“ความนัยของท่านคือ...งานแต่งของสกุลชวีกับสกุลเคอยกเลิกไปแล้ว?”ซ่งรั่วเจินตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ ก่อนหน้านี้ชวีคั่วเสแสร้งแกล้งทำอยู่ที่สกุลเคอ คิดแสร้งใจกว้างแต่ไม่สำเร็จ ก็นับว่ายังมีสมองอยู่บ้างหาไม่แล้ว หากสกุลชวีรู้ว่าชวีคั่วเอ่ยปากรับผิดชอบเงินก้อนใหญ่นี้ไว้ น่ากลัวว่าจะต้องกระอักโลหิตแน่“ตอนนี้ยังไม่ได้เอ่ย เพียงระงับไว้ชั่วคราว ความคิดของสกุลชวีน่าจะเป็นรอสกุลเคอคืนเงินทั้งหมดแล้วค่อยแต่งงาน หาไม่แล้วพวกเขาจะต้องเดือดร้อนแน่”“ส่วนสกุลเคอ ก่อนหน้านี้นับว่ายังมีคุณสมบัติเจรจากับสกุลชวี ทว่าบัดนี้ทุกคนต่างรู้เรื่อง นอกจากสกุลชวีแล้ว น่ากลัวว่าไม่มีใครต้องการเคอหยวนจื่ออีก” ฉู่จวินถิงอธิบายซ่งรั่วเจินรู้ดีภายในใจ แท้จริงแล้วด้วยฐานะของเคอหยวนจื่อ อยู่ที่เมืองหลวงมิอาจเทียบคุณหนูชนชั้นสูงเหล่านั้นได้สาเหตุที่นางมีชื่อเสียงโด่งดัง ทั้งหมดเป็นเพราะพี่สี่ของนางนำเงินทองไปมอบให้ วิธีการของเขาในตอนแรกทำให้คนตกตะลึงภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เคอหยวนจื่อยังสามารถสงบนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตลอดได้ ตำแหน่งภายในสายตาของผู้อื่นย่อมสูงขึ้นบัดนี้พี่สี่ตัดใจแล้ว ชื่อเสียงของเคอหวนจื่อย่อมไม่เหม
ฮองเฮาเองก็ไม่คิดมากนัก รีบเดินทางไปยังห้องทรงพระอักษร ภายในสมองมั่นใจแล้วว่าซ่งรั่วเจินเป็นคนยุยงเรื่องนี้หากไม่ใช่นาง ด้วยอุปนิสัยสุขุมของจวินถิง ไม่มีวันทำเรื่องวู่วามพรรค์นี้ ยังไม่ต้องพูดว่าทำให้ฝ่าบาทกริ้ว หากเล่าลือออกไปย่อมกลายเป็นเรื่องตลกชื่อเสียงที่พยายามสั่งสมมานานหลายปี จะถูกแม่นางคนหนึ่งทำลายกระนั้นหรือ?ภายในห้องทรงพระอักษร บรรยากาศตึงเครียดฉู่จวินถิงรายงานเบาะแสที่ตนเองพบให้ฝ่าบาทรู้“เจ้าพูดความจริงหรือ?” สีหน้าฝ่าบาทเคร่งขรึม ใบหน้าน่าเกรงขามเจือไอเย็นสายหนึ่งฉู่จวินถิงถือหลักฐานเข้าไป “เสด็จพ่อ ก่อนหน้านี้ยามลูกผ่านเมืองผิงหยางก็เคยได้ยินเรื่องเหล่านี้มาก่อน ตอนนั้นรู้สึกไม่ชอบมาพากล ทว่าเพราะสงครามกำลังดุเดือด จึงทำได้เพียงส่งคนไปสอดแนม”“ครั้งนี้เกิดอุทกภัยที่แดนใต้ ส่วนเมืองผิงหยางกลับเกิดภัยแล้ง ที่ผ่านมาแจกจ่ายเงินบรรเทาทุกข์ไปแล้ว แต่ได้ยินมาว่าบัดนี้มีผู้ลี้ภัยจำนวนมากกำลังเดินทาง”“อุทกภัยย่อมโจมตีบ้านเรือน ราษฎร์ออกจากถิ่นฐาน แต่ภัยแล้งไม่เป็นเช่นนั้น ขอเพียงเสบียงอาหารไปถึง ราษฎร์ไม่มีวันยอมทิ้งถิ่นฐานไปอย่างง่ายดาย”ฮ่องเต้มองหลักฐานแต่ละอย่าง
“ใช่แล้วเพคะ แม่นางหลิงเป็นถึงหลานสาวของหลิงไท่ซือ อุปนิสัยใสซื่อมีเมตตา ยังเคยเข้าสนามรบอีกด้วย เป็นสตรีที่ไม่ด้อยไปกว่าบุรุษ”“ก่อนหน้านี้ฉู่อ๋องอยู่ในสนามรบมาโดยตลอด หากตบแต่งแม่นางหลิง เวลาปกติจะต้องมีเรื่องให้พูดคุยกัน ไม่คล้ายแม่นางในห้องหอ ไม่เคยพบเห็นโลกกว้าง”ใบหน้าฮองเฮาประดับยิ้ม เมื่อวานนางได้เห็นหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ แม่นางคนนี้ไม่เพียงรู้มารยาท ต่อให้มอบของขวัญก็มอบได้ตรงใจนาง เพียงมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นแม่นางฉลาดคนหนึ่งยิ่งไม่ต้องพูดถึงมารดาของหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ นางรู้จักมานานหลายปี หลายปีมานี้ครอบครัวของหลิงไท่ซือเองก็รักษาการณ์อยู่ชายแดนเพื่อราชสำนัก สร้างชื่อเสียงมานานไม่เพียงแค่นี้ บิดาของหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ยังเป็นแม่ทัพ ทำผลงานในการทำสงคราม ขอเพียงจวินถิงแต่งงานกับนาง สกุลหลิงจะต้องสนับสนุนเขาแน่เทียบกับสกุลซ่ง ย่อมช่วยได้มากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัยฮ่องเต้สบมองฉู่จวินถิงแวบหนึ่ง เห็นชัดว่าพวกเขาสองแม่ลูกไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้มาก่อนสำหรับเรื่องสำคัญเช่นนี้ แต่ไหนแต่ไรมาจวินถิงล้วนเก็บเงียบไว้อย่างเข้มงวด“ฉู่อ๋อง เจ้าชอบแม่นางสกุลซ่งหรือ?”ฮ่องเต้เอ่ยปากถาม ใบหน้า
ฉู่จวินถิงคุกเข่าบนพื้น เดิมทีเขาวางแผนรอคลี่คลายปัญหาอุทกภัยในครั้งนี้แล้วค่อยมาขอพระราชทานสมรสจากเสด็จพ่ออย่างไรเสีย เรื่องนี้ก็ต้องได้รับความเห็นชอบจากรั่วเจินก่อนเมื่อคืนเขาลองถามหยั่งเชิงมาก่อน แต่รั่วเจินมิได้ตอบ เอือมระอาวันนี้จู่ๆ เสด็จแม่ก็เอ่ยขึ้นมา เขาจะต้องสารภาพความในใจก่อน ป้องกันไม่ให้เสด็จแม่จับคู่วุ่นวายเขาไม่มีวันทำให้ซ่งรั่วเจินไม่สบอารมณ์เพราะเรื่องพรรค์นี้ฮ่องเต้มองท่าทางจริงจังของฉู่จวินถิง ย้อนนึกถึงตอนก่อนที่ฮองเฮาจะมา เขาพูดว่าหลังคลี่คลายปัญหาอุทกภัยแล้วมีเรื่องขอความเมตตาดูท่าแล้ว ความเมตตานี้ก็คือพระราชทานสมรส“จวินถิง หลายปีมานี้เจ้าจัดการทุกเรื่องได้ดี ไม่เคยทำให้เราเสียใจ”“อุปนิสัยของซ่งรั่วเจิน เราเองก็รู้แล้ว ได้รู้ว่าพวกเจ้ามีใจให้กัน ในเมื่อเจ้าอยากแต่งกับนาง เราก็อนุญาต”ถ้อยคำนี้หลุดออกมา ฮองเฮาเบิกตากว้างอย่างสุดระงับ “ฝ่าบาท!”“ฮองเฮา!” สีหน้าฝ่าบาทเคร่งขรึม ท่าทางน่าครั่นคร้ามเจือความไม่พอใจตะคอกออกมา “เจ้าในฐานะมารดาของแคว้น ไม่ว่าเรื่องใดก็ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี บัดนี้เจ้าอ้าปากหุบปากพูดว่าเล่ห์อุบายยั่วยวน วาจาหยาบคายนี้ถึงขั้นหล
ณ จวนตระกูลซ่งซ่งรั่วเจินบอกทุกคนเรื่องที่วันนี้เช่ออ๋องจะมาเยือนตั้งแต่เมื่อคืนวานแล้วเมื่อทุกคนทราบเรื่องก็ประหลาดใจมาก กู้หรูเยียนยังสั่งให้คนปัดกวาดทำความสะอาดจวนตั้งแต่เช้า“เช่ออ๋องมาแล้ว!”“คารวะเช่ออ๋อง”คนตระกูลซ่งล้วนแสดงความเคารพ ซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อันก็รีบกลับจวนทันทีหลังเลิกประชุมในท้องพระโรงเช่นกัน ยามนี้ได้เปลี่ยนมาสวมชุดลำลองรอเช่ออ๋องเรียบร้อยแล้วฉู่เทียนเช่อค่อยๆ เดินทางมาถึง เขาที่สวมชุดแพรหรูหราแลดูสูงศักดิ์ไม่ธรรมดา รูปโฉมของเขาเทียบกับฉู่จวินถิงแล้วด้อยกว่าเล็กน้อย มีความหนักแน่นน้อยกว่าหลายส่วน แต่มีความอ่อนโยนมากกว่าหลายส่วน“ทุกท่านไม่ต้องเคร่งครัดเช่นนี้ วันนี้ข้าตั้งใจมาเยือนเพื่อขอบคุณที่ช่วยชีวิตไว้ในวันนั้น”ด้านหลังฉู่เทียนเช่อ นางกำนัลและขันทีประคองของขวัญขอบคุณมากมายเรียงกันเป็นแถว“หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากพวกท่าน เกรงว่าวันนี้ข้าคงไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจนัก”“เช่ออ๋องไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ พวกกระหม่อมเกรงใจยิ่งนัก มีโอกาสช่วยเหลือท่านอ๋องเป็นวาสนาอันยิ่งใหญ่ของพวกกระหม่อม”“ขอแค่ท่านอ๋องปลอดภัยไร้อันตราย พวกกระหม่
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ มิน่าเล่า” ฉู่เทียนเช่อเข้าใจแล้ว “หากแม่นางซ่งสามารถทำนายได้ก็คงจะพบว่าความจริงเจ้ากับฉู่อ๋องไม่เหมาะสมกัน”ซ่งรั่วเจิน “...” คนผู้นี้ช่างไม่รู้ขอบเขตเอาเสียเลย!ฉู่เทียนเช่อสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของซ่งรั่วเจินจึงอธิบายว่า “เจ้าอย่าเพิ่งโกรธ ที่ข้าพูดเช่นนี้ไม่ได้มีเจตนาจะยุแยง แต่เพราะความจริงก็ชัดเจนอยู่แล้ว”“ตอนที่อยู่ในพิธีล่าสัตว์คราวนั้น เจ้าก็คงจะเห็นท่าทีของฮองเฮาแล้ว ตราบใดที่เจ้ามีจุดด่างพร้อยเรื่องถอนหมั้นอยู่ นางก็ไม่มีทางยอมให้เจ้าแต่งงานกับฉู่อ๋อง”“ข้ารู้สึกว่าเจ้าดีไปทุกอย่างแท้ๆ แต่กลับต้องได้รับความอยุติธรรมไปเสียทุกเรื่องเพื่อจะแต่งงานกับฉู่อ๋อง นี่มิน่าเสียดายแย่หรือ?”“ถ้าได้เป็นชายาของฉู่อ๋องก็ดีไป แต่ถ้าไม่ได้เป็น ต้องปล่อยให้ช่วงวัยที่งดงามที่สุดผ่านไปอย่างสูญเปล่า กลับเป็นการได้ไม่คุ้มเสียเลยจริงๆ...”ซ่งจิ่งเซินที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลเห็นฉู่เทียนเช่อตามตอแยซ่งรั่วเจิน ก็รีบกล่าวกับซ่งเยี่ยนโจวว่า “ท่านมีคำถามอยากขอคำชี้แนะจากเช่ออ๋องหรือไม่?”ซ่งเยี่ยนโจว “?”ซ่งอี้อันก็สังเกตเห็นแล้วเช่นกันจึงดึงซ่งเยี่ยนโจวก้าวออกมาข้างหน้าทันที “แย
ซ่งจิ่งเซินฟังอารมณ์ในคำพูดของซ่งรั่วเจินออกจึงกล่าวว่า “น้องหญิงห้า ฮองเฮาทรงไม่เห็นข้อดีของเจ้านั่นเป็นเพราะนางตาบอดเอง เจ้าไม่ต้องไปสนใจ”“จากที่ข้ารู้มา ฮองเฮามีชาติตระกูลสูงศักดิ์ นางเลือกชายาให้ฉู่อ๋อง สิ่งที่ให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือชาติตระกูล ไม่ว่าถังเสวี่ยหนิงหรือหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ล้วนเป็นเช่นนี้”“มารดาของเช่ออ๋องคือจงเฟย ฐานะสู้ฮองเฮาไม่ได้ มุมมองย่อมแตกต่างกัน”เขาว่าแล้วก็แค่นหัวเราะออกมา เลิกคิ้วพยักพเยิดไปทางฉู่เทียนเช่อที่อยู่ไม่ไกล “เช่ออ๋องแต่งชายาเอกแล้ว ไม่แน่ว่าคงคิดจะให้เจ้าเป็นชายารอง”“ถ้าเจ้ากลายเป็นชายารองของเขาก็เท่ากับว่าพวกเขาได้ประโยชน์โดยไม่ต้องลงแรงเลยน่ะสิ!”ซ่งรั่วเจินนึกถึงตอนที่ได้เจอฉู่เทียนเช่อทั้งสองครั้ง ดูเหมือนเขาจะมีเจตนาอยากใกล้ชิดกับนาง คำพูดและการกระทำล้วนช่วยเหลือนางเป็นพิเศษเดิมทีนางไม่ได้คิดมาทางนี้ ยามนี้เมื่อได้ฟังซ่งจิ่งเซินวิเคราะห์ออกมา ทันใดนั้นก็ตระหนักว่ามีความเป็นไปได้เช่นนี้อยู่ด้วย“แผนการนี้ของเช่ออ๋อง...จะโจ่งแจ้งเกินไปแล้วกระมัง?” ซ่งรั่วเจินรู้สึกทึ่งซ่งจิ่งเซินเลิกคิ้วขึ้นอย่างได้ใจ “ยามนี้เจ้าเป็นที่หมายปองของผ
ซ่งรั่วเจินเห็นความเร็วในการเผ่นหนีของซ่งจิ่งเซินแล้วก็หัวเราะเบาๆ ออกมาอย่างอดไม่อยู่ พอหันหน้ากลับมาก็สบเข้ากับสายตาของฉู่จวินถิง“พี่สี่เพียงแต่หวังดีกับหม่อมฉันเพคะ” นางกล่าวฉู่จวินถิงพยักหน้า “ข้าเข้าใจ สามารถมีพี่ชายเช่นนี้เป็นโชคดีอย่างใหญ่หลวง”ซ่งรั่วเจินพยักหน้าน้อยๆ ในหัวอดคิดไม่ได้ว่า เมื่อวานนางพูดว่าถ้าซ่งจิ่งเซินฟื้นความจำกลับมาแล้วยังคิดจะกลับไปหาเคอหยวนจื่ออีก ก็จะตีให้สลบเหมือดไปเสียเลยเห็นแก่ที่พี่สี่ใคร่ครวญเพื่อนางในวันนี้ ถึงตอนนั้นจะบอกให้พี่สามลงมือเบาหน่อยก็ได้!“แม่นางซ่ง เจ้า...”ฉู่เทียนเช่อพูดคุยกับพวกซ่งเยี่ยนโจวเล็กน้อยก็หันมาตามหาซ่งรั่วเจินเมื่อพบว่าฉู่จวินถิงก็ตามมาเช่นกัน สีหน้าก็ไม่น่ามองไปชั่วขณะ แต่แล้วก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ยิ้มเอ่ยว่า “น้องสาม เจ้าก็มาเหมือนกันหรือ”“วันนี้เสด็จพี่ตั้งใจมาขอบคุณถึงจวน ข้าจึงตามมาดูด้วย คงไม่ถือสากระมัง?” ฉู่จวินถิงสีหน้าผ่อนคลาย“ไม่ถือสาอยู่แล้ว”ฉู่เทียนเช่อยังคงมีสีหน้ายิ้มแย้ม ส่วนลึกในแววตากลับฉายประกายชั่วร้าย ฉู่จวินถิงก็แค่โชคดีได้มาเกิดในครรภ์ของฮองเฮาจึงได้รับความสนใจเช่นนี้ถ้าไม่มี
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที
เมื่อเห็นกู้ฮวนเอ๋อร์ภาคภูมิใจเช่นนี้ ซ่งรั่วเจินและคนอื่น ๆ ก็อดมิได้ที่จะสงสัยใคร่รู้ ว่าของล้ำค่าที่ว่าคือสิ่งใดกันแน่? “ผ่าม!” กู้ฮวนเอ๋อร์เปิดกล่องผ้าไหมออกด้วยความตื่นเต้นยิ่ง แต่ทว่าหลังจากที่ทุกคนในงานเห็นของในกล่องผ้าไหมแล้ว ล้วนนิ่งงันไปทันที เนื่องด้วยในกล่องนั้นมีเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรอยู่องค์หนึ่ง! “แค่กๆ” ฉู่อวิ๋นกุยกระแอมครั้งหนึ่ง แต่ใบหน้ากลับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ สตรีที่เขาชอบนั้น ช่างเป็นคนที่ชาญฉลาดนัก! ซ่งรั่วเจินพลันมองไปทางฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว ใบหน้ากลับเห่อแดงขึ้นมา แววตาของฉู่จวินถิงปรากฏแววขบขันวาบผ่าน ของขวัญชิ้นนี้ช่างมีความหมายยิ่งนัก กู้ฮวนเอ๋อร์เห็นว่าหลังจากที่ตนหยิบของขวัญออกมาแล้ว ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น ”นี่มันสีหน้าอะไรของพวกเจ้ากัน? หรือว่าไม่ดีงั้นหรือ?“ “เจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรองค์นี้ ข้าไปกราบขอมาโดยเฉพาะ ผ่านพิธีปลุกเสก ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก!” ซ่งรั่วเจิน “...” หลายครั้งนางเองก็นับถือกู้ฮวนเอ๋อร์จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่อายุน้อยขนาดนี้ แต่ความคิดที่จะมอบของขวัญให้กลับเหมือนค
ณ เวลาเดียวกันนั้น อวิ๋นเนี่ยนชูก็ได้มาหาซ่งรั่วเจินเช่นกัน “รั่วเจิน ยินดีกับเจ้าด้วยนะ ข้าเองก็เห็นเหตุการณ์ในงานเทศกาลโคมไฟแล้ว เดิมทีอยากจะไปแสดงความยินดีกับเจ้าอยู่หรอก แต่หลังจากนั้นเกิดเรื่องบางอย่างทำให้ล่าช้าไป จึงต้องมามอบของขวัญแสดงความยินดีในวันนี้” อวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มพลางยื่นของขวัญแสดงความยินดีไปให้ “นี่คือของสิ่งนี้ข้าเตรียมไว้แต่เนิ่น ๆ แล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนดีจริง ๆ เมื่อพวกเจ้าได้แต่งงานกันแล้วจักต้องครองรักกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข จนผู้คนรอบข้างพากันริษยาแน่นอน” ซ่งรั่วเจินมองดูอวิ๋นเนี่ยนชูเปิดกล่องผ้าไหมออก ภายในบรรจุเครื่องประดับศีรษะของสตรีครบชุด เครื่องตกแต่งอื่น ๆ ไปจนถึงเครื่องประทินโฉม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด “ของมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ดูแล้วครบชุดเลย เจ้าให้จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะหรือ?” “ใช่แล้ว!” อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้าพลางยิ้ม “แต่ก่อนข้าครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าควรจะมอบสิ่งใดให้เจ้าเป็นของขวัญดี แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีสิ่งที่เหมาะสมที่สุดได้เลย” “หลังจากนั้น ข้าก็คิดว่า สิ่งที่สตรีมักจะใช้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวันก็มิพ้นเคร
เมื่อได้ฟังสิ่งที่จางเหวินพูด กู้หรูเยียนกับเยี่ยนชิงอวี้ต่างก็อดมิได้ที่จะตกตะลึง ตั้งแต่เมื่อเริ่มรู้จักความรักครั้งแรกก็ชอบพอเฉิงเจ๋อ ถ้าอย่างนั้น ก็ชอบพอหลายปีจริง ๆ พวกเขากลับมิรู้มาโดยตลอด คิดดูแล้ว ในใจเด็กทั้งสองคงมีสิ่งที่เก็บกลั้นไว้อยู่ “จะว่าไป ก็ต้องโทษที่ก่อนหน้านี้ที่ข้ามิได้ใส่ใจให้ดีนัก เอาแต่ให้เฉิงเจ๋อคอยดูแลน้องสาวให้ดี” “เนี่ยนชูชอบตามติดอยู่ข้างกายเฉิงเจ๋อมาตั้งแต่เล็ก ทุกครั้งที่เฉิงเจ๋อกลับจากสำนักศึกษา เป็นเวลาที่นางมักดีใจเป็นที่สุด ข้าก็นึกว่าเป็นเพียงความรักฉันพี่น้องมาโดยตลอด” “มาตรองดูดี ๆ แล้ว ตอนนั้นข้าก็ควรพบความผิดแผกได้ หากเป็นเพียงพี่น้องธรรมดา เหตุใดเด็กทั้งสองจึงมิยอมแต่งงานจนถึงตอนนี้?” จางเหวินยิ่งเอ่ยก็ยิ่งปวดใจ เมื่อนึกถึงคราวก่อนที่อนุอวิ๋นยังหมายจะยกอวิ๋นซีหว่านที่ยังไม่ได้แต่งงานให้แก่เฉิงเจ๋อ เกรงว่าตอนนั้น หัวใจของเด็กทั้งสองคงรวดร้าวมิใช่น้อย ถึงขั้นที่ เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นในตอนนั้น นางยังเคยกล่าวกับเฉิงเจ๋อด้วยว่า เรื่องนี้ช่างน่าขันเสียจริง นางมองเขาเป็นดั่งบุตรชายแท้ ๆ มาโดยตลอด อนาคตจะต้องเลือกคู่ค
“พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ายังจะเกรงใจข้าอีกหรือ? ที่ข้ามานี้ มิใช่เพียงเพื่อช่วยรั่วเจินเตรียมงานแต่งเท่านั้น อีกทั้งยังได้เห็นหน้าชิงอินด้วย ช่างเป็นเรื่องดีเสียจริง” ขณะที่กู้หรูเยียนและเยี่ยนชิงอวี้กำลังสนทนาหยอกเย้ากันอยู่นั้น ก็พลันสังเกตเห็นว่าจางเหวินราวกับเหม่อลอยอยู่ไม่น้อย “หรือว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ? เหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีเหม่อลอยเช่นนี้?” กู้หรูเยียนเอ่ยถาม จางเหวินจึงได้คืนสติ ในใจของนางล้วนมีแต่เรื่องของเนี่ยนชูกับเฉิงเจ๋อ จนเผลอใจลอยไปโดยไม่รู้ตัว “ข้า...” นางเหมือนจะเอื้อนเอ่ย แต่กลับชะงักไป เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “เจ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกพวกเราได้งั้นหรือ? บอกมาตามตรงเถิด” “ที่อนุอวิ๋นพูดมามิผิดเลย ระหว่างเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อต่างก็มีใจให้กัน” จางเหวินทอดถอนใจครั้งหนี่ง เมื่อนึกถึงภาพที่นางได้เห็นเมื่อวานยามกลับจวน เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเฉิงเจ๋อในสภาพเช่นนั้น บทสนทนาของทั้งสอง นางก็พลอยได้ยินไปด้วย นางจึงได้รู้ว่าที่แท้เนียนชู่ชอบพอเฉิงเจ๋อมาหลายปีเพียงนี้ ในฐานะมารดาเช่นนาง นางคิดว่าตนใส่ใจบุตรเป็นอย่าง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น นางกำนัลในตำหนักจงเฟยก็พลันเข้ามา“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” นางกำนัลก้มกายคำนับด้วยท่าทางเคารพนบนอบ แต่ในมือกลับถือเซียนบุปผาเอาไว้หนึ่งองค์ “แม่นางของบ่าว ให้บ่าวนำเซียนบุปผามาให้ฮองเฮา ขอเพียงทรงบูชาด้วยใจที่ตั้งมั่น ก็จะสามารถเปล่งปลั่งผุดผ่อง ทำให้เยาว์วัยตราบนานเท่านาน” เมื่อวาจาถูกเปล่งออกมาเช่นนั้น ฮองเฮาและลู่หมิ่นฮุ่ย ต่างพินิจพิจารณาเซียนบุปผาที่อยู่ตรงหน้า ต้องบอกเลยว่ารูปปั้นนี้ถูกทำขึ้นได้สมจริงยิ่งนัก เซียนบุปผานั้นก็งามวิจิตรด้วยรูปลักษณ์อันเย้ายวนตา “นี่มันเซียนบุปผาอะไรกัน? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” แววตาของฮองเฮาปรากฏแววประหลาดใจวาบหนึ่ง ในใจกับยิ่งรู้สึกสงสัย จงเฟยมีน้ำใจงามถึงเพียงนี้เชียวหรือ จึงยอมมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่นาง? นางสนมวังหลัง ต่างกำลังช่วงชิงแข่งขัน หวังเพียงให้ตนสามารถงามล้ำกว่าผู้อื่น เพื่อที่ฮ่องเต้จะได้ต้องตาในคราแรกเห็น จงเฟยในวันนี้ผุดผ่องไปทั้งตัวยิ่งกว่าทุกวัน แค่ฮ่องเต้ได้เห็น ราตรีนี้ย่อมต้องพลิกป้ายชื่อของนางเป็นแน่ หากความลับที่ทำให้จงเฟยงดงามขึ้นเป็นเพราะการบูชาเซียนบุปผ
นับตั้งแต่แต่งงานกันเป็นต้นมา ท่านอ๋องก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังจากแต่งงานแล้ว นั่นยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยฮองเฮามองแหวนบนมือลู่หมิ่นฮุ่ยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านอ๋องของเจ้าดีต่อเจ้ามากมาแต่ไหนแต่ไร ส่งของขวัญมาให้รวดเร็วปานนี้ ข้าได้ยินมาว่าแหวนในร้านขายเครื่องประดับทั่วเมืองหลวงถูกขายหมดเกลี้ยงแล้ว เมื่อก่อนหาได้ขายดีเท่าปิ่นปักผมไม่”“ไม่รู้ว่าจวินถิงคิดวิธีแปลกใหม่เช่นนี้ได้อย่างไร แต่ข้าแค่ได้ยินก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนเป็นคู่สร้างคู่สมโดยแท้ ช่างชวนให้คนอิจฉานัก”ลู่หมิ่นฮุ่ยดื่มชาจิบหนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “พี่หญิง ยามนี้ท่านคิดตกแล้วช่างดีเหลือเกิน ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่ไทเฮาทรงทราบว่าฝ่าบาทพระราชทานสมรส ยังให้คนนำของพระราชทานไปส่งที่สกุลซ่งไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่าโปรดปรานแม่นางซ่งมาก”ฮองเฮาพยักหน้าน้อยๆ วันนี้ตอนที่นางได้ยินข่าวนี้ก็มีความคิดแบบเดียวกัน ความโปรดปรานที่ไทเฮามีต่อซ่งรั่วเจินช่างชวนให้คนประหลาดใจโดยแท้แต่สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นข่าวดียิ่งโดยไม่ต้องสงสัย“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าแม่นางสกุลหลิงผู้นั้นหมู่นี้ใกล้ชิดกับเช่ออ๋องมากทีเดียว คน
“ก่อนแต่งงานเขาสามารถคิดวิธีการนี้ออกมาได้ หลังแต่งงานก็ย่อมสามารถคิดวิธีอื่นออกมาได้เหมือนกัน เขาย่อมจะมีวิธีแก้ไข”ซ่งหลินมองไปทางกู้หรูเยียน “คิดถึงสมัยที่แม่ข้ายังอยู่ ข้าก็จัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”กู้หรูเยียนอึ้งไป คิดถึงเมื่อครั้งที่แม่สามียังอยู่ ระหว่างนางกับแม่สามีก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีความขัดแย้งอันใด ทุกครั้งซ่งหลินล้วนจัดการได้ดีมากตอนเริ่มแรก นางเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเพราะแม่สามีนิสัยดี รู้สถานการณ์ที่นางอยู่ในตระกูลหลิ่วแล้วยังยินดียอมรับนางอย่างไรเสีย รูปแบบการทำเรื่องต่างๆ ของตระกูลหลิ่วหลายปีมานี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ดื้อด้านไร้เหตุผล ชอบมาหาผลประโยชน์จากตระกูลซ่ง นางรู้สึกละอายใจต่อตระกูลซ่งมาโดยตลอดโชคดีที่ทั้งแม่สามีและพ่อสามีล้วนไม่เคยตำหนินางเพราะเรื่องนี้ นางย่อมเข้าใจว่าในเรื่องนี้ย่อมขาดความชอบของซ่งหลินไปไม่ได้เลย“ตอนนั้นท่านโน้มน้าวแม่สามีอย่างไรหรือ?” กู้หรูเยียนถามอย่างสงสัยตอนนั้นนางกังวลใจไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ทุกครั้งที่ซ่งหลินบอกนางว่าไม่เป็นไร พ่อสามีและแม่สามีจิตใจกว้างขวาง ไม่เคยเก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ แต่กลับเห็นใจนางเป
“เมื่อวานข้าได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ การจัดเตรียมแสนอลังการแบบนี้ ไม่เพียงแค่ไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความจริงใจของฉู่อ๋อง”“ตอนที่ข้าเห็นฉู่อ๋องเป็นฝ่ายถามแม่นางซ่งว่ายินดีแต่งงานกับเขาหรือไม่ก็รู้สึกว่าถ้าบุรุษในใต้หล้าเป็นเหมือนเขากันทุกคนก็คงดี”“ไม่รู้ว่าการมอบแหวนมีความหมายพิเศษอันใดหรือไม่? ตอนข้าเห็นฉู่อ๋องสวมแหวนให้แม่นางซ่งก็รู้สึกว่าพิเศษเอามากๆ วันหน้าตอนข้าแต่งงานก็อยากทำเช่นนี้เหมือนกัน”ทันใดนั้น แหวนในร้านขายเครื่องประดับก็กลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด ตั้งแต่เมื่อคืนวานจนถึงเช้าวันนี้ แหวนทั้งหมดล้วนขายไปจนหมดเกลี้ยงขณะที่เวลานี้จวนสกุลซ่งเพิ่งได้รับราชโองการพระราชทานสมรส“ยินดีด้วย แม่ทัพซ่ง ซ่งฮูหยิน วันที่แปดเดือนหน้าเป็นวันดี หลังแต่งงานแล้ว แม่นางซ่งก็จะกลายเป็นพระชายาฉู่อ๋อง”ขันทีที่อัญเชิญราชโองการมามีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ตำแหน่งพระชายาฉู่อ๋องว่างเว้นมานานมากแล้ว ฉู่อ๋องควรแต่งงานตั้งแต่หลายปีก่อน แต่ก็ผัดผ่อนมาจนถึงตอนนี้บัดนี้ในที่สุดก็มีว่าที่พระชายาฉู่อ๋องเสียที ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองโดยแท้“เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของพระราชทานจากในวัง ไม่เพ