เคอหยวนจื่อสามคนเห็นองครักษ์เหล่านี้ออกมาไล่พวกนาง ไม้กระบองนั้นคล้ายเสี้ยววินาทีต่อมาก็จะตีโดนตัวของพวกนางแล้ว ตกใจทำได้เพียงรีบวิ่งหนีโครม!เจี่ยงเหวินจิ้งไม่ทันระวังล้มลงไป มือหนึ่งจับพานเหราไว้ตลอด นี่ถึงดึงพานเหราให้ล้มลงไปพร้อมกันพานเหราเห็นดังนั้นก็รีบจับเคอหยวนจื่อ ทันใดนั้นทั้งสามคนก็ล้วนล้มอยู่บนพื้น สภาพน่าสงสารอย่างเห็นได้ชัดเคอหยวนจื่อหันหน้ากลับไปอย่างน้อยใจ รอให้ซ่งจิ่งเซินสงสารเข้ามาประคองนางจากนั้น ซ่งจิ่งเซินไม่ทำแม้แต่สนใจ สั่งคนปิดประตูใหญ่ปัง!ชั่วขณะประตูใหญ่สกุลซ่งปิดลง ภายในสายตาเคอหยวนจื่อเปี่ยมความตกตะลึง ไม่อยากจะเชื่อว่าซ่งจิ่งเซินที่เชื่อฟังนางมาโดยตลอดจะทำกับนางเช่นนี้!“หยวนจื่อ งานแต่งระหว่างเจ้าและชวีคั่วจะต้องทำให้คุณชายซ่งรำคาญใจจริงๆ”“ต่อให้เขาชอบเจ้ามาก ก็ไม่มีชายคนใดสามารถยอมปล่อยให้แม่นางที่ตนชอบหมั้นหมายกับชายอื่นได้หรอกนะ”เจี่ยงเหวินจิ้งเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แม้แต่เสียงก็สะท้อนคำตำหนิ หากรู้ตั้งแต่แรก วันนี้นางก็ไม่มาแล้ว!ยังไม่ต้องพูดว่าถูกด่าโดยเสียเปล่า ยังล้มกลิ้งทีหนึ่ง น่ากลัวว่าหัวเข่าแตกไปแล้วพานเหราพยักหน้า “แท้จริงแล
ซ่งเยี่ยนโจวตบบ่าซ่งจิ่งเซิน ให้ความรู้สึกราวกับน้องชายเติบโตขึ้นแล้วในที่สุดก็รู้ความแล้ว!ซ่งจิ่งเซิน “...” จู่ๆ สายตาของพี่ใหญ่ก็ทำให้เขารู้สึกขนลุกชันไปทั่วทั้งสรรพางค์กายซ่งจืออวี้กลับถอนหายใจหนักๆ เฮือกหนึ่ง “จิ่งเซิน หากเจ้าสูญเสียความทรงจำเร็วกว่านี้สักหน่อยคงดีมากนัก ที่ผ่านมาข้าคิดว่ามีใบหน้าเหมือนเจ้าช่างน่าขายหน้าเหลือเกิน”ซ่งจิ่งเซิน “???”“บัดนี้พูดได้สะดวกปาก แต่หากความทรงจำของเจ้าฟื้นคืนกลับมา ยังไปร้องขอความรักจากเคอหยวนจื่อ นั่นไม่ขายหน้ายิ่งกว่าหรือ?”ซ่งจืออวี้สบมองซ่งจิ่งเซินอย่างเห็นใจ เพียงนึกถึงภาพนั้นก็กลัวขึ้นมา นั่นถึงแก่ชีวิตเชียวนะ!“ไม่มีวัน!” ซ่งจิ่งเซินปฏิเสธอย่างไม่ลังเล “ต่อให้ความทรงจำของข้ากลับคืนมา ข้าก็ไม่มีวันทำเช่นนั้น!”ซ่งจืออวี้ไม่เชื่อแม้ครึ่งคำ “ในอดีตข้าก็ไม่เชื่อว่าน้องชายข้าจะโง่งมถึงเพียงนี้ ปรากฏว่าโง่งมมานานหลายปีเชียวล่ะ”ซ่งจิ่งเซินแทบจะอาเจียนตายแล้ว ทั้งๆ ที่เป็นซ่งจืออวี้โง่เขลากว่าเขามาโดยตลอด แต่เรื่องนี้กลับทำให้เขาไม่สามารถตอบโต้ได้ ทำให้เขาโมโหแทบตายแล้ว!ซ่งรั่วเจินสองสามคนเห็นแล้วก็อยากขัน ออกมาทำกรรมก็ต้องชดใช
“เจ้าสาม ข้ารู้แต่ไหนแต่ไรมาเจ้าสนิทสนมกับอวิ๋นเวยที่สุด ระยะก่อนที่ช่วยเซี่ยงเหิงก็เป็นเจ้าขอร้องอยู่ตลอด”“ตอนนั้นพวกเราก็พูดกันดีแล้ว ช่วยเพียงครั้งนี้ ภายภาคหน้าไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรกับสกุลฉิน พวกเราจะไม่สนใจอีก”สีหน้าคุณชายใหญ่สกุลกู้กู้ชิงเหยี่ยนปึ่งชา “หลายปีมานี้ มีเรื่องดีไม่เคยเห็นนางคิดถึงพวกเรา ข้ามปีข้ามเทศกาลก็ไม่เคยมาเยี่ยมเยียนท่านพ่อท่านแม่”“ระยะก่อนร่างกายท่านแม่ไม่แข็งแรง เห็นนางมาถามไถ่สักครึ่งประโยคหรือไม่? บัดนี้เกิดเรื่องแล้ว กลับเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นนางมาหาพวกเราเพื่อขอความช่วยเหลือ!”“บางทีอวิ๋นเวยอาจไม่รู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อแรกยามตัดขาดความสัมพันธ์ก็บอกแล้วว่าห้ามมิให้นางมาอีกครั้ง ไฉนเลยนางจะกล้ามา?” กู้ชิงเจ๋อโต้กลับกู้ชิงซิวยิ้มเย็น “ข้ามปีข้ามเทศกาลไม่กล้า เช่นนั้นเหตุใดตอนนี้ถึงกล้าเล่า?”“เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ หลายปีมานี้เจ้าและอวิ๋นเวยไม่ใช่ไม่ติดต่อกันเลย หากไม่ใช่เพราะมีเจ้าสนับสนุนอยู่ตรงกลาง ไฉนเลยฉินซวงซวงและฉินเซี่ยงเหิงจะขวัญกล้ากำเริบเสิบสานถึงขั้นนี้?”“ข้าจะบอกเจ้าให้ เจ้ามิใช่กำลังช่วยพวกเขา แต่ทำร้ายพวกเขา!”
กู้ชิงเหยี่ยนและกู้ชิงซิวเห็นมารดาไม่ใจอ่อน ทันใดนั้นถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง พวกเขากังวลที่สุดก็คือบิดามารดาจะเปลี่ยนใจบัดนี้พวกเขามีลูกของตนแล้ว ระยะก่อนฉินเซี่ยงเหิงแย่งการแต่งงานของพี่น้องไป ลอบทำอย่างลับๆ ยังไม่ทันแต่งงานก็ลอบสานสัมพันธ์ไปแล้ว หน้าตาของสกุลฉินหมดไปจนสิ้นต่อให้พวกเขาตัดขาดความสัมพันธ์ไปแล้ว แต่ตอนนั้นสายตาทุกคนยามสบมองพวกเขาก็แปลกประหลาดมาก แม้แต่ลูกของตนก็ได้รับเสียงเยาะหยันยิ่งไม่ต้องพูดถึงความโหดเหี้ยมอำมหิตของฉินซวงซวง แย่งชิง ใส่ร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกเรื่องล้วนชวนให้คนชี้หน้าด่า!เทียบกับอวิ๋นเวยแล้ว ทำเรื่องน่าขายหน้าได้มากยิ่งกว่าเสียอีก!“เรื่องนี้ก็ตกลงตามนี้เถอะ ไม่ต้องเข้าไปยุ่ง” ราชครูกู้พูด“ท่านพ่อ อวิ๋นเวยเป็นลูกสาวแท้ๆ ของท่านนะ! ท่านทำเช่นนี้โหดร้ายเกินไปแล้ว!” สีหน้ากู้ชิงเจ๋อตกตะลึงพรึงเพริด ไม่กล้าเชื่อว่าบิดามารดาแท้ๆ ของตนจะเลือดเย็นถึงขั้นนี้ นิ่งดูดายดูลูกสาวของตนไปตาย!ราชครูกู้สบมองเขานิ่งๆ อย่างกล่าวเตือน “หากเจ้าคิดว่าพวกเราทำไม่ถูก มิสู้เจ้าไปคลี่คลายด้วยตนเอง อย่างไรเสียพวกเจ้าก็ล้วนโตแล้ว ต้องการแยกบ้านก็สมควรแล้ว เจ้าแย
