Share

Chapter 7.  มองเห็น

            คนที่มองเห็นผมเพียงคนเดียวกลับไปลมไปเสียแล้ว

            เฮ้อ!

            เรื่องมันเริ่มต้นเมื่อราวๆ ครึ่งเดือนก่อน ขณะที่ผมกำลังพิมพ์ต้นฉบับอย่างบ้าคลั่งเพื่อให้ทันส่งงานประกวดนิยายของเวบไซต์แห่งหนึ่ง เดดไลน์คือส่งงานภายในเที่ยงคืน ผมคิดว่า...เอ่อ...คิดว่านะ คิดว่าใช้เมาท์คลิกส่งเมล์งานเรียบร้อยแล้วก็ตั้งใจลุกขึ้นไปหาอะไรกินเสียหน่อยแต่เหมือนร่างกายไร้เรี่ยวแรงร่วงผล็อยลงไปกองกับพื้น เหมือนได้หลับไปเต็มอิ่มแต่พอลืมตาขึ้นกลับพบว่าตัวเองอยู่หน้าอาคารแห่งหนึ่ง ผมก็ไม่รู้ว่ามาได้ยังไง และที่สำคัญคือไม่มีใครมองเห็นผม แม้ว่าจะพยายามส่งเสียงหรือไปสัมผัสอีกฝ่าย พวกเขาต่างเดินทะลุร่างของผมราวกับผมเป็นเพียงอากาศธาตุ และเมื่อผมพยายามตั้งสติสังเกตุสิ่งรอบตัวก็พบว่ามันไม่คุ้นตา และเมื่อเห็นข่าวในจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ที่หน้าตึกนั้นก็พบว่ามันเป็นปีพ.ศ.2533 พระเจ้า! ผมเป็นคนในปี พ.ศ.2567 แต่กลับย้อนเวลาอยู่ในปี พ.ศ.2533 แล้วที่ผมงงหนักที่สุดก็คือ ผมไม่รู้ว่าผมชื่ออะไรและเป็นใครนะสิ!

            ย้อนเวลามาทั้งที่แต่ดันความจำเสื่อม และที่จำไม่ได้ก็มีแค่เรื่องของตัวเองเท่านั้น ขอขยายความเข้าใจอีกนิด คือผมจำชื่อตัวเองไม่ได้ บ้านช่องห้องหับอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ ครอบครัวญาติพี่น้องก็ไม่รู้อีก เอ่อ มันเหมือนเงาจางๆ ในหัว แต่ผมรู้ว่าที่ๆผมเคยอยู่เป็นยังไง เคยใช้ชีวิตแบบไหนมาก่อนก่อน  แต่ทักษะอื่นของผมยังใช้ได้ดี ก็ผมมีทักษะเดียวคือการเป็นนักเขียนนิยายออนไลน์นี่แหละ  เหมือนว่าผมจะไม่ได้ทำอย่างอื่นเลยนอกจากเขียนนิยายออนไลน์

            อ่านนิยายย้อนยุคทะลุมิติหรือแนวระบบมาก็เยอะ พอมาเจอกับตัวเองก็ไปไม่ถูกเหมือนกัน ผมไม่รู้ว่าจะเรียกสิ่งที่ตัวเองเผชิญอยู่ว่าอะไร ถ้าเป็นนิยายแนวระบบก็คงมีคำสั่งให้ผมต้องทำตาม แต่นี่ก็ไม่มีเลย หรือผมตายไปแล้วเพราะสภาพผมในตอนนี้ก็คือร่างโปร่งใสที่ไม่มีใครมองเห็น ผมไม่ได้ล่องลอยเหมือนวิญญาณที่เห็นในละครหรือซีรีย์  แต่ทำไมผมถึงกลับมาอยู่ในอดีตได้ล่ะ หรือผมมีอะไรติดค้างอยู่ แต่...ถึงผมจะจำไม่ได้ว่าตัวเองอายุเท่าไหร่ แต่ดูแล้วหน้าตาไม่ได้แย่ของผมมันน่าจะแค่21-22ปีเองนะ  ในขณะที่ผมครุ่นคิดว่าจะใช้ชีวิตแบบนี้ยังไงต่อไป(ดี) สายตาคู่หนึ่งก็จ้องมาทางผม แรกๆ ผมนึกว่าเธอคงมองไปคนข้างหลังเหมือนที่ผมเคยเข้าใจผิด แต่เธอมองที่ผม!

            ผมมั่นใจว่าเธอเห็นผม! ในเวลานี้ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นไปกว่านี้อีกแล้ว และนั้นแหละ ผมถึงได้พยายามเข้าใกล้เธอ แต่ดูว่าเธอเองไม่รู้ว่าผมเป็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น โธ่! อย่าเรียกผมว่าผีสิ คือแบบ ผมยังทำใจไม่ได้ว่าตัวเองตายแล้ว เอ๊ะ ผมอาจจะยังไม่ตายก็ได้นะ

“คุณตามฉันมาเหรอ”    

“เอ่อ...คือผม...ผม...คุณมองเห็นผมใช่ไหม”

“จะบ้าเหรอ ไม่ใช่แมวนะจะได้มองไม่เห็น”

“คุณมองเห็นผมจริง ๆ ด้วย”   

“เอ๊ะ! รึว่าจะพวกโรคจิต อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ”

“เปล่าครับ ไม่ใช่ครับ คือ…ว่า ผม...ผม...”

“ใครก็ได้ช่วยด้วยค่ะ คนโรคจิตจะลวนลามค่ะ พี่เบียร์ พี่เบียร์ช่วยโซดาด้วย”

            ผมพยายามจะอธิบาย แต่คุณเธอไม่ฟังเอาเสียเลย พี่ชายเธอมาก็ไม่เห็นผมอีกเท่านั้นแหละ เธอถึงกับร้องกรี๊ดออกมาและเป็นลมไป

            ความรู้สึกผิดแล่นพุ่งตรงหัวใจ เป็นวิญญาณแล้วทำไมยังรู้สึกอีก ผมได้ขอโทษเธอและมองพี่ชายเธอที่แตกตื่นอุ้มน้องสาวเข้าไปด้านใน ผมเกรงใจก็เลยรออยู่ด้านนอกปล่อยให้พี่ชายได้ดูแลน้องสาวจนคนเป็นพี่ที่ทำงานมาทั้งวันเหนื่อยล้าผล็อยหลับไป

            การถูกห่วงใยนี่ดีจริงๆ

            ผมเคยมีพี่น้องหรือเปล่านะ

            ใจผมรู้สึกอิจฉาขึ้นมานิดๆ หรือว่าผมจะเป็นลูกคนเดียว หรือเพราะความเป็นนักเขียนของผมทำให้ผมไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนในครอบครัว การมีผมอยู่หรือไม่มีนั้น อาจไม่ได้ส่งผลอะไรกับพวกเขาเลยก็ได้

            อ๊ะ! ผู้หญิงคนนั้นฟื้นแล้ว

เด็กสาวกระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับโฟกัส เมื่อภาพรางๆ ของร่างสูงโปร่งยืนอยู่มุมห้องชัดเจนว่าเป็นใบหน้าของชายหนุ่มปริศนาผู้สวมแว่นทรงกลมกรอบสีเงิน   โซดาอ้าปากเกือบส่งเสียงกรี๊ด แต่ชายหนุ่มยกมือจุ๊ปากเป็นสัญญาณให้เงียบ ๆ  แล้วชี้นิ้วมายังร่างชายหนุ่มอีกคนที่นั่งหลับศีรษะพิงผนังห้องด้วยท่าทางอ่อนล้า

            “พี่เบียร์”

            “ฮืม...”    คนเป็นพี่ทำพึมพำอย่างัวเงีย   “อ้าว ตื่นแล้วเหรอโซดา เป็นยังไงบ้าง”

            “พี่เบียร์นั่งเฝ้าโซดาทั้งคืนเลยเหรอ”

            “ก็ทำไงได้ละมีน้องสาวคนเดียวให้เป็นห่วงนิน่า”    ผู้เป็นพี่เอื้อมมือมาโยกศีรษะน้องสาวเบา ๆ

            “พี่ไปนอนที่ห้องเถอะ เอ๊ะ เช้าแล้วนี่…พี่เบียร์ต้องไปทำงาน”

            “ไม่เป็นไรวันนี้พี่อยู่เป็นเพื่อนเราก็ได้ เดี๋ยวโทรไปลางานสักวันคงไม่เป็นไร”

            “พี่เบียร์…”

            โซดารู้สึกผิดที่ทำให้พี่ชายต้องเป็นห่วงจนเสียงานเสียการขนาดนี้ เมื่อคืนเธอโวยวายเหมือนคนบ้าจนพี่ชายเป็นห่วง   กระทั้งนั่งแท็กซี่กลับมาถึงบ้านเธอก็ไม่ยอมให้พี่ชายอยู่ห่างตัว จนไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่  

เธอหันไปมองร่างสูงโปร่งที่ยืนอยู่มุมห้องราวกับอากาศธาตุ  ขณะที่พี่ชายลุกขึ้นบิดตัวไปมาไล่ความเมื่อยล้าจากการหลับผิดที่ผิดท่า   สายตาอ่อนโยนหลังแว่นตาทรงกลมผสานกับเด็กสาวผู้เป็นคนเดียวที่มองเห็นชายแปลกหน้าคนนี้

            “บ่เป็นหยัง!!!  โซดาไม่เป็นไรแล้ว พี่ไม่ต้องห่วงหรอก สงสัยโซดาจะเพี้ยนคิดพล็อตนิยายฆาตกรรมจนเพ้อนะคะ ก็...แนวฆาตกรรมสยองขวัญ แบบว่าแนวพระเอกเป็นฆาตกรกำลังมาแรง” 

เด็กสาวเท้าสะเอวอ้าปากกว้างหัวเราะเสียงดังด้วยมาดที่คิดว่าพี่ชายเห็นจะนึกขำ

            “จริงนะ ถ้าไม่เป็นอะไรพี่จะได้ไปทำงาน”

            “จริงค่ะ ขอโทษนะคะที่ทำให้พี่เบียร์เป็นห่วง”

            เบียร์พยักหน้ารับก่อนลุกขึ้น เดินทะลุผ่านร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนไปเปิดประตูห้องและก้าวเท้าออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น      ไม่ทันเห็นสายตาตกตะลึงของน้องสาวที่นั่งตัวแข็งหมดแรงอยู่บนเตียงจนไม่กล้าขยับไปไหน

            โซดาหลับหูหลับตายกมือไหว้ไม่สนใจอะไรแล้ว      ก็เธอไม่อยากให้พี่ชายเป็นห่วงมากกว่า ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วที่เธอยืนยันว่าเห็นชายหนุ่มคนนี้ยืนอยู่ต่อหน้าต่อตา    แต่ใครต่อใครกลับมองไม่เห็นจนเหมือนเธอเองนั้นแหละที่เหมือน “ผีเข้า”เสียเอง

            “เอ่อ...คุณครับ…คุณ”

            “ไปที่ชอบ ๆ เด๋อคะ หนูจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลถวายสังฆทานไปให้ นะโมนะสะ..อ่า..อะไรหว่า  อัตตาหิอัตโนนาโธ”

            “คุณครับที่คุณท่องมันแปลว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนะครับ”

            โซดาสะดุ้งแล้วเงยหน้าขึ้นมองผู้บุกรุก  เขายิ้มบางแล้วสืบเท้าเข้ามาใกล้  ก่อนทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงนอน   ที่เมื่อครู่เบียร์ใช้เป็นที่นั่งหลับเฝ้าน้องสาวคนเดียวที่แสนห่วงใย

            “น่าอิจฉาจังนะครับ...ที่มีพี่ชายที่รักและห่วงใยคุณมากขนาดนี้”

น้ำเสียงอ่อนโยนทำให้โซดารู้สึกผ่อนคลายลง  ดู ๆ ไปแล้วก็ไม่มีท่าทางมีพิษมีภัยอะไร             ถ้าเจอกันในสภาพปกติกว่านี้เขาคงเป็นชายหนุ่มที่ดูดีกว่านี้ไม่น้อยทีเดียว

“ผมต้องขอโทษมาก ๆ ที่ทำให้คุณตกใจขนาดนี้ แต่ผมไม่มีเจตนาร้ายอะไรนะครับ”

“แล้วมาเฮ็ดหยัง เอ๊ย!”  เวลาตกใจเผลอออกซาวด์แทรกทุกที   “ฉันไม่ใช่คนมีเซนส์ทางวิญญาณนะ หรือจะให้ฉันเป็นร่างทรง”

“ไม่ใช่ครับ คือ…ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง”   วิญญาณหนุ่มเกาหัวแกรก ๆ นี่ถ้าเจอในสภาวะปกติกว่านี้ มีหวังโซดาใจละลายแล้ว 

“เอาเป็นว่าคุณเป็นคนเดียวที่มองเห็นผมก็แล้วกัน”

“หมายความว่าไง ฉันเป็นคนเดียวที่มองเห็นคุณ”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status