หากได้ชื่อว่าอกตัญญู ด้วยนิสัยของหลิ่วเฟยเยี่ยนจะต้องใส่สีตีไข่กระพือเรื่องนี้จนคนรู้กันทั่วอย่างแน่นอน ไม่เพียงกระทบต่อชื่อเสียงของบิดา แม้แต่อนาคตของลูกๆ อย่างพวกเขาก็จะได้รับผลกระทบเช่นกันในมุมมองของพวกเขา ย่อมจะยอมไม่สนใจอนาคตแต่ไม่ยอมให้มารดาได้รับความอยุติธรรมอยู่แล้ว แต่ความคิดของมารดาและของพวกเขาจะต้องไม่เหมือนกันแน่นอนนางยอมแบกรับความอยุติธรรม วนเวียนอยู่ในเรื่องนี้ แต่ไม่ยอมให้กระทบพวกเขาแม้แต่นิดเดียวซ่งจิ่งเซินอดสงสัยไม่ได้ “จะว่าไปก็แปลกจริงๆ ท่านแม่ก็เป็นลูกสาวแท้ๆ ของท่านยายเหมือนกัน เหตุใดท่านยายจึงลำเอียงได้ขนาดนี้?”ถึงจะบอกว่าในครอบครับมีลูกหลายคน จะรักทุกคนไม่เท่ากันก็เป็นเรื่องปกติ แต่จะรักไม่เท่ากันอย่างไรก็ไม่เกินไปขนาดนี้กระมัง!“พวกท่านไม่รู้สึกบ้างหรือว่าความจริงท่านแม่ก็ไม่เหมือนท่านยายเลย ท่านน้ากลับเหมือนท่านยายเอามากๆ?”ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากขึ้นอย่างถูกจังหวะ นางสงสัยว่ามารดาไม่ใช่บุตรสาวแท้ๆ ของตระกูลหลิ่ว แค่ดูจากหน้าตา ความจริงก็ไม่เหมือนแล้วหลิ่วหรูเยียนหน้าตาดีกว่าหลิ่วเฟยเยี่ยนมากนัก มิฉะนั้นตอนแรกท่านพ่อก็คงไม่ตกหลุมรักท่านแม่ตั้งแต่แรกพบ แม
นายหญิงหลิ่วงุนงง “หมายความว่าอย่างไร?”“ร้านขายไก่ทอดเป็นการค้าที่เจินเอ๋อร์คิดค้น ไม่รู้ว่าทุ่มเทความคิดไปมากมายเท่าไร ข้าเคยพูดตอนไหนหรือว่าจะยกให้พวกท่าน?”หลิ่วหรูเยียนมีสีหน้าประหลาดใจ “ที่ผ่านมาท่านแม่เอาแต่เรียกร้องสิ่งของจากข้าก็แล้วไปเถอะ แต่ในฐานะผู้อาวุโสคงไม่ถึงกับไม่สนใจแม้แต่เกียรติขั้นพื้นฐาน ยังจะมาเรียกร้องจากหลานสาวอีกกระมัง?”สิ้นวาจานี้ ถึงจะเป็นนายหญิงหลิ่วที่หนังหน้าหนามาโดยตลอดก็เริ่มจะวางหน้าไม่สนิทเสียแล้ว “หรูเยียน เจ้าพูดอะไรออกมา? นี่คือกิจการตระกูลซ่งไม่ใช่หรือ?”“นี่ไม่ใช่ของตระกูลซ่ง แต่เป็นของเจินเอ๋อร์”นายหญิงหลิ่วยังว่า “พวกเขาล้วนแต่เป็นเด็กตระกูลซ่ง ของของพวกเขาก็ล้วนแต่เป็นของของตระกูลซ่งไม่ใช่รึ?”“ร้านค้าบนถนนเส้นนั้นเดิมก็เป็นสิ่งที่ตระกูลฉินชดเชยให้อี้อัน อี้อันลำบากมามากขนาดนั้น คนเป็นแม่อย่างข้ายังต้องเรียกร้องสินชดเชยพวกนั้นมาจากเขาอีกหรือเจ้าคะ?”“ข้าไม่รู้ว่าแม่คนอื่นคิดอย่างไร แต่ลูกชายที่ข้าให้กำเนิดมา ข้ารักของข้า นี่เดิมก็เป็นของของเขา ย่อมไม่มีการเรียกร้องจากเขา พวกเขาพี่น้องก็เห็นด้วยกันทุกคน”หลิ่วหรูเยียนกล่าวอย่างมีเหตุมี
