คิ้วคมของฉู่จวินถิงขมวดลง ใบหน้าเย็นชาและไร้อารมณ์ในยามนี้ถูกปกคลุมด้วยความเย็นยะเยือก “ต่อไปหากเจอคนปากพล่อยเช่นนี้อีก เสด็จพี่ควรจับคนผู้นั้นส่งเข้ากรมราชทัณฑ์เพื่อหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ"“เป็นแค่เรื่องตลกไม่กี่ประโยคเท่านั้น เหตุใดเจ้าต้องจริงจังถึงเพียงนี้ด้วย?” ฉู่เทียนเช่อพูดล้อเลียน “อายุเจ้าไม่น้อยแล้ว การหมั้นหมายล่าช้าและยังไม่กำหนดเสียที สตรีจากตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองหลวงต่างจับจ้องอยู่ เป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยงคำครหา”“ไม่คิดว่าเสด็จพี่ที่เพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บจะยังมีใจมายุ่งเรื่องพวกนี้ด้วย ข้าได้ยินมาว่าช่วงนี้พี่สะใภ้รองคอยดูแลท่านจนล้มป่วย กระทั่งงานเลี้ยงตอนเย็นก็ไม่อาจมาเข้าร่วม?" ฉู่จวินถิงกล่าวเสียงเรียบสีหน้าของฉู่เทียนเช่อเปลี่ยนไปเล็กน้อย กล่าวว่า "ไม่เป็นไร หมอหลวงได้ตรวจดูแล้ว แค่เป็นกังวลมากเกินไป พักผ่อนไม่กี่วันก็จะดีขึ้น"ขณะนั้นเองกู้ฮวนเอ๋อร์ก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นหลิงเชี่ยนเอ๋อร์และถังเสวี่ยหนิงยืนอยู่ด้วยกัน จึงอดสงสัยไม่ได้ "ญาติผู้พี่หลิง ที่แท้ท่านกับคุณหนูถังเป็นสหายรักกันหรือ? "หลิงเชี่ยนเอ๋อร์ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะถอยหลังไปครึ่งก
สีหน้าของหลิงเชี่ยนเอ๋อร์เปลี่ยนไปเล็กน้อย ในดวงตาฉายแววไม่พอใจ ทว่ากลับพยักหน้าเบาๆ "แม่นางซ่งพูดถูก"กู้ฮวนเอ๋อร์มีสีหน้าประหลาดใจ นับตั้งแต่รู้จักกับญาติผู้พี่มา ทุกครั้งที่พบจะมีสีหน้ายิ้มแย้ม แม้ก่อนหน้านี้จะเคยได้ยินว่าความดุดันของญาติผู้พี่ในยามถอนหมั้น ทว่านางก็ไม่เคยเห็นกับตาตัวเองจนกระทั่งได้ยินคำพูดของญาติผู้พี่ในยามนี้ นางจึงรู้ถึงบรรยากาศของญาติผู้พี่ยามโกรธ และรู้สึกว่าช่างเหมาะสมกับฉู่อ๋องมากจริงๆ!“ญาติผู้พี่ เมื่อครู่ที่ท่านพูดเช่นนั้นกับแม่นางหลิง ไม่กลัวว่าทุกคนจะคิดว่าท่านไม่รู้ความหรือ?”เมื่อกู้ฮวนเอ๋อร์เห็นว่าทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว จึงเอ่ยปากเสียงเบา ดวงตาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นซ่งรั่วเจินช้อนดวงตาคู่สวยขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดหยอกล้อ "เมื่อครู่ยังเป็นพี่หญิงหลิง ยามนี้เป็นแม่นางหลิงแล้ว เจ้าจะเรียกว่าอะไรกันแน่?"“ข้าเรียกนางว่าญาติผู้พี่ นั่นเพียงเพราะพูดตามมารยาทเท่านั้น ท่านต่างหากคือญาติผู้พี่ที่แท้จริงของข้า!” กู้ฮวนเอ๋อร์ดึงมือของซ่งรั่วเจินและพูดอย่างหน้าตาเฉย“การยอมเสียสละตนเพื่อความคิดเห็นของผู้อื่นนั้นไม่คุ้มเอาเสียเลย และข้าก็ไม่ได้พูดอะไรผ
“ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินส่ายหัว “ช่วงนี้ถังเสวี่ยหนิงอารมณ์เสียมาก คาดว่าเพราะถูกลงโทษให้คุกเข่าในห้องบรรพชน เวลากลางคืนก็พักผ่อนไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงอ่อนเพลียเป็นลมลง”“เมื่อครู่ข้าก็เตือนแล้วว่านางป่วย นางกลับไม่เชื่อและยังบอกว่าข้าด่าทอนาง"สามพี่น้องตระกูลซ่ง “???”“แม่นางหลิง โปรดอย่าพูดไร้สาระเลย เมื่อครู่น้องสาวของข้าเตือนนางไปว่าหากป่วยก็ให้ไปหาหมอ เจ้ากับนางล้วนไม่เชื่อและยังพูดว่าน้องสาวของข้าใจร้าย ยามนี้นางเป็นลมไปแล้ว จะยังมาโทษน้องสาวข้าได้อย่างไร?”ซ่งจืออวี้เร็วที่สุด เมื่อได้ยินใครพูดจาใส่ร้ายน้องสาว ก็พูดอย่างไม่ให้เกียรติเลยแม้แต่น้อยหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ตกตะลึง นึกขึ้นได้ว่าซ่งรั่วเจินเคยพูดก่อนหน้านี้ว่าถังเสวี่ยหนิงป่วย ป่วยจริงงั้นหรือ?“ข้าไม่ได้พูดไร้สาระ แค่…” “แค่อะไร? น้องสาวข้าเตือนด้วยเจตนาดี เจ้ากลับช่วยนางพูดว่าน้องสาวข้าหาว่านางป่วย ช่างประหลาดเสียจริง!”ซ่งจืออวี้มีสีหน้ารังเกียจ สายตาคู่นั้นราวกับกำลังมองคนโง่เดิมทีถังหงจี้พี่ชายของถังเสวี่ยหนิงกำลังรีบร้อนหาหมอหลวง ได้ยินสิ่งที่ซ่งจืออวี้พูดก็ยิ่งโกรธมากขึ้น“เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว
เมื่อถังหงจี้เห็นว่าฉู่อ๋องพูดโกหกออกมาหน้าตาเฉยเพื่อช่วยซ่งรั่วเจิน ในใจก็รู้สึกโกรธแค้นถึงขีดสุด“ฉู่อ๋อง กระหม่อมทราบว่าท่านมีสถานะสูงส่ง ทว่าช่วงนี้น้องสาวของกระหม่อมก็ลำบากมากแล้ว หากไม่ใช่เพราะนางห่วงใยท่าน ช่วงนี้ก็คงไม่มีเรื่องยุ่งยากเหล่านี้เกิดขึ้น”“ยามนี้นางได้ละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ทว่าท่านอ๋องกลับพูดเช่นนี้เพื่อปกป้องสตรีผู้นี้ มันไม่มากเกินไปหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เพราะเหตุการณ์แจกโจ๊ก ทำให้ทั้งสกุลถังกลายเป็นตัวตลก แม้แต่ตัวเขาเองก็ถูกหัวเราะเยาะไปด้วยวันนี้มาเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ ในอดีตทุกคนต่างตื่นเต้นมากเมื่อเห็นเขา ทว่ายามนี้กลับพยายามหลีกเลี่ยงเขาให้มากที่สุด และทั้งหมดนี้...ก็เป็นเพราะซ่งรั่วเจิน!หากไม่ใช่นางที่ยั่วยวนฉู่อ๋องและทำลายสัญญาหมั้นหมายระหว่างเสวี่ยหนิงกับฉู่อ๋อง เรื่องราวมากมายเหล่านี้คงไม่เกิดขึ้น!“หงจี้ ระวังคำพูดด้วย!”เมื่อสหายรักที่อยู่ข้างๆ เห็นว่าถังหงจี้กล้าพูดเช่นนั้นกับฉู่อ๋องก็กระวนกระวาย หากฉู่อ๋องตำหนิขึ้นมา เช่นนั้นก็คงแย่แน่ๆ!ทว่าถังหงจี้กลับตัดสินใจทุ่มสุดตัว “กระหม่อมยอมรับว่าซ่งรั่วเจินเก่งกาจในศาสตร์ลี้ลับจริงๆ และมี
ถังหงจี้ขมวดคิ้ว รู้สึกอยากหัวเราะ “คุณชายรองซ่ง เจ้าคงมิใช่ต้องการพูดว่าโรคตาของเจ้าสามารถหายดีได้ เป็นเพราะแม่นางซ่งหรอกกระมัง?”“ข้ารู้ว่าเจ้ามีใจปกป้องน้องสาว แต่เพราะสาเหตุนี้จึงเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โต นั่นตลกเกินไปแล้ว!”“คุณชายถังไม่รู้อะไรก็พูดว่าตลก ช่างเป็นกบก้นบ่อโดยแท้!”ซ่งอี้อันพูดออกมาอย่างไม่เกรงใจ “โรคตาของข้า รวมถึงโรคขาของพี่ใหญ่ ล้วนเป็นผลงานของน้องหญิงห้า!”“นางมีความรู้วิชาแพทย์มาตั้งนานแล้ว เห็นว่าเกิดเรื่องกับข้าและพี่ใหญ่ นี่จึงทุ่มเทแรงกายแรงใจรักษาพวกเราให้กลับมาหายดีดังเดิม”“เจ้าไร้ซึ่งความสามารถ มิได้หมายความว่าคนอื่นไม่มี ในฐานะบัณฑิต หรือแม้แต่ความตระหนักรู้เล็กน้อยแค่นี้ก็ไม่มี?”“น้องหญิงของข้าเพียงถ่อมตนรักความสงบ ไม่ชอบโอ้อวดชื่อเสียง ครั้นมาถึงคุณชายถังที่นี่กลับกลายเป็นเสแสร้งแกล้งทำไปเสียได้”ซ่งอี้อันหัวเราะออกมา ใบหน้าสุภาพอ่อนโยนประดับรอยยิ้มเย้ยหยัน “อิงตามคุณชายถัง มีความสามารถน้อยนิดก็อยากประกาศให้คนรู้กันอย่างถ้วนทั่ว ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไร”ถังหงจี้ได้ยินถ้อยคำเสียดสีของซ่งอี้อัน สีหน้าไม่สบอารมณ์มากขึ้นเรื่อยๆ “เจ้าพูดว่าใช่ก็ใช่กระ
“หมอหลวง ท่านรีบดูอาการน้องสาวของข้าเถอะว่าเป็นเช่นไร?” ถังหงจี้รีบพูดหมอหลวงขยับขึ้นไปข้างหน้าเร็วรี่ จับชีพจรถังเสวี่ยหนิง จากนั้นสีหน้าเคร่งขรึมพลันมลายหายไป เอ่ยว่า“คุณชายถังไม่จำเป็นต้องกังวล แม่นางถังเพียงแต่ไฟตับรุนแรง ม้ามและท้องไม่สู้ดี สองวันนี้ไม่ได้กินอาหารดีๆ กลางคืนไม่ได้พักผ่อนดีๆ จึงเป็นหวัด”“ภายในภายนอกปะทะกัน พลังชั่วร้ายเข้าสู่ร่างกาย อีกเดี๋ยวข้าจัดเทียบยาให้ กลับไปแล้วพักผ่อนดีๆ ก็ไม่เป็นไรแล้ว”เพิ่งสิ้นคำหมอหลวง ถังหงจี้ที่ทีแรกยังมีความหวังหลายส่วน สีหน้าไม่สบอารมณ์มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เขามองทางซ่งรั่วเจินอย่างเหลือจะเชื่อ หมอหลวงถึงขั้นพูดเหมือนนางทุกกระเบียดนิ้ว!นี่เป็นไปได้เยี่ยงไร?“ท่านพูดจริงหรือ?” ถังหงจี้ถามไล่เรียงอย่างอดไม่ได้หมอหลวงพยักหน้าลง รู้สึกสงสัยภายในใจมากยิ่งขึ้น ทั้งๆ ที่เขาพูดว่าแม่นางถังไม่เป็นอะไรร้ายแรง คุณชายถังได้ยินแล้วน่าจะดีใจถึงจะถูก เหตุใดมองดูท่าทางแล้วแปลกเช่นนี้?ทันใดนั้น เขาถึงขั้นสงสัยขึ้นมาว่าตนเองตรวจอาการผิดไปหรือไม่ ครู่ต่อมาตรวจซ้ำอีกครั้ง เอ่ยว่า “แม่นางถังน่าจะมีแผลทั้งภายในภายนอกปาก เป็นอาการโมโหหนัก”ทุก
แม่นางเช่นนี้ ช่างหาได้ยากยิ่ง!ซ่งจืออวี้เห็นใบหน้าถังหงจี้ดำทึบทึม ลังเลอยู่นานก็ไม่ขยับ นี่จึงสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้า“บุรุษตัวโตคนหนึ่ง กลับถนอมร่างกายตนเองยิ่งนัก ในเมื่อเจ้าไม่อาจหักใจ ข้าจะช่วยเจ้าสักครั้งก็แล้วกัน”จากนั้น ทุกคนก็ได้เห็นซ่งจืออวี้สืบเท้าขึ้นไปอย่างว่องไวหนึ่งก้าว คว้าปกคอเสื้อของถังหงจี้มาที่ริมแม่น้ำ!“ปล่อยข้านะ!”ถังหงจี้ดิ้น ทว่าซ่งจืออวี้ไม่ใส่ใจ ไม่เพียงทำให้เขาดิ้นหนีไม่ได้ ยังยกคนขึ้นอีกด้วยทุกคนได้เห็นเรี่ยวแรงมหาศาลของซ่งจืออวี้ ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงนี่น่าตกใจเกินไปแล้วกระมัง!“ตูม!”ถังหงจี้ถูกซ่งจืออวี้โยนลงน้ำไปแล้วความหนาวเหน็บเสียดแทงกระดูกกระตุ้นถังหงจี้ สีหน้าเผือดซีดไปในทันใด รีบตะเกียกตะกายเข้าฝั่งยามถังเสวี่ยหนิงค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาก็ได้เห็นภาพซ่งจืออวี้โยนพี่ชายของตนลงแม่น้ำ อุทานออกมาอย่างตกตะลึง “เหตุใดพวกเจ้าทำกับพี่ชายข้าเช่นนี้ ใต้หล้านี้ยังมีกฎหมายอยู่หรือไม่?”นางหันมองใบหน้าเย็นชาของฉู่จวินถิง รู้ดีอยู่ภายในใจว่าตนเองเป็นฝ่ายขอความเป็นธรรมย่อมไร้ผล ทำได้เพียงขอร้องฉู่เทียนเช่อ“เช่ออ๋อง ขอร้องท่านได้โปรดออกหน้าแทนหม
งานเลี้ยงช่วงค่ำคืนจบลง สองพี่น้องสกุลถังถูกหามกลับจวนถังไปแล้ว เรียกเสียงถอนใจจากทุกคนซ่งรั่วเจินติดตามพี่ชายของตนออกจากวังพร้อมกัน ฉู่จวินถิงเองก็เดินข้างกายนาง ซ่งอี้อันทั้งสามคนปลีกตัวเว้นระยะห่างอย่างรู้ใจกัน“เช่ออ๋องเป็นฝ่ายมาขอบคุณถึงที่เองเช่นนี้ น่ากลัวว่ายังมีเจตนาอื่น พรุ่งนี้ข้าเองก็จะไปด้วยกัน ไม่ต้องกังวล”ฉู่จวินถิงสบมองคนข้างกาย ภายใต้แสงจันทร์ ผิวของแม่นางผู้นี้ขาวดุจหิมะ ใบหน้างดงามเพริศพริ้งมีเสน่ห์มากเป็นพิเศษ ชวนให้คนหวั่นไหวซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบาๆ “วันนี้หม่อมฉันได้พบเช่ออ๋องแล้ว มักรู้สึกว่ามีเจตนาไม่ดี”เข้าใกล้โดยบังเอิญ มิหนำซ้ำยังคิดหาทางแสดงด้านที่ดีต่อหน้านาง ที่ผ่านมามิได้มีท่าทีเช่นนี้ อย่างไรเสียนางและฉู่อ๋องใกล้ชิดกัน เช่ออ๋องและฉู่อ๋องยังเป็นศัตรูกันอีกด้วยเรื่องผิดปกติย่อมมีเงื่อนงำแฝงอยู่ เพียงแต่ไม่แน่ใจว่าตกลงเช่ออ๋องกำลังวางแผนใดกันแน่ตอนนี้เอง นางกำนัลข้างกายฮองเฮาวิ่งออกจากวัง พูดว่า “ฉู่อ๋องเพคะ ฮองเฮาพูดว่านางไม่ได้พบหลิงฮูหยินนานมากแล้ว อยากสนทนาระลึกความหลังกัน น่ากลัวว่าหลิงฮูหยินจะต้องกลับช้าสักหน่อย”“แม่นางหลิงอยู่เพียงลำพัง
“ชิ้ง!”กู้ชิงฉือสัมผัสได้ว่ากระบี่คมสายหนึ่งผ่านข้างกายตนไป ไรผมช่อหนึ่งถูกตัด ตกตะลึงพรึงเพริดภายในใจ“นี่ให้เจ้า”ฉู่จวินถิงลังเลไปครู่หนึ่ง ยัดยันต์คุ้มภัยใส่มือกู้ชิงฉือ“เก็บไว้ให้ดีแทนข้าด้วย!”ครู่ต่อมา กู้ชิงฉือก็มองเห็นคู่ต่อสู้เบื้องหน้า ภายในสายตาสั่นสะท้าน ก้มหน้ามองดู นี่คือกระดาษยันต์สีเหลืองหนึ่งใบ“ท่านอ๋อง ท่านยกให้ข้า เช่นนั้นท่านจะทำเยี่ยงไร!”ไต้ซือเทียนจีเห็นฉู่จวินถิงมอบยันต์ให้กู้ชิงฉือ ภายในสายตาสะท้อนแววตกตะลึง ฉู่อ๋องอยู่ภายนอกได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนไม่กะพริบตา ถึงขั้นมอบของป้องกันชีวิตให้ผู้อื่น?คนผู้นี้...มีภูมิหลังเช่นไร?“ไม่ต้องห่วงข้า”ฉู่จวินถิงหลับตาลง ได้ยินเสียงฝ่าอากาศรอบด้าน แยกแยะตำแหน่ง“ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง!”พลังอันแข็งแกร่งปะทุออกมา ฉู่จวินถิงเคลื่อนไหวอย่างว่องไว ราวกับมังกรเคลื่อนไหวก็มิปาน หลบหลีกการโจมตีที่พุ่งเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่ดาบในมือจะพุ่งแทงออกไปอย่างฉับพลัน“อ๊าก!”เสียงแผดร้องสายหนึ่งดังขึ้น ศพร่างหนึ่งปรากฏต่อหน้าทุกคน“ไอ้พวกชั่ว!”ภายในสายตาฉู่จวินถิงสะท้อนความอำมหิต คนผ่านเข้าไปกลางตรอกเล็ก ทั้งๆ
ซ่งรั่วเจินติดตามซ่งเยี่ยนโจวเดินทางมาถึงพื้นที่ที่ถูกปิดล้อมไว้ บัดนี้ถูกขวางไว้ ไม่อนุญาตให้ผู้ใดผ่านทางซ่งเยี่ยนโจวหยิบป้าย ทั้งสองคนผ่านเข้าไปอย่างราบรื่น“ภายนอกเป็นทหารของทางการรับผิดชอบค้นหา ส่วนภายในและภายนอกเมือง ฉู่อ๋องคล้ายพบความผิดปกติ ดังนั้นจึงพาคนไปค้นหาก่อน”ซ่งเยี่ยนโจวพาซ่งรั่วเจินขี่ม้าไป ว่องไวอย่างมากจากนั้นระยะทางใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ซ่งรั่วเจินมองผ่านการสัมผัสของผีทวงชีวิตที่เริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกตกตะลึงภายในใจ เวลาสั้นถึงเพียงนี้ ฉู่อ๋องถึงขั้นพบที่ซ่อนตัวของไต้ซือเทียนจีแล้ว?“บัดนี้สถานการณ์เป็นเช่นไร?” ซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยถาม“ท่านหัวหน้าราชองครักษ์ ท่านมาแล้ว” จ้าวเจียงแม่ทัพที่เป็นหัวหน้าได้พบซ่งเยี่ยนโจวรีบตอบ “มีหนึ่งหน่วยหายไประหว่างค้นหาขอรับ ตอนนี้ท่านอ๋องกำลังพาคนออกค้นหา”“เรื่องวันนี้พูดไปแล้วก็แปลกมาก คนกลุ่มหนึ่งอยู่ดีๆ ก็หายไป ท่านว่าแปลกหรือไม่?”เพียงซ่งรั่วเจินได้ยิน พูดเสียงเครียด “อยู่ที่ใด?”จ้าวเจียงเห็นซ่งเยี่ยนโจวถึงขั้นพาแม่นางท่านหนึ่งมาด้วย ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ แต่มองอย่างละเอียดแล้วก็จำฐานะของอีกฝ่ายได้ ท่าทีเคารพน
ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบาๆ รีบตามหลังไปฉู่จวินถิงพากลุ่มคนฝีมือดีเริ่มออกค้นหาในบริเวณที่เลือกไว้ ตั้งใจเอ่ยเตือนไม่ให้ปล่อยเบาะแสใดหนึ่งหน่วยภายในนั้นกำลังค้นหาตรอกเบื้องหน้า เดินไปๆ กลับๆ พบว่าตรอกนี้ยาวมาก ถึงขั้นเกิดความรู้สึกเดินไปไม่สุดทางทีแรกทุกคนยังไม่พบอะไร จนกระทั่งเดินเป็นรอบที่สาม นี่ถึงพบว่าเคยมาสถานที่เบื้องหน้ามาก่อน เหมือนกับสถานที่ที่เคยมาก่อนหน้านี้ทุกกระเบียดนิ้ว“ผิดปกติ เมื่อครู่พวกเราค้นหาที่นี่แล้วมิใช่หรือ เหตุใดรู้สึกว่ากลับว่าอีกครั้งแล้วเล่า?”“ใช่แล้ว เมื่อครู่ข้ามาที่นี่ ประตูใหญ่เหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้ว ข้ายังยกหินก้อนนี้ไว้ที่อีกฝั่งด้วย ต่อให้บ้านเรือนละแวกนี้คล้ายกัน แต่ก็ไม่มีวันเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วเช่นนี้!”คนเป็นหัวหน้าขมวดคิ้วแน่น “เร็ว พวกเราออกจากตรอกนี้ไป!”“ขอรับ” ทุกคนไม่ใส่ใจการค้นหาอีก เร่งฝีเท้าว่องไวยิ่งขึ้นออกจากตรอกเล็กนี้จากนั้นทุกคนเพิ่งถึงหน้าตรอก ก็พบว่าพวกเขากลับมาอยู่ภายในตรอกเล็กอีกครั้ง สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไป“นี่โดนของกลางวันแสกๆ เลยหรือ?”ทุกคนต่างหันหน้ามองกัน เรื่องโดนของแบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ถ้ามีแค่ค
“เช่นนั้นก็ค่อยๆ ค้นหา ค้นหาทุกครัวเรือน ห้ามมิให้ปล่อยที่ใดไปเป็นอันขาด โดยเฉพาะห้องใต้หลังคา ห้องใต้ดิน ไปจนถึงคอกวัวแกะหมู ต้องหาทั้งหมดให้ละเอียด!” ฉู่จวินถิงเอ่ยออกมา“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง!”บัดนี้ทุกคนจำภาพวาดไว้ในสมองแล้ว ท่านอ๋องพูดว่าขอเพียงจับคนได้ จะตกรางวัลให้อย่างงาม!กององครักษ์หลวงเริ่มค้นหาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่พลาดที่ใดไป อีกทั้งยังไม่ปล่อยโอกาสให้คนหลุดรอดไปได้ไต้ซือเทียนจีได้รับข่าวอย่างรวดเร็ว ยามได้รู้ว่าฉู่อ๋องนำทหารออกค้นหา ก็รู้ว่ากำลังค้นหาตนเอง สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์มากผิดปติ“ในเมื่อสามารถทำนายมาถึงข้าได้ ซ่งรั่วเจินคนนี้รับมือยากไม่ผิดไปดังคาด!”หลายวันก่อนเขาหลบซ่อน วางอุบายวางค่ายกล เดิมทีคนทั่วไปไม่สามารถตามหาตำแหน่งของเขาพบ นี่ทำให้เขากล้าอยู่ที่เมืองหลวงต่อใครคาดคิดเล่าว่าภายในมือซ่งรั่วเจินไม่รู้ลมหายใจของเขา ถึงขั้นสามารถทำนายตำแหน่งที่เขาอยู่ได้ ฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ!“ไต้ซือ ตอนนี้พวกเราจะทำเช่นไร? กององครักษ์หลวงมีความสามารถไม่น้อย ฉู่อ๋องเองก็วิชายุทธสูง หากถูกเขาจับได้ พวกเราจะต้องหนีไม่พ้นแน่!”ทุกคนร้อนใจขึ้นมาอย่างสุดระงับ หลายว
“เจ้าคงมิใช่หลอกคนหรอกกระมัง?” อวิ๋นหงหล่างเผยสีหน้าสงสัยซ่งจืออวี้กลอกตาขาว “ตาแก่ไร้ยางอายคนนี้ คิดสงสัยใครที่นี่? ช่วยท่านแล้วไม่พูดขอบคุณ ยังสงสัยน้องหญิงของข้าอีกกระนั้นรึ?”“ไปๆ ๆ รีบพาหญิงแก่แพศยาชาเขียวคนนี้ไสหัวไปได้แล้ว เห็นแล้วขยะแขยง!”“อีกเดี๋ยวส่งเงินมาให้ข้า หากภายในหนึ่งชั่วยามยังมาไม่ถึง ข้าจะไปแจ้งทางการ!”“พวกเจ้าเลิกยื่นเหม่อได้แล้ว ให้พวกเจ้าส่งแขก หากยังไม่ยอมไป ก็ใช้ไม้พองไล่ออกไป!”บ่าวรับใช้ทางด้านข้างดึงสติกลับมาได้ ต่างพากันถลันขึ้นไป เตรียมไล่คนอวิ๋นหงหล่างเองก็ไม่มีหน้าอยู่ที่นี่ต่อ ทำได้เพียงพาอนุอวิ๋นจากไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ปวดใจไม่หยุด นั่นคือเงินสามแสนตำลึงเชียวนะ!หันมองอนุอวิ๋นข้างกาย เขาเกิดโทสะขึ้นมาสายหนึ่ง หากไม่ใช่นางหาเรื่อง เรื่องราวก็คงไม่ต้องกลายเป็นเช่นนี้!จนกระทั่งทั้งสองคนจากไป ซ่งจืออวี้ก็พบว่าสายตาทุกคนล้วนตกลงบนตัวของตน เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกเจ้ามองข้าทำอันใด?”“พี่สาม ชาเขียวที่ท่านพูดหมายความว่าอะไร?” ซ่งจิ่งเซินแปลกใจอยู่บ้างซ่งจืออวี้ผายมือ “ข้าเองก็ไม่รู้ เรียนมาจากน้องหญิงห้า”ซ่งรั่วเจินเห็นทุกคนมองตนสีหน้าแป
นางจำรายการสินเดิมในปีนั้นได้อย่างชัดเจน รวมไปถึงกำไรของร้านค้าที่เป็นสินเดิมเพราะหลายปีมานี้ผิดหวังกับอวิ๋นหงหล่างมาก นางจึงหันไปสนใจการค้านางและกู้หรูเยียนเป็นสหายที่ดีต่อกัน การค้าของสกุลซ่งดีมากถึงเพียงนี้ ย่อมชี้แนะนางเป็นอย่างดี ดังนั้นเงินที่หาได้ย่อมมีไม่น้อย ภายในนั้นเขียนไว้ในบัญชีรวมมากมายทว่านางเก็บรักษาบัญชีของร้านไว้อย่างดี แม้แต่ภายในจวนเบิกเงินของนางไปมากน้อยเพียงใด นางก็จำได้ทั้งหมดบัดนี้...จะเอาคืนกลับมาให้หมด!“พี่หญิง คืนของให้ท่านย่อมเป็นเรื่องที่สมควรทำ แต่ท่านเองก็ต้องการมากเกินไปแล้ว”อนุอวิ๋นเอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ หันมองอวิ๋นหงหล่างอย่างกังวล กลัวเขาโมโหลงนามลงไปอวิ๋นหงหล่างย่อมไม่ยอมให้เกิดปัญหาตามมาอย่างต่อเนื่อง แม้ปวดใจ แต่ยังลงนามประทับลายนิ้วมือลงไป“ตอนนี้ใช้ได้แล้ว พวกเจ้าสามารถช่วยคนได้แล้วกระมัง!”เห็นจางเหวินเก็บหนังสือหย่าไป ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากเสียงเรียบ “ให้ข้าลงมือช่วยอนุอวิ๋นก็ย่อมได้ สามแสนตำลึง!”ถ้อยคำนี้พูดออกมา อวิ๋นหงหล่างก็โง่งมแล้ว “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”“ซ่งรั่วเจิน เจ้าอย่าทำเลยเถิดเกินไปนัก ทั้งๆ ที่เจ้าพูดว่าขอเพียงลงนามในหน
“ข้าคิดไว้ดีตั้งแต่แรกแล้ว นับตั้งแต่วันที่ติดตามท่านแม่ออกจากสกุลอวิ๋น ข้าก็ไม่คิดกลับไปอีก”พูดไป อวิ๋นเนี่ยนชูก็เหลือบมองอวิ๋นเฉิงเจ๋อแวบหนึ่ง พูดว่า “ภายภาคหน้าไม่ว่าข้าแต่งกับใคร ต่อให้เป็นเพียงสามัญชนคนหนึ่ง ข้าก็ยินดี”อย่างไรเสีย ชาตินี้หากไม่สามารถแต่งงานกับคนที่รักได้ ไม่ว่าแต่งกับใครก็ล้วนเหมือนกันเมื่อแรกท่านแม่แต่งงานกับท่านพ่อ ทุกคนล้วนพูดว่าแต่งได้ดี แต่สุดท้ายได้รับอะไรเล่า?อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินว่าอวิ๋นเนี่ยนชูจะแต่งงานกับสามัญชน ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว นิ้วมือภายในแขนเสื้อกำแน่น ภายในก้นบึ้งของสายตาซับซ้อน“เจ้า ดีนักนะ!” อวิ๋นหงหล่างโมโหจนหัวเราะออกมา “ถึงตอนนั้นเจ้าหาทางออกไปได้ อย่ามาขอข้าให้ช่วยเจ้าก็แล้วกัน!”“ข้าไม่มีวันทำเช่นนั้น ตรงข้ามกันภายในหัวใจท่านพ่อ ซีหว่านล้วนสำคัญที่สุดมาโดยตลอด”“นางทำผิดมากเพียงใดล้วนไม่เป็นไร ข้าเพียงทำผิดเล็กน้อยก็ถูกลงโทษ หากข้าตามท่านกลับไป ภายภาคหน้าบ้านหลังนี้มีอนุอวิ๋นดูแล ข้ายังจะมีชีวิตที่ดีอีกหรือ?”อวิ๋นเนี่ยนชูคิดตกแล้ว เดิมทีอนุอวิ๋นก็โหดเหี้ยมอำมหิต พวกเขาล้วนมองออก มีเพียงบิดาที่มองไม่ออกบางที...บิดาอาจไม่ยอมมอง
“ยังมีเจ้า!” หลิ่วหรูเยียนชี้อนุอวิ๋น “ตอนยังเป็นสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นก็ช่างเถอะ บัดนี้แก่จนหน้าเหลืองแล้วกลับยังไม่แก้ไข หากชอบร้องไห้ถึงเพียงนั้น ตอนจัดงานศพก็ไปร้องที่นั่นสิ วิ่งมาสร้างความอัปมงคลที่จวนซ่งของพวกเราทำอันใด!”คนสกุลซ่งหันมองมารดาอย่างแปลกใจ ที่ผ่านมามารดาอ่อนโยนนุ่มนวล ไม่เคยพูดจาเช่นนี้มาก่อน คำพูดวันนี้ช่าง...สาแก่ใจจริงๆ!จางเหวินที่เดิมทีโมโหแทบแย่กลับถูกคำพูดของหลิ่วหรูเยียนทำให้ขำจนหัวเราะออกมานางหวนนึกถึงเมื่อครั้นยังอยู่ในวัยแรกรุ่น กู้หรูเยียนมีอุปนิสัยอ่อนโยนรังแกง่าย เพราะได้รับความทุกข์จากสกุลหลิ่ว ครอบครัวลำเอียง นางอธิบายไปแล้วก็ไม่มีใครฟัง หนำซ้ำยังถูกลงโทษ ดังนั้นกู้หรูเยียนจึงชินชากับการไม่อธิบายจนกระทั่งมีคนพูดว่าร้ายนาง นางได้เห็นคนอ่อนโยนนุ่มนวลเสมอมาอย่างกู้หรูเยียนออกมาตอบโต้คน ถึงขั้นด่ากลับไปความสะเทือนใจในตอนนั้นก็คล้ายตอนนี้ ฉากตรงหน้าแทบจะซ้อนทับกัน“หลายปีมานี้เจ้าไม่บอกข้ามาโดยตลอด หากข้ารู้ตั้งแต่แรกว่าเจ้าได้รับความทุกข์เช่นนี้ จะต้องช่วยเจ้าด่าชายโฉดหญิงชั่วไร้ยางอายคู่นี้ดีๆ แน่!”จางเหวินจับมือกู้หรูเยียนไว้ ขอบตาแดงเรื่อ “ห
“ข้าไม่ช่วย เดิมทีก็ถูกต้องตามหลักการ หาไม่แล้วคนชั่วในใต้หล้านี้ล้วนมาขอให้ข้าช่วยแก้ผลกรรมให้ นั่นยังไม่กลายเป็นโลกของคนชั่วอีกหรือ?”ซ่งรั่วเจินหัวเราะออกมา “ใต้เท้าอวิ๋น ท่านเป็นขุนนางในราชสสำนักมาหลายสิบปี ถึงขั้นไม่มีหลักคุณธรรมขั้นพื้นฐานกระนั้นหรือ?”“หากท่านคิดว่าท่านพูดมีเหตุผล ก็สามารถพูดเรื่องทั้งหมดออกมาได้ พอดีจะได้ถามคนทั่วหล้าว่าคิดเห็นเหมือนท่านหรือไม่!”เพียงอนุอวิ๋นได้ยินก็รีบพูด “ข้ามิได้เชิญผีน้อยมาทำร้ายพี่หญิง ข้าเพียงหวังให้นางและนายท่านกลับมาคืนดีกัน ข้าเองก็ถูกคนชั่วนั่นหลอก”“หากข้ารู้ตั้งแต่แรกก็ไม่มีวันทำเช่นนี้”“อ้อ งั้นหรือ?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากเสียงเรียบ เนตรขนงเจือรอยยิ้ม “บัดนี้มีคนทำผิดเหมือนท่านไม่น้อย ราชสำนักมีบัญชีรายชื่ออยู่ในมือแล้ว”“ไม่สู้ไปถามคนเหล่านั้นดู ตกลงพวกเขารู้หรือไม่ว่าที่เชิญผีน้อยมาก็เพื่อทำร้ายคน?”“ถ้อยคำนี้ ท่านหลอกตนเองก็ช่างเถอะ คิดว่าคนทั่วหล้าโง่เขลาเหมือนท่านหรือ?”สายตาซ่งรั่วเจินคมกริบ “ทำร้ายคนและช่วยคน ทำร้ายคนต้องชดใช้มากยิ่งกว่า หากท่านทำเพราะอยากให้ทั้งสองคนคืนดีกันจริง สิ่งที่ท่านเชิญกลับไป สมควรเป็นพระพุทธ