“ความนัยของท่านคือ...งานแต่งของสกุลชวีกับสกุลเคอยกเลิกไปแล้ว?”ซ่งรั่วเจินตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ ก่อนหน้านี้ชวีคั่วเสแสร้งแกล้งทำอยู่ที่สกุลเคอ คิดแสร้งใจกว้างแต่ไม่สำเร็จ ก็นับว่ายังมีสมองอยู่บ้างหาไม่แล้ว หากสกุลชวีรู้ว่าชวีคั่วเอ่ยปากรับผิดชอบเงินก้อนใหญ่นี้ไว้ น่ากลัวว่าจะต้องกระอักโลหิตแน่“ตอนนี้ยังไม่ได้เอ่ย เพียงระงับไว้ชั่วคราว ความคิดของสกุลชวีน่าจะเป็นรอสกุลเคอคืนเงินทั้งหมดแล้วค่อยแต่งงาน หาไม่แล้วพวกเขาจะต้องเดือดร้อนแน่”“ส่วนสกุลเคอ ก่อนหน้านี้นับว่ายังมีคุณสมบัติเจรจากับสกุลชวี ทว่าบัดนี้ทุกคนต่างรู้เรื่อง นอกจากสกุลชวีแล้ว น่ากลัวว่าไม่มีใครต้องการเคอหยวนจื่ออีก” ฉู่จวินถิงอธิบายซ่งรั่วเจินรู้ดีภายในใจ แท้จริงแล้วด้วยฐานะของเคอหยวนจื่อ อยู่ที่เมืองหลวงมิอาจเทียบคุณหนูชนชั้นสูงเหล่านั้นได้สาเหตุที่นางมีชื่อเสียงโด่งดัง ทั้งหมดเป็นเพราะพี่สี่ของนางนำเงินทองไปมอบให้ วิธีการของเขาในตอนแรกทำให้คนตกตะลึงภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เคอหยวนจื่อยังสามารถสงบนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตลอดได้ ตำแหน่งภายในสายตาของผู้อื่นย่อมสูงขึ้นบัดนี้พี่สี่ตัดใจแล้ว ชื่อเสียงของเคอหวนจื่อย่อมไม่เหม
ฮองเฮาเองก็ไม่คิดมากนัก รีบเดินทางไปยังห้องทรงพระอักษร ภายในสมองมั่นใจแล้วว่าซ่งรั่วเจินเป็นคนยุยงเรื่องนี้หากไม่ใช่นาง ด้วยอุปนิสัยสุขุมของจวินถิง ไม่มีวันทำเรื่องวู่วามพรรค์นี้ ยังไม่ต้องพูดว่าทำให้ฝ่าบาทกริ้ว หากเล่าลือออกไปย่อมกลายเป็นเรื่องตลกชื่อเสียงที่พยายามสั่งสมมานานหลายปี จะถูกแม่นางคนหนึ่งทำลายกระนั้นหรือ?ภายในห้องทรงพระอักษร บรรยากาศตึงเครียดฉู่จวินถิงรายงานเบาะแสที่ตนเองพบให้ฝ่าบาทรู้“เจ้าพูดความจริงหรือ?” สีหน้าฝ่าบาทเคร่งขรึม ใบหน้าน่าเกรงขามเจือไอเย็นสายหนึ่งฉู่จวินถิงถือหลักฐานเข้าไป “เสด็จพ่อ ก่อนหน้านี้ยามลูกผ่านเมืองผิงหยางก็เคยได้ยินเรื่องเหล่านี้มาก่อน ตอนนั้นรู้สึกไม่ชอบมาพากล ทว่าเพราะสงครามกำลังดุเดือด จึงทำได้เพียงส่งคนไปสอดแนม”“ครั้งนี้เกิดอุทกภัยที่แดนใต้ ส่วนเมืองผิงหยางกลับเกิดภัยแล้ง ที่ผ่านมาแจกจ่ายเงินบรรเทาทุกข์ไปแล้ว แต่ได้ยินมาว่าบัดนี้มีผู้ลี้ภัยจำนวนมากกำลังเดินทาง”“อุทกภัยย่อมโจมตีบ้านเรือน ราษฎร์ออกจากถิ่นฐาน แต่ภัยแล้งไม่เป็นเช่นนั้น ขอเพียงเสบียงอาหารไปถึง ราษฎร์ไม่มีวันยอมทิ้งถิ่นฐานไปอย่างง่ายดาย”ฮ่องเต้มองหลักฐานแต่ละอย่าง
“ใช่แล้วเพคะ แม่นางหลิงเป็นถึงหลานสาวของหลิงไท่ซือ อุปนิสัยใสซื่อมีเมตตา ยังเคยเข้าสนามรบอีกด้วย เป็นสตรีที่ไม่ด้อยไปกว่าบุรุษ”“ก่อนหน้านี้ฉู่อ๋องอยู่ในสนามรบมาโดยตลอด หากตบแต่งแม่นางหลิง เวลาปกติจะต้องมีเรื่องให้พูดคุยกัน ไม่คล้ายแม่นางในห้องหอ ไม่เคยพบเห็นโลกกว้าง”ใบหน้าฮองเฮาประดับยิ้ม เมื่อวานนางได้เห็นหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ แม่นางคนนี้ไม่เพียงรู้มารยาท ต่อให้มอบของขวัญก็มอบได้ตรงใจนาง เพียงมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นแม่นางฉลาดคนหนึ่งยิ่งไม่ต้องพูดถึงมารดาของหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ นางรู้จักมานานหลายปี หลายปีมานี้ครอบครัวของหลิงไท่ซือเองก็รักษาการณ์อยู่ชายแดนเพื่อราชสำนัก สร้างชื่อเสียงมานานไม่เพียงแค่นี้ บิดาของหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ยังเป็นแม่ทัพ ทำผลงานในการทำสงคราม ขอเพียงจวินถิงแต่งงานกับนาง สกุลหลิงจะต้องสนับสนุนเขาแน่เทียบกับสกุลซ่ง ย่อมช่วยได้มากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัยฮ่องเต้สบมองฉู่จวินถิงแวบหนึ่ง เห็นชัดว่าพวกเขาสองแม่ลูกไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้มาก่อนสำหรับเรื่องสำคัญเช่นนี้ แต่ไหนแต่ไรมาจวินถิงล้วนเก็บเงียบไว้อย่างเข้มงวด“ฉู่อ๋อง เจ้าชอบแม่นางสกุลซ่งหรือ?”ฮ่องเต้เอ่ยปากถาม ใบหน้า
ฉู่จวินถิงคุกเข่าบนพื้น เดิมทีเขาวางแผนรอคลี่คลายปัญหาอุทกภัยในครั้งนี้แล้วค่อยมาขอพระราชทานสมรสจากเสด็จพ่ออย่างไรเสีย เรื่องนี้ก็ต้องได้รับความเห็นชอบจากรั่วเจินก่อนเมื่อคืนเขาลองถามหยั่งเชิงมาก่อน แต่รั่วเจินมิได้ตอบ เอือมระอาวันนี้จู่ๆ เสด็จแม่ก็เอ่ยขึ้นมา เขาจะต้องสารภาพความในใจก่อน ป้องกันไม่ให้เสด็จแม่จับคู่วุ่นวายเขาไม่มีวันทำให้ซ่งรั่วเจินไม่สบอารมณ์เพราะเรื่องพรรค์นี้ฮ่องเต้มองท่าทางจริงจังของฉู่จวินถิง ย้อนนึกถึงตอนก่อนที่ฮองเฮาจะมา เขาพูดว่าหลังคลี่คลายปัญหาอุทกภัยแล้วมีเรื่องขอความเมตตาดูท่าแล้ว ความเมตตานี้ก็คือพระราชทานสมรส“จวินถิง หลายปีมานี้เจ้าจัดการทุกเรื่องได้ดี ไม่เคยทำให้เราเสียใจ”“อุปนิสัยของซ่งรั่วเจิน เราเองก็รู้แล้ว ได้รู้ว่าพวกเจ้ามีใจให้กัน ในเมื่อเจ้าอยากแต่งกับนาง เราก็อนุญาต”ถ้อยคำนี้หลุดออกมา ฮองเฮาเบิกตากว้างอย่างสุดระงับ “ฝ่าบาท!”“ฮองเฮา!” สีหน้าฝ่าบาทเคร่งขรึม ท่าทางน่าครั่นคร้ามเจือความไม่พอใจตะคอกออกมา “เจ้าในฐานะมารดาของแคว้น ไม่ว่าเรื่องใดก็ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี บัดนี้เจ้าอ้าปากหุบปากพูดว่าเล่ห์อุบายยั่วยวน วาจาหยาบคายนี้ถึงขั้นหล
ณ จวนตระกูลซ่งซ่งรั่วเจินบอกทุกคนเรื่องที่วันนี้เช่ออ๋องจะมาเยือนตั้งแต่เมื่อคืนวานแล้วเมื่อทุกคนทราบเรื่องก็ประหลาดใจมาก กู้หรูเยียนยังสั่งให้คนปัดกวาดทำความสะอาดจวนตั้งแต่เช้า“เช่ออ๋องมาแล้ว!”“คารวะเช่ออ๋อง”คนตระกูลซ่งล้วนแสดงความเคารพ ซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อันก็รีบกลับจวนทันทีหลังเลิกประชุมในท้องพระโรงเช่นกัน ยามนี้ได้เปลี่ยนมาสวมชุดลำลองรอเช่ออ๋องเรียบร้อยแล้วฉู่เทียนเช่อค่อยๆ เดินทางมาถึง เขาที่สวมชุดแพรหรูหราแลดูสูงศักดิ์ไม่ธรรมดา รูปโฉมของเขาเทียบกับฉู่จวินถิงแล้วด้อยกว่าเล็กน้อย มีความหนักแน่นน้อยกว่าหลายส่วน แต่มีความอ่อนโยนมากกว่าหลายส่วน“ทุกท่านไม่ต้องเคร่งครัดเช่นนี้ วันนี้ข้าตั้งใจมาเยือนเพื่อขอบคุณที่ช่วยชีวิตไว้ในวันนั้น”ด้านหลังฉู่เทียนเช่อ นางกำนัลและขันทีประคองของขวัญขอบคุณมากมายเรียงกันเป็นแถว“หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากพวกท่าน เกรงว่าวันนี้ข้าคงไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจนัก”“เช่ออ๋องไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ พวกกระหม่อมเกรงใจยิ่งนัก มีโอกาสช่วยเหลือท่านอ๋องเป็นวาสนาอันยิ่งใหญ่ของพวกกระหม่อม”“ขอแค่ท่านอ๋องปลอดภัยไร้อันตราย พวกกระหม่
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ มิน่าเล่า” ฉู่เทียนเช่อเข้าใจแล้ว “หากแม่นางซ่งสามารถทำนายได้ก็คงจะพบว่าความจริงเจ้ากับฉู่อ๋องไม่เหมาะสมกัน”ซ่งรั่วเจิน “...” คนผู้นี้ช่างไม่รู้ขอบเขตเอาเสียเลย!ฉู่เทียนเช่อสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของซ่งรั่วเจินจึงอธิบายว่า “เจ้าอย่าเพิ่งโกรธ ที่ข้าพูดเช่นนี้ไม่ได้มีเจตนาจะยุแยง แต่เพราะความจริงก็ชัดเจนอยู่แล้ว”“ตอนที่อยู่ในพิธีล่าสัตว์คราวนั้น เจ้าก็คงจะเห็นท่าทีของฮองเฮาแล้ว ตราบใดที่เจ้ามีจุดด่างพร้อยเรื่องถอนหมั้นอยู่ นางก็ไม่มีทางยอมให้เจ้าแต่งงานกับฉู่อ๋อง”“ข้ารู้สึกว่าเจ้าดีไปทุกอย่างแท้ๆ แต่กลับต้องได้รับความอยุติธรรมไปเสียทุกเรื่องเพื่อจะแต่งงานกับฉู่อ๋อง นี่มิน่าเสียดายแย่หรือ?”“ถ้าได้เป็นชายาของฉู่อ๋องก็ดีไป แต่ถ้าไม่ได้เป็น ต้องปล่อยให้ช่วงวัยที่งดงามที่สุดผ่านไปอย่างสูญเปล่า กลับเป็นการได้ไม่คุ้มเสียเลยจริงๆ...”ซ่งจิ่งเซินที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลเห็นฉู่เทียนเช่อตามตอแยซ่งรั่วเจิน ก็รีบกล่าวกับซ่งเยี่ยนโจวว่า “ท่านมีคำถามอยากขอคำชี้แนะจากเช่ออ๋องหรือไม่?”ซ่งเยี่ยนโจว “?”ซ่งอี้อันก็สังเกตเห็นแล้วเช่นกันจึงดึงซ่งเยี่ยนโจวก้าวออกมาข้างหน้าทันที “แย
ซ่งจิ่งเซินฟังอารมณ์ในคำพูดของซ่งรั่วเจินออกจึงกล่าวว่า “น้องหญิงห้า ฮองเฮาทรงไม่เห็นข้อดีของเจ้านั่นเป็นเพราะนางตาบอดเอง เจ้าไม่ต้องไปสนใจ”“จากที่ข้ารู้มา ฮองเฮามีชาติตระกูลสูงศักดิ์ นางเลือกชายาให้ฉู่อ๋อง สิ่งที่ให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือชาติตระกูล ไม่ว่าถังเสวี่ยหนิงหรือหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ล้วนเป็นเช่นนี้”“มารดาของเช่ออ๋องคือจงเฟย ฐานะสู้ฮองเฮาไม่ได้ มุมมองย่อมแตกต่างกัน”เขาว่าแล้วก็แค่นหัวเราะออกมา เลิกคิ้วพยักพเยิดไปทางฉู่เทียนเช่อที่อยู่ไม่ไกล “เช่ออ๋องแต่งชายาเอกแล้ว ไม่แน่ว่าคงคิดจะให้เจ้าเป็นชายารอง”“ถ้าเจ้ากลายเป็นชายารองของเขาก็เท่ากับว่าพวกเขาได้ประโยชน์โดยไม่ต้องลงแรงเลยน่ะสิ!”ซ่งรั่วเจินนึกถึงตอนที่ได้เจอฉู่เทียนเช่อทั้งสองครั้ง ดูเหมือนเขาจะมีเจตนาอยากใกล้ชิดกับนาง คำพูดและการกระทำล้วนช่วยเหลือนางเป็นพิเศษเดิมทีนางไม่ได้คิดมาทางนี้ ยามนี้เมื่อได้ฟังซ่งจิ่งเซินวิเคราะห์ออกมา ทันใดนั้นก็ตระหนักว่ามีความเป็นไปได้เช่นนี้อยู่ด้วย“แผนการนี้ของเช่ออ๋อง...จะโจ่งแจ้งเกินไปแล้วกระมัง?” ซ่งรั่วเจินรู้สึกทึ่งซ่งจิ่งเซินเลิกคิ้วขึ้นอย่างได้ใจ “ยามนี้เจ้าเป็นที่หมายปองของผ
ซ่งรั่วเจินเห็นความเร็วในการเผ่นหนีของซ่งจิ่งเซินแล้วก็หัวเราะเบาๆ ออกมาอย่างอดไม่อยู่ พอหันหน้ากลับมาก็สบเข้ากับสายตาของฉู่จวินถิง“พี่สี่เพียงแต่หวังดีกับหม่อมฉันเพคะ” นางกล่าวฉู่จวินถิงพยักหน้า “ข้าเข้าใจ สามารถมีพี่ชายเช่นนี้เป็นโชคดีอย่างใหญ่หลวง”ซ่งรั่วเจินพยักหน้าน้อยๆ ในหัวอดคิดไม่ได้ว่า เมื่อวานนางพูดว่าถ้าซ่งจิ่งเซินฟื้นความจำกลับมาแล้วยังคิดจะกลับไปหาเคอหยวนจื่ออีก ก็จะตีให้สลบเหมือดไปเสียเลยเห็นแก่ที่พี่สี่ใคร่ครวญเพื่อนางในวันนี้ ถึงตอนนั้นจะบอกให้พี่สามลงมือเบาหน่อยก็ได้!“แม่นางซ่ง เจ้า...”ฉู่เทียนเช่อพูดคุยกับพวกซ่งเยี่ยนโจวเล็กน้อยก็หันมาตามหาซ่งรั่วเจินเมื่อพบว่าฉู่จวินถิงก็ตามมาเช่นกัน สีหน้าก็ไม่น่ามองไปชั่วขณะ แต่แล้วก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ยิ้มเอ่ยว่า “น้องสาม เจ้าก็มาเหมือนกันหรือ”“วันนี้เสด็จพี่ตั้งใจมาขอบคุณถึงจวน ข้าจึงตามมาดูด้วย คงไม่ถือสากระมัง?” ฉู่จวินถิงสีหน้าผ่อนคลาย“ไม่ถือสาอยู่แล้ว”ฉู่เทียนเช่อยังคงมีสีหน้ายิ้มแย้ม ส่วนลึกในแววตากลับฉายประกายชั่วร้าย ฉู่จวินถิงก็แค่โชคดีได้มาเกิดในครรภ์ของฮองเฮาจึงได้รับความสนใจเช่นนี้ถ้าไม่มี
“ชิ้ง!”กู้ชิงฉือสัมผัสได้ว่ากระบี่คมสายหนึ่งผ่านข้างกายตนไป ไรผมช่อหนึ่งถูกตัด ตกตะลึงพรึงเพริดภายในใจ“นี่ให้เจ้า”ฉู่จวินถิงลังเลไปครู่หนึ่ง ยัดยันต์คุ้มภัยใส่มือกู้ชิงฉือ“เก็บไว้ให้ดีแทนข้าด้วย!”ครู่ต่อมา กู้ชิงฉือก็มองเห็นคู่ต่อสู้เบื้องหน้า ภายในสายตาสั่นสะท้าน ก้มหน้ามองดู นี่คือกระดาษยันต์สีเหลืองหนึ่งใบ“ท่านอ๋อง ท่านยกให้ข้า เช่นนั้นท่านจะทำเยี่ยงไร!”ไต้ซือเทียนจีเห็นฉู่จวินถิงมอบยันต์ให้กู้ชิงฉือ ภายในสายตาสะท้อนแววตกตะลึง ฉู่อ๋องอยู่ภายนอกได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนไม่กะพริบตา ถึงขั้นมอบของป้องกันชีวิตให้ผู้อื่น?คนผู้นี้...มีภูมิหลังเช่นไร?“ไม่ต้องห่วงข้า”ฉู่จวินถิงหลับตาลง ได้ยินเสียงฝ่าอากาศรอบด้าน แยกแยะตำแหน่ง“ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง!”พลังอันแข็งแกร่งปะทุออกมา ฉู่จวินถิงเคลื่อนไหวอย่างว่องไว ราวกับมังกรเคลื่อนไหวก็มิปาน หลบหลีกการโจมตีที่พุ่งเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่ดาบในมือจะพุ่งแทงออกไปอย่างฉับพลัน“อ๊าก!”เสียงแผดร้องสายหนึ่งดังขึ้น ศพร่างหนึ่งปรากฏต่อหน้าทุกคน“ไอ้พวกชั่ว!”ภายในสายตาฉู่จวินถิงสะท้อนความอำมหิต คนผ่านเข้าไปกลางตรอกเล็ก ทั้งๆ
ซ่งรั่วเจินติดตามซ่งเยี่ยนโจวเดินทางมาถึงพื้นที่ที่ถูกปิดล้อมไว้ บัดนี้ถูกขวางไว้ ไม่อนุญาตให้ผู้ใดผ่านทางซ่งเยี่ยนโจวหยิบป้าย ทั้งสองคนผ่านเข้าไปอย่างราบรื่น“ภายนอกเป็นทหารของทางการรับผิดชอบค้นหา ส่วนภายในและภายนอกเมือง ฉู่อ๋องคล้ายพบความผิดปกติ ดังนั้นจึงพาคนไปค้นหาก่อน”ซ่งเยี่ยนโจวพาซ่งรั่วเจินขี่ม้าไป ว่องไวอย่างมากจากนั้นระยะทางใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ซ่งรั่วเจินมองผ่านการสัมผัสของผีทวงชีวิตที่เริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกตกตะลึงภายในใจ เวลาสั้นถึงเพียงนี้ ฉู่อ๋องถึงขั้นพบที่ซ่อนตัวของไต้ซือเทียนจีแล้ว?“บัดนี้สถานการณ์เป็นเช่นไร?” ซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยถาม“ท่านหัวหน้าราชองครักษ์ ท่านมาแล้ว” จ้าวเจียงแม่ทัพที่เป็นหัวหน้าได้พบซ่งเยี่ยนโจวรีบตอบ “มีหนึ่งหน่วยหายไประหว่างค้นหาขอรับ ตอนนี้ท่านอ๋องกำลังพาคนออกค้นหา”“เรื่องวันนี้พูดไปแล้วก็แปลกมาก คนกลุ่มหนึ่งอยู่ดีๆ ก็หายไป ท่านว่าแปลกหรือไม่?”เพียงซ่งรั่วเจินได้ยิน พูดเสียงเครียด “อยู่ที่ใด?”จ้าวเจียงเห็นซ่งเยี่ยนโจวถึงขั้นพาแม่นางท่านหนึ่งมาด้วย ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ แต่มองอย่างละเอียดแล้วก็จำฐานะของอีกฝ่ายได้ ท่าทีเคารพน
ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบาๆ รีบตามหลังไปฉู่จวินถิงพากลุ่มคนฝีมือดีเริ่มออกค้นหาในบริเวณที่เลือกไว้ ตั้งใจเอ่ยเตือนไม่ให้ปล่อยเบาะแสใดหนึ่งหน่วยภายในนั้นกำลังค้นหาตรอกเบื้องหน้า เดินไปๆ กลับๆ พบว่าตรอกนี้ยาวมาก ถึงขั้นเกิดความรู้สึกเดินไปไม่สุดทางทีแรกทุกคนยังไม่พบอะไร จนกระทั่งเดินเป็นรอบที่สาม นี่ถึงพบว่าเคยมาสถานที่เบื้องหน้ามาก่อน เหมือนกับสถานที่ที่เคยมาก่อนหน้านี้ทุกกระเบียดนิ้ว“ผิดปกติ เมื่อครู่พวกเราค้นหาที่นี่แล้วมิใช่หรือ เหตุใดรู้สึกว่ากลับว่าอีกครั้งแล้วเล่า?”“ใช่แล้ว เมื่อครู่ข้ามาที่นี่ ประตูใหญ่เหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้ว ข้ายังยกหินก้อนนี้ไว้ที่อีกฝั่งด้วย ต่อให้บ้านเรือนละแวกนี้คล้ายกัน แต่ก็ไม่มีวันเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วเช่นนี้!”คนเป็นหัวหน้าขมวดคิ้วแน่น “เร็ว พวกเราออกจากตรอกนี้ไป!”“ขอรับ” ทุกคนไม่ใส่ใจการค้นหาอีก เร่งฝีเท้าว่องไวยิ่งขึ้นออกจากตรอกเล็กนี้จากนั้นทุกคนเพิ่งถึงหน้าตรอก ก็พบว่าพวกเขากลับมาอยู่ภายในตรอกเล็กอีกครั้ง สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไป“นี่โดนของกลางวันแสกๆ เลยหรือ?”ทุกคนต่างหันหน้ามองกัน เรื่องโดนของแบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ถ้ามีแค่ค
“เช่นนั้นก็ค่อยๆ ค้นหา ค้นหาทุกครัวเรือน ห้ามมิให้ปล่อยที่ใดไปเป็นอันขาด โดยเฉพาะห้องใต้หลังคา ห้องใต้ดิน ไปจนถึงคอกวัวแกะหมู ต้องหาทั้งหมดให้ละเอียด!” ฉู่จวินถิงเอ่ยออกมา“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง!”บัดนี้ทุกคนจำภาพวาดไว้ในสมองแล้ว ท่านอ๋องพูดว่าขอเพียงจับคนได้ จะตกรางวัลให้อย่างงาม!กององครักษ์หลวงเริ่มค้นหาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่พลาดที่ใดไป อีกทั้งยังไม่ปล่อยโอกาสให้คนหลุดรอดไปได้ไต้ซือเทียนจีได้รับข่าวอย่างรวดเร็ว ยามได้รู้ว่าฉู่อ๋องนำทหารออกค้นหา ก็รู้ว่ากำลังค้นหาตนเอง สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์มากผิดปติ“ในเมื่อสามารถทำนายมาถึงข้าได้ ซ่งรั่วเจินคนนี้รับมือยากไม่ผิดไปดังคาด!”หลายวันก่อนเขาหลบซ่อน วางอุบายวางค่ายกล เดิมทีคนทั่วไปไม่สามารถตามหาตำแหน่งของเขาพบ นี่ทำให้เขากล้าอยู่ที่เมืองหลวงต่อใครคาดคิดเล่าว่าภายในมือซ่งรั่วเจินไม่รู้ลมหายใจของเขา ถึงขั้นสามารถทำนายตำแหน่งที่เขาอยู่ได้ ฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ!“ไต้ซือ ตอนนี้พวกเราจะทำเช่นไร? กององครักษ์หลวงมีความสามารถไม่น้อย ฉู่อ๋องเองก็วิชายุทธสูง หากถูกเขาจับได้ พวกเราจะต้องหนีไม่พ้นแน่!”ทุกคนร้อนใจขึ้นมาอย่างสุดระงับ หลายว
“เจ้าคงมิใช่หลอกคนหรอกกระมัง?” อวิ๋นหงหล่างเผยสีหน้าสงสัยซ่งจืออวี้กลอกตาขาว “ตาแก่ไร้ยางอายคนนี้ คิดสงสัยใครที่นี่? ช่วยท่านแล้วไม่พูดขอบคุณ ยังสงสัยน้องหญิงของข้าอีกกระนั้นรึ?”“ไปๆ ๆ รีบพาหญิงแก่แพศยาชาเขียวคนนี้ไสหัวไปได้แล้ว เห็นแล้วขยะแขยง!”“อีกเดี๋ยวส่งเงินมาให้ข้า หากภายในหนึ่งชั่วยามยังมาไม่ถึง ข้าจะไปแจ้งทางการ!”“พวกเจ้าเลิกยื่นเหม่อได้แล้ว ให้พวกเจ้าส่งแขก หากยังไม่ยอมไป ก็ใช้ไม้พองไล่ออกไป!”บ่าวรับใช้ทางด้านข้างดึงสติกลับมาได้ ต่างพากันถลันขึ้นไป เตรียมไล่คนอวิ๋นหงหล่างเองก็ไม่มีหน้าอยู่ที่นี่ต่อ ทำได้เพียงพาอนุอวิ๋นจากไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ปวดใจไม่หยุด นั่นคือเงินสามแสนตำลึงเชียวนะ!หันมองอนุอวิ๋นข้างกาย เขาเกิดโทสะขึ้นมาสายหนึ่ง หากไม่ใช่นางหาเรื่อง เรื่องราวก็คงไม่ต้องกลายเป็นเช่นนี้!จนกระทั่งทั้งสองคนจากไป ซ่งจืออวี้ก็พบว่าสายตาทุกคนล้วนตกลงบนตัวของตน เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกเจ้ามองข้าทำอันใด?”“พี่สาม ชาเขียวที่ท่านพูดหมายความว่าอะไร?” ซ่งจิ่งเซินแปลกใจอยู่บ้างซ่งจืออวี้ผายมือ “ข้าเองก็ไม่รู้ เรียนมาจากน้องหญิงห้า”ซ่งรั่วเจินเห็นทุกคนมองตนสีหน้าแป
นางจำรายการสินเดิมในปีนั้นได้อย่างชัดเจน รวมไปถึงกำไรของร้านค้าที่เป็นสินเดิมเพราะหลายปีมานี้ผิดหวังกับอวิ๋นหงหล่างมาก นางจึงหันไปสนใจการค้านางและกู้หรูเยียนเป็นสหายที่ดีต่อกัน การค้าของสกุลซ่งดีมากถึงเพียงนี้ ย่อมชี้แนะนางเป็นอย่างดี ดังนั้นเงินที่หาได้ย่อมมีไม่น้อย ภายในนั้นเขียนไว้ในบัญชีรวมมากมายทว่านางเก็บรักษาบัญชีของร้านไว้อย่างดี แม้แต่ภายในจวนเบิกเงินของนางไปมากน้อยเพียงใด นางก็จำได้ทั้งหมดบัดนี้...จะเอาคืนกลับมาให้หมด!“พี่หญิง คืนของให้ท่านย่อมเป็นเรื่องที่สมควรทำ แต่ท่านเองก็ต้องการมากเกินไปแล้ว”อนุอวิ๋นเอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ หันมองอวิ๋นหงหล่างอย่างกังวล กลัวเขาโมโหลงนามลงไปอวิ๋นหงหล่างย่อมไม่ยอมให้เกิดปัญหาตามมาอย่างต่อเนื่อง แม้ปวดใจ แต่ยังลงนามประทับลายนิ้วมือลงไป“ตอนนี้ใช้ได้แล้ว พวกเจ้าสามารถช่วยคนได้แล้วกระมัง!”เห็นจางเหวินเก็บหนังสือหย่าไป ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากเสียงเรียบ “ให้ข้าลงมือช่วยอนุอวิ๋นก็ย่อมได้ สามแสนตำลึง!”ถ้อยคำนี้พูดออกมา อวิ๋นหงหล่างก็โง่งมแล้ว “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”“ซ่งรั่วเจิน เจ้าอย่าทำเลยเถิดเกินไปนัก ทั้งๆ ที่เจ้าพูดว่าขอเพียงลงนามในหน
“ข้าคิดไว้ดีตั้งแต่แรกแล้ว นับตั้งแต่วันที่ติดตามท่านแม่ออกจากสกุลอวิ๋น ข้าก็ไม่คิดกลับไปอีก”พูดไป อวิ๋นเนี่ยนชูก็เหลือบมองอวิ๋นเฉิงเจ๋อแวบหนึ่ง พูดว่า “ภายภาคหน้าไม่ว่าข้าแต่งกับใคร ต่อให้เป็นเพียงสามัญชนคนหนึ่ง ข้าก็ยินดี”อย่างไรเสีย ชาตินี้หากไม่สามารถแต่งงานกับคนที่รักได้ ไม่ว่าแต่งกับใครก็ล้วนเหมือนกันเมื่อแรกท่านแม่แต่งงานกับท่านพ่อ ทุกคนล้วนพูดว่าแต่งได้ดี แต่สุดท้ายได้รับอะไรเล่า?อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินว่าอวิ๋นเนี่ยนชูจะแต่งงานกับสามัญชน ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว นิ้วมือภายในแขนเสื้อกำแน่น ภายในก้นบึ้งของสายตาซับซ้อน“เจ้า ดีนักนะ!” อวิ๋นหงหล่างโมโหจนหัวเราะออกมา “ถึงตอนนั้นเจ้าหาทางออกไปได้ อย่ามาขอข้าให้ช่วยเจ้าก็แล้วกัน!”“ข้าไม่มีวันทำเช่นนั้น ตรงข้ามกันภายในหัวใจท่านพ่อ ซีหว่านล้วนสำคัญที่สุดมาโดยตลอด”“นางทำผิดมากเพียงใดล้วนไม่เป็นไร ข้าเพียงทำผิดเล็กน้อยก็ถูกลงโทษ หากข้าตามท่านกลับไป ภายภาคหน้าบ้านหลังนี้มีอนุอวิ๋นดูแล ข้ายังจะมีชีวิตที่ดีอีกหรือ?”อวิ๋นเนี่ยนชูคิดตกแล้ว เดิมทีอนุอวิ๋นก็โหดเหี้ยมอำมหิต พวกเขาล้วนมองออก มีเพียงบิดาที่มองไม่ออกบางที...บิดาอาจไม่ยอมมอง
“ยังมีเจ้า!” หลิ่วหรูเยียนชี้อนุอวิ๋น “ตอนยังเป็นสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นก็ช่างเถอะ บัดนี้แก่จนหน้าเหลืองแล้วกลับยังไม่แก้ไข หากชอบร้องไห้ถึงเพียงนั้น ตอนจัดงานศพก็ไปร้องที่นั่นสิ วิ่งมาสร้างความอัปมงคลที่จวนซ่งของพวกเราทำอันใด!”คนสกุลซ่งหันมองมารดาอย่างแปลกใจ ที่ผ่านมามารดาอ่อนโยนนุ่มนวล ไม่เคยพูดจาเช่นนี้มาก่อน คำพูดวันนี้ช่าง...สาแก่ใจจริงๆ!จางเหวินที่เดิมทีโมโหแทบแย่กลับถูกคำพูดของหลิ่วหรูเยียนทำให้ขำจนหัวเราะออกมานางหวนนึกถึงเมื่อครั้นยังอยู่ในวัยแรกรุ่น กู้หรูเยียนมีอุปนิสัยอ่อนโยนรังแกง่าย เพราะได้รับความทุกข์จากสกุลหลิ่ว ครอบครัวลำเอียง นางอธิบายไปแล้วก็ไม่มีใครฟัง หนำซ้ำยังถูกลงโทษ ดังนั้นกู้หรูเยียนจึงชินชากับการไม่อธิบายจนกระทั่งมีคนพูดว่าร้ายนาง นางได้เห็นคนอ่อนโยนนุ่มนวลเสมอมาอย่างกู้หรูเยียนออกมาตอบโต้คน ถึงขั้นด่ากลับไปความสะเทือนใจในตอนนั้นก็คล้ายตอนนี้ ฉากตรงหน้าแทบจะซ้อนทับกัน“หลายปีมานี้เจ้าไม่บอกข้ามาโดยตลอด หากข้ารู้ตั้งแต่แรกว่าเจ้าได้รับความทุกข์เช่นนี้ จะต้องช่วยเจ้าด่าชายโฉดหญิงชั่วไร้ยางอายคู่นี้ดีๆ แน่!”จางเหวินจับมือกู้หรูเยียนไว้ ขอบตาแดงเรื่อ “ห
“ข้าไม่ช่วย เดิมทีก็ถูกต้องตามหลักการ หาไม่แล้วคนชั่วในใต้หล้านี้ล้วนมาขอให้ข้าช่วยแก้ผลกรรมให้ นั่นยังไม่กลายเป็นโลกของคนชั่วอีกหรือ?”ซ่งรั่วเจินหัวเราะออกมา “ใต้เท้าอวิ๋น ท่านเป็นขุนนางในราชสสำนักมาหลายสิบปี ถึงขั้นไม่มีหลักคุณธรรมขั้นพื้นฐานกระนั้นหรือ?”“หากท่านคิดว่าท่านพูดมีเหตุผล ก็สามารถพูดเรื่องทั้งหมดออกมาได้ พอดีจะได้ถามคนทั่วหล้าว่าคิดเห็นเหมือนท่านหรือไม่!”เพียงอนุอวิ๋นได้ยินก็รีบพูด “ข้ามิได้เชิญผีน้อยมาทำร้ายพี่หญิง ข้าเพียงหวังให้นางและนายท่านกลับมาคืนดีกัน ข้าเองก็ถูกคนชั่วนั่นหลอก”“หากข้ารู้ตั้งแต่แรกก็ไม่มีวันทำเช่นนี้”“อ้อ งั้นหรือ?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากเสียงเรียบ เนตรขนงเจือรอยยิ้ม “บัดนี้มีคนทำผิดเหมือนท่านไม่น้อย ราชสำนักมีบัญชีรายชื่ออยู่ในมือแล้ว”“ไม่สู้ไปถามคนเหล่านั้นดู ตกลงพวกเขารู้หรือไม่ว่าที่เชิญผีน้อยมาก็เพื่อทำร้ายคน?”“ถ้อยคำนี้ ท่านหลอกตนเองก็ช่างเถอะ คิดว่าคนทั่วหล้าโง่เขลาเหมือนท่านหรือ?”สายตาซ่งรั่วเจินคมกริบ “ทำร้ายคนและช่วยคน ทำร้ายคนต้องชดใช้มากยิ่งกว่า หากท่านทำเพราะอยากให้ทั้งสองคนคืนดีกันจริง สิ่งที่ท่านเชิญกลับไป สมควรเป็นพระพุทธ