“ข้าสั่งสอนเจ้ามาแบบนี้งั้นรึ? เด็กพวกนี้ถูกเจ้าสั่งสอนมาแบบนี้ มิสั่งสอนจนเสียคนไปทั้งบ้านเลยรึ!”นายหญิงหลิ่วตีหน้าเย็นชา ตำหนิอย่างเข้มงวด “เจ้าควรทบทวนตัวเองดีๆ จริงๆ ตอนนี้ยิ่งโตก็ยิ่งทำให้พวกข้าไม่สบายใจ!”ได้ยินคำตำหนิที่แสกหน้ามายกหนึ่งเช่นนี้ ซ่งรั่วเจินอดทอดถอนใจไม่ได้ว่านายหญิงหลิ่วช่ำชองวิธีล้างสมองคนจริงๆ ไม่แปลกเลยที่หลายปีมานี้หลิ่วหรูเยียนไม่กล้าต่อต้าน“ท่านยาย ท่านพร่ำพูดว่าครอบครัวพวกข้าต้องให้ตระกูลหลิ่วคอยช่วยเหลือ ไม่รู้ว่าตอนข้าถอนหมั้นตระกูลหลิ่วช่วยเหลือแล้ว หรือตอนที่พี่ใหญ่พี่รองของข้าถูกรังแก พวกท่านได้ช่วยเหลือแล้ว?”“พ่อข้าหายสาบสูญจนถึงตอนนี้ ก่อนหน้านี้แม่ข้าตัวคนเดียวไร้คนช่วยเหลือ ท่านพาท่านน้ากับท่านลุงมาสองรอบจริงๆ เรียกร้องสิ่งของกลับไปไม่น้อย”“ตอนที่ควรช่วยเหลือข้าไม่เคยเห็นเลยสักนิด สิ่งของที่ควรได้ไปกลับมีไม่น้อยเลยทีเดียว”“ต่อให้เป็นปลิงดูดเลือด เวลาพูดจาก็ยังพูดจาน่าฟัง แต่นี่ตักตวงผลประโยชน์ไปอย่างเต็มที่แล้วยังมาด่าคนอีก จะโลภมากจนน่าเกลียดไปหน่อยหรือเปล่าเจ้าคะ?”ซ่งรั่วเจินวาจาคมกริบ แววตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ ตระกูลหลิ่วที่ราวกับ
คนตระกูลซ่งไปจากตระกูลหลิ่วแล้วก็รู้สึกเพียงว่าโล่งอกเบาสบาย สำหรับพวกเขาพี่น้องแล้ว เพียงอยากอยู่ให้ห่างจากญาติมหาภัยเหล่านี้เสียให้ไกลถ้าเลือกได้ พวกเขาไม่อยากมีญาติแบบนี้เลยสักนิด แต่ที่ผ่านมากังวลว่าท่านแม่จะคิดอย่างไรก็เท่านั้นวันนี้เห็นว่าพอเห็นว่าท่านแม่ตัดสินใจขีดเส้นแบ่งกับตระกูลหลิ่วอย่างเด็ดขาดแล้ว ในใจพวกเขาก็ดีใจจนพูดไม่ออก!“ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ คราวก่อนท่านน้าทำเรื่องน่าละอายแบบนั้นลงไป แต่ก็ยังหน้าหนามาเรียกร้องสิ่งของอีก หนังหน้าสู้กำแพงเมืองได้เลย!”ซ่งจืออวี้จุปากทอดถอนใจ คนไร้ยางอายที่เขาเคยเห็นมานับว่าไม่น้อยเลย คนพวกนั้นล้วนแต่เป็นพวกต่อกรด้วยยากที่ไม่สนใจอันใดทั้งนั้น แต่ละคนมีแต่พวกไม่สนใจเหตุผล ระดับความไร้ยางอายของท่านน้ากลับไม่ด้อยไปกว่าเลย“ท่านน้าไม่มียางอายเลยสักนิด หลายปีนี้อาศัยความลำเอียงของท่านยาย สร้างเรื่องทั้งในทางลับทางแจ้งเรียกร้องสิ่งของไปมากมายเท่าไร?”“ถ้าท่านแม่ไม่ยอมรับปาก ท่านน้าก็จะร้องไห้โวยวายข่มขู่ ท่านยายยิ่งด่าท่านแม่ว่าอกตัญญู พร่ำพูดว่าไม่ยอมรับลูกสาวคนนี้ ดังนั้นท่านแม่จึงถูกควบคุมมาโดยตลอด”ซ่งจิ่งเซินขมวดคิ้วแน่น เขารู้สึกอย
“พวกเขาไม่ได้ลำเอียง แต่เห็นท่านแม่เป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ตามใจชอบต่างหาก ข้าจึงลองทำนายดู”“แล้วก็พบว่าไม่ใช่ลูกแท้ๆ จริงๆ เจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินกล่าวด้วยแววตาจริงจังหลิ่วหรูเยียนจมลงสู่ความเงียบงัน นางตระหนักในความสามารถของบุตรสาวตนเองดี รั่วเจินทำนายแม่นยำมากมาแต่ไหนแต่ไร ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน ความสงสัยหลายปีก่อนกลายเป็นความจริง นางรู้สึกสับสนยิ่งนัก“ท่านแม่ ท่านไม่เป็นไรนะ?” ซ่งจิ่งเซินถามอย่างเป็นห่วงซ่งจืออวี้ก็เป็นห่วงเช่นกัน “ท่านแม่ ท่านอย่าเศร้าใจไปเลยขอรับ”“พวกเจ้าไม่ต้องกังวล หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ กลับเป็นเรื่องดีเสียอีก”“ความจริงหลายปีมานี้ ข้าไม่เข้าใจมาตลอดว่าเหตุใดทั้งที่ข้าทำเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่าเฟยเยี่ยนแท้ๆ แต่ท่านพ่อท่านแม่กลับไม่ชอบข้า”“เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า เรื่องนี้แทบกลายเป็นปมในใจข้า มักคิดอยู่ตลอดว่าเดิมทีท่านพ่อท่านแม่ก็ไม่ชอบข้า ข้ายิ่งควรเชื่อฟังรู้ความสักหน่อย บางทีพวกเขาอาจชอบข้าบ้าง”หลิ่วหรูเยียนหัวเราะเบาๆ แฝงความเยาะหยันตนเองอยู่หลายส่วน จากนั้นแววตาก็เปลี่ยนเป็นสว่างไสว ใสกระจ่างกว่าเดิม“จะว่าไปแล้วก็น่าขัน ปัญหาที่ข้าควรขบคิดเข้าใจม
แววตาหลิ่วหรูเยียนพลันคมปลาบขึ้นมา มีท่าทางเหมือนอยากกลับไปสู้ตายกับหลิ่วเฟยเยี่ยน “เฟยเยี่ยนร่วมมือกับคนนอกมาทำร้ายเจ้า? คงไม่ใช่ว่าครั้งนี้ก็เป็นพวกนางที่ร่วมมือกันใส่ร้ายเจ้าหรอกนะ?”“ต่อให้พวกนางร่วมมือกันก็ไร้ประโยชน์ ท่านน้าเป็นพวกทำการไม่สำเร็จแต่ทำพังกลับถนัดนักมาแต่ไหนแต่ไร ถ้าพวกนางร่วมมือกันจริงๆ ตอนนี้ฉินซวงซวงลงเอยเช่นนี้ เกรงว่าพวกนางคงทะเลาะกันแล้วกระมัง”ซ่งรั่วเจินผายมือ ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าข่าวการเนรเทศคงเหมือนกับฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ สำหรับตระกูลฉิน สำหรับตระกูลหลิ่วที่ไม่มีอะไรสักอย่างยิ่งเป็นหายนะร้ายแรงฮูหยินผู้เฒ่าหลินโลภมากทั้งยังชอบประจบผู้มีอำนาจ ไม่ยอมเสียเปรียบมาแต่ไหนแต่ไร ทั้งยังชอบคิดเล็กคิดน้อยช่วงเวลาที่ผ่านมาหลินจือเยว่ตกต่ำจากยศโหวมาเป็นสามัญชน ยามนี้ยังตกต่ำไปเป็นนักโทษ เกรงว่าความขัดแย้งระหว่างฮูหยินผู้เฒ่าหลินกับตระกูลฉินคงไม่ยุติลงง่ายๆได้ยินอย่างนั้น ทุกคนก็คิดเชื่อมโยงถึงเรื่องนี้โดยไม่รู้ตัว รู้สึกเพียงว่าไม่สามารถได้เห็นละครฉากนี้ด้วยตาตนเองช่างน่าเสียดายยิ่งนัก“ฉินซวงซวงถูกตัดสินให้เนรเทศ ตระกูลเซียวจะต้องร้องขอพระเมตตาแทนนางแน่นอน ก่อ
“นังโง่!”ฉินเจิงสะบัดฝ่ามือตบฉาด ดวงตาเต็มไปด้วยไฟโทสะ“เจ้าไม่ได้ยินข่าวลือหนาหูในเมืองหลวงงั้นเรอะ? ฉู่อ๋องกับนางมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา เจ้าเป็นศัตรูกับนางก็เท่ากับเป็นศัตรูของฉู่อ๋อง!”“เจ้ารังเกียจว่าปัญหาของครอบครัวพวกเราในตอนนี้ยังไม่มากพอ จะทำให้ข้าถูกเนรเทศไปด้วยให้ได้อย่างนั้นรึ!”กู้อวิ๋นเวยถูกตบหนึ่งฉาด ในใจเต็มไปด้วยความโกรธเคือง เงยหน้าสบกับสายตาโกรธเกรี้ยวของฉินเจิงแล้วก็กล้ำกลืนคำที่อยากพูดลงไป ในใจกลับอดแค้นเคืองมิได้ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้หากพวกตนลงมือเร็วกว่านี้ก็สามารถเอาชีวิตซ่งรั่วเจินได้แล้วแท้ๆ ภายหลังคงไม่เกิดเรื่องราวมากมายเช่นนี้ กล่าวถึงที่สุดก็เป็นเพราะฉินเจิงไร้ประโยชน์!หลังจากฉินเจิงจากไป กู้อวิ๋นเวยก็ข่มโทสะเต็มท้อง สมองครุ่นคิดว่าอีกประเดี๋ยวต้องไปตระกูลกู้สักรอบซวงซวงเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ ถึงนางจะตัดสัมพันธ์กับตระกูลกู้แล้ว แต่เรื่องแบบนี้พวกเขาไม่อาจเพิกเฉยไม่สนใจตอนนั้นบิดานางสร้างความชอบทางทหารจึงได้รับป้ายทองละเว้นโทษตายมาป้ายหนึ่ง ขอเพียงยอมนำออกมา ยังจะต้องกลัวว่าซวงซวงจะถูกเนรเทศอีกงั้นหรือ?ทว่าเวลานั้นเอง ฮูหยินผู้เฒ่าหลินที่ทราบข่า
กู้อวิ๋นเวยฟังวาจาเสียดแทงใจดำประโยคแล้วประโยคเล่าเหล่านั้นก็แทบจะโมโหจนขาดใจตายเลยทีเดียว!นางไม่ยินดีถูกคนเอ่ยถึงเรื่องที่นางกับฉินเจิงคบหากันในตอนแรกมาตลอด ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ นางก็คงไม่ตัดขาดสัมพันธ์กับที่บ้านใครใครล้วนพูดกันว่าฉินเจิงกับนางรักใคร่กันแล้วทำให้อดีตฮูหยินโมโหจนตาย แต่นั่นเดิมก็เป็นเพราะสตรีผู้นั้นไร้ประโยชน์ นางกับฉินเจิงจิตใจตรงกัน ไม่อย่างนั้นคุณหนูใหญ่อย่างนางก็คงไม่ยืนกรานแต่งงานกับเขา!เดิมก็เป็นเพราะอดีตฮูหยินจิตใจคับแคบ ทั้งยังไม่รู้จักหลีกทางให้ รู้ดีว่าเทียบนางไม่ได้ก็ควรเป็นฝ่ายลดตัวเป็นอนุภรรยาแล้วเชิญนางเข้าจวนมาถึงจะถูก! ตายไปก็สมควรแล้ว เกี่ยวอันใดกับนาง?“หลินรั่วหลาน นางเฒ่าเจ้าเล่ห์ ตัวเองเป็นตัวหายนะ ตัวเองไร้ประโยชน์ไม่มีปัญญาคลอดลูก มีแค่หลินจือเยว่พวกไร้อนาคตคนเดียว!”“ข้าว่าเจ้าคงบำรุงครรภ์ดีเกินไปจนให้ผลตรงข้ามกระมัง ไม่อย่างนั้นจะโง่งมจนถึงขั้นนี้ได้อย่างไร ยังมีหน้ามาโทษข้าอีก!”กู้อวิ๋นเวยก็ไม่เกรงใจเช่นกัน “พวกไม่เอาไหน ตัวเองเป็นพวกใจคอโลเลเอง ทำไมรึ? ตอนนี้เห็นตระกูลซ่งได้ดี เขาก็ไม่พอใจเสียแล้ว?”“ยังมีเจ้า ถ้าไม่ใช่
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที
เมื่อเห็นกู้ฮวนเอ๋อร์ภาคภูมิใจเช่นนี้ ซ่งรั่วเจินและคนอื่น ๆ ก็อดมิได้ที่จะสงสัยใคร่รู้ ว่าของล้ำค่าที่ว่าคือสิ่งใดกันแน่? “ผ่าม!” กู้ฮวนเอ๋อร์เปิดกล่องผ้าไหมออกด้วยความตื่นเต้นยิ่ง แต่ทว่าหลังจากที่ทุกคนในงานเห็นของในกล่องผ้าไหมแล้ว ล้วนนิ่งงันไปทันที เนื่องด้วยในกล่องนั้นมีเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรอยู่องค์หนึ่ง! “แค่กๆ” ฉู่อวิ๋นกุยกระแอมครั้งหนึ่ง แต่ใบหน้ากลับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ สตรีที่เขาชอบนั้น ช่างเป็นคนที่ชาญฉลาดนัก! ซ่งรั่วเจินพลันมองไปทางฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว ใบหน้ากลับเห่อแดงขึ้นมา แววตาของฉู่จวินถิงปรากฏแววขบขันวาบผ่าน ของขวัญชิ้นนี้ช่างมีความหมายยิ่งนัก กู้ฮวนเอ๋อร์เห็นว่าหลังจากที่ตนหยิบของขวัญออกมาแล้ว ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น ”นี่มันสีหน้าอะไรของพวกเจ้ากัน? หรือว่าไม่ดีงั้นหรือ?“ “เจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรองค์นี้ ข้าไปกราบขอมาโดยเฉพาะ ผ่านพิธีปลุกเสก ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก!” ซ่งรั่วเจิน “...” หลายครั้งนางเองก็นับถือกู้ฮวนเอ๋อร์จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่อายุน้อยขนาดนี้ แต่ความคิดที่จะมอบของขวัญให้กลับเหมือนค
ณ เวลาเดียวกันนั้น อวิ๋นเนี่ยนชูก็ได้มาหาซ่งรั่วเจินเช่นกัน “รั่วเจิน ยินดีกับเจ้าด้วยนะ ข้าเองก็เห็นเหตุการณ์ในงานเทศกาลโคมไฟแล้ว เดิมทีอยากจะไปแสดงความยินดีกับเจ้าอยู่หรอก แต่หลังจากนั้นเกิดเรื่องบางอย่างทำให้ล่าช้าไป จึงต้องมามอบของขวัญแสดงความยินดีในวันนี้” อวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มพลางยื่นของขวัญแสดงความยินดีไปให้ “นี่คือของสิ่งนี้ข้าเตรียมไว้แต่เนิ่น ๆ แล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนดีจริง ๆ เมื่อพวกเจ้าได้แต่งงานกันแล้วจักต้องครองรักกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข จนผู้คนรอบข้างพากันริษยาแน่นอน” ซ่งรั่วเจินมองดูอวิ๋นเนี่ยนชูเปิดกล่องผ้าไหมออก ภายในบรรจุเครื่องประดับศีรษะของสตรีครบชุด เครื่องตกแต่งอื่น ๆ ไปจนถึงเครื่องประทินโฉม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด “ของมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ดูแล้วครบชุดเลย เจ้าให้จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะหรือ?” “ใช่แล้ว!” อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้าพลางยิ้ม “แต่ก่อนข้าครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าควรจะมอบสิ่งใดให้เจ้าเป็นของขวัญดี แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีสิ่งที่เหมาะสมที่สุดได้เลย” “หลังจากนั้น ข้าก็คิดว่า สิ่งที่สตรีมักจะใช้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวันก็มิพ้นเคร
เมื่อได้ฟังสิ่งที่จางเหวินพูด กู้หรูเยียนกับเยี่ยนชิงอวี้ต่างก็อดมิได้ที่จะตกตะลึง ตั้งแต่เมื่อเริ่มรู้จักความรักครั้งแรกก็ชอบพอเฉิงเจ๋อ ถ้าอย่างนั้น ก็ชอบพอหลายปีจริง ๆ พวกเขากลับมิรู้มาโดยตลอด คิดดูแล้ว ในใจเด็กทั้งสองคงมีสิ่งที่เก็บกลั้นไว้อยู่ “จะว่าไป ก็ต้องโทษที่ก่อนหน้านี้ที่ข้ามิได้ใส่ใจให้ดีนัก เอาแต่ให้เฉิงเจ๋อคอยดูแลน้องสาวให้ดี” “เนี่ยนชูชอบตามติดอยู่ข้างกายเฉิงเจ๋อมาตั้งแต่เล็ก ทุกครั้งที่เฉิงเจ๋อกลับจากสำนักศึกษา เป็นเวลาที่นางมักดีใจเป็นที่สุด ข้าก็นึกว่าเป็นเพียงความรักฉันพี่น้องมาโดยตลอด” “มาตรองดูดี ๆ แล้ว ตอนนั้นข้าก็ควรพบความผิดแผกได้ หากเป็นเพียงพี่น้องธรรมดา เหตุใดเด็กทั้งสองจึงมิยอมแต่งงานจนถึงตอนนี้?” จางเหวินยิ่งเอ่ยก็ยิ่งปวดใจ เมื่อนึกถึงคราวก่อนที่อนุอวิ๋นยังหมายจะยกอวิ๋นซีหว่านที่ยังไม่ได้แต่งงานให้แก่เฉิงเจ๋อ เกรงว่าตอนนั้น หัวใจของเด็กทั้งสองคงรวดร้าวมิใช่น้อย ถึงขั้นที่ เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นในตอนนั้น นางยังเคยกล่าวกับเฉิงเจ๋อด้วยว่า เรื่องนี้ช่างน่าขันเสียจริง นางมองเขาเป็นดั่งบุตรชายแท้ ๆ มาโดยตลอด อนาคตจะต้องเลือกคู่ค
“พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ายังจะเกรงใจข้าอีกหรือ? ที่ข้ามานี้ มิใช่เพียงเพื่อช่วยรั่วเจินเตรียมงานแต่งเท่านั้น อีกทั้งยังได้เห็นหน้าชิงอินด้วย ช่างเป็นเรื่องดีเสียจริง” ขณะที่กู้หรูเยียนและเยี่ยนชิงอวี้กำลังสนทนาหยอกเย้ากันอยู่นั้น ก็พลันสังเกตเห็นว่าจางเหวินราวกับเหม่อลอยอยู่ไม่น้อย “หรือว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ? เหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีเหม่อลอยเช่นนี้?” กู้หรูเยียนเอ่ยถาม จางเหวินจึงได้คืนสติ ในใจของนางล้วนมีแต่เรื่องของเนี่ยนชูกับเฉิงเจ๋อ จนเผลอใจลอยไปโดยไม่รู้ตัว “ข้า...” นางเหมือนจะเอื้อนเอ่ย แต่กลับชะงักไป เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “เจ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกพวกเราได้งั้นหรือ? บอกมาตามตรงเถิด” “ที่อนุอวิ๋นพูดมามิผิดเลย ระหว่างเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อต่างก็มีใจให้กัน” จางเหวินทอดถอนใจครั้งหนี่ง เมื่อนึกถึงภาพที่นางได้เห็นเมื่อวานยามกลับจวน เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเฉิงเจ๋อในสภาพเช่นนั้น บทสนทนาของทั้งสอง นางก็พลอยได้ยินไปด้วย นางจึงได้รู้ว่าที่แท้เนียนชู่ชอบพอเฉิงเจ๋อมาหลายปีเพียงนี้ ในฐานะมารดาเช่นนาง นางคิดว่าตนใส่ใจบุตรเป็นอย่าง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น นางกำนัลในตำหนักจงเฟยก็พลันเข้ามา“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” นางกำนัลก้มกายคำนับด้วยท่าทางเคารพนบนอบ แต่ในมือกลับถือเซียนบุปผาเอาไว้หนึ่งองค์ “แม่นางของบ่าว ให้บ่าวนำเซียนบุปผามาให้ฮองเฮา ขอเพียงทรงบูชาด้วยใจที่ตั้งมั่น ก็จะสามารถเปล่งปลั่งผุดผ่อง ทำให้เยาว์วัยตราบนานเท่านาน” เมื่อวาจาถูกเปล่งออกมาเช่นนั้น ฮองเฮาและลู่หมิ่นฮุ่ย ต่างพินิจพิจารณาเซียนบุปผาที่อยู่ตรงหน้า ต้องบอกเลยว่ารูปปั้นนี้ถูกทำขึ้นได้สมจริงยิ่งนัก เซียนบุปผานั้นก็งามวิจิตรด้วยรูปลักษณ์อันเย้ายวนตา “นี่มันเซียนบุปผาอะไรกัน? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” แววตาของฮองเฮาปรากฏแววประหลาดใจวาบหนึ่ง ในใจกับยิ่งรู้สึกสงสัย จงเฟยมีน้ำใจงามถึงเพียงนี้เชียวหรือ จึงยอมมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่นาง? นางสนมวังหลัง ต่างกำลังช่วงชิงแข่งขัน หวังเพียงให้ตนสามารถงามล้ำกว่าผู้อื่น เพื่อที่ฮ่องเต้จะได้ต้องตาในคราแรกเห็น จงเฟยในวันนี้ผุดผ่องไปทั้งตัวยิ่งกว่าทุกวัน แค่ฮ่องเต้ได้เห็น ราตรีนี้ย่อมต้องพลิกป้ายชื่อของนางเป็นแน่ หากความลับที่ทำให้จงเฟยงดงามขึ้นเป็นเพราะการบูชาเซียนบุปผ
นับตั้งแต่แต่งงานกันเป็นต้นมา ท่านอ๋องก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังจากแต่งงานแล้ว นั่นยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยฮองเฮามองแหวนบนมือลู่หมิ่นฮุ่ยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านอ๋องของเจ้าดีต่อเจ้ามากมาแต่ไหนแต่ไร ส่งของขวัญมาให้รวดเร็วปานนี้ ข้าได้ยินมาว่าแหวนในร้านขายเครื่องประดับทั่วเมืองหลวงถูกขายหมดเกลี้ยงแล้ว เมื่อก่อนหาได้ขายดีเท่าปิ่นปักผมไม่”“ไม่รู้ว่าจวินถิงคิดวิธีแปลกใหม่เช่นนี้ได้อย่างไร แต่ข้าแค่ได้ยินก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนเป็นคู่สร้างคู่สมโดยแท้ ช่างชวนให้คนอิจฉานัก”ลู่หมิ่นฮุ่ยดื่มชาจิบหนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “พี่หญิง ยามนี้ท่านคิดตกแล้วช่างดีเหลือเกิน ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่ไทเฮาทรงทราบว่าฝ่าบาทพระราชทานสมรส ยังให้คนนำของพระราชทานไปส่งที่สกุลซ่งไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่าโปรดปรานแม่นางซ่งมาก”ฮองเฮาพยักหน้าน้อยๆ วันนี้ตอนที่นางได้ยินข่าวนี้ก็มีความคิดแบบเดียวกัน ความโปรดปรานที่ไทเฮามีต่อซ่งรั่วเจินช่างชวนให้คนประหลาดใจโดยแท้แต่สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นข่าวดียิ่งโดยไม่ต้องสงสัย“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าแม่นางสกุลหลิงผู้นั้นหมู่นี้ใกล้ชิดกับเช่ออ๋องมากทีเดียว คน
“ก่อนแต่งงานเขาสามารถคิดวิธีการนี้ออกมาได้ หลังแต่งงานก็ย่อมสามารถคิดวิธีอื่นออกมาได้เหมือนกัน เขาย่อมจะมีวิธีแก้ไข”ซ่งหลินมองไปทางกู้หรูเยียน “คิดถึงสมัยที่แม่ข้ายังอยู่ ข้าก็จัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”กู้หรูเยียนอึ้งไป คิดถึงเมื่อครั้งที่แม่สามียังอยู่ ระหว่างนางกับแม่สามีก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีความขัดแย้งอันใด ทุกครั้งซ่งหลินล้วนจัดการได้ดีมากตอนเริ่มแรก นางเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเพราะแม่สามีนิสัยดี รู้สถานการณ์ที่นางอยู่ในตระกูลหลิ่วแล้วยังยินดียอมรับนางอย่างไรเสีย รูปแบบการทำเรื่องต่างๆ ของตระกูลหลิ่วหลายปีมานี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ดื้อด้านไร้เหตุผล ชอบมาหาผลประโยชน์จากตระกูลซ่ง นางรู้สึกละอายใจต่อตระกูลซ่งมาโดยตลอดโชคดีที่ทั้งแม่สามีและพ่อสามีล้วนไม่เคยตำหนินางเพราะเรื่องนี้ นางย่อมเข้าใจว่าในเรื่องนี้ย่อมขาดความชอบของซ่งหลินไปไม่ได้เลย“ตอนนั้นท่านโน้มน้าวแม่สามีอย่างไรหรือ?” กู้หรูเยียนถามอย่างสงสัยตอนนั้นนางกังวลใจไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ทุกครั้งที่ซ่งหลินบอกนางว่าไม่เป็นไร พ่อสามีและแม่สามีจิตใจกว้างขวาง ไม่เคยเก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ แต่กลับเห็นใจนางเป
“เมื่อวานข้าได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ การจัดเตรียมแสนอลังการแบบนี้ ไม่เพียงแค่ไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความจริงใจของฉู่อ๋อง”“ตอนที่ข้าเห็นฉู่อ๋องเป็นฝ่ายถามแม่นางซ่งว่ายินดีแต่งงานกับเขาหรือไม่ก็รู้สึกว่าถ้าบุรุษในใต้หล้าเป็นเหมือนเขากันทุกคนก็คงดี”“ไม่รู้ว่าการมอบแหวนมีความหมายพิเศษอันใดหรือไม่? ตอนข้าเห็นฉู่อ๋องสวมแหวนให้แม่นางซ่งก็รู้สึกว่าพิเศษเอามากๆ วันหน้าตอนข้าแต่งงานก็อยากทำเช่นนี้เหมือนกัน”ทันใดนั้น แหวนในร้านขายเครื่องประดับก็กลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด ตั้งแต่เมื่อคืนวานจนถึงเช้าวันนี้ แหวนทั้งหมดล้วนขายไปจนหมดเกลี้ยงขณะที่เวลานี้จวนสกุลซ่งเพิ่งได้รับราชโองการพระราชทานสมรส“ยินดีด้วย แม่ทัพซ่ง ซ่งฮูหยิน วันที่แปดเดือนหน้าเป็นวันดี หลังแต่งงานแล้ว แม่นางซ่งก็จะกลายเป็นพระชายาฉู่อ๋อง”ขันทีที่อัญเชิญราชโองการมามีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ตำแหน่งพระชายาฉู่อ๋องว่างเว้นมานานมากแล้ว ฉู่อ๋องควรแต่งงานตั้งแต่หลายปีก่อน แต่ก็ผัดผ่อนมาจนถึงตอนนี้บัดนี้ในที่สุดก็มีว่าที่พระชายาฉู่อ๋องเสียที ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองโดยแท้“เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของพระราชทานจากในวัง ไม่เพ