ด้านหน้าปากซอยแห่งหนึ่งเป็นที่ตั้งของตลาดสดขนาดใหญ่ มีแผงขายสินค้ามากกว่าสองร้อยแผง และรอบๆ มีอาคารห้องแถวให้เช่ามีผู้เช่าเต็มทุกห้อง เจ้าของตลาดและห้องแถวในย่านนี้มีคฤหาสน์หลังงามอยู่ท้ายซอย
“ป้าครับ รู้จักบ้านคุณนายแพรพรรณกับคุณสมเกียรติไหมครับ”
รถกระบะคันหนึ่งแล่นมาจอด แล้วเปิดกระจกฝั่งคนขับหยุดถามแม่ค้าขายกล้วยทอดหน้าทางเข้าตลาด
“ขี่รถไปจนสุดซอยนู้นเลยค่ะ บ้านหลังใหญ่ๆ ตรงนั้นแหละ บ้านคุณแพรพรรณกับคุณสมเกียรติ”
“ขอบคุณครับป้า ออ ผมขอกล้วยทอดกับมันทอดร้อยนึงครับ”
คำขอบคุณมาพร้อมกับธนบัตรสีแดงถูกส่งให้แม่ค้า เมื่อได้รับถุงกล้วยทอดรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่คันนั้น ก็แล่นเข้าไปในซอยตามทางที่แม่ค้าบอก แล้วไปจอดอยู่ข้างรั้วบ้านไม่ไกลจากประตูทางเข้า รถจอดนิ่งอยู่แบบนั้นนานร่วมสิบนาที ก็เห็นประตูบ้านเปิดออก รถยนต์หรูสีดำคันหนึ่งแล่นออกมาจากด้านในจอดรออยู่หน้าบ้าน ใบหน้ารกครึ้มด้วยหนวดเคราของคนมอง ปรากฏรอยเหยียดบนมุมปากเล็กน้อยก่อนจะคลายลง ดวงตาคมกริบใต้เรียวคิ้วดกหนาจ้องมองอย่างตั้งใจ ครู่ต่อมาร่างระหงของหญิงสาวคนหนึ่ง ในชุดกระโปรงยาวสีขาวก็ออกมาจากด้านใน พร้อมกับหญิงวัยกลางคนเดินตามมาด้วย ทั้งสองหยุดพูดคุยอะไรกันหน้าบ้านครู่หนึ่ง ก่อนที่หญิงสาวคนนั้นจะขึ้นรถที่จอดรออยู่ออกไป คนซุ่มมองรีบขยับลงจากรถเดินตรงมาหาคนที่กำลังจะปิดประตูบ้าน
“ป้าครับ ขอถามอะไรหน่อยครับ”
คนพูดมองสภาพของชายหนุ่ม ที่สวมเสื้อเชิ้ตเก่ากับกางเกงยีนส์สีซีด ด้วยสายตาระแวง ท่าทางอีกฝ่ายดูไม่น่าไว้ใจ
“ที่นี่ บ้านคุณนายแพรพรรณกับคุณสมเกียรติใช่ไหมครับ”
“ใช่ ที่นี่ไม่ซื้อของเร่ขายหรอกนะ”
แกโบกมือปฏิเสธเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายมาขายของ ผลักประตูรั้วปิดเตรียมหันหลังกลับเข้าไปในตัวบ้าน แต่ชายหนุ่มเรียกไว้อีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อนสิป้า ผมไม่ได้มาขายของ ผมมาสมัครงานครับ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ออ ที่นี่คนงานเต็มแล้ว ไม่รับเพิ่มหรอกจ้าพ่อหนุ่ม”
“ผมได้ยินคนที่ตลาดบอกว่า ถ้าอยากได้งานให้มาลองสมัครดู” เขายังไม่ละความพยายาม
“ที่นี่คนงานเต็มแล้วจริงๆ ไปหางานที่อื่นเถอะ แถวอู่รถหน้าปากซอยเหมือนติดป้ายรับสมัครคนงาน ลองไปถามดูสิ บอกว่าป้าแววแนะนำมาก็ได้”
ท่าทางหวาดระแวงคลายลง เมื่อเห็นท่าทีซื่อๆ ของของฝ่ายตรงข้าม นางแววแม้บ้านของที่นี่ จึงแนะนำด้วยความหวังดี
“น่าเสียดาย ผมอยากทำงานที่บ้านใหญ่ๆ แบบนี้ คงอยู่สุขสบายดี” คำพูดนั้นทำให้คนฟังยิ้มขำในความซื่อ
“เป็นคนใช้เขาจะสบาย ได้ยังไง แม้แต่หลานในไส้คุณนายแกยังเรียกใช้ หัวไม่วางหางไม่เว้น”
ในสายตาคนภายนอกอาจคิดว่าการได้ทำงานในคฤหาสน์หลังใหญ่สบาย แต่ความจริงแล้วคนงานที่นี่มีน้อยมากเพียงสามคนเท่านั้น ประกอบด้วยตัวนางเองที่มีหน้าที่เป็นแม่บ้าน นายมั่นสามีของนางทำหน้าที่เป็นคนขับรถและควบตำแหน่งคนสวน และมีเด็กชาวเขาชื่ออาหมี่คอยช่วยทำความสะอาดในบ้าน รวมถึงหลานสาวของเจ้าบ้านที่โดนใช้งานราวกับคนรับใช้อีกคน พอเรียนจบมัธยมก็ไม่ยอมให้เรียนต่อบอกว่าสิ้นเปลือง แต่ลูกสาวตัวเองกลับส่งให้เรียนมหาวิทยาลัยเอกชน คิดแล้วน่าเวทนานัก
“เห็นว่าคุณนายแพรพรรณแกมีลูกสาวสวย ผมอยากเห็นเป็นบุญตา” คนพูดชะเง้อมองเข้าไปในบ้าน
“ก็เพิ่งออกไปเมื่อกี้ไม่เห็นหรือไง หน้าอย่างเอ็งได้แค่มองไฟท้ายรถก็บุญหัวแล้ว อย่าคิดไปหมายปองดอกฟ้าเลย เพราะคุณหนูของฉัน เธอกำลังจะแต่งงานกับเศรษฐี นี่เดือนหน้าก็จัดงานแล้ว เห็นว่าเจ้าบ่าวเตรียมงานใหญ่โต”
นางแววพูดข่มเกทับเจ้าหมาข้างถนนให้เลิกฝันกลางวัน เมื่อครู่คุณหนูของนางกำลังจะออกไปข้างนอก จึงเรียกนายมั่นคนขับรถไปส่ง นางเลยขอให้พาคุณมัสลินไปส่งที่หน้าปากซอยด้วย ไม่อยากให้เดินตากแดดร้อนๆ ออกไปเก็บค่าเช่าให้คุณนาย
“อ้อ คนเมื่อกี้ในรถ” เขาพยักหน้าทำท่านึกออก
“ฉันจะเข้าบ้านแล้ว จะไปไหนก็ไปเถอะ”
พูดจบนางแววก็พาร่างค่อนข้างท้วมของตนเดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน ปล่อยให้ชายหนุ่มคนนั้นมองอยู่นอกรั้ว โดยไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายหยิบโทรศัพท์มาเปิดดูภาพที่เพิ่งถ่ายไปเมื่อครู่
“นี่สินะลูกสาวนายสมเกียรติ นางแพรพรรณ หึ สวยน่ารักขนาดนี้ ช่างเลือกไม่เบานี่ ไอ้ภานุ”
ร่างสูงใหญ่หมุนกายเดินออกมาจากหน้าประตูรั้ว เดินกลับมานั่งบนรถกระบะก่อนจะสตาร์ทเครื่องขับออกมา เมื่อบรรลุเป้าหมายในการสืบดูประวัติของว่าที่เจ้าสาวของภานุ อัศวนาวิน ใบหน้าคร้ามคมรกเรื้อด้วยหนวดเคราหนา มีรอยยิ้มหยันเมื่อปรายตามองหญิงสาวในรูป
“ไอ้ภานุ เกมของเรากำลังจะเริ่มต้น ฉันไม่ปล่อยให้แกมีความสุขหรอก”
///
รถยนต์หรูคันงามแล่นมาจอดหน้าปากซอย ประตูด้านข้างคนขับเปิดออกพร้อมกับร่างของหญิงสาวก้าวลงมา ไม่ทันจะเดินออกไปกระจกรถตรงที่นั่งด้านหลังก็เปิดออก
“ยายมัส ฝากซื้อพายมะพร้าว เอามาสองกล่องนะ แช่ตู้เย็นไว้ให้ด้วยเดี๋ยวเย็นนี้จะกลับมากิน” ธนบัตรสีเทาถูกยื่นส่งให้
“ค่ะ พี่ป่าน” มัสลินยื่นมือไปรับธนบัตรของพี่สาวมาเก็บไว้
ลินินปรายตามองไปยังตึกแถวข้างตลาดนิดหนึ่ง เมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงเปิดประตูร้านขายขนมออกมาก็รีบกดปิดกระจกรถ แล้วสั่งให้คนรถขับออกไปทันที
“สงสัยวันนี้ฝนจะตก ยายคุณหนูป่านยอมให้นั่งรถมาด้วย”
“พอดีพี่ป่านมีธุระ เลยให้มัสติดรถมาด้วย พี่ปอนด์อย่าไปแขวะพี่ป่านเลยค่ะ เดี๋ยวพี่ป่านรู้เข้าจะพาลเกลียดขี้หน้าพี่ปอนด์มากกว่าเดิม”
มัสลินรีบบอกเกรงว่าปรัชญ์จะเหน็บแนมพี่สาวเธอมากกว่านี้ เขากับลินินเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่เรียนมัธยม ปรัชย์อายุมากกว่าลินินสามปีแก่กว่ามัสลินห้าปี เขาย้ายมาเรียนโรงเรียนเดียวกับเธอและพี่สาว เขาย้ายมาพร้อมกับมารดามาเช่าตึกแถวเปิดร้านขายขนมที่ตลาดทรัพย์เจริญแห่งนี้ เปรมใจแม่ของปรัชญ์เป็นลูกศิษย์เก่าของคุณยายของมัสลิน จึงมักพาลูกชายแวะไปหาท่านที่บ้านบ่อยๆ พลอยให้เด็กทั้งสองสนิทสนมกัน
“ช่างสิ ใครจะสน มาเข้ามาก่อน ข้างนอกร้อนจะตาย เดี๋ยวแดดเผาดำหมด”
ปรัชญ์เปิดประตูร้านให้หญิงสาวเดินเข้าไปด้านใน กลิ่นหอมของขนมปังลอยฟุ้งชวนน้ำลายสอทันทีที่เข้ามา ทำเอาคนได้กลิ่นท้องร้องเสียงดัง
“หิวใช่ไหม มานั่งตรงนี้ก่อน เดี๋ยวพี่เอาอะไรมาให้กิน”
ลูกชายเจ้าของร้านได้ยินเสียงท้องร้องก็จูงมือมัสลินมานั่งที่เก้าอี้ แล้วเดินหายเข้าไปด้านใน ก่อนจะกลับมาพร้อมข้าวผัดและน้ำหวานมาวางตรงหน้า
“ข้าวผัดไส้กรอกของชอบของมัสไง แม่พี่ทำไว้ให้ นี่น้ำกระเจี๊ยบเย็นๆ จะได้สดชื่น”
“ขอบคุณค่ะ น่ากินมากเลย มัสกินก่อนนะคะ”
มัสลินเอ่ยขอบคุณแล้วลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย ตั้งแต่เช้าเธอได้กินข้าวต้มไปชามเดียว หลังจากป้อนข้าวป้อนยาให้คุณยายที่นอนป่วยอยู่ ก็ต้องมาช่วยเด็กอาหมี่ทำความสะอาดบ้าน กว่างานจะเสร็จก็บ่ายคล้อย ไม่ทันจะได้กินอะไรคุณป้าแพรก็ใช้ให้มาเก็บค่าเช่า โชคยังดีที่นางแววฝากเธอติดรถของพี่สาวออกมาด้วย หากปั่นจักรยานออกมาเหมือนทุกครั้งคงลำบากกว่านี้
“พี่สงสารมัสเหลือเกิน ทำไมต้องทนให้เขาใช้งานราวกับทาสแบบนั้น มัสเรียนจบมีวุฒิปริญญาน่าจะหางานทำแล้วย้ายออกมาอยู่ข้างนอก”
ตอนที่ 2.กาฝากที่ไม่มีใครต้องการ/2ปรัชญ์มองมัสลินด้วยแววตาเวทนา มัสลินเป็นลูกสาวของคุณไหมพิมพ์ลูกสาวคนเล็กของคุณยายฝ้ายคำกับสามีนักดนตรีชาวอังกฤษ เมื่ออายุได้สิบสองก็ต้องกำพร้าสูญเสียบิดามารดาจากอุบัติเหตุรถคว่ำ คุณยายฝ้ายคำรับหลานสาวมาเลี้ยงดูให้อยู่อาศัยที่เรือนไทยของท่าน ในบริเวณเดียวกับคฤหาสน์ของลูกสาวคนโตกับสามี ห้าปีแรกมัสลินได้รับการดูแลอย่างดีจากผู้เป็นยาย แต่พอปีต่อมาคุณยายฝ้ายคำเกิดล้มป่วยนอนติดเตียง แพรพรรณถือโอกาสนี้ให้คนเป็นแม่เซ็นยกอำนาจในการดูแลทรัพย์สินให้ตนเอง แล้วใช้อำนาจที่มีข่มเหงหลานสาวในไส้ เรียกไปใช้งานในบ้าน รวมถึงเป็นคนเก็บค่าเช่าตึกและค่าแผงในตลาด แลกกับอาหารและค่ารักษาพยาบาลของคนป่วย มัสลินจำต้องยอมให้ผู้เป็นป้ากดขี่ข่มเหง จนเรียนจบมัธยมปลายนางแพรพรรณไม่ยอมส่งเสียให้เรียนต่อ เปรมใจสงสารจึงแนะนำให้มัสลินเรียนต่อทางไกลกับมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จนจบปริญญามาอย่างยากเข็ญ“ถ้ามัสออกมา แล้วใครจะดูแลคุณยาย”มัสลินวางช้อนลง ยิ้มเศร้า แววตาอ่อนแสงลงเมื่อนึกถึงคนป่วยที่นอนเป็นอมพาตมาร่วมหลายปี ทุกวันนี้เธออดทนทำทุกอย่างก็เพราะมีคุณยายเป็นแรงใจ หากไม่นับผู้เป็นป้
ตอนที่ 3.กาฝากที่ไม่มีใครต้องการ/3“ป้าแสงแกขอติดไว้สองร้อย บอกว่าอาทิตย์หน้าจะรวบยอดมาจ่ายให้ งวดนี้แกเล่นหวยหนักไปหน่อย”“ขอบคุณค่ะพี่ปอนด์ อุตส่าห์ไปช่วยเก็บค่าแผงให้” มัสลินเอ่ยขอบคุณ แล้วยิ้มประจบ“เล็กน้อยน่า คนแถวนี้เขาสงสารมัสกันทั้งนั้น อะไรที่พอช่วยได้เขาก็ช่วยกัน อีกอย่างคุณยายก็มีบุญคุณกับพวกเขา สร้างตลาดให้ที่ทำมาหากิน แถมเก็บค่าเช่าไม่แพง”คุณยายฝ้ายคำเป็นที่รักและเคารพนับถือของแม่ค้าและคนในละแวกนี้มาก พลอยให้หลายคนนึกเอ็นดูมัสลินไปด้วย ต่างกับแพรพรรณที่ถูกคนเกลียดชังเพราะความเห็นแก่ตัว และไม่เคยช่วยเหลือใคร“มัสต้องกลับแล้วค่ะ สักสองทุ่มมัสจะแวะมาใหม่นะคะ”มัสลินมองดูนาฬิกาข้างฝาผนัง เห็นว่าเย็นมากแล้ว ใกล้เวลาที่เธอต้องกลับไปอาบน้ำป้อนข้าวป้อนยาคุณยาย“เดี๋ยวพี่ไปส่ง” ปรัชญ์ลุกขึ้นตาม“ไม่เป็นไรค่ะ มัสกลับเองได้ เดี๋ยวทำขนมเสร็จพี่ปอนด์ค่อยไปส่งมัส”“โอเค พี่จะไปอาบน้ำ แล้วจะลงมาเตรียมวัตถุดิบกับอุ่นเตาไว้ให้”“ขอบคุณค่ะ มัสไปก่อนนะคะ”มัสลินเดินออกจากร้านขนมมาด้วยท่าทางร่าเริง วันนี้สำหรับเธอแล้วมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นหลายเรื่อง ได้ยอดขายขนมเพิ่ม ไม่ต้องเหนื่อยเก็บค่าแผง
ตอนที่ 4. กาฝากที่ไม่มีใครต้องการ/4ที่พักอาศัยของคุณยายฝ้ายคำเป็นเรือนไม้ทรงไทย อยู่ในบริเวณเดียวกับคฤหาสน์ของลูกสาว เพียงแค่มีรั้วไม้กั้นเขตไว้ เดิมที่ดินเป็นผืนเดียวกัน หลังจากแพรพรรณแต่งงานกับสมเกียรติได้ขอให้มารดาแบ่งแปลงที่ดินออกเป็นสองแปลง เซ็นยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเอง คุณยายฝ้ายคำจึงสั่งให้คนงานมาทำรั้วไม้กั้นฝั่งเรือนไทยของตัวเองไว้ และที่ดินฝั่งเรือนไทยผืนนี้ตั้งใจจะมอบให้ไหมพิมพ์ลูกสาวคนเล็ก แต่ไหมพิมพ์แต่งงานกับไมเคิลก็ย้ายออกไปอยู่กับสามี และได้เสียชีวิตไปทิ้งลูกสาวคนเดียวคือมัสลินไว้ให้ท่านดูแล การโอนกรรมสิทธิ์ให้หลานสาวยังไม่ได้ทำคุณยายฝ้ายคำก็ประสบอุบัติเหตุป่วยเป็นอัมพาตขยับไม่ได้ ที่ดินบ้านเรือนไทยจึงกลายเป็นมรดกส่วนกลางมัสลินเดินออกจากตึกหลังใหญ่หิ้วถุงขนมติดมือมาด้วยถุงหนึ่ง เปิดประตูรั้วเข้ามาบริเวณเรือนไทย หากบ้านหลังใหญ่ของคุณแพรพรรณคือนรก ที่นี่คงเปรียบดั่งสวรรค์ ความสงบเงียบร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที หญิงสาวเดินขึ้นไปบนเรือน ตรงไปยังห้องนอนของผู้เป็นยาย เปิดประตูห้องเข้าไปก็พบเด็กอาหมี่กำลังทำความสะอาดอยู่ ส่วนคุณยายนอนดูทีวีเงียบตาม
ตอนที่ 5 เจ้าสาวตัวแทน/1 อาทิตย์ต่อมาแพรพรรณกับสมเกียรติพามัสลินเดินทางไปยังภูเก็ตสถานที่จัดงานแต่งงาน ก่อนเดินทางมัสลินเข้าไปกราบลาคุณยายฝ้ายคำ“มัสต้องไปช่วยงานแต่งงานของพี่ป่าน ป้าแพรบอกว่าต้องไปหลายวัน” มัสลินพนมมือกราบบนอกผู้เป็นยาย“ไปดีมาดีนะลูก ยายจะรอมัสกลับมา” คนแก่ลูบศีรษะหลานสาว พร้อมอวยพร“คุณยายอยู่ทางนี้ก็ทานข้าวทานยาที่อาหมี่ป้อนให้ครบนะคะ ไม่ต้องเป็นห่วงมัส ถ้าเสร็จงานมัสจะรีบกลับมาหาคุณยายค่ะ”พูดไปก็รู้สึกแน่นในอกตาร้อนผ่าวจนต้องกลั้นเอาไว้ ด้วยไม่เคยจากผู้เป็นยายไปไหนนานๆ แม้นางแววกับเด็กอาหมี่จะรับปากว่า จะผลัดกันมานอนเฝ้าคุณยาย และช่วยดูแลป้อนข้าวป้อนยาตามเวลา แต่มัสลินก็รู้สึกวูบโหวงในใจ พยายามไม่คิดมาก ปัดความห่วงใยออกจากใจ เธอต้องเชื่อใจนางแววกับเด็กอาหมี่สิ ทั้งสองรับปากแล้วว่าจะดูแลคุณยายอย่างดี เธอเองก็ไม่ได้ไปเป็นเดือน เพียงอาทิตย์เดียวก็ได้กลับมาหาคุณยายแล้ว “ไม่ต้องห่วงยาย ดูแลตัวเองให้ดีๆ นะลูก ยายจะรอมัสกลับมา”คนแก่ย้ำอีกครั้ง กอดหลานสาวไว้แน่น รู้สึกใจหายแปลกๆ แต่พยายามไม่คิดในทางร้าย อาจจะไม่ใช่ลางสังหรณ์บ้าบออะไร ท่านควรคิดแต่สิ่ง
ตอนที่ 6.เจ้าสาวตัวแทน/2 “ขอบคุณค่ะ ฉันถอดชุดออกได้แล้วใช่ไหมคะ” มัสลินทำท่าจะขยับลุก แต่ถูกห้ามไว้ก่อน“ยังค่ะ ยังถอดไม่ได้ ต้องไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งก่อนค่ะ เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ไม่ค่อยมีเวลา แถมงานก็จะจัดในไม่กี่วันนี้แล้ว ทางเราต้องเร่งทำสแตนดิ้งด้วย ขอความร่วมมือด้วยนะคะ”จากแค่ลองชุด แต่งหน้าทำผม บานปลายไปจนถึงขั้นต้องถ่ายพรีเวดดิ้ง ทำเอามัสลินอึดอัดพูดอะไรไม่ออก จะปฏิเสธก็ไม่ได้ ได้แต่นิ่งเงียบไว้ก๊อก ก๊อก ก๊อก !!!เสียงเคาะประตูดังขึ้น พอช่างเสื้อไปเปิดก็มีผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง ใบหน้าของเขาหล่อเหลาแบบหนุ่มตี๋ แต่เจ้าตัวดูเคร่งขรึมไร้รอยยิ้มประดับ ดวงตายาวเรียวมองมาทางมัสลิน เมื่อสบตากันหญิงสาวก็รู้สึกอึดอัดใจกว่าเดิม เมื่อเห็นแววตาของเขาช่างเย็นชาราวกับรูปปั้นไร้หัวใจ นึกขอบคุณสวรรค์ที่เธอไม่ใช่เจ้าสาวของเขาจริงๆ และนึกเห็นใจลินินที่ต้องแต่งงานกับผู้ชายแบบนี้ ป้าแพรพรรณจับลูกสาวคลุมถุงชนกับเศรษฐีใหญ่ โดยไม่สนใจว่าพี่สาวของเธอจะเต็มใจหรือไม่ ลินินมาบ่นให้เธอฟังหลายหนว่า อยากจะล้มเลิกงานแต่ง แต่แม่กับพ่อรับสินสอดบางส่วนจากทางเจ้าบ่าวมาแล้ว แถมยังเอาไปใช้หนี้เกือบหมดคงไ
ตอนที่7. เจ้าสาวตัวแทน/3“แต่ก็ยังดีกว่าเรื่อง สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ดนะคะ อย่างน้อยฉันก็ไม่ถูกไล่ออกจากบ้าน ไม่ถูกสั่งฆ่า หรือว่าถูกแม่มดหลอกให้กินแอปเปิ้ลอาบยาพิษ”มัสลินยังมีอารมณ์ขัน ทั้งที่อยากร้องไห้เต็มทน เธอมองเห็นอนาคตตัวเองโดยไม่ต้องให้หมอดูทำนาย “รันทดได้อีก” ภานุส่ายหน้าอย่างเวทนา“ฉันชินแล้วค่ะ ยอมให้ป้าแพรด่าสักหน่อย ตบอีกทีสองที แลกกับการไม่ถูกไล่ออกจากบ้าน ได้อยู่ดูแลคุณยาย ฉันว่าฉันทนได้ค่ะ”น้ำเสียงคนพูดแม้จะพยายามให้สดใส แต่ก็ซ่อนความปวดร้าวไว้ไม่มิด คนฟังสะท้อนใจสงสารหญิงสาวคนนี้เหลือเกิน บิดาของเขาอยากให้เขามีทายาทสืบสกุลให้ท่าน บังคับให้เขาแต่งงานกับหญิงสาวที่ท่านเลือกให้ แลกกับการยกมรดกทั้งหมดให้ ภานุจำยอมอย่างไร้ทางเลือก เขาทำใจแล้วกับการต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รัก และคงต้องฝืนใจมีทายาทให้บิดาสมหวัง จากนั้นเขาอาจจะขอหย่า โยนเงินให้สักก้อนเพื่อแยกทางกัน แล้วกลับไปใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ แต่มัสลินทำให้เขาเกิดความคิดบางอย่าง“คุณเป็นคนดี ไม่ควรต้องทนให้ป้าคุณข่มเหง”“ฉันมีคุณยายที่ป่วยเป็นอัมพาตต้องดูแล ฉันทิ้งท่านไม่ได้หรอกค่ะ ต่อให
ตอนที่ 8.ทัณฑ์เถื่อน/1“ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันเตรียมคำอธิบายไว้แล้ว ลูกต้องเข้าใจค่ะ”แพรพรรณเชื่อมั่นว่าเธอสามารถจัดการทุกอย่างได้ ตอนนี้มัสลินก็เข้าพิธีแทนลินินไปแล้ว ชั่วดียังไงหลานสาวของเธอก็ได้ชื่อว่าเป็นสะใภ้ของเจ้าสัวโภคิน อีกฝ่ายคงไม่กล้าโวยวายให้เสียหน้า ส่วนชีวิตหลังจากนี้ของมัสลินเธอไม่คิดจะสนใจงานเลี้ยงสิ้นสุดลง เจ้าบ่าวเจ้าสาวถูกส่งตัวเข้าหอ การแต่งงานที่มากพิธีแสนเหนื่อยทำให้สองหนุ่มสาวแทบยืนไม่ไหว“เหนื่อยหรือเปล่ามัส” ภานุเอ่ยถามเจ้าสาวของเขา“ยิ่งกว่าวิ่งมาราธอนอีกค่ะ ยืนรับแขกจนปวดขาไปหมด พี่นุก็ท่าทางเหนื่อยไม่แพ้มัสเลย”มัสลินถอดรองเท้าส้นสูงออก แล้วนั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ก้มลงนวดขาตัวเองให้คลายความเมื่อยล้า ไม่คิดว่างานแต่งงานจะเหนื่อยขนาดนี้“พี่ขอสาบานเลยนะ ว่าจะแต่งงานครั้งนี้ครั้งแรกและครั้งเดียว เข็ดจริงๆ” ภานุทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียง“พี่นุไปอาบน้ำสิคะ จะได้หายเหนื่อย แช่น้ำอุ่นๆ จะได้สบายตัว เดี๋ยวมัดเตรียมน้ำให้ค่ะ”“ไม่เป็นไร มัสพักเถอะ พี่ขอตัวไปอาบน้ำก่อน” ภานุลุกจากเตียงเดินหายเข้าในห้องน้ำมัสลินมองตามหลังเจ้าบ่าวที่เดินโผเผเข้าไปในห้องน้ำแล้ว
ตอนที่9 ทัณฑ์เถื่อน/2“นายมีเรื่องกับคุณภานุใช่ไหม...”อีกฝ่ายยังเงียบไม่ยอมตอบ ได้ยินเสียงถอนหายใจแรง พร้อมกับมือหนาที่เอื้อมมาบีบไหล่แล้วยกตัวเธอให้ลุกขึ้นนั่ง มัสลินขยับถอยหนีตามสัญชาตญาณ แต่เขาไม่ยอมให้เธอหนีห่างบีบไหล่ไว้แน่น แรงบีบทำให้หญิงสาวนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ“โอ๊ย... ฉันเจ็บนะ”เสียงร้องทำให้เขาคลายมือออกเล็กน้อยแต่ไม่ยอมปล่อย ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่รินรดใกล้แก้มนวล มัสลินเบี่ยงหน้าหนีอย่างรังเกียจ นั่นดูเหมือนทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ มือหนาละจากไหล่มาบีบปลายคางเธอไว้แน่นราวกับคีมเหล็ก“รู้ไหมว่าตอนนี้ ไอ้เจ้าบ่าวของเธอมันเป็นยังไง” เขาพูดข้างหูเธอด้วยน้ำเสียงชวนขนลุก“คุณภานุ...” มัสลินมัวแต่ห่วงตัวเองจนลืมนึกถึงภานุ“หึ ไม่ต้องห่วงมันหรอก ห่วงตัวเองดีกว่า”ไม่กี่ชั่วโมงก่อน เขาเข้าไปหลบในห้องหอของสองหนุ่มสาว รอเวลาที่ทั้งคู่จะเข้ามา คนแรกที่เขาจัดการคือภานุ มันเดินเข้ามาในห้องน้ำที่เขาหลบอยู่ เมื่อเขาเปิดเผยตัวพร้อมกับปืนในมือ อีกฝ่ายถึงกับยืนตัวแข็งด้วยความตกใจ“แก... แกเข้ามาได้ยังไง” จบประโยคนั้น เขาก็ฟาดมันด้วยด้ามปืน จนอีกฝ่ายทรุดลงไปกองกับพื้น นอ
ตอนที่ 22.มรสุมชีวิต/1หญิงสาวถอนสายตาจากใบหน้าคร้ามคม ขยับลงมาจากเตียงเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่ถูกคนหื่นเหวี่ยงตกบนพื้น เอามาสวมใส่ แล้วเดินเข้าไปชำระร่างกายในห้องน้ำ ก่อนจะกลับออกมาชะโงกหน้ามองดูคนตัวโตที่ยังหลับสนิทไม่ยอมตื่น เอหันไปมองแจกันใบใหญ่ที่เคยคิดจะเอามาทุบหัวเขาให้แตกตาย แล้วเบือนสายตากลับมามองใบหน้ารกเรื้อนั้น พลางถอนหายใจแรง พาตัวเองเดินออกจากห้องตรงไปยังห้องครัวมัสลินเปิดดูช่องแช่แข็ง พบปลาแซลมอนแช่ไว้หลายชิ้น มีกุ้งแกะเปลือก และปลาหมึก จึงนำออกมาละลายน้ำแข็ง ระหว่างรอก็เปิดตู้ของแห้ง ในนั้นมีอาหารกระป๋องหลายอย่าง ทั้งอาหารสำเร็จพร้อมทาน ข้าวสวยแบบกระป๋อง รวมถึงข้าวสาร เส้นหมี่แห้ง เส้นสปาเกตตี และยังมีผักสดให้นำมาเป็นวัตถุดิบประกอบอาหารได้หลายอย่าง หญิงสาวเลือกหยิบเส้นสปาเกตตีมาต้ม หั่นผัก เตรียมมื้อเย็นให้ตัวเองและชายหนุ่มการทำอาหารเป็นพรสวรรค์ของมัสลิน หญิงสาวได้รับถ่ายทอดสูตรเด็ดสารพัดทั้งอาหารคาวอาหารหวานจากมารดาและคุณยายฝ้ายคำ รวมถึงจากการสอนของเปรมใจ ทำได้ทั้งอาหารไทยและเทศ เคยแอบนึกฝันอยากเปิดร้านอาหารเล็กๆ ขายขนมและเครื่องดื่ม แต่มันเป็นเพียงแค่ฝันที่มัสลินไม่กล
ตอนที่ 21.แค่มีเธอ/4“ถ้าอย่างนั้น ผมว่าเราไปขอพบเจ้าสัวดีไหมครับ จะได้รู้เรื่องกัน” ปรัชญ์ร้อนใจจนอยู่นิ่งเฉยไม่ไหว“แม่ขอให้คุณพิพัฒน์ช่วยเรื่องขอพบเจ้าสัวไว้แล้ว นี่รอเขาโทรมาอีกครั้ง ปอนด์ใจเย็นๆ ก่อนนะลูก”การเข้าพบคนระดับเจ้าสัวโภคิน ไม่ใช่เรื่องที่สามารถเดินเข้าไปง่ายๆ อีกฝ่ายเป็นผู้มีอิทธิพลของจังหวัด ย่อมจะไม่ยอมพบกับคนที่ไม่ได้นัดหมายล่วงหน้ามาก่อน ยิ่งไม่เคยรู้จักคงยากจะเข้าถึงตัวได้“เราทำได้แค่รอหรือครับ ผมห่วงมัสจะแย่แล้ว”ปรัชญ์รักเอ็นดูมัสลินเหมือนน้องสาวแท้ๆ ด้วยเห็นเธอมาตั้งแต่เด็ก ช่วยเหลือดูแลมาตลอดหลายปี ย่อมผูกพันกว่าคนอื่นๆ มัสลินน่าสงสารมาก เป็นฝ่ายถูกแพรพรรณข่มเหงรังแกสารพัด โดยที่เขาไม่สามารถพาเธอออกมาจากบ้านหลังนั้นได้ มัสลินรักและกตัญญูต่อคุณยายฝ้ายคำมาก ไม่ยอมทอดทิ้งท่าน เขากับมารดาจึงทำได้เพียงช่วยเหลืออยู่ห่างๆ“หนูมัสเป็นคนดี ความดีต้องคุ้มครอง แม่เชื่ออย่างนั้น”คนเป็นแม่ปลอบใจลูกชาย และปลอบใจตัวเองไปด้วย หวังเพียงว่ามัสลินจะผ่านพ้นเรื่องราวนี้ไปได้ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด !!!เสียงโทรศัพท์ของเปรมใจดังขึ้น เจ้าของรีบกดรับเมื่อเห็นว่าใครโทรเข้ามา“สวัสดีค่ะคุณพิ
ตอนที่ 20 แค่มีเธอ/3มือหนาจับข้อเท้ามาพาดบนบ่า ถอนริมฝีปากออกจากเรียวปากชุ่มชื้น มาจุมพิตปลีน่องเรียวสวย ขบเม้มตรงใต้เข่า ไล้เลีย หยอกเย้าให้เธอตื่นเต้น แตะริมฝีปากไล่จุมพิตตามเรียวขาลงมาเรื่อยๆ ก่อนจะหยุดขบเม้มตรงเนินสาว ตวัดปลายลิ้นลากไล้ผิวเนียนละเอียด ผ่านตฤณชาตินุ่มสลวยไปยังต้นขาอีกข้าง มือดันขาให้เบะออกด้านข้าง สอดมือยกสะโพกหนั่นแน่นให้ลอยขึ้นจากพื้น แล้วแทรกกายใหญ่โตเข้าแนบชิดผกางามที่คลี่กลีบเบ่งบาน ชวนเชิญให้ภมรหนุ่มลงไปดื่มกินน้ำหวาน “อ๊ะ ไม่... ไม่นะ” เธอร้องครางประท้วง“ชู่ ไว้ใจฉันนะคนดี”กริชจุปากไม่ให้เธอเสียขวัญ ค่อยนำตัวตนแกร่งกร้าวแทรกผ่านความบอบบางแสนนุ่มร้อนจนสุดความยาว แรงโอบรัดรอบลำกายทำให้เขาสูดปากแรงด้วยความทรมาน ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าออกแรงๆ ข่มกลั้นความดิบเถื่อนในกายไว้สุดกำลัง เขาจะทำให้เธอรับรู้ถึงความงดงามของสิ่งนี้ มอบประสบการณ์แสนวิเศษให้เธอจดจำไปนานแสนนาน ผ่อนตัวเองให้ช้าลง หยุดรอให้เธอปรับตัว ขณะรั้งร่างบางมากอดปลอบประโลม พรมจุมพิตไปบนใบหน้างดงาม มือลูบไล้พร้อมกับปลุกเร้าเธอให้เคลิ้มไหวคลายความแข็งเกร็งลงเมื่อร่างบางเริ่มตอบสนองเขาจึงค่อยๆ ขยับกาย
ตอนที่ 19. แค่มีเธอ/2ก่อนจะเลยเถิดไปมากกว่านี้เขาก็ผละริมฝีปากออกช้าๆ ดวงตาวาววามจ้องมองใบหน้างามของหญิงสาวรสจูบแสนเร่าร้อนเมื่อครู่ทำให้ริมฝีปากอิ่มแดงจัด บวมเจ่อนิดๆ เธอปรือตามองเขาด้วยแววตาอ่อนหวาน ต่างจากสายตาเกลียดชังก่อนหน้า ทำให้หัวใจของกริชสั่นไหวรุนแรง ก้มลงไปจุมพิตริมฝีปากนุ่มอย่างดูดดื่มอีกครา บดเคล้า ดูดกลืนความหอมหวานของเธอราวกับคนหลงกลางทะเลทราย พบเจอกับบ่อน้ำทิพย์ เฝ้าเวียนดื่มกินไม่รู้จักอิ่มเอมหวาน... หวานเหลือเกิน...ในหัวของชายหนุ่มมีแต่คำนี้ ความหวานของเธอแทรกผ่านปลายลิ้นเข้าสู่หัวใจ สั่นสะเทือนประสาทรับรู้ทั้งหมดให้เคลิ้มไหว มึนเมาจนยากจะถอดถอน ใช่ว่าไม่เคยสัมผัสผู้หญิงคนไหน แต่เธอพิเศษกว่าหญิงใด ไม่เพียงร่างกายร่ำร้องต้องการ หัวใจของเขาก็ปรารถนาเธอเช่นกัน“มัสลิน... เห็นใจฉันเถอะนะ”ขอเพียงแค่ความเห็นใจจากเธอ เขาปรารถนาเธอเหลือเกิน อยากครอบครองร่างงามแสนนุ่มเนียนใจแทบขาด เพียงเธอเห็นใจ เขาก็พร้อมจะทำทุกสิ่งให้เธอมีความสุข...“ฉัน... ฉัน...”หญิงสาวหอบหายใจกระเส่า อ่อนระทวยจนต้องโอบรอบคอไว้พยุงตัวไม่ให้เข่าอ่อน ความรู้สึกแปลกป่วนกำลังทำเธอหูอื้อตาลาย ไม่เป็นตัว
ตอนที่ 18. แค่มีเธอ/1“ไปนั่งเล่นข้างนอกกันเถอะ” เขาชวนหลังจากวางจานเข้าชั้น“ไปสิ”มัสลินเดินตามร่างสูงใหญ่ มองแผ่นหลังกว้างของคนตัวโตที่เดินนำอยู่ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเธอยังหวาดกลัวเขาแทบตาย ตอนนี้เธอหายกลัวเขาไปได้อย่างไร หญิงสาวไม่เข้าใจตัวเอง“เรือนี้ของนายเหรอ...” มัสลินอดถามไม่ได้“ยืมเขามา...”เรือลำนี้เป็นของเขา แต่ไม่อยากบอกว่าเขาเป็นเจ้าของ ชายหนุ่มจึงเลี่ยงตอบไปแบบนั้น ไม่อยากให้มากความ“อ๋อ... ยืมเพื่อนมา”เธอทวนคำ ดัดเสียงให้ดุเข้มขึ้น ก่อนจะหัวเราะคิกเมื่อนึกถึงเจ้าของประโยคยอดฮิตนี้ หวังว่าเพื่อนเขาคงมีชีวิตอยู่นะ“หือ...”กริชยกคิ้วสูง ก่อนจะเข้าใจมุกของคนพูดเลยประสานเสียงหัวเราะออกมา“คนให้ยืมยังมีชีวิตอยู่ ฉันไม่ได้ยืมแล้วยืมเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า”“แหม นึกว่าจะไม่เก็ตมุกซะแล้ว”มัสลินหัวเราะตาม อารมณ์ดีขึ้นจนเริ่มกลับมาเป็นคนเดิมที่ชอบหาเรื่องคุยสนุกให้ผ่อนคลาย เธอมักจะไปคุยเล่นกับปรัชญ์บ่อยๆ เขาเป็นเพื่อนคนเดียวที่หวังดีกับเธอจริงๆ ส่วนพี่สาวอย่างลินินนั้นไม่ใช่คนชอบคุยเล่น อีกฝ่ายจริงจังกับทุกเรื่อง ไม่ว่าเรื่องเรียนหรือเรื่องทั่วไป มักชอบมองเธอกับปรัชญ์ว่าเป็นพวกเหลว
ตอนที่ 17. ขอเพียงแค่ความเห็นใจ /4“คุณภานุเลวร้ายขนาดนั้นเชียวหรือ...”มัสลินสะท้อนใจกับเรื่องที่ได้รับรู้ เธอไม่เคยรู้จักกับภานุมาก่อน ยอมรับปากแต่งงานกับเขา เพียงเพราะเขายื่นข้อเสนอที่เธอมองว่า จะทำให้เธอสามารถพาคุณยายออกมาจากบ้านหลังนั้นได้ เมื่อรับรู้สิ่งที่เขาทำกับพี่ชายของกริช หญิงสาวก็รู้สึกเห็นใจเขาขึ้นมา คนที่ถูกกระทำแบบนั้นย่อมแค้นเคือง แม้การเอาคืนของเขาจะเป็นการทำร้ายเธอก็ตาม“เธอจะไม่เชื่อก็ได้ คำพูดของฉันมันอาจจะไม่มีน้ำหนักมากพอ แต่ขอให้รู้ไว้ว่าฉันมีเหตุผลในการกระทำครั้งนี้”กริชพลิกกายพาร่างของมัสลินลงไปนอนบนเตียง แล้วขยับลงจากเตียง เดินไปคว้าผ้าขนหนุมาพันร่าง ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้หญิงสาวนอนอยู่บนเตียงคนเดียว“ตาบ้านี่ อารมณ์ขึ้นลงเหมือนคนเป็นโรคไบโพล่า”มัสลินว่าคนที่เดินหายไป หัวใจเริ่มผ่อนคลายความตึงเครียดลง ผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลวร้ายโดยสันดาน เพราะความแค้นทำเขากระทำการเลวร้าย หากเธอพูดจากับเขาดีๆ บางทีเขาอาจจะเห็นใจเธอก็ได้“คุณยายคะ มัสจะต้องกลับไปหาคุณยายให้ได้”มัสลินพักสายตาอยู่ครู่ใหญ่ กริชก็เปิดประตูเข้ามา ชายหนุ่มแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เขาสวมเสื้อเชิ้
ตอนที่ 16 ขอเพียงแค่ความเห็นใจ/3“เลวเหลือทน คนอะไรเลวขนาดนี้”ปรัชญ์กำหมัดแน่นด้วยความแค้นใจ แพรพรรณบังคับคุณยายฝ้ายคำให้เปลี่ยนพินัยกรรมสมใจ แล้วก็ตระบัดสัตย์ไม่ยอมช่วยมัสลิน หากคุณยายรู้เข้าคงอาการทรุดที่หลงเล่ห์คนเลว เขาเองก็ไม่อาจทนนิ่งเฉยได้อีกต่อไป“แม่ ผมจะไปตามหาน้อง ใครไม่ช่วยผมจะหาทางช่วยน้องเอง” ปรัชญ์บอกมารดา“แม่จะไปด้วย อยู่รอฟังข่าวไม่ไหวหรอก แม่คงอกแตกตาย” เปรมใจสนับสนุนลูกชาย“ป้าแววรู้ไหมครับ ว่ามัสหายไปที่ไหน ผมกับแม่จะไปตามหาน้อง”“เมื่ออาทิตย์ก่อน คุณนายพาคุณมัสไปช่วยงานแต่งงานของคุณป่านที่ภูเก็ตค่ะ บ้านเจ้าสัวโภคินอะไรนี่แหละค่ะ”ความสอดรู้ของนางแวว ทำให้รู้ความเคลื่อนไหวของเจ้านายทุกอย่าง“เพื่อนคุณพ่ออยู่ที่นั่น แม่จะไปขอให้เขาช่วย”เปรมใจนึกถึงเพื่อนของสามีที่เป็นเจ้าของเมืองแร่ ในอดีตสามีของเธอเคยทำงานเป็นนักสำรวจสายแร่ รู้จักสนิทสนมกับนายพิพัฒน์เจ้าของเหมืองแร่ดี หากนางไปขอความช่วยเหลืออีกฝ่ายคงมีน้ำใจ“ปอนด์ไปจองตั๋วเครื่องบิน แม่จะโทรหาคุณพิพัฒน์”เปรมใจหันไปบอกลูกชาย ก่อนจะบอกนางแววว่า“พี่แววอย่าเพิ่งให้ใครรู้เรื่องนี้นะ ไม่ว่าจะคุณยาย อาหมี่ หรือผัวพี่
ตอนที่ 15. ขอเพียงแค่ความเห็นใจ/2“คนเลว... ฉันไม่มีวันให้อภัยแก”มัสลินปาดน้ำตาทิ้งหยิบชุดขาดวิ่นมาสวมปกปิดร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเอง มองไปรอบๆ กาย ก่อนจะสะดุดกับแจกันใส่ดอกไม้ใบใหญ่ หญิงสาวมองร่างหนาที่นอนหลับบนเตียงด้วยแววตาเกลียดชัง วูบหนึ่งของความคิด ทำให้เธอลุกขึ้นเดินตรงไปยังแจกันใบนั้น คิดจะยกมันขึ้นหวังจะทุ่มแจกันใส่หัวคนเลวที่นอนอยู่ทว่า... พอมือเอื้อมไปแตะแจกัน ก็ถูกมือหนาจับมือเธอไว้“รู้นะว่าคิดอะไร”ใบหน้ารกเรื้อยื่นมากระซิบข้างหู มือน้อยถูกมือหนากว่าบีบไว้แน่น ดวงตาคมกริบของเขาจ้องใบหน้าเธอด้วยแววตาวาววับ บ่งบอกว่าเขารู้ทันความคิดของเธอ“ปล่อยฉัน...”มัสลินเชิดหน้าเอ่ยเสียงแข็ง สะบัดมือออกจากมือหนา เบี่ยงหน้าหลบปลายจมูกโด่งงามที่คลอเคลียข้างแก้ม ไรหนวดแข็งสากคายของเขาทิ่มผิวนุ่มของเธอจนเจ็บ ผิวของเธอบางโดนอะไรนิดหน่อยก็มีรอยแดง เมื่อคืนถูกเขาฟัดเฟ้นทั้งคืน รอยจ้ำแดงๆ จึงปรากฏขึ้นบนผิวเนื้อ เจ้าตัวพยายามไม่มองให้เจ็บช้ำใจ“ยังไม่หายโกรธฉันอีกหรือ”“ถ้ายอมให้ฉันเอาแจกันทุบหัวแก ฉันอาจจะหายโกรธ” มัสลินโต้กลับ“หึ ดุจริงเมียใครไม่รู้”กริชกระตุกยิ้มไม่โกรธกับถ้อยคำนั้น หญ
ตอนที่ 14.ขอเพียงแค่ความเห็นใจ/1“เบิกเงินกองกลางไปจ่ายให้พวกโจร ขอเพียงยายมัสปลอดภัย จะต้องเสียเท่าไหร่ฉันก็ยอม” คุณยายฝ้ายคำไม่เสียดายเงินสักนิด หากมันแลกกับการได้หลานรักกลับคืนมา“เงินกองกลางก็เป็นส่วนหนึ่งของมรดกนะคะ คุณแม่จะใช้อำนาจเบิกออกมาใช้เพื่อยายมัสไม่ได้นะคะ แล้วยายป่านล่ะคะ หลานก็มีสิทธิ์ในมรดกเหมือนกัน” แพรพรรณเอาลูกสาวมาอ้าง“ยายแพร นี่แกอยากช่วยหลานจริงๆ หรือเปล่า ทำไมฮะ เงินแค่นี้มันสำคัญมากกว่าชีวิตยายมัสหรือยังไง”คนแก่สุดจะทน แผดเสียงใส่ลูกสาวด้วยความโมโห ก่อนจะหอบหายใจแรงจับมือกุมหน้าอกไว้ เมื่อรู้สึกเจ็บแปลบที่ทรวงอกด้านซ้าย“คุณแพรไม่มีอำนาจเบิกเงินส่วนนี้ครับคุณแม่”สมเกียรติเกริ่นเข้าเรื่อง สบตากับภรรยาให้ช่วยเสริม“เงินกองกลางต้องมีลายเซ็นคุณแม่ แล้วในบัญชีก็มีเงินเหลือไม่ถึงยี่สิบล้าน ถ้าพวกโจรมันเรียกมากกว่านั้น อาจจะไม่พอจ่าย” แพรพรรณเริ่มกดดันมารดา“ทำไมเหลือแค่นั้น เงินรายได้จากค่าเช่าตึก ค่าเช่าแผงในตลาดเดือนๆ นึงเกือบล้าน มันหายไปไหนหมด”คุณยายฝ้ายคำตกใจกับยอดเงินที่ไม่เพิ่มขึ้น เมื่อตอนที่ท่านบริหารจัดการ เงินเข้าบัญชีทุกเดือนไม่ได้ขาด สะสมได้แต่ละปี