พวกเขาทุกคนล้วนเป็นคนที่ผ่านสนามรบมาอย่างโชกโชน บัดนี้พยัคฆ์ร้ายตกที่นั่งลำบากถูกสุนัขรังแก กระทั่งยังถูกคนกลุ่มนี้ตามล่าสังหารไปทั่ว ยามนี้จึงเข่นฆ่าจนประสาทด้านชามาแต่แรกแล้วซ่งหลินฉีกผ้าแถบหนึ่งลงมาพันแผลอย่างง่ายๆ แล้วถือกระบี่คมกริบกระโจนเข้าไปในวงตะลุมบอนขณะเดียวกัน ซ่งรั่วเจินเห็นยันต์นำทางของตนเองย้อมสีแดงบางส่วน แววตาก็พลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย กล่าวว่า “ท่านพ่ออยู่ในอันตราย!”สิ้นเสียงนั้น ซ่งจืออวี้และฉู่จวินถิงล้วนหน้าเปลี่ยนสี“ท่านอ๋อง ท่านดูแลน้องสาวข้าด้วย ข้าขอล่วงหน้าไปก่อนก้าวหนึ่ง!” ซ่งจืออวี้กล่าวด้วยความร้อนใจฉู่จวินถิงมองไปทางพวกอวิ๋นหยาง “เร็วเข้า ตามไปทั้งหมด จะต้องรับรองความปลอดภัยของแม่ทัพซ่งให้ได้!”“ข้าน้อยรับบัญชา!”พวกอวิ๋นหยางสะบัดแส้ยาวในมือ เร่งรุดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวติดปีกซ่งรั่วเจินก็ร้อนใจเช่นกัน รีบลงมาจากรถม้าแล้วมองไปทางฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว“ขึ้นม้า พวกเราก็ตามไปเหมือนกัน” ฉู่จวินถิงยื่นมือมาให้ฉับพลันนั้น ซ่งรั่วเจินก็ถลาขึ้นไปบนหลังม้า คนทั้งสองโผนทะยานไปท่ามกลางป่าเขา“เคร้ง เคร้ง เคร้ง!”พวกซ่งหลินตกอยู่ในวงล้อม ถึงยามนี้จ
ซ่งจืออวี้แทงสังหารคนชุดดำที่โถมเข้ามาหาในกระบี่เดียวแล้วหันมามองซ่งหลินอย่างหมดคำจะพูด “ข้าไม่ได้โง่เสียหน่อย แต่เป็นห่วงท่านจึงรีบมา คนอื่นๆ กำลังตามมาแต่ยังมาไม่ถึงต่างหากเล่า”ซ่งหลินได้ยินอย่างนั้นก็ถอนหายใจออกมา “ข้ากลัวว่าเจ้าจะทำอะไรหุนหันพลันแล่นน่ะสิ! ยังดียังดี ลูกชายคนนี้ของข้ายังมีหัวคิดอยู่สินะ”หากเป็นลูกชายคนอื่นมา เขาคงไม่กังวลแบบนี้ แต่อวี้เอ๋อร์มีนิสัยเถรตรงมาตั้งแต่เด็ก พลิกแพลงไม่เป็น การบุกเดี่ยวมาหาจึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้คนอื่นๆ เห็นอย่างนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ ทั้งที่เนื้อตัวเปื้อนเลือดไปหมดแล้ว แต่จิตใจทุกคนกลับปลอดโปร่งอย่างยิ่งขณะนั้น พวกอวิ๋นหยางก็ตามมาถึงแล้วบุกเข้ามาอย่างรวดเร็วสถานการณ์ที่เดิมเป็นฝ่ายตั้งรับเปลี่ยนจากอันตรายเป็นปลอดภัยในชั่วพริบตา ในที่สุดพวกซ่งหลินก็มีโอกาสหายใจหายคอเสียทีเห็นว่าซ่งจืออวี้รุกรับอย่างทรงพลังประหนึ่งมีพละกำลังมหาศาลมาแต่กำเนิด ลงมือโดยไม่ไว้ไมตรีแม้แต่น้อย หร่วนเฉิงอดชมเชยไม่ได้“ท่านแม่ทัพ ลูกชายคนนี้ของท่านมีฝีมือต่อสู้ยอดเยี่ยมจริงๆ ถ้าได้ลงสนามรบจะต้องเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างราบคาบเป็นแน่!”“เ
อย่างไรเสียก็มีลูกชายสี่คนแล้ว แต่มีลูกสาวเพียงคนเดียว จะไม่เห็นเป็นแก้วตาดวงใจได้อย่างไรเล่า?ซ่งรั่วเจินเห็นชายสองคนตรงหน้าเนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด แต่กลับถามอย่างอ่อนโยนด้วยกลัวว่าจะทำให้ตนเองตกใจกลัวก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ไหว“ข้าไม่กลัวเจ้าค่ะ”ซ่งหลินระบายลมหายใจออกมา ถึงตอนนี้ค่อยสังเกตเห็นฉู่จวินถิงที่มาพร้อมกับซ่งรั่วเจินจึงแสดงคารวะ “คารวะฉู่อ๋อง”คนอื่นๆ เห็นว่าฉู่อ๋องเสด็จมาก็ล้วนแต่ประหลาดใจอย่างยิ่ง รีบแสดงคารวะอย่างนอบน้อม “คารวะฉู่อ๋อง!”“คราวนี้ลำบากแม่ทัพซ่งและทหารกล้าทุกท่านแล้ว”ฉู่จวินถิงมองปราดเดียวก็จำฉีอู่กับหร่วนเฉิงได้ คิดถึงข่าวคราวที่ส่งกลับมาก่อนหน้านี้ หลังจากที่แม่ทัพซ่งเป็นตายไม่แน่ชัด ทหารกล้าข้างกายหลายคนก็ไม่ได้กลับเมืองหลวงพวกเขาไม่รับกระทั่งการปูนบำเหน็จจากการรบ เพื่อไปตามหาแม่ทัพซ่งที่หายสาบสูญเป็นต้องเห็นคน ตายต้องพบศพบัดนี้ พวกเขาอยู่กับแม่ทัพซ่งจริงดังคาด อาศัยเพียงน้ำมิตรตรงนี้ก็เพียงพอให้คนนับถือเลื่อมใสแล้วไม่เพียงเท่านั้น เขายังพบคนอีกหลายคนที่ทุกคนเข้าใจว่าสิ้นชีวิตในสมรภูมิไปแล้ว พวกเขายังไม่ตาย ทุกคนล้วนอยู่ที่นี่!“ท่านอ๋อ
ราชวงศ์ฉู่โยว เมืองหลวงเกี้ยวเจ้าสาวสองหลังหยุดเรียงกันหน้าประตูจวนหลินโหว ตามมาด้วยเสียงประทัดฆ้องกลอง ครึกครื้นมากเป็นพิเศษแขกเหรื่อมาร่วมงานเห็นภาพนี้แล้วก็ตกตะลึง “เหตุใดมีเกี้ยวเจ้าสาวสองหลังกันเล่า?”“แม่นางห้าสกุลซ่ง—ซ่งรั่วเจิน รอหลินโหวมานานสองปี ดูแลงานทั้งจวนโหวแทนเขา บัดนี้หลินโหวคว้าชัยชนะกลับมา ตบแต่งแม่นางซ่งก็คือเรื่องดีของเมืองหลวง แต่เกี้ยวเจ้าสาวเข้าประตูพร้อมกัน มิใช่ว่ายังแต่งกับคนอื่นด้วยหรือ?”“คุณหนู ตอนนี้จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”ซ่งรั่วเจินรู้สึกเพียงเสียงดังเอะอะอยู่ข้างหูพักหนึ่ง ขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว ลืมตาทั้งสองข้างก็มองเห็นชุดแต่งงานสีแดงเข้ม?เกิดเหตุอันใดขึ้น?ชุดแต่งงานซิ่วเหอและเกี้ยวเจ้าสาวสีแดงเข้ม นี่มิใช่ขบวนแต่งงานหรอกหรือ?“ท่านโหวทำเกินไปแล้ว ก่อนนี้เขาออกรบอยู่ภายนอก หากมิได้ท่านดูแลฮูหยินผู้เฒ่า ไฉนเลยเขาจะสามารถออกรบอย่างสบายใจได้? บัดนี้กลับมาอย่างยากลำบาก เขาถึงขั้นตบแต่งฉินซวงซวงเป็นภรรยาหลวงลำดับเดียวกันในวันแต่งงาน ไม่บอกกล่าวแม้คำเดียว เห็นได้ชัดว่ากำลังรังแกคุณหนู!”เฉินเซียงยิ่งพูดยิ่งโมโห บัดนี้เกี้ยวเจ้าสาวทั้งสองหลังหยุดอ
ซ่งรัวเจินถามไล่เรียงกระแทกลงไป กระแทกเสียจนสีหน้าหลินจือเยว่เผือดซีด หวุดหวิดจะเป็นลมหมดสติไปแล้วเหตุใดนางกล้าพูดเรื่องเหล่านี้ออกมาต่อหน้าคนมากมายเพียงนี้!“เรื่องนี้ก็ไม่ซื่อสัตย์จริงใจจริงนั่นล่ะ ได้ยินมาว่าหลินโหวและฉินซวงซวงมีใจปฏิพัทธ์ต่อกันมาตั้งแต่แรกแล้ว สองปีก่อนฉินซวงซวงไม่ยอมแต่งกับเขา นี่เขาถึงตกลงหมั้นหมายกับสกุลซ่ง ใครเคยคิดเล่าว่าทำความดีความชอบกลับมา ฉินซวงซวงกลับยอมแต่งกับเขาแล้ว ดังนั้นจึงคิดทำเช่นนี้ จุ๊ ๆ ...”“แม่นางสกุลซ่งไม่กลายเป็นตัวโง่งมไปแล้วหรือ?”ความทุ่มเทตลอดสองปีสูญเปล่าไปแล้ว เย็บชุดเจ้าสาวให้ผู้อื่นสวม ได้รับความทุกข์อย่างแสนสาหัสแต่ยังต้องกลั้นก้อนสะอื้น นี่ใครยังสามารถทนได้กันเล่า?“พี่หญิง อย่าโมโหไปเลย”ฉินซวงซวงก้าวเท้าฉับไวขึ้นมา มิอาจข่มความแปลกใจภายในใจเอาไว้ได้เห็นได้ชัดว่าซ่งรั่วเจินเป็นพลับอ่อนให้คนบดขยี้ แต่งเข้าบ้านพร้อมกันก็เป็นนางและจือเยว่ร่วมกันวางแผน แม้นางไม่ยอมแต่ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนรับปาก ไม่โวยวายใหญ่โตอันใดใครคาดคิดนางถึงขั้นเปิดผ้าคลุมหน้าลงจากเกี้ยวเจ้าสาว โวยวายอยู่ที่หน้าประตูเช่นนี้?“ล้วนเป็นความผิดของซวงซวง ท่าน
“แม่นางฉิน ได้โปรดถอดออก เพียงมองดูก็จะทราบได้” เฉินเซียงเอ่ยเพียงฉินซวงซวงถอดออก เฉินเซียงก็หยิบกำไลหยกไปให้ทุกคนดูหนึ่งรอบ “ทุกท่านล้วนเห็นอย่างชัดเจนแล้ว ด้านบนแกะสลักชื่อเล่นของคุณหนูข้าเจินเอ๋อร์เอาไว้!”“ยังไม่ต้องพูดว่าท่านโหวและคุณหนูข้ายังไม่แต่งงานกัน ต่อให้แต่งงานแล้วจริง คนมีหน้ามีตาที่ใดยักยอกสินเดิมของฮูหยินตนเองด้วยหรือ?”นับแต่โบราณจนถึงตอนนี้ สินเดิมล้วนเป็นสิ่งของติดตัวฝ่ายหญิง แม้แต่บ้านสามีก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้อง เว้นเสียแต่ตนเองยินยอม ทว่าหลินจือเยว่หยิบไปโดยตรงไม่บอกกล่าวเช่นนี้ เรียกว่าขโมยก็ไม่เกินจริงครั้นซ่งจืออวี้พี่ชายสามของซ่งรั่วเจินเร่งเดินทางมาถึงก็ได้ยินว่าหลินจือเยว่ยกกำไลหยกที่ท่านแม่มอบให้เจินเอ๋อร์เป็นสินเดิมให้กับฉินซวงซวง กำปั้นเจือความเกรี้ยวกราดกระแทกเข้าไปโดยตรงหนึ่งหมัด!“ไอ้สารเลว!”หลินจือเยว่ถูกกำปั้นกระแทกหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว ดวงหน้าหันไปอีกฝั่งหนึ่ง เลือดไหลออกจากมุมปากซ่งจืออวี้ไม่คิดยั้งมือเลยแม้แต่น้อย วันนี้เป็นวันมงคลยิ่งใหญ่ของน้องหญิง พวกเขาทั้งครอบครัวส่งนางออกจากจวนอย่างดีใจมีความสุข ใครคาดคิดมาถึงจวนหลินโหวจะถูกหมิ่นแคล
“เรื่องนี้โทษท่านแม่ไม่ได้ พูดได้เพียงว่าหลินจือเยว่แสดงละครได้อย่างยอดเยี่ยม หน้าหนาไร้ยางอาย!”ซ่งรั่วเจินยิ่งพูดยิ่งรังเกียจ โชคดีช่วงเวลาที่นางทะลุมิติเข้ามาในหนังสือยังมิได้แต่งเข้าจวนสกุลหลิน หากแต่งเข้าไปแล้ว นั่นต่างหากถึงจบสิ้น!หลิ่วหรูเยียนเห็นลูกสาวผู้เพียบพร้อมของตนพูดถ้อยคำหล่านี้ออกมา ยิ่งมั่นใจว่านางกำลังเสียใจ น้ำตาคลอหน่วย “ลูกสาวชะตาอาภัพของข้า...”แต่น้ำตาที่หางตายังไม่ทันตกก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากด้านนอก ของทั้งใหญ่ทั้งเล็กถูกยกเข้ามา หยาดน้ำตาหยุดชะงักในทันใด“เจินเอ๋อร์ นี่ นี่คืออะไรกัน?”“อย่างไรเสียก็ไม่แต่งแล้ว สิ่งของย่อมต้องนำกลับมา ฉินซวงซวงคนนั้นพูดทุกคำว่ารักชอบท่านโหว ข้าอยากเห็นเหลือเกินว่านางจะยอมหักใจชดเชยจวนโหวโล่งโจ้งนั่นหรือไม่!”ซ่งรั่วเจินเคยอ่านต้นฉบับหนังสือมาก่อน ย่อมรู้ว่าฉินซวงซวงก็คือคนมีอุปนิสัยชมชอบความร่ำรวยคนหนึ่ง หาไม่แล้วเพียงนางเอ่ยปาก หลินจือเยว่ก็ต้องถอนหมั้นนางเป็นแน่!แต่นางกลับไม่ทำ ก็เพื่อเงินของจวนสกุลซ่งบัดนี้เงินตกอยู่ในมือนางแล้ว ฉินซวงซวงทางหนึ่งคิดจะหลับนอนกับบุรุษของเจ้าของร่างเดิม ทางหนึ่งใช้จ่ายเงินของเจ้า
ซ่งรั่วเจินพูดอย่างจริงจัง อาการป่วยนี้สำหรับนางกลับรักษาไม่ยาก แต่ต้องใส่ใจมากก็เท่านั้นเดิมทีซ่งอี้อันคิดว่าน้องหญิงปลอบโยนตนเอง มิได้เก็บมาใส่ใจ ทว่าเห็นนางพูดอย่างตั้งใจมากเป็นพิเศษ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเชื่อขึ้นมาหลายส่วน“น้องหญิงคนดี พี่รองเชื่อเจ้า”ซ่งจืออวี้เห็นซ่งอี้อันคล้ายถูกเกลี้ยกล่อมสำเร็จแล้ว เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “พี่รอง ท่านเชื่อจริงหรือ? น้องหญิงห้าไม่เคยเรียนวิชาแพทย์มาก่อนนะ”“น้องหญิงห้าดีใจก็พอ ตอนนี้ข้าก็กลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว หมอทั้งเมืองหลวงล้วนมาดูแล้ว ยังมีอันใดให้กลัวอีกเล่า?”ซ่งอี้อันยกมุมปากยิ้มขมปร่า นับตั้งแต่วันที่ตาบอดอนาคตอันรุ่งโรจน์ของเขาก็สูญสลายกลายเป็นหมอกผ่านตา ถอนหมั้นก็คือเรื่องที่คาดการณ์ไว้แล้ว น้องหญิงไม่ยอมให้เขายอมแพ้ ก็เพราะหวังดีต่อเขาส่วนเป็นเรื่องจริงหรือไม่...สำคัญด้วยหรือ?ซ่งรั่วเจินมิได้ใส่ใจบทสนทนาของทั้งสองคน สายตานางเบือนไปทางด้านหลัง นับตั้งแต่เหยียบเท้าเข้าจวนสกุลซ่ง นางก็สังเกตุเห็นว่าเรือนด้านหลังถูกพลังชั่วร้ายปกคลุมอยู่เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นวันแสงแดดจ้า ทว่าด้านหลังกลับอึมครึม ต้องมีบางสิ่งกำลังสร้างปัญหาอย่างแน
อย่างไรเสียก็มีลูกชายสี่คนแล้ว แต่มีลูกสาวเพียงคนเดียว จะไม่เห็นเป็นแก้วตาดวงใจได้อย่างไรเล่า?ซ่งรั่วเจินเห็นชายสองคนตรงหน้าเนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด แต่กลับถามอย่างอ่อนโยนด้วยกลัวว่าจะทำให้ตนเองตกใจกลัวก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ไหว“ข้าไม่กลัวเจ้าค่ะ”ซ่งหลินระบายลมหายใจออกมา ถึงตอนนี้ค่อยสังเกตเห็นฉู่จวินถิงที่มาพร้อมกับซ่งรั่วเจินจึงแสดงคารวะ “คารวะฉู่อ๋อง”คนอื่นๆ เห็นว่าฉู่อ๋องเสด็จมาก็ล้วนแต่ประหลาดใจอย่างยิ่ง รีบแสดงคารวะอย่างนอบน้อม “คารวะฉู่อ๋อง!”“คราวนี้ลำบากแม่ทัพซ่งและทหารกล้าทุกท่านแล้ว”ฉู่จวินถิงมองปราดเดียวก็จำฉีอู่กับหร่วนเฉิงได้ คิดถึงข่าวคราวที่ส่งกลับมาก่อนหน้านี้ หลังจากที่แม่ทัพซ่งเป็นตายไม่แน่ชัด ทหารกล้าข้างกายหลายคนก็ไม่ได้กลับเมืองหลวงพวกเขาไม่รับกระทั่งการปูนบำเหน็จจากการรบ เพื่อไปตามหาแม่ทัพซ่งที่หายสาบสูญเป็นต้องเห็นคน ตายต้องพบศพบัดนี้ พวกเขาอยู่กับแม่ทัพซ่งจริงดังคาด อาศัยเพียงน้ำมิตรตรงนี้ก็เพียงพอให้คนนับถือเลื่อมใสแล้วไม่เพียงเท่านั้น เขายังพบคนอีกหลายคนที่ทุกคนเข้าใจว่าสิ้นชีวิตในสมรภูมิไปแล้ว พวกเขายังไม่ตาย ทุกคนล้วนอยู่ที่นี่!“ท่านอ๋อ
ซ่งจืออวี้แทงสังหารคนชุดดำที่โถมเข้ามาหาในกระบี่เดียวแล้วหันมามองซ่งหลินอย่างหมดคำจะพูด “ข้าไม่ได้โง่เสียหน่อย แต่เป็นห่วงท่านจึงรีบมา คนอื่นๆ กำลังตามมาแต่ยังมาไม่ถึงต่างหากเล่า”ซ่งหลินได้ยินอย่างนั้นก็ถอนหายใจออกมา “ข้ากลัวว่าเจ้าจะทำอะไรหุนหันพลันแล่นน่ะสิ! ยังดียังดี ลูกชายคนนี้ของข้ายังมีหัวคิดอยู่สินะ”หากเป็นลูกชายคนอื่นมา เขาคงไม่กังวลแบบนี้ แต่อวี้เอ๋อร์มีนิสัยเถรตรงมาตั้งแต่เด็ก พลิกแพลงไม่เป็น การบุกเดี่ยวมาหาจึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้คนอื่นๆ เห็นอย่างนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ ทั้งที่เนื้อตัวเปื้อนเลือดไปหมดแล้ว แต่จิตใจทุกคนกลับปลอดโปร่งอย่างยิ่งขณะนั้น พวกอวิ๋นหยางก็ตามมาถึงแล้วบุกเข้ามาอย่างรวดเร็วสถานการณ์ที่เดิมเป็นฝ่ายตั้งรับเปลี่ยนจากอันตรายเป็นปลอดภัยในชั่วพริบตา ในที่สุดพวกซ่งหลินก็มีโอกาสหายใจหายคอเสียทีเห็นว่าซ่งจืออวี้รุกรับอย่างทรงพลังประหนึ่งมีพละกำลังมหาศาลมาแต่กำเนิด ลงมือโดยไม่ไว้ไมตรีแม้แต่น้อย หร่วนเฉิงอดชมเชยไม่ได้“ท่านแม่ทัพ ลูกชายคนนี้ของท่านมีฝีมือต่อสู้ยอดเยี่ยมจริงๆ ถ้าได้ลงสนามรบจะต้องเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างราบคาบเป็นแน่!”“เ
พวกเขาทุกคนล้วนเป็นคนที่ผ่านสนามรบมาอย่างโชกโชน บัดนี้พยัคฆ์ร้ายตกที่นั่งลำบากถูกสุนัขรังแก กระทั่งยังถูกคนกลุ่มนี้ตามล่าสังหารไปทั่ว ยามนี้จึงเข่นฆ่าจนประสาทด้านชามาแต่แรกแล้วซ่งหลินฉีกผ้าแถบหนึ่งลงมาพันแผลอย่างง่ายๆ แล้วถือกระบี่คมกริบกระโจนเข้าไปในวงตะลุมบอนขณะเดียวกัน ซ่งรั่วเจินเห็นยันต์นำทางของตนเองย้อมสีแดงบางส่วน แววตาก็พลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย กล่าวว่า “ท่านพ่ออยู่ในอันตราย!”สิ้นเสียงนั้น ซ่งจืออวี้และฉู่จวินถิงล้วนหน้าเปลี่ยนสี“ท่านอ๋อง ท่านดูแลน้องสาวข้าด้วย ข้าขอล่วงหน้าไปก่อนก้าวหนึ่ง!” ซ่งจืออวี้กล่าวด้วยความร้อนใจฉู่จวินถิงมองไปทางพวกอวิ๋นหยาง “เร็วเข้า ตามไปทั้งหมด จะต้องรับรองความปลอดภัยของแม่ทัพซ่งให้ได้!”“ข้าน้อยรับบัญชา!”พวกอวิ๋นหยางสะบัดแส้ยาวในมือ เร่งรุดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวติดปีกซ่งรั่วเจินก็ร้อนใจเช่นกัน รีบลงมาจากรถม้าแล้วมองไปทางฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว“ขึ้นม้า พวกเราก็ตามไปเหมือนกัน” ฉู่จวินถิงยื่นมือมาให้ฉับพลันนั้น ซ่งรั่วเจินก็ถลาขึ้นไปบนหลังม้า คนทั้งสองโผนทะยานไปท่ามกลางป่าเขา“เคร้ง เคร้ง เคร้ง!”พวกซ่งหลินตกอยู่ในวงล้อม ถึงยามนี้จ
อีกด้านหนึ่งซ่งหลินซ่อนตัวอยู่ในป่าบนภูเขา ตรงทรวงอกมีเลือดซึมออกมา ใบหน้าหล่อเหลาเด็ดเดี่ยวบัดนี้เป็นสีขาวซีด“ท่านแม่ทัพ ท่านยังทนไหวหรือไม่?” หร่วนเฉิงมีสีหน้าเป็นห่วงซ่งหลินโบกมือเบาๆ “แผลเล็กน้อยแค่นี้ ไม่เป็นไรหรอก”เขาเคยออกรบมาตั้งหลายครั้ง เคยได้แผลใหญ่น้อยมานับไม่ถ้วน อาการบาดเจ็บแค่นี้ไม่สะเทือนเขาเลยสักนิด“ท่านแม่ทัพ เจ้าหมอนั่นเจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว คราวนี้ไม่รู้ว่าไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน แต่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส คงหนีไปได้ไม่ไกลนักหรอก”หร่วนเฉิงกวาดสายตามองบริเวณใกล้เคียง ภูมิประเทศในป่าแถบนี้เดิมก็ซับซ้อน นอกจากนี้แถวนี้ยังไม่ค่อยมีคนอาศัยอยู่ พวกเขาคงยากจะหาคนพบในเวลาอันสั้น“คราวนี้จะต้องจับเจ้าหมอนี่ให้ได้เลยเชียว!”ซ่งหลินกล่าวอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ไล่สังหารข้ามานานปานนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าพวกสารเลวนี่ ข้าก็คงไม่ถึงกับไม่ได้กลับบ้าน!”เพียงคิดถึงว่าข่าวการเสียชีวิตของเขาส่งกลับไปแล้ว ภรรยาและลูกๆ จะต้องโศกเศร้าเสียใจเพราะเรื่องนี้เป็นแน่ เดิมทีทั้งตระกูลซ่งล้วนต้องพึ่งพาเขา แต่บัดนี้ทุกคนล้วนเข้าใจว่าเสาหลักอย่างเขาไม่อยู่แล้ว ไม่รู้ว่าหรูเยียนและพวกเด็กๆ จ
“ตำแหน่งของท่านพ่ออยู่ห่างจากพวกเราไม่ไกล พรุ่งนี้พวกเราก็น่าจะสามารถตามหาพบ”ภายในสายตาซ่งจืออวี้เปี่ยมความหวัง เขาไม่ได้พบบิดานานมากแล้ว ก่อนหน้านี้ข่าวร้ายถูกส่งมาไม่เคยคิดเชื่อ บัดนี้ใกล้จะได้พบบิดาแล้ว เขารู้สึกดีใจอย่างมาก!ซ่งรั่วเจินเองก็เกิดความหวังอย่างอดไม่ได้ นางรู้ว่าซ่งหลินเป็นบิดาที่มีความเมตตาและดีต่อนางมากมาโดยตลอดผ่านความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมเพราะมีนางเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว ดังนั้นจึงได้รับความรักและเอ็นดูเป็นพิเศษ รอกลับถึงเมืองหลวง พวกเขาก็จะได้อยู่ร่วมกันพร้อมหน้าทั้งครอบครัวแล้วราชครูกู้อยู่บัญชาการที่เมืองไห่เทียนดังเดิม รับผิดชอบให้พ่อค้าปล่อยข่าว ในเวลาเดียวกันยังติดต่อทางการให้เพิ่มราคาธัญพืช ดังนั้นจึงไม่ได้ร่วมเดินทางมาด้วย“ท่านอ๋อง ท่านกำลังคิดอันใดอยู่หรือ?”สายตาซ่งรั่วเจินมองเห็นสายตาลุ่มลึกของฉู่จวินถิงคล้ายกำลังถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาเป็นชั้นๆ ภายในนั้นเป็นความหนักใจที่นางมองแล้วไม่เข้าใจฉู่จวินถิงมองซ่งรั่วเจิน กลับไม่คิดปิดบัง เขาเชื่อใจซ่งรั่วเจินอย่างมาก“ก่อนหน้านี้เจ้าพูดว่าดวงชะตาของหลิงเชี่ยนเอ๋อร์แปลกอยู่บ้าง มีพลังโลหิตแฝงอยู่ เป็น
ตลอดการเดินทางหลิงเชี่ยนเอ๋อร์มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เข้าใกล้ตำแหน่งของพี่ชายตน รู้สึกกระวนกระวายภายในใจทั้งๆ ที่พวกเขาจัดการเรื่องที่สมควรทำก่อนกลับเมืองหลวงไว้ดีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นอุทกภัยเมืองผิงหยางเกิดขึ้นโดยบังเอิญได้ไม่นาน พวกเขาฉวยโอกาสกอบโกยทรัพย์สินก่อนจะจากไป ปัญหาที่เกิดขึ้นก็ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาเดิมทีขอเพียงพี่ใหญ่จัดการเรียบร้อยแล้วก็สามารถกลับเมืองหลวงได้ บัดนี้ยังไม่ยอมกลับจึงเรียกความสนใจจากคนมากมาย ตกลงเกิดเรื่องอันใดทำให้เสียเวลากันแน่?ฉู่จวินถิงมุ่งหน้าไปยังเมืองผิงหยาง ราชครูกู้เองก็ไม่ใช่คนรับมือง่าย คงไม่เกิดเรื่องอันใดหรอกกระมัง?เดิมทีนางอยากพาฉู่จวินถิงไปด้วยกัน ขอเพียงขัดขวางพวกเขาได้ ก็สามารถยื้อเวลาให้พี่ใหญ่ได้มากขึ้น ใครคิดเล่าว่าฉู่จวินถิงจะเป็นคนหัวรั้น ไม่สนใจนางเลยสักนิด!นางไม่เชื่อหลอกว่าฉู่จวินถิงจะสามารถต้านทานความเย้ายวนได้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นบุรุษคนหนึ่ง จะโทษก็ต้องโทษซ่งรั่วเจินมีเล่ห์เหลี่ยมมากเกินไป ไม่เพียงมีราชครูกู้ ยังมีสองพี่น้องสกุลซ่งร่วมเดินทางอีกด้วยต่อให้ฉู่จวินถิงเกิดความคิด ก็ไม่อาจทำอันใดยามอยู่ต่อหน้าพวกเขาได้ น่าแ
น่ากลัวว่าข่าวนี้ปล่อยออกมาแล้ว เสียงบ่นตำหนิจะต้องดังขึ้นภายในเมืองไห่เทียนอย่างรวดเร็วแน่“เจ้าวางใจเถอะ ขอเพียงปล่อยข่าวนี้ออกไป อีกไม่นานปัญหาภายในเมืองผิงหยางก็จะคลี่คลาย” ฉู่จวินถิงเอ่ยจ้าวชิงหยวนเองก็ไม่กล้าถามมากนัก เพียงทำตามคำสั่งของฉู่อ๋อง แต่ต่อมาใคร่ครวญอย่างละเอียดแล้วก็เข้าใจขึ้นหลายส่วน“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ข้าถึงขั้นคิดวิธีนี้ไม่ออก!”จ้าวชิงหยวนตบศีรษะ สีหน้ายากจะปกปิดความตื่นเต้น “แม่นาง พวกเจ้ายอดเยี่ยมเกินไปแล้ว ไม่ต้องเปลืองแรงก็สามารถทำให้ราษฎรอิ่มท้องได้!”ก่อนหน้านี้เขาคิดหาทางมากมาย หากสามารถมีเสบียงอาหารเพียงพอ ราษฎรก็ไม่ต้องหิว แต่น่าเสียดายไม่มีคนส่งมอบให้ในราคาเดิม ตรงข้ามกันยังคิดฉวยโอกาสนี้โก่งราคาอีกด้วยซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ “พวกเราเองก็บังเอิญคิดวิธีนี้ขึ้นได้ ใต้เท้าจ้าวจะต้องเก็บเป็นความลับ ห้ามมิให้ข่าวหลุดรอดออกไปได้เล่า”“แม่นางวางใจได้ ข้าจะปิดปากให้สนิท ขอเพียงราษฎรได้อิ่มท้อง ไม่ว่าให้ข้าทำอันใดก็ยอม”ซ่งรั่วเจินเองก็วางใจมาก ขณะเตรียมจากไปกลับถูกจ้าวชิงหยวนร้องเรียกไว้“แม่นาง ข้ารู้ว่าเจ้าเชี่ยวชาญวิชาศาสตร์ลี้ลับ แท้จริง
ซ่งจิ่งเซินได้ฟังคำพูดของน้องสาวบ้านตน ทันใดนั้นเข้าใจขึ้นมาแล้ว “หากพวกเขาได้ยินว่าสามารถหาเงินได้ จะต้องกลัวไล่ตามหลังจึงส่งเสบียงอาหารมา”“ถึงตอนนั้นขอเพียงพวกเราพูดว่าไม่ต้องการ ทำให้ราคาเสบียงอาหารลดลงจนกลับมาเป็นราคาปกติ คาดว่าพวกเขาจะต้องเลือกขายออก ชนิดที่ว่าลดราคาขายเลยทีเดียว” ซ่งรั่วเจินเอ่ยรับซ่งจิ่งเซินยกมุมปาก “เพราะหากพวกเขาส่งเสบียงอาหารกลับมา เพียงเงินค่าขนส่งก็ไม่ใช่จำนวนน้อยแล้ว”ทุกคนได้ยินสองพี่น้องซ่งรั่วเจินพูดรับส่งกัน ดวงตาค่อยๆ ทอประกาย “นี่กลับเป็นวิธีที่ดีอย่างแท้จริง!”“วิธีการนี้ หากสามารถทำได้ เมืองผิงหยางก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเสบียงอาหารแล้ว!”กู้หวยซวี่ชื่นชมอย่างอดไม่ได้ บัดนี้ขาดแคลนเสบียงอาหารที่สุด หากมีเสบียงอาหาร ปัญหาอย่างอื่นก็จะคลี่คลาย!พวกเขาอยู่ในราชสำนักมานานหลายปี ภายในสมองเชี่ยวชาญแก้ไขปัญหาภายในราชสำนัก แต่ความเห็นของรั่วเจินในครั้งนี้ มองจากมุมของพ่อค้า ยังเป็นวิธีการที่ดีอีกด้วย!“เรื่องนี้จะต้องปรึกษากับทางการให้ดี จากนั้นค่อยปล่อยข่าวให้พ่อค้าผู้มั่งคั่งเหล่านี้”ซ่งรั่วเจินใคร่ครวญแล้วจึงเอ่ยปาก หันมองทางซ่งจิ่งเซิน “พี
เดิมทีฉู่เทียนเช่อก็ไม่พอใจที่หลิงเชี่ยนเอ๋อร์เฝ้าหวังเพียงมาขอความช่วยเหลือจากฉู่จวินถิง ด้วยความสามารถของเขาย่อมสามารถจัดการเรื่องทั้งหมดได้บัดนี้ได้ยินคำพูดของสองพี่น้องสกุลซ่ง นี่จึงพูด “แม่นางหลิง เป้าหมายในการมาครั้งนี้ของจวินถิงและราชครูกู้คือจัดการปัญหาอุทกภัย ช่วยเหลือราษฎร พี่ใหญ่ของเจ้ากำลังเผชิญหน้ากับอันตราย ข้าจะพาคนฝีมือดีไปช่วยเจ้าตามหาเอง”“จวินถิง เจ้า...”หลิงเชี่ยนเอ๋อร์ยังไม่ตัดใจดังเดิม ฉู่จวินถิงกลับเอ่ยตัดบทคำพูดของนาง “ความปลอดภัยของพี่ใหญ่เจ้าและความปลอดภัยของราษฎรมากมาย หนักเบาเยี่ยงไร เจ้าน่าจะรู้ดี”ถ้อยคำนี้ยับยั้งคำพูดของหลิงเชี่ยนเอ๋อร์เอาไว้แล้ว ต่อให้ไม่ยินยอมก็ต้องรับปาก“น้องสาม เจ้าจัดการสถานการณ์เป็นเช่นไรแล้ว?” ฉู่เทียนเช่อเอ่ยถามหลิงเชี่ยนเอ๋อร์เองก็เอ่ยปาก “ข้าได้ยินมาว่าวันนี้พวกเจ้าเริ่มแจกจ่ายโจ๊ก เช่นนั้นเมืองผิงหยางจะทำเช่นไร?”“มีราษฎรที่ใดบ้างไม่ใช่ราษฎร? ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยของเมืองไห่เทียนส่วนหนึ่งก่อน พวกเราใกล้จะไปเมืองผิงหยางแล้ว ถึงตอนนั้นค่อยดูสถานการณ์” ฉู่จวินถิงเอ่ยขึ้นได้ยินดังนั้น ฉู่เทียนเช่อคิดเพียงว่าฉู่จวินถิงช่าง