หลังฉินซวงซวงได้รู้ว่าตนเองและหลินจือเยว่ล้วนถูกเนรเทศ ก็โมโหแทบสิ้นสติ!“ถือสิทธิ์อะไรทำกับพวกเราเช่นนี้? ซ่งรั่วเจินโหดเหี้ยมโดยแท้ ทั้งๆ ที่นางมิได้เสียหายอะไร แต่กลับจัดการพวกเราถึงตาย!”“จะต้องเป็นนางให้ฉู่อ๋องทำเช่นนี้แน่ นังผู้หญิงใจคอโหดเหี้ยม!”สีหน้าหลินจือเยว่เผือดซีด หมดอาลัยตายอยาก ยามถูกจับมาเขาก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดี เนรเทศ...ก็คือหนึ่งในสิ่งที่คาดการณ์ไว้ทว่าทั้งๆ ที่เดิมทีเขามีอนาคตรุ่งโรจน์ เหตุใดจู่ๆ ก็ตกต่ำถึงขั้นนี้ได้!“นี่ล้วนไม่ใช่เพราะเจ้ารนหาที่หรือ? หากมิใช่เพราะเจ้าสมคบคิดกับพวกเขาใส่ร้ายคน ไฉนเลยจะถูกตัดสินเนรเทศได้?”ฉินซวงซวงร้อนใจแย่แล้วพูดว่า “มาถึงตอนนี้แล้ว ท่านยังตำหนิข้าอีกหรือ? เห็นได้อย่างชัดเจนว่าซ่งรั่วเจินมุ่งร้ายต่อพวกเรา นางต้องการทำลายพวกเราให้สิ้นซาก!”หลินจือเยว่รำคาญใจมาก “หากไม่ใช่เพราะเจ้าทำงานไม่สำเร็จยังต้องเสียเปรียบ ดึงบุตรีจวนอัครเสนาบดีไปจนถึงฝ่าบาท และฮองเฮาเข้าไปเกี่ยวข้อง เรื่องก็คงไม่ร้ายแรงถึงขั้นนี้!”“ที่ผ่านมาข้าเตือนเจ้าไม่ใช่เพียงครั้งเดียว อย่าทำเรื่องเช่นนี้อีก ตกลงเจ้าต้องก่อความวุ่นวายถึงขั้นใดถึงจะพอใจ?”“บั
พริบตาต่อมา ใบหน้าหลินจือเยว่ก็ถูกข่วนจนเป็นรอยเลือดนับไม่ถ้วน ฉินซวงซวงคล้ายเสียสติไปแล้วก็มิปาน ราวกับระบายความอึดอัดคับข้องใจทั้งหมดออกมาหลินจือเยว่โมโห คนมิอาจทนไหวยื่นมือออกไปผลักแรงๆ!โครม!ฉินซวงซวงกระแทกกับซี่กรงของห้องขัง ล้มลงกับพื้นแรงๆ กลับกุมท้องไว้ ร้องตะโกน “เจ็บเหลือเกิน ข้าเจ็บท้องเหลือเกิน!”หลินจือเยว่เห็นดังนั้นก็คิดว่านางแสดงละคร เดิมทีก็ไม่เก็บมาใส่ใจ จนกระทั่งมองเห็นเลือดบนร่างกายท่อนล่างของนางไหลออกมา สีหน้าถึงเปลี่ยนไป“เร็ว รีบตามหมอมาเร็วเข้า!”เดิมทีผู้คุมก็ไม่สนใจสองคนนี้อยู่แล้ว อย่างไรเสียทั้งคู่ก็นับเป็นแขกประจำของคุกที่ผ่านมามีฐานะสูงศักดิ์ บัดนี้กลับดี เข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนหน้านี้พาคนในครอบครัวมาด้วยกัน บัดนี้กลับตกต่ำถึงขั้นถูกเนรเทศมาถึงขั้นนี้แล้วกลับยังไม่ยอมหยุด ทะเลาะกันไม่รู้จักจบสิ้น พวกเขาคร้านจะชายตาแลคราวนี้เห็นคล้ายเกิดเรื่องจริงๆ นี่ถึงตามหมอมา ยังไม่ทันถูกเนเทศ คนก็จะเกิดเรื่องภายในคุก พวกเขาเองก็จะพลอยซวยไปด้วยจากนั้นหมอช่วยจับชีพจรให้ฉินซวงซวง ได้ฟังจากปากว่าหลินจือเยว่ผลักนาง สายตาเปี่ยมความไม่พอใจ“ดีชั่วอย่างไ
หมอทางด้านข้างเหลือบมองหลินจือเยว่แวบหนึ่ง นี่กำลังฝันกลางวันอะไร?นี่ล้วนกลายเป็นนักโทษแล้ว ยังคิดเกาะแม่นางซ่ง คิดว่าฉู่อ๋องเป็นเครื่องประดับหรือ?สีหน้าหลินจือเยว่แข็งค้างไป เร่งอธิบาย “เจ้าพูดเหลวไหลอะไร? ข้าเพียงคำนวณวันที่เจ้าตั้งครรภ์”ถ้อยคำนี้พูดออกมาแล้ว ฉินซวงซวงเข้าใจในทันใด หัวใจพลันหนักอึ้งคืนนั้นนางและเหยาจิ่นเฉิงนับว่าบ้าคลั่งอย่างสุดขีด ช่วงเวลาตั้งครรภ์ตรงกับจุดนี้พอดี แม้แต่นางก็ไม่มั่นใจว่าตกลงเด็กคนนี้เป็นของใครกันแน่ทว่า สีหน้านางกลับมั่นใจหนักแน่น “นี่เป็นลูกของท่าน! ท่านคงไม่ใช่ไม่ยอมรับแม้แต่ลูกของตนหรอกกระมัง?”“เป็นลูกของข้า ข้าย่อมยอมรับ! แต่นั่นต้องแน่ใจก่อนว่าเป็นลูกของข้า!”ใบหน้าหลินจือเยว่เคร่งขรึม ก่อนนี้เขาไม่รู้คาดหวังจะมีลูกของเขาและฉินซวงซวงมากเพียงใด ทว่าเด็กคนนี้กลับเกิดมาได้ไม่ถูกเวลาเท่าใดนักเขาไม่มีอะไรแล้ว คลอดลูกออกมาก็มีเพียงความลำบาก“เขาต้องเป็นลูกของท่านแน่ ไม่มีวันเป็นลูกของคนอื่น!” ฉินซวงซวงกัดฟัน ไม่ว่าใช่หรือไม่ เด็กคนนี้ก็ต้องเป็นลูกของหลินจือเยว่!“รีบหาคนส่งข่าวนี้ไปให้ท่านพ่อท่านแม่ข้า ท่านแม่รู้จะต้องดีใจ คิดหาทางช่
“เช่นนั้นก็ต้องมีโอกาสได้พบแม่ของเจ้าก่อน นางยอดเยี่ยมยิ่งนัก ฉวยโอกาสยามขันทีมาประกาศพระราชโองการฟ้องร้อง เข้าวังฟ้องร้องต่อหน้าพระพักตร์!”“บัดนี้ฉินเจิงต้องการหย่าข้า ไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้าน พวกเจ้าดีใจแล้วกระมัง?”“ตนเองไม่มีที่อยู่อาศัย ก็ต้องทำให้พวกเราถูกเนรเทศไปพร้อมกัน ข้าไม่รู้จริงๆ ตกลงพวกเจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่!”“ถึงตอนนั้นพวกเราเข้าคุกพร้อมกัน ข้ากลับอยากเห็นนักว่าแม่ของเจ้าจะมีที่อยู่หรือไม่!”กู้อวิ๋นเวยยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห หากไม่ใช่เพราะครอบครัวหลินจือเยว่เหล่านี้ นางก็ไม่ต้องถูกหย่า!กลายเป็นภรรยาที่ถูกขับไล่ ภายภาคหน้านางก็ไม่มีหน้าตาอยู่ในเมืองหลวงแล้ว!“อะไรนะ? ท่านพ่อหย่าท่าน?”ฉินซวงซวงเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด พวกเขาถูกขังเพียงวันเดียว เหตุใดเกิดเรื่องมากมายถึงเพียงนี้?ท่านพ่อเสียสติไปแล้วหรือ!กู้อวิ๋นเวยข่มโทสะไว้ภายในใจ ระบายความโกรธทั้งหมดลงบนตัวหลินจือเยว่ เมื่อแรกนางตาบอด ถึงเลือกฉินเจิง คิดไม่ถึงเลยว่าลูกสาวเองก็ตาบอด เลือกตัวไร้ประโยชน์คนนี้!พวกเขาสองแม่ลูกย่ำแย่มากเพียงใด!“ท่านแม่ ท่านอย่าร้อนใจไปเลย ไม่ใช่ว่ายังมีท่านพี่อยู่หรือ? ท่านพี่ไ
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที
เมื่อเห็นกู้ฮวนเอ๋อร์ภาคภูมิใจเช่นนี้ ซ่งรั่วเจินและคนอื่น ๆ ก็อดมิได้ที่จะสงสัยใคร่รู้ ว่าของล้ำค่าที่ว่าคือสิ่งใดกันแน่? “ผ่าม!” กู้ฮวนเอ๋อร์เปิดกล่องผ้าไหมออกด้วยความตื่นเต้นยิ่ง แต่ทว่าหลังจากที่ทุกคนในงานเห็นของในกล่องผ้าไหมแล้ว ล้วนนิ่งงันไปทันที เนื่องด้วยในกล่องนั้นมีเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรอยู่องค์หนึ่ง! “แค่กๆ” ฉู่อวิ๋นกุยกระแอมครั้งหนึ่ง แต่ใบหน้ากลับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ สตรีที่เขาชอบนั้น ช่างเป็นคนที่ชาญฉลาดนัก! ซ่งรั่วเจินพลันมองไปทางฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว ใบหน้ากลับเห่อแดงขึ้นมา แววตาของฉู่จวินถิงปรากฏแววขบขันวาบผ่าน ของขวัญชิ้นนี้ช่างมีความหมายยิ่งนัก กู้ฮวนเอ๋อร์เห็นว่าหลังจากที่ตนหยิบของขวัญออกมาแล้ว ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น ”นี่มันสีหน้าอะไรของพวกเจ้ากัน? หรือว่าไม่ดีงั้นหรือ?“ “เจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรองค์นี้ ข้าไปกราบขอมาโดยเฉพาะ ผ่านพิธีปลุกเสก ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก!” ซ่งรั่วเจิน “...” หลายครั้งนางเองก็นับถือกู้ฮวนเอ๋อร์จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่อายุน้อยขนาดนี้ แต่ความคิดที่จะมอบของขวัญให้กลับเหมือนค
ณ เวลาเดียวกันนั้น อวิ๋นเนี่ยนชูก็ได้มาหาซ่งรั่วเจินเช่นกัน “รั่วเจิน ยินดีกับเจ้าด้วยนะ ข้าเองก็เห็นเหตุการณ์ในงานเทศกาลโคมไฟแล้ว เดิมทีอยากจะไปแสดงความยินดีกับเจ้าอยู่หรอก แต่หลังจากนั้นเกิดเรื่องบางอย่างทำให้ล่าช้าไป จึงต้องมามอบของขวัญแสดงความยินดีในวันนี้” อวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มพลางยื่นของขวัญแสดงความยินดีไปให้ “นี่คือของสิ่งนี้ข้าเตรียมไว้แต่เนิ่น ๆ แล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนดีจริง ๆ เมื่อพวกเจ้าได้แต่งงานกันแล้วจักต้องครองรักกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข จนผู้คนรอบข้างพากันริษยาแน่นอน” ซ่งรั่วเจินมองดูอวิ๋นเนี่ยนชูเปิดกล่องผ้าไหมออก ภายในบรรจุเครื่องประดับศีรษะของสตรีครบชุด เครื่องตกแต่งอื่น ๆ ไปจนถึงเครื่องประทินโฉม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด “ของมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ดูแล้วครบชุดเลย เจ้าให้จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะหรือ?” “ใช่แล้ว!” อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้าพลางยิ้ม “แต่ก่อนข้าครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าควรจะมอบสิ่งใดให้เจ้าเป็นของขวัญดี แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีสิ่งที่เหมาะสมที่สุดได้เลย” “หลังจากนั้น ข้าก็คิดว่า สิ่งที่สตรีมักจะใช้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวันก็มิพ้นเคร
เมื่อได้ฟังสิ่งที่จางเหวินพูด กู้หรูเยียนกับเยี่ยนชิงอวี้ต่างก็อดมิได้ที่จะตกตะลึง ตั้งแต่เมื่อเริ่มรู้จักความรักครั้งแรกก็ชอบพอเฉิงเจ๋อ ถ้าอย่างนั้น ก็ชอบพอหลายปีจริง ๆ พวกเขากลับมิรู้มาโดยตลอด คิดดูแล้ว ในใจเด็กทั้งสองคงมีสิ่งที่เก็บกลั้นไว้อยู่ “จะว่าไป ก็ต้องโทษที่ก่อนหน้านี้ที่ข้ามิได้ใส่ใจให้ดีนัก เอาแต่ให้เฉิงเจ๋อคอยดูแลน้องสาวให้ดี” “เนี่ยนชูชอบตามติดอยู่ข้างกายเฉิงเจ๋อมาตั้งแต่เล็ก ทุกครั้งที่เฉิงเจ๋อกลับจากสำนักศึกษา เป็นเวลาที่นางมักดีใจเป็นที่สุด ข้าก็นึกว่าเป็นเพียงความรักฉันพี่น้องมาโดยตลอด” “มาตรองดูดี ๆ แล้ว ตอนนั้นข้าก็ควรพบความผิดแผกได้ หากเป็นเพียงพี่น้องธรรมดา เหตุใดเด็กทั้งสองจึงมิยอมแต่งงานจนถึงตอนนี้?” จางเหวินยิ่งเอ่ยก็ยิ่งปวดใจ เมื่อนึกถึงคราวก่อนที่อนุอวิ๋นยังหมายจะยกอวิ๋นซีหว่านที่ยังไม่ได้แต่งงานให้แก่เฉิงเจ๋อ เกรงว่าตอนนั้น หัวใจของเด็กทั้งสองคงรวดร้าวมิใช่น้อย ถึงขั้นที่ เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นในตอนนั้น นางยังเคยกล่าวกับเฉิงเจ๋อด้วยว่า เรื่องนี้ช่างน่าขันเสียจริง นางมองเขาเป็นดั่งบุตรชายแท้ ๆ มาโดยตลอด อนาคตจะต้องเลือกคู่ค
“พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ายังจะเกรงใจข้าอีกหรือ? ที่ข้ามานี้ มิใช่เพียงเพื่อช่วยรั่วเจินเตรียมงานแต่งเท่านั้น อีกทั้งยังได้เห็นหน้าชิงอินด้วย ช่างเป็นเรื่องดีเสียจริง” ขณะที่กู้หรูเยียนและเยี่ยนชิงอวี้กำลังสนทนาหยอกเย้ากันอยู่นั้น ก็พลันสังเกตเห็นว่าจางเหวินราวกับเหม่อลอยอยู่ไม่น้อย “หรือว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ? เหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีเหม่อลอยเช่นนี้?” กู้หรูเยียนเอ่ยถาม จางเหวินจึงได้คืนสติ ในใจของนางล้วนมีแต่เรื่องของเนี่ยนชูกับเฉิงเจ๋อ จนเผลอใจลอยไปโดยไม่รู้ตัว “ข้า...” นางเหมือนจะเอื้อนเอ่ย แต่กลับชะงักไป เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “เจ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกพวกเราได้งั้นหรือ? บอกมาตามตรงเถิด” “ที่อนุอวิ๋นพูดมามิผิดเลย ระหว่างเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อต่างก็มีใจให้กัน” จางเหวินทอดถอนใจครั้งหนี่ง เมื่อนึกถึงภาพที่นางได้เห็นเมื่อวานยามกลับจวน เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเฉิงเจ๋อในสภาพเช่นนั้น บทสนทนาของทั้งสอง นางก็พลอยได้ยินไปด้วย นางจึงได้รู้ว่าที่แท้เนียนชู่ชอบพอเฉิงเจ๋อมาหลายปีเพียงนี้ ในฐานะมารดาเช่นนาง นางคิดว่าตนใส่ใจบุตรเป็นอย่าง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น นางกำนัลในตำหนักจงเฟยก็พลันเข้ามา“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” นางกำนัลก้มกายคำนับด้วยท่าทางเคารพนบนอบ แต่ในมือกลับถือเซียนบุปผาเอาไว้หนึ่งองค์ “แม่นางของบ่าว ให้บ่าวนำเซียนบุปผามาให้ฮองเฮา ขอเพียงทรงบูชาด้วยใจที่ตั้งมั่น ก็จะสามารถเปล่งปลั่งผุดผ่อง ทำให้เยาว์วัยตราบนานเท่านาน” เมื่อวาจาถูกเปล่งออกมาเช่นนั้น ฮองเฮาและลู่หมิ่นฮุ่ย ต่างพินิจพิจารณาเซียนบุปผาที่อยู่ตรงหน้า ต้องบอกเลยว่ารูปปั้นนี้ถูกทำขึ้นได้สมจริงยิ่งนัก เซียนบุปผานั้นก็งามวิจิตรด้วยรูปลักษณ์อันเย้ายวนตา “นี่มันเซียนบุปผาอะไรกัน? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” แววตาของฮองเฮาปรากฏแววประหลาดใจวาบหนึ่ง ในใจกับยิ่งรู้สึกสงสัย จงเฟยมีน้ำใจงามถึงเพียงนี้เชียวหรือ จึงยอมมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่นาง? นางสนมวังหลัง ต่างกำลังช่วงชิงแข่งขัน หวังเพียงให้ตนสามารถงามล้ำกว่าผู้อื่น เพื่อที่ฮ่องเต้จะได้ต้องตาในคราแรกเห็น จงเฟยในวันนี้ผุดผ่องไปทั้งตัวยิ่งกว่าทุกวัน แค่ฮ่องเต้ได้เห็น ราตรีนี้ย่อมต้องพลิกป้ายชื่อของนางเป็นแน่ หากความลับที่ทำให้จงเฟยงดงามขึ้นเป็นเพราะการบูชาเซียนบุปผ
นับตั้งแต่แต่งงานกันเป็นต้นมา ท่านอ๋องก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังจากแต่งงานแล้ว นั่นยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยฮองเฮามองแหวนบนมือลู่หมิ่นฮุ่ยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านอ๋องของเจ้าดีต่อเจ้ามากมาแต่ไหนแต่ไร ส่งของขวัญมาให้รวดเร็วปานนี้ ข้าได้ยินมาว่าแหวนในร้านขายเครื่องประดับทั่วเมืองหลวงถูกขายหมดเกลี้ยงแล้ว เมื่อก่อนหาได้ขายดีเท่าปิ่นปักผมไม่”“ไม่รู้ว่าจวินถิงคิดวิธีแปลกใหม่เช่นนี้ได้อย่างไร แต่ข้าแค่ได้ยินก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนเป็นคู่สร้างคู่สมโดยแท้ ช่างชวนให้คนอิจฉานัก”ลู่หมิ่นฮุ่ยดื่มชาจิบหนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “พี่หญิง ยามนี้ท่านคิดตกแล้วช่างดีเหลือเกิน ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่ไทเฮาทรงทราบว่าฝ่าบาทพระราชทานสมรส ยังให้คนนำของพระราชทานไปส่งที่สกุลซ่งไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่าโปรดปรานแม่นางซ่งมาก”ฮองเฮาพยักหน้าน้อยๆ วันนี้ตอนที่นางได้ยินข่าวนี้ก็มีความคิดแบบเดียวกัน ความโปรดปรานที่ไทเฮามีต่อซ่งรั่วเจินช่างชวนให้คนประหลาดใจโดยแท้แต่สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นข่าวดียิ่งโดยไม่ต้องสงสัย“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าแม่นางสกุลหลิงผู้นั้นหมู่นี้ใกล้ชิดกับเช่ออ๋องมากทีเดียว คน
“ก่อนแต่งงานเขาสามารถคิดวิธีการนี้ออกมาได้ หลังแต่งงานก็ย่อมสามารถคิดวิธีอื่นออกมาได้เหมือนกัน เขาย่อมจะมีวิธีแก้ไข”ซ่งหลินมองไปทางกู้หรูเยียน “คิดถึงสมัยที่แม่ข้ายังอยู่ ข้าก็จัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”กู้หรูเยียนอึ้งไป คิดถึงเมื่อครั้งที่แม่สามียังอยู่ ระหว่างนางกับแม่สามีก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีความขัดแย้งอันใด ทุกครั้งซ่งหลินล้วนจัดการได้ดีมากตอนเริ่มแรก นางเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเพราะแม่สามีนิสัยดี รู้สถานการณ์ที่นางอยู่ในตระกูลหลิ่วแล้วยังยินดียอมรับนางอย่างไรเสีย รูปแบบการทำเรื่องต่างๆ ของตระกูลหลิ่วหลายปีมานี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ดื้อด้านไร้เหตุผล ชอบมาหาผลประโยชน์จากตระกูลซ่ง นางรู้สึกละอายใจต่อตระกูลซ่งมาโดยตลอดโชคดีที่ทั้งแม่สามีและพ่อสามีล้วนไม่เคยตำหนินางเพราะเรื่องนี้ นางย่อมเข้าใจว่าในเรื่องนี้ย่อมขาดความชอบของซ่งหลินไปไม่ได้เลย“ตอนนั้นท่านโน้มน้าวแม่สามีอย่างไรหรือ?” กู้หรูเยียนถามอย่างสงสัยตอนนั้นนางกังวลใจไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ทุกครั้งที่ซ่งหลินบอกนางว่าไม่เป็นไร พ่อสามีและแม่สามีจิตใจกว้างขวาง ไม่เคยเก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ แต่กลับเห็นใจนางเป
“เมื่อวานข้าได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ การจัดเตรียมแสนอลังการแบบนี้ ไม่เพียงแค่ไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความจริงใจของฉู่อ๋อง”“ตอนที่ข้าเห็นฉู่อ๋องเป็นฝ่ายถามแม่นางซ่งว่ายินดีแต่งงานกับเขาหรือไม่ก็รู้สึกว่าถ้าบุรุษในใต้หล้าเป็นเหมือนเขากันทุกคนก็คงดี”“ไม่รู้ว่าการมอบแหวนมีความหมายพิเศษอันใดหรือไม่? ตอนข้าเห็นฉู่อ๋องสวมแหวนให้แม่นางซ่งก็รู้สึกว่าพิเศษเอามากๆ วันหน้าตอนข้าแต่งงานก็อยากทำเช่นนี้เหมือนกัน”ทันใดนั้น แหวนในร้านขายเครื่องประดับก็กลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด ตั้งแต่เมื่อคืนวานจนถึงเช้าวันนี้ แหวนทั้งหมดล้วนขายไปจนหมดเกลี้ยงขณะที่เวลานี้จวนสกุลซ่งเพิ่งได้รับราชโองการพระราชทานสมรส“ยินดีด้วย แม่ทัพซ่ง ซ่งฮูหยิน วันที่แปดเดือนหน้าเป็นวันดี หลังแต่งงานแล้ว แม่นางซ่งก็จะกลายเป็นพระชายาฉู่อ๋อง”ขันทีที่อัญเชิญราชโองการมามีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ตำแหน่งพระชายาฉู่อ๋องว่างเว้นมานานมากแล้ว ฉู่อ๋องควรแต่งงานตั้งแต่หลายปีก่อน แต่ก็ผัดผ่อนมาจนถึงตอนนี้บัดนี้ในที่สุดก็มีว่าที่พระชายาฉู่อ๋องเสียที ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองโดยแท้“เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของพระราชทานจากในวัง ไม่เพ