บทที่ 17 เสี่ยวเฮยมาว/2 “ข้ามอบให้ท่านได้เจ้าค่ะ เพียงแต่…ท่านต้องกลับไปกับข้า เพราะอาจารย์หญิงสั่งไว้ว่า อะ แฮ่ม” รวี่เยว่ดึงมือที่กำใบกัญชาแมวกลับมา เงยหน้าสบตาแมวยักษ์ตรงหน้า กระแอมเล็กน้อย ก่อนถ่ายทอดคำสั่งที่ได้รับมาจากมหาเทวี “เสี่ยวเฮยมาว ลูกศิษย์ของข้าเป็นผู้ที่ได้รับเลือกจากสวรรค์ เจ้าจงติดตามนางออกไปจากป่า ทำหน้าที่สหายที่ดีของนาง หากเจ้าไม่เชื่อฟัง ข้าจะส่งสายฟ้ามาหวดก้นปุกปุยของเจ้าเสีย!” กล่าวจบรวี่เยว่ก็แบมือทั้งสองข้างออกพร้อมกัน อัคคีหิรัณย์และอัคคีนิลกาฬปรากฏต่อสายของเสี่ยวเฮยมาว “มหาธาตุหยินหยาง!!! นี่เจ้าครอบครองมหาธาตุหยินหยางจริงๆ อย่างนั้นรึมนุษย์” ร่างยักษ์กระโจนผลุงมาหยุดอยู่ตรงหน้ารวี่เยว่ ดวงตาจ้องมองไฟธาตุทั้งสองอย่างตื่นตะลึง รวี่เยว่ไม่สามารถกลั้นยิ้มได้อีกต่อไป เมื่อได้เห็นความนุ่มฟูในระยะประชิด นางดับไฟธาตุในมือ เอากัญชาแมวสวรรค์ออกมามอบให้พยัคฆ์อนธการ อีกฝ่ายรีบรับไปอย่างลิงโลดหลังจากถูๆไถๆ สูดดมไปได้ครู่หนึ่ง อาการแมวยักษ์เมากัญชาสวรรค์จึงปรากฏ รวี่เยว่รีบฉวยโอกาส เขย่ากระพรวนสายรุ้งพร้อมเอ่ยถามน้ำเสียงเว้าวอน กรุ๊ง กริ๊ง “พ่อพยัคฆ์สุดหล่อ กลับไป
บทที่ 18 โทสะขององค์ราชา/1 “ก็ใช่น่ะเซ่! โฮกกก!!…สตรีหน้าโง่คนนี้ ดันมากล่าวหาว่าข้าเป็นแมวจรจัด สามหาวยิ่งนัก! ไม่มีสมองหรืออย่างไร แมวธรรมดาที่ไหนจะมีปีก โง่แล้วยังปากเสีย! “เสี่ยวเฮยมาวอารมณ์ขึ้น หันมาคำรามใส่ฝูงชนจนผู้ที่มีระดับตบะอ่อนด้อย ปลิวหายกันไปคนละทิศละทาง เหลือเพียงผู้ที่มีตบะระดับหยวนอิงขึ้นไปที่ยังยืนอยู่ได้ ก่อนหันกลับมาบริภาษเฉียนเยียนหราน ที่นอนตัวสั่นงันงกด้วยความกลัวสุดขีดอยู่ใต้กรงเล็บต่ออย่างไม่ไว้หน้า อยากมาว่าสุดหล่ออย่างมันเป็นแมวจรจัดก่อนทำไม เคืองนะเฟ้ย!!! ผู้อาวุโสของหอบำเพ็ญหน้าซีดขาว หันมองชินอ๋องทำนองขอความช่วยเหลือ “เรื่องนี้ข้าคงช่วยอะไรไม่ได้ ท่านคงต้องเจรจากับธิดาเทพเอง เพราะนางเป็นผู้นำพยัคฆ์อนธการออกมา” เฉียนเยียนหรานหวาดกลัวจนปัสสาวะราด สะอึกสะอื้นปานขาดใจอย่างเสียขวัญ หากอีกฝ่ายไม่ยอมเลิกรา นางคงแดดิ้นอยู่ตรงนี้ แต่เมื่อเสี่ยวเฮยมาวได้กลิ่นปัสสาวะ มันรีบถอนกรงเล็บออกจากลำคอของหญิงสาว ขยับตัวถอยกรูดอย่างรวดเร็ว เปล่งเสียงเหยียดหยามกึ่งประจานออกมาดังลั่น “อี๋ น่าขยะแขยง สกปรกที่สุด! นอกจากโง่แล้วยังไร้ยางอาย มาปล่อยปัสสาวะเรี่ยราดอย
บทที่ 18/2 โทสะขององค์ราขา องค์ราชินีที่อยู่ ณ ตรงนั้นด้วยถึงกับหน้าม้าน เหลือบไปเห็นสายตาคมกริบราวสังหารคนได้ของอวี้เหวินเทียนหยา นางรีบหลบตาอีกฝ่าย แสร้งเหลือบมองสวามีที่สีหน้าเริ่มเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ “มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอย่างนั้นรึธิดาเทพ!” องค์ราชา อวี้เหวินเทียนเหิง แววตาแข็งกร้าว เมื่อรู้ว่ามีคนกล้าลอบทำร้ายธิดาเทพ นั่นเท่ากับไม่เห็นองค์ราชาอย่างเขาอยู่ในสายตา ตำแหน่งธิดาเทพเขาเป็นผู้แต่งตั้ง นางประหนึ่งเป็นตัวแทนของเขา เมื่อต้องออกไปพบผู้คนในมหาพิภพทงเทียนเหอ แตะต้องนางก็เท่ากับแตะต้องเขา! รวี่เยว่ที่ยืนก้มหน้าปิดปากเงียบมาตลอด เผยสีหน้าเจ็บปวดระคนผิดหวัง ดวงตาดอกท้อคู่งามรื้นน้ำสั่นระริก ล้วงบางอย่างออกมาจากแหวน มอบให้องค์ราชาผ่านอวี้เหวินเทียนหยา “เพคะ ฝ่าบาท หากไม่ได้ท่านเย่หมิง ป่านนี้หม่อมฉันคงสิ้นชื่อไปแล้ว นี่คือหลักฐานที่หม่อมฉันเก็บมาจากศพของมือสังหารเหล่านั้นเพคะ” เสียงของนางสั่นเครือ น้ำตาเม็ดโตราวไข่มุกไหลรินอาบดวงหน้าสะคราญ งดงามบอบบางราวดอกสาลี่ต้องหยาดฝน หลายคนเห็นแล้วอดปวดใจไม่ได้ คงมีเพียงองค์ราชินีที่นั่งกำหมัดใต้แขนเสื้อแน่น แอบบริภาษเด็กสาวอย
บทที่ 19/1 การเอาคืนของธิดาเทพผู้ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างรวี่เยว่ เวลานี้กำลังนั่งแปรงขนให้แมวยักษ์เมากัญชาแมวสวรรค์อยู่บนพรมขนสัตว์สีขาวกลางห้องนอนเสี่ยวเฮยมาวนอนแผ่หลา หลับตาพริ้มด้วยความสำราญใจ ชีวิตนี้จะมีอะไรดีไปกว่า การได้มีนางทาสคอยปรนนิบัติแปรงขน ป้อนอาหาร เอ่ยวาจาฉอเลาะว่ามันคือพยัคฆ์ที่หล่อเหลาที่สุดในใต้หล้า จากนั้นก็เอาหน้าสวยๆ ของนาง มาฟัดแก้มฟัดพุงปุกปุยของมันแม้แต่แมวสาวอย่างจวี๋จื่อยังมาช่วยนวดพุงให้มันอย่างประจบประแจง“ท่านเย่หมิงเจ้าคะ นวดแบบนี้ดีหรือไม่เจ้าคะ” หากนวดถูกใจพยัคฆ์หนุ่ม คืนนี้มันจะได้ไม่ต้องถูกแย่งที่นอน!“อืม ฝีมือนวดพุงของเจ้านี่ยอดเยี่ยมจริงๆ จวี๋จื่อน้อย” เสี่ยวเฮยมาวส่งเสียงตอบกลับมาอย่างพอใจครู่หนึ่งเสี่ยวหลานก็บินกลับมา มันกระซิบบางอย่างข้างๆหูของรวี่เยว่ คนฟังแววตาทอประกายวาบ“ขอบใจมากเสี่ยวหลาน” จากนั้นจึงเอ่ยปากชวนสิ่งมีชีวิตเพศผู้ตัวเดียวในห้อง“สุดหล่อของข้า พวกเราไปเยี่ยมเยียนเฉียนเยียนหรานกันสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ นางยังติดค้างคำขอโทษท่านอยู่เลยนะ”ร่างยักษ์พลิกตัวเปลี่ยนเป็นนอนตะแคง เหยียดแข้งขาบิดขี้เกียจ ก่อนลุกขึ้นมายืนเต็มตัว“อืมม จ
บทที่ 19/2 การเอาคืนของธิดาเทพ“ข้าไม่ผิด! ข้าไม่รู้นี่ว่ารวี่เยว่พาพยัคฆ์อนธการกลับมา ใครใช้ให้นางปิดปากเงียบไม่ยอมบอกว่าแมวตัวนั้นคือราชันย์แห่งภูผากันล่ะ หากจะโทษก็ต้องโทษนาง นางตั้งใจให้ผู้อื่นเข้าใจผิดเองนะ”เพียะ! เสียงหลังมือกระทบใบหน้าของเฉียนเยียนหรานดังขึ้น ร่างของหญิงสาวกระเด็นไปหลายจั้ง รวี่เยว่ยืนแผ่ไอสังหารดำทะมึนครอบคลุมไปทั้งโถง บรรยากาศหนาวเยือกเข้ากระดูก น่าพรั่นพรึงพอๆกับไอสังหารของอวี้เหวินเทียนหยายามไม่สบอารมณ์ในพริบตาต่อมารวี่เยว่แวบมาปรากฏตรงหน้าของเฉียนเยียนหราน ก้มลงจิกผมของอีกฝ่ายลากไปเหวี่ยงลงเบื้องหน้าเสี่ยวเฮยมาวอย่างไม่ออมแรงปั้ก! โอ้ยยย“ช่างโง่เง่าสามหาวไม่รู้สำนึก ตำแหน่งของข้าคือธิดาเทพ เจ้าลืมไปแล้วรึ! ดูท่าว่าที่ผ่านมาข้าคงใจดีกับเจ้าเกินไปสินะเฉียนเยียนหราน จะยอมคุกเข่าโขกศีรษะให้ท่านเย่หมิงดีๆ หรือต้องให้ข้าใช้กำลังบังคับ!!” กล่าวจบก็ปล่อยแรงกดดันกระแทกเฉียนเยียนหรานจนเข่าทรุดร่างยักษ์บนตั่งยกอุ้งเท้าขึ้นมา กางกรงเล็บสีดำยาวโง้งคมกริบให้เห็น ปรายตามองหญิงสาวบนพื้นอย่างข่มขู่“ข้ารอเจ้าขอขมาอยู่นะ แต่หากชักช้าไปกว่านี้ ข้าจะเริ่มอารมณ์เสีย…ยังจำ
บทที่ 20/1 ความลับที่ซ่อนไว้เชลยทั้งสามที่ถูกจับตัวมา กระชากเชือกที่ใช้มัดพวกตนออก หนึ่งในนั้นเหาะขึ้นไปยืนเคียงข้างรวี่เยว่ อีกสองคนกลายร่างเป็นบุรุษหน้าตาหล่อเหลาเย็นชา ยืนกอดอกหลุบตามองสิ่งมีชีวิตตรงหน้าอย่างไร้อารมณ์อันที่จริงรวี่เยว่ลงมาถึงตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว นางขอให้เสี่ยวเฮยมาวอยู่กับหุ่นภูตอีกตัวที่แปลงร่างเป็นนาง ทำทีว่าปิดด่านบำเพ็ญเพิ่มตบะอยู่ จากนั้นจึงค่อยลักลอบลงมาทีหลัง แผนล่อเสือออกจากถ้ำได้ผลตามคาดร่างบางร่อนลงมายืนบนพื้น ขอให้เสี่ยวเฮยมาวถอนแรงกดดันออก นางปล่อยพลังบางอย่างออกมาจากกายจากนั้นตรงไปหาเมิ่งอวี้เซียงเพื่อไต่ถาม เรื่องที่ลอบส่งนักฆ่ามาสังหารนางอยู่เนืองๆเมื่อปราศจากแรงกดดัน เมิ่งอวี้เซียงจึงเตรียมตัวปลดปล่อยพลังเพื่อต่อสู้ ทว่ากลับถูกพลังของเขตแดนแห่งแสงพิสุทธิ์สะกดไว้ เวลานี้ทั้งตัวนาง เมิ่งเฟยหลิงและมือสังหารจากสกุลเมิ่งทุกคน จึงมิต่างจากคนไร้พลังธาตุผู้ที่สามารถต้านทานเขตแดนนี้ได้คือผู้ที่ครอบครองธาตุมืดเท่านั้น“ปะ เป็นไปไม่ได้ นี่มันเขตแดนของผู้ที่มีอัคคีหิรัณย์ระดับหยวนอิงนี่ ไยเจ้าถึงมีมันได้!!”รวี่เยว่ใช้มือซ้ายเชยคางของเมิ่งอวี้เซียงขึ้น
บทที่ 20/2 ความลับที่ซ่อนไว้เรื่องที่นางหน้าเหมือนใครนั้นหาใช่สิ่งที่นางให้ความสำคัญ เป้าหมายสำคัญคือการกลับไปเล่นงานคนตระกูลหวังรวี่เยว่และเสี่ยวเฮยมาวตรงไปหาแม่นมชุนรวมถึงบ่าวไพร่ ซึ่งนางสั่งให้ย้ายไปพักยังโรงเตี๊ยมใกล้ที่ว่าการเมืองในคืนนี้ จากนั้นจึงกลับขึ้นภูผาครึ่งเดือนต่อมารวี่เยว่ลงมาทำพิธีปักปิ่นที่ร้านเฟิ่งหนี่ว์ ทว่าครานี้ชินอ๋องตามลงมาด้วย เขามอบปิ่นที่สั่งทำพิเศษให้แม่นมชุนใช้ในงานพิธี ชายหนุ่มทอดมองเด็กสาว ที่เวลานี้กลายเป็นหญิงสาวเต็มตัวด้วยสายตาภาคภูมิใจหลังเสร็จพิธีรวี่เยว่จึงบอกเจตจำนงของตน เรื่องที่อยากไปเมืองหลวงของอาณาจักรอู๋ซาง เพื่อจัดการธุระที่ค้างคามานานให้เสร็จสิ้น อวี้เหวินเทียนหยานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าอนุญาตให้นางทำตามใจ“ได้ หากเป็นความปรารถนาของเจ้า รอข้าสะสางงานที่คั่งค้างไว้เสร็จเรียบร้อยเมื่อไหร่จะรีบตามไปทันที อีกไม่กี่เดือนก็จะถึงงานประลองใหญ่ของอาณาจักร เจ้าก็ดูแลตัวเองให้ดีๆ” จากนั้นจึงหันมากล่าวกับพยัคฆ์อนธการ”ท่านเย่หมิง ข้าคงต้องรบกวนท่านช่วยดูแลรวี่เยว่แทนข้าด้วย”“ท่านอ๋องไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ ใครกล้ามาหาเรื่องนาง ข้าจะจับคนผู้
บทที่ 21 พบพักตร์เมื่อกลับถึงคฤหาสน์ที่ซื้อไว้ ชายหนุ่มเจ้าของลูกสุนัขสีขาว ก็กลับมามีหน้าตาอย่างที่ควรจะเป็น ผมสีหมึกแปรเปลี่ยนเป็นสีเงินส่องสว่าง ดวงตาสีนิลกลับคืนสภาพเป็นสีฟ้าอีกครั้ง จากชายหนุ่มหน้าตาธรรมดา เวลานี้กลับมารูปงามอย่างร้ายกาจเหตุที่ต้องแปลงกาย เป็นเพราะรูปโฉมอันโดดเด่นราวปีศาจจิ้งจอก ยามไปไหนมาไหนจึงมีสตรีพากันโยนผ้าเช็ดหน้าให้ชายหนุ่มจนอี้หรงรำคาญ และที่หนักข้อสุด คือการที่พวกนางวิ่งโร่มาหาฮั่วเฮ่อฉีถึงโรงเตี๊ยม ต่างติดสินบนหลงจู๊หรือเสี่ยวเอ้อร์ เพื่อให้ยอมบอกตำแหน่งห้องพักของชายหนุ่ม! มนตรามายาจิ้งจอก ที่ปกติมีไว้สะกดสตรีให้ลุ่มหลงหรือเพื่อให้ยอมทำตามคำสั่ง จึงถูกนำมาใช้ในลักษณะตรงกันข้าม นั่นคือ ใช้สะกดให้พวกนางไสหัวไปไกลๆ!! นึกถึงเรื่องนี้คราใดฮั่วเฮ่อฉีเป็นต้องกุมขมับ…อี้หรงกลับคืนสภาพเดิมเช่นเดียวกัน จากนั้นเดินไปทิ้งตัวบนเบาะผ้าไหมข้างตั่งตัวใหญ่“อี้หรง ที่เจ้าบอกว่าแมวสีเข้มในอ้อมแขนเด็กหนุ่มเมื่อตอนกลางวัน คือสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิอย่างนั้นหรือ”“ถูกต้องแล้วฝ่าบาท” ฮั่วเฮ่อฉีมีท่าทีสนใจ ผู้ที่สามารถทำให้สัตว์อสูรระดับจักรพรรดิ ยอมทำพันธะสัญญาด้วยย่อมไ
บทที่ 51/2 คนร้ายตัวจริง ถึงแม้ตัวเลี่ยวโร่เป้ยจะโดดเด่นเปี่ยมด้วยพรสวรรค์อย่างไร แต่กลับไม่มีสิทธิ์นั่งบัลลังก์ของอาณาจักรหวงซา ด้วยว่ามีมารดาเป็นสตรีจากอาณาจักรอู๋ซาง รวมถึงเรื่องที่นางเป็นเพียงบุตรีจากอนุ เมื่อเป็นเช่นนั้น เลี่ยวเจิงเวยจึงหารือกับสือเซิน วางแผนช่วยเขาพิชิตอาณาจักรอู๋ซาง หากทำสำเร็จเลี่ยวเจิงเวยสัญญาเป็นมั่นเหมาะว่า จะแต่งตั้งเลี่ยวโร่เป้ยขึ้นเป็นผู้ปกครองอาณาจักรอู๋ซางคนต่อไป ภายใต้ร่มเงาของอาณาจักรหวงซา เรื่องนี้วั่งเฉาหาได้รับรู้ เขาเข้าใจว่า หากหวงฝู่ฮ่าวอวี่ได้นั่งบัลลังก์ต่อจากพระบิดา สำนักกระบี่สวรรค์จะสนับสนุนวั่งเตี้ยนเถียน ให้ได้รับตำแหน่งฮองเฮาอย่างเต็มที่…ทั้งที่ความจริงตนเป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่งของสือเซิน …อาณาจักรหวงซาซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของมหาพิภพทงเทียนเหอ มีสายแร่หลายชนิดเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของอาณาจักร ทว่าพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย และเต็มไปด้วยภูเขาหินจึงขาดแคลนพื้นทำการเกษตร หลายร้อยปีมานี้มักเข้าโจมตีเมืองติดชายแดนของอาณาจักรอู๋ซางอยู่เนืองๆ จุดประสงค์เพื่อแย่งชิงดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ในเขตนั้นมาเป็นของตน เพิ่งจะมีการทำสัญญาสงบศึกไปเม
บทที่ 51/1 คนร้ายตัวจริง จวนอัครมหาเสนาบดี ภายในโถงรับรองของเรือนส่วนตัว วั่งเฉาเข่าทรุดกระอักเลือด รับแรงกดดันหนักหน่วงจากบุรุษในชุดผ้าไหมสีเงินที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ภายในใจอัดแน่นไปด้วยความหวาดหวั่นค่อนไปทางหวาดกลัว หวนรำลึกถึงเรื่องเมื่อสิบกว่าปีก่อน ในวันที่บุรุษผู้นี้เดินทางมาหาเขา พร้อมยื่นข้อเสนออันแสนหอมหวานยั่วยวนเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน สิ่งที่เขาต้องลงมือทำคือการกำจัดเด็กหญิงซึ่งมีชะตาหงส์ตามคำทำนายของหอพยากรณ์ในปีนั้น เด็กผู้หญิงอายุห้าหนาว ที่เกิดกลางฤดูวสันต์หลายคนถูกกำจัด ไม่ก็ถูกทำให้ไร้ซึ่งพลังธาตุ หากแต่คาดไม่ถึงว่า หนึ่งในนั้นจะรอดพ้นการคุกคามทั้งหมดทั้งมวลมาได้! กระทั่งเติบใหญ่ขึ้นมาและกลายเป็นธิดาเทพแห่งตำหนักเทวาอนธการผู้สูงส่ง แม้แต่พยัคฆ์อนธการยังยอมรับนางเป็นคู่พันธะ! “อาจารย์ หากวั่งเฉาตายจะมีคนสงสัยได้นะขอรับ โปรดยั้งมือด้วยเถิด” เสียงทุ้มของชายหนุ่มรูปงามที่นั่งกอดกระบี่อยู่บนเก้าอี้ดังขึ้น แรงกดดันหายไปตามคำขอ วั่งเฉาหอบหายใจรีบโกยอากาศเข้าปอดหนักหน่วง นึกว่าตนจะแดดิ้นด้วยมือบุรุษตรงหน้าเสียแล้ว เพียงแค่แรงกดดันยังทำเขากระอักเลือดไปหลายคำจนแทบสิ้นสติ
บทที่ 50/2 ความหวาดหวั่นและยำเกรง บัดนี้ เด็กคนนั้นกลายเป็นธิดาเทพแห่งตำหนักเทวาอนธการอันยิ่งใหญ่ สูงส่งห่างไกลจนมิอาจเอื้อมถึง เขาเคยปรามาสนางว่าเป็นเพียงแค่ขยะไร้ประโยชน์ ทั้งที่ความจริงนางคืออัจฉริยะ จะมีสักกี่คนบนมหาพิภพทงเทียนเหอ ที่สามารถบรรลุระดับหยวนอิงตั้งแต่อายุสิบห้า!… เขาและมารดาทำลายวาสนาอันยิ่งใหญ่ที่สมควรเป็นของตนลงกับมือ! ช่างน่าแค้นใจนัก… แต่หากว่าเขาทวงสิทธิ์ความเป็นบิดาของนาง กลับคืนมาต่อหน้าธารกำนัลในเวลานี้ ไม่แน่ว่าครั้งนี้อาจได้ผล! ด้วยเพราะฮ่องเต้ทรง ให้ความสำคัญเรื่องความกตัญญู ต่อบุพการีและผู้มีพระคุณเป็นอย่างยิ่ง หวังเหลียงหยัดกายลุกขึ้นก้าวออกมาที่ขอบกั้นอัฒจันทร์ กำลังจะอ้าปากเปล่งเสียงเรียกชื่อบุตรี ทว่ากลับถูกพลังลึกลับอันแข็งแกร่ง กระแทกเข้าที่ลำคอจนจุกแน่นก่อนกระอักเลือดออกมา ครั้นเหลือบมองขึ้นไปด้านบน สายตาพลันประสบเข้ากับดวงตาสีเขียวมรกต ทรงอำนาจดุดันของพยัคฆ์อนธการ พร้อมถ้อยคำส่งผ่านพลังปราณดังกึกก้องในโสตประสาท “หากไม่อยากสลายเป็นจุณ ก็เลิกคิดตอแยกับรวี่เยว่ซะ เพราะข้าหาใช่ผู้มีจิตใจเมตตา จำใส่กระโหลกหนาๆ ของเจ้าเอาไว้ให้ดี!” ร่างอรช
บทที่ 50/1 ความหวาดหวั่นและยำเกรง สุ้มเสียงแว่วหวาน เอื้อนเอ่ยแสดงความเคารพฮ่องเต้ของแคว้นอู๋ซางอย่างนอบน้อม วรกายสูงสง่าของโอรสสวรรค์ หยัดขึ้นจากเก้าอี้ประธาน ก้าวมาหาหญิงสาวด้วยรอยยิ้มประดับมุมปากบางเบา “ธิดาเทพ ยินดีที่ได้พบ” เขากล่าวรับคำทักทายของนาง ก่อนเอ่ยวาจาต่อจากนั้น “คล้ายมาก ช่างคล้ายมากจริงๆ ต้าอ๋อง ท่านเองก็คิดเหมือนข้าใช่หรือไม่” ฮ่องเต้หวงฝู่ฮุ่ยหมิ่นหันไปถามลูกพี่ลูกน้องของตน ผู้เป็นอ๋องปกครองแดนทักษิณ ต้าอ๋องหรือ หวงฝู่เจิ้งหยาง บุตรชายของต้าอ๋องผู้เฒ่าผู้ล่วงลับ ซึ่งมีศักดิ์เป็นพระปิตุลาของหวงฝู่ฮุ่ยหมิ่น “คล้ายอาลี่มากพะย่ะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมเห็นด้วยกับพระองค์” ต้าอ๋องลุกขึ้นจากที่นั่งก้าวมาสมทบกับฮ่องเต้ “ธิดาเทพ ข้าคงต้องขอละลาบละล้วงถามท่านซักคำถาม ไม่ทราบว่าพอจะบอกข้าได้ไหมว่า มารดาของท่านมีนามว่าอะไรหรือ” ต้าอ๋องเอ่ยถามสิ่งที่ต้องการทราบ ด้วยน้ำเสียงสุภาพและอ่อนโยน “เรียนต้าอ๋อง มารดาของหม่อมฉันมีนามว่า เยว่หนิงลี่เพคะ” คำตอบของนางสร้างความตื่นตะลึงอีกครั้งให้ใครหลายๆคนในสนามประลอง บุตรีรองแม่ทัพเยว่หนิงลี่! นั่นก็หมายความว่า หญิงสาวตรงหน้าคือเด
บทที่ 49/2 วันเปิดงาน ฮั่วเฮ่อฉีเองช่วงนี้ก็มัวแต่วุ่นวายอยู่กับพี่น้อง และศิษย์จากตำหนักเทพอนันต์ จนแทบไม่มีเวลาปลีกตัวมาพบรวี่เยว่ ชายหนุ่มถูกผู้อาวุโสขอให้ช่วยหลอมยา ให้บรรดาน้องๆ และศิษย์ตัวแทน จนตัวเขาแทบหมดเรี่ยวแรงทุกวี่วัน อี้หรงได้แต่มองคู่พันธะอย่างเห็นใจ ‘ใครใช้ให้ท่านอยากเป็นนักปรุงโอสถระดับเก้า ตั้งแต่อายุเท่านี้กันล่ะ ก้มหน้ารับชะตากรรมไปเถอะ ข้าเอาใจช่วย‘ สรุปว่าการเอาใจช่วยของอี้หรง ซึ่งหากฟังดีๆ จะคล้ายว่ากำลังสมน้ำหน้าเขา ทำให้มันโดนฮั่วเฮ่อฉีกัดหูไปหนึ่งทีจนน้ำตาร่วง… จากฤดคิมหันต์ย่างเข้าต้นฤดูสารท อากาศที่เคยร้อนอบอ้าวผันเปลี่ยนเป็นเย็นสดชื่นอีกครั้ง เวลาแห่งการประลองอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรอู๋ซางได้เริ่มต้นขึ้น ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางเข้าเมืองเทียนหวงเพื่อร่วมแข่งขัน หรือร่วมเป็นสักขีพยานในศึกของนักพรตรุ่นเยาว์ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่อึดใจ สนามประลองหลักที่ใช้ทำพิธีเปิดนี้ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองหลวง สามารถจุผู้ชมได้มากถึงสองหมื่นคน ท้องฟ้าสีครามสดใสไร้เมฆบัง สายลมเย็นพัดเข้ามาเบาๆ ราวกับดนตรีที่เล่นโดยธรรมชาติ ท่ามกลางเสียงโห่ร้อง
บทที่ 49/1 วันเปิดงานประลอง สิบห้าวันต่อมา ตัวแทนจากตำหนักเทวาอนธการได้เดินมาถึง โดยมีผู้อาวุโสหนึ่งและสอง นำศิษย์มากฝีมือซึ่งมีอายุไม่เกินสิบแปด จำนวนทั้งหมดหกคนที่จะเข้าร่วมการประลอง เดินทางมาด้วยตนเอง ส่วนองค์ไท่จื่ออย่างองค์ชายใหญ่ และองค์หญิงรองมิได้เข้าร่วมการประลองในครั้งนี้ เพียงแค่มาร่วมชมความสนุกเฉยๆ ฮ่องเต้ทราบข่าวจากชินอ๋องอวี้เหวินเทียนหยา จึงมอบตำหนักรับรองริมทะเลสาบให้เป็นที่พักสำหรับคนจากตำหนักเทวาอนธการ ส่วนคนจากตำหนักเทพอนันต์ มีตำหนักใกล้ภูเขาทางทิศเหนือเป็นที่พักประจำอยู่แล้ว อวี้เหวินเทียนหยาและรวี่เยว่ไปรอรับพวกเขาอยู่ที่นั่นตั้งแต่ช่วงสาย ครั้นพอได้เวลามวลอากาศบนท้องฟ้าเหนือตำหนักก็แยกออกเป็นช่องกว้างขนาดใหญ่ คณะเดินทางทั้งหมดจากตำหนักเทวาอนธการก็ทยอยกันออกมา ทันทีที่อวี้เหวินอิงเอ๋อร์เห็นหน้ารวี่เยว่ นางก็ขี่กระบี่พุ่งตรงมาหา ใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราจดจ้องธิดาเทพผู้เป็นสหายรักด้วยแววตาน้อยอกน้อยใจ “รวี่เยว่ คนใจร้าย ท่านทิ้งข้าไว้คนเดียวตั้งหลายเดือน ข้าเหงามากเลยรู้ไหม ฮึก ไม่มีใครเล่นสนุกกับข้าเลย ทุกคนเอาแต่เก็บตัวฝึกวิชา…ท่านสัญญาได้หรือไม่ว่าต่อไป
บทที่ 48/2 ความเปลี่ยนแปลง ในที่สุดก็ครบกำหนดจ่ายหนี้ที่ค้างไว้ ทั้งหวังเหลียงและฮูหยินผู้เฒ่าต่างอ้อนวอนหญิงสาว ขอให้นางเห็นแก่ความเป็นพ่อลูก ยอมให้พวกเขาอาศัยอยู่ที่จวนหลังนี้ต่อไป เพราะอย่างไรเสียพวกเขาก็คือครอบครัวของนาง รวี่เยว่หัวเราะเย้ยหยัน ก่อนกล่าววาจาตอบโต้จนคนฟังหน้าชา “ฮ่าๆๆ ให้ข้าเห็นกับความเป็นพ่อลูกอย่างนั้นรึ! ช่างพูดออกมาได้ไม่อายปาก หากไม่ตกที่นั่งลำบากคงยังมองว่าข้าเป็นเพียงขยะไร้ประโยชน์อยู่สิท่า หึ! หน้าหนาไร้ยางอาย ข้าหาใช่บุตรหลานของพวกท่านนานแล้ว จำมิได้รึ?! เสมียนหวัง ท่านยังจำได้หรือไม่ หลังจากท่านส่งหนังสือตัดขาดไปให้ข้าเมื่อหกปีก่อน ท่านก็หยุดส่งเสียข้า ไม่สนใจว่าข้าจะมีที่ซุกหัวนอนหรือมีข้าวกิน โชคดีที่เจ้าของบ้านเช่าหลังนั้นเวทนาข้า แม่นมชุน และพี่ชุนอิ่ง ถึงได้ยอมให้พวกข้าอยู่โดยไม่เก็บเงินค่าเช่าเป็นเวลาสามเดือน! ไฉนตอนนั้นพวกท่านถึงไม่คิดว่าข้าเป็นคนในครอบครัวบ้างเล่า ทั้งๆ ที่เสวยสุขอยู่บนทรัพย์สินของมารดาข้าแท้ๆ! ข้าให้เวลาพวกท่านเก็บของหนึ่งวัน พรุ่งนี้เช้ายามเฉิน (07:00-08:59) พวกท่านทุกคนต้องย้ายออกไปจากที่นี่! หากไม่ยอมไปข้าจะไปแจ้งทาง
บทที่ 48/1 ความเปลี่ยนแปลง หวังเหลียงกระดกจอกสุราเข้าปากจนหมด ก่อนหันมามองมารดาด้วยสายตาว่างเปล่า “ท่านแม่จะถามข้าทำไมขอรับ ในเมื่อท่านบอกเองว่าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งสิ้น” “อาเหลียง นี่มันใช่เวลาที่เจ้าจะมาประชดประชันข้าไหม ลองตรองดูให้ดี บางทีเรื่องนี้อาจเชื่อมโยงกัน เริ่มจากการที่เจ้ามาถามข้าเรื่องพิษ ต่อมาลุงของเจ้าก็หายตัว จากนั้นพลังของเจ้าก็…เฮ้อออ “ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจยาวในท้ายประโยคและเริ่มกล่าวต่อ “เจ้าไม่คิดว่ามันน่าแปลกหรอกรึ แต่ที่ข้ามาถามเจ้า เป็นเพราะวันนี้ทั้งเสียนเอ๋อร์และเหยียนเอ๋อร์ จู่ๆ ก็ไข้ขึ้นสูงอย่างไม่มีสาเหตุ หมอกี่คนมาตรวจต่างบอกว่าเป็นไข้ไม่ได้ถูกพิษ อาการเหมือนกับเจ้าก่อนหน้านี้ไม่มีผิด” คำพูดของหญิงชรามีความเป็นไปได้อยู่หลายส่วน หากนำมาเชื่อมโยงกันให้ดีๆ ก็จะเห็นจุดที่น่าสงสัย ทว่าในเอกสารที่เขาเคยอ่านผ่านตา ระบุไว้ชัดเจนเรื่องพิษเพลิงอสูรสดับปราณ ว่าจะออกฤทธิ์ได้ดีกับเด็กเล็กเท่านั้น ทั้งไม่เคยปรากฏในบันทึกไว้ว่าพิษนี้มีผลกับผู้ใหญ่ แต่หากตัวเขาถูกพิษชนิดนี้จริง นั่นก็หมายความว่า ต้องมีนักปรุงโอสถระดับสูง ที่สามารถปรุงพิษเพลิงอสูร
บทที่ 47/2 สองตำหนักเปิดใจ ครั้งนี้ฮั่วเฮ่อฉีดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ หากองค์ราชาอวี้เหวินเทียนเหิงมีความสามารถพิเศษนี้จริง นั่นก็หมายความว่ารวี่เยว่คือองค์หญิงของตำหนักเทวาอนธการ และอวี้เหวินเทียนหยาก็คือพระปิตุลาของนาง! มิน่าเล่าเขาถึงกล่าวว่า สวรรค์เล่นตลกกับเขา! รอยยิ้มงดงามเจิดจ้าราวแสงตะวันยามเช้า ที่ส่งไปถึงดวงตาของฮั่วเฮ่อฉีผุดพรายเต็มดวงหน้า มือใหญ่ยกมากุมต้นแขนทั้งสองข้างของอวี้เหวินเทียนหยาพร้อมเขย่าเบาๆ “หลานเขยคงต้องขอฝากตัวกับท่านแล้ว พระปิตุลาของรวี่เยว่” เขาลอยหน้าลอยตาเอ่ยวาจาฝากฝังตัวเองกับอีกฝ่ายแบบเนียนๆ อวี้เหวินเทียนหยาคิ้วกระตุก ก้าวถอยหลังให้หลุดจากการเกาะกุมของฮั่วเฮ่อฉี ก่อนเอ่ยวาจาน้ำเสียงเนิบนาบระคนหมั่นไส้อย่างอดไม่อยู่ “หึ! อย่าเพิ่งหลงระเริงนัก ข้ายังไม่ได้บอกว่าท่านผ่านการทดสอบแล้วเสียหน่อย เรื่องนี้คงต้องดูกันอีกนาน และที่สำคัญเสด็จพี่ของข้าฝากมาบอกท่านว่า” “ธิดาของข้าจะเป็นเพียงภรรยาคนเดียวในชีวิตของสามีนาง หากบุรุษผู้นั้นทำไม่ได้ ก็ไสหัวไปไกลๆ เพราะข้าจะไม่มีวันยกนางให้เด็ดขาด!” อวี้เหวินเทียนหยาถ่ายทอดวาจาของ