Home / รักโบราณ / ทะลุไปเป็นอาจารย์ตัวประกอบเพื่อสอนรัก...พระเอก / บทที่ 3 (2/2) : หาข้อดีในเวลาที่รู้สึกแย่ (2)

Share

บทที่ 3 (2/2) : หาข้อดีในเวลาที่รู้สึกแย่ (2)

last update Last Updated: 2025-01-23 11:36:19

     หลี่อวิ้นกุยเกิดมาพร้อมกับการจากไปของผู้เป็นมารดา เขาจึงไม่เป็นที่ต้อนรับของคนในครอบครัว ชีวิตความเป็นอยู่ของเขาในยามนั้นแย่ยิ่งกว่าบ่าวรับใช้ในเรือนหลังนั้นเสียอีก แม้ว่าผู้เป็นตากับยายจะรับตัวเขากลับมาอยู่ที่เรือนหลักของตระกูลแล้ว แต่ก็ได้ส่งตัวเขาให้บ่าวก้นครัวเป็นผู้ดูแล เขาจึงเติบโตมาพร้อมกับความเกลียดชังของคนในครอบครัว แล้วในทุกครั้งที่มีคนในครอบครัวบังเอิญเดินมาเจอกับหลี่อวิ้นกุย ก็มักจะด่าทอเขาด้วยคำพูดที่ว่า เขาคือคนทำให้มารดาของตัวเองต้องตาย!

     แล้วทุกอย่างก็ได้ผ่านล่วงเลยไปแบบนั้น จนมาถึงวันหนึ่งในขณะที่หลี่อวิ้นกุยวัยเจ็ดหนาวตามคนครัวออกไปช่วยซื้อของในตลาดเหมือนทุกวัน เนื่องจากในช่วงเช้าแม่ครัวทุกคนจะยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารจนไม่มีเวลามาคอยดูแลเขา ซึ่งทุกคนในครัวต่างก็รู้ดีว่าหากทิ้งเด็กชายเอาไว้เพียงลำพัง บุตรของบ่าวในเรือนส่วนอื่น ๆ จะเข้ามาล้อเลียน กลั่นแกล้ง และคอยมารังแกคุณชายน้อยผู้นี้อยู่เสมอ 

     แต่ในวันนั้นหลี่อวิ้นกุยได้พลัดหลงกับแม่ครัวที่ออกมาซื้อของด้วยกัน แล้วเดินไปชนเข้ากับกลุ่มบุตรชายของแม่ค้าในตลาด จึงทำให้เขาถูกเด็กโตกลุ่มนั้นรุมทำร้าย แม้ว่าหลี่อวิ้นกุยจะยังเด็กและไม่เคยใช้กำลังต่อสู้กับผู้ใดมาก่อน แต่เขาก็พยายามที่จะต่อสู้ และพยายามที่จะปกป้องตัวเองอย่างเต็มที่ 

     แล้วในขณะนั้นจิ่นโซวลูกน้องคนสนิทของหลี่อวิ้นเซียน ซึ่งตามเหล่าปีศาจที่หลบหนีจากการจับกุมเข้ามาซ่อนตัวในฝั่งของพวกมนุษย์ ผ่านมาเห็นเหตุการณ์นั้นเข้า โดยเขาได้สังเกตเห็นถึงพลังสายหนึ่ง แล้วยังสัมผัสได้ถึงบรรยากาศกดดันที่มักจะแผ่โอบล้อมรอบตัวของคนเผ่ามารยามใช้กำลังต่อสู้ ซึ่งบรรยากาศแบบนี้เป็นข้อได้เปรียบที่ทำให้คนเผ่ามารอยู่เหนือกว่าปีศาจเผ่าอื่น ๆ แล้วยิ่งผู้ที่สืบทอดสายเลือดจากมารผู้เป็นราชาปีศาจ พลังและบรรยากาศกดดันก็จะยิ่งเข้มข้น

     ซึ่งในยามนั้นจิ่นโซวก็ได้เห็น และสัมผัสได้ถึงสิ่งเหล่านั้นออกมาจากตัวเด็กชายกลางวงล้อม แล้วเพียงไม่นานกลุ่มของเด็กตัวโตที่กำลังรุมทำร้ายเด็กคนนั้นก็ทยอยกันล้มลงไปกองกับพื้น ซึ่งสภาพของแต่ละคนราวกับว่ากำลังจะขาดอากาศหายใจตาย เขาจึงต้องรีบเข้าไปดึงสติเด็กชายคนนั้น ก่อนจะมีผู้ใดขาดใจตายลงไปจริง ๆ 

     เมื่อเด็กชายดึงสติของตัวเองกลับมาได้ จิ่นโซวจึงรีบพาหลี่อวิ้นกุยกลับไปส่งที่เรือน จากนั้นเขาก็ตามดูชีวิตความเป็นอยู่พร้อมกับส่งคนไปตามสืบประวัติความเป็นมาของเด็กชาย จนเขาได้รับรู้เรื่องราวที่ผ่านมาของหลี่อวิ้นกุยทั้งหมด หลังจากนั้นจิ่นโซวจึงทำการส่งสารไปแจ้งต่อผู้เป็นนาย แล้วเพียงไม่นานหลี่อวิ้นเซียนก็ส่งสารสั่งการให้เขาพาตัวหลี่อวิ้นกุยกลับไปพบเจ้าตัวที่วังราชาปีศาจทันที

     จิ่นโซวจึงรีบเข้าไปพูดคุยกับผู้เป็นตาและยายของหลี่อวิ้นกุย เพื่อขอรับตัวเด็กชายไปอยู่กับผู้เป็นบิดาของเจ้าตัว ซึ่งคนทั้งสองก็ได้ตอบรับคำขอนั้นของเขาในทันที แต่ก็จะมีเพียงผู้เป็นน้าที่ดูเหมือนจะไม่ต้องการให้หลี่อวิ้นกุยไปกับเขา โดยเซียวชิงเถาได้ทำการแสดงให้เขาเห็นว่า นางห่วงใยในตัวหลานชายมากแค่ไหน ก่อนจะยื่นข้อเสนอว่าหากเขาต้องการจะพาตัวหลี่อวิ้นกุยไปอยู่กับผู้เป็นบิดาที่เผ่ามารให้ได้ นางก็จะอาสาตามไปคอยดูแลหลานชายของนางด้วยตัวเอง แม้ในยามนั้นจิ่นโซวจะยังไม่รู้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของนาง แต่อย่างน้อยนางก็เป็นญาติของเด็กชาย ซึ่งมันก็เป็นการดีกับหลี่อวิ้นกุยที่จะมีมนุษย์ไปอยู่กับเจ้าตัวที่นั่นด้วย

     จากนั้นหลี่อวิ้นกุยจึงได้เดินทางข้ามเขตแดนเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในวังของราชาปีศาจในฐานะองค์ชายสาม โดยมีเซียวชิงเถาติดตามไปอยู่ที่นั่นด้วย แม้ความเป็นอยู่จะดีขึ้นจากหน้ามือเป็นหลังมือ แต่ด้วยความที่หลี่อวิ้นกุยมีเลือดของมนุษย์ไหลเวียนอยู่ในตัวครึ่งหนึ่ง เขาจึงไม่เป็นที่ยอมรับของคนเผ่ามาร แล้วหลังจากนั้นไม่นานผู้เป็นบิดาก็ได้สั่งให้เขาเข้าไปศึกษาวิชาต่าง ๆ ในสำนักศึกษาของเผ่ามาร 

     ด้วยความที่อยากให้ตนเองเป็นที่ยอมรับ หลี่อวิ้นกุยจึงพยายามกับการฝึกวรยุทธและการเรียนรู้วิชาต่าง ๆ ในเผ่ามาร แล้วก็ด้วยความที่หลี่อวิ้นกุยสามารถเรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ไม่นานเขาจึงกลายเป็นคู่แข่งคนสำคัญขององค์ชายใหญ่ในการสืบทอดตำแหน่งราชาปีศาจต่อจากผู้เป็นบิดา

     ซึ่งหลังจากนั้นชีวิตของหลี่อวิ้นกุยก็เริ่มเผชิญหน้ากับการถูกลอบฆ่า ทั้งจากนักฆ่าและจากยาพิษที่เหล่าพี่น้องต่างมารดาส่งมาทักทายเขาอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ยังดีที่ผู้เป็นบิดาได้ส่งมือดีของเจ้าตัวมาคอยดูแลชีวิตและความเป็นอยู่ให้กับเขา หลี่อวิ้นกุยจึงยังสามารถรักษาชีวิตในวัยเยาว์ของตนเองเอาไว้ได้

    

             

     ถึงแม้ว่าเมิ่งเจียวซินจะจำรายละเอียดบทบรรยายถึงชีวิตในวัยเยาว์ที่น่าสงสารของพระเอกนิยายเรื่องนี้ได้ แต่เมื่อนึกไปถึงการกระทำหลังจากที่พระเอกเข้าสู่ด้านมืดแล้ว แม้การแก้แค้นในบางเรื่องมันอาจจะดูสมเหตุสมผล แต่การกระทำบางอย่างของพระเอกที่ลงมือกับผู้บริสุทธิ์เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจและการยอมรับ แล้วในบางครั้งพระเอกถึงกับลงมือทำร้ายผู้บริสุทธิ์ เพียงเพราะต้องการจะได้เห็นสีหน้าและแววตาที่แสดงออกถึงความเจ็บปวดของคนผู้นั้น เพื่อตอบสนองความบิดเบี้ยวในใจของตัวเอง แล้วก็เพื่อจะลบภาพความเจ็บปวดในอดีตที่เจ้าตัวเคยได้รับมา ซึ่งสำหรับเมิ่งเจียวซินแล้วมันถือเป็นเรื่องที่ผิด และเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำเป็นอย่างยิ่ง

     หลังจากยืนทบทวนข้อมูลต่าง ๆ ในนิยายมาได้สักพัก เมิ่งเจียวซินจึงหยุดพักความคิดของตนเองเอาไว้ก่อน แล้วเดินกลับมาเตรียมของเพื่อไปจัดการดูแลตัวเอง โดยใช้ความทรงจำที่ได้รับมาเมื่อครู่เป็นตัวบอกว่าของใช้ต่าง ๆ วางอยู่ที่ไหน แล้วก็เพราะความทรงจำที่ได้รับมาจึงทำให้นางรู้ว่า ที่จริงบิดาของร่างนี้เป็นหมอที่มีฝีมือคนหนึ่งเลย หาได้เป็นเพียงหมอประจำร้านขายยาสมุนไพรอย่างที่อาหวงบรรยายเอาไว้ในนิยาย ซึ่งในยามนี้เจ้าตัวได้ถูกว่าจ้างโดยผู้มีอำนาจฝั่งของพวกเผ่ามารและเผ่าปีศาจให้ออกเดินทางไปทำการรักษาคนของอีกฝ่ายที่นั่น ส่วนมารดาเจ้าของร่างนี้ได้เสียชีวิตลงไปแล้ว ตอนนี้ในเรือนจึงเหลือเพียงสตรีอยู่ด้วยกันแค่สามคน นอกจากตัวนางก็จะมีแม่นมที่คอยดูแลเจ้าของร่างนี้มาตั้งแต่เกิดมีนามว่าจูมี่ และหลานสาวห่าง ๆ ของแม่นม ซึ่งเป็นตัวละครฝั่งตัวร้ายมีนามว่าซุนเย่ผิง

     โดยตัวละครฝั่งตัวร้ายนางนี้ หลังจากที่จูมี่ป้าของนางขอลากลับไปดูแลบุตรชายที่ล้มป่วยยังบ้านเดิมเป็นเวลาหนึ่งเดือน ในวันนั้นเมื่อจูมี่ก้าวขาออกจากเรือน แล้วหลังจากที่ซุนเย่ผิงจัดการงานต่าง ๆ ภายในเรือน และจัดเตรียมสำรับทั้งสามมื้อไว้ให้กับเมิ่งเจียวซินเสร็จ นางก็เข้ามาขออนุญาตผู้เป็นนายออกไปเที่ยวเล่นกับสหายทันที ซึ่งเมิ่งเจียวซินคนเก่าก็อนุญาตโดยไม่ได้สอบถามเลยว่า นางจะกลับมาถึงเรือนอีกครั้งในยามใด แล้วในเช้าวันถัดมาเมื่อเมิ่งเจียวซินคนเก่าเดินออกมาจากห้องพักก็ได้เห็นว่าซุนเย่ผิงกำลังลงมือจัดการกับงานทุกอย่างในเรือน ก่อนจะเข้ามาขออนุญาตออกไปเที่ยวเล่นด้านนอกอีกครั้ง

     ซึ่งหลังจากวันที่ซุนเย่ผิงเข้ามาขออนุญาตออกไปเที่ยวเล่นกับสหายในครั้งแรก จนมาถึงตอนนี้ นางก็ได้ทำตัวแบบเดิมมาแล้วถึงสามวัน โดยในแต่ละวันนางก็ยังคงรับผิดชอบงานในส่วนของตนเองได้เป็นอย่างดี แล้วก็ด้วยความที่ซุนเย่ผิงมีอายุมากกว่าเมิ่งเจียวซิน เจ้าของร่างนี้คนเดิมจึงคร้านที่จะใส่ใจเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่าย

     แล้วก็เพราะความไม่ใส่ใจนั้น เจ้าของร่างนี้คนเดิมจึงไม่เคยรับรู้เลยว่า ตนเองได้ถูกทิ้งให้นอนอยู่ในเรือนหลังนี้คนเดียวทุกคืน แล้วก็จะเป็นเช่นนี้ไปจนถึงวันที่แม่นมของเจ้าตัวเดินทางกลับมา... 

                                      .......................................................................

     ผู้เขียนขอขอบคุณทุกยอดวิว ยอดกดหัวใจ ยอดกดติดตาม และทุกข้อความของผู้อ่านทุกท่านมาก ๆ นะคะ ทุกยอดคือกำลังใจที่ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆของผู้เขียนเลยค่ะ 

Related chapters

  • ทะลุไปเป็นอาจารย์ตัวประกอบเพื่อสอนรัก...พระเอก   บทที่ 4 (1/2) : ไม่คิดที่จะถอย (1)

    เมิ่งเจียวซินก้าวขาลงไปนั่งแช่ตัวในอ่างอาบน้ำ ก่อนจะลองนำเอาความทรงจำของร่างนี้รวมเข้ากับเนื้อหาในนิยาย ตอนนี้น่าจะอยู่ช่วงที่ซุนเย่ผิงพาตัวเองไปขายให้กับหอโคมเขียวประจำเมืองเป็นแน่ เนื่องจากเนื้อหาในนิยายมีบรรยายเอาไว้ว่า... หลังจากที่ซุนเย่ผิงไปทำความรู้จักและพูดคุยกับสตรีในหอโคมเขียวนางหนึ่งมาได้สักพัก นางก็เริ่มมีความคิดที่จะใช้หน้าตาและเรือนร่างของตัวเองหลีกหนีจากความเป็นบ่าว แล้วด้วยความทะเยอทะยานและความรักสบายของนาง ซุนเย่ผิงจึงเริ่มวาดฝันเอาไว้ว่า ด้วยใบหน้านี้ของนาง หากนางก้าวขาเข้าไปในหอโคมเขียวก็คงจะได้ขึ้นเป็นนางคณิกาอันดับหนึ่งของที่นั่นเป็นแน่ แล้วเมื่อจูมี่ผู้เป็นป้าห่าง ๆ ของนางขอลากลับไปเยี่ยมบุตรชายที่บ้านเดิมเป็นเวลาหนึ่งเดือน นางก็รีบใช้ช่วงเวลานั้นขายตัวเองเพื่อเข้าไปฝึกศาสตร์ด้านต่าง ๆ ที่นางคณิกาพึงมีในหอโคมเขียวทันที ถึงแม้สุดท้ายซุนเย่ผิงจะไม่สามารถขึ้นเป็นนางคณิกาอันดับหนึ่งของหอโคมเขียวแห่งนั้นได้ แต่นางก็ได้ติดหนึ่งในสามของนางคณิกาผู้มีใบหน้างดงามของที่นั่น แล้วก็ด้วยเพราะเงินจากการประมูลคืนแรกของนาง เมื่อจูมี่เดินทางกลับมาถึงเรือนของเมิ่งเจ

    Last Updated : 2025-01-23
  • ทะลุไปเป็นอาจารย์ตัวประกอบเพื่อสอนรัก...พระเอก   บทที่ 4 (2/2) : ไม่คิดที่จะถอย (2)

    เช้าวันถัดมา เมิ่งเจียวซินได้ยินเสียงคล้ายกับคนพยายามเปิดบานหน้าต่างดังมาจากทางบริเวณห้องครัวในช่วงต้นยามเหม่า (ยามเหม่า เวลา 05:00 – 06:59 น.) นางจึงมั่นใจแล้วว่าร่องรอยแปลก ๆ แถวบานหน้าต่างที่นางเห็นเมื่อคืน คือทางเข้าออกฉุกเฉินที่ซุนเย่ผิงได้เตรียมเผื่อเอาไว้ เนื่องจากสามคืนที่ผ่านมาเมิ่งเจียวซินคนเก่าจะไม่ลงกลอนที่บานประตูหลังเรือน เพราะรู้ว่าซุนเย่ผิงยังไม่กลับมา ซึ่งนางมองว่าเมิ่งเจียวซินคนเก่าได้สร้างโอกาสที่จะเกิดเรื่องเลวร้ายให้กับตนเอง แม้ว่าในนิยายมันอาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะไม่มีการบรรยายถึงตัวละครเมิ่งเจียวซินในช่วงเวลานี้ แต่นางที่ต้องมาอาศัยร่างนี้ต่อไม่อาจทนแบกรับความเสี่ยงแบบที่เจ้าของร่างเดิมทำได้ แล้วอีกอย่างนางก็อยากรู้ด้วยว่า หากนางปิดพร้อมกับลงกลอนประตูและหน้าต่างทุกบาน ซุนเย่ผิงจะกลับเข้ามาในเรือนได้อย่างไร? พอเมิ่งเจียวซินเดินออกมาจากห้องพัก นางก็เห็นว่าซุนเย่ผิงกลับเข้ามาในเรือนได้แล้ว และยามนี้เจ้าตัวก็กำลังจัดการกับงานต่าง ๆ ของตนเองอยู่ เมิ่งเจียวซินจึงคิดอยากจะลองว่า ตนเองจะสามารถพูดคุยโต้ตอบกับคนในโลกใบนี้ได้หรือไม่? นางจึงเดินเข้าไปทักทายอี

    Last Updated : 2025-01-23
  • ทะลุไปเป็นอาจารย์ตัวประกอบเพื่อสอนรัก...พระเอก   บทที่ 5 (1/2) : เจ้าต้องรอดนะ (1)

    เมิ่งเจียวซินพยายามรื้อความทรงจำ ก่อนจะหยุดฝีเท้าแล้วเงยหน้าขึ้นมาสนทนากับบุรุษและสตรีที่เดินตรงเข้ามาหานาง “ใช่เจ้าค่ะ” “ข้ามีนามว่าหมิงลู่ ส่วนนี่น้องสาวของข้ามีนามว่าหมิงจิวขอรับพวกข้าสองคนอยู่เรือนถัดจากเรือนของคุณหนูเมิ่งไปสองเรือน แล้วข้าก็เคยนำสมุนไพรไปขายให้กับท่านหมอเมิ่งที่เรือน คุณหนู...” “ข้าจำพวกท่านได้เจ้าค่ะ” เมิ่งเจียวซินตอบพร้อมกับยิ้มให้กับคนทั้งสองตรงหน้า “ข้าขออภัยนะขอรับ คุณหนูเมิ่งกำลังจะไปที่ใดหรือขอรับ?” “ข้ากำลังจะไปเก็บสมุนไพรที่ป่าท้ายหมู่บ้านเจ้าค่ะ” “เช่นนั้นคุณหนูเมิ่งรอข้าสักครู่ได้หรือไม่ขอรับ? คือข้า... เออ...คือพวกข้าว่าจะกลับเข้าไปล่ากระต่ายมาทำสำรับเย็นอยู่พอดีเลยขอรับ” เมิ่งเจียวซินเมื่อได้ยินที่บุรุษตรงหน้าพูด แล้วได้เห็นสีหน้าและท่าทางของอีกฝ่าย ดูเหมือนว่าบิดาของร่างนี้คงฝากให้หมิงลู่มาคอยช่วยดูแลความปลอดภัยให้กับนางเป็นแน่ เนื่องจากในความทรงจำที่ได้รับมา บิดาของร่างนี้เคยเอ่ยปากบอกกับเมิ่งเจียวซินคนเก่าเอาไว้ว่า หากในช่วงที่เจ้าตัวไม่อยู่แล้วมีอะไรเกิดขึ้น หรือหากต้องการความช่วยเหลือก็ให้ไปบอกกับบุรุษตรงห

    Last Updated : 2025-01-23
  • ทะลุไปเป็นอาจารย์ตัวประกอบเพื่อสอนรัก...พระเอก   บทที่ 5 (2/2) : เจ้าต้องรอดนะ (2)

    เมื่อกลับเข้ามาในเรือนของตัวเอง เมิ่งเจียวซินก็นำสมุนไพรที่เก็บมาได้ไปทำความสะอาด ก่อนจะนำออกไปตาก จากนั้นนางจึงเดินเข้าไปจัดเตรียมสมุนไพรส่วนที่เหลือพร้อมกับอุปกรณ์สำหรับการปรุงยาสูตรแรกเอาไว้ หากเย็นนี้นางได้รับสมุนไพรอีกสองตัวมาจากหมิงลู่ พรุ่งนี้เช้านางก็จะสามารถเริ่มปรุงยาสูตรแรกได้เลย โดยยาตัวแรกที่นางคิดจะปรุงก็คือ ยาเม็ดที่พระเอกของนิยายเรื่องนี้ต้องกินทุกวัน เพื่อลดอาการเจ็บปวดจากยาพิษร้ายแรงในร่างกาย ซึ่งแน่นอนว่ายาที่นางปรุงย่อมต้องได้ผลดีกว่ายาที่หลี่อวิ้นกุยมีอยู่ แม้เนื้อหาในนิยายจะไม่ได้บอกว่า หลี่อวิ้นกุยถูกวางยาพิษชนิดไหน แต่ด้วยบทบรรยายที่เจ้าตัวได้กล่าวเย้ยหยันกับโชคชะตาชีวิตของตัวเองที่ว่า ‘เมื่อถึงเวลาที่พิษในร่างกายของข้าสำแดงอาการ แม้ข้าจะได้กินยา...แต่มันก็ทำได้เพียงแค่ช่วยลดความเหน็บหนาวที่ข้าจะต้องเผชิญในทุกค่ำคืนลงเท่านั้น เพราะตัวข้าไม่อาจเดินลมปราณหรือใช้พลังได้ดั่งใจต้องการอยู่ดี’ หากนำเอาประโยคนี้ไปรวมเข้ากับบทบรรยายที่ว่า ‘หลี่อวิ้นกุยไม่อาจถอนพิษออกจากร่างกายได้ทันการ’ เมิ่งเจียวซินก็มั่นใจไปถึงแปดในสิบส่วนเลยว่า หลี่อวิ้นกุยถูกวางยาพิษ

    Last Updated : 2025-01-23
  • ทะลุไปเป็นอาจารย์ตัวประกอบเพื่อสอนรัก...พระเอก   บทที่ 6 (1/2) : เจ้าลูกกระรอก (1)

    ‘ที่นี่ที่ไหน?’หลี่อวิ้นกุยลืมตาขึ้นมาก็พบตนเองกำลังนอนอยู่ในห้องไม้ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ห้องหนึ่ง เขาจึงคิดที่จะลุก แต่เขาก็ไม่อาจจะขยับแขนและขาของตัวเองได้ หรือแม้แต่ปากของเขายามนี้ก็ยังถูกมัดเอาไว้ด้วยผ้า ‘นี่มัน...หรือว่าข้าจะถูกคนของหลี่อวิ้นมู่จับตัวเอาไว้ได้ ไม่สิ! หากเป็นคนขององค์ชายใหญ่ยามนี้ข้าน่าจะถูกสังหารไปแล้ว เช่นนั้นข้าถูกคนของผู้ใดจับตัวเอามาขังไว้ในสภาพนี้กัน!’ หลี่อวิ้นกุยยามนี้แม้แต่กำลังที่จะใช้รวบรวมลมปราณก็ยังไม่มีเหลือ นับประสาอะไรกับการหลบหนีออกจากที่นี่ หากเป็นตัวเขายามปกติ มีหรือที่เชือกเพียงไม่กี่เส้นนี้จะผูกมัดแขนและขาของเขาเอาไว้ได้ แต่จะผลักเอาความอัปยศที่เขาได้รับมาทั้งหมดในตอนนี้ไปให้กับศัตรูก็คงจะไม่ได้ เพราะส่วนหนึ่งมันก็เกิดมาจากความประมาท และความโง่เขลาของตัวเขาเองด้วย.... เมื่อห้าวันก่อน หลี่อวิ้นกุยได้รับคำสั่งจากราชาปีศาจให้ออกเดินทางไปตรวจสอบความผิดปกติตามแนวเขตแดน โดยมีองค์หญิงห้าหลี่อวิ้นเหมยกับมารดาของนางเซียวชิงเถาหรือท่านน้าของเขา ขอเข้าร่วมเดินทางมากับเขาในครั้งนี้ด้วย โดยในยามนี้ท่านน้าเซียวชิงเถาได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็

    Last Updated : 2025-01-23
  • ทะลุไปเป็นอาจารย์ตัวประกอบเพื่อสอนรัก...พระเอก   บทที่ 6 (2/2) : เจ้าลูกกระรอก (2)

    ‘เจ้าลูกกระรอก...’หลี่อวิ้นกุยทวนสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ในใจ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า ตนเองใช้วิชาร่างแปลงเพื่อซ่อนตัว ซึ่งร่างที่เขาเลือกใช้ก็คือ...กระรอก! หลี่อวิ้นกุยนึกไปถึงวันที่จิ่นโซวสอนวิชาร่างแปลงให้กับเขา... ยามนั้นหลี่อวิ้นกุยในวัยเจ็ดหนาวเพิ่งก้าวเท้าเข้าไปอยู่ในวังราชาปีศาจได้ไม่ถึงเดือน จึงเป็นช่วงที่เขาทั้งอ่อนแอ ไร้กำลัง แล้วยังไร้ซึ่งผู้เป็นมารดาที่คอยปกป้องดูแลเหมือนกับบุตรคนอื่น ๆ ของราชาปีศาจ ถึงแม้ในตอนนั้นเขาจะมีผู้เป็นน้าเดินทางมาพร้อมกับเขาด้วย แต่อีกฝ่ายก็ตามมาเพียงเพราะต้องการที่จะปีนเตียงของราชาปีศาจเท่านั้น แต่ก็ยังดีที่ผู้เป็นบิดาได้ส่งลูกน้องฝีมือดีจำนวนหนึ่งมาเป็นองครักษ์ให้กับหลี่อวิ้นกุย เพราะถึงแม้ว่าบิดาของเขา ซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงราชาปีศาจได้ประกาศยอมรับว่า เขาคือบุตรชายของเจ้าตัว พร้อมกับแต่งตั้งให้หลี่อวิ้นกุยขึ้นเป็นพระโอรสองค์ที่สามต่อหน้าทุกคนในท้องพระโรง แต่คนอื่น ๆ ในเผ่ามารและเผ่าปีศาจก็หาได้ยอมรับในตัวหลี่อวิ้นกุยด้วยไม่ หลังจากวันที่หลี่อวิ้นกุยได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นองค์ชายสาม เขาก็เริ่มเผชิญหน้ากับการถูกลอบฆ่า ทั้งจ

    Last Updated : 2025-01-23
  • ทะลุไปเป็นอาจารย์ตัวประกอบเพื่อสอนรัก...พระเอก   บทที่ 7 (1/2) : ตัดสินใจ (1)

    เมิ่งเจียวซินหลังจากจัดการกับบาดแผลเสร็จ นางจึงแกะเศษผ้าที่มัดปากเจ้าลูกกระรอกออก จากนั้นนางจึงใช้มือข้างซ้ายของนางอ้อมเข้าไปประคองระหว่างช่วงคอและศีรษะของเจ้าตัวเล็ก ก่อนจะยกขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากนั้นเมิ่งเจียวซินจึงเริ่มใช้งานนิ้วมือข้างซ้ายของนางต่อ โดยเริ่มจากการวางนิ้วนางกับนิ้วก้อยลงตรงช่วงคอด้านหน้าเพื่อช่วยในการประคอง จากนั้นนางจึงวางนิ้วโป้งลงตรงตำแหน่งกรามด้านซ้าย แล้วตามด้วยนิ้วชี้กับนิ้วกลางวางตรงตำแหน่งกรามด้านขวา ก่อนจะออกแรงบีบนิ้วทั้งสามที่วางตรงตำแหน่งกรามทั้งสองข้างเบา ๆ ซึ่งในขณะนั้นมือข้างขวาของเมิ่งเจียวซินก็ได้ยกช้อนใบเล็กเตรียมจ่อเข้าที่ปากของลูกกระรอกแล้ว พอปากเล็ก ๆ นั้นอ้าออก นางก็จัดการป้อนข้าวต้มผสมเหอเถา (วอลนัต) ที่บดจนละเอียดใส่ปากของเจ้าตัวเล็กทันที ‘เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่า...สายตาของลูกกระรอกน้อยตัวนี้ มันช่างดูดุร้ายนักนะ’ เมิ่งเจียวซินคิดในใจ หลังจากสังเกตเห็นสายตาที่ลูกกระรอกใช้มองมาที่นาง แต่พอนางมาลองคิดดูอีกที เจ้าลูกกระรอกตัวนี้เป็นกระรอกป่าอย่างแท้จริง หาใช่กระรอกตามร้านขายสัตว์เลี้ยงที่นางเคยเห็นมา ดังนั้นการที่อยู่ ๆ มัน

    Last Updated : 2025-01-23
  • ทะลุไปเป็นอาจารย์ตัวประกอบเพื่อสอนรัก...พระเอก   บทที่ 7 (2/2) : ตัดสินใจ (2)

    “เจ้าลูกกระรอก เจ้าฟังอาการที่ข้าจะพูดต่อจากนี้ให้ดีนะ หากอาการไหนตรงกับที่เจ้ากำลังเผชิญอยู่ก็ให้เจ้าหลับตาตอบกลับมาหนึ่งครั้ง แต่ถ้าหากอาการไหนไม่ตรงกับที่เจ้ากำลังเผชิญอยู่ก็ให้เจ้าหลับตาตอบกลับข้ามาสองครั้ง” พูดจบ เมิ่งเจียวซินก็เริ่มกล่าวคำถามออกไปทีละข้อพร้อมกับหยุด เพื่อมองคำตอบจากดวงตากลมโตของลูกกระรอกไปด้วย “ยามที่ยาพิษเริ่มสำแดงอาการ เจ้าจะรู้สึกหนาวเย็นราวกับว่ากำลังถูกจับแช่ลงไปในน้ำที่เย็นจัดเลยใช่หรือไม่? ... จากนั้นเจ้าก็จะเริ่มขยับร่างกายของตนเองไม่ได้ ราวกับว่าเนื้อตัวของเจ้ามันกำลังแข็งค้างเลยใช่หรือไม่? ... แล้วยามนี้เจ้าไม่อาจเดินลมปราณหรือใช้พลังได้ดั่งใจต้องการใช่หรือไม่? ...” เมื่อได้รับคำตอบจากเจ้าตัวเล็ก เมิ่งเจียวซินก็มั่นใจไปถึงแปดในสิบส่วนเลยว่า ยาพิษในร่างกายของลูกกระรอกคือ ยาพิษค่ำคืนเหมันต์ ซึ่งก็เป็นยาพิษตัวเดียวกับที่พระเอกของนิยายเรื่องนี้น่าจะกำลังเผชิญกับมันอยู่เช่นกัน ยามนี้เมิ่งเจียวซินจึงรู้สึกเป็นกังวลอยู่ไม่น้อยเลย เพราะยาพิษชนิดนี้มันส่งผลต่อร่างกายค่อนข้างมาก ขนาดพระเอกของนิยายเรื่องนี้อย่างหลี่อวิ้นกุยยังรักษามันออกไปได้ไ

    Last Updated : 2025-01-23

Latest chapter

  • ทะลุไปเป็นอาจารย์ตัวประกอบเพื่อสอนรัก...พระเอก   บทที่ 40 (1/2) : ความโชคดีเดียวที่เขามี (1) 

    เมิ่งเจียวซินเดินออกมาถึงห้องโถง คนขับเกวียนกับบุรุษที่มาด้วยกันก็ได้ลำเลียงตะกร้าของฝากเสร็จพอดี นางจึงเดินไปหาคนทั้งคู่ เพื่อจ่ายค่าแรง แต่ทว่าจูมี่ก็รีบขยับเข้ามาขวาง เพราะเจ้าตัวได้จ่ายค่าจ้างพร้อมกับค่าแรงที่ช่วยยกของไปแล้ว เมื่อรู้เช่นนั้นนางจึงเดินนำจูมี่ออกไปส่งบุรุษทั้งสองที่ประตูรั้วด้านหน้าเรือน ในขณะที่ยืนมองเกวียนขับออกไป พวกนางก็เห็นซุนเย่ผิงวิ่งสวนเข้ามาหา จูมี่จึงเอ่ยถามอีกฝ่ายว่า “อาซุนเจ้าไปไหนมา?” “ข้า... คือ ข้าไป...” แม้เมิ่งเจียวซินจะรู้สึกแปลกใจ...ซุนเย่ผิงรู้ได้เช่นไรว่าจูมี่กลับมาแล้ว? แต่พอได้เห็นท่าทีละล่ำละลักคิดหาคำตอบไม่ทันของอีกฝ่าย นางจึงกล่าวสิ่งที่ตนช่วยคิดแก้ต่างแทนเจ้าตัวเอาไว้เมื่อครู่ออกมา “พอดี

  • ทะลุไปเป็นอาจารย์ตัวประกอบเพื่อสอนรัก...พระเอก   บทที่ 39 (2/2) : ข้าทำไม่ได้! (2) 

    หลี่อวิ้นกุยนั่งปรับอารมณ์ตัวเองอยู่สักพัก จากนั้นเขาก็หันไปส่งสัญญาณเรียกจิ่นสือเข้ามาสั่งการ ทว่าผู้ที่เข้ามารับคำสั่งหาได้มีเพียงแค่จิ่นสือ แต่ยังมีจิ่นตั้งที่เข้ามาพร้อมกับผู้เป็นน้องชายด้วย หลังจากสอบถามหลี่อวิ้นกุยก็ได้รู้ว่า จิ่นสือส่งสารไปบอกจิ่นตั้งเรื่องที่เขาสั่งย้ายเจ้าตัวไปเป็นองครักษ์เงาให้กับเมิ่งเจียวซิน จิ่นตั้งจึงรีบออกเดินทางมาเป็นองครักษ์ข้างกายของเขาแทนผู้เป็นน้องชายต่อทันที ซึ่งจิ่นตั้งเพิ่งจะเดินทางมาถึงเมื่อเช้านี้ และกำลังหาจังหวะเข้ามารายงานตัวกับเขาอยู่ แล้วเมื่อได้รับสัญญาณเรียก...จิ่นตั้งเลยตามผู้เป็นน้องชายเข้ามาด้วย จากนั้นคนทั้งสองก็เริ่มรายงานเรื่องที่เขาสั่งให้ไปทำ... เรื่องการแก้แค้น...หลี่อวิ้นกุยได้เลือกทำตามที่เมิ่งเจียวซินเคยขอ โดยเริ่มจากการส่งคนไปสืบหาข้อมูลให้แน่ชัดก่อน จากนั้นเขาก็เลือกลงมือเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้อง และมีส่วนร่วมกับการวางยาพิษเขาครั้งล่าสุดจริง ๆ เท่านั้น ซึ่งยามนี้จิ่นตั

  • ทะลุไปเป็นอาจารย์ตัวประกอบเพื่อสอนรัก...พระเอก   บทที่ 39 (1/2) : ข้าทำไม่ได้! (1) 

    เมิ่งเจียวซินนอนส่งมอบพลังหยินให้กับเจ้าลูกกระรอก ซึ่งภายในใจของนางยังคงมีความรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับท่าทีของเด็กหนุ่มติดค้างอยู่ เนื่องจากวันนี้ทั้งวันเจ้าตัวพยายามแย่งงานจากนางไปทำแทบจะทุกอย่าง แล้วก็ด้วยเพราะความอยากทำงานมาก ๆ ของอีกฝ่าย ตอนนี้ชุดสมุนไพร และยารักษาโรคทั่วไปที่นางตั้งใจจะจัดเตรียมให้กับเจ้าตัว รวมไปถึงผู้คนรอบกายนางได้ถูกจัดใส่ห่อรอที่จะส่งมอบเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตลอดทั้งวันเมิ่งเจียวซินก็พยายามเอ่ยถามเด็กหนุ่มว่าเป็นอะไร แต่ทว่าเจ้าตัวก็ใช้ความเงียบ หรือไม่ก็มักจะเอ่ยของานจากนางขัดขึ้นมาเสียก่อนทุกครั้ง จนผ่านล่วงเลยมาถึงยามนี้...แต่เมิ่งเจียวซินก็หาได้คิดที่จะยอมแพ้ไม่ นางจึงขยับร่างกาย แล้วเอนตัวไปทางด้านหลังเล็กน้อย พร้อมกับเอ่ยถามว่า “กุยกุย คือ...ข้ารู้สึกว่าวันนี้เจ้าขยันแปลก ๆ เจ้าเป็นอะไรหรือไม่? หรือว่า...มีเรื่องอะไรกวนใจเจ้า? เจ้าพอจะ...” ยังไม่ทันที่เมิ่งเจียวซินจะได้พูดจนจบประโยค อีกฝ่ายก็ขยับเข้ามาโอบกอดร่างกายขอ

  • ทะลุไปเป็นอาจารย์ตัวประกอบเพื่อสอนรัก...พระเอก   บทที่ 38 (2/2) : ความรู้สึกแปลก ๆ ที่มันเพิ่งเคยเกิดขึ้น (2)

    เมื่อดึงสติกลับมาได้ หลี่อวิ้นกุยก็รีบขยับเอาร่างกายของตนเองถอยออกมา จากนั้นเขาก็เห็นริมฝีปากของคนตรงหน้ามีรอยช้ำเล็ก ๆ ซึ่งแน่นอนว่า มันเกิดขึ้นจากการถูกเขาจุมพิตเมื่อครู่ หลี่อวิ้นกุยรีบดีดตัวลุกขึ้นมานั่ง จากนั้นเขาก็คิดจะลงไปเอายามาทาบริเวณริมฝีปากตรงจุดที่เกิดรอยช้ำให้กับนาง แต่เมื่อเขานึกขึ้นได้ว่า หากเมิ่งเจียวซินตื่นขึ้นมา แล้วรับรู้ได้ถึงยาที่เขาทาให้กับนางล่ะ? หลังจากนั่งชั่งใจมาสักพัก หลี่อวิ้นกุยก็ยื่นนิ้วมือเข้าไปลูบไล้และนวดคลึง พร้อมกับก้มลงไปมองริมฝีปากของเมิ่งเจียวซินอีกครั้ง แล้วเมื่อเห็นว่าไม่มีบาดแผล มีเพียงรอยช้ำเล็ก ๆ สี่ห้าจุดเท่านั้น เขาจึงตัดสินใจล้มตัวลงไปนอน แล้วจัดท่านอนให้เป็นท่าที่เขากับนางใช้นอนร่วมกันบนเตียงหลังนี้ทุกคืน โดยคิดเอาไว้ว่า...พรุ่งนี้เช้าเขาค่อยรอดูท่าทีของนางตอนเห็นรอยช้ำ ยามนั้นเขาค่อยคิดอีกทีว่า ควรจะทำเช่นไรต่อ? ซึ่งหลี่อวิ้นกุยไ

  • ทะลุไปเป็นอาจารย์ตัวประกอบเพื่อสอนรัก...พระเอก   บทที่ 38 (1/2) : ความรู้สึกแปลก ๆ ที่มันเพิ่งเคยเกิดขึ้น (1)

    หลี่อวิ้นกุยลืมตาขึ้นมากลางดึก ยามนี้แม้ทุกสิ่งรอบกายจะยังคงตกอยู่ในความมืด แต่เหตุใดในสายตาของเขาจึงยังเห็นศีรษะ ใบหู เส้นผม ลำคอ ไหล่ ฯลฯ ของสตรีในอ้อมแขนได้อย่างชัดเจน มันช่างน่าแปลก! เพราะตั้งแต่จำความได้ทุกสิ่งที่อยู่รอบกายเขา มันมักจะเต็มไปด้วยความมืดมิดเสมอ ตั้งแต่ในวัยเยาว์ แม้หลี่อวิ้นกุยจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนในครอบครัวฝั่งมารดา แต่ชีวิตในสถานที่แห่งนั้นมันช่างเงียบเหงา และเดียวดาย ไร้ซึ่งคำว่า‘ความอบอุ่น’ จากผู้คนที่ได้นามว่าเป็นคนในครอบครัวของเขา แล้วเมื่อเขาเติบใหญ่พอรู้ความ จิ่นโซวก็เข้ามาพูดคุยเพื่อรับตัวเขาจากคนเหล่านั้น โดยหลี่อวิ้นกุยยังจำสีหน้าที่แสดงออกถึงความรู้สึกโล่งใจ ยินดีที่เขากำลังจะจากไป ในวันสุดท้ายที่เขาก้าวเท้าออกมาจากเรือนที่ตนเองถือกำเนิด และเติบโตมาของผู้คนที่ได้นามว่าเป็นคนในครอบครัวของเขาได้อย่างชัดเจน แล้วในวันที่หลี่อวิ้นกุย

  • ทะลุไปเป็นอาจารย์ตัวประกอบเพื่อสอนรัก...พระเอก   บทที่ 37 (2/2) : ช่วยเก็บมันเอาไว้กับตัว (2)

    “ขอบคุณที่เดินมาส่งนะเจ้าคะ ข้าฝากบอกพี่ชายฟางด้วยว่า ขอให้หายเร็ว ๆ” “ได้” หมิงลู่ตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้กับเมิ่งเจียวซิน จากนั้นเขาก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาแปลก ๆ อีกครั้ง “ไว้เจอกันใหม่นะเจียวซิน” “อืม” “เจ้ารีบเข้าเรือนเถิด พวกข้าจะไปแล้ว” เมิ่งเจียวซินทำเพียงพยักหน้าตอบหมิงลู่ ก่อนจะหันหลัง แล้วเดินเข้าเรือนของตนเอง หมิงลู่ยืนมองส่งเมิ่งเจียวซิน แล้วเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินเข้าเรือนไปแล้ว เขาก็เดินนำน้องสาวไปทางเรือนของพวกตนต่อ “มองไม่วางตาเลยนะเจ้าคะ” หมิงจิวเอ่ยเย้าผู้เป็นพี่ชาย “เจ้านี่!” หมิงล

  • ทะลุไปเป็นอาจารย์ตัวประกอบเพื่อสอนรัก...พระเอก   บทที่ 37 (1/2) : ช่วยเก็บมันเอาไว้กับตัว (1)

    เมิ่งเจียวซินก้มมองเจ้าลูกกระรอกบนตัก ตั้งแต่ช่วงบ่ายอีกฝ่ายได้กินเพียงแค่ขนมรองท้องเท่านั้น ไม่แน่ว่า ยามนี้เจ้าตัวอาจจะเริ่มรู้สึกหิวไม่น้อยแล้วก็ได้ นางจึงหยิบขนมในจานส่งไปให้เจ้าลูกกระรอกอีกหนึ่งชิ้น ซึ่งในขณะนั้นคนของโรงเตี๊ยมก็เข้ามาเติมน้ำชาให้กับพวกนางพอดี เมิ่งเจียวซินจึงหันไปสั่งอาหารกับอีกฝ่าย “เสี่ยวเอ้อร์ ข้าขอซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวานกับปลานึ่งซีอิ๊วอย่างละหนึ่งที่ และข้าวสวยจำนวนสองถ้วยด้วยเจ้าค่ะ ชุดนี้ข้ารบกวนจัดใส่ห่อนะเจ้าคะ แล้วก็...ข้ารบกวนห่อขนมแบบจานนี้เพิ่มให้ข้าในชุดอาหารด้วยเจ้าค่ะ” “ได้ขอรับ รอสักครู่นะขอรับ” “เจียวซิน เจ้าอย่าบอกนะว่า...เจ้าจะซื้อไปฝากบ่าวสตรีนางนั้น” หมิงลู่เอ่ยถามเสียงเข้ม “ไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้าซื้อไปกินเอง” “พี่ใหญ่ข้าขอซื้ออาหาร แล้วฝ

  • ทะลุไปเป็นอาจารย์ตัวประกอบเพื่อสอนรัก...พระเอก   บทที่ 36 (2/2) : ถือความเท่าเทียมเป็นหลัก (2) 

    หลังจากได้ยินคำถาม ซึ่งไม่มีที่มาที่ไปของหมิงจิว เมิ่งเจียวซินจึงหันกลับไปมองอีกฝ่าย เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกโมโหเรื่องเล่าจากในรั้วในวังอยู่หรอกหรือ? แต่เมื่อได้เห็นสายตาที่แสดงออกราวกับว่า อยากจะรู้จริง ๆ จากสหาย นางจึงหยุดคิดเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวตอบไปว่า “หากถามว่าเคยคิดหรือไม่? ในวัยเด็กข้าก็เหมือนจะเคยคิดนะ คงอาจจะด้วยเพราะช่วงวัย แล้วก็อาจจะด้วยเพราะความคิดแบบเด็ก ๆ ที่ว่า ตนเองจะได้เข้าไปอยู่ในเรือนหลังใหญ่ จะได้แต่งกายด้วยชุดที่สวยหรู และก็จะได้ชิมอาหารอร่อย ๆ จากโรงเตี๊ยมดัง ๆ ทุกวัน แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ความคิดในวัยเยาว์ เพราะข้าในยามนี้ไม่คิดจะนำความสุขที่ตนเองมี ไปแลกกับความสุขที่ได้มาเพียงชั่วคราวแน่นอน” “อะไรคือ ความสุขเพียงชั่วคราว?” หมิงจิวเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังแบบง่าย ๆ ให้เจ้าได้รับรู้ และได้เห็นภาพเลยนะ” พูดจบ เมิ่งเจียวซินก็เอ

  • ทะลุไปเป็นอาจารย์ตัวประกอบเพื่อสอนรัก...พระเอก   บทที่ 36 (1/2) : ถือความเท่าเทียมเป็นหลัก (1) 

    เมิ่งเจียวซินนึกไปถึงนิยายที่เคยอ่าน ซีรีส์จีนที่เคยดู รวมไปถึงเรื่องเล่าประวัติศาสตร์ที่นางเคยได้ยินมา... ถ้าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการแย่งชิงบัลลังก์ ส่วนใหญ่หากเกิดในราชวงศ์ หรือเกิดมามีสายเลือดของผู้ที่ปกครองแว่นแคว้น ชีวิตในวังของโอรสหรือธิดาบางคนก็หาได้สวยหรู หรือได้อยู่อย่างสุขสงบอย่างที่ผู้คนภายนอกคิดไม่ “หมิงจิว เจ้าอาจจะรู้สึกอิจฉาบรรดาผู้ที่ได้เกิดมาพร้อมกับอำนาจ วาสนา หรือยศถาบรรดาศักดิ์แต่ข้าขอบอกเจ้าว่า บ้างครั้งผู้ที่ได้เกิดมาพร้อมกับสิ่งเหล่านั้น อาจจะกำลังรู้สึกอิจฉาเจ้าอยู่ก็ได้นะ” “อิจฉาข้า!” “ใช่” เมิ่งเจียวซินเมื่อได้เห็นสีหน้า รวมไปถึงท่าทางของหมิงจิวที่คล้ายกับกำลังรู้สึกตกใจ และไม่เชื่อถือในสิ่งที่นางกล่าวเมื่อครู่ นางจึงอธิบายต่อว่า

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status