ซ่งรั่วเจินรู้ดีอย่างกระจ่างชัด ที่นี่คือยุคสมัยโบราณ ฉู่จวินถิงฐานะสูงศักดิ์ ฮองเฮาฝากความหวังอันยิ่งใหญ่ไว้ที่เขาบัดนี้ฮองเฮาไม่ชมชอบนางไปทุกจุด ต่อให้ฝืนแต่งงานกันไปจริงๆ ภายภาคหน้าก็ต้องส่งสตรีงามเข้ามาไม่ขาดสาย ยิ่งไม่ต้องพูดว่าหากวันใดฉู่อ๋องขึ้นครองบัลลังก์ ความยุ่งยากก็เพิ่มมากขึ้นหากยอมถอย ก็ไม่ใช่ยอมถอยเพียงก้าวเดียว แต่ต้องยอมถอยไปทุกก้าวนางไม่ยอมปล่อยให้ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้“ท่านและหม่อมฉัน อาจไม่เหมาะสมกันจริงๆ”“ไม่มีถังเสวี่ยหนิง ก็มีหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ ต่อให้ไม่มี ภายภาคหน้าก็ยังมีคนอื่น...”ชั่วขณะฉู่จวินถิงได้ยินถ้อยคำนี้ รู้สึกเพียงหัวใจรัดแน่นจนเกือบจะขาดไปอย่างกะทันหัน โลหิตทั่วทั้งสรรพางค์กายไหลย้อนกลับ ดวงตาแดงขึ้นมาในทันใดเขาขยับเข้าใกล้ ดวงตาลุ่มลึกจับจ้องคนตรงหน้าเขม็ง สุ้มเสียงร้อนรนอย่างชัดเจน “ใครพูดว่าพวกเราไม่เหมาะสมกัน? บนโลกนี้ไม่มีใครเหมาะสมกับข้ายิ่งไปกว่าเจ้าแล้ว!”ระยะห่างระหว่างทั้งคู่ใกล้กันขึ้นมาอย่างกะทันหัน ซ่งรั่วเจินมองใบหน้าหล่อเหลาใกล้เพียงเอื้อมตรงหน้า ดวงตากระจ่างใสเจือความโศกเศร้าอยู่รางๆ อีกทั้งยังสะท้อนความเอือมระอา
“เชื่อข้า ให้เวลาข้าจัดการทั้งหมดให้เรียบร้อยอีกหน่อย ดีหรือไม่?”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงแผ่วเบา ท่าทีนุ่มนวล จับจ้องคนตรงหน้าอย่างมุ่งมั่น หวังเพียงคำตอบที่แน่นอนอย่างหนึ่งซ่งรั่วเจินสบมองชายตรงหน้า คล้ายต้องมนต์ก็มิปาน พยักหน้าโดยไม่รู้ตัวชั่วขณะได้เห็นฝ่ายหญิงพยักหน้า ภายในสายตาฉู่จวินถิงสะท้อนความตกตะลึงดีใจ ยื่นมือออกไปโอบนางไว้ในอ้อมกอดแน่นอ้อมกอดของฝ่ายชายอบอุ่นมาก เจือกลิ่นไม้สะอาดบริสุทธิ์ โอบล้อมนางไว้ภายในแผ่นหลังซ่งรั่วเจินเกร็งขึ้นเล็กน้อย อ้อมกอดแปลกใหม่แต่ก็คุ้นเคยนี้ทำให้นางหน้าแดงโดยไม่รู้ตัว มือสองข้างแข็งเกร็งอยู่ที่นั่น ไม่รู้สมควรวางไว้ที่ใดถึงจะดีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มือที่ไม่รู้จะวางไว้ที่ใดก็ค่อยๆ โอบลงบนเอวของฝ่ายชายสัมผัสได้ถึงการกระทำของมือเล็กที่อยู่ข้างหลัง มุมปากฉู่จวินถิงยกขึ้นเบาๆ ภายในสายตาเจือรอยยิ้มนี่เป็นครั้งแรกที่นางโอบกอดเขาแม้ว่าเขาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่นางกลับไม่ปฏิเสธหลังผ่านไปครู่หนึ่ง ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋อง ใช่หรือไม่ว่าสมควรปล่อยหม่อมฉันได้แล้ว?”ฉู่จวินถิงนี่ถึงปล่อยนาง สายตาดำเข้มสบมองนาง จับจ้องใบหน้าแดงเรื
“แท้จริงแล้ว ข้าเองก็สืบพบว่าสกุลหลิงมีปัญหา เดิมทีวางแผนสืบให้กระจ่างก่อนค่อยบอกเจ้า คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะพบแล้ว”ใบหน้าหล่อเหลาของฉู่จวินถิงสะท้อนความตกตะลึง มากที่สุดกลับเป็นรอยยิ้ม เขาฉวยโอกาสจับมือซ่งรั่วเจิน นิ้วทั้งสิบสอดประสานกัน “ดูท่าแล้ว พวกเราคิดเหมือนกัน”“ใครเหมือนท่าน?”ซ่งรั่วเจินถลึงตาใส่เขาปราดหนึ่ง ต้องการสะบัดออกจากนั้นฉู่จวินถิงกลับออกแรงจับไว้แน่นๆ สุ้มสียงเจือความเผด็จการ “ข้าไม่ปล่อย”ซ่งรั่วเจินดิ้นเล็กน้อย พบว่าแรงสู้เขาไม่ได้ นี่จึงยอมแพ้แล้ว เอ่ยถาม “ดังนั้นคืนนี้ท่าน...ทำเพื่อให้นางคลายความระแวง? ยกที่นั่งให้ก็เป็นเช่นนี้?”อันที่จริงลองคิดดูอย่างละเอียด วันนี้ท่าทีของฉู่จวินถิงแปลกไปบ้างจริงๆ นางยังคิดว่าไม่ได้พบสหายสนิทมานานจึงใส่ใจมาก แต่ตอนนี้มองดูแล้ว คล้ายไม่เป็นเช่นนั้น“ใช่ และไม่ใช่”ฉู่จวินถิงใช้มืออีกข้างนวดหว่างคิ้ว “ทักทายปราศรัยนางก็เพื่อให้นางคลายความระแวงลง แต่ยกที่นั่งให้ เพราะข้าอยากนั่งกับเจ้า แต่ญาติผู้น้องมีไหวพริบคนนั้นของเจ้าไม่มอบโอกาสให้ข้า”เพียงเอ่ยถ้อยคำนี้ออกมา ซ่งรั่วเจินเบิกตากว้างอย่างไม่รู้ตัว นางกลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็
“พี่สาม ท่านระงับโทสะก่อน” ซ่งจิ่งเซินเห็นซ่งจืออวี้ใกล้ระเบิดเต็มที ถอนหายใจอย่างเอือมระอา “ใช่ว่าท่านไม่รู้เดิมทีคนในวังก็จ้องจับผิดไปทุกที่อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นฉู่อ๋องมีความสามารถตั้งแต่เด็ก เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของฮองเฮา”“พูดไปแล้ว ล้วนต้องตำหนิการแต่งงานในตอนแรกทำนางเสียเรื่อง หากเมื่อสองปีก่อนได้คบหากับฉู่อ๋อง ก็คงไม่มีเรื่องยุ่งยากมากถึงเพียงนี้”“เช่นนั้นพวกเราต้องนิ่งดูดายมองน้องหญิงห้าถูกรังแกเช่นนี้หรือ?” ซ่งจืออวี้พูดเสียงเกรี้ยวกราดซ่งอี้อันใจเย็นที่สุด พูดว่า “อย่าเพิ่งร้อนใจ น้องหญิงห้าเป็นคนมีความคิดคนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นภายในใจฉู่อ๋องเองก็มีนาง คาดว่าไม่มีวันนิ่งดูดายมองน้องหญิงห้าถูกรังแกแน่”“พวกเราใส่ใจเรื่องนี้ไปก็ไร้ประโยชน์ ยังรอดูความคิดของน้องหญิงห้าก่อนเถอะ หากนางไม่ยินดี พวกเราก็เป็นกำลังหนุนของนาง หากนางชอบ พวกเราก็อย่าทำให้นางลำบากใจ”ซ่งจืออวี้ถอนหายใจอย่างเอือมระอา “ช่างน่าอึดอัดใจโดยแท้”“อันที่จริงก็นับว่ายังดี ฮองเฮาจับคู่ส่งเดช เดิมทีฉู่อ๋องก็มิได้สนใจ” ซ่งจิ่งเซินพูดในฐานะบุรุษเฉกเดียวกัน ฉู่จวินถิงแสดงออกอย่างชัดเจน เขาเชื่อว่าด้วยอุปนิสัย
ซ่งจิ่งเซินเพิ่งลงจากรถม้า ก็ได้เห็นเคอหยวนจื่อร้องไห้ดุจดอกสาลี่ต้องหยาดพิรุณปรี่ถลาเข้ามา พวงแก้มเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา“จิ่งเซิน!”ซ่งจิ่งเซินเห็นเคอหยวนจื่อโผเข้าหาเขา ท่าทางคล้ายต้องการโอบกอดเขา สีหน้าพลันเปลี่ยนไป รีบหลบไปที่ฝั่งหนึ่งหญิงคนนี้ป่วยหรือไม่? ดึกดื่นค่ำมืดยังจะมาชนคนหลอกเอาเงินอีกหรือ?!หากคนอื่นเห็นแล้วเล่าลือออกไป ยังไม่ต้องพูดว่าเขาไม่หลงเหลือความบริสุทธิ์ หากสกุลเคอฉวยโอกาสนี้มาบังคับเขาตบแต่งเคอหยวนจื่อ นั่นไม่แย่หรือ?ซ่งจืออวี้และซ่งอี้อันเห็นซ่งจิ่งเซินมือเท้าว่องไว หลบไปได้อย่างเฉียดฉิว ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึง“ดูท่าแล้วที่ข้าฝึกให้จิ่งเซินในระยะนี้จะมีประโยชน์อยู่บ้าง หากเป็นเขาในอดีต น่ากลัวว่าต้องหลบไม่พ้นแน่” ซ่งจืออวี้ลำพองใจซ่งอี้อันหัวเราะเบาๆ เอ่ยชื่นชม “เป็นเช่นนั้นจริง”เคอหยวนจื่อเห็นว่าตนเองโผเข้าหาความว่างเปล่า อารมณ์ที่เดิมที่โศกเศร้าอยู่แล้ว บัดนี้กลายเป็นทรมานนางยืนอยู่กับที่ น้ำตารินไหล สบมองซ่งจิ่งเซิน “จิ่งเซิน ก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดท่านจึงใจร้ายกับข้าถึงเพียงนี้ จนกระทั่งวันนี้ข้าถึงรู้ว่าที่แท้ท่านกระแทกหินจึงเสียค
“ข้ารู้ท่านลืมข้าไปแล้ว ขอเพียงท่านยินดี ข้าสามารถช่วยทำให้ท่านจดจำเรื่องทั้งหมดอย่างช้าๆ ได้ ท่านอยากรู้อะไร ข้าสามารถเล่าให้ท่านฟังทั้งหมดได้”ซ่งจิ่งเซินย้อนนึกถึงสถานการณ์ที่ได้ฟังจากปากสหายที่ดีเหล่านั้นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ นั่นคือประทับใจที่ใดกัน โง่งมสุดขีดต่างหาก!นั่นคือตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วอยากลุกขึ้นนั่ง เอาค้อนทุบศีรษะตนเองในอดีต!เรื่องขายหน้าถึงเพียงนี้ เขาไม่อยากได้ยินอีกแม้แต่น้อย หวังเพียงให้ทุกคนลืมไปให้หมด“ข้าไม่อยากรู้ ทั้งยังไม่อยากนึกถึงเรื่องในอดีตทั้งหมด เชิญแม่นางเคอกลับไปเถอะ”“ไฉนเลยจะไม่เกี่ยวกับข้า?” เคอหยวนจื่อรู้สึกเหลือจะเชื่อ “จิ่งเซิน ท่านต้องเชื่อข้านะ หลายปีมานี้พวกเรามีประสบการณ์ร่วมกันมากมาย หากท่านจำได้แล้ว จะต้องเสียใจภายหลังแน่!”“ต่อให้ข้าเสียใจภายหลัง นั่นก็เป็นเรื่องของข้า ไม่ต้องให้เจ้าใส่ใจ”ซ่งจิ่งเซินมองหญิงตรงหน้า แท้จริงแล้วเขาได้รู้ผ่านปากของสหายมามากมายตั้งแต่แรกแล้วเมื่อแรกเขาคล้ายต้องมนต์ก็มิปาน ทั้งสมองมีเพียงเคอหยวนจื่อ บัดนี้สูญเสียความทรงจำไปแล้ว เขาเคยคิดมาก่อนหากแม่นางตรงหน้ามีค่าพอให้เขามอบความจริงใจให้จริง เขาจะต้
“ความนัยของท่านคือ...งานแต่งของสกุลชวีกับสกุลเคอยกเลิกไปแล้ว?”ซ่งรั่วเจินตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ ก่อนหน้านี้ชวีคั่วเสแสร้งแกล้งทำอยู่ที่สกุลเคอ คิดแสร้งใจกว้างแต่ไม่สำเร็จ ก็นับว่ายังมีสมองอยู่บ้างหาไม่แล้ว หากสกุลชวีรู้ว่าชวีคั่วเอ่ยปากรับผิดชอบเงินก้อนใหญ่นี้ไว้ น่ากลัวว่าจะต้องกระอักโลหิตแน่“ตอนนี้ยังไม่ได้เอ่ย เพียงระงับไว้ชั่วคราว ความคิดของสกุลชวีน่าจะเป็นรอสกุลเคอคืนเงินทั้งหมดแล้วค่อยแต่งงาน หาไม่แล้วพวกเขาจะต้องเดือดร้อนแน่”“ส่วนสกุลเคอ ก่อนหน้านี้นับว่ายังมีคุณสมบัติเจรจากับสกุลชวี ทว่าบัดนี้ทุกคนต่างรู้เรื่อง นอกจากสกุลชวีแล้ว น่ากลัวว่าไม่มีใครต้องการเคอหยวนจื่ออีก” ฉู่จวินถิงอธิบายซ่งรั่วเจินรู้ดีภายในใจ แท้จริงแล้วด้วยฐานะของเคอหยวนจื่อ อยู่ที่เมืองหลวงมิอาจเทียบคุณหนูชนชั้นสูงเหล่านั้นได้สาเหตุที่นางมีชื่อเสียงโด่งดัง ทั้งหมดเป็นเพราะพี่สี่ของนางนำเงินทองไปมอบให้ วิธีการของเขาในตอนแรกทำให้คนตกตะลึงภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เคอหยวนจื่อยังสามารถสงบนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตลอดได้ ตำแหน่งภายในสายตาของผู้อื่นย่อมสูงขึ้นบัดนี้พี่สี่ตัดใจแล้ว ชื่อเสียงของเคอหวนจื่อย่อมไม่เหม
ฮองเฮาเองก็ไม่คิดมากนัก รีบเดินทางไปยังห้องทรงพระอักษร ภายในสมองมั่นใจแล้วว่าซ่งรั่วเจินเป็นคนยุยงเรื่องนี้หากไม่ใช่นาง ด้วยอุปนิสัยสุขุมของจวินถิง ไม่มีวันทำเรื่องวู่วามพรรค์นี้ ยังไม่ต้องพูดว่าทำให้ฝ่าบาทกริ้ว หากเล่าลือออกไปย่อมกลายเป็นเรื่องตลกชื่อเสียงที่พยายามสั่งสมมานานหลายปี จะถูกแม่นางคนหนึ่งทำลายกระนั้นหรือ?ภายในห้องทรงพระอักษร บรรยากาศตึงเครียดฉู่จวินถิงรายงานเบาะแสที่ตนเองพบให้ฝ่าบาทรู้“เจ้าพูดความจริงหรือ?” สีหน้าฝ่าบาทเคร่งขรึม ใบหน้าน่าเกรงขามเจือไอเย็นสายหนึ่งฉู่จวินถิงถือหลักฐานเข้าไป “เสด็จพ่อ ก่อนหน้านี้ยามลูกผ่านเมืองผิงหยางก็เคยได้ยินเรื่องเหล่านี้มาก่อน ตอนนั้นรู้สึกไม่ชอบมาพากล ทว่าเพราะสงครามกำลังดุเดือด จึงทำได้เพียงส่งคนไปสอดแนม”“ครั้งนี้เกิดอุทกภัยที่แดนใต้ ส่วนเมืองผิงหยางกลับเกิดภัยแล้ง ที่ผ่านมาแจกจ่ายเงินบรรเทาทุกข์ไปแล้ว แต่ได้ยินมาว่าบัดนี้มีผู้ลี้ภัยจำนวนมากกำลังเดินทาง”“อุทกภัยย่อมโจมตีบ้านเรือน ราษฎร์ออกจากถิ่นฐาน แต่ภัยแล้งไม่เป็นเช่นนั้น ขอเพียงเสบียงอาหารไปถึง ราษฎร์ไม่มีวันยอมทิ้งถิ่นฐานไปอย่างง่ายดาย”ฮ่องเต้มองหลักฐานแต่ละอย่าง
“ชิ้ง!”กู้ชิงฉือสัมผัสได้ว่ากระบี่คมสายหนึ่งผ่านข้างกายตนไป ไรผมช่อหนึ่งถูกตัด ตกตะลึงพรึงเพริดภายในใจ“นี่ให้เจ้า”ฉู่จวินถิงลังเลไปครู่หนึ่ง ยัดยันต์คุ้มภัยใส่มือกู้ชิงฉือ“เก็บไว้ให้ดีแทนข้าด้วย!”ครู่ต่อมา กู้ชิงฉือก็มองเห็นคู่ต่อสู้เบื้องหน้า ภายในสายตาสั่นสะท้าน ก้มหน้ามองดู นี่คือกระดาษยันต์สีเหลืองหนึ่งใบ“ท่านอ๋อง ท่านยกให้ข้า เช่นนั้นท่านจะทำเยี่ยงไร!”ไต้ซือเทียนจีเห็นฉู่จวินถิงมอบยันต์ให้กู้ชิงฉือ ภายในสายตาสะท้อนแววตกตะลึง ฉู่อ๋องอยู่ภายนอกได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนไม่กะพริบตา ถึงขั้นมอบของป้องกันชีวิตให้ผู้อื่น?คนผู้นี้...มีภูมิหลังเช่นไร?“ไม่ต้องห่วงข้า”ฉู่จวินถิงหลับตาลง ได้ยินเสียงฝ่าอากาศรอบด้าน แยกแยะตำแหน่ง“ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง!”พลังอันแข็งแกร่งปะทุออกมา ฉู่จวินถิงเคลื่อนไหวอย่างว่องไว ราวกับมังกรเคลื่อนไหวก็มิปาน หลบหลีกการโจมตีที่พุ่งเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่ดาบในมือจะพุ่งแทงออกไปอย่างฉับพลัน“อ๊าก!”เสียงแผดร้องสายหนึ่งดังขึ้น ศพร่างหนึ่งปรากฏต่อหน้าทุกคน“ไอ้พวกชั่ว!”ภายในสายตาฉู่จวินถิงสะท้อนความอำมหิต คนผ่านเข้าไปกลางตรอกเล็ก ทั้งๆ
ซ่งรั่วเจินติดตามซ่งเยี่ยนโจวเดินทางมาถึงพื้นที่ที่ถูกปิดล้อมไว้ บัดนี้ถูกขวางไว้ ไม่อนุญาตให้ผู้ใดผ่านทางซ่งเยี่ยนโจวหยิบป้าย ทั้งสองคนผ่านเข้าไปอย่างราบรื่น“ภายนอกเป็นทหารของทางการรับผิดชอบค้นหา ส่วนภายในและภายนอกเมือง ฉู่อ๋องคล้ายพบความผิดปกติ ดังนั้นจึงพาคนไปค้นหาก่อน”ซ่งเยี่ยนโจวพาซ่งรั่วเจินขี่ม้าไป ว่องไวอย่างมากจากนั้นระยะทางใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ซ่งรั่วเจินมองผ่านการสัมผัสของผีทวงชีวิตที่เริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกตกตะลึงภายในใจ เวลาสั้นถึงเพียงนี้ ฉู่อ๋องถึงขั้นพบที่ซ่อนตัวของไต้ซือเทียนจีแล้ว?“บัดนี้สถานการณ์เป็นเช่นไร?” ซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยถาม“ท่านหัวหน้าราชองครักษ์ ท่านมาแล้ว” จ้าวเจียงแม่ทัพที่เป็นหัวหน้าได้พบซ่งเยี่ยนโจวรีบตอบ “มีหนึ่งหน่วยหายไประหว่างค้นหาขอรับ ตอนนี้ท่านอ๋องกำลังพาคนออกค้นหา”“เรื่องวันนี้พูดไปแล้วก็แปลกมาก คนกลุ่มหนึ่งอยู่ดีๆ ก็หายไป ท่านว่าแปลกหรือไม่?”เพียงซ่งรั่วเจินได้ยิน พูดเสียงเครียด “อยู่ที่ใด?”จ้าวเจียงเห็นซ่งเยี่ยนโจวถึงขั้นพาแม่นางท่านหนึ่งมาด้วย ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ แต่มองอย่างละเอียดแล้วก็จำฐานะของอีกฝ่ายได้ ท่าทีเคารพน
ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบาๆ รีบตามหลังไปฉู่จวินถิงพากลุ่มคนฝีมือดีเริ่มออกค้นหาในบริเวณที่เลือกไว้ ตั้งใจเอ่ยเตือนไม่ให้ปล่อยเบาะแสใดหนึ่งหน่วยภายในนั้นกำลังค้นหาตรอกเบื้องหน้า เดินไปๆ กลับๆ พบว่าตรอกนี้ยาวมาก ถึงขั้นเกิดความรู้สึกเดินไปไม่สุดทางทีแรกทุกคนยังไม่พบอะไร จนกระทั่งเดินเป็นรอบที่สาม นี่ถึงพบว่าเคยมาสถานที่เบื้องหน้ามาก่อน เหมือนกับสถานที่ที่เคยมาก่อนหน้านี้ทุกกระเบียดนิ้ว“ผิดปกติ เมื่อครู่พวกเราค้นหาที่นี่แล้วมิใช่หรือ เหตุใดรู้สึกว่ากลับว่าอีกครั้งแล้วเล่า?”“ใช่แล้ว เมื่อครู่ข้ามาที่นี่ ประตูใหญ่เหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้ว ข้ายังยกหินก้อนนี้ไว้ที่อีกฝั่งด้วย ต่อให้บ้านเรือนละแวกนี้คล้ายกัน แต่ก็ไม่มีวันเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วเช่นนี้!”คนเป็นหัวหน้าขมวดคิ้วแน่น “เร็ว พวกเราออกจากตรอกนี้ไป!”“ขอรับ” ทุกคนไม่ใส่ใจการค้นหาอีก เร่งฝีเท้าว่องไวยิ่งขึ้นออกจากตรอกเล็กนี้จากนั้นทุกคนเพิ่งถึงหน้าตรอก ก็พบว่าพวกเขากลับมาอยู่ภายในตรอกเล็กอีกครั้ง สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไป“นี่โดนของกลางวันแสกๆ เลยหรือ?”ทุกคนต่างหันหน้ามองกัน เรื่องโดนของแบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ถ้ามีแค่ค
“เช่นนั้นก็ค่อยๆ ค้นหา ค้นหาทุกครัวเรือน ห้ามมิให้ปล่อยที่ใดไปเป็นอันขาด โดยเฉพาะห้องใต้หลังคา ห้องใต้ดิน ไปจนถึงคอกวัวแกะหมู ต้องหาทั้งหมดให้ละเอียด!” ฉู่จวินถิงเอ่ยออกมา“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง!”บัดนี้ทุกคนจำภาพวาดไว้ในสมองแล้ว ท่านอ๋องพูดว่าขอเพียงจับคนได้ จะตกรางวัลให้อย่างงาม!กององครักษ์หลวงเริ่มค้นหาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่พลาดที่ใดไป อีกทั้งยังไม่ปล่อยโอกาสให้คนหลุดรอดไปได้ไต้ซือเทียนจีได้รับข่าวอย่างรวดเร็ว ยามได้รู้ว่าฉู่อ๋องนำทหารออกค้นหา ก็รู้ว่ากำลังค้นหาตนเอง สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์มากผิดปติ“ในเมื่อสามารถทำนายมาถึงข้าได้ ซ่งรั่วเจินคนนี้รับมือยากไม่ผิดไปดังคาด!”หลายวันก่อนเขาหลบซ่อน วางอุบายวางค่ายกล เดิมทีคนทั่วไปไม่สามารถตามหาตำแหน่งของเขาพบ นี่ทำให้เขากล้าอยู่ที่เมืองหลวงต่อใครคาดคิดเล่าว่าภายในมือซ่งรั่วเจินไม่รู้ลมหายใจของเขา ถึงขั้นสามารถทำนายตำแหน่งที่เขาอยู่ได้ ฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ!“ไต้ซือ ตอนนี้พวกเราจะทำเช่นไร? กององครักษ์หลวงมีความสามารถไม่น้อย ฉู่อ๋องเองก็วิชายุทธสูง หากถูกเขาจับได้ พวกเราจะต้องหนีไม่พ้นแน่!”ทุกคนร้อนใจขึ้นมาอย่างสุดระงับ หลายว
“เจ้าคงมิใช่หลอกคนหรอกกระมัง?” อวิ๋นหงหล่างเผยสีหน้าสงสัยซ่งจืออวี้กลอกตาขาว “ตาแก่ไร้ยางอายคนนี้ คิดสงสัยใครที่นี่? ช่วยท่านแล้วไม่พูดขอบคุณ ยังสงสัยน้องหญิงของข้าอีกกระนั้นรึ?”“ไปๆ ๆ รีบพาหญิงแก่แพศยาชาเขียวคนนี้ไสหัวไปได้แล้ว เห็นแล้วขยะแขยง!”“อีกเดี๋ยวส่งเงินมาให้ข้า หากภายในหนึ่งชั่วยามยังมาไม่ถึง ข้าจะไปแจ้งทางการ!”“พวกเจ้าเลิกยื่นเหม่อได้แล้ว ให้พวกเจ้าส่งแขก หากยังไม่ยอมไป ก็ใช้ไม้พองไล่ออกไป!”บ่าวรับใช้ทางด้านข้างดึงสติกลับมาได้ ต่างพากันถลันขึ้นไป เตรียมไล่คนอวิ๋นหงหล่างเองก็ไม่มีหน้าอยู่ที่นี่ต่อ ทำได้เพียงพาอนุอวิ๋นจากไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ปวดใจไม่หยุด นั่นคือเงินสามแสนตำลึงเชียวนะ!หันมองอนุอวิ๋นข้างกาย เขาเกิดโทสะขึ้นมาสายหนึ่ง หากไม่ใช่นางหาเรื่อง เรื่องราวก็คงไม่ต้องกลายเป็นเช่นนี้!จนกระทั่งทั้งสองคนจากไป ซ่งจืออวี้ก็พบว่าสายตาทุกคนล้วนตกลงบนตัวของตน เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกเจ้ามองข้าทำอันใด?”“พี่สาม ชาเขียวที่ท่านพูดหมายความว่าอะไร?” ซ่งจิ่งเซินแปลกใจอยู่บ้างซ่งจืออวี้ผายมือ “ข้าเองก็ไม่รู้ เรียนมาจากน้องหญิงห้า”ซ่งรั่วเจินเห็นทุกคนมองตนสีหน้าแป
นางจำรายการสินเดิมในปีนั้นได้อย่างชัดเจน รวมไปถึงกำไรของร้านค้าที่เป็นสินเดิมเพราะหลายปีมานี้ผิดหวังกับอวิ๋นหงหล่างมาก นางจึงหันไปสนใจการค้านางและกู้หรูเยียนเป็นสหายที่ดีต่อกัน การค้าของสกุลซ่งดีมากถึงเพียงนี้ ย่อมชี้แนะนางเป็นอย่างดี ดังนั้นเงินที่หาได้ย่อมมีไม่น้อย ภายในนั้นเขียนไว้ในบัญชีรวมมากมายทว่านางเก็บรักษาบัญชีของร้านไว้อย่างดี แม้แต่ภายในจวนเบิกเงินของนางไปมากน้อยเพียงใด นางก็จำได้ทั้งหมดบัดนี้...จะเอาคืนกลับมาให้หมด!“พี่หญิง คืนของให้ท่านย่อมเป็นเรื่องที่สมควรทำ แต่ท่านเองก็ต้องการมากเกินไปแล้ว”อนุอวิ๋นเอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ หันมองอวิ๋นหงหล่างอย่างกังวล กลัวเขาโมโหลงนามลงไปอวิ๋นหงหล่างย่อมไม่ยอมให้เกิดปัญหาตามมาอย่างต่อเนื่อง แม้ปวดใจ แต่ยังลงนามประทับลายนิ้วมือลงไป“ตอนนี้ใช้ได้แล้ว พวกเจ้าสามารถช่วยคนได้แล้วกระมัง!”เห็นจางเหวินเก็บหนังสือหย่าไป ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากเสียงเรียบ “ให้ข้าลงมือช่วยอนุอวิ๋นก็ย่อมได้ สามแสนตำลึง!”ถ้อยคำนี้พูดออกมา อวิ๋นหงหล่างก็โง่งมแล้ว “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”“ซ่งรั่วเจิน เจ้าอย่าทำเลยเถิดเกินไปนัก ทั้งๆ ที่เจ้าพูดว่าขอเพียงลงนามในหน
“ข้าคิดไว้ดีตั้งแต่แรกแล้ว นับตั้งแต่วันที่ติดตามท่านแม่ออกจากสกุลอวิ๋น ข้าก็ไม่คิดกลับไปอีก”พูดไป อวิ๋นเนี่ยนชูก็เหลือบมองอวิ๋นเฉิงเจ๋อแวบหนึ่ง พูดว่า “ภายภาคหน้าไม่ว่าข้าแต่งกับใคร ต่อให้เป็นเพียงสามัญชนคนหนึ่ง ข้าก็ยินดี”อย่างไรเสีย ชาตินี้หากไม่สามารถแต่งงานกับคนที่รักได้ ไม่ว่าแต่งกับใครก็ล้วนเหมือนกันเมื่อแรกท่านแม่แต่งงานกับท่านพ่อ ทุกคนล้วนพูดว่าแต่งได้ดี แต่สุดท้ายได้รับอะไรเล่า?อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินว่าอวิ๋นเนี่ยนชูจะแต่งงานกับสามัญชน ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว นิ้วมือภายในแขนเสื้อกำแน่น ภายในก้นบึ้งของสายตาซับซ้อน“เจ้า ดีนักนะ!” อวิ๋นหงหล่างโมโหจนหัวเราะออกมา “ถึงตอนนั้นเจ้าหาทางออกไปได้ อย่ามาขอข้าให้ช่วยเจ้าก็แล้วกัน!”“ข้าไม่มีวันทำเช่นนั้น ตรงข้ามกันภายในหัวใจท่านพ่อ ซีหว่านล้วนสำคัญที่สุดมาโดยตลอด”“นางทำผิดมากเพียงใดล้วนไม่เป็นไร ข้าเพียงทำผิดเล็กน้อยก็ถูกลงโทษ หากข้าตามท่านกลับไป ภายภาคหน้าบ้านหลังนี้มีอนุอวิ๋นดูแล ข้ายังจะมีชีวิตที่ดีอีกหรือ?”อวิ๋นเนี่ยนชูคิดตกแล้ว เดิมทีอนุอวิ๋นก็โหดเหี้ยมอำมหิต พวกเขาล้วนมองออก มีเพียงบิดาที่มองไม่ออกบางที...บิดาอาจไม่ยอมมอง
“ยังมีเจ้า!” หลิ่วหรูเยียนชี้อนุอวิ๋น “ตอนยังเป็นสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นก็ช่างเถอะ บัดนี้แก่จนหน้าเหลืองแล้วกลับยังไม่แก้ไข หากชอบร้องไห้ถึงเพียงนั้น ตอนจัดงานศพก็ไปร้องที่นั่นสิ วิ่งมาสร้างความอัปมงคลที่จวนซ่งของพวกเราทำอันใด!”คนสกุลซ่งหันมองมารดาอย่างแปลกใจ ที่ผ่านมามารดาอ่อนโยนนุ่มนวล ไม่เคยพูดจาเช่นนี้มาก่อน คำพูดวันนี้ช่าง...สาแก่ใจจริงๆ!จางเหวินที่เดิมทีโมโหแทบแย่กลับถูกคำพูดของหลิ่วหรูเยียนทำให้ขำจนหัวเราะออกมานางหวนนึกถึงเมื่อครั้นยังอยู่ในวัยแรกรุ่น กู้หรูเยียนมีอุปนิสัยอ่อนโยนรังแกง่าย เพราะได้รับความทุกข์จากสกุลหลิ่ว ครอบครัวลำเอียง นางอธิบายไปแล้วก็ไม่มีใครฟัง หนำซ้ำยังถูกลงโทษ ดังนั้นกู้หรูเยียนจึงชินชากับการไม่อธิบายจนกระทั่งมีคนพูดว่าร้ายนาง นางได้เห็นคนอ่อนโยนนุ่มนวลเสมอมาอย่างกู้หรูเยียนออกมาตอบโต้คน ถึงขั้นด่ากลับไปความสะเทือนใจในตอนนั้นก็คล้ายตอนนี้ ฉากตรงหน้าแทบจะซ้อนทับกัน“หลายปีมานี้เจ้าไม่บอกข้ามาโดยตลอด หากข้ารู้ตั้งแต่แรกว่าเจ้าได้รับความทุกข์เช่นนี้ จะต้องช่วยเจ้าด่าชายโฉดหญิงชั่วไร้ยางอายคู่นี้ดีๆ แน่!”จางเหวินจับมือกู้หรูเยียนไว้ ขอบตาแดงเรื่อ “ห
“ข้าไม่ช่วย เดิมทีก็ถูกต้องตามหลักการ หาไม่แล้วคนชั่วในใต้หล้านี้ล้วนมาขอให้ข้าช่วยแก้ผลกรรมให้ นั่นยังไม่กลายเป็นโลกของคนชั่วอีกหรือ?”ซ่งรั่วเจินหัวเราะออกมา “ใต้เท้าอวิ๋น ท่านเป็นขุนนางในราชสสำนักมาหลายสิบปี ถึงขั้นไม่มีหลักคุณธรรมขั้นพื้นฐานกระนั้นหรือ?”“หากท่านคิดว่าท่านพูดมีเหตุผล ก็สามารถพูดเรื่องทั้งหมดออกมาได้ พอดีจะได้ถามคนทั่วหล้าว่าคิดเห็นเหมือนท่านหรือไม่!”เพียงอนุอวิ๋นได้ยินก็รีบพูด “ข้ามิได้เชิญผีน้อยมาทำร้ายพี่หญิง ข้าเพียงหวังให้นางและนายท่านกลับมาคืนดีกัน ข้าเองก็ถูกคนชั่วนั่นหลอก”“หากข้ารู้ตั้งแต่แรกก็ไม่มีวันทำเช่นนี้”“อ้อ งั้นหรือ?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากเสียงเรียบ เนตรขนงเจือรอยยิ้ม “บัดนี้มีคนทำผิดเหมือนท่านไม่น้อย ราชสำนักมีบัญชีรายชื่ออยู่ในมือแล้ว”“ไม่สู้ไปถามคนเหล่านั้นดู ตกลงพวกเขารู้หรือไม่ว่าที่เชิญผีน้อยมาก็เพื่อทำร้ายคน?”“ถ้อยคำนี้ ท่านหลอกตนเองก็ช่างเถอะ คิดว่าคนทั่วหล้าโง่เขลาเหมือนท่านหรือ?”สายตาซ่งรั่วเจินคมกริบ “ทำร้ายคนและช่วยคน ทำร้ายคนต้องชดใช้มากยิ่งกว่า หากท่านทำเพราะอยากให้ทั้งสองคนคืนดีกันจริง สิ่งที่ท่านเชิญกลับไป สมควรเป็นพระพุทธ