วิญญาณหนุ่มร่างโปร่งใสยืนอยู่ใกล้ ๆ เขาทำได้เพียงแค่ยิ้มบางๆ และบันทึกภาพเหตุการณ์และความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลของวันนี้ การได้รู้จักชีวิตของพวกเขาเหล่านี้ทำให้เขารู้สึกว่ามันเป็นการคุ้มค่า ที่จะได้รู้จักใครสักคนในแง่มุมที่ลึกซึ้ง ยิ่งกว่าการอ่านนิยายเล่มไหน ๆ เพราะนี่คือชีวิตจริง ความเจ็บปวดแท้จริง ๆ ประสบการณ์ตรงที่ไม่มีใครสอนสั่งได้ นอกจากจะเผชิญด้วยตนเอง ในกล่องความทรงจำที่ไม่อาจรู้ได้ว่าวันหนึ่งข้างหน้า เขาจะจำเหตุการณ์เหล่านี้ได้ไหม เขาถอนแว่นสายตาทรงกลมออก เพ่งมองภาพตรงหน้า เท่านี้ก็พอแล้ว.... เขาไม่อยากรับรู้แล้วว่าก่อนที่เขาจะเหลือเพียงอากาศธาตุเช่นนี้เขาเป็นใคร เขาปล่อยใจคิดถึงดวงตากลมโตของโซดาแล้วเผลอยิ้มออกมา ขอเพียงได้อยู่ใกล้ ๆ ได้เห็นเธอหัวเราะ ร้องไห้ และมุ่งมั่นกับสิ่งที่ฝัน แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่วิญญาณ มันก็พอแล้ว...พอแล้วจริง ๆ เขาชื่นชมกับมิตรภาพที่เห็น คล้ายกับว่าความรู้สึกแบบนี้เคยเกิดขึ้นกับเขามานานแล้ว แต่มันถูกทรยศหักหลัง!! “โอ๊ย!” เขาก็เกิดเจ็บแปลบที่ท้ายทอย เหมือนถูกฟาดด้วยของแข็งอย่างแรง จนไม่อาจควบคุมร่างกายไว้ได้ แข็งข
“ไงครับน้อง เจอคนที่แอบปิ๊งหรือยัง”“พี่คนนั้น” โซดายกมือไหว้ พี่ชายผมเกรียนที่เคยลดราคาหนังสือให้เธอในคราวก่อน รู้สึกดีใจที่มีคนมาทักเธอบ้าง อย่างน้อยก็จะได้ไม่รู้สึกโดดเดียวนัก “ว่าไง เจอไหม” หนุ่มผมเกรียนยิ้มทะเล้น แล้วโบกมือเรียกหญิงสาววัยเดียวกันให้เดินตรงมา“หญิง ร้านเรามีผู้ชายหล่อ ๆ ตัวสูงๆ เท่ เข้ามาร้านเราบ้างไหม” เขาเอ่ยแล้วหัวเราะเสียงดัง แต่ทำให้โซดารู้สึกอายมากกว่า“ผู้ชายที่เข้ามาร้านเราก็หน้าตาดีกว่าพี่ตุ๊กทุกคนนั้นแหละ” คนชื่อหญิงตอบยียวนกลับ แต่หันกลับมายิ้มเป็นกันเองให้โซดาที่ทำหน้าเหวอ“พี่ชื่อหญิง เป็นหุ้นส่วนร้านนี้ มีอะไรให้ช่วยจ๊ะ” “ไม่มีค่ะ ไม่มี” โซดาส่ายหน้าจนผมที่รวบเป็นหางมาสะบัดไปมา“น้องเค้ามาตามหาหนุ่มในดวงใจที่หายไป เขาบอกว่าเห็นมาร้านเราบ่อย ๆ หายไปสักเดือน...ใช่ไหมจ๊ะ” หนุ่มผมเกรียนยิ้มอารมณ์ดี แต่โซดาเดาไม่ถูกว่าคนพวกนี้อารมณ์ไหน แต่ที่สำคัญอายเจ้าของดวงตาหลังแว่นทรงกลมที่ทำท่ากลั้นหัวเราะเต็มที่!“เดือนหนึ่งเหรอ ช่วงนั้นพี่ตุ๊กไปสุรินทร์ใช่ไหม ตอนนั้นหญิงเฝ้าร้านคนเดียว” หญิงสาวหุ้นส่วนของร้านนิ่งคิด “เดือนที่แล้ว
โซดาก้มหน้า พยายามข่มเสียงสะอื้นไว้ข้างใน ผีหนุ่มขยับแว่นทรงกลมให้กระชับใบหน้า เดินเข้าไปหาร่างที่สั่นเทา ก่อนค่อย ๆ ยื่นมือออกไปอยากโอบกอดและปลอบโยน แต่กลับไม่สามรถแตะต้องร่างที่สะอึกสะอื้นตรงหน้าได้เลย!แล้วความปวดร้าวก็พุ่งทิ่มตำหัวใจวิญญาณเร่ร่อนอย่างเขาทันที!!!“ทำไมวันนี้กลับมาเร็วละโซดา” เสียงพี่ชายเอ่ยทัก เด็กสาวปาดน้ำตาก่อนเงยหน้าขึ้นฝืนทำร่าเริงไม่ให้ผิดสังเกต “แล้วพี่เบียร์ละทำไมกลับเร็วจัง โดดงานรึเปล่า”“จำไม่ได้เหรอว่าวันนี้วันหยุดพี่”“แหะๆ...ลืมจริง ๆ วันนี้มีอะไรกินค่ะหิวจังเลย” น้องสาวเฉไฉแล้วเดินไปโอบเอวพี่ชายไว้หลวม ๆ ไม่อยากให้ใบหน้าเปื้อนน้ำตา“เป็นอะไรรึเปล่า” เสียงพี่ชายเอ่ยถามอย่างอาทร“เป็นน้องโซดาของพี่เบียร์ไงค่ะ”เบียร์ลูบผมน้องสาวอย่างอ่อนโยนและห่วงใย เขาไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน กับน้องสาวคนเดียวคนนี้หรือไม่ จึงรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างที่น้องสาวปิดบังอยู่ และความรู้สึกประหลาด ๆ เมื่อครั้งที่เขาขับมอเตอร์ไซด์ขนาดสี่สูบไล่ตามเพื่อนรักที่สติเตลิด เขารู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่ช่วยควบคุมรถให้ผ่านถนนขรุขระไปได้อย
หญิงสาวยกมือขึ้นแตะริมฝีปากของตัวเองเบา ๆ นึกถึงสัมผัสแรกที่ริมฝีปากถูกเคลือบด้วยลิป กลอสสีชมพูอ่อนถูกบดเบียนจากริมฝีปากเปื้อนหนวดบาง ๆ ได้ยินเสียงคำ “รัก”เบา ๆ อยู่ริมหู และร่างกายถูกโอบกอดด้วยวงแขนที่อบอุ่น ตลอดเวลาที่ผ่านมา น้ำหวานสร้างกำแพงขึ้นเพื่อกันตัวเองออกจากผู้คนที่เข้ามาใกล้ เพียงเพื่อที่จะ “รักษาสัญญา” รู้ทั้งรู้ ทั้งได้เห็น ได้ยิน เรื่อง ‘ต้อง’ มาเสมอ แต่เธอก็ยังมีความเชื่อว่า ‘ต้อง’ไม่ใช่คนอย่างนั้นคำสัญญา ถ้าไม่รักษาไว้ มันจะมีความหมายอะไร มันจะเรียกว่าคำมั่นสัญญาได้อย่างไรนี่นะหรือ ? ค่าตอบแทนของการรอคอย ค่าตอบแทนของคนที่รักษาสัญญา เธอเกลียดการผิดคำพูดทุกชนิด เธอสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ทำอะไรที่เธอเกลียด แต่แล้วทำไม เขาไม่รักษาสัญญาเหมือนที่เคยให้ไว้กับเธอที่ผ่านมา....มันคืออะไร ? เขาไม่เห็นคุณค่าของเธอเลยสักนิดเลยเหรอในขณะที่เธอทำตามคำพูดตัวเอง แต่เขาทำราวกับมันเป็นแค่ลมหายใจที่พ่นออกทางปาก หญิงสาวกลื้นเสียงสะอื้นลงคอ เธอยืนนิ่งอยู่ที่เดิมในขณะที่รู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุนเร็วผิดปกติ จนร่างกายแทบทรงตัวไม่อยู่ ก่อนที่จะรู้สึกว่าโดนจั
เสียงปิ๊ด ๆ จากหน้าจอคอมพิวเตอร์ เป็นสัญญาณอีเมล์ใหม่ที่เข้ามาทำให้ชายหนุ่มที่นั่งเฝ้าคอมพิวเตอร์อยู่นานรีบลุกขึ้นก้าวเท้ายาว ๆ ไปด้านหลังร้านหมูหยองอินเตอร์เนทด้วยท่าทีร้อนใจ “โซดามีเมล์มาจากแป้งร่ำ” คุณผีไร้อิทธิฤทธิ์ ตะโกนบอก ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครอื่นได้ยินเสียงของเขา นอกจากเด็กสาววัยสิบเจ็ดที่ยืนตัวตรงให้หญิงสาวผมหยักศกผู้เป็นเพื่อนสนิทของพี่ชายวัดขนาดตัวของเธออยู่ “ฉันไม่ใช่คนรับใช้นายนะ!” โซดาพยายามกระซิบบอก “ฉันกำลังยุ่งอยู่ไม่เห็นเหรอว่าพี่น้ำหวานวัดตัวอยู่”เธอพยายามสื่อสารโดยไม่ให้คนในห้องผิดสังเกต ก็ตั้งแต่เธอเจอคุณผีความจำเสื่อมนี่…เธอก็ถูกมองว่าเพี้ยน ๆ สติไม่เต็มอยู่เสมอผีหนุ่มทำหน้างอน แอบค้อนให้หลายวง เอ่อ...ถ้าเขาหยิบจับอะไรได้เองคงไม่ต้องคอยเรียกแม่สาวตากลมโตคนนั่นให้มาทำโน่น -นี่-นั่น อยู่เรื่อยไปหรอก เดี๋ยวจะหาว่าเขาใช้แรงงานผู้หญิงแถมยังไม่บรรลุนิติภาวะอีกต่างหากแต่ทำไมตอนนั้น...เขารู้สึกเหมือน สามารถช่วยพี่เบียร์ของโซดาบังคับแฮนด์มอเตอร์ไซด์ได้หรือว่าต้องอยู่ในสภาวะฉุกเฉินเท่านั้นเฮ้อ! แถวนี้ไม่มีผีตัวอื่น
“อ้าว...ทำไมไปพร้อมกันสองคนเลยอ่ะ เอ๊ะ!” โซดาหันไปมองทางผีหนุ่มผู้สวมแว่นตาทรงกลมกรอบเงินแล้วทำตาโตก่อนหัวเราะรื่นออกมา “พี่ตั้มนี่ยอดเลย ความพยายามอยู่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้นเนอะ” เด็กสาวหันไปของความคิดเห็น แต่คนเอ๊ย!ผีข้าง ๆ ก็ไม่ตอบอะไร “โกรธอะไรเหรอ หรืออยากกินขนม เอามะเดี๋ยวฉันจุดธูปแล้วถวายให้” โซดายื่นขนมโดนัทแกว่งไปแกว่งมาหน้าผีหนุ่มขี้เก๊ก “ไม่ต้องเร่งสืบประวัติผมหรอก อยากให้ผมไปเกิดใหม่เร็ว ๆ ใช่ไหม” วิญญาณหนุ่มทำหน้าบึงตึงเหมือนคนกำลังงอน เออแนะ เป็นผีก็งอนเป็นแหะ “เปล๊า” โซดาปฏิเสธเสียงสูง “ก็ฉันปั่นต้นฉบับอยู่นี่ยะ แต่ก็แหม…ตายเป็นผีอย่างนี้แล้วยังอยากรู้นั่นรู้นี่อีกเหรอ” เธอหมุนเก้าอี้กลับมาหน้าคอมพ์ก่อนกัดโดนัทคำโตอย่างประชด “ก็ลองมาเป็นผมดูบ้างไหม” คุณผีหนุ่มร่างโปร่งใสทำหน้างอนเหมือนเด็ก ๆ ไม่เข้ากับรูปร่างสูงเท่หน้าคมเอาเสียเลย“นี่ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นใครแล้วจะทำยังไงต่อไปละ กลับเข้าร่างเหรอ ถ้ามันเน่าหรือเผาไปแล้วจะทำยังไง” โซดาถามพลางทำกวาดสายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าของวิญญ
“ขอบใจนะเพื่อน!” ตั้มยิ้มจนตาหยีเมื่อรับเอกสารการสมัครเรียนที่เพื่อนรักเป็นธุระจัดการหาให้“ตั้งใจหน่อยนะ นายจบปวส.มาแล้ว อดทนต่ออีกสองปีก็ได้ปริญญาตรีเท่ากับฉัน”“เอ๊ะ!อะไรนะคะ” เด็กสาวทำหน้างงเมื่อได้ยินพี่ชายพูดขึ้น“อ้าว! โซดาไม่รู้เหรอว่าไอ้เบียร์มันเรียนมสธ. อยู่ปีสองแล้วนะ…เรานะถ้าขี้เกียจละก็จบที่หลังพี่ชายแน่ ๆ ” ตั้มหัวเราะร่วนเสียงดัง เป็นจังหวะที่ผู้เป็นพ่อดินเข้ามาครัวและได้ยินเข้า“อาตั้มจะเรียนต่อเหรอ”“ครับเตี่ย…แต่ไม่ต้องห่วงนะ ตั้มจะเรียนภาคค่ำรับรองว่าไม่เสียงานที่อู่แน่ ๆ ”“จะไหวเหรอ ไม่เหนื่อยแย่เหรอ” ถึงแม้จะดีใจแต่ก็อดห่วงใยไม่ได้“สบายครับผม!”นายตั้มทำท่าตะเบะเลียนแบบทหารเรียกเสียงหัวเราะจากคนในบ้าน แม้แต่ผู้เป็นพ่อที่ได้ยินเรื่องราวทั้งหมดก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ เด็กสาวหัวเราะกับท่าทีตลกปนทะเล้นของเพื่อนพี่ชายแต่เมื่อหันไปสบตากับผีหนุ่มร่างโปร่งใส เขากลับฝืนยิ้มบาง ๆ และเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ในใจเธอวูบไหวแปลก ๆอยากจะเอ่ยถามแต่ก็กลัวจะเป้าสายตาจึงได้แต่แกล้งทำเป็นไม่เห็น เมื่อสองพี่น้องช่วยจัดโต๊ะอาหารเสร็จก็ขอตัวกลับทันที“ไม่เห็นพี่เบียร์บอกโซดา
เด็กสาวรูปร่างปราดเปรียวเดินเข้ามาในตึกบริษัท R&Mด้วยท่าทางมั่นใจต่างจากครั้งแรก ๆ ที่เธอมักจะมีอาการประหม่าและเกร็งจนเห็นได้ชัด อาจจะเป็นเพราะว่าระยะหลังที่เข้ามาส่งต้นฉบับเธอไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยว และที่สำคัญคล้ายว่ารอยยิ้มที่แต้มใบหน้าตลอดเวลานั้นเหมือนจะยิ้มให้ใครสักคนที่อยู่ใกล้ ๆ ไม่ห่างกาย “มาหาพี่ปกรณ์ค่ะ เอาต้นฉบับมาส่งโทรนัดแล้ว” โซดาเอ่ยกับประชาสัมพันธ์สาวสวยที่เคาน์เตอร์ด้วยความเคยชิน พนักงานคนหนึ่งยิ้มให้อย่างเป็นกันเองก่อนยื่นบัตรผ่านให้เด็กสาวเอามาติดที่อกเสื้อเช่นเคย “หนังสือของโซดาจะออกเมื่อไหร่ละจ๊ะ” “โอ๊ย อีกนานแหละค่ะ...หยอดเงินใส่กระปุกค่อยก่อนก็ยังได้เลย” เด็กสาววัยสิบเจ็ดยิ้มทะเล้นโบกมือลาก่อนเดินมารอลิฟต์ เธอยืนดูเงาตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกฝ้าติดกับลิฟต์ ใช้มือลูบผมที่รวบเป็นหางม้าด้านหลังให้เรียบร้อย ต่อให้พี่น้ำหวานสไตล์ลิสต์ส่วนตัวจับเธอแต่งตัวอย่างกับตุ๊กตาบาร์บี้ยังไง เธอก็ยังชอบใส่เสื้อยืดพอดีตัวสีพื้น ๆ กับกางเกงขายาวคุลมเข่าและรองเท้าผ้าใบเซอร์ ๆ อยู่ดี “
“ตาบ้า!ทำอะไรนะ” โซดายกมือขึ้นปัดออกทันทีที่ได้สติ แต่อีกฝ่ายคว้ามือเล็ก ๆ ได้เขาออกแรงกระชากนิดเดียวร่างเล็ก ๆ ก็เซเข้ามาในวงแขน“โซดาตัวเล็กกว่าที่คิดเยอะเลยนะ ตอนเป็นผีจับตัวไม่ได้เหมือนอย่างนี้เลย”“บ้า...ตาบ้า ปล่อยนะ”โซดาดิ้นขลุกขลักในวงแขน ชายหนุ่มนึกสนุกยิ่งรัดร่างเข้าไว้แน่น พอดีเสียงสัญญาณในลิฟต์ดังขึ้นพร้อมประตูที่เปิดออก คนที่ยืนอยู่ด้านนอกจึงเห็นชายหนุ่มกอดรัดร่างเพรียวบางไว้ในวงแขน“เฮ้ย!ทำอะไรนั่นน้องสาวฉันนะเฟ้ย!”“ไม่มีอะไรค่ะพี่เบียร์” โซดารีบสลัดตัวออกจากวงแขน ซึ่งก็หลุดออกมาอย่างง่ายดาย เบียร์ทำท่าจะเข้ามามากระชากคอเสื้อสุดแดนแต่ตั้มก็ใช้แขนล็อกคอเพื่อนรักไว้ก่อน“น่า...นะ โซดาว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรซิ ไป…หน้าที่นายดูแลอาหารการกิน ทางโน้นเลย...เอ้า! ท่านเจ้าภาพ เอ๊ยประธานบริษัทมาแล้ว หลีกทางหน่อยครับ”ตั้มหันไปยักคิ้วหลิวตาให้สุดแดนอย่างรู้ทัน เบียร์หงุดหงิดเดินมาที่ซุ้มอาหารบุฟเฟ่ย์ ซึ่งเวลานี้มีผู้คนเข้ามาในบริเวณชั้นหนึ่งของตึกเป็นที่สำหรับจัดงานเปิดตัวหนังสือและสำนักพิมพ์ในเครือบริษัท ซึ่งสำนักพิมพ์ ยักษ์เล็กที่จะเน้นให้โอกาสนักเข
ยาไอซ์จัดเป็นยาเสพติดที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภทที่ 1 ตาม พ.ร.บ ยาเสพติดปี 2522 ลักษณะของเม็ดยาเป็นผลึกคล้ายน้ำแข็งเป็นที่มา ของชื่อยาไอซ์ ความบริสุทธ์ของยาค่อนข้างสูง ออกฤทธิ์แรงกว่ายาบ้ามากจึงมีคนเรียกว่าหัวยาบ้า การนำไปใช้ โดยการละลายน้ำแล้วฉีดเข้าเส้นบางคนนำไปเผาแล้วสูดดมควันเหมือนการเสพยาบ้า ยาตัวนี้ทำให้อารมณ์เคลิบเคลิ้มสนุกสนานสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ยาไอซ์ลักษณะทั้งโครงสร้างและการออกฤทธิ์คล้ายยาบ้า แต่มีข้อแตกต่างตรงที่หลังเสพยาไอซ์จะมีความสดชื่นมีชีวิตชีวาไม่ซูบโทรมเหมือนยาบ้า คนที่เสพยานี้มักจะดูไม่ออกเพราะหน้าตาจะเบิกบานไม่เหมือนคนเสพยาทั่วๆ ไป ยาตัวนี้ไม่ได้มีแพร่หลายกันทั่วไปเนื่องจากหายากและราคาค่อนข้างแพงมักจะใช้กันในสังคมไฮโซทั้งหลาย’ชายหนุ่มลดหนังสือพิมพ์ลงและวางไว้บนโต๊ะก่อนระบายลมหายใจเบา ๆ เขานึกถึงเหตุการณ์เมื่อประมาณสี่เดือนก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่เขาเพิ่งกลับจากเมืองนอก ได้ไม่นานและเริ่มเข้ามาดูแลงานในบริษัทแทนผู้เป็นพ่อซึ่งต้องปลดเกษียรตัวเองด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนแอเพราะโหมงานอย่างหนัก วันนั้นเขาตรวจสอบของบัญชีรายรับ-จ่ายและเห็นความผิดปกต
และเมื่ออ่านมากก็อยากเป็นนักเขียน เขามักเอาตัวเองไปอยู่ในโลกของนิยาย เรื่องแล้วเรื่องเล่า เขาคิดเสมอว่า ถ้าวันหนึ่งที่เขาไม่อยู่บนโลกนี้ ก็ยังเหลือ ‘นิยาย’ ที่เขาเขียนทิ้งไว้แทนตัวเขา อาจใครสักคนมาอ่านเจอเรื่องเหล่านี้ เรื่องสุดท้ายที่เขาเขียน คือเรื่อง ‘ทะลุมิติไปเป็นนักเขียนนิยายยุค 90’s’ เขาได้แรงบันดาลใจมากจากคุณน้านักอ่านท่านหนึ่งที่มักเข้ามาอ่านนิยายของเขาและคอยคอมเม้นต์ให้กำลังใจเสมอ ดวงจิตของชายหนุ่มกวาดตามองไปรอบกาย เขาเข้าใจแล้วว่าเขาหายไปที่ไหนมา เขาไปอยู่ในเรื่องเล่าของคุณน้านักอ่านท่านนั้น สำหรับคนอื่นมันอาจเป็นแค่นิยาย แต่สำหรับบ้างคน ตัวละครในนั้นมีตัวตนจริงในอดีตที่ผ่านมา สายลมอ่อนโยนพัดผ่าน ทั้งที่อยู่ในห้องที่ปิดหน้าต่าง ราวกับสัมผัสแผ่วเบาเพื่อบอกลากัน ชายหนุ่มหันไปที่หน้าต่าง แสงสว่างจางๆ สาดเข้ามา เขายิ้มและเผชิญกับการจากลาอย่างกล้าหาญ มันเป็นเรื่องที่เขาและคนในครอบครัวเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกันมานานแล้ว “พ่อครับ แม่ครับ ขอบคุณที่ดูแลผม พี่ครับฝากดูแลพ่อกับแม่ด้วย ไม่ต้องเป็นห่วงผมนะ ผมสบายดี ไม่ทรมานอีกแล้ว”
“รู้สึกว่าจะฟื้นเร็วกว่าที่คิดนะ”“อะไรนะคะ พี่ปกรณ์พูดอะไรออกมา” เด็กสาวตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน แต่อีกฝ่ายกลับหมุนตัวไปหยิบกล้องดิจิตอลขึ้นมาบันทึกการเคลื่อนไหวเด็กสาวตรงหน้า “พี่ปกรณ์เพี้ยนไปแล้วเหรอค่ะ พี่คิดอะไรอยู่”“ความจริงพี่ก็ไม่อยากทำแบบนี้...แต่นี้คงเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้แป้งร่ำอยู่ภายใต้การควบคุมของพี่ได้ พี่จะได้ช่วยดูแลทุกอย่างในบริษัทฯได้อย่างเต็มที”ยังไม่ทันที่แป้งร่ำจะเข้าใจในความหมายที่อีกฝ่ายพูด มือที่ว่างจากการควบคุมกล้องดิจิตอลก็กระชากเสื้อของเธอออกจนเห็นบราเซียลูกไม้สีขาวบริสุทธิ์ “พี่ปกรณ์!” แป้งร่ำกรี๊ดร้องสุดเสียง เมื่อมือแข็งแกร่งพยายามกระชากเสื้อผ้าเธอออก พร้อมกับขึ้นคร่อมร่างเธอที่นอนดิ้นพยายามปิดป้องร่างกายที่เกือบจะเปลือยเปล่า “อย่ามาแสดงท่าอย่างนี้กับฉัน!” ปกรณ์เผลอตะคอกออกมาสุดเสียง ไม่เหลือแววตาอ่อนโยนที่เคยเห็น หน้ากากของเขาแตกละเอียดเหลือเพียงใบหน้าที่แท้จริงของซาตาน เขาใช้มือแข็งแรงปานคีมเหล็กเข้าบีบคอเล็ก ๆ ของแป้งร่ำเด็กสาวดิ้นทุรนทุรายเจ็บปวดจนน้ำตาไหล ทั้งที่ฝืนกลั้นไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ได้รับ“เธอมันก็เหมื
“คราวหน้าคงได้มาสนุกอย่างนี้อีกนะ” แป้งร่ำยิ้มบาง ๆ แล้วโบกมือลาเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ“เราเดินไปส่งนะ” โซดาลุกขึ้นยืนและยื่นมือออกไปให้มือเรียวเล็กจับก่อนลุกขึ้นยืน ผีหนุ่มมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มรู้สึกอิ่มข้างในใจอยากบอกไม่ถูก เด็กสาวสองคนเดินจูงมือกันไปที่ต้นถนนจุดที่นัดคนขับรถไว้ รถเก๋งยุโรปคันหรูเคลื่อนมาใกล้ แป้งร่ำไม่อยากเร่งเท้านักแต่รู้ว่าบริเวณนี้จอดรถนานไม่ได้เธอจึงจำใจเดินไปที่รถ“โชคดีนะ วันนี้สนุกมากเลย”“เช่นกันจ๊ะโซดา”ประตูเปิดออกก่อนที่มือของแป้งร่ำจะเอื้อมไปจับ แต่ร่างเล็ก ๆ ก็ถูกกระชากเข้าไปในรถอย่างรวดเร็ว โซดาตกใจกับภาพที่เห็นรีบกระโจนพุงตัวเข้าไปในรถทันที มือใครบางคนในรถเอื้อมมือออกมาปิดประตูรถอย่างรวดเร็วจนไม่ทันมีใครในบริเวณนั้นสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ รถเคลื่อนตัวออกไปพอดีกับที่ เบียร์ก้าวลงมาจากรถแท็กซี่ที่เข้ามาจอดแทนที่รถยุโรปที่พุ่งตัวออกอย่างรวดเร็ว“ช่วยด้วย! นายวุ่นวาย!” ผีหนุ่มร่างโปร่งใสยืนหันรีหันขวางอยู่ท่ามกลางผู้คนที่ไม่มีใครมองเห็นตัวเขา และไม่ทันสังเกตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายวุ่นวายมองหาร่างของเบียร์ รีบวิ่งไปตะโก
“เด็กโง่ๆนั่นนะเหรอ...อีกหน่อยก็เป็นเหมือนอุ้ม-อั้มอะไรนั้นอีกหรอก ให้เป็นghost writerดีๆไม่ชอบอย่างขึ้นมาประกาศตัวให้โลกรู้จัก เชอะ! ฝันไปเถอะ..สภาพพิการอย่างนั้นใครเค้าจะชื่นชม หมดยุคสมัยนักเขียนไส้แห้งกินอุดมคติกันแล้ว ลองไม่ใช่ปกรณ์หรือปลายศร หนังสือที่ไหนจะขายออกได้หลักแสนเล่มแบบนี้บ้าง” “เอานะ..เดี๋ยวพี่ปั้นเด็กใหม่ก่อน หลอกทำสัญญาให้เรียบร้อยก่อน เด็กนี่ก็ใช้ได้มีแววดีสั่งงานอะไรก็ทำได้ตามสั่งอย่างกับทำอาหารตามสั่งแนะเหมาะกับการทำงานเป็นGhost writerให้เรา”“ชื่ออะไรนะ โซดาเหรอ ปลื้มพี่ดุจตะวันน่าดูนี่นะ ถ้ารู้ว่าตัวจริงเป็นแค่ผู้หญิงพิการสาวเอ๋อออทิสติกละก็..จะเป็นยังไงนะ” ‘ ดุจตะวัน ’ คงมาจากชื่อจริงของพี่อุ้มนี่เอง พี่อุ้มก็คือนักเขียน‘ ดุจตะวัน ’ ตัวจริง ที่เธอปลื้มแล้วเด็กใหม่โง่ๆที่คิดแค่ทำอะไรก็ได้ให้ใกล้ชิดแวดวงนักเขียนก็พอก็คงเป็นเธอซินะ “โซดา!” นายวุ่นวายกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู เขาเองก็รับรู้ความเจ็บปวดที่เธอมีและยิ่งนึกเจ็บใจตัวเองที่ไม่สามารถจะเอื้อมมือไปกุมมือเล็ก ๆ ที่สั่นระริก ปวดใจยิ่งนักที่ไม่สามารถปลอบใจและให้กำลังใจผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ได้ โง่ให้พ
“แต่วันนี้เธอก็โดด....”“ก็...มันสบโอกาส พอดีครูสอนไวโอลินท้องเสีย ก็เลยหนีออกมา” แป้งร่ำยิ้มทะเล้น พลางแกะผมเปียสองข้างออก“คงไม่ใช่ฝีมือเธอทำให้ครูท้องเสียนะ” โซดาพูดขึ้น แต่คนที่คิดได้คือนายวุ่นวายต่างหากแป้งร่ำทำตาโต เหมือนคนถูกจับได้ แต่ส่ายหน้ายิก ก่อนจะเบนความสนใจไปที่อื่น “กินสายไหมกันนะ” “ฮืม ... เอาซิ” ‘เพิ่งจะรู้ว่าชีวิตคุณหนูไม่ได้สบายอย่างที่คิดเลยแหะ’โซดายิ้มกว้างเหมือนตัวเองเป็นพี่เลี้ยงเด็กยังไม่รู้ เฮ้อ! ถ้าท่าทางจะเป็นคุณหนูตัวจริงแฮะ ทำเหมือนไม่เคยกินขนมสายไหม เธอเห็นเพื่อนสาวยืนจ้องที่ถังปั่นสายไหมด้วยใจจดจ่อ จึงแกล้งถอยหลังมาเล็กน้อยเพื่อจะได้ยืนคุยกับนายวุ่นวายได้สะดวกขึ้น“เรื่องวันนี้จะเอายังไง” เสียงทุ้มนุ่มถามเบา ๆ เจือความห่วงใยมากกว่าซ้ำเติม“ไม่รู้...คิดอะไรไม่ออก พี่ปกรณ์กับนายปลายศรเป็นคู่รักซึ่งเรื่องนี้ฉันยอมรับได้แต่...”“เขาไม่ใช่พี่ดุจตะวันของเธอ”“งานเขียนก็โดนขโมย”โซดาก้มหน้าเม้มปากแน่น จะอธิบายยังไงว่าความรู้สึกดี ๆ ในใจของเธอมันแตกสลายไปหมดแล้ว ถึงแม้ว่าการเป็น “เกย์”จะไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไร สำหรับเธอแล้วมันไม่ใช่เรื่องสำค
“โอ๊ย เจ็บ” โซดาทรุดตัวนั่ง ที่หัวเข่ามาเลือดซึมออกมา แต่เมื่อหันหลังไปเธอได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกอยู่ด้านหลังพอลุกขึ้นจะก้าวตามก็เจ็บแปลกขึ้นมา เธอคิดว่าตัวเองต้องถูกจับได้แล้วแน่ ๆ แต่จู่ ๆ ก็มีมือเล็ก ๆ มาดึงแขนฉุดร่างของเธอให้เข้าไปในห้องใกล้ทางเดิน มือเรียวบอกบางยกขึ้นทำท่าจุ๊ปากเป็นสัญญาณให้เงียบ เด็กสาวทั้งสองมองลอดประตูที่แง้มไว้เล็กน้อยเมื่อเห็นว่าร่างของผู้ที่ไล่ตามหายลับตาไปแล้ว อีกฝ่ายจึงหันมายิ้มหวานแบบฉบับคุณหนูไฮโซฯให้“เล่นซ่อนหากับใครเหรอโซดา”“แป้งร่ำ!” โซดาไม่รู้จะอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไง ได้แต่ทำหน้าอึกอักบอกอาการไม่ถูก“ไปแล้วล่ะโซดาหาทางออกจากที่นี่ก่อนเถอะ” นายผีวุ่นวายชะโงกหน้าทะลุบานประตูเข้าบอก“เอ่อ...ขอบใจมากแต่ฉันต้องรีบไปก่อนนะ” โซดากำลังจะลุกขึ้นแต่ก็เจ็บที่หัวเข่าจนตัวเซเกือบล้มลง มือของเธอยื่นไปจับโต๊ะเพื่อพยุงตัว แต่ก็ดันดึงเอากระดาษอะไรไม่รู้บนโต๊ะหล่นลงมาด้วย นายผีวุ่นวายช้อนแขนเข้ามาจะประคองจากด้านหลัง ทว่ามือของเขาก็ทะลุร่างเพรียวลมที่ล้มกลิ้งที่พื้นอีกครั้งอย่างหมดสวย แป้งร่ำรีบเข้าประคองโซดาก่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกร
เด็กสาวรูปร่างปราดเปรียวเดินเข้ามาในตึกบริษัท R&Mด้วยท่าทางมั่นใจต่างจากครั้งแรก ๆ ที่เธอมักจะมีอาการประหม่าและเกร็งจนเห็นได้ชัด อาจจะเป็นเพราะว่าระยะหลังที่เข้ามาส่งต้นฉบับเธอไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยว และที่สำคัญคล้ายว่ารอยยิ้มที่แต้มใบหน้าตลอดเวลานั้นเหมือนจะยิ้มให้ใครสักคนที่อยู่ใกล้ ๆ ไม่ห่างกาย “มาหาพี่ปกรณ์ค่ะ เอาต้นฉบับมาส่งโทรนัดแล้ว” โซดาเอ่ยกับประชาสัมพันธ์สาวสวยที่เคาน์เตอร์ด้วยความเคยชิน พนักงานคนหนึ่งยิ้มให้อย่างเป็นกันเองก่อนยื่นบัตรผ่านให้เด็กสาวเอามาติดที่อกเสื้อเช่นเคย “หนังสือของโซดาจะออกเมื่อไหร่ละจ๊ะ” “โอ๊ย อีกนานแหละค่ะ...หยอดเงินใส่กระปุกค่อยก่อนก็ยังได้เลย” เด็กสาววัยสิบเจ็ดยิ้มทะเล้นโบกมือลาก่อนเดินมารอลิฟต์ เธอยืนดูเงาตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกฝ้าติดกับลิฟต์ ใช้มือลูบผมที่รวบเป็นหางม้าด้านหลังให้เรียบร้อย ต่อให้พี่น้ำหวานสไตล์ลิสต์ส่วนตัวจับเธอแต่งตัวอย่างกับตุ๊กตาบาร์บี้ยังไง เธอก็ยังชอบใส่เสื้อยืดพอดีตัวสีพื้น ๆ กับกางเกงขายาวคุลมเข่าและรองเท้าผ้าใบเซอร์ ๆ อยู่ดี “