“ก็หมายความว่าไม่มีใครมองเห็นผมไงครับ แบบเมื่อครู่ที่พี่ชายคุณยังไม่เห็นผมเดินทะลุตัวผมเฉยเลย”
“แล้วคุณเป็นใครล่ะ เราเคยรู้จักกันเหรอ หรือว่ารู้จักกันตั้งแต่ชาติที่แล้ว”
“เอ่อ...ไม่ทราบครับ”
“ไมทราบ? ไม่ทราบได้ยังไง” โซดารู้สึกหงุดหงิดและคลายความรู้สึกกลัวผู้ชายตรงหน้าลงอย่างไม่รู้ตัว
“แล้วชื่ออะไร”
“ไม่ทราบครับ”
“หา!…งั้นบ้านช่องอยู่ไหนเป็นอะไรตาย”
“อันนี้ก็ไม่ทราบครับ”
“เฮ้ย…อย่าตลกน่า ชื่อตัวเองก็ไม่รู้ นอกจากจะเป็นผีเร่ร่อนแล้วยังเป็นผีความจำเสื่อมอีกเหรอเนี่ย แล้วรู้อะไรบ้างเนี่ย”
“ไม่ทราบครับ เอ่อ ไม่แน่ใจ…เดี๋ยวนะครับ” คุณผีไม่ได้รับเชิญยกนิ้วมือขึ้นนับ โซดายกมือกุมขมับอยากจะกรี๊ด กับท่านับนิ้วเหมือนเด็กอนุบาล “ผมรู้สึกตัวก็มายืนอยู่หน้าตึกที่คุณเดินเข้าเดินออกสองสามวันก่อนนะครับ ก็น่าจะสามหรือสี่วันแล้วละ แต่เหมือนกับว่า...ต้องอยู่ตรงนั้นเผื่อทำอะไรสักอย่าง”
“เหรอ” โซดาพยักหน้าหงึกหงัก “ก็น่าจะวันเดียวกับที่ฉันไปอบรมเขียนนิยาย”
“ไม่ทราบครับ จำอะไรไม่ได้เลย รู้แต่ต้องคอยผู้หญิงคนหนึ่งที่ตรงนั้น”
“คอยผู้หญิง คนไหน ชื่ออะไรเผื่อจะได้รู้ว่านายเป็นใคร”
“ไม่ทราบครับ มันเหมือนกับว่าผู้จะรู้จักแค่ผู้หญิงผมยาว ๆ ชอบใส่กระโปรงยาว ๆ ถือกล่องไวโอลิน ผมพยายามจะติดต่อกับเธอแต่เธอมองไม่เห็นผม แถมเวลาเธอมาที่ตึกนี่ก็มีคนขับรถรับส่งตลอด ผมก็ไม่รู้จะตามเธอได้ยัง ผมวิ่งตามรถเก๋งคันใหญ่ของเธอไม่ทัน”
“ถามอะไรก็ไม่ทราบ...แต่ก็น่าสงสาร” โซดาเท้าค้างนั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อก่อนถอนหายใจ“ถ้าอย่างนั้นนายอาจจะเป็นชายผู้ต่ำต้อยหลงรักหญิงสาวสูงศักดิ์ผู้เลอโฉม ความรักถูกกีดกันจากผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง และบังคับให้เธอแต่งงานคนที่มีฐานะเท่าเทียมกัน นายเข้าไปหวังจะพาเธอหนีจากการคลุมถุงชนเผื่อใช้ชีวิตรักเรียบง่ายที่เกาะไร้ผู้คนห่างไกลความเจริญบนดินแดนที่ไม่มี ยศถาบรรดาศักดิ์ แต่ปรากฏว่าพ่อฝ่ายหญิงจับได้เลย ส่งคนมาทำร้ายนายจนเหลือเพียงวิญญาณที่เปี่ยมไปด้วยความรัก เฝ้าวนเวียนดูแลหญิงคนรักด้วยหัวใจภักดีไม่เสื่อมคลาย…”
“อ่า…ขนาดนั้นเลยหรือครับ” คน เอ๊ย! วิญญาณหนุ่ม ฟังแล้วทำหน้างุนงง
“ต้องใช้แน่ ๆ เลย ฉันอ่านนิยายมาหลายเรื่องแล้วแบบนี้ทั้งนั้นแหละ” โซดาระบายยิ้มกว้างรู้สึกปลื้มกับความคิดของตนเอง
“…แล้ววิญญาณตนนั้นก็บังเอิญมาเจอหญิงสาวผู้มีพลังวิเศษสื่อสารกับวิญญาณได้ เธอจะเข้ามาช่วยคลี่คลายคดีฆาตกรรมด้วยวิธีนิติวิทยาศาสตร์”
“ขนาดนั้นเชียวเหรอครับ”
“ใช่ซิ ฉันจำมาจากในหนัง CSI เพราะนายเป็นแค่วิญญาณ ขึ้นให้การในศาลไม่ได้หรอกมันต้องมีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เท่านั้นที่จะช่วยให้วิญญาณของนายพ้นความผิด”
“ทำไมผมไม่รู้สึกว่ามันใกล้เคียงเลยละครับ” วิญญาณหนุ่มทำหน้าเหรอหรา
“ก็นายความจำเสื่อมไม่ใช่เหรอ ฉันนะอบรมเขียนนิยายกับพี่ปกรณ์เจ้าของนิยายดังที่เป็นละครหลังข่าวหลายเรื่องแล้วนะ” โซดายืดอกแบนนอย่างภูมิใจ
“มันเกี่ยวด้วยเหรอครับ” คุณผีหนุ่มส่ายหน้าไปมา ‘นักเขียน’ ทำไมเขาคุ้นเคยกับคำนี้จัง
“นี่...นายนี่มันวุ่นวายจริง ๆ เลย ถ้ามันเรื่องมากนักก็ไปที่ชอบ-ที่ชอบซิยะ มาอยู่รกบ้านฉันทำไม ฉันก็ไม่ได้อยากเห็นหน้านายนักหรอกนะ”
“อย่าไล่ผมไปเลยครับ นอกจากคุณผมก็ไม่สามารถสื่อสารกับใครได้เลยครับ” วิญญาณหนุ่มทำหน้าอ้อนวอนดวงตาเป็นประกายวิบวับ
“งั้นแปลว่าชะตาฟ้าลิขิตให้ฉันต้องมากอบกู้วิกฤตินี้เป็นแน่แท้” โซดาเผลอหัวเราะออกมา
“เรียกฉันว่าโซดาก็ได้ แล้วนายล่ะจะให้เรียกว่าอะไรดี”
“ก็ผมจำไม่ได้กระทั้งชื่อตัวเองไงครับ”
“โทษที ลืมไป งั้นชื่อมารวยเป็นไง เป็นมงคลแก่บ้านฉันดี”
“ผมว่ามันชื่อคล้ายสุนัขไปหน่อยนะครับ”
“โอ๊ยวุ่นวายจริง เอ่อวุ่...นวาย อื้ม เรียกนายวุ่นวายนั้นแหละชอบไม่ชอบก็จะเรียกชื่อนี้แหละ”
“ผมนะเหรอครับ ตัววุ่นวาย” ผีหนุ่มเกาหัวแกรก ๆ เขาว่าตัวเขาออกจะสุภาพ สงบเสี่ยมเจียมตัวแล้วนะ
“หรือจะชื่อเนื้องอก อยากมาทำตัวเป็นเนื้องอกติดกับฉันทำไม”
“เรียกอะไรก็ตามใจคุณโซดาเถอะครับ”
เอาวะ! ถูกตั้งข้อหาว่าวุ่นวายเข้าให้แล้ว แต่ก็ดีกว่าเป็นทั้งมารวยและเนื้องอกแหละน่า!!!
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เด็กสาวกระโดดลุกจากเตียงไปเปิดประตูเบียร์เอี้ยวตัวเข้ามามองในห้องอย่างสงสัยก่อนหันมาสบตากับน้องสาวที่ยืนทำสีหน้างุนงง
“คุยกับใครเหรอ”
“เอ่อ…อ้อ...อ่านบทที่แต่งไว้นะคะ คือตอนที่ไปอบรมเขียนนิยายมาเค้าบอกว่าเขียนแล้วลองอ่านออกเสียงดัง ๆ จะได้รู้สึกถึงอารมณ์ของตัวละครไปด้วย” โซดาแก้ตัวแล้วดันให้พี่ชายออกจากห้อง
“พี่ทำข้าวต้มไว้ให้แล้วนะ พี่จะไปทำงานก่อนถ้ามีอะไรก็โทรหาพี่ได้หรือจะไปหาพี่ตั้มที่อู่รถก็ได้”
“เดี๋ยวโซดาอาบน้ำแล้วจะลงไปค่ะ พี่เบียร์ไปทำงานเถอะไม่ต้องห่วง”
ผู้เป็นพี่พยักหน้ารับแต่ยังไม่คลายกังวล เมื่อประตูห้องปิดลงเธอก็รีบลงกลอนแล้วเดินตรงดิ่งมานั่งข้างหน้าคุณผีความจำเสื่อม
“ฉันจะช่วยสืบประวัตินายเอง ถ้านายตายอย่างหมดห่วงวิญญาณนายคงไม่ต้องเร่ร่อนแบบนี้แน่ ๆ งั้นเรามาตั้งชื่อปฏิบัติการนี้ดีกว่า”
“ขอบคุณครับแต่ว่า…ผมรู้สึกว่ามันเวอร์ ๆ ไปหน่อยนะครับ” ผีเร่ร่อนขยับแว่นสายตาทำหน้าแหย
“ไม่ได้มันต้องตั้งชื่อเรื่องก่อนซิ ก่อนจะเขียนนิยายสักเรื่องถ้าตั้งชื่อเรื่องดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง บก.อ่านชื่อปุ๊บก็อยากพลิกอ่านหน้าต่อไป มันต้องใช้วิธีนี้แหละสำหรับนักเขียนโนเนมอย่างฉัน”
คุณผีความจำเสื่อมรู้สึกมึนตึบ กับความคิดของอีกฝ่ายแต่ก็ทำได้เพียงแค่นั่งก้มหน้ารับฟังอีกฝ่ายที่ทำท่าครุ่นคิด
“Ghost”
“ครับ?” คุณผีสะดุ้งเมื่อเสียงอีกฝ่ายเรียกจู่ๆก็ตะโกนเสียงดังออกมา
“ชื่อปฏิบัติการครั้งนี้ไง เท่ไหม Ghost”
“ยังไงก็ได้ครับตามแต่คุณจะเมตตาผีเร่ร่อนแถมความจำเสื่อมอย่างผม”
“กตัญญูรู้คุณอย่างนี่ค่อยน่ารักหน่อย แล้วห้ามแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกฉันหรือพี่ชายฉันเด็ดขาดนะ”
“โธ่คุณ แค่มีคนมองเห็นผม...ก็เป็นบุญของผมแล้วครับ”
“หิวคิดอะไรไม่ออก นายล่ะ จะกินอะไรไหมฉันจะจัดถวายให้ปักธูปดอกหนึ่งใช่ป่ะ”
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับ ตั้งแต่ผมรู้สึกตัวก็ไม่รู้สึกหิวอะไรเลย”
“ดีจังเลยเลี้ยงง่าย ๆ จะได้โตไว ๆ ” เธอหัวเราะเสียงดัง จนทำให้อีกฝ่ายเผลอยิ้มตามอย่างไม่รู้ตัว
เด็กสาวยิ้มทะเล้นแล้วลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูห้อง คุณผีเร่ร่อนทำหน้างง
“ฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำ นายไปอยู่ไหนก่อนก็ไป ห้ามแอบดูเด็ดขาด”
“รับทราบแล้วครับ” ‘ทำอย่างกับมีอะไรให้ดู’ ชายหนุ่มในร่างวิญญาณเดินออกมาจากห้อง เสียงร้องเพลงผิดคีย์ดังขึ้นอย่างอารมณ์ดีเมื่อประตูห้องปิดลง เขาเผลอยิ้มอย่างไม่รู้ตัวคล้ายว่าใบหน้าของเขาไม่เคยมีรอยยิ้มมานานแสนนาน
เอาเถอะ...ถึงเวลานี้แล้ว เขาผ่านการอยู่อย่างเคว้งคว้างแสนทรมาน ความรู้สึกโดดเดี่ยวท่ามกลางผู้คนมากมายที่รายล้อม เจ็บปวดที่ไม่รู้แม้กระทั้งชื่อของตนเอง จนเมื่อร่างเพรียวบางก้าวเดินออกมาจากตึกสูงตระหง่าน เพียงแค่สายตาที่สบประสานกันจนเหมือนเขาเห็นเงาตัวเองสะท้อนอยู่ในแววตาของเธอ
ความอบอุ่นก็เอ่อล้นขึ้นในใจอีกครั้ง เพียงแค่ใครสักคนที่ทำให้เรารู้สึกว่า “มีตัวตน” อยู่บนโลกใบนี้ มันก็เป็นความรู้สึกที่แสนวิเศษเหลือเกิน
นิ้วมือเล็ก ๆ ขยับพร่างพรมบนแป้นคีย์บอร์ดอย่างชำนาญ ชายหนุ่มหน้าตี๋ร่างสูงผมสั้นสีน้ำตาลแดงยืนมองอยู่ข้างคอมพิวเตอร์สีซีดด้วยแววตาชื่นชม เขาเหลียวมองบรรยากาศในร้าน “หมูหยองอินเตอร์เนท” ที่เห็นจนชินตาแต่ความรู้สึกกลับสดใสมากกว่าเมื่อครั้งที่เจ้าของร้านยังอยู่ ราวกับว่าร้านเนทเล็ก ๆ ที่มีคอมพิวเตอร์ให้บริการอยู่ประมาณสิบสองเครื่องได้รับความดูแลอย่างดี พื้นห้องก็สะอาด ถังขยะที่ไม่มีขยะล้นให้รำคาญลูกตา ประตูกระจกก็ใสสว่างไม่มีคราบฝุ่น หรือเป็นเพราะพนักงานดูแลร้านคนใหม่ที่เพิ่งประจำการได้เพียงอาทิตย์เศษคนนี้ “เรียบร้อยแล้วค่ะพี่ตั้ม” “อ้อ!” ตั้มหันมาตามเสียงเรียกของเด็กสาวที่ยิ้มหน้าแป้นอยู่หน้าคอมพ์เธอหมุนเก้าอี้เลื่อนมารอรับกระดาษที่ไหลออกมาจากเครื่องปริ๊ตเตอร์ “ใบเสนอราคาค่ะ ค่าปริ๊ตแผ่นละห้าบาท ส่วนค่าบริการเอาเป็นซามูไรเบอร์เกอร์ชิ้นหนึ่งนะคะ” “โหนี่เหรอราคากันเอง งั้นพี่ขอราคาปกติดีกว่ามั้ง” ชายหนุ่มหัวเราะจนตาหยี “เอ่อ…แล้วที่พี่ให้หาข้อมูลประกวดยังดีไซด์เนอร์อะไรนั่นละ”“พรุ่งนี้ได้ไหมค่ะ โซดาsaveมาแล้ว
“ใช่...ถึงจะไม่ค่อยเห็นสองคนนี้พูดจาดี ๆ ใส่กัน แต่ก็ดูออกว่าพี่ตั้มห่วงพี่น้ำหวานขนาดไหน ตั้งแต่ตอนที่พ่อแม่ฉันยังอยู่ ฉันจำภาพพี่เบียร์ที่ชอบช่วยแม่ทำกับข้าวจนพี่ตั้มล้อเอาอยู่บ่อย ๆแล้วพี่น้ำหวานก็จะมาดุพี่ตั้มเสมอเลย บ้านพี่ตั้มเป็นอู่ซ่อมรถแล้วพี่ตั้มก็ชอบขโมยรถที่อู่มาขับอยู่บ่อย ๆ และโดนเตี่ยตีเป็นประจำ พี่เบียร์บอกว่าพี่ตั้มทำไปเพราะประชดพี่ชายคนโตเป็นหมอคนรองเป็นวิศวกร แต่พี่ตั้มเรียนไม่เก่งจบปวส.ก็ไม่เรียนต่อคลุกอยู่แต่ในอู่รถ ส่วนพี่น้ำหวานพ่อแม่พี่เค้าแยกทางตั้งแต่พี่น้ำหวานจำความได้ พี่น้ำหวานอยู่กับป้าญาติห่าง ๆ ป้าเค้าเย็บเสื้อผ้าโหลพี่น้ำหวานเลยอยากเป็นดีไซด์เนอร์แต่ว่าป้าไม่เข้าใจว่าดีไซด์เนอร์กับช่างเย็บผ้ามันต่างกันยังไง ป้าอยากให้ทำงานดี ๆ เป็นพนักงานกินเงินเดือน พี่น้ำหวานก็เลยหาเช่าแผงขายเสื้อผ้าที่สะพานพุทธ มีทั้งรับมาแล้วก็แบบที่ตัวเองดีไซด์เองด้วย” กว่าโซดาจะเล่าจบเธอก็นับเงินในกล่องเก็บเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว “ชีวิตพวกคุณนี่น่าสนุกจังเลยนะครับ” น้ำเสียงอ่อนโยนมากกว่าประชดประชัน โซดาระบายลมหายใจหนัก ๆ
ตลาดสะพานพุทธมีเสน่ห์อย่างประหลาดในสายตาของโซดา แต่เธอก็รู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า,เครื่องประดับ,ตุ๊กตา,นาฬิกาหรือของขวัญน่ารัก ๆ ต่างมีดีไซด์เก๋ ๆ ออกมาเรียกเงินในกระเป๋าของนักช้อปได้เป็นอย่างดี เธอเองก็เคยซื้อที่หนีบกระดาษน่ารัก ๆ ไปไว้หลายอันโดยไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร เด็กสาวซื้อน้ำผลไม้ปั่น ก่อนจะเดินเลาะไปตามถนนที่ผู้คนผลุพล่าน ฉุกคิดได้จึงหันหลังไปมองชายร่างสูงโปร่งสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน ร่างสูงโปร่งและไหล่กว้างที่ทำให้เขาดูโดดเด่นเหลือเชื่อ เส้นผมสีดำสลวยแม้จะเป็นรองทรงสั้น ๆ รับใบหน้าคมเข้ม เคยมีใครบอกเขาไหมนะ ว่าแว่นตาทรงกลมที่เขาสวมอยู่มันดูเท่รับกับใบหน้าเขาเหลือเกิน โอ๊ย! ทำไมหล่อกระชากใจเกย์อย่างนี้นะ!!!! นี่ถ้ามีใครคนอื่นมองเห็นคุณผีความจำเสื่อมเช่นเดียวกับเธอ ความรู้สึกกับภาพที่มองเห็นในขณะนี้คงไม่ต่างกัน เขาก้าวเดินช้า ๆ ดูข้าวของที่ร้านริมถนนราวกับไม่เคยมาเดินตลาดเช่นนี้มาก่อน นั้นซิ เขาดูแปลกและแตกต่างจากคนอื่น อย่างเห็นได้ชัดเหมือนกับอยู่โลกคนละใบหรือมาจากที่อื่น…ไม่ใช
“ขอบคุณนะคะ” โซดาส่งหมวกกันน็อคคือให้ พอดีกับที่พี่ชายกำลังไขกุญแจเข้าบ้าน“เที่ยวเพลินจนดึกเลยนะเรา” เบียร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบตามปกติ และตั้มก็เป็นเพื่อนที่เขาไว้ใจที่สุดและไว้ใจมากพอที่จะให้น้องสาวคนเดียวไปไหนมาไหนด้วยได้อย่างไม่เป็นกังวล“โชคดีนะคะขอให้พี่น้ำหวานใจอ่อนเร็ว ๆ นะ”“ขอบใจจ้า”หนุ่มหน้าตี่ยิ้มทะเล้นเหมือนเคยวันนี้เขาไม่มีอารมณ์จะหยอกเย้ากับใคร คงมีแต่เพื่อนรักเท่านั้นที่ดูออกถึงอาการของนายตั้ม รถเวสป้าแล่นออกไปไกลแล้วเบียร์จึงหันมาคุยกับน้องสาว“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”“เรื่องอะไรคะพี่เบียร์”“ก็วันนี้น้ำหวานทะเลาะกับนายตั้มอีกหรือเปล่า”“ก็ไม่เห็นมีนี่…พี่ตั้มก็ช่วยเรียกลูกค้าอย่างทุกทีอ่ะ พี่ตั้มก็หล่อแบบตี๋ ๆ นะทำไมพี่น้ำหวานเค้าไม่ชอบพี่ตั้มอ่ะ ถ้าโซดามีผู้ชายดีๆอย่างพี่ตั้มมาจีบคงรักหมดใจเลย”“ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว” พี่ชายเฉไฉไปเรื่องอื่น “กลับดึกแบบนี้ได้อะไรมาบ้างละ”“บอกไม่ได้ค่ะ ความลับ”พี่ชายหันมาสบตากับน้องสาวที่ยิ้มทะเล้น แล้วส่ายหน้าไปมาเอือมระอากับนิสัยขี้เล่นที่ไม่รู้จักโตแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก รวมทั้งกระดาษปอนด์สีขาวที่ม้วนอย่างดีอยู
แต่พอมองเด็กสาวที่เดินผ่านมาและผ่านไป บางคนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้น จนเธอแปลกใจว่าไม่กลัวผิวขาวจะเปลี่ยนสีบางเลยหรือ ? แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอหันหลังไปเธอจะมองเห็นชายร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน ที่มีดวงตาอ่อนโยนท่ามกลางผู้คนแปลกหน้าและทุกครั้งใบหน้านั้นจะมีรอยยิ้มให้เสมอ“คุณนี่ท่าจะรู้จักหนังสือประเภทเดียว มานี่ซิ ผมจะพาไปดูอะไร”มือของคุณวิญญาณยื่นมาจับที่ข้อมือของโซดา แต่มันก็ทะลุผ่านเหมือนลมพัดวูบหนึ่งเธอรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก เขาหัวเราะเก้อ ๆ ก่อนเดินนำเหมือนชำนาญเส้นทางอย่างดี คราวนี้เธอเป็นฝ่ายเดินตามแผ่นหลังของเขาบ้าง เขาเดินลัดเลาะรถหรูราคาแพงที่จอดเบียดฟุตปาธจนมาถึงร้านหนังสือแห่งหนึ่งคล้ายจะซ่อนตัวจากความวุ่นวายแห่งมหานคร จนไม่น่าเชื่อว่าชั้นสองของโรงหนังสยามจะมีร้านหนังสือเล็ก ๆ รวยรินด้วยกลิ่นกาแฟเช่นนี้“อย่างกับทะลุมิติมาแนะ” เด็กสาววัยสิบเจ็ดพึมพำเบา ๆ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนแปลกประหลาดของสถานที่แห่งนี้ ในร้านนอกจากจะมีหนังสือมากมายเบียดกันแน่นบนชั้นหนังสือ ยังมีโต๊ะสำหรับนั่งดื่มชา-กาแฟอีกสามชุด มีล
“ปกติฉันอ่านแค่หนังสือเรียน หรือหนังสือที่ถูกบังคับให้อ่านประกอบการทำรายงานอะไรเท่านั้น มีอยู่วันหนึ่งฉันดูละครก่อนข่าว นางเอกเป็นลูกกำพร้าต้องทำงานพิเศษส่งตัวเองเรียนแล้วได้พบรักกับพระเอกหนุ่มหล่อร่ำรวยแต่ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคกว่าจะได้แต่งงานกัน ฉันชอบมากเลย บางทีฉันก็เคยน้อยใจว่า ทำไมมีฉันเพียงคนเดียวที่ต้องทำงานพิเศษไปด้วยเรียนไปด้วย” เด็กสาวระบายรอยิ้มเหงา ๆ ให้กับผีหนุ่มที่ตั้งใจฟังเรื่องราวของเธอ“คุณป้าที่ฉันไปอาศัยอยู่ด้วย ก็มีลูกหลายคนฐานะเราก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ฉันทำงานพิเศษในห้างสรรพสินค้าช่วงปิดเทอม ฉันไม่เคยไปเรียนพิเศษ ไม่ค่อยได้กินขนมฝรั่งนั่งตากแอร์เย็น ๆ ไม่เคยได้ไปเที่ยวต่างประเทศจะแค่ญี่ปุ่นหรือเกาหลีก็ไม่เคย ฉันไม่เคยมีชีวิตแบบนั้นเลย ชีวิตแบบที่เห็นเมื่อกลางวัน แต่พอฉันดูละครเรื่องนั้นแล้วประทับใจ ฉันก็เลยจำชื่อเจ้าของบทประพันธ์ไว้และตามอ่านผลงานของเขาเกือบทุกเรื่องเท่าที่หาได้ แล้วฉันก็รู้สึกว่าการเป็นนักเขียนนี่วิเศษเหลือเกินเราจะขีดเขียนชีวิตให้เป็นยังก็ได้ ฉันก็เลยมุ่งมั่นว่าวันหนึ่งฉันจะต้องเป็นนักเขียนที่ดีอย่างพี่ดุจตะวันให้ได้”โซดาเงยห
โซดาขยับตัวไปนั่งที่เก้าอี้ว่างข้าง ๆ ผีหนุ่มร่างโปร่งใส เขาเบี่ยงตัวหลบเมื่อเธอเอนตัวมาดูที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ปลายจมูกคลอเคลียเส้นผมจนได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ อดไม่ได้ที่จะสูดกลิ่นหอมนั่น “อ้อ...เวบนี้ที่มีนักเขียนเอาเรื่องที่แต่งมาโพสไว้นี่น่า” โซดาหันมาเพื่อจะเรียกคุณผี แต่เธอไม่รู้ว่าเมื่อหันมาก็รู้สึกเหมือนแก้มเธอโดนปลายจมูกของเขาแตะเบา ๆ “นายยื่นหน้ามาทำอะไร” แก้มเนียนแดงระเรื่ออย่างน่ารัก ด้วยความเขินโซดาขว้างหมัดเล็ก ๆ ใส่แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นเพียงอากาศธาตุ ร่างเธอจึงเสียหลักเซถลาลงไปกลิ้งอยู่กับพื้น “เพราะนายแท้ ๆ เลย” ไม่รู้ว่าอายหรือว่าเขิน โซดานั่งจุ้มปุกอยู่กับพื้นเสียอย่างนั้น “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ” คุณผีหัวเราะน้อย ๆ ก่อนทรุดตัวนั่งข้าง ๆ “คุณทำตัวเองน๊า!” “อย่ามาเยาะเย้ยฉันนะ! ถ้านายไม่ยื่นหน้ามาใกล้ฉันละก็!!” “คุณก็รู้ว่าผมทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วนี่ครับ จะหยิบจับอะไรก็ไม่ได้เลย เป็นผีที่ใช้อะไรไม่ได้เลย” เขายืมคำพูดเธอมาใช้พยายามทำให้เธอขำมากกว่า เวลาที่เขินและอายแบบนี้ทำไมถึงไ
พี่ชายถามพลางชูหนังสือขึ้นให้เห็นปก ปกติจะเห็นอ่านแค่แนวหวานแหววกับผลงานเจ้าของนามปากกาดุจตะวันเท่านั้น“ค่ะ เพิ่งเริ่มอ่านทำไมคะพี่เบียร์ว่ามันไม่ดีเหรอ” น้องสาวถามด้วยแววตาสงสัย“ไม่หรอก พี่นึกว่าโซดาไม่ชอบอ่าน ในห้องพี่ก็มี”“อ้าว…” เธออ้าปากค้างนึกเสียดายเงินร้อยกว่าบาทที่ซื้อหนังสือไป“ถ้าชอบอ่านแนวนี้ไปดูในห้องพี่นะ” พี่โยกหัวน้องสาวเล่นขณะที่เดินกลับบ้านพร้อมกัน “พี่ก็อยากให้เราอ่านหนังสือหลากหลาย อ่านหนังสือเยอะๆ จะได้มีวัตถุดิบในสมองเวลาเขียนจะได้ลื่นไหลไม่ติดขัดมีความสมจริงในงานเขียน” โซดาแหงนหน้ามองดูหน้าพี่ชายที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ รู้สึกเหมือนจะมีบางประโยคที่คุ้นหูเหมือนเคยได้ยินจากปากคุณผีจอมวุ่นวายเทศนาให้ฟังบ่อย ๆ จู่ ๆ เธอก็หยุดเดินหยิบรูปในกระเป๋าสตางค์ส่งให้พี่ชายดู“พี่เบียร์รู้จักผู้ชายในรูปนี่ไหมคะ เค้าเป็นนักเขียนรึเปล่า”ผีหนุ่มร่างโปร่งใส่ที่เดินตามหลังมาช้า ๆ ได้ยินเข้าถึงกับสะดุ้งรีบก้าวเข้าไปยืนข้างหลังก้มมองข้ามไหล่ของเบียร์ที่ก้มหน้ามองรูปในมือของน้องสาวอย่างพินิจพิจารณา ทั้งโซดาและคุณวิญญาณพเนจรต่างก็ลุ้นคำตอบของพี่เบียร์จนแท
“ตาบ้า!ทำอะไรนะ” โซดายกมือขึ้นปัดออกทันทีที่ได้สติ แต่อีกฝ่ายคว้ามือเล็ก ๆ ได้เขาออกแรงกระชากนิดเดียวร่างเล็ก ๆ ก็เซเข้ามาในวงแขน“โซดาตัวเล็กกว่าที่คิดเยอะเลยนะ ตอนเป็นผีจับตัวไม่ได้เหมือนอย่างนี้เลย”“บ้า...ตาบ้า ปล่อยนะ”โซดาดิ้นขลุกขลักในวงแขน ชายหนุ่มนึกสนุกยิ่งรัดร่างเข้าไว้แน่น พอดีเสียงสัญญาณในลิฟต์ดังขึ้นพร้อมประตูที่เปิดออก คนที่ยืนอยู่ด้านนอกจึงเห็นชายหนุ่มกอดรัดร่างเพรียวบางไว้ในวงแขน“เฮ้ย!ทำอะไรนั่นน้องสาวฉันนะเฟ้ย!”“ไม่มีอะไรค่ะพี่เบียร์” โซดารีบสลัดตัวออกจากวงแขน ซึ่งก็หลุดออกมาอย่างง่ายดาย เบียร์ทำท่าจะเข้ามามากระชากคอเสื้อสุดแดนแต่ตั้มก็ใช้แขนล็อกคอเพื่อนรักไว้ก่อน“น่า...นะ โซดาว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรซิ ไป…หน้าที่นายดูแลอาหารการกิน ทางโน้นเลย...เอ้า! ท่านเจ้าภาพ เอ๊ยประธานบริษัทมาแล้ว หลีกทางหน่อยครับ”ตั้มหันไปยักคิ้วหลิวตาให้สุดแดนอย่างรู้ทัน เบียร์หงุดหงิดเดินมาที่ซุ้มอาหารบุฟเฟ่ย์ ซึ่งเวลานี้มีผู้คนเข้ามาในบริเวณชั้นหนึ่งของตึกเป็นที่สำหรับจัดงานเปิดตัวหนังสือและสำนักพิมพ์ในเครือบริษัท ซึ่งสำนักพิมพ์ ยักษ์เล็กที่จะเน้นให้โอกาสนักเข
ยาไอซ์จัดเป็นยาเสพติดที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภทที่ 1 ตาม พ.ร.บ ยาเสพติดปี 2522 ลักษณะของเม็ดยาเป็นผลึกคล้ายน้ำแข็งเป็นที่มา ของชื่อยาไอซ์ ความบริสุทธ์ของยาค่อนข้างสูง ออกฤทธิ์แรงกว่ายาบ้ามากจึงมีคนเรียกว่าหัวยาบ้า การนำไปใช้ โดยการละลายน้ำแล้วฉีดเข้าเส้นบางคนนำไปเผาแล้วสูดดมควันเหมือนการเสพยาบ้า ยาตัวนี้ทำให้อารมณ์เคลิบเคลิ้มสนุกสนานสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ยาไอซ์ลักษณะทั้งโครงสร้างและการออกฤทธิ์คล้ายยาบ้า แต่มีข้อแตกต่างตรงที่หลังเสพยาไอซ์จะมีความสดชื่นมีชีวิตชีวาไม่ซูบโทรมเหมือนยาบ้า คนที่เสพยานี้มักจะดูไม่ออกเพราะหน้าตาจะเบิกบานไม่เหมือนคนเสพยาทั่วๆ ไป ยาตัวนี้ไม่ได้มีแพร่หลายกันทั่วไปเนื่องจากหายากและราคาค่อนข้างแพงมักจะใช้กันในสังคมไฮโซทั้งหลาย’ชายหนุ่มลดหนังสือพิมพ์ลงและวางไว้บนโต๊ะก่อนระบายลมหายใจเบา ๆ เขานึกถึงเหตุการณ์เมื่อประมาณสี่เดือนก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่เขาเพิ่งกลับจากเมืองนอก ได้ไม่นานและเริ่มเข้ามาดูแลงานในบริษัทแทนผู้เป็นพ่อซึ่งต้องปลดเกษียรตัวเองด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนแอเพราะโหมงานอย่างหนัก วันนั้นเขาตรวจสอบของบัญชีรายรับ-จ่ายและเห็นความผิดปกต
และเมื่ออ่านมากก็อยากเป็นนักเขียน เขามักเอาตัวเองไปอยู่ในโลกของนิยาย เรื่องแล้วเรื่องเล่า เขาคิดเสมอว่า ถ้าวันหนึ่งที่เขาไม่อยู่บนโลกนี้ ก็ยังเหลือ ‘นิยาย’ ที่เขาเขียนทิ้งไว้แทนตัวเขา อาจใครสักคนมาอ่านเจอเรื่องเหล่านี้ เรื่องสุดท้ายที่เขาเขียน คือเรื่อง ‘ทะลุมิติไปเป็นนักเขียนนิยายยุค 90’s’ เขาได้แรงบันดาลใจมากจากคุณน้านักอ่านท่านหนึ่งที่มักเข้ามาอ่านนิยายของเขาและคอยคอมเม้นต์ให้กำลังใจเสมอ ดวงจิตของชายหนุ่มกวาดตามองไปรอบกาย เขาเข้าใจแล้วว่าเขาหายไปที่ไหนมา เขาไปอยู่ในเรื่องเล่าของคุณน้านักอ่านท่านนั้น สำหรับคนอื่นมันอาจเป็นแค่นิยาย แต่สำหรับบ้างคน ตัวละครในนั้นมีตัวตนจริงในอดีตที่ผ่านมา สายลมอ่อนโยนพัดผ่าน ทั้งที่อยู่ในห้องที่ปิดหน้าต่าง ราวกับสัมผัสแผ่วเบาเพื่อบอกลากัน ชายหนุ่มหันไปที่หน้าต่าง แสงสว่างจางๆ สาดเข้ามา เขายิ้มและเผชิญกับการจากลาอย่างกล้าหาญ มันเป็นเรื่องที่เขาและคนในครอบครัวเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกันมานานแล้ว “พ่อครับ แม่ครับ ขอบคุณที่ดูแลผม พี่ครับฝากดูแลพ่อกับแม่ด้วย ไม่ต้องเป็นห่วงผมนะ ผมสบายดี ไม่ทรมานอีกแล้ว”
“รู้สึกว่าจะฟื้นเร็วกว่าที่คิดนะ”“อะไรนะคะ พี่ปกรณ์พูดอะไรออกมา” เด็กสาวตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน แต่อีกฝ่ายกลับหมุนตัวไปหยิบกล้องดิจิตอลขึ้นมาบันทึกการเคลื่อนไหวเด็กสาวตรงหน้า “พี่ปกรณ์เพี้ยนไปแล้วเหรอค่ะ พี่คิดอะไรอยู่”“ความจริงพี่ก็ไม่อยากทำแบบนี้...แต่นี้คงเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้แป้งร่ำอยู่ภายใต้การควบคุมของพี่ได้ พี่จะได้ช่วยดูแลทุกอย่างในบริษัทฯได้อย่างเต็มที”ยังไม่ทันที่แป้งร่ำจะเข้าใจในความหมายที่อีกฝ่ายพูด มือที่ว่างจากการควบคุมกล้องดิจิตอลก็กระชากเสื้อของเธอออกจนเห็นบราเซียลูกไม้สีขาวบริสุทธิ์ “พี่ปกรณ์!” แป้งร่ำกรี๊ดร้องสุดเสียง เมื่อมือแข็งแกร่งพยายามกระชากเสื้อผ้าเธอออก พร้อมกับขึ้นคร่อมร่างเธอที่นอนดิ้นพยายามปิดป้องร่างกายที่เกือบจะเปลือยเปล่า “อย่ามาแสดงท่าอย่างนี้กับฉัน!” ปกรณ์เผลอตะคอกออกมาสุดเสียง ไม่เหลือแววตาอ่อนโยนที่เคยเห็น หน้ากากของเขาแตกละเอียดเหลือเพียงใบหน้าที่แท้จริงของซาตาน เขาใช้มือแข็งแรงปานคีมเหล็กเข้าบีบคอเล็ก ๆ ของแป้งร่ำเด็กสาวดิ้นทุรนทุรายเจ็บปวดจนน้ำตาไหล ทั้งที่ฝืนกลั้นไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ได้รับ“เธอมันก็เหมื
“คราวหน้าคงได้มาสนุกอย่างนี้อีกนะ” แป้งร่ำยิ้มบาง ๆ แล้วโบกมือลาเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ“เราเดินไปส่งนะ” โซดาลุกขึ้นยืนและยื่นมือออกไปให้มือเรียวเล็กจับก่อนลุกขึ้นยืน ผีหนุ่มมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มรู้สึกอิ่มข้างในใจอยากบอกไม่ถูก เด็กสาวสองคนเดินจูงมือกันไปที่ต้นถนนจุดที่นัดคนขับรถไว้ รถเก๋งยุโรปคันหรูเคลื่อนมาใกล้ แป้งร่ำไม่อยากเร่งเท้านักแต่รู้ว่าบริเวณนี้จอดรถนานไม่ได้เธอจึงจำใจเดินไปที่รถ“โชคดีนะ วันนี้สนุกมากเลย”“เช่นกันจ๊ะโซดา”ประตูเปิดออกก่อนที่มือของแป้งร่ำจะเอื้อมไปจับ แต่ร่างเล็ก ๆ ก็ถูกกระชากเข้าไปในรถอย่างรวดเร็ว โซดาตกใจกับภาพที่เห็นรีบกระโจนพุงตัวเข้าไปในรถทันที มือใครบางคนในรถเอื้อมมือออกมาปิดประตูรถอย่างรวดเร็วจนไม่ทันมีใครในบริเวณนั้นสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ รถเคลื่อนตัวออกไปพอดีกับที่ เบียร์ก้าวลงมาจากรถแท็กซี่ที่เข้ามาจอดแทนที่รถยุโรปที่พุ่งตัวออกอย่างรวดเร็ว“ช่วยด้วย! นายวุ่นวาย!” ผีหนุ่มร่างโปร่งใสยืนหันรีหันขวางอยู่ท่ามกลางผู้คนที่ไม่มีใครมองเห็นตัวเขา และไม่ทันสังเกตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายวุ่นวายมองหาร่างของเบียร์ รีบวิ่งไปตะโก
“เด็กโง่ๆนั่นนะเหรอ...อีกหน่อยก็เป็นเหมือนอุ้ม-อั้มอะไรนั้นอีกหรอก ให้เป็นghost writerดีๆไม่ชอบอย่างขึ้นมาประกาศตัวให้โลกรู้จัก เชอะ! ฝันไปเถอะ..สภาพพิการอย่างนั้นใครเค้าจะชื่นชม หมดยุคสมัยนักเขียนไส้แห้งกินอุดมคติกันแล้ว ลองไม่ใช่ปกรณ์หรือปลายศร หนังสือที่ไหนจะขายออกได้หลักแสนเล่มแบบนี้บ้าง” “เอานะ..เดี๋ยวพี่ปั้นเด็กใหม่ก่อน หลอกทำสัญญาให้เรียบร้อยก่อน เด็กนี่ก็ใช้ได้มีแววดีสั่งงานอะไรก็ทำได้ตามสั่งอย่างกับทำอาหารตามสั่งแนะเหมาะกับการทำงานเป็นGhost writerให้เรา”“ชื่ออะไรนะ โซดาเหรอ ปลื้มพี่ดุจตะวันน่าดูนี่นะ ถ้ารู้ว่าตัวจริงเป็นแค่ผู้หญิงพิการสาวเอ๋อออทิสติกละก็..จะเป็นยังไงนะ” ‘ ดุจตะวัน ’ คงมาจากชื่อจริงของพี่อุ้มนี่เอง พี่อุ้มก็คือนักเขียน‘ ดุจตะวัน ’ ตัวจริง ที่เธอปลื้มแล้วเด็กใหม่โง่ๆที่คิดแค่ทำอะไรก็ได้ให้ใกล้ชิดแวดวงนักเขียนก็พอก็คงเป็นเธอซินะ “โซดา!” นายวุ่นวายกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู เขาเองก็รับรู้ความเจ็บปวดที่เธอมีและยิ่งนึกเจ็บใจตัวเองที่ไม่สามารถจะเอื้อมมือไปกุมมือเล็ก ๆ ที่สั่นระริก ปวดใจยิ่งนักที่ไม่สามารถปลอบใจและให้กำลังใจผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ได้ โง่ให้พ
“แต่วันนี้เธอก็โดด....”“ก็...มันสบโอกาส พอดีครูสอนไวโอลินท้องเสีย ก็เลยหนีออกมา” แป้งร่ำยิ้มทะเล้น พลางแกะผมเปียสองข้างออก“คงไม่ใช่ฝีมือเธอทำให้ครูท้องเสียนะ” โซดาพูดขึ้น แต่คนที่คิดได้คือนายวุ่นวายต่างหากแป้งร่ำทำตาโต เหมือนคนถูกจับได้ แต่ส่ายหน้ายิก ก่อนจะเบนความสนใจไปที่อื่น “กินสายไหมกันนะ” “ฮืม ... เอาซิ” ‘เพิ่งจะรู้ว่าชีวิตคุณหนูไม่ได้สบายอย่างที่คิดเลยแหะ’โซดายิ้มกว้างเหมือนตัวเองเป็นพี่เลี้ยงเด็กยังไม่รู้ เฮ้อ! ถ้าท่าทางจะเป็นคุณหนูตัวจริงแฮะ ทำเหมือนไม่เคยกินขนมสายไหม เธอเห็นเพื่อนสาวยืนจ้องที่ถังปั่นสายไหมด้วยใจจดจ่อ จึงแกล้งถอยหลังมาเล็กน้อยเพื่อจะได้ยืนคุยกับนายวุ่นวายได้สะดวกขึ้น“เรื่องวันนี้จะเอายังไง” เสียงทุ้มนุ่มถามเบา ๆ เจือความห่วงใยมากกว่าซ้ำเติม“ไม่รู้...คิดอะไรไม่ออก พี่ปกรณ์กับนายปลายศรเป็นคู่รักซึ่งเรื่องนี้ฉันยอมรับได้แต่...”“เขาไม่ใช่พี่ดุจตะวันของเธอ”“งานเขียนก็โดนขโมย”โซดาก้มหน้าเม้มปากแน่น จะอธิบายยังไงว่าความรู้สึกดี ๆ ในใจของเธอมันแตกสลายไปหมดแล้ว ถึงแม้ว่าการเป็น “เกย์”จะไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไร สำหรับเธอแล้วมันไม่ใช่เรื่องสำค
“โอ๊ย เจ็บ” โซดาทรุดตัวนั่ง ที่หัวเข่ามาเลือดซึมออกมา แต่เมื่อหันหลังไปเธอได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกอยู่ด้านหลังพอลุกขึ้นจะก้าวตามก็เจ็บแปลกขึ้นมา เธอคิดว่าตัวเองต้องถูกจับได้แล้วแน่ ๆ แต่จู่ ๆ ก็มีมือเล็ก ๆ มาดึงแขนฉุดร่างของเธอให้เข้าไปในห้องใกล้ทางเดิน มือเรียวบอกบางยกขึ้นทำท่าจุ๊ปากเป็นสัญญาณให้เงียบ เด็กสาวทั้งสองมองลอดประตูที่แง้มไว้เล็กน้อยเมื่อเห็นว่าร่างของผู้ที่ไล่ตามหายลับตาไปแล้ว อีกฝ่ายจึงหันมายิ้มหวานแบบฉบับคุณหนูไฮโซฯให้“เล่นซ่อนหากับใครเหรอโซดา”“แป้งร่ำ!” โซดาไม่รู้จะอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไง ได้แต่ทำหน้าอึกอักบอกอาการไม่ถูก“ไปแล้วล่ะโซดาหาทางออกจากที่นี่ก่อนเถอะ” นายผีวุ่นวายชะโงกหน้าทะลุบานประตูเข้าบอก“เอ่อ...ขอบใจมากแต่ฉันต้องรีบไปก่อนนะ” โซดากำลังจะลุกขึ้นแต่ก็เจ็บที่หัวเข่าจนตัวเซเกือบล้มลง มือของเธอยื่นไปจับโต๊ะเพื่อพยุงตัว แต่ก็ดันดึงเอากระดาษอะไรไม่รู้บนโต๊ะหล่นลงมาด้วย นายผีวุ่นวายช้อนแขนเข้ามาจะประคองจากด้านหลัง ทว่ามือของเขาก็ทะลุร่างเพรียวลมที่ล้มกลิ้งที่พื้นอีกครั้งอย่างหมดสวย แป้งร่ำรีบเข้าประคองโซดาก่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกร
เด็กสาวรูปร่างปราดเปรียวเดินเข้ามาในตึกบริษัท R&Mด้วยท่าทางมั่นใจต่างจากครั้งแรก ๆ ที่เธอมักจะมีอาการประหม่าและเกร็งจนเห็นได้ชัด อาจจะเป็นเพราะว่าระยะหลังที่เข้ามาส่งต้นฉบับเธอไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยว และที่สำคัญคล้ายว่ารอยยิ้มที่แต้มใบหน้าตลอดเวลานั้นเหมือนจะยิ้มให้ใครสักคนที่อยู่ใกล้ ๆ ไม่ห่างกาย “มาหาพี่ปกรณ์ค่ะ เอาต้นฉบับมาส่งโทรนัดแล้ว” โซดาเอ่ยกับประชาสัมพันธ์สาวสวยที่เคาน์เตอร์ด้วยความเคยชิน พนักงานคนหนึ่งยิ้มให้อย่างเป็นกันเองก่อนยื่นบัตรผ่านให้เด็กสาวเอามาติดที่อกเสื้อเช่นเคย “หนังสือของโซดาจะออกเมื่อไหร่ละจ๊ะ” “โอ๊ย อีกนานแหละค่ะ...หยอดเงินใส่กระปุกค่อยก่อนก็ยังได้เลย” เด็กสาววัยสิบเจ็ดยิ้มทะเล้นโบกมือลาก่อนเดินมารอลิฟต์ เธอยืนดูเงาตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกฝ้าติดกับลิฟต์ ใช้มือลูบผมที่รวบเป็นหางม้าด้านหลังให้เรียบร้อย ต่อให้พี่น้ำหวานสไตล์ลิสต์ส่วนตัวจับเธอแต่งตัวอย่างกับตุ๊กตาบาร์บี้ยังไง เธอก็ยังชอบใส่เสื้อยืดพอดีตัวสีพื้น ๆ กับกางเกงขายาวคุลมเข่าและรองเท้าผ้าใบเซอร์ ๆ อยู่ดี “