ทว่านางเพิ่งหันหลัง ฝ่ายชายก็จับมือของนางไว้แล้ว“อย่าไป”สุ้มเสียงของฝ่ายชายต่ำหนักแหบพร่า เจือคำวิงวอนอยู่รางๆ“ข้าจะไปส่งเจ้า ให้เวลาข้าสักหน่อย ดีหรือไม่?”ซ่งรั่วเจินหันหน้าสบสายตาลุ่มลึกของฝ่ายชาย ไม่มีความลึกลับเยือกเย็นเหมือนที่ผ่านมา บัดนี้ดวงตาคู่นั้นเปี่ยมอารมณ์ทรมานระคนตึงเครียด คล้ายสัตว์ติดกับดักได้รับบาดเจ็บและสิ้นหวัง อีกทั้งยังสะท้อนความยึดมั่นและวิงวอน“น้องหญิงห้า พวกเรากลับก่อนละ!”ซ่งจิ่งเซินสังเกตเห็นสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล เร่งคนขับรถม้าให้จากไปก่อนพวกเขาล้วนเห็นสถานการณ์ในคืนนี้และเข้าใจแล้ว รู้สึกโกรธเคืองภายในใจ ทั้งๆ ที่น้องสาวของตนดีไปหมดทุกอย่าง แต่ฮองเฮากลับไม่ชอบก่อนหน้านี้คิดให้ถังเสวี่ยหนิงแต่งกับฉู่อ๋อง บัดนี้เห็นว่าถังเสวี่ยหนิงใช้ไม่ได้แล้ว ก็มีหลิงเชี่ยนเอ๋อร์มาใหม่อีกคนหนึ่งอย่างไรเสีย ไม่ว่าเป็นใคร คาดว่าภายในใจฮองเฮาก็ล้วนดีกว่าน้องสาวของตนถือสิทธิ์อะไร?ซ่งรั่วเจินเห็นพวกพี่ชายของตนกลับไปก่อนแล้ว รู้สึกจนใจขึ้นมาระลอกหนึ่ง นี่จึงขึ้นรถม้าของจวนฉู่อ๋องรถม้าค่อยๆ ออกจากวังหลวง ซ่งรั่วเจินได้ยินเสียงล้อรถบดเข้ากับถนน ทอดสายตามองภายนอ
ซ่งรั่วเจินรู้ดีอย่างกระจ่างชัด ที่นี่คือยุคสมัยโบราณ ฉู่จวินถิงฐานะสูงศักดิ์ ฮองเฮาฝากความหวังอันยิ่งใหญ่ไว้ที่เขาบัดนี้ฮองเฮาไม่ชมชอบนางไปทุกจุด ต่อให้ฝืนแต่งงานกันไปจริงๆ ภายภาคหน้าก็ต้องส่งสตรีงามเข้ามาไม่ขาดสาย ยิ่งไม่ต้องพูดว่าหากวันใดฉู่อ๋องขึ้นครองบัลลังก์ ความยุ่งยากก็เพิ่มมากขึ้นหากยอมถอย ก็ไม่ใช่ยอมถอยเพียงก้าวเดียว แต่ต้องยอมถอยไปทุกก้าวนางไม่ยอมปล่อยให้ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้“ท่านและหม่อมฉัน อาจไม่เหมาะสมกันจริงๆ”“ไม่มีถังเสวี่ยหนิง ก็มีหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ ต่อให้ไม่มี ภายภาคหน้าก็ยังมีคนอื่น...”ชั่วขณะฉู่จวินถิงได้ยินถ้อยคำนี้ รู้สึกเพียงหัวใจรัดแน่นจนเกือบจะขาดไปอย่างกะทันหัน โลหิตทั่วทั้งสรรพางค์กายไหลย้อนกลับ ดวงตาแดงขึ้นมาในทันใดเขาขยับเข้าใกล้ ดวงตาลุ่มลึกจับจ้องคนตรงหน้าเขม็ง สุ้มเสียงร้อนรนอย่างชัดเจน “ใครพูดว่าพวกเราไม่เหมาะสมกัน? บนโลกนี้ไม่มีใครเหมาะสมกับข้ายิ่งไปกว่าเจ้าแล้ว!”ระยะห่างระหว่างทั้งคู่ใกล้กันขึ้นมาอย่างกะทันหัน ซ่งรั่วเจินมองใบหน้าหล่อเหลาใกล้เพียงเอื้อมตรงหน้า ดวงตากระจ่างใสเจือความโศกเศร้าอยู่รางๆ อีกทั้งยังสะท้อนความเอือมระอา
“เชื่อข้า ให้เวลาข้าจัดการทั้งหมดให้เรียบร้อยอีกหน่อย ดีหรือไม่?”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงแผ่วเบา ท่าทีนุ่มนวล จับจ้องคนตรงหน้าอย่างมุ่งมั่น หวังเพียงคำตอบที่แน่นอนอย่างหนึ่งซ่งรั่วเจินสบมองชายตรงหน้า คล้ายต้องมนต์ก็มิปาน พยักหน้าโดยไม่รู้ตัวชั่วขณะได้เห็นฝ่ายหญิงพยักหน้า ภายในสายตาฉู่จวินถิงสะท้อนความตกตะลึงดีใจ ยื่นมือออกไปโอบนางไว้ในอ้อมกอดแน่นอ้อมกอดของฝ่ายชายอบอุ่นมาก เจือกลิ่นไม้สะอาดบริสุทธิ์ โอบล้อมนางไว้ภายในแผ่นหลังซ่งรั่วเจินเกร็งขึ้นเล็กน้อย อ้อมกอดแปลกใหม่แต่ก็คุ้นเคยนี้ทำให้นางหน้าแดงโดยไม่รู้ตัว มือสองข้างแข็งเกร็งอยู่ที่นั่น ไม่รู้สมควรวางไว้ที่ใดถึงจะดีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มือที่ไม่รู้จะวางไว้ที่ใดก็ค่อยๆ โอบลงบนเอวของฝ่ายชายสัมผัสได้ถึงการกระทำของมือเล็กที่อยู่ข้างหลัง มุมปากฉู่จวินถิงยกขึ้นเบาๆ ภายในสายตาเจือรอยยิ้มนี่เป็นครั้งแรกที่นางโอบกอดเขาแม้ว่าเขาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่นางกลับไม่ปฏิเสธหลังผ่านไปครู่หนึ่ง ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋อง ใช่หรือไม่ว่าสมควรปล่อยหม่อมฉันได้แล้ว?”ฉู่จวินถิงนี่ถึงปล่อยนาง สายตาดำเข้มสบมองนาง จับจ้องใบหน้าแดงเรื
“แท้จริงแล้ว ข้าเองก็สืบพบว่าสกุลหลิงมีปัญหา เดิมทีวางแผนสืบให้กระจ่างก่อนค่อยบอกเจ้า คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะพบแล้ว”ใบหน้าหล่อเหลาของฉู่จวินถิงสะท้อนความตกตะลึง มากที่สุดกลับเป็นรอยยิ้ม เขาฉวยโอกาสจับมือซ่งรั่วเจิน นิ้วทั้งสิบสอดประสานกัน “ดูท่าแล้ว พวกเราคิดเหมือนกัน”“ใครเหมือนท่าน?”ซ่งรั่วเจินถลึงตาใส่เขาปราดหนึ่ง ต้องการสะบัดออกจากนั้นฉู่จวินถิงกลับออกแรงจับไว้แน่นๆ สุ้มสียงเจือความเผด็จการ “ข้าไม่ปล่อย”ซ่งรั่วเจินดิ้นเล็กน้อย พบว่าแรงสู้เขาไม่ได้ นี่จึงยอมแพ้แล้ว เอ่ยถาม “ดังนั้นคืนนี้ท่าน...ทำเพื่อให้นางคลายความระแวง? ยกที่นั่งให้ก็เป็นเช่นนี้?”อันที่จริงลองคิดดูอย่างละเอียด วันนี้ท่าทีของฉู่จวินถิงแปลกไปบ้างจริงๆ นางยังคิดว่าไม่ได้พบสหายสนิทมานานจึงใส่ใจมาก แต่ตอนนี้มองดูแล้ว คล้ายไม่เป็นเช่นนั้น“ใช่ และไม่ใช่”ฉู่จวินถิงใช้มืออีกข้างนวดหว่างคิ้ว “ทักทายปราศรัยนางก็เพื่อให้นางคลายความระแวงลง แต่ยกที่นั่งให้ เพราะข้าอยากนั่งกับเจ้า แต่ญาติผู้น้องมีไหวพริบคนนั้นของเจ้าไม่มอบโอกาสให้ข้า”เพียงเอ่ยถ้อยคำนี้ออกมา ซ่งรั่วเจินเบิกตากว้างอย่างไม่รู้ตัว นางกลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็
“พี่สาม ท่านระงับโทสะก่อน” ซ่งจิ่งเซินเห็นซ่งจืออวี้ใกล้ระเบิดเต็มที ถอนหายใจอย่างเอือมระอา “ใช่ว่าท่านไม่รู้เดิมทีคนในวังก็จ้องจับผิดไปทุกที่อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นฉู่อ๋องมีความสามารถตั้งแต่เด็ก เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของฮองเฮา”“พูดไปแล้ว ล้วนต้องตำหนิการแต่งงานในตอนแรกทำนางเสียเรื่อง หากเมื่อสองปีก่อนได้คบหากับฉู่อ๋อง ก็คงไม่มีเรื่องยุ่งยากมากถึงเพียงนี้”“เช่นนั้นพวกเราต้องนิ่งดูดายมองน้องหญิงห้าถูกรังแกเช่นนี้หรือ?” ซ่งจืออวี้พูดเสียงเกรี้ยวกราดซ่งอี้อันใจเย็นที่สุด พูดว่า “อย่าเพิ่งร้อนใจ น้องหญิงห้าเป็นคนมีความคิดคนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นภายในใจฉู่อ๋องเองก็มีนาง คาดว่าไม่มีวันนิ่งดูดายมองน้องหญิงห้าถูกรังแกแน่”“พวกเราใส่ใจเรื่องนี้ไปก็ไร้ประโยชน์ ยังรอดูความคิดของน้องหญิงห้าก่อนเถอะ หากนางไม่ยินดี พวกเราก็เป็นกำลังหนุนของนาง หากนางชอบ พวกเราก็อย่าทำให้นางลำบากใจ”ซ่งจืออวี้ถอนหายใจอย่างเอือมระอา “ช่างน่าอึดอัดใจโดยแท้”“อันที่จริงก็นับว่ายังดี ฮองเฮาจับคู่ส่งเดช เดิมทีฉู่อ๋องก็มิได้สนใจ” ซ่งจิ่งเซินพูดในฐานะบุรุษเฉกเดียวกัน ฉู่จวินถิงแสดงออกอย่างชัดเจน เขาเชื่อว่าด้วยอุปนิสัย
ซ่งจิ่งเซินเพิ่งลงจากรถม้า ก็ได้เห็นเคอหยวนจื่อร้องไห้ดุจดอกสาลี่ต้องหยาดพิรุณปรี่ถลาเข้ามา พวงแก้มเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา“จิ่งเซิน!”ซ่งจิ่งเซินเห็นเคอหยวนจื่อโผเข้าหาเขา ท่าทางคล้ายต้องการโอบกอดเขา สีหน้าพลันเปลี่ยนไป รีบหลบไปที่ฝั่งหนึ่งหญิงคนนี้ป่วยหรือไม่? ดึกดื่นค่ำมืดยังจะมาชนคนหลอกเอาเงินอีกหรือ?!หากคนอื่นเห็นแล้วเล่าลือออกไป ยังไม่ต้องพูดว่าเขาไม่หลงเหลือความบริสุทธิ์ หากสกุลเคอฉวยโอกาสนี้มาบังคับเขาตบแต่งเคอหยวนจื่อ นั่นไม่แย่หรือ?ซ่งจืออวี้และซ่งอี้อันเห็นซ่งจิ่งเซินมือเท้าว่องไว หลบไปได้อย่างเฉียดฉิว ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึง“ดูท่าแล้วที่ข้าฝึกให้จิ่งเซินในระยะนี้จะมีประโยชน์อยู่บ้าง หากเป็นเขาในอดีต น่ากลัวว่าต้องหลบไม่พ้นแน่” ซ่งจืออวี้ลำพองใจซ่งอี้อันหัวเราะเบาๆ เอ่ยชื่นชม “เป็นเช่นนั้นจริง”เคอหยวนจื่อเห็นว่าตนเองโผเข้าหาความว่างเปล่า อารมณ์ที่เดิมที่โศกเศร้าอยู่แล้ว บัดนี้กลายเป็นทรมานนางยืนอยู่กับที่ น้ำตารินไหล สบมองซ่งจิ่งเซิน “จิ่งเซิน ก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดท่านจึงใจร้ายกับข้าถึงเพียงนี้ จนกระทั่งวันนี้ข้าถึงรู้ว่าที่แท้ท่านกระแทกหินจึงเสียค
“ข้ารู้ท่านลืมข้าไปแล้ว ขอเพียงท่านยินดี ข้าสามารถช่วยทำให้ท่านจดจำเรื่องทั้งหมดอย่างช้าๆ ได้ ท่านอยากรู้อะไร ข้าสามารถเล่าให้ท่านฟังทั้งหมดได้”ซ่งจิ่งเซินย้อนนึกถึงสถานการณ์ที่ได้ฟังจากปากสหายที่ดีเหล่านั้นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ นั่นคือประทับใจที่ใดกัน โง่งมสุดขีดต่างหาก!นั่นคือตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วอยากลุกขึ้นนั่ง เอาค้อนทุบศีรษะตนเองในอดีต!เรื่องขายหน้าถึงเพียงนี้ เขาไม่อยากได้ยินอีกแม้แต่น้อย หวังเพียงให้ทุกคนลืมไปให้หมด“ข้าไม่อยากรู้ ทั้งยังไม่อยากนึกถึงเรื่องในอดีตทั้งหมด เชิญแม่นางเคอกลับไปเถอะ”“ไฉนเลยจะไม่เกี่ยวกับข้า?” เคอหยวนจื่อรู้สึกเหลือจะเชื่อ “จิ่งเซิน ท่านต้องเชื่อข้านะ หลายปีมานี้พวกเรามีประสบการณ์ร่วมกันมากมาย หากท่านจำได้แล้ว จะต้องเสียใจภายหลังแน่!”“ต่อให้ข้าเสียใจภายหลัง นั่นก็เป็นเรื่องของข้า ไม่ต้องให้เจ้าใส่ใจ”ซ่งจิ่งเซินมองหญิงตรงหน้า แท้จริงแล้วเขาได้รู้ผ่านปากของสหายมามากมายตั้งแต่แรกแล้วเมื่อแรกเขาคล้ายต้องมนต์ก็มิปาน ทั้งสมองมีเพียงเคอหยวนจื่อ บัดนี้สูญเสียความทรงจำไปแล้ว เขาเคยคิดมาก่อนหากแม่นางตรงหน้ามีค่าพอให้เขามอบความจริงใจให้จริง เขาจะต้
“ความนัยของท่านคือ...งานแต่งของสกุลชวีกับสกุลเคอยกเลิกไปแล้ว?”ซ่งรั่วเจินตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ ก่อนหน้านี้ชวีคั่วเสแสร้งแกล้งทำอยู่ที่สกุลเคอ คิดแสร้งใจกว้างแต่ไม่สำเร็จ ก็นับว่ายังมีสมองอยู่บ้างหาไม่แล้ว หากสกุลชวีรู้ว่าชวีคั่วเอ่ยปากรับผิดชอบเงินก้อนใหญ่นี้ไว้ น่ากลัวว่าจะต้องกระอักโลหิตแน่“ตอนนี้ยังไม่ได้เอ่ย เพียงระงับไว้ชั่วคราว ความคิดของสกุลชวีน่าจะเป็นรอสกุลเคอคืนเงินทั้งหมดแล้วค่อยแต่งงาน หาไม่แล้วพวกเขาจะต้องเดือดร้อนแน่”“ส่วนสกุลเคอ ก่อนหน้านี้นับว่ายังมีคุณสมบัติเจรจากับสกุลชวี ทว่าบัดนี้ทุกคนต่างรู้เรื่อง นอกจากสกุลชวีแล้ว น่ากลัวว่าไม่มีใครต้องการเคอหยวนจื่ออีก” ฉู่จวินถิงอธิบายซ่งรั่วเจินรู้ดีภายในใจ แท้จริงแล้วด้วยฐานะของเคอหยวนจื่อ อยู่ที่เมืองหลวงมิอาจเทียบคุณหนูชนชั้นสูงเหล่านั้นได้สาเหตุที่นางมีชื่อเสียงโด่งดัง ทั้งหมดเป็นเพราะพี่สี่ของนางนำเงินทองไปมอบให้ วิธีการของเขาในตอนแรกทำให้คนตกตะลึงภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เคอหยวนจื่อยังสามารถสงบนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตลอดได้ ตำแหน่งภายในสายตาของผู้อื่นย่อมสูงขึ้นบัดนี้พี่สี่ตัดใจแล้ว ชื่อเสียงของเคอหวนจื่อย่อมไม่เหม
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที
เมื่อเห็นกู้ฮวนเอ๋อร์ภาคภูมิใจเช่นนี้ ซ่งรั่วเจินและคนอื่น ๆ ก็อดมิได้ที่จะสงสัยใคร่รู้ ว่าของล้ำค่าที่ว่าคือสิ่งใดกันแน่? “ผ่าม!” กู้ฮวนเอ๋อร์เปิดกล่องผ้าไหมออกด้วยความตื่นเต้นยิ่ง แต่ทว่าหลังจากที่ทุกคนในงานเห็นของในกล่องผ้าไหมแล้ว ล้วนนิ่งงันไปทันที เนื่องด้วยในกล่องนั้นมีเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรอยู่องค์หนึ่ง! “แค่กๆ” ฉู่อวิ๋นกุยกระแอมครั้งหนึ่ง แต่ใบหน้ากลับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ สตรีที่เขาชอบนั้น ช่างเป็นคนที่ชาญฉลาดนัก! ซ่งรั่วเจินพลันมองไปทางฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว ใบหน้ากลับเห่อแดงขึ้นมา แววตาของฉู่จวินถิงปรากฏแววขบขันวาบผ่าน ของขวัญชิ้นนี้ช่างมีความหมายยิ่งนัก กู้ฮวนเอ๋อร์เห็นว่าหลังจากที่ตนหยิบของขวัญออกมาแล้ว ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น ”นี่มันสีหน้าอะไรของพวกเจ้ากัน? หรือว่าไม่ดีงั้นหรือ?“ “เจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรองค์นี้ ข้าไปกราบขอมาโดยเฉพาะ ผ่านพิธีปลุกเสก ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก!” ซ่งรั่วเจิน “...” หลายครั้งนางเองก็นับถือกู้ฮวนเอ๋อร์จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่อายุน้อยขนาดนี้ แต่ความคิดที่จะมอบของขวัญให้กลับเหมือนค
ณ เวลาเดียวกันนั้น อวิ๋นเนี่ยนชูก็ได้มาหาซ่งรั่วเจินเช่นกัน “รั่วเจิน ยินดีกับเจ้าด้วยนะ ข้าเองก็เห็นเหตุการณ์ในงานเทศกาลโคมไฟแล้ว เดิมทีอยากจะไปแสดงความยินดีกับเจ้าอยู่หรอก แต่หลังจากนั้นเกิดเรื่องบางอย่างทำให้ล่าช้าไป จึงต้องมามอบของขวัญแสดงความยินดีในวันนี้” อวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มพลางยื่นของขวัญแสดงความยินดีไปให้ “นี่คือของสิ่งนี้ข้าเตรียมไว้แต่เนิ่น ๆ แล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนดีจริง ๆ เมื่อพวกเจ้าได้แต่งงานกันแล้วจักต้องครองรักกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข จนผู้คนรอบข้างพากันริษยาแน่นอน” ซ่งรั่วเจินมองดูอวิ๋นเนี่ยนชูเปิดกล่องผ้าไหมออก ภายในบรรจุเครื่องประดับศีรษะของสตรีครบชุด เครื่องตกแต่งอื่น ๆ ไปจนถึงเครื่องประทินโฉม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด “ของมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ดูแล้วครบชุดเลย เจ้าให้จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะหรือ?” “ใช่แล้ว!” อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้าพลางยิ้ม “แต่ก่อนข้าครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าควรจะมอบสิ่งใดให้เจ้าเป็นของขวัญดี แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีสิ่งที่เหมาะสมที่สุดได้เลย” “หลังจากนั้น ข้าก็คิดว่า สิ่งที่สตรีมักจะใช้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวันก็มิพ้นเคร
เมื่อได้ฟังสิ่งที่จางเหวินพูด กู้หรูเยียนกับเยี่ยนชิงอวี้ต่างก็อดมิได้ที่จะตกตะลึง ตั้งแต่เมื่อเริ่มรู้จักความรักครั้งแรกก็ชอบพอเฉิงเจ๋อ ถ้าอย่างนั้น ก็ชอบพอหลายปีจริง ๆ พวกเขากลับมิรู้มาโดยตลอด คิดดูแล้ว ในใจเด็กทั้งสองคงมีสิ่งที่เก็บกลั้นไว้อยู่ “จะว่าไป ก็ต้องโทษที่ก่อนหน้านี้ที่ข้ามิได้ใส่ใจให้ดีนัก เอาแต่ให้เฉิงเจ๋อคอยดูแลน้องสาวให้ดี” “เนี่ยนชูชอบตามติดอยู่ข้างกายเฉิงเจ๋อมาตั้งแต่เล็ก ทุกครั้งที่เฉิงเจ๋อกลับจากสำนักศึกษา เป็นเวลาที่นางมักดีใจเป็นที่สุด ข้าก็นึกว่าเป็นเพียงความรักฉันพี่น้องมาโดยตลอด” “มาตรองดูดี ๆ แล้ว ตอนนั้นข้าก็ควรพบความผิดแผกได้ หากเป็นเพียงพี่น้องธรรมดา เหตุใดเด็กทั้งสองจึงมิยอมแต่งงานจนถึงตอนนี้?” จางเหวินยิ่งเอ่ยก็ยิ่งปวดใจ เมื่อนึกถึงคราวก่อนที่อนุอวิ๋นยังหมายจะยกอวิ๋นซีหว่านที่ยังไม่ได้แต่งงานให้แก่เฉิงเจ๋อ เกรงว่าตอนนั้น หัวใจของเด็กทั้งสองคงรวดร้าวมิใช่น้อย ถึงขั้นที่ เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นในตอนนั้น นางยังเคยกล่าวกับเฉิงเจ๋อด้วยว่า เรื่องนี้ช่างน่าขันเสียจริง นางมองเขาเป็นดั่งบุตรชายแท้ ๆ มาโดยตลอด อนาคตจะต้องเลือกคู่ค
“พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ายังจะเกรงใจข้าอีกหรือ? ที่ข้ามานี้ มิใช่เพียงเพื่อช่วยรั่วเจินเตรียมงานแต่งเท่านั้น อีกทั้งยังได้เห็นหน้าชิงอินด้วย ช่างเป็นเรื่องดีเสียจริง” ขณะที่กู้หรูเยียนและเยี่ยนชิงอวี้กำลังสนทนาหยอกเย้ากันอยู่นั้น ก็พลันสังเกตเห็นว่าจางเหวินราวกับเหม่อลอยอยู่ไม่น้อย “หรือว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ? เหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีเหม่อลอยเช่นนี้?” กู้หรูเยียนเอ่ยถาม จางเหวินจึงได้คืนสติ ในใจของนางล้วนมีแต่เรื่องของเนี่ยนชูกับเฉิงเจ๋อ จนเผลอใจลอยไปโดยไม่รู้ตัว “ข้า...” นางเหมือนจะเอื้อนเอ่ย แต่กลับชะงักไป เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “เจ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกพวกเราได้งั้นหรือ? บอกมาตามตรงเถิด” “ที่อนุอวิ๋นพูดมามิผิดเลย ระหว่างเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อต่างก็มีใจให้กัน” จางเหวินทอดถอนใจครั้งหนี่ง เมื่อนึกถึงภาพที่นางได้เห็นเมื่อวานยามกลับจวน เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเฉิงเจ๋อในสภาพเช่นนั้น บทสนทนาของทั้งสอง นางก็พลอยได้ยินไปด้วย นางจึงได้รู้ว่าที่แท้เนียนชู่ชอบพอเฉิงเจ๋อมาหลายปีเพียงนี้ ในฐานะมารดาเช่นนาง นางคิดว่าตนใส่ใจบุตรเป็นอย่าง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น นางกำนัลในตำหนักจงเฟยก็พลันเข้ามา“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” นางกำนัลก้มกายคำนับด้วยท่าทางเคารพนบนอบ แต่ในมือกลับถือเซียนบุปผาเอาไว้หนึ่งองค์ “แม่นางของบ่าว ให้บ่าวนำเซียนบุปผามาให้ฮองเฮา ขอเพียงทรงบูชาด้วยใจที่ตั้งมั่น ก็จะสามารถเปล่งปลั่งผุดผ่อง ทำให้เยาว์วัยตราบนานเท่านาน” เมื่อวาจาถูกเปล่งออกมาเช่นนั้น ฮองเฮาและลู่หมิ่นฮุ่ย ต่างพินิจพิจารณาเซียนบุปผาที่อยู่ตรงหน้า ต้องบอกเลยว่ารูปปั้นนี้ถูกทำขึ้นได้สมจริงยิ่งนัก เซียนบุปผานั้นก็งามวิจิตรด้วยรูปลักษณ์อันเย้ายวนตา “นี่มันเซียนบุปผาอะไรกัน? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” แววตาของฮองเฮาปรากฏแววประหลาดใจวาบหนึ่ง ในใจกับยิ่งรู้สึกสงสัย จงเฟยมีน้ำใจงามถึงเพียงนี้เชียวหรือ จึงยอมมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่นาง? นางสนมวังหลัง ต่างกำลังช่วงชิงแข่งขัน หวังเพียงให้ตนสามารถงามล้ำกว่าผู้อื่น เพื่อที่ฮ่องเต้จะได้ต้องตาในคราแรกเห็น จงเฟยในวันนี้ผุดผ่องไปทั้งตัวยิ่งกว่าทุกวัน แค่ฮ่องเต้ได้เห็น ราตรีนี้ย่อมต้องพลิกป้ายชื่อของนางเป็นแน่ หากความลับที่ทำให้จงเฟยงดงามขึ้นเป็นเพราะการบูชาเซียนบุปผ
นับตั้งแต่แต่งงานกันเป็นต้นมา ท่านอ๋องก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังจากแต่งงานแล้ว นั่นยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยฮองเฮามองแหวนบนมือลู่หมิ่นฮุ่ยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านอ๋องของเจ้าดีต่อเจ้ามากมาแต่ไหนแต่ไร ส่งของขวัญมาให้รวดเร็วปานนี้ ข้าได้ยินมาว่าแหวนในร้านขายเครื่องประดับทั่วเมืองหลวงถูกขายหมดเกลี้ยงแล้ว เมื่อก่อนหาได้ขายดีเท่าปิ่นปักผมไม่”“ไม่รู้ว่าจวินถิงคิดวิธีแปลกใหม่เช่นนี้ได้อย่างไร แต่ข้าแค่ได้ยินก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนเป็นคู่สร้างคู่สมโดยแท้ ช่างชวนให้คนอิจฉานัก”ลู่หมิ่นฮุ่ยดื่มชาจิบหนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “พี่หญิง ยามนี้ท่านคิดตกแล้วช่างดีเหลือเกิน ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่ไทเฮาทรงทราบว่าฝ่าบาทพระราชทานสมรส ยังให้คนนำของพระราชทานไปส่งที่สกุลซ่งไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่าโปรดปรานแม่นางซ่งมาก”ฮองเฮาพยักหน้าน้อยๆ วันนี้ตอนที่นางได้ยินข่าวนี้ก็มีความคิดแบบเดียวกัน ความโปรดปรานที่ไทเฮามีต่อซ่งรั่วเจินช่างชวนให้คนประหลาดใจโดยแท้แต่สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นข่าวดียิ่งโดยไม่ต้องสงสัย“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าแม่นางสกุลหลิงผู้นั้นหมู่นี้ใกล้ชิดกับเช่ออ๋องมากทีเดียว คน
“ก่อนแต่งงานเขาสามารถคิดวิธีการนี้ออกมาได้ หลังแต่งงานก็ย่อมสามารถคิดวิธีอื่นออกมาได้เหมือนกัน เขาย่อมจะมีวิธีแก้ไข”ซ่งหลินมองไปทางกู้หรูเยียน “คิดถึงสมัยที่แม่ข้ายังอยู่ ข้าก็จัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”กู้หรูเยียนอึ้งไป คิดถึงเมื่อครั้งที่แม่สามียังอยู่ ระหว่างนางกับแม่สามีก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีความขัดแย้งอันใด ทุกครั้งซ่งหลินล้วนจัดการได้ดีมากตอนเริ่มแรก นางเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเพราะแม่สามีนิสัยดี รู้สถานการณ์ที่นางอยู่ในตระกูลหลิ่วแล้วยังยินดียอมรับนางอย่างไรเสีย รูปแบบการทำเรื่องต่างๆ ของตระกูลหลิ่วหลายปีมานี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ดื้อด้านไร้เหตุผล ชอบมาหาผลประโยชน์จากตระกูลซ่ง นางรู้สึกละอายใจต่อตระกูลซ่งมาโดยตลอดโชคดีที่ทั้งแม่สามีและพ่อสามีล้วนไม่เคยตำหนินางเพราะเรื่องนี้ นางย่อมเข้าใจว่าในเรื่องนี้ย่อมขาดความชอบของซ่งหลินไปไม่ได้เลย“ตอนนั้นท่านโน้มน้าวแม่สามีอย่างไรหรือ?” กู้หรูเยียนถามอย่างสงสัยตอนนั้นนางกังวลใจไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ทุกครั้งที่ซ่งหลินบอกนางว่าไม่เป็นไร พ่อสามีและแม่สามีจิตใจกว้างขวาง ไม่เคยเก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ แต่กลับเห็นใจนางเป
“เมื่อวานข้าได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ การจัดเตรียมแสนอลังการแบบนี้ ไม่เพียงแค่ไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความจริงใจของฉู่อ๋อง”“ตอนที่ข้าเห็นฉู่อ๋องเป็นฝ่ายถามแม่นางซ่งว่ายินดีแต่งงานกับเขาหรือไม่ก็รู้สึกว่าถ้าบุรุษในใต้หล้าเป็นเหมือนเขากันทุกคนก็คงดี”“ไม่รู้ว่าการมอบแหวนมีความหมายพิเศษอันใดหรือไม่? ตอนข้าเห็นฉู่อ๋องสวมแหวนให้แม่นางซ่งก็รู้สึกว่าพิเศษเอามากๆ วันหน้าตอนข้าแต่งงานก็อยากทำเช่นนี้เหมือนกัน”ทันใดนั้น แหวนในร้านขายเครื่องประดับก็กลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด ตั้งแต่เมื่อคืนวานจนถึงเช้าวันนี้ แหวนทั้งหมดล้วนขายไปจนหมดเกลี้ยงขณะที่เวลานี้จวนสกุลซ่งเพิ่งได้รับราชโองการพระราชทานสมรส“ยินดีด้วย แม่ทัพซ่ง ซ่งฮูหยิน วันที่แปดเดือนหน้าเป็นวันดี หลังแต่งงานแล้ว แม่นางซ่งก็จะกลายเป็นพระชายาฉู่อ๋อง”ขันทีที่อัญเชิญราชโองการมามีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ตำแหน่งพระชายาฉู่อ๋องว่างเว้นมานานมากแล้ว ฉู่อ๋องควรแต่งงานตั้งแต่หลายปีก่อน แต่ก็ผัดผ่อนมาจนถึงตอนนี้บัดนี้ในที่สุดก็มีว่าที่พระชายาฉู่อ๋องเสียที ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองโดยแท้“เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของพระราชทานจากในวัง ไม่เพ