กู้ชิงเจ๋อรู้สึกเพียงสมองขาวโพลน คิดแล้วก็ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดเขาจึงนอนเตียงเดียวกับหลิ่วอวิ๋นเวยเขาพยายามย้อนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน จำได้เพียงว่าตอนนั้นเขาอยากรอให้หลิ่วอวิ๋นเวยหลับก่อนค่อยไปหาหวังซื่อ แต่ใครคิดเล่าว่าดื่มชาไปหนึ่งถ้วย เขาก็จำอันใดไม่ได้อีกหลิ่วอวิ๋นเวยแสร้งตื่นขึ้นมา ได้เห็นสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริดของกู้ชิงเจ๋อ นางตกใจก่อนเป็นอย่างแรก ต่อมาเผยสีหน้าเขินอาย“พี่สาม เมื่อคืนท่าน...”กู้ชิงเจ๋อไม่คุ้นชินกับท่าทางเช่นนี้ของหลิ่วอวิ๋นเวย พวกเขาเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก เห็นอวิ๋นเวยเป็นน้องสาวมาโดยตลอดต่อให้ตอนนี้รู้ว่านางไม่ใช่น้องสาวของตน แต่ความรู้สึกหลายปีนี้เป็นของจริง โดยเฉพาะได้เห็นท่าทางน่าสงสารของอวิ๋นเวย ตั้งแต่เริ่มจนจบเขาก็ไม่อาจหักใจไม่ใยดีนางได้ดังนั้นหลังได้เห็นอวิ๋นเวยที่โดดเดี่ยวน่าสงสารมาขอความช่วยเหลือ เขาจึงยังรับนางเข้าจวนแต่ตอนนี้พวกเขากลายเป็นอะไรแล้ว?หลิ่วอวิ๋นเวยเห็นกู้ชิงเจ๋อยังตกใจและงุนงง ท่าทางสะท้อนความเสียใจ กลับไม่รู้สึกแปลกใจ แต่นางเชื่อว่าระหว่างชายหญิงไม่มีความสัมพันธ์ฉันเพื่อนบริสุทธิ์เช่นนั้นตั้งแต่แรกทั้งๆ ที่รู้ว่าน
กู้ชิงเจ๋อเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด แต่ไหนแต่ไรมาเขาดีต่ออวิ๋นเวยเพราะเป็นหน้าที่ของพี่ชายพี่ใหญ่พี่รองเย็นชาเกินไป น้องสาวล่วงเกินบิดามารดา บิดามารดาไม่สนใจก็ช่างเถอะ แต่พวกเขาพี่น้อง น้องสาวไม่ได้ทำผิดต่อพวกเขา หรือไม่สามารถใจกว้างต่อน้องสาวได้?ทว่าบัดนี้ เขาและอวิ๋นเวยทำเรื่องพรรค์นี้ ภายภาคหน้าไม่สามารถพูดว่าระหว่างพวกเขาไม่มีอะไรได้อีกย้อนนึกถึงเมื่อแรกหวังซื่อพูดกับเขาว่าอย่าใกล้ชิดอวิ๋นเวยเกินไปนัก จนเกิดเป็นความสัมพันธ์ที่เหนือกว่าพี่น้อง เขายังตอบโต้อย่างมีเหตุผลได้ แต่บัดนี้เขายังมีหน้าอะไรพูดเช่นนี้อีก?หลิ่วอวิ๋นเวยเห็นกู้ชิงเจ๋อถึงขั้นไม่คิดรับผิดชอบ สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์“พี่สาม เหตุใดท่านทำกับข้าเช่นนี้? ข้า...หลายปีมานี้ข้าบริสุทธิ์ผุดผ่องมาโดยตลอด!”พูดจบ หลิ่วอวิ๋นเวยก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นใต้ผ้าห่มกู้ชิงเจ๋อที่เตรียมจากไปได้ยินเสียงร้องไห้ของหลิ่วอวิ๋นเวย ไม่อาจเมินข้ามได้ ทำได้เพียงเข้าไปปลอบ“อวิ๋นเวย เจ้าอย่าเพิ่งร้อง มีเรื่องใดก็พูดกันดีๆ เจ้าอย่าซ่อนตัวใต้ผ้าห่มอีกเลย”ยามกู้ชิงเหยี่ยนและกู้ชิงซิวมาถึงคฤหาสน์ที่อยู่ภายนอกของกู้ชิงเจ๋อ บ่าวรับใช้ก็
พวกกู้ชิงเหยี่ยนเพิ่งเหยียบเข้าลานบ้านได้สองก้าวก็ได้ยินเสียงกู้ชิงเจ๋อปลอบโยนกู้อวิ๋นเวย“อวิ๋นเวย มีเรื่องใดก็พูดกันดีๆ เจ้าอย่าซ่อนตัวใต้ผ้าห่มอีกเลย ดีหรือไม่?”เพียงได้ยินเสียงนี้ก็รู้สึกไม่ชอบมาพากล เสียงแหบพร่าหลายส่วน กลับคล้ายกำลังปลอบโยนคนรัก มิใช่พี่น้องทั้งคู่สบตากันแวบหนึ่ง พังประตูเข้าไป หลังพวกเขาได้เห็นฉากเบื้องหน้าแล้ว ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงได้เห็นกู้ชิงเจ๋อสวมเพียงชุดซับใน ชนิดที่ว่ายังไม่ได้มัดให้ดี บนคอยังปรากฏรอยแดงคลุมเครืออีกด้วยหลิ่วอวิ๋นเวยได้ยินเสียงดังขึ้นอย่างกะทันหันก็ตกตะลึงพรึงเพริด จากนั้นโผล่ศีรษะออกมาพวกกู้ชิงเหยี่ยนทั้งสองคนสามารถมองผ่านลำคอของนางและรู้ได้ว่านางไม่ได้สวมเสื้อผ้า สองคนนี้ทำอันใดภายในห้อง ไม่ต้องพูดก็รู้ได้“กู้ชิงเจ๋อ เจ้าเหลวไหลจริงๆ! เหตุใดถึงทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ออกมาได้?”กู้ชิงเหยี่ยนเหวี่ยงหมัดเปี่ยมโทสะเข้าไปโดยตรง เหตุใดเขาถึงมีน้องชายโง่เขลาเช่นนี้!“สตรีบนโลกนี้ตายไปหมดแล้วหรือ? ต่อให้เจ้าอยากรับอนุ ก็สมควรรับอนุที่ดี!”“เพื่อภรรยาที่ถูกขับไล่คนหนึ่ง เพื่อนักโทษคนหนึ่ง ถึงขั้นหย่าร้างกับหวังซื่อ ข้าว่าเจ
“อยู่ต่อหน้าพวกเราเจ้ายังจะเสแสร้งอันใดอีก? คิดว่าพวกเราโง่เขลาเบาปัญญาเหมือนชิงเจ๋อกระนั้น?”“แหกคุก วางเพลิง ฆ่าคน เรื่องสำคัญเหล่านี้เจ้าไม่พูดออกมาแม้ประโยคเดียว พูดเพียงความสัมพันธ์ชายหญิง พวกเราสนใจกระนั้นหรือ?”“ด้วยฐานะของเจ้าในตอนนี้ ยังสามารถแจ้งทางการจับชิงเจ๋อได้? ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราสืบมาก่อนแล้ว หลายปีมานี้เจ้ายังมีชู้รักอยู่ภายนอก ความบริสุทธิ์ผุดผ่องอะไรนั่นมีค่าไม่ถึงหนึ่งอีแปะ!”“คิดพึ่งพาอาศัยชิงเจ๋อ ภายภาคหน้าจะได้เป็นวัวเป็นม้าให้เจ้า ก็ไม่ดูบ้างว่าเจ้าคู่ควรหรือไม่?”กู้ชิงซิวเปล่งวาจาคมคาย ไม่เกรงใจเลยสักเศษเสี้ยวหลิ่วอวิ๋นเวยชอบเสแสร้ง เช่นนั้นก็นำเรื่องน่าอายทั้งหมดเหล่านั้นมาฉีกหน้านาง!ถ้อยคำนี้พูดออกมาแล้ว สีหน้าหลิ่วอวิ๋นเวยเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์มาก ยังปากแข็ง “ท่านพูดเหลวไหลอะไร? ต่อให้ต้องการปกป้องพี่สาม ก็ไม่สามารถปรักปรำข้าได้!”“ยังต้องปรักปรำเจ้าอีกหรือ?” กู้ชิงซิวหัวเราะ “พูดเหลวไหลปรักปรำผู้อื่นเป็นการกระทำของเจ้า ไม่ใช่อุปนิสัยของพวกเรา!”พูดไป เขาโยนหลักฐานลงต่อหน้ากู้ชิงเจ๋อ “ลืมตาของเจ้าดูให้ดีๆ!”“ตกลงหลิ่วอวิ๋นเวยเป็นคนเช่นไร เพื่อหญ
กู้ชิงเหยี่ยนเอ่ยปากเสียงเย็นชา “นับว่าเจ้ายังมีมโนสำนึกอยู่บ้างที่หย่ากับหวังซื่อ ปล่อยให้นางพาลูกจากไป อย่างน้อยก็หลีกเลี่ยงไม่ต้องเดือดร้อนไปกับเจ้า”“จากที่ข้ามองดู หากเจ้ายังเป็นพ่อคนหนึ่ง ก็รีบเก็บเงินทองส่งไปให้หวังซื่อและลูกๆ เถอะ อย่างไรเสียเจ้าเก็บสิ่งเหล่านี้ไว้ก็ไม่มีประโยชน์อันใดแล้ว”กู้ชิงเจ๋อได้ยินสีหน้าก็เผือดซีด สายตาเปี่ยมความรู้สึกเหลือจะเชื่อ“พวกท่านพูดอันใด? หวังซื่อพาลูกจากไปแล้ว?”“มิเช่นนั้นเล่า?” กู้ชิงเหยี่ยนถามกลับกู้ชิงเจ๋อส่ายหน้า “นี่เป็นไปไม่ได้!”พูดไป เขารีบสวมเสื้อชั้นนอก รีบวิ่งออกไป เขาไม่เชื่อว่าหวังซื่อหย่าร้างกับเขาจริง!พวกกู้ชิงเหยี่ยนเห็นกู้ชิงเจ๋อมีท่าทีแปลกใจ ชุลมุนวุ่นวายมานาน เขาไม่รู้กระทั่งหวังซื่อพาลูกๆ จากไปแล้วกระนั้นรึ?เช่นนั้นหวังซื่อหย่ากับเขาได้เยี่ยงไร?หลิ่วอวิ๋นเวยคิดอยากขวางกู้ชิงเจ๋อไว้ แต่พวกกู้ชิงเหยี่ยนทั้งสองคนอยู่ที่นี่ นางไม่มีโอกาสขัดขวาง พูดออกมาอย่างอดไม่ได้“ข้ายังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า พวกท่านอยู่ที่นี่ทำอันใด? หรืออยากจะทำลายความบริสุทธิ์ของข้า!”ชั่วขณะได้ยินถ้อยคำนี้ กู้ชิงซิวรู้สึกเพียงอยากอาเจียน “ข้า
“มิได้ตั้งใจ?”กู้ชิงเหยี่ยนหัวเราะพรืด หยิบหนังสือหย่าบนโต๊ะ “หมึกดำบนกระดาษขาวเขียนไว้อย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าเป็นชื่อของเจ้า”“เจ้าคงไม่บอกข้าว่าหนังสือหย่าเองก็เป็นเจ้าถูกวางยาแล้วเขียนกระนั้นหรือ? เช่นนั้นหลังเจ้าถูกวางยาแล้วก็ยังมีสติ!”กู้ชิงเจ๋อถลึงตาใส่กู้ชิงเหยี่ยนอย่างโมโหหนึ่งปราด ทุกประโยคที่คนผู้นี้พูดล้วนทำให้เขาโมโหแทบตาย!“พี่ใหญ่ เรื่องมาถึงขั้นนี้ ท่านจะต้องพูดแทงใจข้าให้ได้กระนั้น?”“เจ้ามีความคิดถึงเพียงนี้ ข้าพูดแทงใจเจ้าที่ใดกัน? เพื่อหลิ่วอวิ๋นเวย เจ้าไม่ยอมรับท่านพ่อท่านแม่ ไม่ต้องการพี่ชาย แม้แต่ฮูหยินและลูกก็สามารถทอดทิ้งได้”“บัดนี้เรื่องทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าต้องการไม่ใช่หรือ?” กู้ชิงเหยี่ยนพูดเสียงเรียบต่อให้เป็นพี่น้องกัน เขาก็ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดกู้ชิงเจ๋อเลอะเลือนถึงเพียงนี้ได้ หลิ่วอวิ๋นเวยกรอกน้ำแกงลุ่มหลงให้ดื่มมากน้อยเพียงใดถึงสามารถหลงใหลเช่นนี้ได้?“ข้าเปล่า ข้าเพียงคิดว่าหลายปีนี้อวิ๋นเวยผ่านมาอย่างไม่ง่าย เหตุใดพวกท่านต้องคิดกับข้าสกปรกถึงเพียงนี้!”“ข้าเพียงแต่เห็นนางเป็นน้องสาว สายสัมพันธ์ที่เติบโตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เห็นนาง
ภายในห้อง“กู้ชิงซิว ข้ารู้ว่าท่านต้องการจับข้ากลับไปมอบให้ทางการ ดีชั่วอย่างไรข้าก็เคยเป็นน้องสาวแท้ๆ ของท่าน บัดนี้กู้หรูเยียนกลับมาแล้ว ท่านช่างใจคอโหดเหี้ยมโดยแท้!”หลิ่วอวิ๋นเวยเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน นางไม่เข้าใจเหตุใดสกุลกู้ไร้เยื่อใยถึงเพียงนี้ นางเติบโตในสกุลกู้ตั้งแต่เด็ก ถึงขั้นพูดว่าทิ้งก็ทิ้งนางเลยได้!“เจ้านับเป็นน้องสาวอะไรกัน? เจ้ารู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกแท้ๆ ตั้งนานแล้ว กลับข่มขู่ท่านพ่อท่านแม่ให้มอบทุกอย่างให้เจ้า”“ท่านแม่ขัดขวางเจ้าไม่ให้แต่งกับฉินเจิง เจ้าโมโหก็ถือดาบเกือบฆ่าท่านแม่ตายไปแล้ว เด็กอกตัญญูอย่างเจ้า พวกเรายังต้องดีด้วยอีกหรือ? เจ้าคู่ควรกระนั้นรึ?”กู้ชิงเจ๋อที่ได้ยินถ้อยคำนี้เบิกตากว้าง ก่อนหน้านี้พี่รองเองก็เคยพูดกับเขา แต่เขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้อวิ๋นเวยใจเซาะ ไฉนเลยจะถือดาบ ยิ่งไม่ต้องพูดว่าข่มขู่มารดาจากนั้นอวิ๋นเวยอธิบายความเข้าใจผิดทั้งหมดให้เขาฟัง เอือมระอาทุกคนล้วนปกป้องมารดา ไม่มีคนฟังคำอธิบายของนางเขาเลือกเชื่ออวิ๋นเวยจากนั้น หลิ่วอวิ๋นเวยภายในห้องเปลี่ยนสีหน้าตั้งนานแล้ว “นั่นเป็นนางยุ่งไม่เข้าเรื่องเอง! ข้าบอกว่าชอบฉินเจิง นางรับปากก็พอแ
ที่แท้ นางเพียงหลอกใช้เขา ชนิดที่ว่าเห็นเขาเป็นตัวโง่งม ควบคุมเขาไว้ในกำมือ!“หลิ่วอวิ๋นเวย ข้าไม่รู้เลยว่าเจ้าจะแสดงเก่งถึงเพียงนี้!”กู้ชิงเจ๋อโมโหโผล่พรวดเข้าไปภายในห้อง ภายในสายตาเปี่ยมโทสะ อยากฉีกหลิ่วอวิ๋นเวยเป็นชิ้นๆหลิ่วอวิ๋นเวยคิดไม่ถึงเลยว่ากู้ชิงเจ๋อจะได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ สายตาว้าวุ่น รีบพูดว่า “พี่สาม ท่านฟังข้าอธิบายก่อน”“ข้าได้ยินทั้งหมดอย่างชัดเจน เจ้ายังมีคำใดต้องการอธิบายอีก!”“ไม่ๆ” หลิ่วอวิ๋นเวยตกตะลึงรับมือไม่ทัน “ข้าเพียงกลัวมากเกินไปจึงพูดชิงไหวชิงพริบกับพี่รอง ข้าทำเพื่อปกป้องตนเองเท่านั้น หรือท่านฟังไม่ออก?”เพียงแต่ครั้งนี้กู้ชิงเจ๋อไม่เชื่ออีก คิดเพียงว่าตนเองช่างโง่เขลาเบาปัญญาเหลือเกิน!“ตอนนี้เจ้าเห็นชัดเจนแล้ว คืนนี้พวกเราจะเอาตัวนางไปส่งทางการ เจ้ายังมีความเห็นอีกหรือไม่?”สีหน้ากู้ชิงซิวเรียบเฉย เขารู้สึกผิดหวังต่อกู้ชิงเจ๋อตั้งนานแล้ว ต่อให้เขาไม่รับปาก แต่ก็เตรียมการไว้พรักพร้อมแล้วกู้ชิงเจ๋อส่ายหน้า ความเชื่อตลอดหลายปีที่ผ่านมาพังทลายลง เขาเป็นเพียงตัวโง่งมคนหนึ่งญาติมิตรหักหลังตีจาก......สกุลซ่ง“น้องหญิงห้า พรุ่งนี้ก็จะออกเดินทางแ
เดิมทีฉู่เทียนเช่อก็ไม่พอใจที่หลิงเชี่ยนเอ๋อร์เฝ้าหวังเพียงมาขอความช่วยเหลือจากฉู่จวินถิง ด้วยความสามารถของเขาย่อมสามารถจัดการเรื่องทั้งหมดได้บัดนี้ได้ยินคำพูดของสองพี่น้องสกุลซ่ง นี่จึงพูด “แม่นางหลิง เป้าหมายในการมาครั้งนี้ของจวินถิงและราชครูกู้คือจัดการปัญหาอุทกภัย ช่วยเหลือราษฎร พี่ใหญ่ของเจ้ากำลังเผชิญหน้ากับอันตราย ข้าจะพาคนฝีมือดีไปช่วยเจ้าตามหาเอง”“จวินถิง เจ้า...”หลิงเชี่ยนเอ๋อร์ยังไม่ตัดใจดังเดิม ฉู่จวินถิงกลับเอ่ยตัดบทคำพูดของนาง “ความปลอดภัยของพี่ใหญ่เจ้าและความปลอดภัยของราษฎรมากมาย หนักเบาเยี่ยงไร เจ้าน่าจะรู้ดี”ถ้อยคำนี้ยับยั้งคำพูดของหลิงเชี่ยนเอ๋อร์เอาไว้แล้ว ต่อให้ไม่ยินยอมก็ต้องรับปาก“น้องสาม เจ้าจัดการสถานการณ์เป็นเช่นไรแล้ว?” ฉู่เทียนเช่อเอ่ยถามหลิงเชี่ยนเอ๋อร์เองก็เอ่ยปาก “ข้าได้ยินมาว่าวันนี้พวกเจ้าเริ่มแจกจ่ายโจ๊ก เช่นนั้นเมืองผิงหยางจะทำเช่นไร?”“มีราษฎรที่ใดบ้างไม่ใช่ราษฎร? ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยของเมืองไห่เทียนส่วนหนึ่งก่อน พวกเราใกล้จะไปเมืองผิงหยางแล้ว ถึงตอนนั้นค่อยดูสถานการณ์” ฉู่จวินถิงเอ่ยขึ้นได้ยินดังนั้น ฉู่เทียนเช่อคิดเพียงว่าฉู่จวินถิงช่าง
คิ้วเรียวยาวดุจกิ่งหลิวของซ่งรั่วเจินขมวดแน่น คนผู้นี้ลึกลับถึงเพียงนี้ จัดการทุกเรื่องอย่างระมัดระวัง ไม่สามารถหาสิ่งของที่สามารถบ่งบอกฐานะพบหากเอาแต่เฝ้ารออยู่ที่นี่ น่ากลัวว่าไม่รู้จะต้องรอจนถึงยามใด หากมีสิ่งที่คนผู้นี้ทิ้งไว้ นางกลับสามารถใช้สิ่งของตามหาคนได้อย่างไรเสีย ไม่มีเวลาตกฟากทำนองนี้ก็ช่างเถอะ อีกทั้งยังไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ แม้แต่ของใช้จำเป็นในชีวิตก็ไม่มี ยากจะทำนายออกมาโดยอาศัยเพียงความว่างเปล่าได้ว่าคนผู้นี้เป็นใครหัวหน้าตระกูลเจียงใคร่ครวญครู่หนึ่ง ทันใดนั้นพูดขึ้น “ครั้งก่อนเขาโยนผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดหนึ่งผืนทิ้ง บ่าวในเรือนข้าบังเอิญเก็บได้ ข้าไม่ได้ทิ้ง!”ตอนนั้นเขาเองก็อยากหาเบาะแสบางอย่างจากผ้าเช็ดหน้านี้ ทว่าน่าเสียดายเป็นเพียงผ้าเช็ดหน้าธรรมดา ไม่มีอันใดพิเศษ แต่เขายังเก็บรักษาไว้ดวงตาซ่งรั่วเจินทอประกาย “รีบไปหยิบมาเร็วเข้า”จากนั้นผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดมาถึงมือ สีหน้าซ่งรั่วเจินมั่นใจอย่างมาก นางสบตาฉู่จวินถิงแวบหนึ่ง ฝ่ายหลังเข้าใจในทันใด “ไปเถอะ พวกเรากลับกัน”ฉู่จวินถิงทิ้งคนไว้เฝ้าพวกหัวหน้าตระกูลเจียง สั่งให้พวกเขาแสร้งทำเป็นไม่มีอันใดเกิดขึ
ดังคาด แม่นางที่ท่านอ๋องชอบไม่ใช่คนธรรมดา!ขณะกำลังพูดอยู่นั้น อวิ๋นหยางตามมาแล้ว “แม่นางซ่ง ท่านอ๋องเชิญท่านกลับไปขอรับ”ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบาๆ ดีดนิ้วทีหนึ่ง ทั้งสองคนตรงหน้าเองก็ได้สติกลับมาแล้วทันใดนั้น ทั้งสองคนนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่นี้พวกเขาล้วนพูดออกมาแล้ว ตกตะลึงยิ่งขึ้นภายในใจ แม่นางคนนี้ช่างน่ากลัวโดยแท้!“พวกท่านเองก็ไปกับข้าด้วย” ซ่งรั่วเจินพูดภายใต้การนำทางของอวิ๋นหยาง ซ่งรั่วเจินพบว่าทางที่ไปไม่ใช่ลานบ้านส่วนหน้า แต่เป็นอีกแห่งหนึ่งฉู่จวินถิงเห็นซ่งรั่วเจินพาอีกสองคนมาด้วย เลิกคิ้วคมขึ้น “เจ้าหาพบแล้ว?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “พวกเขาสองคนเคยปรึกษากับหัวหน้าตระกูลเจียงเรื่องหนทางแก้ไขมาก่อน ทีแรกคิดหนีไปตอนท่านสอบสวน บังเอิญถูกหม่อมฉันพบเข้า”“ดูท่าแล้ว เจ้าเองก็ถามบางอย่างออกมาได้แล้ว?”ฉู่จวินถิงมองผ่านสีหน้าของซ่งรั่วเจินก็สามารถรู้ได้ พวกเขารู้จักกันมานานถึงเพียงนี้ รู้นิสัยเล็กๆ ของนางดีท่าทีที่แสดงออกในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่ากำลังภาคภูมิใจหลายส่วน“ย่อมเป็นเช่นนั้นเพคะ” ซ่งรั่วเจินยิ้มกว้าง “พวกเขาสองคนเป็นเพียงลูกสมุนตัวเล็กๆ หัวหน้าตระกูลเจียงต่างหากที่รู
“ฟังไม่เข้าใจ?”ซ่งรั่วเจินยกมุมปากน้อยๆ “ตอนพวกท่านใช้ไอมรณะข่มขู่นายอำเภอจ้าว พวกท่านน่าจะรู้ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรกระมัง? อยากสัมผัสประสบการณ์ด้วยตนเองดูหรือไม่?”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกไป สีหน้าทั้งคู่ก็เปลี่ยนไป “ไอมรณะ?”ซ่งรั่วเจินยกมือขึ้น ไอมรณะกลุ่มหนึ่งก็ไหลออกมาจากฝ่ามือ ใช้กลอุบายเพียงเล็กน้อย ทำให้ทั้งสองได้เห็นไอสีดำสายหนึ่ง“แท้จริงแล้วความรู้สึกยามไอมรณะเข้าสู่ร่างกายนั้น คนไม่เคยสัมผัสมาก่อนย่อมไม่รู้ ในเมื่อพวกท่านชมชอบใช้ไอมรณะถึงเพียงนี้ ก็สมควรลองดูด้วยตนเองสักรอบ”“ไม่ ไม่ พวกเราไม่รู้เรื่องอันใดเลยจริงๆ!”หัวหน้าตระกูลหลี่ขยับถอยหลังอย่างหวาดกลัว ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงก่อนหน้านี้พวกเขาเคยเห็นความน่ากลัวของไอมรณะมาก่อน ลูกสาวของจ้าวชิงหยวนก็ตายเพราะสาเหตุนี้ พวกเขาล้วนเห็นสภาพน่าสยดสยองตอนตายอยู่ภายในสายตา ชวนให้คนประหวั่นพรั่นพรึงโดยแท้!บัดนี้ แม่นางตรงหน้าถึงขั้นสามารถควบคุมไอมรณะได้ นั่นไม่เหมือนกับที่พวกเขาได้เห็นก่อนหน้านี้หรอกหรือ?“เช่นนั้นก็สงบเสงี่ยมสักหน่อย รีบพูดออกมา!”ซ่งรั่วเจินกวาดตามองสองคนตรงหน้า เดิมทีมองไม่เห็นความพิเศษอันใด แต่ได้เ
รูม่านตาหัวหน้าตระกูลเจียงหดลง ฉู่อ๋องถึงขั้นรู้!ต่อให้เป็นจ้าวชิงหยวน จนกระทั่งตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าตกลงสาเหตุคืออันใด ทว่าวันนี้ฉู่อ๋องเพิ่งมาถึงก็รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว“ท่านอ๋อง กระหม่อม...”เจียงฮูหยินและลูกๆ ล้วนตกตะลึงพรึงเพริด ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดท่านอ๋องมาแล้วจึงต้องการชีวิตพวกเขาทั้งหมด!“นายท่าน ท่านรีบพูดสิ! หรืออยากให้พวกเราต้องตายทั้งตระกูลเจ้าคะ?” เจียงฮูหยินร้อนใจตอนนี้เอง ฉู่จวินถิงเดินมาหยุดข้างกายซ่งรั่วเจิน เอ่ยปากเสียงนุ่มนวล “เจ้าไปเดินเล่นก่อน อีกเดี๋ยวข้าจะไปหาเจ้า”ซ่งรั่วเจินชะงักเบาๆ สายตาเลื่อนตกลงบนตัวทุกคนในตระกูลเจียงก็เข้าใจขึ้นมาหลายส่วน คาดว่าภาพต่อจากนี้ไม่เหมาะให้นางเห็น พยักหน้าลงอย่างเชื่อฟัง“เพคะ”หลังฝ่ายหญิงจากไป ฉู่จวินถิงหันหน้ากลับมาอย่างเชื่องช้า ดวงตาดำดุจหมึกคู่นั้นเปี่ยมไออำมหิต เขายืนนิ่งๆ อยู่ที่เดิม คล้ายราชามารก็มิปานชวนให้คนอกสั่นขวัญแขวน“เดิมทีข้าก็ไม่มีความอดทนมากอยู่แล้ว” ฉู่จวินถิงเหล่มอง “อวิ๋นหยาง”อวิ๋นหยางดึงกระบี่ออก วางพาดบนชายคนหนึ่ง ก็คือคุณชายใหญ่สกุลเจียงไม่ฟังความคนนั้น“ฆ่า!”อวิ๋นหยางฟันลงไปอย่างไม่ลังเล
“ตอนนี้มองดูแล้วที่นี่ไม่มีอันใดไม่เหมาะสม” ซ่งรั่วเจินเอ่ยขึ้น “ไม่มีไอมรณะ ยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้สืบข่าวได้ว่าสกุลเจียงเองก็ไม่มีคนเจ็บป่วย”สายตาฉู่จวินถิงเย็นชา “อาจจะ...สมรู้ร่วมคิดกันตั้งแต่แรกแล้ว หรือไม่ก็ข่มขู่ธรรมดาก็เพียงพอให้พวกเขารับปากแล้ว”หัวหน้าตระกูลเจียงเร่งเดินทางออกมาอย่างว่องไว “คารวะฉู่อ๋อง!”ฉู่อ๋องมองหัวหน้าตระกูลเจียงแวบหนึ่ง เห็นข้างกายเขาไม่มีผู้อื่นอยู่ด้วย สายตาเจือแววนึกสนุก “หัวหน้าตระกูลเจียงอายุปูนนี้แล้ว คงไม่ใช่ยังไม่แต่งงานหรอกกระมัง?”“เรียนท่านอ๋อง บังเอิญยิ่งนัก ภรรยากระหม่อมพาลูกไปเยี่ยมญาติที่คูเมืองอื่นแล้ว บัดนี้ยังไม่กลับมาพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าตระกูลเจียงยิ้มประสบเอาใจพลางอธิบาย“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” ฉู่จวินถิงยกมุมปากเบาๆ “วันนี้ภรรยาและลูกของหัวหน้าตระกูลเจียงออกจากเมืองไปเยี่ยมญาติ บังเอิญตอนข้ามาถึง ได้เชิญพวกเขากลับมาพร้อมกันแล้ว”“คาดว่าหัวหน้าตระกูลเจียงคงไม่ถือสากระมัง?”เสียงฉู่จวินถิงเพิ่งจบลง หัวหน้าตระกูลเจียงพลันใจสั่น ได้เห็นฉู่จวินถิงส่งสัญญาณผ่านทางสายตาทีหนึ่ง อวิ๋นหยางพาคนเข้ามาแล้ว“นายท่าน!”“ท่านพ่อ!”สีหน้าเจี
หัวหน้าตระกูลเจียงขมวดคิ้วแน่น พวกเขารู้ชื่อเสียงของฉู่อ๋องดีมาก นั่นคือเทพสังหารในสนามรบเชียวนะ!พวกเขาที่นี่อยู่ใกล้เมืองผิงหยาง ย่อมรู้จักบารมีของฉู่อ๋องดีที่สุด“พูดไปแล้วเรื่องนี้ยังต้องโทษท่าน เดิมทีฉู่อ๋องต้องการไปเมืองผิงหยาง ก็แค่แวะเติมเสบียงที่ท่าเรือเท่านั้น แต่พวกเจ้ากลับสร้างเรื่องที่ท่าเรือ ทำให้พวกเขาต้องอยู่ต่อ”สีหน้าหัวหน้าตระกูลหลี่ไม่สบอารมณ์ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พวกเขาวางแผนไว้แล้ว ต่อให้ราชสำนักส่งคนมา นั่นจะต้องไปที่เมืองผิงหยางก่อน ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันมาที่เมืองไห่เทียนก่อนทันทีที่ได้รับข่าว พวกเขาก็สามารถหาทางป้องกันตนเองได้ มีเวลามากเพียงพอใครคาดคิดเล่าว่าจะเกิดสถานการณ์ที่ทำให้พวกเขารับมือไม่ทันเช่นนี้ ไม่มีโอกาสหนีตั้งแต่แรก“เรื่องนี้ไม่สามารถโทษข้าได้ ไฉนเลยข้าจะรู้ว่าเรื่องจะบังเอิญถึงเพียงนี้?”หัวหน้าตระกูลเจียงอึดอัดใจอย่างอดไม่ได้ หากเขารู้ตั้งแต่แรก ก็ไม่มีวันปล่อยให้เรื่องพรรค์นี้เกิดขึ้น น่าเสียดายบนโลกนี้ไม่มียารักษาโรคเสียใจภายหลัง“บัดนี้โทษใครก็ไม่สำคัญ รีบคิดเถอะว่าจะทำเช่นไร ข้าส่งคนไปสืบข่าวแล้ว ฉู่อ๋องไปที่อำเภอนั้น น่ากลัวว่าอ
อิงตามที่ซ่งเยี่ยนโจวพูด สถานการณ์ในตอนนั้นอันตรายมากอย่างแท้จริง หากไม่ใช่คนสกุลหลิงนำทหารเร่งเดินทางมาถึง เขาก็คงไม่มีชีวิตอยู่แล้วหลินจือเยว่กลับมีผลงานเพราะส่งข่าว หากไม่ได้เขาส่งข่าว สกุลหลิงไปไม่ทันเวลา น่ากลัวว่าจะต้องเสียชายแดนไปแล้วแน่ ไม่มีวันเอาชนะศึกในครั้งนี้ได้!แม้พูดว่าพวกเขาไม่มีหลักฐานพิสูจน์ทั้งหมดนี้ แต่เพียงเรื่องที่บิดายังไม่ตาย กลับไม่ส่งข่าวมาโดยตลอด ก็สามารถตั้งข้อสันนิษฐานได้มากแล้วภายในนี้จะต้องมีเงื่อนงำซ่อนอยู่แน่ทั้งหมด...ยังชี้ไปที่สกุลหลิงอีกด้วย!ยามฉู่จวินถิงมาถึงก็ได้เห็นพวกซ่งรั่วเจินสามพี่น้องกำลังนั่งรวมตัวกัน บรรยากาศตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด“ทำนายผลออกมาไม่ดีกระนั้นหรือ?” ภายในสายตาฉู่จวินถิงสะท้อนความกังวลซ่งรั่วเจินส่ายหน้า “เปล่าเพคะ ก็แค่คิดบางเรื่อง ท่านและท่านตาเข้าใจสถานการณ์แล้วหรือ?”“อยากรู้เรื่องผู้อยู่เบื้องหลัง ยังต้องไปสกุลเจียงสักเที่ยวหนึ่ง จะได้พบหัวหน้าตระกูลเจียง” ฉู่จวินถิงเผยสีหน้าเคร่งขรึม “ง้างปากของเขา สามารถลดปัญหาลงได้มาก”ซ่งรั่วเจินเข้าใจ “หม่อมฉันไปเป็นเพื่อนท่านดีหรือไม่?”ในเมื่อทางฝั่งจ้าวชิงหยวนพบไอม
ดูท่าแล้ว ท่านพ่อสังเกตเห็นความอันตราย มิหนำซ้ำยังพบสถานที่ปลอดภัย “บางที...พวกเราไม่จำเป็นต้องไปหาท่านพ่อ ท่านพ่อก็จะมาหาพวกเราเอง”ถ้อยคำนี้พูดออกมาแล้ว พวกซ่งจืออวี้ทั้งสองคนเผยสีหน้าตกตะลึง “นี่หมายความว่าอะไร? หรือท่านพ่อสามารถรู้ได้ว่าพวกเรามากระนั้น?”“ท่านพ่อย่อมไม่รู้ หากข้าเดาไม่ผิด เป็นไปได้มากว่าท่านพ่อกำลังสืบเรื่องอุทกภัยจึงเข้ามาใกล้”ซ่งรั่วเจินใคร่ครวญพลางเอ่ยปาก “บัดนี้ตำแหน่งของท่านพ่อไม่ใช่ชายแดน ยิ่งไปกว่านั้นยังใกล้กับที่พวกเราอยู่ ข้าคิดว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”“พูดเช่นนี้แล้ว อาการบาดเจ็บของท่านพ่อหายดีแล้วกระนั้น?” ซ่งจืออวี้แปลกใจ หากเป็นเช่นนี้จริง นั่นก็คือข่าวดีซ่งจิ่งเซินกลับไม่ดีใจมากนัก “ใช่หรือไม่ว่าถูกไล่ต้อนให้จากไป? ครั้งนี้ท่านพ่อเกือบต้องทิ้งชีวิตในสนามรบ ข้าคิดว่าจะต้องถูกคนทำร้ายแน่!”“คนที่ทำร้ายเขารู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ จึงตามหาเขาทั่วสารทิศ”ซ่งรั่วเจินเองก็คิดว่าข้อสันนิษฐานนี้เป็นไปได้มากทีเดียว นึกอยากตามหาคน ทันใดนั้นความคิดหนึ่งแล่นผ่านสมองนางอย่างกะทันหัน จะใช่คุณชายใหญ่สกุลหลิงหรือไม่?นับตั้งแต่คำรบแรกที่นางได้พบหลิงเชี่ยนเอ