แชร์

บทที่ 530

ผู้เขียน: จี้เวยเวย
เมื่อก่อนถ้าเยว่หลินโกรธ เขาก็จะใช้ไม้นี้ ผู้ใดจะคาดว่าเขายังไม่ทันรอจนเยว่หลินปรากฏตัว แต่กลับได้รับน้ำล้างเท้าอ่างหนึ่งเทลงมาจากชั้นบนแทน

อารามโมโห เขาจึงได้แต่กลับมาอาบน้ำเปลี่ยนชุด ไม่รู้ว่านั่นเป็นน้ำล้างเท้าคนจำนวนมากเท่าไรจึงส่งกลิ่นเหม็นเปรี้ยวชวนคลื่นไส้แบบนั้น

ในเมื่อเรื่องความสัมพันธ์กับภรรยาเป็นไปได้มากว่าคงรักษาไว้ไม่ได้แล้ว อย่างน้องก็ต้องเก็บลูกเขาไว้ให้ได้

เขาเห็นว่าฉินเจิงไม่อยู่จึงถอยกลับไปอย่างเงียบๆ

รอจนหลินรั่วหลานถูกแม่นมสาวใช้ช่วยกันดึงออกไปข้างๆ ได้แล้ว กู้อวิ๋นเวยก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด

“ตีนางให้หนักๆ! ตีให้ตายไปเลย!”

แววตาหลินรั่วหลานทอประกายเคียดแค้น “เจ้าแน่จริงก็ตีข้าให้ตาย ลือออกไปทุกคนจะได้รู้ว่าตระกูลฉินของพวกเจ้าเป็นฆาตกร!”

“ตี! เหลือแค่ลมหายใจสุดท้ายไว้ก็พอ!” กู้อวิ๋นเวยสั่งอย่างโกรธเกรี้ยว

ฉินจื้อหย่วนไปหาฉินเจิง “ท่านพ่อ เมื่อครู่ตอนข้ามาได้ยินว่าฮูหยินใหญ่กับฮูหยินผู้เฒ่าหลินตีกันแล้ว จะไปดูหน่อยไหมขอรับ?”

ฉินเจิงเดิมก็อารมณ์ขุ่นมัว เห็นฉินจื้อหย่วนก็ไม่มีสีหน้าดีๆ ให้ เจ้าโง่คนนี้ ไม่ดูเสียบ้างว่าเหอเซียงหนิงเป็นผู้หญิงแบบไหน ถึงกับไ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 531

    ขันทีเหลือบมองระหว่างฉินเจิงและบุตรชายแล้ว สายตาก็หยุดอยู่ที่กู้อวิ๋นเวยผู้ซึ่งเสื้อผ้ายับยู่ผมเผ้ายุ่งเหยิง แววตาเขาพลันฉายแววแกมแฝงเย้ยหยัน“อาภรณ์ของฉินฮูหยินแปลกใหม่ดีแท้”ฉินเจิงกลับจ้องมองกู้อวิ๋นเวยด้วยสายตาวาวโรจน์ รู้สึกอับอายขายขี้หน้าผู้คนอย่างถึงที่สุด!ฉินซวงซวงทำอับอายมากพอแล้ว คนเป็นมารดาอย่างกู้อวิ๋นเวยก็ยังทำขายขี้หน้าไปด้วย เกียรติศักดิ์ศรีของฉินเจิงผู้นี้จึงคล้ายจะถูกสองแม่ลูกคู่นี้ทำลายเสียจนสิ้นแล้ว!กู้อวิ๋นเวยมีสีหน้าลำบากใจ นางทำได้เพียงดิ้นทุรนทุรายอยู่กับพื้นฝืนทนความเจ็บปวดทางกาย ไม่เพียงแต่ศีรษะและใบหน้า กระทั่งตามเนื้อตัวก็ล้วนเต็มด้วยร่องรอยแผลฟกช้ำ!“ด้วยโองการแห่งสวรรค์ ฮ่องเต้ทรงมีพระบัญชา ฉินเจิงปกครองเรือนมิรัดกุม ครานี้ถึงกับกุเรื่องใส่ความผู้อื่น สอนสั่งนับครั้งมิปรับปรุงแก้ไข ให้โทษลดตำแหน่งเป็นรองเสนาธิการเจาอู่!”สิ้นคำกล่าวของขันที สีหน้าฉินเจิงก็ซีดขาวไร้เลือด เขาทรุดนั่งเหม่อลอยกับพื้นราวกับสูญสิ้นหมดทั้งเรี่ยวแรงหลายปีมานี้เขาดำรงตำแหน่งแม่ทัพหมิงเวยขั้นสี่ เพราะไม่มีผลงานโดดเด่นใดในสนามรบ จึงไม่เคยมีโอกาสใดในการเลื่อนขั้นแต่บัดนี้เ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 532

    ขันทีประกาศราชโองการจู่ๆ เห็นหญิงกายเต็มด้วยเลือดผู้หนึ่งพุ่งพรวดเข้ามา มือดึงจับเอาขากางเกงของเขาไว้แน่นก็สะดุ้งตกใจ“เจ้าเป็นใครกัน?”“ข้าเป็นมารดาของหลินจือเยว่ กงกง ตระกูลฉินหาใครดีมิได้เลย พวกเขาฆ่าลูกข้าแล้วยังมิพอ ยังคิดจะฆ่าปิดปากข้าอีก!”“หากท่านมิช่วยข้า วันนี้คงถึงคราวตายของข้าแล้วเป็นแน่!”ขันทีประกาศราชโองการย่อมรู้จักหลินจือเยว่ดี ก่อนนี้ครั้งที่หลินจือเยว่ยังเป็นหลินโหวเขายังเคยแสดงความยินดีด้วยอยู่เลย ฮูหยินผู้เฒ่าหลินที่ได้เห็นก็ยังมีสง่าราศีล้นเหลือ ทว่าบัดนี้กลับดูแก่ชราลงเป็นสิบปี อีกทั้งบาดแผลศีรษะแตกก็ยังคงมีเลือดไหลอยู่ไม่หยุด!“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?” “บุตรชายข้าคอยแต่จะห้ามมิให้ฉินซวงซวงทำเรื่องชั่วช้าสามาญ แต่นางหญิงชั่วผู้นั้นราวกับคนบ้าก็มิปาน ทำแต่เรื่องเลวทรามมิมีหยุดหย่อน ทั้งยังลอบคบชู้สู่ชาย!”“เมื่อบุตรชายข้าเอ่ยปากขอหย่า พวกตระกูลฉินก็บีบบังคับเรา พวกเราเป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดาไร้อำนาจ ไหนเลยจะต้านทานพวกเขาได้?”“ตอนนี้จือเยว่ติดร่างแหถูกเนรเทศยังมิพอ พวกเขายังบีบข้าให้สั่งจือเยว่รับผิดแทนทั้งหมด พอข้าขัดขืนพวกเขาก็คิดจะตีข้าเสียให้ตาย!”ฮูหยิ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 533

    กู้อวิ๋นเวยมองฉินเจิงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ สุดจะคาดคิดสายสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาหลายปีจะถูกตัดขาดเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้! ฉินจื้อหย่วนเมื่อเห็นบิดาตัดสินใจจะปลดกู้อวิ๋นเวย ในใจก็อดยินดีปรีดาขึ้นมาไม่ได้ตั้งแต่กู้อวิ๋นเวยเข้ามาในครอบครัวก็ไม่เคยปฏิบัติดีต่อพวกเขาสองพี่น้องเลย หากมีสิ่งของดีใดล้วนตกถึงแต่มือของฉินเซี่ยงเหิงและฉินซวงซวง พวกเขาสองพี่น้องล้วนต้องจัดการดูแลตัวเองกันทุกอย่าง!หากกู้อวิ๋นเวยถูกปลดออกไป พวกเขาสองพี่น้องร่วมมือกันได้ แม้ฉินเซี่ยงเหิงคิดอยากจะกดขี่พวกเขาอีกก็ไร้หนทางแล้ว! “ฉินเจิง หากข้าออกจากตระกูลฉินไปแล้วเล่าก็ ท่านอย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน!”กู้อวิ๋นเวยกำหมัดแน่น ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าว “ข้ามีสกุลกู้คอยหนุนหลัง! ครานั้นพวกเขามิยินยอมให้ข้าแต่งกับท่านจึงได้ตัดสัมพันธ์ฉันญาติมิตรกับข้า!”“ขอเพียงท่านปลดข้าแล้ว บิดามารดาและพี่ชายข้าพวกเขาไม่ปล่อยท่านไว้หรอก ท่านคิดว่าชีวิตท่านยังจะราบรื่นสงบสุขได้อยู่หรือ?”“หยุดข่มขู่พ่อข้าได้แล้ว! มีคนเยี่ยงเจ้าเป็นนายหญิง ตระกูลฉินนับวันก็ยิ่งตกต่ำลงทุกวัน!”“หลายปีมานี้ สกุลกู้มิเคยแม้แต่จะช่วยเหลือบิดาข้าเล

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 534

    “จับตัวนังชั่วนั่นมัดเสีย! ส่งนางไปศาลาว่าการซุ่นเทียน!”ฉินจื้อหย่วนได้ยินคำก็รู้ได้ในทันทีว่าเรื่องนี้ลุล่วงแล้ว!ตราบใดที่โยนความผิดทั้งหมดให้ฉินซวงซวงและเหอเซียงหนิงได้ เขาที่ถูกวางยาและมีบิดาช่วยเป็นพยานยืนยัน สกุลกัวก็ย่อมจะต้องเชื่อว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ส่วนเรื่องเด็กที่กำลังจะเกิดมา เมื่อเหอเซียงหนิงคลอดแล้วก็เพียงแค่ไล่นางไป แล้วมอบเด็กให้เยว่หลินเลี้ยงดูแทน เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วกู้อวิ๋นเวยกุมท้องที่เจ็บปวดเอาไว้ นึกถึงความลำบากที่นางต้องอดกลั้นเพื่อจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับฉินเจิง ทว่าบัดนี้กลับได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ ดวงตายิ่งแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ แล้ว สายตากลับยิ่งเต็มด้วยความโกรธแค้น!ในเมื่อฉินเจิงไม่เห็นค่าสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาที่มีมา นางก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเช่นกัน!รอนางกลับไปยังสกุลกู้เสียก่อนเถิด จะให้คนในครอบครัวเอาคืนแทนนางให้สาสม!ไม่เพียงแค่ฉินเจิงเท่านั้น รวมถึงเจ้าลูกชั่วช้าฉินจื้อหย่วน! ที่นางน่าจะทำทุกวิถีทางทำให้ตายเสียตั้งแต่แรก!ขณะที่นางกำลังคิดถึงวิธีการที่จะใช้สั่งสอนพวกเขาอยู่นี้เอง ก็พลันเห็นบ่าวรับใช้กลุ่มหนึ่งเดินตรงมาหานางด้วยท่าทีฉายชัดถึงความไ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 535

    หลังจากซ่งรั่วเจินและพวกกลับมายังจวนสกุลซ่งแล้ว ซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อันก็ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อได้ยินผลลัพธ์ดังกล่าว ทั้งสองก็ไม่ได้ตกใจมากนัก อย่างไรเสียแต่ไหนแต่ไรสกุลหลิ่วก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว มักกระเหี้ยนกระหือรืออยากจะนำสิ่งของทุกอย่างของท่านแม่ไปเติมเต็มให้กับท่านน้าและคนสกุลหลิ่วด้วยกันทั้งสิ้นเพียงแต่ เมื่อซ่งรั่วเจินเผยว่าท่านแม่ไม่ได้เป็นบุตรสาวในไส้ของหญิงสกุลหลิ่ว สีหน้าทั้งสองก็ฉายชัดถึงความตกตะลึง“พวกเจ้ามิจำเป็นต้องกังวลใจ เดิมทีแม่ก็เพียงแต่รู้สึกติดค้างในใจ บัดนี้รู้แล้วว่าแม่ไม่ได้เป็นบุตรในไส้ของพวกเขาทุกอย่างก็กระจ่างแล้ว” “นับเป็นเรื่องดีทีเดียว จากนี้ไปพวกเขาคงมิกล้ายกเรื่องอกตัญญูมาบีบคั้นแม่อีก!” หลิ่วหรูเยียนกล่าวด้วยรอยยิ้มซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อันพยักหน้า เห็นมารดาหายข้องใจในทุกสิ่งแล้ว ต่างก็รู้สึกยินดีในใจอย่างบอกไม่ถูกแท้จริงแล้วความทุกข์ของคนเรานั้นเกิดจากความใส่ใจ บัดนี้เมื่อไม่ใส่ใจแยแสอีกต่อไปแล้ว สกุลหลิ่วก็หาได้มีอิทธิพลใดๆ อีกจนกระทั่งหลิ่วหรูเยียนไปแล้ว ซ่งอี้อันจึงหันมองไปยังซ่งรั่วเจิน “น้องหญิงห้า เจ้ารู้แล้วใช่ห

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 536

    ใคร่ครวญอย่างละเอียด ฉินฮูหยินและฉินซวงซวงมีบุคลิกแตกต่างจากครอบครัวสกุลกู้ มิน่าเล่าจึงมาถึงขึ้นตัดขาดความสัมพันธ์เช่นนี้“ข้าเองก็สืบมาก่อน บุคลิกของคนสกุลกู้นั้นไม่จำเป็นต้องพูดมาก” ซ่งรั่วเจินพูดขึ้นซ่งเยี่ยนโจวพูดอย่างลังเล “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดเจ้าไม่บอกเรื่องนี้กับท่านแม่เล่า? ข้าเชื่อว่าท่านแม่จะต้องอยากรู้ชาติกำเนิดของนางเป็นแน่ ใช่หรือไม่ว่ามีเรื่องให้กังวล?”“น้องหญิงห้า เจ้ากังวลว่าสกุลกู้จะทำไม่ดีต่อท่านแม่หรือ?” ซ่งอี้อันนึกบางอย่างขึ้นได้ เอ่ยถามสีหน้าซ่งรั่วเจินซับซ้อน “หลายปีมานี้ท่านแม่ได้รับความลำบากจากสกุลหลิ่วมามาก ท่าทีของสกุลกู้ในตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจน”“หากพวกเขารู้ความจริงแล้วก็คิดจะปกป้องท่านแม่ เช่นนั้นก็ดีมาก ทว่าระยะก่อนเกิดเรื่องกับฉินเซี่ยงเหิง เป็นสกุลกู้ออกหน้าปกป้องเขา”“อย่างไรเสียก็เป็นลูกสาวที่เลี้ยงดูมานานหลายปี ข้ากังวลถึงตอนนั้นท่านแม่จะต้องแย่งความรักจากบิดามารดากับกู้อวิ๋นเวย...”นางเข้าใจความรู้สึกของมารดาดีมาก ที่ผ่านมาก็เพราะกังวลว่าหากพูดความจริงออกมาแล้ว มารดาจะยอมรับไม่ไหว จึงอยากรอให้มารดาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของสกุลหลิ่วก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 537

    ชั่วขณะเคอหยวนจื่อกำลังสบมองซ่งจิ่งเซินอยู่นั้น ความไม่พอใจพลุ่งพล่านภายในใจ“จิ่งเซิน บัดนี้ท่านบรรลุเป้าหมายแล้ว งานแต่งของข้าและสกุลชวีถูกระงับไว้ชั่วคราว ท่านพอใจแล้วกระมัง?”นับตั้งแต่ครั้งก่อนซ่งจิ่งเซินพาคนมากมายมาคิดบัญชีสกุลเคออย่างกระจ่างชัดเจนแล้ว ชวีคั่วกลับไปก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ครอบครัวสกุลชวีฟังเดิมทีนางคิดว่าสกุลชวีกิจการใหญ่โต ต่อให้ด้านการเงินไม่อาจเทียบสกุลซ่งได้ แต่ก็ต้องหาทางช่วยแก้ปัญหาใครคิดเล่าว่าสกุลชวีถึงขั้นกลายเป็นเต่าหัวหด พูดว่ารอพวกเขาคลี่คลายปัญหานี้แล้วค่อยคุยเรื่องแต่งงานก็ยังไม่สาย แม้แต่ชวีคั่วที่ก่อนหน้านี้ตามตอแยนางก็มีท่าทีเปลี่ยนไป คล้ายตั้งใจหลบเลี่ยงนางทั้งหมดนี้ทำให้นางรู้สึกทรมานใจอย่างบอกไม่ถูกถือสิทธิ์อะไร?ก็แค่จ่ายเงินมากหน่อยเท่านั้น ซ่งจิ่งเซินมอบให้นางมากมายถึงเพียงนี้จนคุ้นชินแล้ว ชวีคั่วถึงขั้นยอมรับเรื่องเล็กน้อยนี้ไม่ได้ทว่าหลังทั้งหมดนี้เกิดขึ้น นางกลับยิ่งโกรธแค้นซ่งจิ่งเซินภายในใจแต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยได้รับความอับอายเช่นนี้มาก่อน ทั้งๆ ที่ทั้งหมดล้วนเป็นแผนการของซ่งจิ่งเซิน ก็เพื่อทำให้นางยอมแพ้!ชั่วขณะซ่งจิ่ง

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 538

    เขาได้ยินเรื่องในตอนนั้นจากปากของพวกเขาเพียงบางส่วนก็ถูกขัดขึ้นแล้ว เรื่องในอดีตไม่อยากรื้อฟื้น ที่ผ่านมาตนเองก็คือตัวโง่งมคนหนึ่งโดยแท้!“ซงจิ่งเซิน เหตุใดท่านถึงพูดกับหยวนจื่อเช่นนี้? สาเหตุที่ในอดีตท่านทำเพื่อหยวนจื่อมากมายถึงเพียงนั้น ยังมิใช่เพราะต้องการให้หยวนจื่อมอบโอกาสให้ท่านสักครั้งหรือ?”เจี่ยงเหวินจิ้งสบมองซ่งจิ่งเซิน ภายในสายตาเปี่ยมความรังเกียจ คล้ายกำลังมองสิ่งน่าขยะแขยงบางอย่าง“บัดนี้หยวนจื่อมาแล้ว ท่านก็พูดเถอะว่าตกลงจะต้องทำเช่นไรถึงจะสามารถลบล้างเรื่องที่ผ่านมาได้!”“ทว่าท่านอยากให้หยวนจื่อแต่งกับท่าน นั่นไม่มีวันเป็นไปได้!”พานเหราทางฝั่งหนึ่งพยักหน้า “วันนี้อากาศไม่เลว มิสู้ก็ให้หยวนจื่อไปเที่ยวทะเลสาบเป็นเพื่อนท่าน แต่ของทั้งหมดท่านต้องเตรียมไว้ให้ดี”“ได้ยินมาว่าระยะนี้ร้านขายผ้าของท่านออกแบบพิเศษไม่น้อย งดงามอย่างมาก เชื่อว่าท่านเตรียมไว้ให้หยวนจื่อดีแล้วกระมัง? ยังไม่รีบฉวยโอกาสนี้เอามาส่งให้อีกหรือ?”“พลาดวันนี้ไป ท่านก็ไม่มีโอกาสแล้ว!”ภายในสายตาเคอหยวนจื่อสะท้อนความลำพองใจ ปลายคางเชิดขึ้นเล็กน้อย สะท้อนความเย่อหยิ่งหลายส่วน“เหวินจิ้งและพานเหรามากั

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 738

    “ข้าว่าเรื่องนี้ก็เลิกแล้วต่อกันเพียงเท่านี้จะดีกว่า ถือเสียว่าไม่เคยเกิดขึ้น ไม่จำเป็นต้องไปเชิญเช่ออ๋องมาแล้วละ”หลังนางกลับบ้านเดิม เช่ออ๋องก็มารับนางเป็นการเฉพาะ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดีขึ้นอย่างหาได้ยากถ้าเช่ออ๋องรู้ว่าตนเองมาหาเรื่องถึงตระกูลซ่งจะต้องพิโรธมากเป็นแน่!“นั่นจะได้อย่างไรกัน?” ฉู่จวินถิงเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ “พี่สะใภ้ถึงขั้นตั้งใจมาคาดคั้นถึงตระกูลซ่ง เห็นได้ชัดว่าเข้าใจผิดมากเพียงใด ถ้าข้าไม่มาเห็นเข้าพอดี เกรงว่าป่านนี้ซ่งรั่วเจินคงรักษาชีวิตไว้ไม่ได้แล้ว”“นอกจากนี้ อีกสองวันข้าก็จะลงใต้แล้ว ถ้าไม่อธิบายเรื่องเข้าใจผิดกันให้ชัดเจน พอข้ากลับมาก็ไม่ได้เห็นซ่งรั่วเจินแล้วน่ะสิ?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้าติดต่อกัน กล่าวด้วยสีหน้าเจ็บช้ำใจว่า “ท่านอ๋องพูดถูกเพคะ หม่อมฉันหวาดกลัวยิ่งนัก!”ซ่งจืออวี้เห็นน้องสาวของตนเองแสดงละครร่วมกับฉู่อ๋อง ใบหน้าพระชายาเช่ออ๋องเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีดำ เปลี่ยนจากสีดำเป็นสีแดงแล้วเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีขาว จนเขาอดตะลึงไม่ได้ความเร็วในการเปลี่ยนสีหน้านี้ช่างรวดเร็วมากจริงๆ!หลังจากอวิ๋นหยางไปเชิญเช่ออ๋อง พระชายาเช่ออ๋องก็กระวนกระวายอย่างเห็

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 737

    น้ำเสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันทำให้คนทั้งสองภายในห้องต่างนิ่งอึ้งไป ซ่งรั่วเจินเห็นฉู่จวินถิงที่เดินเข้ามาในห้องอย่างแช่มช้า ดวงตางามก็ฉายแววตกใจเขามาถึงตั้งแต่เมื่อไร?คงไม่ได้ยินคำพูดเมื่อครู่ของตนเองหรอกนะ?ซ่งจืออวี้อ่านสายตาน้องสาวตนเองออกจึงเหยียดริมฝีปากอย่างอ่อนใจ หัวใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ของซ่งรั่วเจินจึงหยุดเต้นไปในที่สุดได้ยินแล้วจริงๆ ด้วย!ชั่วขณะที่พระชายาเช่ออ๋องเห็นว่าฉู่อ๋องมาแล้ว ใบหน้าก็พลันถอดสี คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญถึงเพียงนี้!ความลนลานวาบผ่านดวงตานาง แต่ก็กลับไปเป็นปกติอย่างรวดเร็ว นางเอ่ยว่า “ที่แท้ก็ฉู่อ๋องมานี่เอง”“ข้าเพิ่งมาถึงก็ได้ยินว่าพี่สะใภ้กำลังข่มขู่คนอยู่ ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องใดขึ้นหรือถึงได้มาขู่เอาชีวิตคนในจวนสกุลซ่งเช่นนี้?”ใบหน้าหล่อเหลาของฉู่จวินถิงมองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ใดๆ เลยสักนิด น้ำเสียงผ่อนคลายเรียบเรื่อยราวกับเป็นการถามไถ่ธรรมดาทั่วไป ทว่าความกดดันที่แผ่ซ่านออกมาทั่วร่างรวมถึงสายตาเย็นเฉียบทำให้คนเข้าใจว่า เขามีโทสะแล้ว“ซ่งรั่วเจินไม่เคารพข้า...”พระชายาเช่ออ๋องยังพูดไม่จบ ฉู่จวินถิงก็กล่าวขึ้นว่า “อ้อ? พี่สะใภ้มาถึงตระก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 736

    “ซ่งรั่วเจิน เจ้าอย่าทำตัวไม่รู้ดีชั่วเช่นนี้ วันนี้ข้าให้โอกาสเจ้ารักษาก็คือให้เกียรติเจ้า!”“ถ้าฉู่อ๋องรู้ว่าเจ้าไปยั่วยวนเช่ออ๋องลับหลังเขา เจ้าคิดว่าฉู่อ๋องยังจะชอบเจ้าอยู่งั้นรึ?”ซ่งรั่วเจินได้ยินอย่างนั้นก็แทบจะหัวเราะออกมา นางยั่วยวนเช่ออ๋อง?“พระชายาเช่ออ๋อง ท่านคิดว่าหม่อมฉันสมองไม่ดีหรือสายตามีปัญหาหรือเพคะ?”“ฉู่อ๋องยังไม่แต่งงาน กล้าหาญชาญศึกทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นบุรุษรูปงามของเมืองหลวง ไยหม่อมฉันจะต้องปล่อยมือจากฉู่อ๋องไปยั่วยวนเช่ออ๋องด้วยเพคะ?”เมื่อซ่งจืออวี้มาหาน้องหญิงห้าเป็นเพื่อนฉู่อ๋อง ยังไม่ทันเข้าไปใกล้ก็ได้ยินคำพูดเช่นนี้ดังออกมาจากข้างใน เขาเบิกตากว้างอย่างอดไม่อยู่เหตุใดสตรีวิปลาสผู้นี้จึงมาใส่ร้ายน้องหญิงห้าส่งเดชเช่นนี้!“เช่ออ๋องไม่ดีตรงไหน? ฉู่อ๋องเย็นชาเสียขนาดนั้น เหมือนก้อนหินไม่มีผิด ถ้าไม่ระวังก็อาจเสียชีวิตเอาได้ ไหนเลยจะอ่อนโยนเหมือนเช่ออ๋อง?”พระชายาเช่ออ๋องแย้งกลับมาอีกประโยค “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่าเจ้ามันไม่รู้จักพอ!”“ฉู่อ๋องหน้าตาหล่อเหลาปานนั้น ถึงเขาจะตีหน้าเย็นชาทั้งวันแต่ก็เป็นชายรูปงามที่หาได้ยากนักในโลกนี้ ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 735

    ซ่งรั่วเจินเพิ่งมาถึงโถงหน้าก็เห็นพระชายาเช่ออ๋องที่แต่งกายอย่างหรูหราอาภรณ์สีชมพูตัดเย็บจากผ้าแพรชั้นดี คลุมทับด้วยเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกสีขาว รูปโฉมนางเหมือนสาวน้อยที่งดงามน่ารัก ผิวพรรณขาวบริสุทธิ์ ดวงตาชั้นเดียวเชิดขึ้นเล็กน้อยทอประกายคมกริบแม่นมสี่คนกับสาวใช้สี่คนยืนอยู่ข้างกาย กล่าวได้ว่าวางมาดใหญ่โตยิ่งนัก“คารวะพระชายาเช่ออ๋องเพคะ”ซ่งรั่วเจินแสดงคารวะ นางรู้สึกว่าฝ่ายตรงข้ามจับจ้องตนเองตั้งแต่เดินเข้ามาแล้ว แต่การจ้องมองเช่นนี้...แสดงท่าทีของผู้เหนือกว่าอย่างชัดเจน ในใจก็เข้าใจขึ้นมาหลายส่วนเห็นที...จะไม่ได้มาดีสินะ!“เจ้าก็คือซ่งรั่วเจิน?”พระชายาเช่ออ๋องมองประเมินซ่งรั่วเจิน ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าแม่นางผู้นี้เป็นหญิงงามผู้หนึ่ง ไม่อย่างนั้นก็คงไม่สามารถอาศัยสถานะหญิงที่เคยถอนหมั้นไปเข้าตาฉู่อ๋องได้แล้วสายตาฉู่อ๋องสูงส่งมาแต่ไหนแต่ไร หลายปีมานี้ไม่เคยต้องตาแม่นางคนใดมาก่อน แต่กลับถูกนางล่อลวงจนลุ่มหลงหัวปักหัวปำ ชั่วขณะนี้เมื่อได้เห็นแล้วก็จำต้องยอมรับว่างดงามจริงดังกล่าว“เพคะ” ซ่งรั่วเจินตอบรับ “ไม่ทราบว่าพระชายาเช่ออ๋องมาหาหม่อมฉันด้วยธุระอันใดหรือเพคะ?”“ข้าไ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 734

    พี่ใหญ่ถูกลอบโจมตีจนเกือบไม่รอดชีวิตกลับมา หลังกลับมาแล้วขาทั้งสองข้างยังพิการ ท่านพ่อก็ไม่ได้กลับมาอีกเลยถ้ามีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้...“ส่วนจิ่งเซิน เขาได้ทำการค้าบ่อยๆ เชี่ยวชาญการติดต่อสัมพันธ์กับผู้คน พวกเจ้าเดินไปทางไปด้วยกันสามารถปลอมเป็นกลุ่มพ่อค้าที่ไปค้าขาย ผู้คนจะได้ไม่สงสัยโดยง่าย” ซ่งเยี่ยนโจวกล่าวซ่งจิ่งเซินพยักหน้ารัวๆ “ใช่แล้ว มีข้าอยู่ด้วย สามารถตัดความยุ่งยากไปได้มากที่สุดแล้ว!”ทุกคนล้วนเข้าใจเรื่องนี้ดี ยามออกไปข้างนอก การมีไหวพริบในการจัดการเรื่องราวเฉพาะหน้าสามารถลดปัญหาได้ นอกจากนี้ ซ่งจิ่งเซินก็ยังมีประสบการณ์ พวกเขาไม่จำเป็นต้องแสดงละครด้วยซ้ำ แค่นำกลุ่มพ่อค้าออกเดินทางก็สามารถตบตาผู้คนได้อย่างง่ายดายกู้หรูเยียนได้ยินดังนั้นก็รู้สึกว่าปลอดภัยขึ้นมากจึงกล่าวว่า “เจินเอ๋อร์ ทำตามที่พี่ใหญ่เจ้าพูดเถอะนะ? เช่นนี้พวกข้าจะได้คลายใจ”ซ่งรั่วเจินเหลือบมองพวกซ่งจืออวี้สองฝาแฝดก็เห็นพวกเขาพยักหน้าเป็นบ้าเป็นหลังเหมือนลูกไก่จิกข้าวสารกระนั้น นางกล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้าค่ะ งั้นประเดี๋ยวค่อยมาดูกันว่าต้องเตรียมสิ่งใดไปบ้าง”“น้องหญิงห้า เรื่องนี้เจ้ายกให้เป็นหน้าที

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 733

    ซ่งรั่วเจินตัดสินใจไปรับบิดากลับมา ก่อนออกเดินทางย่อมต้องเตรียมสิ่งของมากมาย แต่ก่อนหน้านั้นยังต้องบอกคนในครอบครัวเสียก่อนหลังนางบอกเรื่องที่จะเดินทางไปชายแดน คนในจวนล้วนอึ้งตกใจกันหมด“เจินเอ๋อร์ เจ้าว่าอะไรนะ? เจ้าจะไปชายแดนด้วยตัวเอง?” กู้หรูเยียนมีสีหน้าตกตะลึง “ก่อนนี้ไม่เคยได้ยินเจ้าพูดถึงมาก่อนเลย”“น้องหญิงห้า ถ้าเจ้าเป็นห่วงความปลอดภัยของท่านพ่อก็ให้พี่ชายอย่างพวกข้าไปดีกว่า ผู้หญิงแบบเจ้าไปสถานที่ห่างไกลปานนั้นจะอันตรายเกินไปแล้ว” ซ่งจืออวี้เอ่ยอย่างร้อนใจซ่งจิ่งเซินพยักหน้า “ใช่แล้ว พวกเขารับราชการอาจไม่สะดวก ข้ามีประสบการณ์เดินทางโชกโชน ให้ข้าไปดีกว่า!”“ความจริงสาเหตุที่ข้าจะเดินทางไปเป็นเพราะข้าทำนายดวงชะตาให้ท่านพ่อ”เมื่อซ่งรั่วเจินเอ่ยวาจาประโยคนี้ออกมา สีหน้าทุกคนในห้องล้วนเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด หรือว่าจะเกิดปัญหาอันใด?“ก่อนนี้ข้าก็เคยทำนายเหมือนกัน ดวงชะตาของท่านพ่อปลอดภัยไร้อันตราย สามารถกลับมาได้อย่างราบรื่น แต่ช่วงนี้เกิดเหตุเปลี่ยนแปลงขึ้น น่าจะเป็นเพราะได้รับอิทธิพลจากปัจจัยภายนอก”“ถ้าไม่ไป ข้ากังวลว่าอาจมีอันตราย ดังนั้นจึงคิดว่าจะไปด้วยตั

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 732

    “ฝ่ายตรงข้ามไม่ทันได้ค้นตัวไต้ซือเทียนจีใช่หรือไม่?” ซ่งรั่วเจินถามซ่งเยี่ยนโจวพยักหน้า “ก่อนหน้านี้คนผู้นั้นรีบร้อนเกินไป พวกข้าไม่เปิดโอกาสให้เขา แต่ว่ากันตามปกติแล้ว ของที่มีค่ามากมักจะไม่พกติดตัวไว้”“สิ่งสำคัญที่สุดมักไม่พกติดตัวก็จริง แต่คนในวงการพวกข้า โดยเฉพาะคนชั่วร้ายอย่างเขา จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเก็บจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้ามเอาไว้ข่มขู่อย่างแน่นอน”คิ้วบางของซ่งรั่วเจินเลิกขึ้นน้อยๆ ต่อให้เคยเจอไต้ซือเทียนจีเพียงครั้งเดียว แต่ก็ทราบว่าเป็นจิ้งจอกเฒ่าผู้หนึ่งกระทำเรื่องชั่วช้ามาหลายปีขนาดนี้แต่ก็ยังอยู่รอดปลอดภัย แล้วจะไม่มีวิธีปกป้องตัวเองเลยได้อย่างไร?กู้ชิงฉือได้ยินเช่นนั้นก็รีบวิ่งไปข้างกายไต้ซือเทียนจีแล้วเริ่มค้นหาอย่างละเอียด การค้นตัวครั้งนี้พบว่านอกจากยันต์ที่อ่านไม่ออกพวกนั้นแล้วยังมียาลูกกลอนอีกสองเม็ด“ไม่มีของอย่างอื่น แต่มีหินก้อนหนึ่ง นี่คือหยิบติดตัวมาด้วยงั้นรึ?”กู้ชิงฉือมองก้อนหินในมือ หินก้อนนี้แม้พอจะนับได้ว่ามนเกลี้ยง แต่ก็ดูแตกต่างจากก้อนหินที่พบเห็นได้ทั่วไปบริเวณริมแม่น้ำมากเกินไป“ข้าขอดูหน่อย”ซ่งรั่วเจินก้าวเร็วๆ เข้ามาหา มองก้อนหินในมือแ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 731

    เมื่อซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยปากสอบถาม สายตาทุกคนก็ต่างจับจ้องมายังซ่งรั่วเจิน พวกเขาในตอนนี้ไม่กล้าบุ่มบ่ามรบกวนแล้วฉู่จวินถิงก็เป็นห่วงดุจเดียวกัน เขารู้ว่าวิชาแพทย์ของรั่วเจินนั้นไม่ธรรมดา เก่งกาจกว่าหมอหลวงในวังหลวงมากนัก ถ้านางบอกว่าช่วยไม่ได้ก็แสดงว่าหมดหนทางแล้วจริงๆ“ยังช่วยได้”ซ่งรั่วเจินพูดโดยที่มือยังเคลื่อนไหวไม่หยุด นางลังเลไปชั่วครู่ก็หยิบยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งออกมายัดเข้าไปในปากของชายผู้นั้นซ่งเยี่ยนโจว “...” อีกแล้ว?ซ่งรั่วเจินรู้ว่าตนเองนำสิ่งของมากมายติดตัวมาเช่นนี้จะทำให้คนสงสัย แต่ช่วยชีวิตคนสำคัญกว่า อย่างไรเสียแค่พูดจาส่งเดชไม่กี่ประโยคก็สามารถกลบเกลื่อนเรื่องนี้ได้แล้วตั้งแต่นางทะลุมิติมาก็มีมิติขนาดเล็กเป็นของตัวเอง ยาเอย ยันต์เอย ยามปกติล้วนเก็บไว้ในนั้น นับว่าสะดวกมากทีเดียวหลังจากชายหนุ่มที่มีท่าทางอ่อนแอสุดขีดกลืนยาเม็ดนั้นลงไปก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดแต่เดิมบรรเทาลงบ้าง การหายใจก็ไม่ได้ยากลำบากถึงเพียงนั้นอีกแล้ว“ส่งคนไปหารถม้าหรือยัง?” ฉู่จวินถิงถามจ้าวเจียงพยักหน้า “เรียนท่านอ๋อง ส่งคนไปจัดการแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้ข้าฟัง

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 730

    “หม่อมฉันได้ยินมาว่าบนบัญชีรายชื่อมีอยู่สิบกว่าคน ไม่รู้อาการของคนอื่นร้ายแรงหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถาม“ในหมู่คนเหล่านั้นมีลูกสะใภ้ไม่เคารพแม่สามี คนแก่อายุมากแล้ว คนจึงตายไป แต่มากที่สุดยังเป็นความขัดแย้งของอนุภรรยาและภรรยาเอก”“คนส่วนใหญ่ล้วนคล้ายพระชายาเซียงอ๋อง ตกอยู่ในฝันร้าย ยังป่วยหนักอีกด้วย อนุอวิ๋นนับว่าลงทุนลงแรงมากทีเดียว” ฉู่จวินถิงพูด“อนุอวิ๋นเป็นคนโหดเหี้ยมไม่ผิดไปดังคาด แต่ยังเสแสร้งใจดีมีเมตตา ปรากฎว่ามีเพียงใต้เท้าอวิ๋นตัวโง่งมคนนี้ถึงจะหลงเชื่อ”ซ่งรั่วเจินไม่แปลกใจ ความยากในการเลี้ยงดูผีทวงชีวิตนั้นมากกว่าผีน้อยตนอื่นมาก แม้ว่าไต้ซือเทียนจีมีความสามารถอยู่บ้าง กลับไม่สามารถเลี้ยงผีทวงชีวิตหลายตนได้ตนนี้เป็นเขาใส่ใจเลี้ยงดู ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่จึงสนิทสนมกันมากจากนั้นยามทั้งคู่เดินผ่านอุโมงค์ไปจนถึงฝั่งหนึ่ง กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นสายหนึ่งชำแรกจมูกพวกซ่งเยี่ยนโจวยืนอยู่ข้างหน้า สีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างมาก ส่วนซ่งรั่วเจินเองก็สังเกตเห็นศพแต่ละร่างใต้พื้น หนึ่งในนั้นมีนักพรตเต๋าคนหนึ่ง เห็นชัดว่าคือไต้ซือเทียนจี“นี่คือ...ตายทั้งหมดแล้ว?”“เดิมที

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status