ยามปกติซ่งรั่วเจินจะทำยันต์คุ้มภัยไม่กี่ใบเผื่อไว้ใช้ในคราวจำเป็น แต่หลังจากได้เผชิญหน้ากับไต้ซือเทียนจี ความจำเป็นในการใช้ยันต์ก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเพื่อเลี่ยงไม่ให้ทุกคนถูกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว เวลาว่างนางจึงมักทำเผื่อเอาไว้ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามสามารถใช้ไอมรณะ ไม่แน่ว่าข้างกายอาจมีคนในสำนักเต๋าคอยช่วยเหลืออยู่ก็เป็นได้ ดังนั้นพกไปด้วยสามารถช่วยป้องกันเหตุไม่คาดฝันได้ฉู่จวินถิงพยักหน้า “รอข้ากลับมา”ซ่งหลินเห็นลูกสาวตนเองกับฉู่อ๋องมีท่าทางคุ้นเคยกันปานนี้ ในใจก็นึกสงสัยอย่างไม่อาจเลี่ยงควรรู้ว่าที่ผ่านมาลูกสาวตนเองแทบไม่เคยพบหน้าฉู่อ๋อง นอกจากนี้ ฉู่อ๋องมีนิสัยอย่างไร เขาอยู่ในกองทัพมานานปานนี้ย่อมรู้แจ่มแจ้งเป็นที่สุดคิดถึงว่าตอนแรกเขาก็เคยอยากให้ฉู่อ๋องเป็นลูกเขยของตัวเอง หากจนใจที่ฉู่อ๋องมีนิสัยเย็นชาเกินไป ทั้งยังไม่รู้จักรักหยกถนอมบุปผา กอปรกับยังมีฐานะสูงศักดิ์ ไม่เหมาะสมกันจริงๆ จึงเลิกล้มความคิดนั้นไป“อวี้เอ๋อร์ เจ้ามาเองก็แล้วไปเถอะ ทำไมถึงยังพาน้องสาวเจ้ามาด้วย?”“ตอนนี้นางออกเรือนไปแล้ว ไฉนหลินจือเยว่จึงไม่มา แต่กลับให้นางมาเสียอย่างนั้น?”ซ่งหลินมีสีหน้าไม่เข้าใ
นี่คือดาวหายนะตกสวรรค์แบบไหนกัน?สามารถบันดาลหายนะให้คนทั้งครอบครัวได้ขนาดนี้ จะร้ายกาจเกินไปแล้ว!เนื่องจากตอนมาคาดการณ์ไว้แล้วว่าซ่งหลินคงได้รับบาดเจ็บจึงเตรียมยารักษาอาการบาดเจ็บมาด้วย ซ่งรั่วเจินด้านหนึ่งช่วยทำแผลให้ซ่งหลิน ด้านหนึ่งก็ตอบคำถามเขาไปด้วย“ตอนนี้ท่านแม่สบายดีมากเจ้าค่ะ แค่เป็นห่วงความปลอดภัยของท่าน หวังให้ท่านกลับไปไวๆ”ซ่งหลินได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มออกมา “พวกเจ้าล้วนสบายดีก็ดีแล้ว”ซ่งจืออวี้ได้ยินถ้อยคำทอดถอนใจนั้นก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่พี่ใหญ่สองขาพิการ พี่รองตาบอดสองข้าง หากไม่มีน้องหญิงห้าอยู่ด้วย ตระกูลซ่งในตอนนี้คงยากจะบรรยายได้ด้วยถ้อยคำไม่กี่คำกล่าวถึงที่สุดแล้ว น้องหญิงห้าช่างเป็นดาวนำโชคของคนทั้งครอบครัวเสียจริงๆ!“ท่านพ่อ ตอนนี้พวกข้าตัดขาดกับตระกูลหลิ่วแล้วเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินพูดซ่งหลินเริ่มจากนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ต่อมาก็ขมวดคิ้วแน่น “พวกเขารังแกแม่เจ้าระหว่างที่ข้าไม่อยู่ใช่หรือไม่?”ซ่งรั่วเจินยิ้มบาง “เรื่องนี้ไว้ท่านกลับไปแล้วให้ท่านแม่ค่อยๆ เล่าให้ท่านฟังดีกว่าเจ้าค่ะ แต่ว่าตอนนี้พ่อตาของท่านคือราชครูกู้นะเจ้าคะ”“หมายความว่าอะไรรึ
ประจวบกับยามนั้นหลิงเชี่ยนเอ๋อร์สังเกตเห็นพลุสัญญาณที่ยิงขึ้นท้องฟ้าพอดี นี่เป็นสัญญาณระหว่างพวกนางโดยเฉพาะแม้ตอนกลางวันจะมองเห็นได้ไม่ชัดนัก แต่นางสามารถดูออกได้ในทันทีว่าพี่ใหญ่ตกอยู่ในอันตรายแล้วจริงๆ ตอนนี้คงกำลังถูกพวกฉู่จวินถิงตามล่าอยู่!ถ้าถูกจับตัวได้จริงๆ ทั้งตระกูลหลิงคงถึงคราวพินาศแล้ว!จะให้เป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด!หลิงเชี่ยนเอ๋อร์อยากรุดไปทันทีใจจะขาด แต่พอคิดถึงว่าฉู่เทียนเช่อยังอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกว่าช่างยุ่งยากโดยแท้“เช่ออ๋องเพคะ ดูจากข้อมูลที่สืบมาได้ พี่ใหญ่ของหม่อมฉันคงอยู่แถวนี้นี่เอง แต่ขอบเขตกินบริเวณกว้างเกินไป มิสู้พวกเราแยกกันตามหาดีกว่าเพคะ ทำแบบนี้จะได้เร็วขึ้นหน่อย” หลิงเชี่ยนเอ๋อร์เสนอขึ้นมาฉู่เทียนเช่อเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็ยิ่งไม่ปลอดภัยกว่าเดิมน่ะสิ? ข้าไปกับเจ้าดีกว่าจะได้วางใจได้บ้าง”“ถ้าจะต้องแยกกันตามหา ให้พวกเขาแยกย้ายไปก็ได้”หลิงเชี่ยนเอ๋อร์กำหมัดแน่น ฉู่เทียนเช่อผู้นี้เหมือนกอเอี๊ยะหนังสุนัขอย่างไรอย่างนั้น สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด!ถ้ายังสลัดไม่หลุดแบบนี้ต่อไป พวกนางก็จะไปไม่ทันแล้ว!“เช่ออ๋อง หม่อมฉันเป็นห่วงพี่ใหญ่ม
หลิงเชี่ยนเอ๋อร์พยักหน้าน้อยๆ “พี่ใหญ่ ท่านไปเปลี่ยนชุดจัดแจงตัวเองก่อน ข้าจะคอยเฝ้าอยู่ข้างนอก กันไม่ให้ใครเข้าใกล้”“ได้!”หลิงเชี่ยนเอ๋อร์ปิดประตูอารามร้าง ชั่วขณะที่เดินออกมาจากประตูก็บอกต่อผู้ใต้บังคับบัญชาว่า “ฆ่า!”ต่อจากนั้น เสียงกรีดร้องครั้งแล้วครั้งเล่าก็ดังมาจากภายในอาราม กลิ่นเลือดคาวคลุ้งฟุ้งไปในอากาศหลิงเหวินเทามองกระบี่คมกริบตรงทรวงอกของตัวเอง ดวงตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ไม่กล้าเชื่อว่าน้องสาวที่เขารักใคร่เอ็นดูปานนี้จะกล้าสังหารเขาด้วยตัวเอง“เชี่ยนเอ๋อร์ เจ้าทำกับข้าแบบนี้ได้อย่างไร?”“อย่าโทษข้า ถ้าจะโทษก็โทษที่ท่านมันใช้การไม่ได้เองเถอะ!”หลิงเชี่ยนเอ๋อร์แววตาเย็นชา “เรื่องเล็กแค่นี้ จนตอนนี้ท่านก็ยังทำไม่สำเร็จ ตอนนี้ฉู่อ๋องกับซ่งหลินสงสัยในตัวตนของท่านแล้ว ถ้าท่านไม่ตาย คนที่จะเดือดร้อนก็คือทุกคนในครอบครัว!”เลือดซึมออกมาจากมุมปากของหลิงเหวินเทา “ข้ายังมีโอกาสหนีไปได้อยู่ชัดๆ...”“ท่านหนีไปได้ ทั้งตระกูลหลิงก็จะต้องสงสัย มีเพียงท่านตายไปแล้วเท่านั้นจึงสามารถตัดปัญหาที่จะตามมาได้”น้ำเสียงหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ไม่สะทกสะท้าน หลิงเหวินเทาไม่กลับมาเสียที พวกนาง
ฉู่เทียนเช่อเห็นว่ามีศพมากมายขนาดนี้ จิตใจก็พลันหนักอึ้งไม่ต้องคิดก็รู้ว่านี่จะต้องเป็นเรื่องที่ตึงมืออย่างยิ่ง ถ้าเบื้องหลังไม่ได้ซุกซ่อนแผนร้ายที่ยิ่งใหญ่ไว้ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสังเวยชีวิตคนมากมายเช่นนี้คราวนี้ฉู่จวินถิงมาจัดการเรื่องอุทกภัยชัดๆ แต่กลับมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้คงตามสืบเรื่องนี้อย่างเป็นความลับมาโดยตลอดส่วนหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ นางตามหาพี่ใหญ่มาตลอด และยังมาปรากฏตัวที่นี่ เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สองทางข้อแรก หลิงเหวินเทากำลังตามสืบเรื่องนี้อยู่เช่นกัน แต่ถูกคนสังหารปิดปากข้อสอง หลิงเหวินเทาก็คือผู้อยู่เบื้องหลังที่ฉู่จวินถิงตามหาชั่วขณะที่ความคิดสองอย่างนี้ผุดขึ้นมา หัวใจฉู่เทียนเช่อพลันจมดิ่ง เห็นทีเรื่องราวเบื้องหลังตระกูลหลิงจะยุ่งยากกว่าที่เขารู้มาเสียแล้วก่อนหน้านี้หลิงเชี่ยนเอ๋อร์จงใจทิ้งเขาไว้ ตกลงแล้วเป็นการมาช่วยคนช้าไปก้าวหนึ่ง หรือเป็นการ...สังหารคนปิดปากกันแน่?“ท่านอ๋อง ท่านดูสิ่งนี้”อวิ๋นหยางส่งจดหมายที่ค้นเจอบนตัวหลิงเหวินเทามาให้ยามนี้จดหมายถูกเลือดย้อมจนแดงฉาน ฉู่จวินถิงอ่านเนื้อความด้านบน เขียนไว้ว่าเขาค้นพบว่าชาว
ฉู่เทียนเช่อเห็นหลิงเชี่ยนเอ๋อร์พลุ่งพล่านใจปานนี้ก็กล่าวว่า “แม่นางหลิง เจ้าอย่าโกรธไปเลย น้องสามแค่อยากสืบสวนให้กระจ่างเท่านั้น”หลิงเชี่ยนเอ๋อร์ได้สติคืนมา คล้ายกับตระหนักว่าตนเองเสียกิริยาไปจึงอธิบายว่า “ตอนข้ามาก็เห็นว่าพี่ใหญ่ส่งสัญญาณมาให้ เป็นสัญญาณที่พวกข้าเคยตกลงกันไว้ว่าจะใช้ในยามเผชิญหน้ากับอันตราย”“ที่ผ่านมาตอนอยู่ในสมรภูมิก็เคยใช้มาก่อน ข้าจึงจำได้ทันทีที่เห็น”ฉู่จวินถิงมองไปทางฉู่เทียนเช่อ “เสด็จพี่เห็นหรือไม่?”สีหน้าฉู่เทียนเช่อแข็งทื่อไป ก่อนหน้านี้เขาไม่สังเกตเห็นสัญญาณอะไรเลย“สัญญาณนั้นไม่ได้สะดุดตานักเพื่อเลี่ยงไม่ให้ศัตรูพบเห็น ตอนข้าเห็นก็ยังนึกสงสัย แต่ก็ยังรุดไปเผื่อว่าจะใช่”“ใครเลยจะคิดว่ายังช้าไปก้าวหนึ่ง พี่ใหญ่ข้าตายไปแล้ว ข้ากลับไปแล้วจะอธิบายต่อคนในครอบครัวอย่างไรดี!”หลิงเชี่ยนเอ๋อร์ร้องไห้สะอึกสะอื้น สุดท้ายก็เป็นลมหมดสติไปทั้งอย่างนั้นฉู่จวินถิงเห็นหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ล้มมาทางตนเองก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าว ขณะเดียวกันก็ดึงตัวฉู่เทียนเช่อมาทางนี้ฉู่เทียนเช่อประคองหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ที่หมดสติไป แล้วเหลือบมองฉู่จวินถิงอย่างอดไม่ได้ “?”“เสด็จพี่ ข้ายั
ซุนซวี่ได้ยินดังนั้น ก็เกาศีรษะอย่างเก้อเขิน “ท่านอย่าล้อข้าเล่นเลย แต่เสี่ยวหงจริงใจต่อข้า นางจะต้องรอข้ากลับไปเป็นแน่” ซ่งรั่วเจินเพิ่งจะได้ยินบิดาชมเชยซุนซวี่มาเช่นกัน นางหันสายตาไปมอง สีหน้าก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดขึ้นมาทันที “แม่นางซ่ง ท่านมองข้าเช่นนี้เพราะเหตุอันใด? คงมิได้มีเรื่องไม่ดีหรอกใช่หรือไม่?” ก่อนหน้านี้ ซุนซวี่เห็นซ่งรั่วเจินมอบเครื่องรางนำโชคกองหนึ่งให้แก่ฉู่อ๋อง อีกทั้งยังได้ยินซ่งจืออวี้กล่าวว่านางเชี่ยวชาญศาสตร์ลี้ลับ จึงรู้สึกชื่นชมอยู่ในใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ในเวลานี้ เมื่อเห็นว่านางมองตนด้วยสายตาแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง เขาก็พลันวิตกขึ้นมาทันที“คุณชายซุน หากท่านเชื่อข้า ก็จงฟังคำเตือนของข้าสักคำเถิด หลังจากที่กลับไปแล้วจงยกเลิกการแต่งงานเสีย” ทันทีที่คำพูดนี้ถูกกล่าวออกมา ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นต่างชะงักงันไปชั่วขณะ ดวงตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง “เจินเอ๋อร์ ที่เจ้าพูดหมายความว่าอย่างไร? อยู่ดี ๆ เหตุใดจึงต้องยกเลิกการแต่งงาน?” ซุนซวี่พยักหน้ารัว ๆ “แม่นางซ่ง ท่านช่วยกล่าวให้ชัดเจนสักหน่อยได้หรือไม่? นี่มันเพราะอะไรหรือ?”
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ตอนนี้เสี่ยวหงเพิ่งตั้งครรภ์ได้ไม่นาน หากซุนซวี่กลับไปในครั้งนี้ ข้ากังวลว่าพวกเขาอาจฉวยโอกาสให้ทั้งสองต้องแต่งงานกันโดยไม่มีทางเลือก เมื่อถึงตอนนั้น เด็กก็จะกลายเป็นลูกของเขาไปโดยปริยาย” “หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น ข้าอาจจะมิพูดมากเช่นนี้ แต่ที่เขาต้องกลับบ้านล่าช้าก็เพราะท่าน ข้ากลัวว่าหลังจากที่เขากลับไปแล้ว จะจะต้องแบกรับความอยุติธรรมนี้โดยที่ไม่อาจปริปากพูดอะไรได้” ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าใครก็คงไม่อยากให้บนศีรษะของตนมีเขาสวมอยู่หรอก ซุนซวี่ลำบากตรากตรำมามากมายในสนามรบ เมื่อกลับไปแล้ว ในที่สุดเขาก็จะสามารถเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้ากองพัน อนาคตข้างหน้าของเขาช่างสดใสนัก จะให้เขาต้องเสียโอกาสเพราะเรื่องภายในบ้านเช่นนี้ไม่ได้ นั่นมันช่างน่าเสียดายจริง ๆ “ซุนซวี่ เจ้าอย่าได้ทำอะไรโง่ ๆ นะ เรื่องนี้ฟังแล้วมันน่าหงุดหงิดก็จริง แต่ในโลกนี้ดอกไม้งามมีถมไป ไยต้องหลงใหลอยู่เพียงดอกเดียว?” “หากเจ้าอยากแต่งงาน ข้าจะแนะนำสตรีให้เจ้านางหนึ่ง ไม่น้อยหน้าไปกว่าว่าที่ภรรยาของเจ้าเป็นแน่!” ฉีอู่ตบไหล่ซุนซวี่พลางพูดขึ้น เมื่อได้ยินเรื่องเช่นนี้อย่างกะทัน
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที
เมื่อเห็นกู้ฮวนเอ๋อร์ภาคภูมิใจเช่นนี้ ซ่งรั่วเจินและคนอื่น ๆ ก็อดมิได้ที่จะสงสัยใคร่รู้ ว่าของล้ำค่าที่ว่าคือสิ่งใดกันแน่? “ผ่าม!” กู้ฮวนเอ๋อร์เปิดกล่องผ้าไหมออกด้วยความตื่นเต้นยิ่ง แต่ทว่าหลังจากที่ทุกคนในงานเห็นของในกล่องผ้าไหมแล้ว ล้วนนิ่งงันไปทันที เนื่องด้วยในกล่องนั้นมีเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรอยู่องค์หนึ่ง! “แค่กๆ” ฉู่อวิ๋นกุยกระแอมครั้งหนึ่ง แต่ใบหน้ากลับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ สตรีที่เขาชอบนั้น ช่างเป็นคนที่ชาญฉลาดนัก! ซ่งรั่วเจินพลันมองไปทางฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว ใบหน้ากลับเห่อแดงขึ้นมา แววตาของฉู่จวินถิงปรากฏแววขบขันวาบผ่าน ของขวัญชิ้นนี้ช่างมีความหมายยิ่งนัก กู้ฮวนเอ๋อร์เห็นว่าหลังจากที่ตนหยิบของขวัญออกมาแล้ว ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น ”นี่มันสีหน้าอะไรของพวกเจ้ากัน? หรือว่าไม่ดีงั้นหรือ?“ “เจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรองค์นี้ ข้าไปกราบขอมาโดยเฉพาะ ผ่านพิธีปลุกเสก ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก!” ซ่งรั่วเจิน “...” หลายครั้งนางเองก็นับถือกู้ฮวนเอ๋อร์จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่อายุน้อยขนาดนี้ แต่ความคิดที่จะมอบของขวัญให้กลับเหมือนค
ณ เวลาเดียวกันนั้น อวิ๋นเนี่ยนชูก็ได้มาหาซ่งรั่วเจินเช่นกัน “รั่วเจิน ยินดีกับเจ้าด้วยนะ ข้าเองก็เห็นเหตุการณ์ในงานเทศกาลโคมไฟแล้ว เดิมทีอยากจะไปแสดงความยินดีกับเจ้าอยู่หรอก แต่หลังจากนั้นเกิดเรื่องบางอย่างทำให้ล่าช้าไป จึงต้องมามอบของขวัญแสดงความยินดีในวันนี้” อวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มพลางยื่นของขวัญแสดงความยินดีไปให้ “นี่คือของสิ่งนี้ข้าเตรียมไว้แต่เนิ่น ๆ แล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนดีจริง ๆ เมื่อพวกเจ้าได้แต่งงานกันแล้วจักต้องครองรักกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข จนผู้คนรอบข้างพากันริษยาแน่นอน” ซ่งรั่วเจินมองดูอวิ๋นเนี่ยนชูเปิดกล่องผ้าไหมออก ภายในบรรจุเครื่องประดับศีรษะของสตรีครบชุด เครื่องตกแต่งอื่น ๆ ไปจนถึงเครื่องประทินโฉม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด “ของมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ดูแล้วครบชุดเลย เจ้าให้จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะหรือ?” “ใช่แล้ว!” อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้าพลางยิ้ม “แต่ก่อนข้าครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าควรจะมอบสิ่งใดให้เจ้าเป็นของขวัญดี แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีสิ่งที่เหมาะสมที่สุดได้เลย” “หลังจากนั้น ข้าก็คิดว่า สิ่งที่สตรีมักจะใช้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวันก็มิพ้นเคร
เมื่อได้ฟังสิ่งที่จางเหวินพูด กู้หรูเยียนกับเยี่ยนชิงอวี้ต่างก็อดมิได้ที่จะตกตะลึง ตั้งแต่เมื่อเริ่มรู้จักความรักครั้งแรกก็ชอบพอเฉิงเจ๋อ ถ้าอย่างนั้น ก็ชอบพอหลายปีจริง ๆ พวกเขากลับมิรู้มาโดยตลอด คิดดูแล้ว ในใจเด็กทั้งสองคงมีสิ่งที่เก็บกลั้นไว้อยู่ “จะว่าไป ก็ต้องโทษที่ก่อนหน้านี้ที่ข้ามิได้ใส่ใจให้ดีนัก เอาแต่ให้เฉิงเจ๋อคอยดูแลน้องสาวให้ดี” “เนี่ยนชูชอบตามติดอยู่ข้างกายเฉิงเจ๋อมาตั้งแต่เล็ก ทุกครั้งที่เฉิงเจ๋อกลับจากสำนักศึกษา เป็นเวลาที่นางมักดีใจเป็นที่สุด ข้าก็นึกว่าเป็นเพียงความรักฉันพี่น้องมาโดยตลอด” “มาตรองดูดี ๆ แล้ว ตอนนั้นข้าก็ควรพบความผิดแผกได้ หากเป็นเพียงพี่น้องธรรมดา เหตุใดเด็กทั้งสองจึงมิยอมแต่งงานจนถึงตอนนี้?” จางเหวินยิ่งเอ่ยก็ยิ่งปวดใจ เมื่อนึกถึงคราวก่อนที่อนุอวิ๋นยังหมายจะยกอวิ๋นซีหว่านที่ยังไม่ได้แต่งงานให้แก่เฉิงเจ๋อ เกรงว่าตอนนั้น หัวใจของเด็กทั้งสองคงรวดร้าวมิใช่น้อย ถึงขั้นที่ เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นในตอนนั้น นางยังเคยกล่าวกับเฉิงเจ๋อด้วยว่า เรื่องนี้ช่างน่าขันเสียจริง นางมองเขาเป็นดั่งบุตรชายแท้ ๆ มาโดยตลอด อนาคตจะต้องเลือกคู่ค
“พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ายังจะเกรงใจข้าอีกหรือ? ที่ข้ามานี้ มิใช่เพียงเพื่อช่วยรั่วเจินเตรียมงานแต่งเท่านั้น อีกทั้งยังได้เห็นหน้าชิงอินด้วย ช่างเป็นเรื่องดีเสียจริง” ขณะที่กู้หรูเยียนและเยี่ยนชิงอวี้กำลังสนทนาหยอกเย้ากันอยู่นั้น ก็พลันสังเกตเห็นว่าจางเหวินราวกับเหม่อลอยอยู่ไม่น้อย “หรือว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ? เหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีเหม่อลอยเช่นนี้?” กู้หรูเยียนเอ่ยถาม จางเหวินจึงได้คืนสติ ในใจของนางล้วนมีแต่เรื่องของเนี่ยนชูกับเฉิงเจ๋อ จนเผลอใจลอยไปโดยไม่รู้ตัว “ข้า...” นางเหมือนจะเอื้อนเอ่ย แต่กลับชะงักไป เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “เจ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกพวกเราได้งั้นหรือ? บอกมาตามตรงเถิด” “ที่อนุอวิ๋นพูดมามิผิดเลย ระหว่างเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อต่างก็มีใจให้กัน” จางเหวินทอดถอนใจครั้งหนี่ง เมื่อนึกถึงภาพที่นางได้เห็นเมื่อวานยามกลับจวน เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเฉิงเจ๋อในสภาพเช่นนั้น บทสนทนาของทั้งสอง นางก็พลอยได้ยินไปด้วย นางจึงได้รู้ว่าที่แท้เนียนชู่ชอบพอเฉิงเจ๋อมาหลายปีเพียงนี้ ในฐานะมารดาเช่นนาง นางคิดว่าตนใส่ใจบุตรเป็นอย่าง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น นางกำนัลในตำหนักจงเฟยก็พลันเข้ามา“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” นางกำนัลก้มกายคำนับด้วยท่าทางเคารพนบนอบ แต่ในมือกลับถือเซียนบุปผาเอาไว้หนึ่งองค์ “แม่นางของบ่าว ให้บ่าวนำเซียนบุปผามาให้ฮองเฮา ขอเพียงทรงบูชาด้วยใจที่ตั้งมั่น ก็จะสามารถเปล่งปลั่งผุดผ่อง ทำให้เยาว์วัยตราบนานเท่านาน” เมื่อวาจาถูกเปล่งออกมาเช่นนั้น ฮองเฮาและลู่หมิ่นฮุ่ย ต่างพินิจพิจารณาเซียนบุปผาที่อยู่ตรงหน้า ต้องบอกเลยว่ารูปปั้นนี้ถูกทำขึ้นได้สมจริงยิ่งนัก เซียนบุปผานั้นก็งามวิจิตรด้วยรูปลักษณ์อันเย้ายวนตา “นี่มันเซียนบุปผาอะไรกัน? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” แววตาของฮองเฮาปรากฏแววประหลาดใจวาบหนึ่ง ในใจกับยิ่งรู้สึกสงสัย จงเฟยมีน้ำใจงามถึงเพียงนี้เชียวหรือ จึงยอมมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่นาง? นางสนมวังหลัง ต่างกำลังช่วงชิงแข่งขัน หวังเพียงให้ตนสามารถงามล้ำกว่าผู้อื่น เพื่อที่ฮ่องเต้จะได้ต้องตาในคราแรกเห็น จงเฟยในวันนี้ผุดผ่องไปทั้งตัวยิ่งกว่าทุกวัน แค่ฮ่องเต้ได้เห็น ราตรีนี้ย่อมต้องพลิกป้ายชื่อของนางเป็นแน่ หากความลับที่ทำให้จงเฟยงดงามขึ้นเป็นเพราะการบูชาเซียนบุปผ
นับตั้งแต่แต่งงานกันเป็นต้นมา ท่านอ๋องก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังจากแต่งงานแล้ว นั่นยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยฮองเฮามองแหวนบนมือลู่หมิ่นฮุ่ยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านอ๋องของเจ้าดีต่อเจ้ามากมาแต่ไหนแต่ไร ส่งของขวัญมาให้รวดเร็วปานนี้ ข้าได้ยินมาว่าแหวนในร้านขายเครื่องประดับทั่วเมืองหลวงถูกขายหมดเกลี้ยงแล้ว เมื่อก่อนหาได้ขายดีเท่าปิ่นปักผมไม่”“ไม่รู้ว่าจวินถิงคิดวิธีแปลกใหม่เช่นนี้ได้อย่างไร แต่ข้าแค่ได้ยินก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนเป็นคู่สร้างคู่สมโดยแท้ ช่างชวนให้คนอิจฉานัก”ลู่หมิ่นฮุ่ยดื่มชาจิบหนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “พี่หญิง ยามนี้ท่านคิดตกแล้วช่างดีเหลือเกิน ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่ไทเฮาทรงทราบว่าฝ่าบาทพระราชทานสมรส ยังให้คนนำของพระราชทานไปส่งที่สกุลซ่งไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่าโปรดปรานแม่นางซ่งมาก”ฮองเฮาพยักหน้าน้อยๆ วันนี้ตอนที่นางได้ยินข่าวนี้ก็มีความคิดแบบเดียวกัน ความโปรดปรานที่ไทเฮามีต่อซ่งรั่วเจินช่างชวนให้คนประหลาดใจโดยแท้แต่สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นข่าวดียิ่งโดยไม่ต้องสงสัย“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าแม่นางสกุลหลิงผู้นั้นหมู่นี้ใกล้ชิดกับเช่ออ๋องมากทีเดียว คน
“ก่อนแต่งงานเขาสามารถคิดวิธีการนี้ออกมาได้ หลังแต่งงานก็ย่อมสามารถคิดวิธีอื่นออกมาได้เหมือนกัน เขาย่อมจะมีวิธีแก้ไข”ซ่งหลินมองไปทางกู้หรูเยียน “คิดถึงสมัยที่แม่ข้ายังอยู่ ข้าก็จัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”กู้หรูเยียนอึ้งไป คิดถึงเมื่อครั้งที่แม่สามียังอยู่ ระหว่างนางกับแม่สามีก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีความขัดแย้งอันใด ทุกครั้งซ่งหลินล้วนจัดการได้ดีมากตอนเริ่มแรก นางเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเพราะแม่สามีนิสัยดี รู้สถานการณ์ที่นางอยู่ในตระกูลหลิ่วแล้วยังยินดียอมรับนางอย่างไรเสีย รูปแบบการทำเรื่องต่างๆ ของตระกูลหลิ่วหลายปีมานี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ดื้อด้านไร้เหตุผล ชอบมาหาผลประโยชน์จากตระกูลซ่ง นางรู้สึกละอายใจต่อตระกูลซ่งมาโดยตลอดโชคดีที่ทั้งแม่สามีและพ่อสามีล้วนไม่เคยตำหนินางเพราะเรื่องนี้ นางย่อมเข้าใจว่าในเรื่องนี้ย่อมขาดความชอบของซ่งหลินไปไม่ได้เลย“ตอนนั้นท่านโน้มน้าวแม่สามีอย่างไรหรือ?” กู้หรูเยียนถามอย่างสงสัยตอนนั้นนางกังวลใจไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ทุกครั้งที่ซ่งหลินบอกนางว่าไม่เป็นไร พ่อสามีและแม่สามีจิตใจกว้างขวาง ไม่เคยเก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ แต่กลับเห็นใจนางเป
“เมื่อวานข้าได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ การจัดเตรียมแสนอลังการแบบนี้ ไม่เพียงแค่ไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความจริงใจของฉู่อ๋อง”“ตอนที่ข้าเห็นฉู่อ๋องเป็นฝ่ายถามแม่นางซ่งว่ายินดีแต่งงานกับเขาหรือไม่ก็รู้สึกว่าถ้าบุรุษในใต้หล้าเป็นเหมือนเขากันทุกคนก็คงดี”“ไม่รู้ว่าการมอบแหวนมีความหมายพิเศษอันใดหรือไม่? ตอนข้าเห็นฉู่อ๋องสวมแหวนให้แม่นางซ่งก็รู้สึกว่าพิเศษเอามากๆ วันหน้าตอนข้าแต่งงานก็อยากทำเช่นนี้เหมือนกัน”ทันใดนั้น แหวนในร้านขายเครื่องประดับก็กลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด ตั้งแต่เมื่อคืนวานจนถึงเช้าวันนี้ แหวนทั้งหมดล้วนขายไปจนหมดเกลี้ยงขณะที่เวลานี้จวนสกุลซ่งเพิ่งได้รับราชโองการพระราชทานสมรส“ยินดีด้วย แม่ทัพซ่ง ซ่งฮูหยิน วันที่แปดเดือนหน้าเป็นวันดี หลังแต่งงานแล้ว แม่นางซ่งก็จะกลายเป็นพระชายาฉู่อ๋อง”ขันทีที่อัญเชิญราชโองการมามีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ตำแหน่งพระชายาฉู่อ๋องว่างเว้นมานานมากแล้ว ฉู่อ๋องควรแต่งงานตั้งแต่หลายปีก่อน แต่ก็ผัดผ่อนมาจนถึงตอนนี้บัดนี้ในที่สุดก็มีว่าที่พระชายาฉู่อ๋องเสียที ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองโดยแท้“เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของพระราชทานจากในวัง ไม่เพ