โซดาขยับตัวไปนั่งที่เก้าอี้ว่างข้าง ๆ ผีหนุ่มร่างโปร่งใส เขาเบี่ยงตัวหลบเมื่อเธอเอนตัวมาดูที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ปลายจมูกคลอเคลียเส้นผมจนได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ อดไม่ได้ที่จะสูดกลิ่นหอมนั่น “อ้อ...เวบนี้ที่มีนักเขียนเอาเรื่องที่แต่งมาโพสไว้นี่น่า” โซดาหันมาเพื่อจะเรียกคุณผี แต่เธอไม่รู้ว่าเมื่อหันมาก็รู้สึกเหมือนแก้มเธอโดนปลายจมูกของเขาแตะเบา ๆ “นายยื่นหน้ามาทำอะไร” แก้มเนียนแดงระเรื่ออย่างน่ารัก ด้วยความเขินโซดาขว้างหมัดเล็ก ๆ ใส่แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นเพียงอากาศธาตุ ร่างเธอจึงเสียหลักเซถลาลงไปกลิ้งอยู่กับพื้น “เพราะนายแท้ ๆ เลย” ไม่รู้ว่าอายหรือว่าเขิน โซดานั่งจุ้มปุกอยู่กับพื้นเสียอย่างนั้น “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ” คุณผีหัวเราะน้อย ๆ ก่อนทรุดตัวนั่งข้าง ๆ “คุณทำตัวเองน๊า!” “อย่ามาเยาะเย้ยฉันนะ! ถ้านายไม่ยื่นหน้ามาใกล้ฉันละก็!!” “คุณก็รู้ว่าผมทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วนี่ครับ จะหยิบจับอะไรก็ไม่ได้เลย เป็นผีที่ใช้อะไรไม่ได้เลย” เขายืมคำพูดเธอมาใช้พยายามทำให้เธอขำมากกว่า เวลาที่เขินและอายแบบนี้ทำไมถึงไ
พี่ชายถามพลางชูหนังสือขึ้นให้เห็นปก ปกติจะเห็นอ่านแค่แนวหวานแหววกับผลงานเจ้าของนามปากกาดุจตะวันเท่านั้น“ค่ะ เพิ่งเริ่มอ่านทำไมคะพี่เบียร์ว่ามันไม่ดีเหรอ” น้องสาวถามด้วยแววตาสงสัย“ไม่หรอก พี่นึกว่าโซดาไม่ชอบอ่าน ในห้องพี่ก็มี”“อ้าว…” เธออ้าปากค้างนึกเสียดายเงินร้อยกว่าบาทที่ซื้อหนังสือไป“ถ้าชอบอ่านแนวนี้ไปดูในห้องพี่นะ” พี่โยกหัวน้องสาวเล่นขณะที่เดินกลับบ้านพร้อมกัน “พี่ก็อยากให้เราอ่านหนังสือหลากหลาย อ่านหนังสือเยอะๆ จะได้มีวัตถุดิบในสมองเวลาเขียนจะได้ลื่นไหลไม่ติดขัดมีความสมจริงในงานเขียน” โซดาแหงนหน้ามองดูหน้าพี่ชายที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ รู้สึกเหมือนจะมีบางประโยคที่คุ้นหูเหมือนเคยได้ยินจากปากคุณผีจอมวุ่นวายเทศนาให้ฟังบ่อย ๆ จู่ ๆ เธอก็หยุดเดินหยิบรูปในกระเป๋าสตางค์ส่งให้พี่ชายดู“พี่เบียร์รู้จักผู้ชายในรูปนี่ไหมคะ เค้าเป็นนักเขียนรึเปล่า”ผีหนุ่มร่างโปร่งใส่ที่เดินตามหลังมาช้า ๆ ได้ยินเข้าถึงกับสะดุ้งรีบก้าวเข้าไปยืนข้างหลังก้มมองข้ามไหล่ของเบียร์ที่ก้มหน้ามองรูปในมือของน้องสาวอย่างพินิจพิจารณา ทั้งโซดาและคุณวิญญาณพเนจรต่างก็ลุ้นคำตอบของพี่เบียร์จนแท
“นายก็พูดได้ซิเพราะตอนนี้นายจำไม่ได้ ถ้าเกิดนายจำได้ว่านายเคยเป็นใคร นายอาจจะเสียใจที่อยู่ลำบากกับฉันอย่างนี้”เขาจะบอกเธอยังไงว่าไม่ใช่คนยุคนี้ ถ้าบอกไปเธออาจถามเลขรางวัลที่1 ซึ่งเขาก็ไม่รู้อีกนั้นแหละ“โธ่! อย่าลืมนะว่าผมเป็นวิญญาณเร่ร่อน เป็นแค่เนื้องอกของโซดา ผมรู้แล้วจะไปทำอะไรได้ แต่การที่ผมได้ใช้ชีวิตแบบนี้ ได้เจอโซดา อยู่กับเบียร์ ได้รู้จักตั้มกับน้ำหวาน ผมว่ามันอาจเป็นของขวัญที่คนบนฟ้ามอบให้ผมก่อนที่ผมจะไปเกิดใหม่ก็ได้ ถ้าเกิดผมจะสลายหายไปวันนี้หรือพรุ่งนี้ ก็ขอให้โซดารู้ว่าทุกเวลาที่ได้อยู่กับโซดาผมมีความสุขมาก ยิ่งได้เห็นโซดาวิ่งตามความฝันผมกลับรู้สึกสุขใจมากกว่า” “นายวุ่นวาย...” “ผมไม่อยากรู้แล้วว่าผมเป็นใคร แต่อยากเห็นโซดาเป็นนักเขียนใหญ่มากกว่า” เขากลับมายิ้มทะเล้น ดวงตาหลังแว่นทรงกลมเป็นประกายจนคนถูกมองต้องหลบตา “งานเสวนาเปิดตัวนักเขียนรุ่นใหม่นี่น่าสนใจนะ เล่มที่โซดาซื้อไปจำได้ไหม จัดที่ร้าน Underground Book ด้วยนะ ” เขาเปลี่ยนเรื่องแล้วชี้นิ้วไปที่จอคอมพ์ โซดาลุกขึ้นเดินกลับไปนั่งที่เดิม ยังแอบเอาทิชชู่เช็ดน้ำตาที่เลอะเทอะใบหน้า
ชายหนุ่มไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดจากฝ่ามือที่มากระทบซีกหน้าอย่างแรงแต่เขากลับปวดร้าวไปทั้งดวงใจ “ใช่...คนอย่างนายตั้มไม่มีวันเทียบพี่ต้องได้เลยแม้แต่ปลายเล็บ” ตั้มพึมพำเผชิญสายตากับหญิงสาว เธอสะบัดหน้าแล้วรีบเดินไปโบกแท็กซี่ที่แล่นผ่านมาจอดพอดี โดยไม่สนใจความรู้สึกของคนที่ยืนอยู่ริมฟุตปาธ และสายตาใครต่อใครที่มองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เบียร์ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ยางรถยนต์ ตกใจกับภาพที่เห็นอย่างไม่คาดคิด เพื่อนหนุ่มหน้าตี่เดินเข้ามาในอู่ท่าทางพลุกพล่านเหมือนระเบิดที่ใกล้เวลาจะปะทุ “ใจเย็นก่อนมีเรื่องอะไรกัน” “ไอ้เบียร์นายเห็นไหม เห็นสิ่งที่เราทำมั้ย ทุกคนสรรเสริญยกยองพี่โตที่เป็นหมอ พี่ต้องที่เป็นวิศวกรแต่คนแสนดีทั้งสองไม่เคยมาช่วยเหลืออะไรครอบครัว แค่เราไม่ได้ร่ำเรียนจบปริญญาเหมือนพวกเขามันทำให้ความเป็นคนลดคุณค่าไปเลยรึไง” “ไอ้ตั้มใจเย็นก่อน” ตั้มหันซ้ายหันขวาเตะกระป๋องน้ำมันที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ ล้มกลิ้งเสียงดังโครมคราม จนลูกน้องในอู่เข้ามามุ่งดู หนุ่มเชื้อจีนเสยผมสั้
วิญญาณหนุ่มร่างโปร่งใสยืนอยู่ใกล้ ๆ เขาทำได้เพียงแค่ยิ้มบางๆ และบันทึกภาพเหตุการณ์และความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลของวันนี้ การได้รู้จักชีวิตของพวกเขาเหล่านี้ทำให้เขารู้สึกว่ามันเป็นการคุ้มค่า ที่จะได้รู้จักใครสักคนในแง่มุมที่ลึกซึ้ง ยิ่งกว่าการอ่านนิยายเล่มไหน ๆ เพราะนี่คือชีวิตจริง ความเจ็บปวดแท้จริง ๆ ประสบการณ์ตรงที่ไม่มีใครสอนสั่งได้ นอกจากจะเผชิญด้วยตนเอง ในกล่องความทรงจำที่ไม่อาจรู้ได้ว่าวันหนึ่งข้างหน้า เขาจะจำเหตุการณ์เหล่านี้ได้ไหม เขาถอนแว่นสายตาทรงกลมออก เพ่งมองภาพตรงหน้า เท่านี้ก็พอแล้ว.... เขาไม่อยากรับรู้แล้วว่าก่อนที่เขาจะเหลือเพียงอากาศธาตุเช่นนี้เขาเป็นใคร เขาปล่อยใจคิดถึงดวงตากลมโตของโซดาแล้วเผลอยิ้มออกมา ขอเพียงได้อยู่ใกล้ ๆ ได้เห็นเธอหัวเราะ ร้องไห้ และมุ่งมั่นกับสิ่งที่ฝัน แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่วิญญาณ มันก็พอแล้ว...พอแล้วจริง ๆ เขาชื่นชมกับมิตรภาพที่เห็น คล้ายกับว่าความรู้สึกแบบนี้เคยเกิดขึ้นกับเขามานานแล้ว แต่มันถูกทรยศหักหลัง!! “โอ๊ย!” เขาก็เกิดเจ็บแปลบที่ท้ายทอย เหมือนถูกฟาดด้วยของแข็งอย่างแรง จนไม่อาจควบคุมร่างกายไว้ได้ แข็งข
“ไงครับน้อง เจอคนที่แอบปิ๊งหรือยัง”“พี่คนนั้น” โซดายกมือไหว้ พี่ชายผมเกรียนที่เคยลดราคาหนังสือให้เธอในคราวก่อน รู้สึกดีใจที่มีคนมาทักเธอบ้าง อย่างน้อยก็จะได้ไม่รู้สึกโดดเดียวนัก “ว่าไง เจอไหม” หนุ่มผมเกรียนยิ้มทะเล้น แล้วโบกมือเรียกหญิงสาววัยเดียวกันให้เดินตรงมา“หญิง ร้านเรามีผู้ชายหล่อ ๆ ตัวสูงๆ เท่ เข้ามาร้านเราบ้างไหม” เขาเอ่ยแล้วหัวเราะเสียงดัง แต่ทำให้โซดารู้สึกอายมากกว่า“ผู้ชายที่เข้ามาร้านเราก็หน้าตาดีกว่าพี่ตุ๊กทุกคนนั้นแหละ” คนชื่อหญิงตอบยียวนกลับ แต่หันกลับมายิ้มเป็นกันเองให้โซดาที่ทำหน้าเหวอ“พี่ชื่อหญิง เป็นหุ้นส่วนร้านนี้ มีอะไรให้ช่วยจ๊ะ” “ไม่มีค่ะ ไม่มี” โซดาส่ายหน้าจนผมที่รวบเป็นหางมาสะบัดไปมา“น้องเค้ามาตามหาหนุ่มในดวงใจที่หายไป เขาบอกว่าเห็นมาร้านเราบ่อย ๆ หายไปสักเดือน...ใช่ไหมจ๊ะ” หนุ่มผมเกรียนยิ้มอารมณ์ดี แต่โซดาเดาไม่ถูกว่าคนพวกนี้อารมณ์ไหน แต่ที่สำคัญอายเจ้าของดวงตาหลังแว่นทรงกลมที่ทำท่ากลั้นหัวเราะเต็มที่!“เดือนหนึ่งเหรอ ช่วงนั้นพี่ตุ๊กไปสุรินทร์ใช่ไหม ตอนนั้นหญิงเฝ้าร้านคนเดียว” หญิงสาวหุ้นส่วนของร้านนิ่งคิด “เดือนที่แล้ว
โซดาก้มหน้า พยายามข่มเสียงสะอื้นไว้ข้างใน ผีหนุ่มขยับแว่นทรงกลมให้กระชับใบหน้า เดินเข้าไปหาร่างที่สั่นเทา ก่อนค่อย ๆ ยื่นมือออกไปอยากโอบกอดและปลอบโยน แต่กลับไม่สามรถแตะต้องร่างที่สะอึกสะอื้นตรงหน้าได้เลย!แล้วความปวดร้าวก็พุ่งทิ่มตำหัวใจวิญญาณเร่ร่อนอย่างเขาทันที!!!“ทำไมวันนี้กลับมาเร็วละโซดา” เสียงพี่ชายเอ่ยทัก เด็กสาวปาดน้ำตาก่อนเงยหน้าขึ้นฝืนทำร่าเริงไม่ให้ผิดสังเกต “แล้วพี่เบียร์ละทำไมกลับเร็วจัง โดดงานรึเปล่า”“จำไม่ได้เหรอว่าวันนี้วันหยุดพี่”“แหะๆ...ลืมจริง ๆ วันนี้มีอะไรกินค่ะหิวจังเลย” น้องสาวเฉไฉแล้วเดินไปโอบเอวพี่ชายไว้หลวม ๆ ไม่อยากให้ใบหน้าเปื้อนน้ำตา“เป็นอะไรรึเปล่า” เสียงพี่ชายเอ่ยถามอย่างอาทร“เป็นน้องโซดาของพี่เบียร์ไงค่ะ”เบียร์ลูบผมน้องสาวอย่างอ่อนโยนและห่วงใย เขาไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน กับน้องสาวคนเดียวคนนี้หรือไม่ จึงรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างที่น้องสาวปิดบังอยู่ และความรู้สึกประหลาด ๆ เมื่อครั้งที่เขาขับมอเตอร์ไซด์ขนาดสี่สูบไล่ตามเพื่อนรักที่สติเตลิด เขารู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่ช่วยควบคุมรถให้ผ่านถนนขรุขระไปได้อย
หญิงสาวยกมือขึ้นแตะริมฝีปากของตัวเองเบา ๆ นึกถึงสัมผัสแรกที่ริมฝีปากถูกเคลือบด้วยลิป กลอสสีชมพูอ่อนถูกบดเบียนจากริมฝีปากเปื้อนหนวดบาง ๆ ได้ยินเสียงคำ “รัก”เบา ๆ อยู่ริมหู และร่างกายถูกโอบกอดด้วยวงแขนที่อบอุ่น ตลอดเวลาที่ผ่านมา น้ำหวานสร้างกำแพงขึ้นเพื่อกันตัวเองออกจากผู้คนที่เข้ามาใกล้ เพียงเพื่อที่จะ “รักษาสัญญา” รู้ทั้งรู้ ทั้งได้เห็น ได้ยิน เรื่อง ‘ต้อง’ มาเสมอ แต่เธอก็ยังมีความเชื่อว่า ‘ต้อง’ไม่ใช่คนอย่างนั้นคำสัญญา ถ้าไม่รักษาไว้ มันจะมีความหมายอะไร มันจะเรียกว่าคำมั่นสัญญาได้อย่างไรนี่นะหรือ ? ค่าตอบแทนของการรอคอย ค่าตอบแทนของคนที่รักษาสัญญา เธอเกลียดการผิดคำพูดทุกชนิด เธอสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ทำอะไรที่เธอเกลียด แต่แล้วทำไม เขาไม่รักษาสัญญาเหมือนที่เคยให้ไว้กับเธอที่ผ่านมา....มันคืออะไร ? เขาไม่เห็นคุณค่าของเธอเลยสักนิดเลยเหรอในขณะที่เธอทำตามคำพูดตัวเอง แต่เขาทำราวกับมันเป็นแค่ลมหายใจที่พ่นออกทางปาก หญิงสาวกลื้นเสียงสะอื้นลงคอ เธอยืนนิ่งอยู่ที่เดิมในขณะที่รู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุนเร็วผิดปกติ จนร่างกายแทบทรงตัวไม่อยู่ ก่อนที่จะรู้สึกว่าโดนจั