ถังหงจี้ขมวดคิ้ว รู้สึกอยากหัวเราะ “คุณชายรองซ่ง เจ้าคงมิใช่ต้องการพูดว่าโรคตาของเจ้าสามารถหายดีได้ เป็นเพราะแม่นางซ่งหรอกกระมัง?”“ข้ารู้ว่าเจ้ามีใจปกป้องน้องสาว แต่เพราะสาเหตุนี้จึงเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โต นั่นตลกเกินไปแล้ว!”“คุณชายถังไม่รู้อะไรก็พูดว่าตลก ช่างเป็นกบก้นบ่อโดยแท้!”ซ่งอี้อันพูดออกมาอย่างไม่เกรงใจ “โรคตาของข้า รวมถึงโรคขาของพี่ใหญ่ ล้วนเป็นผลงานของน้องหญิงห้า!”“นางมีความรู้วิชาแพทย์มาตั้งนานแล้ว เห็นว่าเกิดเรื่องกับข้าและพี่ใหญ่ นี่จึงทุ่มเทแรงกายแรงใจรักษาพวกเราให้กลับมาหายดีดังเดิม”“เจ้าไร้ซึ่งความสามารถ มิได้หมายความว่าคนอื่นไม่มี ในฐานะบัณฑิต หรือแม้แต่ความตระหนักรู้เล็กน้อยแค่นี้ก็ไม่มี?”“น้องหญิงของข้าเพียงถ่อมตนรักความสงบ ไม่ชอบโอ้อวดชื่อเสียง ครั้นมาถึงคุณชายถังที่นี่กลับกลายเป็นเสแสร้งแกล้งทำไปเสียได้”ซ่งอี้อันหัวเราะออกมา ใบหน้าสุภาพอ่อนโยนประดับรอยยิ้มเย้ยหยัน “อิงตามคุณชายถัง มีความสามารถน้อยนิดก็อยากประกาศให้คนรู้กันอย่างถ้วนทั่ว ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไร”ถังหงจี้ได้ยินถ้อยคำเสียดสีของซ่งอี้อัน สีหน้าไม่สบอารมณ์มากขึ้นเรื่อยๆ “เจ้าพูดว่าใช่ก็ใช่กระ
“หมอหลวง ท่านรีบดูอาการน้องสาวของข้าเถอะว่าเป็นเช่นไร?” ถังหงจี้รีบพูดหมอหลวงขยับขึ้นไปข้างหน้าเร็วรี่ จับชีพจรถังเสวี่ยหนิง จากนั้นสีหน้าเคร่งขรึมพลันมลายหายไป เอ่ยว่า“คุณชายถังไม่จำเป็นต้องกังวล แม่นางถังเพียงแต่ไฟตับรุนแรง ม้ามและท้องไม่สู้ดี สองวันนี้ไม่ได้กินอาหารดีๆ กลางคืนไม่ได้พักผ่อนดีๆ จึงเป็นหวัด”“ภายในภายนอกปะทะกัน พลังชั่วร้ายเข้าสู่ร่างกาย อีกเดี๋ยวข้าจัดเทียบยาให้ กลับไปแล้วพักผ่อนดีๆ ก็ไม่เป็นไรแล้ว”เพิ่งสิ้นคำหมอหลวง ถังหงจี้ที่ทีแรกยังมีความหวังหลายส่วน สีหน้าไม่สบอารมณ์มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เขามองทางซ่งรั่วเจินอย่างเหลือจะเชื่อ หมอหลวงถึงขั้นพูดเหมือนนางทุกกระเบียดนิ้ว!นี่เป็นไปได้เยี่ยงไร?“ท่านพูดจริงหรือ?” ถังหงจี้ถามไล่เรียงอย่างอดไม่ได้หมอหลวงพยักหน้าลง รู้สึกสงสัยภายในใจมากยิ่งขึ้น ทั้งๆ ที่เขาพูดว่าแม่นางถังไม่เป็นอะไรร้ายแรง คุณชายถังได้ยินแล้วน่าจะดีใจถึงจะถูก เหตุใดมองดูท่าทางแล้วแปลกเช่นนี้?ทันใดนั้น เขาถึงขั้นสงสัยขึ้นมาว่าตนเองตรวจอาการผิดไปหรือไม่ ครู่ต่อมาตรวจซ้ำอีกครั้ง เอ่ยว่า “แม่นางถังน่าจะมีแผลทั้งภายในภายนอกปาก เป็นอาการโมโหหนัก”ทุก
แม่นางเช่นนี้ ช่างหาได้ยากยิ่ง!ซ่งจืออวี้เห็นใบหน้าถังหงจี้ดำทึบทึม ลังเลอยู่นานก็ไม่ขยับ นี่จึงสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้า“บุรุษตัวโตคนหนึ่ง กลับถนอมร่างกายตนเองยิ่งนัก ในเมื่อเจ้าไม่อาจหักใจ ข้าจะช่วยเจ้าสักครั้งก็แล้วกัน”จากนั้น ทุกคนก็ได้เห็นซ่งจืออวี้สืบเท้าขึ้นไปอย่างว่องไวหนึ่งก้าว คว้าปกคอเสื้อของถังหงจี้มาที่ริมแม่น้ำ!“ปล่อยข้านะ!”ถังหงจี้ดิ้น ทว่าซ่งจืออวี้ไม่ใส่ใจ ไม่เพียงทำให้เขาดิ้นหนีไม่ได้ ยังยกคนขึ้นอีกด้วยทุกคนได้เห็นเรี่ยวแรงมหาศาลของซ่งจืออวี้ ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงนี่น่าตกใจเกินไปแล้วกระมัง!“ตูม!”ถังหงจี้ถูกซ่งจืออวี้โยนลงน้ำไปแล้วความหนาวเหน็บเสียดแทงกระดูกกระตุ้นถังหงจี้ สีหน้าเผือดซีดไปในทันใด รีบตะเกียกตะกายเข้าฝั่งยามถังเสวี่ยหนิงค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาก็ได้เห็นภาพซ่งจืออวี้โยนพี่ชายของตนลงแม่น้ำ อุทานออกมาอย่างตกตะลึง “เหตุใดพวกเจ้าทำกับพี่ชายข้าเช่นนี้ ใต้หล้านี้ยังมีกฎหมายอยู่หรือไม่?”นางหันมองใบหน้าเย็นชาของฉู่จวินถิง รู้ดีอยู่ภายในใจว่าตนเองเป็นฝ่ายขอความเป็นธรรมย่อมไร้ผล ทำได้เพียงขอร้องฉู่เทียนเช่อ“เช่ออ๋อง ขอร้องท่านได้โปรดออกหน้าแทนหม
งานเลี้ยงช่วงค่ำคืนจบลง สองพี่น้องสกุลถังถูกหามกลับจวนถังไปแล้ว เรียกเสียงถอนใจจากทุกคนซ่งรั่วเจินติดตามพี่ชายของตนออกจากวังพร้อมกัน ฉู่จวินถิงเองก็เดินข้างกายนาง ซ่งอี้อันทั้งสามคนปลีกตัวเว้นระยะห่างอย่างรู้ใจกัน“เช่ออ๋องเป็นฝ่ายมาขอบคุณถึงที่เองเช่นนี้ น่ากลัวว่ายังมีเจตนาอื่น พรุ่งนี้ข้าเองก็จะไปด้วยกัน ไม่ต้องกังวล”ฉู่จวินถิงสบมองคนข้างกาย ภายใต้แสงจันทร์ ผิวของแม่นางผู้นี้ขาวดุจหิมะ ใบหน้างดงามเพริศพริ้งมีเสน่ห์มากเป็นพิเศษ ชวนให้คนหวั่นไหวซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบาๆ “วันนี้หม่อมฉันได้พบเช่ออ๋องแล้ว มักรู้สึกว่ามีเจตนาไม่ดี”เข้าใกล้โดยบังเอิญ มิหนำซ้ำยังคิดหาทางแสดงด้านที่ดีต่อหน้านาง ที่ผ่านมามิได้มีท่าทีเช่นนี้ อย่างไรเสียนางและฉู่อ๋องใกล้ชิดกัน เช่ออ๋องและฉู่อ๋องยังเป็นศัตรูกันอีกด้วยเรื่องผิดปกติย่อมมีเงื่อนงำแฝงอยู่ เพียงแต่ไม่แน่ใจว่าตกลงเช่ออ๋องกำลังวางแผนใดกันแน่ตอนนี้เอง นางกำนัลข้างกายฮองเฮาวิ่งออกจากวัง พูดว่า “ฉู่อ๋องเพคะ ฮองเฮาพูดว่านางไม่ได้พบหลิงฮูหยินนานมากแล้ว อยากสนทนาระลึกความหลังกัน น่ากลัวว่าหลิงฮูหยินจะต้องกลับช้าสักหน่อย”“แม่นางหลิงอยู่เพียงลำพัง
ทว่านางเพิ่งหันหลัง ฝ่ายชายก็จับมือของนางไว้แล้ว“อย่าไป”สุ้มเสียงของฝ่ายชายต่ำหนักแหบพร่า เจือคำวิงวอนอยู่รางๆ“ข้าจะไปส่งเจ้า ให้เวลาข้าสักหน่อย ดีหรือไม่?”ซ่งรั่วเจินหันหน้าสบสายตาลุ่มลึกของฝ่ายชาย ไม่มีความลึกลับเยือกเย็นเหมือนที่ผ่านมา บัดนี้ดวงตาคู่นั้นเปี่ยมอารมณ์ทรมานระคนตึงเครียด คล้ายสัตว์ติดกับดักได้รับบาดเจ็บและสิ้นหวัง อีกทั้งยังสะท้อนความยึดมั่นและวิงวอน“น้องหญิงห้า พวกเรากลับก่อนละ!”ซ่งจิ่งเซินสังเกตเห็นสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล เร่งคนขับรถม้าให้จากไปก่อนพวกเขาล้วนเห็นสถานการณ์ในคืนนี้และเข้าใจแล้ว รู้สึกโกรธเคืองภายในใจ ทั้งๆ ที่น้องสาวของตนดีไปหมดทุกอย่าง แต่ฮองเฮากลับไม่ชอบก่อนหน้านี้คิดให้ถังเสวี่ยหนิงแต่งกับฉู่อ๋อง บัดนี้เห็นว่าถังเสวี่ยหนิงใช้ไม่ได้แล้ว ก็มีหลิงเชี่ยนเอ๋อร์มาใหม่อีกคนหนึ่งอย่างไรเสีย ไม่ว่าเป็นใคร คาดว่าภายในใจฮองเฮาก็ล้วนดีกว่าน้องสาวของตนถือสิทธิ์อะไร?ซ่งรั่วเจินเห็นพวกพี่ชายของตนกลับไปก่อนแล้ว รู้สึกจนใจขึ้นมาระลอกหนึ่ง นี่จึงขึ้นรถม้าของจวนฉู่อ๋องรถม้าค่อยๆ ออกจากวังหลวง ซ่งรั่วเจินได้ยินเสียงล้อรถบดเข้ากับถนน ทอดสายตามองภายนอ
ซ่งรั่วเจินรู้ดีอย่างกระจ่างชัด ที่นี่คือยุคสมัยโบราณ ฉู่จวินถิงฐานะสูงศักดิ์ ฮองเฮาฝากความหวังอันยิ่งใหญ่ไว้ที่เขาบัดนี้ฮองเฮาไม่ชมชอบนางไปทุกจุด ต่อให้ฝืนแต่งงานกันไปจริงๆ ภายภาคหน้าก็ต้องส่งสตรีงามเข้ามาไม่ขาดสาย ยิ่งไม่ต้องพูดว่าหากวันใดฉู่อ๋องขึ้นครองบัลลังก์ ความยุ่งยากก็เพิ่มมากขึ้นหากยอมถอย ก็ไม่ใช่ยอมถอยเพียงก้าวเดียว แต่ต้องยอมถอยไปทุกก้าวนางไม่ยอมปล่อยให้ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้“ท่านและหม่อมฉัน อาจไม่เหมาะสมกันจริงๆ”“ไม่มีถังเสวี่ยหนิง ก็มีหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ ต่อให้ไม่มี ภายภาคหน้าก็ยังมีคนอื่น...”ชั่วขณะฉู่จวินถิงได้ยินถ้อยคำนี้ รู้สึกเพียงหัวใจรัดแน่นจนเกือบจะขาดไปอย่างกะทันหัน โลหิตทั่วทั้งสรรพางค์กายไหลย้อนกลับ ดวงตาแดงขึ้นมาในทันใดเขาขยับเข้าใกล้ ดวงตาลุ่มลึกจับจ้องคนตรงหน้าเขม็ง สุ้มเสียงร้อนรนอย่างชัดเจน “ใครพูดว่าพวกเราไม่เหมาะสมกัน? บนโลกนี้ไม่มีใครเหมาะสมกับข้ายิ่งไปกว่าเจ้าแล้ว!”ระยะห่างระหว่างทั้งคู่ใกล้กันขึ้นมาอย่างกะทันหัน ซ่งรั่วเจินมองใบหน้าหล่อเหลาใกล้เพียงเอื้อมตรงหน้า ดวงตากระจ่างใสเจือความโศกเศร้าอยู่รางๆ อีกทั้งยังสะท้อนความเอือมระอา
“เชื่อข้า ให้เวลาข้าจัดการทั้งหมดให้เรียบร้อยอีกหน่อย ดีหรือไม่?”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงแผ่วเบา ท่าทีนุ่มนวล จับจ้องคนตรงหน้าอย่างมุ่งมั่น หวังเพียงคำตอบที่แน่นอนอย่างหนึ่งซ่งรั่วเจินสบมองชายตรงหน้า คล้ายต้องมนต์ก็มิปาน พยักหน้าโดยไม่รู้ตัวชั่วขณะได้เห็นฝ่ายหญิงพยักหน้า ภายในสายตาฉู่จวินถิงสะท้อนความตกตะลึงดีใจ ยื่นมือออกไปโอบนางไว้ในอ้อมกอดแน่นอ้อมกอดของฝ่ายชายอบอุ่นมาก เจือกลิ่นไม้สะอาดบริสุทธิ์ โอบล้อมนางไว้ภายในแผ่นหลังซ่งรั่วเจินเกร็งขึ้นเล็กน้อย อ้อมกอดแปลกใหม่แต่ก็คุ้นเคยนี้ทำให้นางหน้าแดงโดยไม่รู้ตัว มือสองข้างแข็งเกร็งอยู่ที่นั่น ไม่รู้สมควรวางไว้ที่ใดถึงจะดีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มือที่ไม่รู้จะวางไว้ที่ใดก็ค่อยๆ โอบลงบนเอวของฝ่ายชายสัมผัสได้ถึงการกระทำของมือเล็กที่อยู่ข้างหลัง มุมปากฉู่จวินถิงยกขึ้นเบาๆ ภายในสายตาเจือรอยยิ้มนี่เป็นครั้งแรกที่นางโอบกอดเขาแม้ว่าเขาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่นางกลับไม่ปฏิเสธหลังผ่านไปครู่หนึ่ง ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋อง ใช่หรือไม่ว่าสมควรปล่อยหม่อมฉันได้แล้ว?”ฉู่จวินถิงนี่ถึงปล่อยนาง สายตาดำเข้มสบมองนาง จับจ้องใบหน้าแดงเรื
“แท้จริงแล้ว ข้าเองก็สืบพบว่าสกุลหลิงมีปัญหา เดิมทีวางแผนสืบให้กระจ่างก่อนค่อยบอกเจ้า คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะพบแล้ว”ใบหน้าหล่อเหลาของฉู่จวินถิงสะท้อนความตกตะลึง มากที่สุดกลับเป็นรอยยิ้ม เขาฉวยโอกาสจับมือซ่งรั่วเจิน นิ้วทั้งสิบสอดประสานกัน “ดูท่าแล้ว พวกเราคิดเหมือนกัน”“ใครเหมือนท่าน?”ซ่งรั่วเจินถลึงตาใส่เขาปราดหนึ่ง ต้องการสะบัดออกจากนั้นฉู่จวินถิงกลับออกแรงจับไว้แน่นๆ สุ้มสียงเจือความเผด็จการ “ข้าไม่ปล่อย”ซ่งรั่วเจินดิ้นเล็กน้อย พบว่าแรงสู้เขาไม่ได้ นี่จึงยอมแพ้แล้ว เอ่ยถาม “ดังนั้นคืนนี้ท่าน...ทำเพื่อให้นางคลายความระแวง? ยกที่นั่งให้ก็เป็นเช่นนี้?”อันที่จริงลองคิดดูอย่างละเอียด วันนี้ท่าทีของฉู่จวินถิงแปลกไปบ้างจริงๆ นางยังคิดว่าไม่ได้พบสหายสนิทมานานจึงใส่ใจมาก แต่ตอนนี้มองดูแล้ว คล้ายไม่เป็นเช่นนั้น“ใช่ และไม่ใช่”ฉู่จวินถิงใช้มืออีกข้างนวดหว่างคิ้ว “ทักทายปราศรัยนางก็เพื่อให้นางคลายความระแวงลง แต่ยกที่นั่งให้ เพราะข้าอยากนั่งกับเจ้า แต่ญาติผู้น้องมีไหวพริบคนนั้นของเจ้าไม่มอบโอกาสให้ข้า”เพียงเอ่ยถ้อยคำนี้ออกมา ซ่งรั่วเจินเบิกตากว้างอย่างไม่รู้ตัว นางกลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็
“ชิ้ง!”กู้ชิงฉือสัมผัสได้ว่ากระบี่คมสายหนึ่งผ่านข้างกายตนไป ไรผมช่อหนึ่งถูกตัด ตกตะลึงพรึงเพริดภายในใจ“นี่ให้เจ้า”ฉู่จวินถิงลังเลไปครู่หนึ่ง ยัดยันต์คุ้มภัยใส่มือกู้ชิงฉือ“เก็บไว้ให้ดีแทนข้าด้วย!”ครู่ต่อมา กู้ชิงฉือก็มองเห็นคู่ต่อสู้เบื้องหน้า ภายในสายตาสั่นสะท้าน ก้มหน้ามองดู นี่คือกระดาษยันต์สีเหลืองหนึ่งใบ“ท่านอ๋อง ท่านยกให้ข้า เช่นนั้นท่านจะทำเยี่ยงไร!”ไต้ซือเทียนจีเห็นฉู่จวินถิงมอบยันต์ให้กู้ชิงฉือ ภายในสายตาสะท้อนแววตกตะลึง ฉู่อ๋องอยู่ภายนอกได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนไม่กะพริบตา ถึงขั้นมอบของป้องกันชีวิตให้ผู้อื่น?คนผู้นี้...มีภูมิหลังเช่นไร?“ไม่ต้องห่วงข้า”ฉู่จวินถิงหลับตาลง ได้ยินเสียงฝ่าอากาศรอบด้าน แยกแยะตำแหน่ง“ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง!”พลังอันแข็งแกร่งปะทุออกมา ฉู่จวินถิงเคลื่อนไหวอย่างว่องไว ราวกับมังกรเคลื่อนไหวก็มิปาน หลบหลีกการโจมตีที่พุ่งเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่ดาบในมือจะพุ่งแทงออกไปอย่างฉับพลัน“อ๊าก!”เสียงแผดร้องสายหนึ่งดังขึ้น ศพร่างหนึ่งปรากฏต่อหน้าทุกคน“ไอ้พวกชั่ว!”ภายในสายตาฉู่จวินถิงสะท้อนความอำมหิต คนผ่านเข้าไปกลางตรอกเล็ก ทั้งๆ
ซ่งรั่วเจินติดตามซ่งเยี่ยนโจวเดินทางมาถึงพื้นที่ที่ถูกปิดล้อมไว้ บัดนี้ถูกขวางไว้ ไม่อนุญาตให้ผู้ใดผ่านทางซ่งเยี่ยนโจวหยิบป้าย ทั้งสองคนผ่านเข้าไปอย่างราบรื่น“ภายนอกเป็นทหารของทางการรับผิดชอบค้นหา ส่วนภายในและภายนอกเมือง ฉู่อ๋องคล้ายพบความผิดปกติ ดังนั้นจึงพาคนไปค้นหาก่อน”ซ่งเยี่ยนโจวพาซ่งรั่วเจินขี่ม้าไป ว่องไวอย่างมากจากนั้นระยะทางใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ซ่งรั่วเจินมองผ่านการสัมผัสของผีทวงชีวิตที่เริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกตกตะลึงภายในใจ เวลาสั้นถึงเพียงนี้ ฉู่อ๋องถึงขั้นพบที่ซ่อนตัวของไต้ซือเทียนจีแล้ว?“บัดนี้สถานการณ์เป็นเช่นไร?” ซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยถาม“ท่านหัวหน้าราชองครักษ์ ท่านมาแล้ว” จ้าวเจียงแม่ทัพที่เป็นหัวหน้าได้พบซ่งเยี่ยนโจวรีบตอบ “มีหนึ่งหน่วยหายไประหว่างค้นหาขอรับ ตอนนี้ท่านอ๋องกำลังพาคนออกค้นหา”“เรื่องวันนี้พูดไปแล้วก็แปลกมาก คนกลุ่มหนึ่งอยู่ดีๆ ก็หายไป ท่านว่าแปลกหรือไม่?”เพียงซ่งรั่วเจินได้ยิน พูดเสียงเครียด “อยู่ที่ใด?”จ้าวเจียงเห็นซ่งเยี่ยนโจวถึงขั้นพาแม่นางท่านหนึ่งมาด้วย ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ แต่มองอย่างละเอียดแล้วก็จำฐานะของอีกฝ่ายได้ ท่าทีเคารพน
ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบาๆ รีบตามหลังไปฉู่จวินถิงพากลุ่มคนฝีมือดีเริ่มออกค้นหาในบริเวณที่เลือกไว้ ตั้งใจเอ่ยเตือนไม่ให้ปล่อยเบาะแสใดหนึ่งหน่วยภายในนั้นกำลังค้นหาตรอกเบื้องหน้า เดินไปๆ กลับๆ พบว่าตรอกนี้ยาวมาก ถึงขั้นเกิดความรู้สึกเดินไปไม่สุดทางทีแรกทุกคนยังไม่พบอะไร จนกระทั่งเดินเป็นรอบที่สาม นี่ถึงพบว่าเคยมาสถานที่เบื้องหน้ามาก่อน เหมือนกับสถานที่ที่เคยมาก่อนหน้านี้ทุกกระเบียดนิ้ว“ผิดปกติ เมื่อครู่พวกเราค้นหาที่นี่แล้วมิใช่หรือ เหตุใดรู้สึกว่ากลับว่าอีกครั้งแล้วเล่า?”“ใช่แล้ว เมื่อครู่ข้ามาที่นี่ ประตูใหญ่เหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้ว ข้ายังยกหินก้อนนี้ไว้ที่อีกฝั่งด้วย ต่อให้บ้านเรือนละแวกนี้คล้ายกัน แต่ก็ไม่มีวันเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วเช่นนี้!”คนเป็นหัวหน้าขมวดคิ้วแน่น “เร็ว พวกเราออกจากตรอกนี้ไป!”“ขอรับ” ทุกคนไม่ใส่ใจการค้นหาอีก เร่งฝีเท้าว่องไวยิ่งขึ้นออกจากตรอกเล็กนี้จากนั้นทุกคนเพิ่งถึงหน้าตรอก ก็พบว่าพวกเขากลับมาอยู่ภายในตรอกเล็กอีกครั้ง สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไป“นี่โดนของกลางวันแสกๆ เลยหรือ?”ทุกคนต่างหันหน้ามองกัน เรื่องโดนของแบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ถ้ามีแค่ค
“เช่นนั้นก็ค่อยๆ ค้นหา ค้นหาทุกครัวเรือน ห้ามมิให้ปล่อยที่ใดไปเป็นอันขาด โดยเฉพาะห้องใต้หลังคา ห้องใต้ดิน ไปจนถึงคอกวัวแกะหมู ต้องหาทั้งหมดให้ละเอียด!” ฉู่จวินถิงเอ่ยออกมา“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง!”บัดนี้ทุกคนจำภาพวาดไว้ในสมองแล้ว ท่านอ๋องพูดว่าขอเพียงจับคนได้ จะตกรางวัลให้อย่างงาม!กององครักษ์หลวงเริ่มค้นหาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่พลาดที่ใดไป อีกทั้งยังไม่ปล่อยโอกาสให้คนหลุดรอดไปได้ไต้ซือเทียนจีได้รับข่าวอย่างรวดเร็ว ยามได้รู้ว่าฉู่อ๋องนำทหารออกค้นหา ก็รู้ว่ากำลังค้นหาตนเอง สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์มากผิดปติ“ในเมื่อสามารถทำนายมาถึงข้าได้ ซ่งรั่วเจินคนนี้รับมือยากไม่ผิดไปดังคาด!”หลายวันก่อนเขาหลบซ่อน วางอุบายวางค่ายกล เดิมทีคนทั่วไปไม่สามารถตามหาตำแหน่งของเขาพบ นี่ทำให้เขากล้าอยู่ที่เมืองหลวงต่อใครคาดคิดเล่าว่าภายในมือซ่งรั่วเจินไม่รู้ลมหายใจของเขา ถึงขั้นสามารถทำนายตำแหน่งที่เขาอยู่ได้ ฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ!“ไต้ซือ ตอนนี้พวกเราจะทำเช่นไร? กององครักษ์หลวงมีความสามารถไม่น้อย ฉู่อ๋องเองก็วิชายุทธสูง หากถูกเขาจับได้ พวกเราจะต้องหนีไม่พ้นแน่!”ทุกคนร้อนใจขึ้นมาอย่างสุดระงับ หลายว
“เจ้าคงมิใช่หลอกคนหรอกกระมัง?” อวิ๋นหงหล่างเผยสีหน้าสงสัยซ่งจืออวี้กลอกตาขาว “ตาแก่ไร้ยางอายคนนี้ คิดสงสัยใครที่นี่? ช่วยท่านแล้วไม่พูดขอบคุณ ยังสงสัยน้องหญิงของข้าอีกกระนั้นรึ?”“ไปๆ ๆ รีบพาหญิงแก่แพศยาชาเขียวคนนี้ไสหัวไปได้แล้ว เห็นแล้วขยะแขยง!”“อีกเดี๋ยวส่งเงินมาให้ข้า หากภายในหนึ่งชั่วยามยังมาไม่ถึง ข้าจะไปแจ้งทางการ!”“พวกเจ้าเลิกยื่นเหม่อได้แล้ว ให้พวกเจ้าส่งแขก หากยังไม่ยอมไป ก็ใช้ไม้พองไล่ออกไป!”บ่าวรับใช้ทางด้านข้างดึงสติกลับมาได้ ต่างพากันถลันขึ้นไป เตรียมไล่คนอวิ๋นหงหล่างเองก็ไม่มีหน้าอยู่ที่นี่ต่อ ทำได้เพียงพาอนุอวิ๋นจากไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ปวดใจไม่หยุด นั่นคือเงินสามแสนตำลึงเชียวนะ!หันมองอนุอวิ๋นข้างกาย เขาเกิดโทสะขึ้นมาสายหนึ่ง หากไม่ใช่นางหาเรื่อง เรื่องราวก็คงไม่ต้องกลายเป็นเช่นนี้!จนกระทั่งทั้งสองคนจากไป ซ่งจืออวี้ก็พบว่าสายตาทุกคนล้วนตกลงบนตัวของตน เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกเจ้ามองข้าทำอันใด?”“พี่สาม ชาเขียวที่ท่านพูดหมายความว่าอะไร?” ซ่งจิ่งเซินแปลกใจอยู่บ้างซ่งจืออวี้ผายมือ “ข้าเองก็ไม่รู้ เรียนมาจากน้องหญิงห้า”ซ่งรั่วเจินเห็นทุกคนมองตนสีหน้าแป
นางจำรายการสินเดิมในปีนั้นได้อย่างชัดเจน รวมไปถึงกำไรของร้านค้าที่เป็นสินเดิมเพราะหลายปีมานี้ผิดหวังกับอวิ๋นหงหล่างมาก นางจึงหันไปสนใจการค้านางและกู้หรูเยียนเป็นสหายที่ดีต่อกัน การค้าของสกุลซ่งดีมากถึงเพียงนี้ ย่อมชี้แนะนางเป็นอย่างดี ดังนั้นเงินที่หาได้ย่อมมีไม่น้อย ภายในนั้นเขียนไว้ในบัญชีรวมมากมายทว่านางเก็บรักษาบัญชีของร้านไว้อย่างดี แม้แต่ภายในจวนเบิกเงินของนางไปมากน้อยเพียงใด นางก็จำได้ทั้งหมดบัดนี้...จะเอาคืนกลับมาให้หมด!“พี่หญิง คืนของให้ท่านย่อมเป็นเรื่องที่สมควรทำ แต่ท่านเองก็ต้องการมากเกินไปแล้ว”อนุอวิ๋นเอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ หันมองอวิ๋นหงหล่างอย่างกังวล กลัวเขาโมโหลงนามลงไปอวิ๋นหงหล่างย่อมไม่ยอมให้เกิดปัญหาตามมาอย่างต่อเนื่อง แม้ปวดใจ แต่ยังลงนามประทับลายนิ้วมือลงไป“ตอนนี้ใช้ได้แล้ว พวกเจ้าสามารถช่วยคนได้แล้วกระมัง!”เห็นจางเหวินเก็บหนังสือหย่าไป ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากเสียงเรียบ “ให้ข้าลงมือช่วยอนุอวิ๋นก็ย่อมได้ สามแสนตำลึง!”ถ้อยคำนี้พูดออกมา อวิ๋นหงหล่างก็โง่งมแล้ว “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”“ซ่งรั่วเจิน เจ้าอย่าทำเลยเถิดเกินไปนัก ทั้งๆ ที่เจ้าพูดว่าขอเพียงลงนามในหน
“ข้าคิดไว้ดีตั้งแต่แรกแล้ว นับตั้งแต่วันที่ติดตามท่านแม่ออกจากสกุลอวิ๋น ข้าก็ไม่คิดกลับไปอีก”พูดไป อวิ๋นเนี่ยนชูก็เหลือบมองอวิ๋นเฉิงเจ๋อแวบหนึ่ง พูดว่า “ภายภาคหน้าไม่ว่าข้าแต่งกับใคร ต่อให้เป็นเพียงสามัญชนคนหนึ่ง ข้าก็ยินดี”อย่างไรเสีย ชาตินี้หากไม่สามารถแต่งงานกับคนที่รักได้ ไม่ว่าแต่งกับใครก็ล้วนเหมือนกันเมื่อแรกท่านแม่แต่งงานกับท่านพ่อ ทุกคนล้วนพูดว่าแต่งได้ดี แต่สุดท้ายได้รับอะไรเล่า?อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินว่าอวิ๋นเนี่ยนชูจะแต่งงานกับสามัญชน ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว นิ้วมือภายในแขนเสื้อกำแน่น ภายในก้นบึ้งของสายตาซับซ้อน“เจ้า ดีนักนะ!” อวิ๋นหงหล่างโมโหจนหัวเราะออกมา “ถึงตอนนั้นเจ้าหาทางออกไปได้ อย่ามาขอข้าให้ช่วยเจ้าก็แล้วกัน!”“ข้าไม่มีวันทำเช่นนั้น ตรงข้ามกันภายในหัวใจท่านพ่อ ซีหว่านล้วนสำคัญที่สุดมาโดยตลอด”“นางทำผิดมากเพียงใดล้วนไม่เป็นไร ข้าเพียงทำผิดเล็กน้อยก็ถูกลงโทษ หากข้าตามท่านกลับไป ภายภาคหน้าบ้านหลังนี้มีอนุอวิ๋นดูแล ข้ายังจะมีชีวิตที่ดีอีกหรือ?”อวิ๋นเนี่ยนชูคิดตกแล้ว เดิมทีอนุอวิ๋นก็โหดเหี้ยมอำมหิต พวกเขาล้วนมองออก มีเพียงบิดาที่มองไม่ออกบางที...บิดาอาจไม่ยอมมอง
“ยังมีเจ้า!” หลิ่วหรูเยียนชี้อนุอวิ๋น “ตอนยังเป็นสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นก็ช่างเถอะ บัดนี้แก่จนหน้าเหลืองแล้วกลับยังไม่แก้ไข หากชอบร้องไห้ถึงเพียงนั้น ตอนจัดงานศพก็ไปร้องที่นั่นสิ วิ่งมาสร้างความอัปมงคลที่จวนซ่งของพวกเราทำอันใด!”คนสกุลซ่งหันมองมารดาอย่างแปลกใจ ที่ผ่านมามารดาอ่อนโยนนุ่มนวล ไม่เคยพูดจาเช่นนี้มาก่อน คำพูดวันนี้ช่าง...สาแก่ใจจริงๆ!จางเหวินที่เดิมทีโมโหแทบแย่กลับถูกคำพูดของหลิ่วหรูเยียนทำให้ขำจนหัวเราะออกมานางหวนนึกถึงเมื่อครั้นยังอยู่ในวัยแรกรุ่น กู้หรูเยียนมีอุปนิสัยอ่อนโยนรังแกง่าย เพราะได้รับความทุกข์จากสกุลหลิ่ว ครอบครัวลำเอียง นางอธิบายไปแล้วก็ไม่มีใครฟัง หนำซ้ำยังถูกลงโทษ ดังนั้นกู้หรูเยียนจึงชินชากับการไม่อธิบายจนกระทั่งมีคนพูดว่าร้ายนาง นางได้เห็นคนอ่อนโยนนุ่มนวลเสมอมาอย่างกู้หรูเยียนออกมาตอบโต้คน ถึงขั้นด่ากลับไปความสะเทือนใจในตอนนั้นก็คล้ายตอนนี้ ฉากตรงหน้าแทบจะซ้อนทับกัน“หลายปีมานี้เจ้าไม่บอกข้ามาโดยตลอด หากข้ารู้ตั้งแต่แรกว่าเจ้าได้รับความทุกข์เช่นนี้ จะต้องช่วยเจ้าด่าชายโฉดหญิงชั่วไร้ยางอายคู่นี้ดีๆ แน่!”จางเหวินจับมือกู้หรูเยียนไว้ ขอบตาแดงเรื่อ “ห
“ข้าไม่ช่วย เดิมทีก็ถูกต้องตามหลักการ หาไม่แล้วคนชั่วในใต้หล้านี้ล้วนมาขอให้ข้าช่วยแก้ผลกรรมให้ นั่นยังไม่กลายเป็นโลกของคนชั่วอีกหรือ?”ซ่งรั่วเจินหัวเราะออกมา “ใต้เท้าอวิ๋น ท่านเป็นขุนนางในราชสสำนักมาหลายสิบปี ถึงขั้นไม่มีหลักคุณธรรมขั้นพื้นฐานกระนั้นหรือ?”“หากท่านคิดว่าท่านพูดมีเหตุผล ก็สามารถพูดเรื่องทั้งหมดออกมาได้ พอดีจะได้ถามคนทั่วหล้าว่าคิดเห็นเหมือนท่านหรือไม่!”เพียงอนุอวิ๋นได้ยินก็รีบพูด “ข้ามิได้เชิญผีน้อยมาทำร้ายพี่หญิง ข้าเพียงหวังให้นางและนายท่านกลับมาคืนดีกัน ข้าเองก็ถูกคนชั่วนั่นหลอก”“หากข้ารู้ตั้งแต่แรกก็ไม่มีวันทำเช่นนี้”“อ้อ งั้นหรือ?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากเสียงเรียบ เนตรขนงเจือรอยยิ้ม “บัดนี้มีคนทำผิดเหมือนท่านไม่น้อย ราชสำนักมีบัญชีรายชื่ออยู่ในมือแล้ว”“ไม่สู้ไปถามคนเหล่านั้นดู ตกลงพวกเขารู้หรือไม่ว่าที่เชิญผีน้อยมาก็เพื่อทำร้ายคน?”“ถ้อยคำนี้ ท่านหลอกตนเองก็ช่างเถอะ คิดว่าคนทั่วหล้าโง่เขลาเหมือนท่านหรือ?”สายตาซ่งรั่วเจินคมกริบ “ทำร้ายคนและช่วยคน ทำร้ายคนต้องชดใช้มากยิ่งกว่า หากท่านทำเพราะอยากให้ทั้งสองคนคืนดีกันจริง สิ่งที่ท่านเชิญกลับไป สมควรเป็นพระพุทธ