่องพิษเพลิงอสูรสดับปราณ ว่าจะออกฤทธิ์ได้ดีกับเด็กเล็กเท่านั้น ทั้งไม่เคยปรากฏในบันทึกไว้ว่าพิษนี้มีผลกับผู้ใหญ่ แต่หากตัวเขาถูกพิษชนิดนี้จริง นั่นก็หมายความว่า ต้องมีนักปรุงโอสถระดับสูง ที่สามารถปรุงพิษเพลิงอสูร
บทที่ 47/2 สองตำหนักเปิดใจ ครั้งนี้ฮั่วเฮ่อฉีดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ หากองค์ราชาอวี้เหวินเทียนเหิงมีความสามารถพิเศษนี้จริง นั่นก็หมายความว่ารวี่เยว่คือองค์หญิงของตำหนักเทวาอนธการ และอวี้เหวินเทียนหยาก็คือพระปิตุลาของนาง! มิน่าเล่าเขาถึงกล่าวว่า สวรรค์เล่นตลกกับเขา! รอยยิ้มงดงามเจิดจ้าราวแสงตะวันยามเช้า ที่ส่งไปถึงดวงตาของฮั่วเฮ่อฉีผุดพรายเต็มดวงหน้า มือใหญ่ยกมากุมต้นแขนทั้งสองข้างของอวี้เหวินเทียนหยาพร้อมเขย่าเบาๆ “หลานเขยคงต้องขอฝากตัวกับท่านแล้ว พระปิตุลาของรวี่เยว่” เขาลอยหน้าลอยตาเอ่ยวาจาฝากฝังตัวเองกับอีกฝ่ายแบบเนียนๆ อวี้เหวินเทียนหยาคิ้วกระตุก ก้าวถอยหลังให้หลุดจากการเกาะกุมของฮั่วเฮ่อฉี ก่อนเอ่ยวาจาน้ำเสียงเนิบนาบระคนหมั่นไส้อย่างอดไม่อยู่ “หึ! อย่าเพิ่งหลงระเริงนัก ข้ายังไม่ได้บอกว่าท่านผ่านการทดสอบแล้วเสียหน่อย เรื่องนี้คงต้องดูกันอีกนาน และที่สำคัญเสด็จพี่ของข้าฝากมาบอกท่านว่า” “ธิดาของข้าจะเป็นเพียงภรรยาคนเดียวในชีวิตของสามีนาง หากบุรุษผู้นั้นทำไม่ได้ ก็ไสหัวไปไกลๆ เพราะข้าจะไม่มีวันยกนางให้เด็ดขาด!” อวี้เหวินเทียนหยาถ่ายทอดวาจาของ