ชายหนุ่มไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดจากฝ่ามือที่มากระทบซีกหน้าอย่างแรงแต่เขากลับปวดร้าวไปทั้งดวงใจ “ใช่...คนอย่างนายตั้มไม่มีวันเทียบพี่ต้องได้เลยแม้แต่ปลายเล็บ” ตั้มพึมพำเผชิญสายตากับหญิงสาว เธอสะบัดหน้าแล้วรีบเดินไปโบกแท็กซี่ที่แล่นผ่านมาจอดพอดี โดยไม่สนใจความรู้สึกของคนที่ยืนอยู่ริมฟุตปาธ และสายตาใครต่อใครที่มองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เบียร์ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ยางรถยนต์ ตกใจกับภาพที่เห็นอย่างไม่คาดคิด เพื่อนหนุ่มหน้าตี่เดินเข้ามาในอู่ท่าทางพลุกพล่านเหมือนระเบิดที่ใกล้เวลาจะปะทุ “ใจเย็นก่อนมีเรื่องอะไรกัน” “ไอ้เบียร์นายเห็นไหม เห็นสิ่งที่เราทำมั้ย ทุกคนสรรเสริญยกยองพี่โตที่เป็นหมอ พี่ต้องที่เป็นวิศวกรแต่คนแสนดีทั้งสองไม่เคยมาช่วยเหลืออะไรครอบครัว แค่เราไม่ได้ร่ำเรียนจบปริญญาเหมือนพวกเขามันทำให้ความเป็นคนลดคุณค่าไปเลยรึไง” “ไอ้ตั้มใจเย็นก่อน” ตั้มหันซ้ายหันขวาเตะกระป๋องน้ำมันที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ ล้มกลิ้งเสียงดังโครมคราม จนลูกน้องในอู่เข้ามามุ่งดู หนุ่มเชื้อจีนเสยผมสั้
วิญญาณหนุ่มร่างโปร่งใสยืนอยู่ใกล้ ๆ เขาทำได้เพียงแค่ยิ้มบางๆ และบันทึกภาพเหตุการณ์และความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลของวันนี้ การได้รู้จักชีวิตของพวกเขาเหล่านี้ทำให้เขารู้สึกว่ามันเป็นการคุ้มค่า ที่จะได้รู้จักใครสักคนในแง่มุมที่ลึกซึ้ง ยิ่งกว่าการอ่านนิยายเล่มไหน ๆ เพราะนี่คือชีวิตจริง ความเจ็บปวดแท้จริง ๆ ประสบการณ์ตรงที่ไม่มีใครสอนสั่งได้ นอกจากจะเผชิญด้วยตนเอง ในกล่องความทรงจำที่ไม่อาจรู้ได้ว่าวันหนึ่งข้างหน้า เขาจะจำเหตุการณ์เหล่านี้ได้ไหม เขาถอนแว่นสายตาทรงกลมออก เพ่งมองภาพตรงหน้า เท่านี้ก็พอแล้ว.... เขาไม่อยากรับรู้แล้วว่าก่อนที่เขาจะเหลือเพียงอากาศธาตุเช่นนี้เขาเป็นใคร เขาปล่อยใจคิดถึงดวงตากลมโตของโซดาแล้วเผลอยิ้มออกมา ขอเพียงได้อยู่ใกล้ ๆ ได้เห็นเธอหัวเราะ ร้องไห้ และมุ่งมั่นกับสิ่งที่ฝัน แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่วิญญาณ มันก็พอแล้ว...พอแล้วจริง ๆ เขาชื่นชมกับมิตรภาพที่เห็น คล้ายกับว่าความรู้สึกแบบนี้เคยเกิดขึ้นกับเขามานานแล้ว แต่มันถูกทรยศหักหลัง!! “โอ๊ย!” เขาก็เกิดเจ็บแปลบที่ท้ายทอย เหมือนถูกฟาดด้วยของแข็งอย่างแรง จนไม่อาจควบคุมร่างกายไว้ได้ แข็งข
“ไงครับน้อง เจอคนที่แอบปิ๊งหรือยัง”“พี่คนนั้น” โซดายกมือไหว้ พี่ชายผมเกรียนที่เคยลดราคาหนังสือให้เธอในคราวก่อน รู้สึกดีใจที่มีคนมาทักเธอบ้าง อย่างน้อยก็จะได้ไม่รู้สึกโดดเดียวนัก “ว่าไง เจอไหม” หนุ่มผมเกรียนยิ้มทะเล้น แล้วโบกมือเรียกหญิงสาววัยเดียวกันให้เดินตรงมา“หญิง ร้านเรามีผู้ชายหล่อ ๆ ตัวสูงๆ เท่ เข้ามาร้านเราบ้างไหม” เขาเอ่ยแล้วหัวเราะเสียงดัง แต่ทำให้โซดารู้สึกอายมากกว่า“ผู้ชายที่เข้ามาร้านเราก็หน้าตาดีกว่าพี่ตุ๊กทุกคนนั้นแหละ” คนชื่อหญิงตอบยียวนกลับ แต่หันกลับมายิ้มเป็นกันเองให้โซดาที่ทำหน้าเหวอ“พี่ชื่อหญิง เป็นหุ้นส่วนร้านนี้ มีอะไรให้ช่วยจ๊ะ” “ไม่มีค่ะ ไม่มี” โซดาส่ายหน้าจนผมที่รวบเป็นหางมาสะบัดไปมา“น้องเค้ามาตามหาหนุ่มในดวงใจที่หายไป เขาบอกว่าเห็นมาร้านเราบ่อย ๆ หายไปสักเดือน...ใช่ไหมจ๊ะ” หนุ่มผมเกรียนยิ้มอารมณ์ดี แต่โซดาเดาไม่ถูกว่าคนพวกนี้อารมณ์ไหน แต่ที่สำคัญอายเจ้าของดวงตาหลังแว่นทรงกลมที่ทำท่ากลั้นหัวเราะเต็มที่!“เดือนหนึ่งเหรอ ช่วงนั้นพี่ตุ๊กไปสุรินทร์ใช่ไหม ตอนนั้นหญิงเฝ้าร้านคนเดียว” หญิงสาวหุ้นส่วนของร้านนิ่งคิด “เดือนที่แล้ว
โซดาก้มหน้า พยายามข่มเสียงสะอื้นไว้ข้างใน ผีหนุ่มขยับแว่นทรงกลมให้กระชับใบหน้า เดินเข้าไปหาร่างที่สั่นเทา ก่อนค่อย ๆ ยื่นมือออกไปอยากโอบกอดและปลอบโยน แต่กลับไม่สามรถแตะต้องร่างที่สะอึกสะอื้นตรงหน้าได้เลย!แล้วความปวดร้าวก็พุ่งทิ่มตำหัวใจวิญญาณเร่ร่อนอย่างเขาทันที!!!“ทำไมวันนี้กลับมาเร็วละโซดา” เสียงพี่ชายเอ่ยทัก เด็กสาวปาดน้ำตาก่อนเงยหน้าขึ้นฝืนทำร่าเริงไม่ให้ผิดสังเกต “แล้วพี่เบียร์ละทำไมกลับเร็วจัง โดดงานรึเปล่า”“จำไม่ได้เหรอว่าวันนี้วันหยุดพี่”“แหะๆ...ลืมจริง ๆ วันนี้มีอะไรกินค่ะหิวจังเลย” น้องสาวเฉไฉแล้วเดินไปโอบเอวพี่ชายไว้หลวม ๆ ไม่อยากให้ใบหน้าเปื้อนน้ำตา“เป็นอะไรรึเปล่า” เสียงพี่ชายเอ่ยถามอย่างอาทร“เป็นน้องโซดาของพี่เบียร์ไงค่ะ”เบียร์ลูบผมน้องสาวอย่างอ่อนโยนและห่วงใย เขาไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน กับน้องสาวคนเดียวคนนี้หรือไม่ จึงรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างที่น้องสาวปิดบังอยู่ และความรู้สึกประหลาด ๆ เมื่อครั้งที่เขาขับมอเตอร์ไซด์ขนาดสี่สูบไล่ตามเพื่อนรักที่สติเตลิด เขารู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่ช่วยควบคุมรถให้ผ่านถนนขรุขระไปได้อย
หญิงสาวยกมือขึ้นแตะริมฝีปากของตัวเองเบา ๆ นึกถึงสัมผัสแรกที่ริมฝีปากถูกเคลือบด้วยลิป กลอสสีชมพูอ่อนถูกบดเบียนจากริมฝีปากเปื้อนหนวดบาง ๆ ได้ยินเสียงคำ “รัก”เบา ๆ อยู่ริมหู และร่างกายถูกโอบกอดด้วยวงแขนที่อบอุ่น ตลอดเวลาที่ผ่านมา น้ำหวานสร้างกำแพงขึ้นเพื่อกันตัวเองออกจากผู้คนที่เข้ามาใกล้ เพียงเพื่อที่จะ “รักษาสัญญา” รู้ทั้งรู้ ทั้งได้เห็น ได้ยิน เรื่อง ‘ต้อง’ มาเสมอ แต่เธอก็ยังมีความเชื่อว่า ‘ต้อง’ไม่ใช่คนอย่างนั้นคำสัญญา ถ้าไม่รักษาไว้ มันจะมีความหมายอะไร มันจะเรียกว่าคำมั่นสัญญาได้อย่างไรนี่นะหรือ ? ค่าตอบแทนของการรอคอย ค่าตอบแทนของคนที่รักษาสัญญา เธอเกลียดการผิดคำพูดทุกชนิด เธอสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ทำอะไรที่เธอเกลียด แต่แล้วทำไม เขาไม่รักษาสัญญาเหมือนที่เคยให้ไว้กับเธอที่ผ่านมา....มันคืออะไร ? เขาไม่เห็นคุณค่าของเธอเลยสักนิดเลยเหรอในขณะที่เธอทำตามคำพูดตัวเอง แต่เขาทำราวกับมันเป็นแค่ลมหายใจที่พ่นออกทางปาก หญิงสาวกลื้นเสียงสะอื้นลงคอ เธอยืนนิ่งอยู่ที่เดิมในขณะที่รู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุนเร็วผิดปกติ จนร่างกายแทบทรงตัวไม่อยู่ ก่อนที่จะรู้สึกว่าโดนจั
เสียงปิ๊ด ๆ จากหน้าจอคอมพิวเตอร์ เป็นสัญญาณอีเมล์ใหม่ที่เข้ามาทำให้ชายหนุ่มที่นั่งเฝ้าคอมพิวเตอร์อยู่นานรีบลุกขึ้นก้าวเท้ายาว ๆ ไปด้านหลังร้านหมูหยองอินเตอร์เนทด้วยท่าทีร้อนใจ “โซดามีเมล์มาจากแป้งร่ำ” คุณผีไร้อิทธิฤทธิ์ ตะโกนบอก ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครอื่นได้ยินเสียงของเขา นอกจากเด็กสาววัยสิบเจ็ดที่ยืนตัวตรงให้หญิงสาวผมหยักศกผู้เป็นเพื่อนสนิทของพี่ชายวัดขนาดตัวของเธออยู่ “ฉันไม่ใช่คนรับใช้นายนะ!” โซดาพยายามกระซิบบอก “ฉันกำลังยุ่งอยู่ไม่เห็นเหรอว่าพี่น้ำหวานวัดตัวอยู่”เธอพยายามสื่อสารโดยไม่ให้คนในห้องผิดสังเกต ก็ตั้งแต่เธอเจอคุณผีความจำเสื่อมนี่…เธอก็ถูกมองว่าเพี้ยน ๆ สติไม่เต็มอยู่เสมอผีหนุ่มทำหน้างอน แอบค้อนให้หลายวง เอ่อ...ถ้าเขาหยิบจับอะไรได้เองคงไม่ต้องคอยเรียกแม่สาวตากลมโตคนนั่นให้มาทำโน่น -นี่-นั่น อยู่เรื่อยไปหรอก เดี๋ยวจะหาว่าเขาใช้แรงงานผู้หญิงแถมยังไม่บรรลุนิติภาวะอีกต่างหากแต่ทำไมตอนนั้น...เขารู้สึกเหมือน สามารถช่วยพี่เบียร์ของโซดาบังคับแฮนด์มอเตอร์ไซด์ได้หรือว่าต้องอยู่ในสภาวะฉุกเฉินเท่านั้นเฮ้อ! แถวนี้ไม่มีผีตัวอื่น
“อ้าว...ทำไมไปพร้อมกันสองคนเลยอ่ะ เอ๊ะ!” โซดาหันไปมองทางผีหนุ่มผู้สวมแว่นตาทรงกลมกรอบเงินแล้วทำตาโตก่อนหัวเราะรื่นออกมา “พี่ตั้มนี่ยอดเลย ความพยายามอยู่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้นเนอะ” เด็กสาวหันไปของความคิดเห็น แต่คนเอ๊ย!ผีข้าง ๆ ก็ไม่ตอบอะไร “โกรธอะไรเหรอ หรืออยากกินขนม เอามะเดี๋ยวฉันจุดธูปแล้วถวายให้” โซดายื่นขนมโดนัทแกว่งไปแกว่งมาหน้าผีหนุ่มขี้เก๊ก “ไม่ต้องเร่งสืบประวัติผมหรอก อยากให้ผมไปเกิดใหม่เร็ว ๆ ใช่ไหม” วิญญาณหนุ่มทำหน้าบึงตึงเหมือนคนกำลังงอน เออแนะ เป็นผีก็งอนเป็นแหะ “เปล๊า” โซดาปฏิเสธเสียงสูง “ก็ฉันปั่นต้นฉบับอยู่นี่ยะ แต่ก็แหม…ตายเป็นผีอย่างนี้แล้วยังอยากรู้นั่นรู้นี่อีกเหรอ” เธอหมุนเก้าอี้กลับมาหน้าคอมพ์ก่อนกัดโดนัทคำโตอย่างประชด “ก็ลองมาเป็นผมดูบ้างไหม” คุณผีหนุ่มร่างโปร่งใสทำหน้างอนเหมือนเด็ก ๆ ไม่เข้ากับรูปร่างสูงเท่หน้าคมเอาเสียเลย“นี่ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นใครแล้วจะทำยังไงต่อไปละ กลับเข้าร่างเหรอ ถ้ามันเน่าหรือเผาไปแล้วจะทำยังไง” โซดาถามพลางทำกวาดสายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าของวิญญ
“ขอบใจนะเพื่อน!” ตั้มยิ้มจนตาหยีเมื่อรับเอกสารการสมัครเรียนที่เพื่อนรักเป็นธุระจัดการหาให้“ตั้งใจหน่อยนะ นายจบปวส.มาแล้ว อดทนต่ออีกสองปีก็ได้ปริญญาตรีเท่ากับฉัน”“เอ๊ะ!อะไรนะคะ” เด็กสาวทำหน้างงเมื่อได้ยินพี่ชายพูดขึ้น“อ้าว! โซดาไม่รู้เหรอว่าไอ้เบียร์มันเรียนมสธ. อยู่ปีสองแล้วนะ…เรานะถ้าขี้เกียจละก็จบที่หลังพี่ชายแน่ ๆ ” ตั้มหัวเราะร่วนเสียงดัง เป็นจังหวะที่ผู้เป็นพ่อดินเข้ามาครัวและได้ยินเข้า“อาตั้มจะเรียนต่อเหรอ”“ครับเตี่ย…แต่ไม่ต้องห่วงนะ ตั้มจะเรียนภาคค่ำรับรองว่าไม่เสียงานที่อู่แน่ ๆ ”“จะไหวเหรอ ไม่เหนื่อยแย่เหรอ” ถึงแม้จะดีใจแต่ก็อดห่วงใยไม่ได้“สบายครับผม!”นายตั้มทำท่าตะเบะเลียนแบบทหารเรียกเสียงหัวเราะจากคนในบ้าน แม้แต่ผู้เป็นพ่อที่ได้ยินเรื่องราวทั้งหมดก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ เด็กสาวหัวเราะกับท่าทีตลกปนทะเล้นของเพื่อนพี่ชายแต่เมื่อหันไปสบตากับผีหนุ่มร่างโปร่งใส เขากลับฝืนยิ้มบาง ๆ และเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ในใจเธอวูบไหวแปลก ๆอยากจะเอ่ยถามแต่ก็กลัวจะเป้าสายตาจึงได้แต่แกล้งทำเป็นไม่เห็น เมื่อสองพี่น้องช่วยจัดโต๊ะอาหารเสร็จก็ขอตัวกลับทันที“ไม่เห็นพี่เบียร์บอกโซดา