นี่คือดาวหายนะตกสวรรค์แบบไหนกัน?สามารถบันดาลหายนะให้คนทั้งครอบครัวได้ขนาดนี้ จะร้ายกาจเกินไปแล้ว!เนื่องจากตอนมาคาดการณ์ไว้แล้วว่าซ่งหลินคงได้รับบาดเจ็บจึงเตรียมยารักษาอาการบาดเจ็บมาด้วย ซ่งรั่วเจินด้านหนึ่งช่วยทำแผลให้ซ่งหลิน ด้านหนึ่งก็ตอบคำถามเขาไปด้วย“ตอนนี้ท่านแม่สบายดีมากเจ้าค่ะ แค่เป็นห่วงความปลอดภัยของท่าน หวังให้ท่านกลับไปไวๆ”ซ่งหลินได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มออกมา “พวกเจ้าล้วนสบายดีก็ดีแล้ว”ซ่งจืออวี้ได้ยินถ้อยคำทอดถอนใจนั้นก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่พี่ใหญ่สองขาพิการ พี่รองตาบอดสองข้าง หากไม่มีน้องหญิงห้าอยู่ด้วย ตระกูลซ่งในตอนนี้คงยากจะบรรยายได้ด้วยถ้อยคำไม่กี่คำกล่าวถึงที่สุดแล้ว น้องหญิงห้าช่างเป็นดาวนำโชคของคนทั้งครอบครัวเสียจริงๆ!“ท่านพ่อ ตอนนี้พวกข้าตัดขาดกับตระกูลหลิ่วแล้วเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินพูดซ่งหลินเริ่มจากนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ต่อมาก็ขมวดคิ้วแน่น “พวกเขารังแกแม่เจ้าระหว่างที่ข้าไม่อยู่ใช่หรือไม่?”ซ่งรั่วเจินยิ้มบาง “เรื่องนี้ไว้ท่านกลับไปแล้วให้ท่านแม่ค่อยๆ เล่าให้ท่านฟังดีกว่าเจ้าค่ะ แต่ว่าตอนนี้พ่อตาของท่านคือราชครูกู้นะเจ้าคะ”“หมายความว่าอะไรรึ
ประจวบกับยามนั้นหลิงเชี่ยนเอ๋อร์สังเกตเห็นพลุสัญญาณที่ยิงขึ้นท้องฟ้าพอดี นี่เป็นสัญญาณระหว่างพวกนางโดยเฉพาะแม้ตอนกลางวันจะมองเห็นได้ไม่ชัดนัก แต่นางสามารถดูออกได้ในทันทีว่าพี่ใหญ่ตกอยู่ในอันตรายแล้วจริงๆ ตอนนี้คงกำลังถูกพวกฉู่จวินถิงตามล่าอยู่!ถ้าถูกจับตัวได้จริงๆ ทั้งตระกูลหลิงคงถึงคราวพินาศแล้ว!จะให้เป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด!หลิงเชี่ยนเอ๋อร์อยากรุดไปทันทีใจจะขาด แต่พอคิดถึงว่าฉู่เทียนเช่อยังอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกว่าช่างยุ่งยากโดยแท้“เช่ออ๋องเพคะ ดูจากข้อมูลที่สืบมาได้ พี่ใหญ่ของหม่อมฉันคงอยู่แถวนี้นี่เอง แต่ขอบเขตกินบริเวณกว้างเกินไป มิสู้พวกเราแยกกันตามหาดีกว่าเพคะ ทำแบบนี้จะได้เร็วขึ้นหน่อย” หลิงเชี่ยนเอ๋อร์เสนอขึ้นมาฉู่เทียนเช่อเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็ยิ่งไม่ปลอดภัยกว่าเดิมน่ะสิ? ข้าไปกับเจ้าดีกว่าจะได้วางใจได้บ้าง”“ถ้าจะต้องแยกกันตามหา ให้พวกเขาแยกย้ายไปก็ได้”หลิงเชี่ยนเอ๋อร์กำหมัดแน่น ฉู่เทียนเช่อผู้นี้เหมือนกอเอี๊ยะหนังสุนัขอย่างไรอย่างนั้น สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด!ถ้ายังสลัดไม่หลุดแบบนี้ต่อไป พวกนางก็จะไปไม่ทันแล้ว!“เช่ออ๋อง หม่อมฉันเป็นห่วงพี่ใหญ่ม
หลิงเชี่ยนเอ๋อร์พยักหน้าน้อยๆ “พี่ใหญ่ ท่านไปเปลี่ยนชุดจัดแจงตัวเองก่อน ข้าจะคอยเฝ้าอยู่ข้างนอก กันไม่ให้ใครเข้าใกล้”“ได้!”หลิงเชี่ยนเอ๋อร์ปิดประตูอารามร้าง ชั่วขณะที่เดินออกมาจากประตูก็บอกต่อผู้ใต้บังคับบัญชาว่า “ฆ่า!”ต่อจากนั้น เสียงกรีดร้องครั้งแล้วครั้งเล่าก็ดังมาจากภายในอาราม กลิ่นเลือดคาวคลุ้งฟุ้งไปในอากาศหลิงเหวินเทามองกระบี่คมกริบตรงทรวงอกของตัวเอง ดวงตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ไม่กล้าเชื่อว่าน้องสาวที่เขารักใคร่เอ็นดูปานนี้จะกล้าสังหารเขาด้วยตัวเอง“เชี่ยนเอ๋อร์ เจ้าทำกับข้าแบบนี้ได้อย่างไร?”“อย่าโทษข้า ถ้าจะโทษก็โทษที่ท่านมันใช้การไม่ได้เองเถอะ!”หลิงเชี่ยนเอ๋อร์แววตาเย็นชา “เรื่องเล็กแค่นี้ จนตอนนี้ท่านก็ยังทำไม่สำเร็จ ตอนนี้ฉู่อ๋องกับซ่งหลินสงสัยในตัวตนของท่านแล้ว ถ้าท่านไม่ตาย คนที่จะเดือดร้อนก็คือทุกคนในครอบครัว!”เลือดซึมออกมาจากมุมปากของหลิงเหวินเทา “ข้ายังมีโอกาสหนีไปได้อยู่ชัดๆ...”“ท่านหนีไปได้ ทั้งตระกูลหลิงก็จะต้องสงสัย มีเพียงท่านตายไปแล้วเท่านั้นจึงสามารถตัดปัญหาที่จะตามมาได้”น้ำเสียงหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ไม่สะทกสะท้าน หลิงเหวินเทาไม่กลับมาเสียที พวกนาง
ฉู่เทียนเช่อเห็นว่ามีศพมากมายขนาดนี้ จิตใจก็พลันหนักอึ้งไม่ต้องคิดก็รู้ว่านี่จะต้องเป็นเรื่องที่ตึงมืออย่างยิ่ง ถ้าเบื้องหลังไม่ได้ซุกซ่อนแผนร้ายที่ยิ่งใหญ่ไว้ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสังเวยชีวิตคนมากมายเช่นนี้คราวนี้ฉู่จวินถิงมาจัดการเรื่องอุทกภัยชัดๆ แต่กลับมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้คงตามสืบเรื่องนี้อย่างเป็นความลับมาโดยตลอดส่วนหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ นางตามหาพี่ใหญ่มาตลอด และยังมาปรากฏตัวที่นี่ เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สองทางข้อแรก หลิงเหวินเทากำลังตามสืบเรื่องนี้อยู่เช่นกัน แต่ถูกคนสังหารปิดปากข้อสอง หลิงเหวินเทาก็คือผู้อยู่เบื้องหลังที่ฉู่จวินถิงตามหาชั่วขณะที่ความคิดสองอย่างนี้ผุดขึ้นมา หัวใจฉู่เทียนเช่อพลันจมดิ่ง เห็นทีเรื่องราวเบื้องหลังตระกูลหลิงจะยุ่งยากกว่าที่เขารู้มาเสียแล้วก่อนหน้านี้หลิงเชี่ยนเอ๋อร์จงใจทิ้งเขาไว้ ตกลงแล้วเป็นการมาช่วยคนช้าไปก้าวหนึ่ง หรือเป็นการ...สังหารคนปิดปากกันแน่?“ท่านอ๋อง ท่านดูสิ่งนี้”อวิ๋นหยางส่งจดหมายที่ค้นเจอบนตัวหลิงเหวินเทามาให้ยามนี้จดหมายถูกเลือดย้อมจนแดงฉาน ฉู่จวินถิงอ่านเนื้อความด้านบน เขียนไว้ว่าเขาค้นพบว่าชาว
ฉู่เทียนเช่อเห็นหลิงเชี่ยนเอ๋อร์พลุ่งพล่านใจปานนี้ก็กล่าวว่า “แม่นางหลิง เจ้าอย่าโกรธไปเลย น้องสามแค่อยากสืบสวนให้กระจ่างเท่านั้น”หลิงเชี่ยนเอ๋อร์ได้สติคืนมา คล้ายกับตระหนักว่าตนเองเสียกิริยาไปจึงอธิบายว่า “ตอนข้ามาก็เห็นว่าพี่ใหญ่ส่งสัญญาณมาให้ เป็นสัญญาณที่พวกข้าเคยตกลงกันไว้ว่าจะใช้ในยามเผชิญหน้ากับอันตราย”“ที่ผ่านมาตอนอยู่ในสมรภูมิก็เคยใช้มาก่อน ข้าจึงจำได้ทันทีที่เห็น”ฉู่จวินถิงมองไปทางฉู่เทียนเช่อ “เสด็จพี่เห็นหรือไม่?”สีหน้าฉู่เทียนเช่อแข็งทื่อไป ก่อนหน้านี้เขาไม่สังเกตเห็นสัญญาณอะไรเลย“สัญญาณนั้นไม่ได้สะดุดตานักเพื่อเลี่ยงไม่ให้ศัตรูพบเห็น ตอนข้าเห็นก็ยังนึกสงสัย แต่ก็ยังรุดไปเผื่อว่าจะใช่”“ใครเลยจะคิดว่ายังช้าไปก้าวหนึ่ง พี่ใหญ่ข้าตายไปแล้ว ข้ากลับไปแล้วจะอธิบายต่อคนในครอบครัวอย่างไรดี!”หลิงเชี่ยนเอ๋อร์ร้องไห้สะอึกสะอื้น สุดท้ายก็เป็นลมหมดสติไปทั้งอย่างนั้นฉู่จวินถิงเห็นหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ล้มมาทางตนเองก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าว ขณะเดียวกันก็ดึงตัวฉู่เทียนเช่อมาทางนี้ฉู่เทียนเช่อประคองหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ที่หมดสติไป แล้วเหลือบมองฉู่จวินถิงอย่างอดไม่ได้ “?”“เสด็จพี่ ข้ายั
ซุนซวี่ได้ยินดังนั้น ก็เกาศีรษะอย่างเก้อเขิน “ท่านอย่าล้อข้าเล่นเลย แต่เสี่ยวหงจริงใจต่อข้า นางจะต้องรอข้ากลับไปเป็นแน่” ซ่งรั่วเจินเพิ่งจะได้ยินบิดาชมเชยซุนซวี่มาเช่นกัน นางหันสายตาไปมอง สีหน้าก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดขึ้นมาทันที “แม่นางซ่ง ท่านมองข้าเช่นนี้เพราะเหตุอันใด? คงมิได้มีเรื่องไม่ดีหรอกใช่หรือไม่?” ก่อนหน้านี้ ซุนซวี่เห็นซ่งรั่วเจินมอบเครื่องรางนำโชคกองหนึ่งให้แก่ฉู่อ๋อง อีกทั้งยังได้ยินซ่งจืออวี้กล่าวว่านางเชี่ยวชาญศาสตร์ลี้ลับ จึงรู้สึกชื่นชมอยู่ในใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ในเวลานี้ เมื่อเห็นว่านางมองตนด้วยสายตาแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง เขาก็พลันวิตกขึ้นมาทันที“คุณชายซุน หากท่านเชื่อข้า ก็จงฟังคำเตือนของข้าสักคำเถิด หลังจากที่กลับไปแล้วจงยกเลิกการแต่งงานเสีย” ทันทีที่คำพูดนี้ถูกกล่าวออกมา ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นต่างชะงักงันไปชั่วขณะ ดวงตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง “เจินเอ๋อร์ ที่เจ้าพูดหมายความว่าอย่างไร? อยู่ดี ๆ เหตุใดจึงต้องยกเลิกการแต่งงาน?” ซุนซวี่พยักหน้ารัว ๆ “แม่นางซ่ง ท่านช่วยกล่าวให้ชัดเจนสักหน่อยได้หรือไม่? นี่มันเพราะอะไรหรือ?”
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ตอนนี้เสี่ยวหงเพิ่งตั้งครรภ์ได้ไม่นาน หากซุนซวี่กลับไปในครั้งนี้ ข้ากังวลว่าพวกเขาอาจฉวยโอกาสให้ทั้งสองต้องแต่งงานกันโดยไม่มีทางเลือก เมื่อถึงตอนนั้น เด็กก็จะกลายเป็นลูกของเขาไปโดยปริยาย” “หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น ข้าอาจจะมิพูดมากเช่นนี้ แต่ที่เขาต้องกลับบ้านล่าช้าก็เพราะท่าน ข้ากลัวว่าหลังจากที่เขากลับไปแล้ว จะจะต้องแบกรับความอยุติธรรมนี้โดยที่ไม่อาจปริปากพูดอะไรได้” ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าใครก็คงไม่อยากให้บนศีรษะของตนมีเขาสวมอยู่หรอก ซุนซวี่ลำบากตรากตรำมามากมายในสนามรบ เมื่อกลับไปแล้ว ในที่สุดเขาก็จะสามารถเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้ากองพัน อนาคตข้างหน้าของเขาช่างสดใสนัก จะให้เขาต้องเสียโอกาสเพราะเรื่องภายในบ้านเช่นนี้ไม่ได้ นั่นมันช่างน่าเสียดายจริง ๆ “ซุนซวี่ เจ้าอย่าได้ทำอะไรโง่ ๆ นะ เรื่องนี้ฟังแล้วมันน่าหงุดหงิดก็จริง แต่ในโลกนี้ดอกไม้งามมีถมไป ไยต้องหลงใหลอยู่เพียงดอกเดียว?” “หากเจ้าอยากแต่งงาน ข้าจะแนะนำสตรีให้เจ้านางหนึ่ง ไม่น้อยหน้าไปกว่าว่าที่ภรรยาของเจ้าเป็นแน่!” ฉีอู่ตบไหล่ซุนซวี่พลางพูดขึ้น เมื่อได้ยินเรื่องเช่นนี้อย่างกะทัน
เมื่อฉู่จวินถิงและพวกกลับมา ซ่งรั่วเจินก็เห็นได้ทันทีว่าสภาพของพวกเขาดูแปลกไป หรือว่าพวกเขาจับตัวคนไม่ได้? “คนหนีไปแล้วหรือ?” ฉู่จวินถิงส่ายหน้า “จับตัวได้แล้ว แต่ตายหมดแล้ว” “ตายหมดแล้ว?” ทันทีที่ทุกคนได้ยินเช่นนั้น ดวงตาก็พลันเต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างหนัก คนผู้นี้ก่อเรื่องเลวร้ายมามากมาย ต้องถูกกำจัดให้สิ้นซากเท่านั้น ฉู่อ๋องย่อมรู้ดียิ่งถึงขอบเขตในเรื่องนี้ เหตุใดจึงไม่เหลือให้รอดแม้แต่คนเดียว? “เมื่อพวกเรามาถึง ทุกคนก็ตายหมดแล้ว เสด็จพี่มาถึงเร็วกว่าเล็กน้อย ในขณะนั้น หลิงเชี่ยนเอ๋อร์กำลังกอดศพของหลิงเหวินเทาและร้องไห้อยู่” ฉู่จวินถิงมีแววตาซับซ้อน ในสายตาของเขา เรื่องนี้คือการฆ่าปิดปาก แต่หลิงเชี่ยนเอ๋อร์จะสามารถลงมือฆ่าพี่ชายแท้ ๆ ของตนเอง เพียงเพื่อไม่ให้ข้อมูลรั่วไหลได้จริงหรือ? หากเป็นเช่นนั้นจริง จิตใจของสตรีนางนี้ก็น่ากลัวเกินไปแล้ว! มิใช่ว่าเขาดูแคลนสตรี แต่การลงมือสังหารพี่น้องร่วมสายเลือดด้วยมือตนเอง แม้แต่บุรุษก็คงลำบากใจที่จะกระทำได้ แต่ทว่าหลิงเชี่ยนเอ๋อร์กลับสามารถ… น่าเสียดายที่พวกเขามาถึงช้าไปก้าวหนึ่ง แม้แต่ฉู่เทีย
“ท่านดื่มมากไปแล้ว หม่อมฉันประคองท่านกลับไปพักผ่อนก่อนเถิด”ซ่งรั่วเจินหัวเราะออกมา คิดไม่ถึงเลยว่าฉู่จวินถิงเมาเหล้าแล้วจะกลายเป็นเช่นนี้ พูดถ้อยคำที่นางฟังไม่เข้าใจ กลับเห็นได้ชัดว่าเชื่อฟังเป็นพิเศษดวงตาคมกริบคู่นั้น ปกติเจือแรงกดดันอย่างมาก ทว่าบัดนี้หางตากลับตกลงเล็กน้อย ลดความดุดันและคมกริบลง เปี่ยมแสงทอประกายระยับดุจดวงดารา คล้ายดวงตาของลูกสุนัขก็มิปาน ทันใดนั้นนางคิดว่าเขาที่เป็นเช่นนี้น่ารักเป็นพิเศษทำให้คนอยากลูบศีรษะปลอบโยนเขาอย่างอดไม่ได้ “ข้าไม่เมา” ฉู่จวินถิงเสียงแข็งขึ้นมา“ได้ๆๆ ท่านไม่เมา” ซ่งรั่วเจินเอ่ยปลอบเสียงนุ่มนวลนางย่อมรู้ว่าคนเมาชอบพูดว่าไม่เมา หากเอาจริงเอาจังกับเขา นั่นก็คือโง่เขลาขณะนางกำลังดึงแขนฉู่จวินสิงเตรียมประคองคนกลับไปอยู่นั้น กลับถูกฝ่ายชายดึงเข้าอ้อมกอดอย่างกะทันหันกลิ่นอายเย็นสบายบนตัวของฝ่ายชายเจือกลิ่นสุราอ่อนๆ โอบล้อมซ่งรั่วเจินไว้ อากาศเย็นเล็กน้อย อ้อมกอดของเขากลับอบอุ่นอย่างมากเท้าซ่งรั่วเจินยืนได้ไม่มั่นคง ครู่ต่อมาพิงประตู ฝ่ายชายปกป้องศีรษะของนางเอาไว้ กลับไม่มีความคิดปล่อยนางไป“ข้าอยากกอดเจ้า แค่ครู่เดียว ได้หรือไม่?”
“พี่สาม พวกเราไปเถอะ”ซ่งรั่วเจินแย้มยิ้มราวกับว่าหมอกภายในดวงตาสลายไปแล้ว นางลากซ่งจืออวี้ เรียกเขาให้จากไปพร้อมกันเดิมทีก็มาลอบฟัง ฉู่จวินถิงและบิดาล้วนมีวิชายุทธ์ยอดเยี่ยม หากยังไม่ไป อีกเดี๋ยวจะต้องถูกจับได้แน่ซ่งจืออวี้ถูกลากจากไปด้วยสีหน้าเหม่อลอย จนกระทั่งออกห่างแล้วถึงไม่อาจอดกลั้นไหวอีกต่อไป“น้องหญิงห้า เจ้าพูดเถอะ ท่านอ๋องพูดจริงหรือ? ต่อให้สาบานก็ไม่จำเป็นร้ายแรงถึงเพียงนี้กระมัง?”“ข้าเข้าวังรับราชการมาระยะหนึ่งแล้ว ได้ยินข่าวไม่น้อย ฉู่อ๋องเป็นผู้มีอนาคตที่สุดในบรรดาองค์ชายเชียวนะ!”ซ่งรั่วเจิน “...”“น้องหญิงห้า เจ้าเคยคิดหรือไม่หากแต่งกับฉู่อ๋องแล้ว วันหนึ่งได้กลายเป็นฮองเฮา นั่นยอดเยี่ยมมากนัก!” ซ่งจืออวี้ยิ้มแย้ม นั่นคืออยู่เหนือคนนับหมื่นอยู่ใต้เพียงคนเดียว!“มีอะไรดีกัน?” ซ่งรั่วเจินเผยสีหน้าเฉยเมย “ท่านชอบฮองเฮามากหรือ?”ซ่งจืออวี้ส่ายหน้า “ข้าย่อมไม่ชอบฮองเฮา แต่หากภายภาคหน้าเจ้าเป็น นั่นข้าก็ชอบแล้ว!”“ท่านช่างเป็นพี่ชายของข้าโดยแท้!”ซ่งรั่วเจินหัวเราะออกมา มองท่าทางของพี่สามก็รู้ได้ว่าปกติเขาไม่มีเรื่องใดให้รำคาญใจ คิดง่ายมาก หนำซ้ำยังมีความสุขมาก
พ่อตาสร้างความลำบากให้ลูกเขย นี่เป็นเรื่องปกติอย่างมาก ทว่าท่านพ่อให้ฉู่อ๋องทิ้งตำแหน่งฮ่องเต้ นี่ไม่โอหังเกินไปหน่อยหรือ?ข่าวนี้เล่าลือออกไป บิดาตนมีศีรษะให้ตัดมากน้อยเพียงใดกันเล่า!สำคัญที่สุดคือ...เหตุใดฉู่อ๋องถึงตอบตกลง?“น้องหญิงห้า เมื่อครู่ข้าไม่ได้ดื่มเหล้านี่นา เหตุใดเกิดภาพหลอนได้เล่า?” ซ่งจืออวี้เผยสีหน้าว้าวุ่นซ่งรั่วเจินเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าฉู่จวินถิงจะตัดสินใจเช่นนี้แท้จริงแล้วฮองเฮาไม่ชอบฐานะของนาง นางรู้ตั้งแต่แรกแล้ว อีกทั้งยังไม่คิดเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ภายในราชวงศ์ นับตั้งแต่ฉู่จวินถิงสารภาพรักนางก็ปฏิเสธไปแล้วเพียงแต่ต่อมาฉู่จวินถิงค่อยๆ ดีต่อนาง นางเองก็เห็นอยู่ภายในสายตา นางไม่อยากทิ้งเขาเพียงเพราะฮองเฮา นี่ถึงปล่อยให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เดินมาถึงขั้นนี้อันที่จริงพูดไปแล้ว นางคิดง่ายมากความรักเรื่องพรรค์นี้ เข้ากันได้ก็มา เข้ากันไม่ได้ก็จากไป ภายในใจฉู่จวินถิงมีนาง ภายในใจนางก็มีฉู่จวินถิง นั่นก็ไม่จำเป็นต้องทำให้ตนเองต้องทุกข์ใจหากวันหนึ่งความรักถูกเรื่องเหล่านี้ทำให้จืดจางลง นั่นก็แยกจากกันไป นางไม่มีวันปล่อยให้พันธนาการเช่นนี้ผูกมัดตนเองไปชั
“อิงตามที่กระหม่อมรู้ ในช่วงเวลาอันใกล้นี้ฮองเฮามีเจตนาจับคู่ท่านและคุณหนูสกุลหลิง ก่อนหน้านี้ยังจงใจทำให้เจินเอ๋อร์ลำบากอีกด้วย อยากให้นางได้พบอุปสรรคและยอมถอยไปเอง”ซ่งหลินนึกถึงเรื่องเหล่านี้ที่ได้รู้ผ่านปากของลูกชายขึ้นได้ รู้สึกไม่สบอารมณ์ภายในใจอย่างสุดระงับเจินเอ๋อร์เป็นดั่งหัวใจของเขา เป็นแก้วตาดวงใจตั้งแต่เด็ก ในสายตาของเขาเจินเอ๋อร์ล้วนดีไปหมดทุกอย่างเรื่องถอนหมั้น เป็นความผิดของพวกเขาที่เป็นบิดามารดาที่มองคนผิดไป โชคดีเจินเอ๋อร์มีความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยว หันหัวม้าก่อนตกหน้าผาได้ทัน ทว่าฮองเฮากลับใช้เรื่องนี้มาสร้างความลำบากให้เจินเอ๋อร์ เขาก็ยากจะสงบอารมณ์พลุ่งพล่านนี้ลงได้“ฉู่อ๋อง กระหม่อมรู้ความสามารถอันโดดเด่นของท่าน ไม่มีใครในราชสำนักไม่รู้ กระหม่อมเองก็ชื่นชมอย่างมาก”“แต่นับตั้งแต่โบราณจนถึงตอนนี้ ปัญหาแม่สามีลูกสะใภ้เป็นปัญหาแก้ได้ยาก ต่อให้ชมชอบมาก่อน แต่ยามได้อยู่ด้วยกันก็ยังมีความขัดแย้ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฮองเฮาที่เดิมทีก็ไม่ชอบเจินเอ๋อร์อยู่แล้ว นี่จะขัดแย้งกันมากยิ่งขึ้น”“กระหม่อมมีเจินเอ๋อร์เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว หวังว่าชาตินี้นางจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบส
สีหน้าซ่งหลินเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา ก่อนหน้านี้มองหลินจือเยว่พลาดไป แม้พูดว่าบัดนี้ได้เห็นเจินเอ๋อร์แล้วคล้ายไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ แต่เขาเข้าใจ จะต้องเสียใจเป็นเวลานานมากแน่บัดนี้คนที่ต้องการสู่ขอนางยังเป็นฉู่อ๋องอีกด้วย ราชวงศ์ในสายตาผู้อื่นคือหรูหราสูงศักดิ์ แต่พวกเขากลับรู้ดีว่านั่นไม่ต่างจากถ้ำเสือสระมังกรทว่า เขารู้คุณสมบัติของฉู่อ๋องดี ยิ่งไปกว่านั้นสองวันนี้มองผ่านสีหน้าของลูกสาวบ้านตน เขาก็รู้ว่าภายในใจของลูกสาวมีฉู่อ๋องอยู่“เชิญแม่ทัพซ่งพูดเถอะ”“ก่อนหน้านี้เจินเอ๋อร์เคยถอนหมั้นมาก่อน คาดว่าท่านอ๋องเองก็เข้าใจดีว่าเรื่องพรรค์นี้สำหรับคนธรรมดาไม่นับเป็นอะไร แต่ภายในเมืองหลวงย่อมไม่สามารถหลีกเลี่ยงคำวิจารณ์ไปได้”“ท่านอ๋องท่านมีฐานะสูงศักดิ์ ฮองเฮายังให้ความสำคัญต่อชื่อเสียงและฐานะที่สุดอีกด้วย ด่านนี้ผ่านไปได้ยากยิ่ง”“อันที่จริงกระหม่อมมองดูแล้ว ท่านอ๋องสมควรเลือกแม่นางอายุที่เหมาะสมเพื่อแต่งงาน นี่ถึงจะมั่นคงที่สุด”ซ่งหลินเผยสีหน้าจริงจัง เขาอยู่ในราชสำนักมานานหลายปี ย่อมรู้เรื่องในวังหลังดีมากฮองเฮาให้ความสำคัญต่อเรื่องเหล่านี้ที่สุด ฉู่อ๋องยังเป็นลูกชา
ยามราตรีค่อย ๆ คืบคลานเข้ามา ซ่งรั่วเจินมองชาวเมืองไห่เทียนที่ในที่สุดก็อิ่มท้องและสงบใจขึ้นบ้าง เพราะการแจกจ่ายโจ๊ก “ไป๋จื่อ ฉู่อ๋องไปที่ใดแล้ว?” นัยต์ตาใสของซ่งรั่วเจินแฝงไปด้วยความสงสัย ก่อนหน้านี้นางเห็นฉู่อ๋องตั้งใจออกไปข้างนอกครั้งหนึ่ง หลังจากกลับมา นางก็ไม่ได้เห็นเขาอีกเลย หรือว่าเมืองไห่เทียนเกิดปัญหาอะไรอีกงั้นหรือ? “คุณหนู วันนี้ฉู่อ๋องตั้งใจซื้อเหล้า จะไปหาราชครูกู้และแม่ทัพซ่งเพื่อดื่มเหล้าด้วยกันเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินชะงักเล็กน้อย “ท่านตาและบิดาของข้า?” ไป๋จื่อพยักหน้า “แม่ทัพซ่งเพิ่งรู้ว่าราชครูกู้คือพ่อตาของเขา ได้ยินมาว่าเดิมทีคืนนี้จะไปหาราชครูกู้เพื่อดื่มเหล้าอยู่แล้ว ประจวบเหมาะกับที่ฉู่อ๋องซื้อเหล้ากลับมาพอดี ตอนนี้คงอยู่ในเรือนของราชครูกู้แล้วเจ้าค่ะ” “คุณหนู ท่านจะไปดูหรือไม่เจ้าคะ?” ชิงเถิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย จะว่าไปแล้วก็ช่างบังเอิญจริง ๆ ตอนนี้ทุกคนล้วนรู้ว่าราชครูกู้คือพ่อตาของแม่ทัพซ่ง หากท่านอ๋องสามารถอยู่กินกับคุณหนูซ่งได้ แม่ทัพซ่งก็จะกลายเป็นพ่อตาของท่านอ๋องเชียวนะ! ซ่งหลินเมื่อเห็นฉู่จวินถิงมาถึงก็รู้สึกตกใจ “ฉู่อ๋
ฉู่เทียนเช่อชะงักไปเล็กน้อย การเดินทางครั้งนี้ของเขาไม่ต่างอะไรกับการมาเสียเที่ยว สภาพการณ์ของหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ในตอนนี้ทำให้เขาเกิดความเคลือบแคลงใจ อีกทั้งยังไม่กล้าแต่งนางกลับไปโดยบุ่มบ่าม ถ้าเกิดผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือสกุลหลิงจริง ๆ นั่นก็หมายความว่าเขาตัดหนทางของตนมิใช่หรือ? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่หัวใจของหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ผู้นี้ล้วนอยู่ที่ฉู่จวินถิงเลย การที่นางแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งต่อหน้าเขาเช่นนั้น ราวกับมิได้เห็นเขาอยู่ในสายตา เช่นนี้ย่อมทำให้เขาไม่พอใจ! “ครานี้ปัญหาอุทกภัยร้ายแรงยิ่งนัก ตัวข้ากังวลว่าพวกเจ้าทั้งหลายจะมีกำลังคนไม่เพียงพอ…” “เช่ออ๋องวางพระทัยเถิด พวกกระหม่อมสามารถช่วยได้แน่นอน” ซ่งหลินกล่าวพลางยิ้ม ฉีอู่ หร่วนเฉิงและคนอื่น ๆ ต่างพยักหน้ารัว ๆ พวกเขาแต่ละคนล้วนสามารถยกและหามได้ การช่วยเหลือราษฎรย่อมไม่มีปัญหาแน่นอน ฉู่เทียนเช่อ “...” เดิมทีหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ตั้งใจจะอยู่ต่อ แต่ถูกฉู่จวินถิงพูดดักทางด้วยประโยคเดียว “เรือได้จัดเตรียมไว้ให้พวกเจ้าแล้ว พี่น้องสกุลหลิงควรรีบไปทำพิธีฝังศพเสียเถิด พวกเจ้ากลับไปพร้อมกัน จะได้มีคำชี้แจง
เมื่อฉู่จวินถิงและพวกกลับมา ซ่งรั่วเจินก็เห็นได้ทันทีว่าสภาพของพวกเขาดูแปลกไป หรือว่าพวกเขาจับตัวคนไม่ได้? “คนหนีไปแล้วหรือ?” ฉู่จวินถิงส่ายหน้า “จับตัวได้แล้ว แต่ตายหมดแล้ว” “ตายหมดแล้ว?” ทันทีที่ทุกคนได้ยินเช่นนั้น ดวงตาก็พลันเต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างหนัก คนผู้นี้ก่อเรื่องเลวร้ายมามากมาย ต้องถูกกำจัดให้สิ้นซากเท่านั้น ฉู่อ๋องย่อมรู้ดียิ่งถึงขอบเขตในเรื่องนี้ เหตุใดจึงไม่เหลือให้รอดแม้แต่คนเดียว? “เมื่อพวกเรามาถึง ทุกคนก็ตายหมดแล้ว เสด็จพี่มาถึงเร็วกว่าเล็กน้อย ในขณะนั้น หลิงเชี่ยนเอ๋อร์กำลังกอดศพของหลิงเหวินเทาและร้องไห้อยู่” ฉู่จวินถิงมีแววตาซับซ้อน ในสายตาของเขา เรื่องนี้คือการฆ่าปิดปาก แต่หลิงเชี่ยนเอ๋อร์จะสามารถลงมือฆ่าพี่ชายแท้ ๆ ของตนเอง เพียงเพื่อไม่ให้ข้อมูลรั่วไหลได้จริงหรือ? หากเป็นเช่นนั้นจริง จิตใจของสตรีนางนี้ก็น่ากลัวเกินไปแล้ว! มิใช่ว่าเขาดูแคลนสตรี แต่การลงมือสังหารพี่น้องร่วมสายเลือดด้วยมือตนเอง แม้แต่บุรุษก็คงลำบากใจที่จะกระทำได้ แต่ทว่าหลิงเชี่ยนเอ๋อร์กลับสามารถ… น่าเสียดายที่พวกเขามาถึงช้าไปก้าวหนึ่ง แม้แต่ฉู่เทีย
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ตอนนี้เสี่ยวหงเพิ่งตั้งครรภ์ได้ไม่นาน หากซุนซวี่กลับไปในครั้งนี้ ข้ากังวลว่าพวกเขาอาจฉวยโอกาสให้ทั้งสองต้องแต่งงานกันโดยไม่มีทางเลือก เมื่อถึงตอนนั้น เด็กก็จะกลายเป็นลูกของเขาไปโดยปริยาย” “หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น ข้าอาจจะมิพูดมากเช่นนี้ แต่ที่เขาต้องกลับบ้านล่าช้าก็เพราะท่าน ข้ากลัวว่าหลังจากที่เขากลับไปแล้ว จะจะต้องแบกรับความอยุติธรรมนี้โดยที่ไม่อาจปริปากพูดอะไรได้” ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าใครก็คงไม่อยากให้บนศีรษะของตนมีเขาสวมอยู่หรอก ซุนซวี่ลำบากตรากตรำมามากมายในสนามรบ เมื่อกลับไปแล้ว ในที่สุดเขาก็จะสามารถเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้ากองพัน อนาคตข้างหน้าของเขาช่างสดใสนัก จะให้เขาต้องเสียโอกาสเพราะเรื่องภายในบ้านเช่นนี้ไม่ได้ นั่นมันช่างน่าเสียดายจริง ๆ “ซุนซวี่ เจ้าอย่าได้ทำอะไรโง่ ๆ นะ เรื่องนี้ฟังแล้วมันน่าหงุดหงิดก็จริง แต่ในโลกนี้ดอกไม้งามมีถมไป ไยต้องหลงใหลอยู่เพียงดอกเดียว?” “หากเจ้าอยากแต่งงาน ข้าจะแนะนำสตรีให้เจ้านางหนึ่ง ไม่น้อยหน้าไปกว่าว่าที่ภรรยาของเจ้าเป็นแน่!” ฉีอู่ตบไหล่ซุนซวี่พลางพูดขึ้น เมื่อได้ยินเรื่องเช่นนี้อย่างกะทัน