“อยู่ต่อหน้าพวกเราเจ้ายังจะเสแสร้งอันใดอีก? คิดว่าพวกเราโง่เขลาเบาปัญญาเหมือนชิงเจ๋อกระนั้น?”“แหกคุก วางเพลิง ฆ่าคน เรื่องสำคัญเหล่านี้เจ้าไม่พูดออกมาแม้ประโยคเดียว พูดเพียงความสัมพันธ์ชายหญิง พวกเราสนใจกระนั้นหรือ?”“ด้วยฐานะของเจ้าในตอนนี้ ยังสามารถแจ้งทางการจับชิงเจ๋อได้? ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราสืบมาก่อนแล้ว หลายปีมานี้เจ้ายังมีชู้รักอยู่ภายนอก ความบริสุทธิ์ผุดผ่องอะไรนั่นมีค่าไม่ถึงหนึ่งอีแปะ!”“คิดพึ่งพาอาศัยชิงเจ๋อ ภายภาคหน้าจะได้เป็นวัวเป็นม้าให้เจ้า ก็ไม่ดูบ้างว่าเจ้าคู่ควรหรือไม่?”กู้ชิงซิวเปล่งวาจาคมคาย ไม่เกรงใจเลยสักเศษเสี้ยวหลิ่วอวิ๋นเวยชอบเสแสร้ง เช่นนั้นก็นำเรื่องน่าอายทั้งหมดเหล่านั้นมาฉีกหน้านาง!ถ้อยคำนี้พูดออกมาแล้ว สีหน้าหลิ่วอวิ๋นเวยเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์มาก ยังปากแข็ง “ท่านพูดเหลวไหลอะไร? ต่อให้ต้องการปกป้องพี่สาม ก็ไม่สามารถปรักปรำข้าได้!”“ยังต้องปรักปรำเจ้าอีกหรือ?” กู้ชิงซิวหัวเราะ “พูดเหลวไหลปรักปรำผู้อื่นเป็นการกระทำของเจ้า ไม่ใช่อุปนิสัยของพวกเรา!”พูดไป เขาโยนหลักฐานลงต่อหน้ากู้ชิงเจ๋อ “ลืมตาของเจ้าดูให้ดีๆ!”“ตกลงหลิ่วอวิ๋นเวยเป็นคนเช่นไร เพื่อหญ
กู้ชิงเหยี่ยนเอ่ยปากเสียงเย็นชา “นับว่าเจ้ายังมีมโนสำนึกอยู่บ้างที่หย่ากับหวังซื่อ ปล่อยให้นางพาลูกจากไป อย่างน้อยก็หลีกเลี่ยงไม่ต้องเดือดร้อนไปกับเจ้า”“จากที่ข้ามองดู หากเจ้ายังเป็นพ่อคนหนึ่ง ก็รีบเก็บเงินทองส่งไปให้หวังซื่อและลูกๆ เถอะ อย่างไรเสียเจ้าเก็บสิ่งเหล่านี้ไว้ก็ไม่มีประโยชน์อันใดแล้ว”กู้ชิงเจ๋อได้ยินสีหน้าก็เผือดซีด สายตาเปี่ยมความรู้สึกเหลือจะเชื่อ“พวกท่านพูดอันใด? หวังซื่อพาลูกจากไปแล้ว?”“มิเช่นนั้นเล่า?” กู้ชิงเหยี่ยนถามกลับกู้ชิงเจ๋อส่ายหน้า “นี่เป็นไปไม่ได้!”พูดไป เขารีบสวมเสื้อชั้นนอก รีบวิ่งออกไป เขาไม่เชื่อว่าหวังซื่อหย่าร้างกับเขาจริง!พวกกู้ชิงเหยี่ยนเห็นกู้ชิงเจ๋อมีท่าทีแปลกใจ ชุลมุนวุ่นวายมานาน เขาไม่รู้กระทั่งหวังซื่อพาลูกๆ จากไปแล้วกระนั้นรึ?เช่นนั้นหวังซื่อหย่ากับเขาได้เยี่ยงไร?หลิ่วอวิ๋นเวยคิดอยากขวางกู้ชิงเจ๋อไว้ แต่พวกกู้ชิงเหยี่ยนทั้งสองคนอยู่ที่นี่ นางไม่มีโอกาสขัดขวาง พูดออกมาอย่างอดไม่ได้“ข้ายังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า พวกท่านอยู่ที่นี่ทำอันใด? หรืออยากจะทำลายความบริสุทธิ์ของข้า!”ชั่วขณะได้ยินถ้อยคำนี้ กู้ชิงซิวรู้สึกเพียงอยากอาเจียน “ข้า
“มิได้ตั้งใจ?”กู้ชิงเหยี่ยนหัวเราะพรืด หยิบหนังสือหย่าบนโต๊ะ “หมึกดำบนกระดาษขาวเขียนไว้อย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าเป็นชื่อของเจ้า”“เจ้าคงไม่บอกข้าว่าหนังสือหย่าเองก็เป็นเจ้าถูกวางยาแล้วเขียนกระนั้นหรือ? เช่นนั้นหลังเจ้าถูกวางยาแล้วก็ยังมีสติ!”กู้ชิงเจ๋อถลึงตาใส่กู้ชิงเหยี่ยนอย่างโมโหหนึ่งปราด ทุกประโยคที่คนผู้นี้พูดล้วนทำให้เขาโมโหแทบตาย!“พี่ใหญ่ เรื่องมาถึงขั้นนี้ ท่านจะต้องพูดแทงใจข้าให้ได้กระนั้น?”“เจ้ามีความคิดถึงเพียงนี้ ข้าพูดแทงใจเจ้าที่ใดกัน? เพื่อหลิ่วอวิ๋นเวย เจ้าไม่ยอมรับท่านพ่อท่านแม่ ไม่ต้องการพี่ชาย แม้แต่ฮูหยินและลูกก็สามารถทอดทิ้งได้”“บัดนี้เรื่องทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าต้องการไม่ใช่หรือ?” กู้ชิงเหยี่ยนพูดเสียงเรียบต่อให้เป็นพี่น้องกัน เขาก็ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดกู้ชิงเจ๋อเลอะเลือนถึงเพียงนี้ได้ หลิ่วอวิ๋นเวยกรอกน้ำแกงลุ่มหลงให้ดื่มมากน้อยเพียงใดถึงสามารถหลงใหลเช่นนี้ได้?“ข้าเปล่า ข้าเพียงคิดว่าหลายปีนี้อวิ๋นเวยผ่านมาอย่างไม่ง่าย เหตุใดพวกท่านต้องคิดกับข้าสกปรกถึงเพียงนี้!”“ข้าเพียงแต่เห็นนางเป็นน้องสาว สายสัมพันธ์ที่เติบโตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เห็นนาง
ภายในห้อง“กู้ชิงซิว ข้ารู้ว่าท่านต้องการจับข้ากลับไปมอบให้ทางการ ดีชั่วอย่างไรข้าก็เคยเป็นน้องสาวแท้ๆ ของท่าน บัดนี้กู้หรูเยียนกลับมาแล้ว ท่านช่างใจคอโหดเหี้ยมโดยแท้!”หลิ่วอวิ๋นเวยเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน นางไม่เข้าใจเหตุใดสกุลกู้ไร้เยื่อใยถึงเพียงนี้ นางเติบโตในสกุลกู้ตั้งแต่เด็ก ถึงขั้นพูดว่าทิ้งก็ทิ้งนางเลยได้!“เจ้านับเป็นน้องสาวอะไรกัน? เจ้ารู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกแท้ๆ ตั้งนานแล้ว กลับข่มขู่ท่านพ่อท่านแม่ให้มอบทุกอย่างให้เจ้า”“ท่านแม่ขัดขวางเจ้าไม่ให้แต่งกับฉินเจิง เจ้าโมโหก็ถือดาบเกือบฆ่าท่านแม่ตายไปแล้ว เด็กอกตัญญูอย่างเจ้า พวกเรายังต้องดีด้วยอีกหรือ? เจ้าคู่ควรกระนั้นรึ?”กู้ชิงเจ๋อที่ได้ยินถ้อยคำนี้เบิกตากว้าง ก่อนหน้านี้พี่รองเองก็เคยพูดกับเขา แต่เขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้อวิ๋นเวยใจเซาะ ไฉนเลยจะถือดาบ ยิ่งไม่ต้องพูดว่าข่มขู่มารดาจากนั้นอวิ๋นเวยอธิบายความเข้าใจผิดทั้งหมดให้เขาฟัง เอือมระอาทุกคนล้วนปกป้องมารดา ไม่มีคนฟังคำอธิบายของนางเขาเลือกเชื่ออวิ๋นเวยจากนั้น หลิ่วอวิ๋นเวยภายในห้องเปลี่ยนสีหน้าตั้งนานแล้ว “นั่นเป็นนางยุ่งไม่เข้าเรื่องเอง! ข้าบอกว่าชอบฉินเจิง นางรับปากก็พอแ
ที่แท้ นางเพียงหลอกใช้เขา ชนิดที่ว่าเห็นเขาเป็นตัวโง่งม ควบคุมเขาไว้ในกำมือ!“หลิ่วอวิ๋นเวย ข้าไม่รู้เลยว่าเจ้าจะแสดงเก่งถึงเพียงนี้!”กู้ชิงเจ๋อโมโหโผล่พรวดเข้าไปภายในห้อง ภายในสายตาเปี่ยมโทสะ อยากฉีกหลิ่วอวิ๋นเวยเป็นชิ้นๆหลิ่วอวิ๋นเวยคิดไม่ถึงเลยว่ากู้ชิงเจ๋อจะได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ สายตาว้าวุ่น รีบพูดว่า “พี่สาม ท่านฟังข้าอธิบายก่อน”“ข้าได้ยินทั้งหมดอย่างชัดเจน เจ้ายังมีคำใดต้องการอธิบายอีก!”“ไม่ๆ” หลิ่วอวิ๋นเวยตกตะลึงรับมือไม่ทัน “ข้าเพียงกลัวมากเกินไปจึงพูดชิงไหวชิงพริบกับพี่รอง ข้าทำเพื่อปกป้องตนเองเท่านั้น หรือท่านฟังไม่ออก?”เพียงแต่ครั้งนี้กู้ชิงเจ๋อไม่เชื่ออีก คิดเพียงว่าตนเองช่างโง่เขลาเบาปัญญาเหลือเกิน!“ตอนนี้เจ้าเห็นชัดเจนแล้ว คืนนี้พวกเราจะเอาตัวนางไปส่งทางการ เจ้ายังมีความเห็นอีกหรือไม่?”สีหน้ากู้ชิงซิวเรียบเฉย เขารู้สึกผิดหวังต่อกู้ชิงเจ๋อตั้งนานแล้ว ต่อให้เขาไม่รับปาก แต่ก็เตรียมการไว้พรักพร้อมแล้วกู้ชิงเจ๋อส่ายหน้า ความเชื่อตลอดหลายปีที่ผ่านมาพังทลายลง เขาเป็นเพียงตัวโง่งมคนหนึ่งญาติมิตรหักหลังตีจาก......สกุลซ่ง“น้องหญิงห้า พรุ่งนี้ก็จะออกเดินทางแ
คืนวันนี้คล้ายมืดมิดเป็นพิเศษ เสียงลมหวีดหวิวเสียดแทงเข้ากระดูก หลิ่วอวิ๋นเวยถูกโยนทิ้งไว้หน้าประตูทางการนางถูกมัดไว้ด้วยเชือก ล้มลงบนพื้นคล้ายหนอนตัวหนึ่ง เดิมทีก็ขยับไม่ได้ นางอ้าปาก พบว่าตนเองถูกวางยาจนเป็นใบ้ไปแล้ว พูดไม่ออกแม้คำเดียวมือสองข้างเจ็บปวดอย่างรุนแรง นางหวาดกลัวอย่างมากภายในใจ คิดไม่ถึงเลยว่ากู้ชิงเหยี่ยนและกู้ชิงซิวจะลงมือกับนางจริง!หลังกู้ชิงซิวโยนคนลงไปแล้ว ก็ตีกลองร้องทุกข์หน้าประตูทางการ จากนั้นหายไปท่ามกลางความมืดต่อมา เขาเพิ่งจากไปได้ไม่นาน คนหนึ่งกลุ่มก็โผล่ออกมาอย่างกะทันหัน ภายในมือถือคบเพลิงหลิ่วอวิ๋นเวยมองใบหน้าที่ไม่รู้จักที่ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึง ความหวังสายหนึ่งเกิดขึ้นมาอีกครั้ง คนเหล่านี้ไม่ใช่คนของทางการ ใช่หรือไม่ว่ามาช่วยนาง?“เป็นหลิ่วอวิ๋นเวยไม่ผิดแน่!”คนเป็นหัวหน้าได้เห็นใบหน้าของหลิวอวิ๋นเวยอย่างชัดเจนแล้ว อย่างไรเสียก็เป็นฮูหยินแม่ทัพ พวกเขาเคยพบเห็นตามย่านชุมชนมาก่อนเพียงหลิ่วอวิ๋นเวยได้ยินก็รีบพยักหน้า หวังเพียงให้คนเหล่านี้รีบช่วยตนเองไปก่อนคนของทางการจะมาถึง หาไม่แล้วจะไม่ทันเวลา!จากนั้น หลังทุก
ซ่งจืออวี้เล่าข่าวที่ได้รับมาวันนี้อย่างออกรสออกชาติ คิดเพียงว่าช่างครึกครื้นเสียจริง “ได้ยินมาว่าทางการยังอยากสอบสวน แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางจะถูกวางยาจนกลายเป็นใบ้ไปแล้ว ไม่สามารถพูดได้”“นางกระอักเลือดออกมา จากนั้นก็ตายไป ได้ยินมาว่าถูกตีอย่างอนาถ ยังมิสู้ถูกตัดหัวจะดีกว่า”“คนอย่างนางเดิมทีก็ไม่สมควรมีจุดจบที่ดี ก่อนตายยังทำร้ายคนมากมาย ก็คือเดรัจฉานอย่างแท้จริง!”ภายในก้นบึ้งของสายตาซ่งรั่วเจินล้วนคือความรังเกียจ กระนั้นก็นับว่าคลี่คลายปัญหาได้เรื่องหนึ่งแล้ว“น้องหญิงห้า ยังมีอีกหนึ่งเรื่อง” ซ่งจืออวี้พูด“เรื่องใด?”ซ่งจืออวี้กระซิบเสียงแผ่ว “ได้ยินมาว่าท่านตาลบชื่อกู้ชิงเจ๋อออกจากลำดับวงศ์ตระกูลแล้ว ตัดขาดความสัมพันธ์พ่อลูก เพียงข่าวนี้แพร่งพรายออกมา ก็ทำให้คนมากมายตกตะลึง”“ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินมาว่านายท่านสามกู้และหลิ่วอวิ๋นเวยมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก บัดนี้ทุกคนล้วนรู้ว่าเรื่องป้ายทองละเว้นโทษตายล้วนหนีไม่พ้นเขา”“ทั้งๆ ที่ท่านแม่นับญาติกับสกุลกู้แล้ว ทว่านายท่านสามกู้ยังวางท่า ไม่ยอมมาพบหน้าเลยสักครั้ง บัดนี้ดีแล้ว ไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอีก”“รนหาที่เอง บางคนดื้อ
“น้องหญิงห้า เพิ่งได้รับข่าวมาว่าวันนี้ที่ต้องเดินทางลงใต้ นอกจากฉู่อ๋องและท่านตาแล้ว เช่ออ๋องและแม่นางหลิงก็ร่วมเดินทางไปด้วยกัน เจ้าว่าแปลกหรือไม่?”“เช่ออ๋องและแม่นางหลิงเองก็ไปด้วย?”สายตาซ่งรั่วเจินเผยความแปลกใจ ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน“ข้าคิดว่าน่าจะเพิ่งส่งข่าวมา ก่อนหน้านี้ไปกินมื้อเย็นที่บ้านท่านตา ท่านตาก็ไม่เคยเอ่ยถึงมาก่อน น่ากลัวว่าเป็นฮองเฮามีเจตนาจับคู่กระมัง?”สายตาซ่งจิ่งเซินซับซ้อน “แต่ว่าน้องหญิงห้า เจ้าเองก็ไม่ต้องใส่ใจ หัวใจของฉู่อ๋องอยู่ที่เจ้า คนอื่นคิดอยากทำลายก็ไม่มีประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีท่านตาอยู่นะ”ท่านตาไม่โง่เสียหน่อย จะต้องไม่ปล่อยให้หลิงเชี่ยนเอ๋อร์สบโอกาสแน่!ซ่งรั่วเจินถอนหายใจอย่างสุดระงับ ท่านตาอายุปูนนี้แล้วยังต้องช่วยเป็นเกราะกำบังความรักให้นาง นี่ยากเกินไปแล้วกระมัง!แท้จริงแล้วนางไม่ใส่ใจหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ ก่อนหน้านี้ฉู่จวินถิงพูดว่าสงสัยสกุลหลิง การตัดสินใจนี้จึงมีความเป็นไปได้สองอย่างประการแรกคือฮองเฮามีเจตนาเสนอขึ้น ฉู่จวินถิงจึงพายเรือตามน้ำ ฉวยโอกาสนี้สืบเรื่องหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ให้กระจ่างประการที่สองนี่คือแผนการหนึ่ง สกุลห
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที
เมื่อเห็นกู้ฮวนเอ๋อร์ภาคภูมิใจเช่นนี้ ซ่งรั่วเจินและคนอื่น ๆ ก็อดมิได้ที่จะสงสัยใคร่รู้ ว่าของล้ำค่าที่ว่าคือสิ่งใดกันแน่? “ผ่าม!” กู้ฮวนเอ๋อร์เปิดกล่องผ้าไหมออกด้วยความตื่นเต้นยิ่ง แต่ทว่าหลังจากที่ทุกคนในงานเห็นของในกล่องผ้าไหมแล้ว ล้วนนิ่งงันไปทันที เนื่องด้วยในกล่องนั้นมีเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรอยู่องค์หนึ่ง! “แค่กๆ” ฉู่อวิ๋นกุยกระแอมครั้งหนึ่ง แต่ใบหน้ากลับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ สตรีที่เขาชอบนั้น ช่างเป็นคนที่ชาญฉลาดนัก! ซ่งรั่วเจินพลันมองไปทางฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว ใบหน้ากลับเห่อแดงขึ้นมา แววตาของฉู่จวินถิงปรากฏแววขบขันวาบผ่าน ของขวัญชิ้นนี้ช่างมีความหมายยิ่งนัก กู้ฮวนเอ๋อร์เห็นว่าหลังจากที่ตนหยิบของขวัญออกมาแล้ว ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น ”นี่มันสีหน้าอะไรของพวกเจ้ากัน? หรือว่าไม่ดีงั้นหรือ?“ “เจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรองค์นี้ ข้าไปกราบขอมาโดยเฉพาะ ผ่านพิธีปลุกเสก ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก!” ซ่งรั่วเจิน “...” หลายครั้งนางเองก็นับถือกู้ฮวนเอ๋อร์จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่อายุน้อยขนาดนี้ แต่ความคิดที่จะมอบของขวัญให้กลับเหมือนค
ณ เวลาเดียวกันนั้น อวิ๋นเนี่ยนชูก็ได้มาหาซ่งรั่วเจินเช่นกัน “รั่วเจิน ยินดีกับเจ้าด้วยนะ ข้าเองก็เห็นเหตุการณ์ในงานเทศกาลโคมไฟแล้ว เดิมทีอยากจะไปแสดงความยินดีกับเจ้าอยู่หรอก แต่หลังจากนั้นเกิดเรื่องบางอย่างทำให้ล่าช้าไป จึงต้องมามอบของขวัญแสดงความยินดีในวันนี้” อวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มพลางยื่นของขวัญแสดงความยินดีไปให้ “นี่คือของสิ่งนี้ข้าเตรียมไว้แต่เนิ่น ๆ แล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนดีจริง ๆ เมื่อพวกเจ้าได้แต่งงานกันแล้วจักต้องครองรักกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข จนผู้คนรอบข้างพากันริษยาแน่นอน” ซ่งรั่วเจินมองดูอวิ๋นเนี่ยนชูเปิดกล่องผ้าไหมออก ภายในบรรจุเครื่องประดับศีรษะของสตรีครบชุด เครื่องตกแต่งอื่น ๆ ไปจนถึงเครื่องประทินโฉม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด “ของมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ดูแล้วครบชุดเลย เจ้าให้จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะหรือ?” “ใช่แล้ว!” อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้าพลางยิ้ม “แต่ก่อนข้าครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าควรจะมอบสิ่งใดให้เจ้าเป็นของขวัญดี แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีสิ่งที่เหมาะสมที่สุดได้เลย” “หลังจากนั้น ข้าก็คิดว่า สิ่งที่สตรีมักจะใช้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวันก็มิพ้นเคร
เมื่อได้ฟังสิ่งที่จางเหวินพูด กู้หรูเยียนกับเยี่ยนชิงอวี้ต่างก็อดมิได้ที่จะตกตะลึง ตั้งแต่เมื่อเริ่มรู้จักความรักครั้งแรกก็ชอบพอเฉิงเจ๋อ ถ้าอย่างนั้น ก็ชอบพอหลายปีจริง ๆ พวกเขากลับมิรู้มาโดยตลอด คิดดูแล้ว ในใจเด็กทั้งสองคงมีสิ่งที่เก็บกลั้นไว้อยู่ “จะว่าไป ก็ต้องโทษที่ก่อนหน้านี้ที่ข้ามิได้ใส่ใจให้ดีนัก เอาแต่ให้เฉิงเจ๋อคอยดูแลน้องสาวให้ดี” “เนี่ยนชูชอบตามติดอยู่ข้างกายเฉิงเจ๋อมาตั้งแต่เล็ก ทุกครั้งที่เฉิงเจ๋อกลับจากสำนักศึกษา เป็นเวลาที่นางมักดีใจเป็นที่สุด ข้าก็นึกว่าเป็นเพียงความรักฉันพี่น้องมาโดยตลอด” “มาตรองดูดี ๆ แล้ว ตอนนั้นข้าก็ควรพบความผิดแผกได้ หากเป็นเพียงพี่น้องธรรมดา เหตุใดเด็กทั้งสองจึงมิยอมแต่งงานจนถึงตอนนี้?” จางเหวินยิ่งเอ่ยก็ยิ่งปวดใจ เมื่อนึกถึงคราวก่อนที่อนุอวิ๋นยังหมายจะยกอวิ๋นซีหว่านที่ยังไม่ได้แต่งงานให้แก่เฉิงเจ๋อ เกรงว่าตอนนั้น หัวใจของเด็กทั้งสองคงรวดร้าวมิใช่น้อย ถึงขั้นที่ เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นในตอนนั้น นางยังเคยกล่าวกับเฉิงเจ๋อด้วยว่า เรื่องนี้ช่างน่าขันเสียจริง นางมองเขาเป็นดั่งบุตรชายแท้ ๆ มาโดยตลอด อนาคตจะต้องเลือกคู่ค
“พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ายังจะเกรงใจข้าอีกหรือ? ที่ข้ามานี้ มิใช่เพียงเพื่อช่วยรั่วเจินเตรียมงานแต่งเท่านั้น อีกทั้งยังได้เห็นหน้าชิงอินด้วย ช่างเป็นเรื่องดีเสียจริง” ขณะที่กู้หรูเยียนและเยี่ยนชิงอวี้กำลังสนทนาหยอกเย้ากันอยู่นั้น ก็พลันสังเกตเห็นว่าจางเหวินราวกับเหม่อลอยอยู่ไม่น้อย “หรือว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ? เหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีเหม่อลอยเช่นนี้?” กู้หรูเยียนเอ่ยถาม จางเหวินจึงได้คืนสติ ในใจของนางล้วนมีแต่เรื่องของเนี่ยนชูกับเฉิงเจ๋อ จนเผลอใจลอยไปโดยไม่รู้ตัว “ข้า...” นางเหมือนจะเอื้อนเอ่ย แต่กลับชะงักไป เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “เจ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกพวกเราได้งั้นหรือ? บอกมาตามตรงเถิด” “ที่อนุอวิ๋นพูดมามิผิดเลย ระหว่างเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อต่างก็มีใจให้กัน” จางเหวินทอดถอนใจครั้งหนี่ง เมื่อนึกถึงภาพที่นางได้เห็นเมื่อวานยามกลับจวน เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเฉิงเจ๋อในสภาพเช่นนั้น บทสนทนาของทั้งสอง นางก็พลอยได้ยินไปด้วย นางจึงได้รู้ว่าที่แท้เนียนชู่ชอบพอเฉิงเจ๋อมาหลายปีเพียงนี้ ในฐานะมารดาเช่นนาง นางคิดว่าตนใส่ใจบุตรเป็นอย่าง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น นางกำนัลในตำหนักจงเฟยก็พลันเข้ามา“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” นางกำนัลก้มกายคำนับด้วยท่าทางเคารพนบนอบ แต่ในมือกลับถือเซียนบุปผาเอาไว้หนึ่งองค์ “แม่นางของบ่าว ให้บ่าวนำเซียนบุปผามาให้ฮองเฮา ขอเพียงทรงบูชาด้วยใจที่ตั้งมั่น ก็จะสามารถเปล่งปลั่งผุดผ่อง ทำให้เยาว์วัยตราบนานเท่านาน” เมื่อวาจาถูกเปล่งออกมาเช่นนั้น ฮองเฮาและลู่หมิ่นฮุ่ย ต่างพินิจพิจารณาเซียนบุปผาที่อยู่ตรงหน้า ต้องบอกเลยว่ารูปปั้นนี้ถูกทำขึ้นได้สมจริงยิ่งนัก เซียนบุปผานั้นก็งามวิจิตรด้วยรูปลักษณ์อันเย้ายวนตา “นี่มันเซียนบุปผาอะไรกัน? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” แววตาของฮองเฮาปรากฏแววประหลาดใจวาบหนึ่ง ในใจกับยิ่งรู้สึกสงสัย จงเฟยมีน้ำใจงามถึงเพียงนี้เชียวหรือ จึงยอมมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่นาง? นางสนมวังหลัง ต่างกำลังช่วงชิงแข่งขัน หวังเพียงให้ตนสามารถงามล้ำกว่าผู้อื่น เพื่อที่ฮ่องเต้จะได้ต้องตาในคราแรกเห็น จงเฟยในวันนี้ผุดผ่องไปทั้งตัวยิ่งกว่าทุกวัน แค่ฮ่องเต้ได้เห็น ราตรีนี้ย่อมต้องพลิกป้ายชื่อของนางเป็นแน่ หากความลับที่ทำให้จงเฟยงดงามขึ้นเป็นเพราะการบูชาเซียนบุปผ
นับตั้งแต่แต่งงานกันเป็นต้นมา ท่านอ๋องก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังจากแต่งงานแล้ว นั่นยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยฮองเฮามองแหวนบนมือลู่หมิ่นฮุ่ยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านอ๋องของเจ้าดีต่อเจ้ามากมาแต่ไหนแต่ไร ส่งของขวัญมาให้รวดเร็วปานนี้ ข้าได้ยินมาว่าแหวนในร้านขายเครื่องประดับทั่วเมืองหลวงถูกขายหมดเกลี้ยงแล้ว เมื่อก่อนหาได้ขายดีเท่าปิ่นปักผมไม่”“ไม่รู้ว่าจวินถิงคิดวิธีแปลกใหม่เช่นนี้ได้อย่างไร แต่ข้าแค่ได้ยินก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนเป็นคู่สร้างคู่สมโดยแท้ ช่างชวนให้คนอิจฉานัก”ลู่หมิ่นฮุ่ยดื่มชาจิบหนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “พี่หญิง ยามนี้ท่านคิดตกแล้วช่างดีเหลือเกิน ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่ไทเฮาทรงทราบว่าฝ่าบาทพระราชทานสมรส ยังให้คนนำของพระราชทานไปส่งที่สกุลซ่งไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่าโปรดปรานแม่นางซ่งมาก”ฮองเฮาพยักหน้าน้อยๆ วันนี้ตอนที่นางได้ยินข่าวนี้ก็มีความคิดแบบเดียวกัน ความโปรดปรานที่ไทเฮามีต่อซ่งรั่วเจินช่างชวนให้คนประหลาดใจโดยแท้แต่สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นข่าวดียิ่งโดยไม่ต้องสงสัย“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าแม่นางสกุลหลิงผู้นั้นหมู่นี้ใกล้ชิดกับเช่ออ๋องมากทีเดียว คน
“ก่อนแต่งงานเขาสามารถคิดวิธีการนี้ออกมาได้ หลังแต่งงานก็ย่อมสามารถคิดวิธีอื่นออกมาได้เหมือนกัน เขาย่อมจะมีวิธีแก้ไข”ซ่งหลินมองไปทางกู้หรูเยียน “คิดถึงสมัยที่แม่ข้ายังอยู่ ข้าก็จัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”กู้หรูเยียนอึ้งไป คิดถึงเมื่อครั้งที่แม่สามียังอยู่ ระหว่างนางกับแม่สามีก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีความขัดแย้งอันใด ทุกครั้งซ่งหลินล้วนจัดการได้ดีมากตอนเริ่มแรก นางเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเพราะแม่สามีนิสัยดี รู้สถานการณ์ที่นางอยู่ในตระกูลหลิ่วแล้วยังยินดียอมรับนางอย่างไรเสีย รูปแบบการทำเรื่องต่างๆ ของตระกูลหลิ่วหลายปีมานี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ดื้อด้านไร้เหตุผล ชอบมาหาผลประโยชน์จากตระกูลซ่ง นางรู้สึกละอายใจต่อตระกูลซ่งมาโดยตลอดโชคดีที่ทั้งแม่สามีและพ่อสามีล้วนไม่เคยตำหนินางเพราะเรื่องนี้ นางย่อมเข้าใจว่าในเรื่องนี้ย่อมขาดความชอบของซ่งหลินไปไม่ได้เลย“ตอนนั้นท่านโน้มน้าวแม่สามีอย่างไรหรือ?” กู้หรูเยียนถามอย่างสงสัยตอนนั้นนางกังวลใจไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ทุกครั้งที่ซ่งหลินบอกนางว่าไม่เป็นไร พ่อสามีและแม่สามีจิตใจกว้างขวาง ไม่เคยเก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ แต่กลับเห็นใจนางเป
“เมื่อวานข้าได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ การจัดเตรียมแสนอลังการแบบนี้ ไม่เพียงแค่ไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความจริงใจของฉู่อ๋อง”“ตอนที่ข้าเห็นฉู่อ๋องเป็นฝ่ายถามแม่นางซ่งว่ายินดีแต่งงานกับเขาหรือไม่ก็รู้สึกว่าถ้าบุรุษในใต้หล้าเป็นเหมือนเขากันทุกคนก็คงดี”“ไม่รู้ว่าการมอบแหวนมีความหมายพิเศษอันใดหรือไม่? ตอนข้าเห็นฉู่อ๋องสวมแหวนให้แม่นางซ่งก็รู้สึกว่าพิเศษเอามากๆ วันหน้าตอนข้าแต่งงานก็อยากทำเช่นนี้เหมือนกัน”ทันใดนั้น แหวนในร้านขายเครื่องประดับก็กลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด ตั้งแต่เมื่อคืนวานจนถึงเช้าวันนี้ แหวนทั้งหมดล้วนขายไปจนหมดเกลี้ยงขณะที่เวลานี้จวนสกุลซ่งเพิ่งได้รับราชโองการพระราชทานสมรส“ยินดีด้วย แม่ทัพซ่ง ซ่งฮูหยิน วันที่แปดเดือนหน้าเป็นวันดี หลังแต่งงานแล้ว แม่นางซ่งก็จะกลายเป็นพระชายาฉู่อ๋อง”ขันทีที่อัญเชิญราชโองการมามีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ตำแหน่งพระชายาฉู่อ๋องว่างเว้นมานานมากแล้ว ฉู่อ๋องควรแต่งงานตั้งแต่หลายปีก่อน แต่ก็ผัดผ่อนมาจนถึงตอนนี้บัดนี้ในที่สุดก็มีว่าที่พระชายาฉู่อ๋องเสียที ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองโดยแท้“เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของพระราชทานจากในวัง ไม่เพ