กู้อวิ๋นเวยมองฉินเจิงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ สุดจะคาดคิดสายสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาหลายปีจะถูกตัดขาดเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้! ฉินจื้อหย่วนเมื่อเห็นบิดาตัดสินใจจะปลดกู้อวิ๋นเวย ในใจก็อดยินดีปรีดาขึ้นมาไม่ได้ตั้งแต่กู้อวิ๋นเวยเข้ามาในครอบครัวก็ไม่เคยปฏิบัติดีต่อพวกเขาสองพี่น้องเลย หากมีสิ่งของดีใดล้วนตกถึงแต่มือของฉินเซี่ยงเหิงและฉินซวงซวง พวกเขาสองพี่น้องล้วนต้องจัดการดูแลตัวเองกันทุกอย่าง!หากกู้อวิ๋นเวยถูกปลดออกไป พวกเขาสองพี่น้องร่วมมือกันได้ แม้ฉินเซี่ยงเหิงคิดอยากจะกดขี่พวกเขาอีกก็ไร้หนทางแล้ว! “ฉินเจิง หากข้าออกจากตระกูลฉินไปแล้วเล่าก็ ท่านอย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน!”กู้อวิ๋นเวยกำหมัดแน่น ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าว “ข้ามีสกุลกู้คอยหนุนหลัง! ครานั้นพวกเขามิยินยอมให้ข้าแต่งกับท่านจึงได้ตัดสัมพันธ์ฉันญาติมิตรกับข้า!”“ขอเพียงท่านปลดข้าแล้ว บิดามารดาและพี่ชายข้าพวกเขาไม่ปล่อยท่านไว้หรอก ท่านคิดว่าชีวิตท่านยังจะราบรื่นสงบสุขได้อยู่หรือ?”“หยุดข่มขู่พ่อข้าได้แล้ว! มีคนเยี่ยงเจ้าเป็นนายหญิง ตระกูลฉินนับวันก็ยิ่งตกต่ำลงทุกวัน!”“หลายปีมานี้ สกุลกู้มิเคยแม้แต่จะช่วยเหลือบิดาข้าเล
“จับตัวนังชั่วนั่นมัดเสีย! ส่งนางไปศาลาว่าการซุ่นเทียน!”ฉินจื้อหย่วนได้ยินคำก็รู้ได้ในทันทีว่าเรื่องนี้ลุล่วงแล้ว!ตราบใดที่โยนความผิดทั้งหมดให้ฉินซวงซวงและเหอเซียงหนิงได้ เขาที่ถูกวางยาและมีบิดาช่วยเป็นพยานยืนยัน สกุลกัวก็ย่อมจะต้องเชื่อว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ส่วนเรื่องเด็กที่กำลังจะเกิดมา เมื่อเหอเซียงหนิงคลอดแล้วก็เพียงแค่ไล่นางไป แล้วมอบเด็กให้เยว่หลินเลี้ยงดูแทน เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วกู้อวิ๋นเวยกุมท้องที่เจ็บปวดเอาไว้ นึกถึงความลำบากที่นางต้องอดกลั้นเพื่อจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับฉินเจิง ทว่าบัดนี้กลับได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ ดวงตายิ่งแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ แล้ว สายตากลับยิ่งเต็มด้วยความโกรธแค้น!ในเมื่อฉินเจิงไม่เห็นค่าสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาที่มีมา นางก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเช่นกัน!รอนางกลับไปยังสกุลกู้เสียก่อนเถิด จะให้คนในครอบครัวเอาคืนแทนนางให้สาสม!ไม่เพียงแค่ฉินเจิงเท่านั้น รวมถึงเจ้าลูกชั่วช้าฉินจื้อหย่วน! ที่นางน่าจะทำทุกวิถีทางทำให้ตายเสียตั้งแต่แรก!ขณะที่นางกำลังคิดถึงวิธีการที่จะใช้สั่งสอนพวกเขาอยู่นี้เอง ก็พลันเห็นบ่าวรับใช้กลุ่มหนึ่งเดินตรงมาหานางด้วยท่าทีฉายชัดถึงความไ
หลังจากซ่งรั่วเจินและพวกกลับมายังจวนสกุลซ่งแล้ว ซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อันก็ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อได้ยินผลลัพธ์ดังกล่าว ทั้งสองก็ไม่ได้ตกใจมากนัก อย่างไรเสียแต่ไหนแต่ไรสกุลหลิ่วก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว มักกระเหี้ยนกระหือรืออยากจะนำสิ่งของทุกอย่างของท่านแม่ไปเติมเต็มให้กับท่านน้าและคนสกุลหลิ่วด้วยกันทั้งสิ้นเพียงแต่ เมื่อซ่งรั่วเจินเผยว่าท่านแม่ไม่ได้เป็นบุตรสาวในไส้ของหญิงสกุลหลิ่ว สีหน้าทั้งสองก็ฉายชัดถึงความตกตะลึง“พวกเจ้ามิจำเป็นต้องกังวลใจ เดิมทีแม่ก็เพียงแต่รู้สึกติดค้างในใจ บัดนี้รู้แล้วว่าแม่ไม่ได้เป็นบุตรในไส้ของพวกเขาทุกอย่างก็กระจ่างแล้ว” “นับเป็นเรื่องดีทีเดียว จากนี้ไปพวกเขาคงมิกล้ายกเรื่องอกตัญญูมาบีบคั้นแม่อีก!” หลิ่วหรูเยียนกล่าวด้วยรอยยิ้มซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อันพยักหน้า เห็นมารดาหายข้องใจในทุกสิ่งแล้ว ต่างก็รู้สึกยินดีในใจอย่างบอกไม่ถูกแท้จริงแล้วความทุกข์ของคนเรานั้นเกิดจากความใส่ใจ บัดนี้เมื่อไม่ใส่ใจแยแสอีกต่อไปแล้ว สกุลหลิ่วก็หาได้มีอิทธิพลใดๆ อีกจนกระทั่งหลิ่วหรูเยียนไปแล้ว ซ่งอี้อันจึงหันมองไปยังซ่งรั่วเจิน “น้องหญิงห้า เจ้ารู้แล้วใช่ห
ใคร่ครวญอย่างละเอียด ฉินฮูหยินและฉินซวงซวงมีบุคลิกแตกต่างจากครอบครัวสกุลกู้ มิน่าเล่าจึงมาถึงขึ้นตัดขาดความสัมพันธ์เช่นนี้“ข้าเองก็สืบมาก่อน บุคลิกของคนสกุลกู้นั้นไม่จำเป็นต้องพูดมาก” ซ่งรั่วเจินพูดขึ้นซ่งเยี่ยนโจวพูดอย่างลังเล “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดเจ้าไม่บอกเรื่องนี้กับท่านแม่เล่า? ข้าเชื่อว่าท่านแม่จะต้องอยากรู้ชาติกำเนิดของนางเป็นแน่ ใช่หรือไม่ว่ามีเรื่องให้กังวล?”“น้องหญิงห้า เจ้ากังวลว่าสกุลกู้จะทำไม่ดีต่อท่านแม่หรือ?” ซ่งอี้อันนึกบางอย่างขึ้นได้ เอ่ยถามสีหน้าซ่งรั่วเจินซับซ้อน “หลายปีมานี้ท่านแม่ได้รับความลำบากจากสกุลหลิ่วมามาก ท่าทีของสกุลกู้ในตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจน”“หากพวกเขารู้ความจริงแล้วก็คิดจะปกป้องท่านแม่ เช่นนั้นก็ดีมาก ทว่าระยะก่อนเกิดเรื่องกับฉินเซี่ยงเหิง เป็นสกุลกู้ออกหน้าปกป้องเขา”“อย่างไรเสียก็เป็นลูกสาวที่เลี้ยงดูมานานหลายปี ข้ากังวลถึงตอนนั้นท่านแม่จะต้องแย่งความรักจากบิดามารดากับกู้อวิ๋นเวย...”นางเข้าใจความรู้สึกของมารดาดีมาก ที่ผ่านมาก็เพราะกังวลว่าหากพูดความจริงออกมาแล้ว มารดาจะยอมรับไม่ไหว จึงอยากรอให้มารดาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของสกุลหลิ่วก
ชั่วขณะเคอหยวนจื่อกำลังสบมองซ่งจิ่งเซินอยู่นั้น ความไม่พอใจพลุ่งพล่านภายในใจ“จิ่งเซิน บัดนี้ท่านบรรลุเป้าหมายแล้ว งานแต่งของข้าและสกุลชวีถูกระงับไว้ชั่วคราว ท่านพอใจแล้วกระมัง?”นับตั้งแต่ครั้งก่อนซ่งจิ่งเซินพาคนมากมายมาคิดบัญชีสกุลเคออย่างกระจ่างชัดเจนแล้ว ชวีคั่วกลับไปก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ครอบครัวสกุลชวีฟังเดิมทีนางคิดว่าสกุลชวีกิจการใหญ่โต ต่อให้ด้านการเงินไม่อาจเทียบสกุลซ่งได้ แต่ก็ต้องหาทางช่วยแก้ปัญหาใครคิดเล่าว่าสกุลชวีถึงขั้นกลายเป็นเต่าหัวหด พูดว่ารอพวกเขาคลี่คลายปัญหานี้แล้วค่อยคุยเรื่องแต่งงานก็ยังไม่สาย แม้แต่ชวีคั่วที่ก่อนหน้านี้ตามตอแยนางก็มีท่าทีเปลี่ยนไป คล้ายตั้งใจหลบเลี่ยงนางทั้งหมดนี้ทำให้นางรู้สึกทรมานใจอย่างบอกไม่ถูกถือสิทธิ์อะไร?ก็แค่จ่ายเงินมากหน่อยเท่านั้น ซ่งจิ่งเซินมอบให้นางมากมายถึงเพียงนี้จนคุ้นชินแล้ว ชวีคั่วถึงขั้นยอมรับเรื่องเล็กน้อยนี้ไม่ได้ทว่าหลังทั้งหมดนี้เกิดขึ้น นางกลับยิ่งโกรธแค้นซ่งจิ่งเซินภายในใจแต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยได้รับความอับอายเช่นนี้มาก่อน ทั้งๆ ที่ทั้งหมดล้วนเป็นแผนการของซ่งจิ่งเซิน ก็เพื่อทำให้นางยอมแพ้!ชั่วขณะซ่งจิ่ง
เขาได้ยินเรื่องในตอนนั้นจากปากของพวกเขาเพียงบางส่วนก็ถูกขัดขึ้นแล้ว เรื่องในอดีตไม่อยากรื้อฟื้น ที่ผ่านมาตนเองก็คือตัวโง่งมคนหนึ่งโดยแท้!“ซงจิ่งเซิน เหตุใดท่านถึงพูดกับหยวนจื่อเช่นนี้? สาเหตุที่ในอดีตท่านทำเพื่อหยวนจื่อมากมายถึงเพียงนั้น ยังมิใช่เพราะต้องการให้หยวนจื่อมอบโอกาสให้ท่านสักครั้งหรือ?”เจี่ยงเหวินจิ้งสบมองซ่งจิ่งเซิน ภายในสายตาเปี่ยมความรังเกียจ คล้ายกำลังมองสิ่งน่าขยะแขยงบางอย่าง“บัดนี้หยวนจื่อมาแล้ว ท่านก็พูดเถอะว่าตกลงจะต้องทำเช่นไรถึงจะสามารถลบล้างเรื่องที่ผ่านมาได้!”“ทว่าท่านอยากให้หยวนจื่อแต่งกับท่าน นั่นไม่มีวันเป็นไปได้!”พานเหราทางฝั่งหนึ่งพยักหน้า “วันนี้อากาศไม่เลว มิสู้ก็ให้หยวนจื่อไปเที่ยวทะเลสาบเป็นเพื่อนท่าน แต่ของทั้งหมดท่านต้องเตรียมไว้ให้ดี”“ได้ยินมาว่าระยะนี้ร้านขายผ้าของท่านออกแบบพิเศษไม่น้อย งดงามอย่างมาก เชื่อว่าท่านเตรียมไว้ให้หยวนจื่อดีแล้วกระมัง? ยังไม่รีบฉวยโอกาสนี้เอามาส่งให้อีกหรือ?”“พลาดวันนี้ไป ท่านก็ไม่มีโอกาสแล้ว!”ภายในสายตาเคอหยวนจื่อสะท้อนความลำพองใจ ปลายคางเชิดขึ้นเล็กน้อย สะท้อนความเย่อหยิ่งหลายส่วน“เหวินจิ้งและพานเหรามากั
เคอหยวนจื่อสามคนเห็นองครักษ์เหล่านี้ออกมาไล่พวกนาง ไม้กระบองนั้นคล้ายเสี้ยววินาทีต่อมาก็จะตีโดนตัวของพวกนางแล้ว ตกใจทำได้เพียงรีบวิ่งหนีโครม!เจี่ยงเหวินจิ้งไม่ทันระวังล้มลงไป มือหนึ่งจับพานเหราไว้ตลอด นี่ถึงดึงพานเหราให้ล้มลงไปพร้อมกันพานเหราเห็นดังนั้นก็รีบจับเคอหยวนจื่อ ทันใดนั้นทั้งสามคนก็ล้วนล้มอยู่บนพื้น สภาพน่าสงสารอย่างเห็นได้ชัดเคอหยวนจื่อหันหน้ากลับไปอย่างน้อยใจ รอให้ซ่งจิ่งเซินสงสารเข้ามาประคองนางจากนั้น ซ่งจิ่งเซินไม่ทำแม้แต่สนใจ สั่งคนปิดประตูใหญ่ปัง!ชั่วขณะประตูใหญ่สกุลซ่งปิดลง ภายในสายตาเคอหยวนจื่อเปี่ยมความตกตะลึง ไม่อยากจะเชื่อว่าซ่งจิ่งเซินที่เชื่อฟังนางมาโดยตลอดจะทำกับนางเช่นนี้!“หยวนจื่อ งานแต่งระหว่างเจ้าและชวีคั่วจะต้องทำให้คุณชายซ่งรำคาญใจจริงๆ”“ต่อให้เขาชอบเจ้ามาก ก็ไม่มีชายคนใดสามารถยอมปล่อยให้แม่นางที่ตนชอบหมั้นหมายกับชายอื่นได้หรอกนะ”เจี่ยงเหวินจิ้งเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แม้แต่เสียงก็สะท้อนคำตำหนิ หากรู้ตั้งแต่แรก วันนี้นางก็ไม่มาแล้ว!ยังไม่ต้องพูดว่าถูกด่าโดยเสียเปล่า ยังล้มกลิ้งทีหนึ่ง น่ากลัวว่าหัวเข่าแตกไปแล้วพานเหราพยักหน้า “แท้จริงแล
ซ่งเยี่ยนโจวตบบ่าซ่งจิ่งเซิน ให้ความรู้สึกราวกับน้องชายเติบโตขึ้นแล้วในที่สุดก็รู้ความแล้ว!ซ่งจิ่งเซิน “...” จู่ๆ สายตาของพี่ใหญ่ก็ทำให้เขารู้สึกขนลุกชันไปทั่วทั้งสรรพางค์กายซ่งจืออวี้กลับถอนหายใจหนักๆ เฮือกหนึ่ง “จิ่งเซิน หากเจ้าสูญเสียความทรงจำเร็วกว่านี้สักหน่อยคงดีมากนัก ที่ผ่านมาข้าคิดว่ามีใบหน้าเหมือนเจ้าช่างน่าขายหน้าเหลือเกิน”ซ่งจิ่งเซิน “???”“บัดนี้พูดได้สะดวกปาก แต่หากความทรงจำของเจ้าฟื้นคืนกลับมา ยังไปร้องขอความรักจากเคอหยวนจื่อ นั่นไม่ขายหน้ายิ่งกว่าหรือ?”ซ่งจืออวี้สบมองซ่งจิ่งเซินอย่างเห็นใจ เพียงนึกถึงภาพนั้นก็กลัวขึ้นมา นั่นถึงแก่ชีวิตเชียวนะ!“ไม่มีวัน!” ซ่งจิ่งเซินปฏิเสธอย่างไม่ลังเล “ต่อให้ความทรงจำของข้ากลับคืนมา ข้าก็ไม่มีวันทำเช่นนั้น!”ซ่งจืออวี้ไม่เชื่อแม้ครึ่งคำ “ในอดีตข้าก็ไม่เชื่อว่าน้องชายข้าจะโง่งมถึงเพียงนี้ ปรากฏว่าโง่งมมานานหลายปีเชียวล่ะ”ซ่งจิ่งเซินแทบจะอาเจียนตายแล้ว ทั้งๆ ที่เป็นซ่งจืออวี้โง่เขลากว่าเขามาโดยตลอด แต่เรื่องนี้กลับทำให้เขาไม่สามารถตอบโต้ได้ ทำให้เขาโมโหแทบตายแล้ว!ซ่งรั่วเจินสองสามคนเห็นแล้วก็อยากขัน ออกมาทำกรรมก็ต้องชดใช
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที
เมื่อเห็นกู้ฮวนเอ๋อร์ภาคภูมิใจเช่นนี้ ซ่งรั่วเจินและคนอื่น ๆ ก็อดมิได้ที่จะสงสัยใคร่รู้ ว่าของล้ำค่าที่ว่าคือสิ่งใดกันแน่? “ผ่าม!” กู้ฮวนเอ๋อร์เปิดกล่องผ้าไหมออกด้วยความตื่นเต้นยิ่ง แต่ทว่าหลังจากที่ทุกคนในงานเห็นของในกล่องผ้าไหมแล้ว ล้วนนิ่งงันไปทันที เนื่องด้วยในกล่องนั้นมีเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรอยู่องค์หนึ่ง! “แค่กๆ” ฉู่อวิ๋นกุยกระแอมครั้งหนึ่ง แต่ใบหน้ากลับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ สตรีที่เขาชอบนั้น ช่างเป็นคนที่ชาญฉลาดนัก! ซ่งรั่วเจินพลันมองไปทางฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว ใบหน้ากลับเห่อแดงขึ้นมา แววตาของฉู่จวินถิงปรากฏแววขบขันวาบผ่าน ของขวัญชิ้นนี้ช่างมีความหมายยิ่งนัก กู้ฮวนเอ๋อร์เห็นว่าหลังจากที่ตนหยิบของขวัญออกมาแล้ว ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น ”นี่มันสีหน้าอะไรของพวกเจ้ากัน? หรือว่าไม่ดีงั้นหรือ?“ “เจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรองค์นี้ ข้าไปกราบขอมาโดยเฉพาะ ผ่านพิธีปลุกเสก ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก!” ซ่งรั่วเจิน “...” หลายครั้งนางเองก็นับถือกู้ฮวนเอ๋อร์จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่อายุน้อยขนาดนี้ แต่ความคิดที่จะมอบของขวัญให้กลับเหมือนค
ณ เวลาเดียวกันนั้น อวิ๋นเนี่ยนชูก็ได้มาหาซ่งรั่วเจินเช่นกัน “รั่วเจิน ยินดีกับเจ้าด้วยนะ ข้าเองก็เห็นเหตุการณ์ในงานเทศกาลโคมไฟแล้ว เดิมทีอยากจะไปแสดงความยินดีกับเจ้าอยู่หรอก แต่หลังจากนั้นเกิดเรื่องบางอย่างทำให้ล่าช้าไป จึงต้องมามอบของขวัญแสดงความยินดีในวันนี้” อวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มพลางยื่นของขวัญแสดงความยินดีไปให้ “นี่คือของสิ่งนี้ข้าเตรียมไว้แต่เนิ่น ๆ แล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนดีจริง ๆ เมื่อพวกเจ้าได้แต่งงานกันแล้วจักต้องครองรักกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข จนผู้คนรอบข้างพากันริษยาแน่นอน” ซ่งรั่วเจินมองดูอวิ๋นเนี่ยนชูเปิดกล่องผ้าไหมออก ภายในบรรจุเครื่องประดับศีรษะของสตรีครบชุด เครื่องตกแต่งอื่น ๆ ไปจนถึงเครื่องประทินโฉม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด “ของมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ดูแล้วครบชุดเลย เจ้าให้จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะหรือ?” “ใช่แล้ว!” อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้าพลางยิ้ม “แต่ก่อนข้าครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าควรจะมอบสิ่งใดให้เจ้าเป็นของขวัญดี แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีสิ่งที่เหมาะสมที่สุดได้เลย” “หลังจากนั้น ข้าก็คิดว่า สิ่งที่สตรีมักจะใช้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวันก็มิพ้นเคร
เมื่อได้ฟังสิ่งที่จางเหวินพูด กู้หรูเยียนกับเยี่ยนชิงอวี้ต่างก็อดมิได้ที่จะตกตะลึง ตั้งแต่เมื่อเริ่มรู้จักความรักครั้งแรกก็ชอบพอเฉิงเจ๋อ ถ้าอย่างนั้น ก็ชอบพอหลายปีจริง ๆ พวกเขากลับมิรู้มาโดยตลอด คิดดูแล้ว ในใจเด็กทั้งสองคงมีสิ่งที่เก็บกลั้นไว้อยู่ “จะว่าไป ก็ต้องโทษที่ก่อนหน้านี้ที่ข้ามิได้ใส่ใจให้ดีนัก เอาแต่ให้เฉิงเจ๋อคอยดูแลน้องสาวให้ดี” “เนี่ยนชูชอบตามติดอยู่ข้างกายเฉิงเจ๋อมาตั้งแต่เล็ก ทุกครั้งที่เฉิงเจ๋อกลับจากสำนักศึกษา เป็นเวลาที่นางมักดีใจเป็นที่สุด ข้าก็นึกว่าเป็นเพียงความรักฉันพี่น้องมาโดยตลอด” “มาตรองดูดี ๆ แล้ว ตอนนั้นข้าก็ควรพบความผิดแผกได้ หากเป็นเพียงพี่น้องธรรมดา เหตุใดเด็กทั้งสองจึงมิยอมแต่งงานจนถึงตอนนี้?” จางเหวินยิ่งเอ่ยก็ยิ่งปวดใจ เมื่อนึกถึงคราวก่อนที่อนุอวิ๋นยังหมายจะยกอวิ๋นซีหว่านที่ยังไม่ได้แต่งงานให้แก่เฉิงเจ๋อ เกรงว่าตอนนั้น หัวใจของเด็กทั้งสองคงรวดร้าวมิใช่น้อย ถึงขั้นที่ เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นในตอนนั้น นางยังเคยกล่าวกับเฉิงเจ๋อด้วยว่า เรื่องนี้ช่างน่าขันเสียจริง นางมองเขาเป็นดั่งบุตรชายแท้ ๆ มาโดยตลอด อนาคตจะต้องเลือกคู่ค
“พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ายังจะเกรงใจข้าอีกหรือ? ที่ข้ามานี้ มิใช่เพียงเพื่อช่วยรั่วเจินเตรียมงานแต่งเท่านั้น อีกทั้งยังได้เห็นหน้าชิงอินด้วย ช่างเป็นเรื่องดีเสียจริง” ขณะที่กู้หรูเยียนและเยี่ยนชิงอวี้กำลังสนทนาหยอกเย้ากันอยู่นั้น ก็พลันสังเกตเห็นว่าจางเหวินราวกับเหม่อลอยอยู่ไม่น้อย “หรือว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ? เหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีเหม่อลอยเช่นนี้?” กู้หรูเยียนเอ่ยถาม จางเหวินจึงได้คืนสติ ในใจของนางล้วนมีแต่เรื่องของเนี่ยนชูกับเฉิงเจ๋อ จนเผลอใจลอยไปโดยไม่รู้ตัว “ข้า...” นางเหมือนจะเอื้อนเอ่ย แต่กลับชะงักไป เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “เจ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกพวกเราได้งั้นหรือ? บอกมาตามตรงเถิด” “ที่อนุอวิ๋นพูดมามิผิดเลย ระหว่างเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อต่างก็มีใจให้กัน” จางเหวินทอดถอนใจครั้งหนี่ง เมื่อนึกถึงภาพที่นางได้เห็นเมื่อวานยามกลับจวน เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเฉิงเจ๋อในสภาพเช่นนั้น บทสนทนาของทั้งสอง นางก็พลอยได้ยินไปด้วย นางจึงได้รู้ว่าที่แท้เนียนชู่ชอบพอเฉิงเจ๋อมาหลายปีเพียงนี้ ในฐานะมารดาเช่นนาง นางคิดว่าตนใส่ใจบุตรเป็นอย่าง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น นางกำนัลในตำหนักจงเฟยก็พลันเข้ามา“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” นางกำนัลก้มกายคำนับด้วยท่าทางเคารพนบนอบ แต่ในมือกลับถือเซียนบุปผาเอาไว้หนึ่งองค์ “แม่นางของบ่าว ให้บ่าวนำเซียนบุปผามาให้ฮองเฮา ขอเพียงทรงบูชาด้วยใจที่ตั้งมั่น ก็จะสามารถเปล่งปลั่งผุดผ่อง ทำให้เยาว์วัยตราบนานเท่านาน” เมื่อวาจาถูกเปล่งออกมาเช่นนั้น ฮองเฮาและลู่หมิ่นฮุ่ย ต่างพินิจพิจารณาเซียนบุปผาที่อยู่ตรงหน้า ต้องบอกเลยว่ารูปปั้นนี้ถูกทำขึ้นได้สมจริงยิ่งนัก เซียนบุปผานั้นก็งามวิจิตรด้วยรูปลักษณ์อันเย้ายวนตา “นี่มันเซียนบุปผาอะไรกัน? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” แววตาของฮองเฮาปรากฏแววประหลาดใจวาบหนึ่ง ในใจกับยิ่งรู้สึกสงสัย จงเฟยมีน้ำใจงามถึงเพียงนี้เชียวหรือ จึงยอมมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่นาง? นางสนมวังหลัง ต่างกำลังช่วงชิงแข่งขัน หวังเพียงให้ตนสามารถงามล้ำกว่าผู้อื่น เพื่อที่ฮ่องเต้จะได้ต้องตาในคราแรกเห็น จงเฟยในวันนี้ผุดผ่องไปทั้งตัวยิ่งกว่าทุกวัน แค่ฮ่องเต้ได้เห็น ราตรีนี้ย่อมต้องพลิกป้ายชื่อของนางเป็นแน่ หากความลับที่ทำให้จงเฟยงดงามขึ้นเป็นเพราะการบูชาเซียนบุปผ
นับตั้งแต่แต่งงานกันเป็นต้นมา ท่านอ๋องก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังจากแต่งงานแล้ว นั่นยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยฮองเฮามองแหวนบนมือลู่หมิ่นฮุ่ยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านอ๋องของเจ้าดีต่อเจ้ามากมาแต่ไหนแต่ไร ส่งของขวัญมาให้รวดเร็วปานนี้ ข้าได้ยินมาว่าแหวนในร้านขายเครื่องประดับทั่วเมืองหลวงถูกขายหมดเกลี้ยงแล้ว เมื่อก่อนหาได้ขายดีเท่าปิ่นปักผมไม่”“ไม่รู้ว่าจวินถิงคิดวิธีแปลกใหม่เช่นนี้ได้อย่างไร แต่ข้าแค่ได้ยินก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนเป็นคู่สร้างคู่สมโดยแท้ ช่างชวนให้คนอิจฉานัก”ลู่หมิ่นฮุ่ยดื่มชาจิบหนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “พี่หญิง ยามนี้ท่านคิดตกแล้วช่างดีเหลือเกิน ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่ไทเฮาทรงทราบว่าฝ่าบาทพระราชทานสมรส ยังให้คนนำของพระราชทานไปส่งที่สกุลซ่งไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่าโปรดปรานแม่นางซ่งมาก”ฮองเฮาพยักหน้าน้อยๆ วันนี้ตอนที่นางได้ยินข่าวนี้ก็มีความคิดแบบเดียวกัน ความโปรดปรานที่ไทเฮามีต่อซ่งรั่วเจินช่างชวนให้คนประหลาดใจโดยแท้แต่สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นข่าวดียิ่งโดยไม่ต้องสงสัย“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าแม่นางสกุลหลิงผู้นั้นหมู่นี้ใกล้ชิดกับเช่ออ๋องมากทีเดียว คน
“ก่อนแต่งงานเขาสามารถคิดวิธีการนี้ออกมาได้ หลังแต่งงานก็ย่อมสามารถคิดวิธีอื่นออกมาได้เหมือนกัน เขาย่อมจะมีวิธีแก้ไข”ซ่งหลินมองไปทางกู้หรูเยียน “คิดถึงสมัยที่แม่ข้ายังอยู่ ข้าก็จัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”กู้หรูเยียนอึ้งไป คิดถึงเมื่อครั้งที่แม่สามียังอยู่ ระหว่างนางกับแม่สามีก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีความขัดแย้งอันใด ทุกครั้งซ่งหลินล้วนจัดการได้ดีมากตอนเริ่มแรก นางเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเพราะแม่สามีนิสัยดี รู้สถานการณ์ที่นางอยู่ในตระกูลหลิ่วแล้วยังยินดียอมรับนางอย่างไรเสีย รูปแบบการทำเรื่องต่างๆ ของตระกูลหลิ่วหลายปีมานี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ดื้อด้านไร้เหตุผล ชอบมาหาผลประโยชน์จากตระกูลซ่ง นางรู้สึกละอายใจต่อตระกูลซ่งมาโดยตลอดโชคดีที่ทั้งแม่สามีและพ่อสามีล้วนไม่เคยตำหนินางเพราะเรื่องนี้ นางย่อมเข้าใจว่าในเรื่องนี้ย่อมขาดความชอบของซ่งหลินไปไม่ได้เลย“ตอนนั้นท่านโน้มน้าวแม่สามีอย่างไรหรือ?” กู้หรูเยียนถามอย่างสงสัยตอนนั้นนางกังวลใจไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ทุกครั้งที่ซ่งหลินบอกนางว่าไม่เป็นไร พ่อสามีและแม่สามีจิตใจกว้างขวาง ไม่เคยเก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ แต่กลับเห็นใจนางเป
“เมื่อวานข้าได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ การจัดเตรียมแสนอลังการแบบนี้ ไม่เพียงแค่ไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความจริงใจของฉู่อ๋อง”“ตอนที่ข้าเห็นฉู่อ๋องเป็นฝ่ายถามแม่นางซ่งว่ายินดีแต่งงานกับเขาหรือไม่ก็รู้สึกว่าถ้าบุรุษในใต้หล้าเป็นเหมือนเขากันทุกคนก็คงดี”“ไม่รู้ว่าการมอบแหวนมีความหมายพิเศษอันใดหรือไม่? ตอนข้าเห็นฉู่อ๋องสวมแหวนให้แม่นางซ่งก็รู้สึกว่าพิเศษเอามากๆ วันหน้าตอนข้าแต่งงานก็อยากทำเช่นนี้เหมือนกัน”ทันใดนั้น แหวนในร้านขายเครื่องประดับก็กลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด ตั้งแต่เมื่อคืนวานจนถึงเช้าวันนี้ แหวนทั้งหมดล้วนขายไปจนหมดเกลี้ยงขณะที่เวลานี้จวนสกุลซ่งเพิ่งได้รับราชโองการพระราชทานสมรส“ยินดีด้วย แม่ทัพซ่ง ซ่งฮูหยิน วันที่แปดเดือนหน้าเป็นวันดี หลังแต่งงานแล้ว แม่นางซ่งก็จะกลายเป็นพระชายาฉู่อ๋อง”ขันทีที่อัญเชิญราชโองการมามีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ตำแหน่งพระชายาฉู่อ๋องว่างเว้นมานานมากแล้ว ฉู่อ๋องควรแต่งงานตั้งแต่หลายปีก่อน แต่ก็ผัดผ่อนมาจนถึงตอนนี้บัดนี้ในที่สุดก็มีว่าที่พระชายาฉู่อ๋องเสียที ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองโดยแท้“เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของพระราชทานจากในวัง ไม่เพ