ซ่งรั่วเจินวาจาคมกริบ คำถามรวบรัดตรงประเด็นทำให้คนตระกูลถังทั้งสองใบ้กินไปในชั่วพริบตาทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์จะไม่เข้าใจได้อย่างไร?การวางแผนให้ร้ายวันนี้ทำให้คนมิอาจโต้แย้งได้เลย ถ้าพวกเขาใส่ร้ายได้สำเร็จก็จะไม่อาจแก้ไขได้อีกแล้ว เกรงว่าในใต้หล้านี้นอกจากซ่งรั่วเจินก็คงมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองได้ยามนี้แผนการถูกเปิดโปง แค่อธิบายว่าถูกหลอกง่ายๆ ก็คิดจะปล่อยให้เรื่องผ่านเลยไป เช่นนี้ออกจะไม่ยุติธรรมสำหรับซ่งรั่วเจินเกินไปแล้ว!“ยามนี้เรื่องยังไม่ได้รับการตรวจสอบ ต่อให้สิ่งที่ถังเสวี่ยหนิงพูดมาเป็นความจริง นางก็ต้องมีความคิดร้ายต่อข้าอย่างแน่นอน มิฉะนั้นนางสามารถไปแจ้งความได้ ไยต้องเลือกโอกาสในวันนี้ด้วย?”“ยามนี้ข้าไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ต้องการตรวจสอบเรื่องราวให้กระจ่าง พวกท่านก็คิดจะยัดข้อหาใหญ่โตเช่นนี้ให้ข้า ข้ารับไม่ไหวหรอกนะ!”แววตาซ่งรั่วเจินเย็นชาดุจน้ำแข็ง สำหรับคนที่คิดร้ายต่อนางแล้ว นางไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆในเมื่อถังเสวี่ยหนิงไม่ยอมเลิกรา อย่างนั้นก็ใช้โอกาสนี้ให้นางได้รับบทเรียนเสียบ้าง วันหน้าถ้ายังคิดจะมาหาเรื่องนางอีกจะได้ใคร่ครวญใ
หลินจือเยว่เห็นว่าบริเวณนั้นมีคนมากมายขนาดนี้แต่กลับไม่มีใครเชื่อเขาสักคน ความรู้สึกที่มีร้อยปากยากอธิบายนี้ทำให้เขารู้สึกอัดอั้นจนถึงที่สุด“ข้าไม่ได้ทำจริงๆ พวกเจ้าเชื่อข้าเถอะ! ซวงซวง เจ้าบอกพวกเขาสิว่าข้ารู้เรื่องนี้หรือไม่?”ฉินซวงซวงเห็นอย่างนั้นก็เอ่ยว่า “จือเยว่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ พวกท่านอย่าใส่ร้ายเขา!”ทว่าทุกคนฟังแล้วนอกจากจะไม่เชื่อถือ ยังรู้สึกว่าหลินจือเยว่ช่างมีความสามารถจริงๆ ถึงกับทำให้ฉินซวงซวงยอมแบกรับทุกอย่างเพื่อเขาด้วยความยินยอมพร้อมใจ“จุ๊ๆ เกิดเรื่องขึ้นมาก็ให้ฉินซวงซวงรับไปคนเดียว ตอนแรกเมืองหลวงยังชมว่าหลินโหวดีอยู่เลย ข้าว่าเป็นพวกขี้ขลาดมากกว่า!”“แล้วไม่ใช่หรือไร? ไม่รู้ว่าคนแบบเขามีดีตรงไหน น่าขันนัก!”หลินจือเยว่โมโหจนแทบจะพ่นเลือดออกมาอยู่รอมร่อ เขาไม่รู้เรื่องจริงๆ นี่นา!ซ่งรั่วเจินเห็นหลินจือเยว่ถูกคุมตัวไปแล้ว อารมณ์ก็ดีขึ้นไม่น้อย เรื่องครึกครื้นของตระกูลฉินยิ่งดูก็ยิ่งมาก แต่เกรงว่าพอแม่ทัพฉินทราบเรื่องคงถึงกับหน้ามืดเลยทีเดียวนางหันไปมองฉู่จวินถิง แต่กลับพบว่าชายหนุ่มถอนสายตากลับไปเพื่อหลบตานางโดยไม่รู้ตัวก็อดจะประหลาดใจไม่ได้“อะแ
เมื่อพิธีล่าสัตว์สิ้นสุดลง เรื่องวุ่นวายถึงคราวยุติ ซ่งรั่วเจินก็ติดตามพี่ชายของตนเองเตรียมตัวจากไป“ข้าต้องไปศาลาว่าการซุ่นเทียนก่อนสักรอบ หลังจากนั้นค่อยไปหาเจ้า” ฉู่จวินถิงกล่าวซ่งรั่วเจินพยักหน้าน้อยๆ เรื่องนี้วุ่นวายใหญ่โตเพียงนี้ เกรงว่าคนทั้งเมืองหลวงคงกำลังรอดูผลลัพธ์อยู่ ฉู่จวินถิงจำเป็นต้องปิดคดีโดยเร็วที่สุดอวิ๋นเนี่ยนชูกับเมิ่งชิ่นได้ยินบทสนทนาที่คุ้นเคยปานนี้ระหว่างทั้งคู่ก็หันมาสบตากันโดยสัญชาตญาณ ต่างลอบอมยิ้มอย่างอดไม่อยู่“หลังจากนั้นค่อยไปหาเจ้า?” ฉู่จวินถิงเพิ่งจากไป อวิ๋นเนี่ยนชูก็ใช้ไหล่กระแซะซ่งรั่วเจิน กลั้นยิ้มเอ่ยว่า “รั่วเจิน เจ้ากับท่านอ๋องสนิทสนมกันถึงขั้นนี้แล้ว คงไม่ใช่ว่าคบกันแล้วไม่บอกพวกข้าหรอกนะ?”ความอึดอัดวาบผ่านใบหน้าซ่งรั่วเจิน นางอธิบายว่า “ท่านอ๋องมาหาข้าเพื่อแจ้งบทสรุปของเรื่องนี้กับข้าเท่านั้น”“รั่วเจิน เจ้าหน้าแดงแล้ว! บอกความจริงมานะ ผู้ชายแบบฉู่อ๋องยังมีสิ่งใดให้ติอีกหรือ?”“ถ้าข้ามีวาสนาดีเช่นนี้จะต้องตอบรับโดยไม่ลังเลแน่นอน เจ้าลองคิดดูสิถ้าเจ้าได้เป็นชายาของฉู่อ๋อง พวกฉินซวงซวงยังจะกล้ามาหาเรื่องเจ้าอีกงั้นรึ? หลบยังแทบไม่ทันด้ว
“ข้ากลับมองว่าฉู่อ๋องหาได้ปิดบังแม้แต่น้อย เขาคงรู้เป็นอย่างดีว่าฮองเฮามิได้พอใจกระมัง?” เมิ่งชิ่นเอ่ยถามซ่งรั่วเจินเปล่งเสียงตอบรับ ที่จริงนางมิได้หวั่นเกรงต่อฮองเฮาแม้แต่น้อย เสียก็แต่ปัญหาภายในราชวงศ์นั้นสลับซับซ้อนยิ่ง เพียงเหตุลอบปลงพระชนม์ฉู่เทียนเช่อในวันนี้ก็เห็นได้ชัดเจนว่าขอเพียงก้าวเท้าเข้าไปก็ราวกับติดอยู่ในหล่มโคลนตมแล้ว“รั่วเจิน ข้าว่าเจ้ามิจำเป็นต้องกังวลนักหรอก หากฮองเฮาควบคุมบงการฉู่อ๋องได้จริงแล้วละก็ ฉู่อ๋องก็คงมิครองโสดมาจวบจนบัดนี้ได้หรอก”“ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน ฮองเฮาก็คิดจะจัดแจงหมั้นหมายให้ฉู่อ๋องอยู่แล้ว แต่ดูเอาเถิดว่าถึงตอนนี้แล้วหาคนมาปลงใจได้เสียที่ไหน? ชัดเจนว่าหากมีฉู่อ๋องอยู่ เจ้าก็มิจำเป็นต้องหวั่นเกรงใดๆ ต่อฮองเฮา”“อีกอย่างท่านแม่ข้าเคยว่าไว้ ไม่ว่าแม่นางใดจะแต่งงานกับชายใดก็ล้วนมิอาจเลี่ยงต้องประสบทุกข์ยาก ชีวิตคนเรานั้นยากจะสมบูรณ์แบบพรั่งพร้อม”“บ้างก็สามีภรรยารักใคร่กลมเกลียวมักมีแม่สามีร้ายกาจ บ้างก็แม่สามีดีเหลือหลายสามีภรรยากลับมิสมานฉันท์ ข้ากลับมองว่าอย่างน้อยฉู่อ๋องฝ่าบาทก็ทรงปกป้องเจ้าได้มิใช่หรือ?”“เมิ่งชิ่น นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะม
ไม่นานนักซ่งอี้อันก็กลับมาซ่งรั่วเจินเห็นเขากลับมาแล้วสายตาเอาแต่จับจ้องอยู่ที่นางจึงเอ่ยถาม “เกี่ยวข้องกับข้าหรือไม่?”“ถูกเผ็ง” ซ่งอี้อันพยักหน้า “บุตรชายคนโตของสกุลหร่วนถูกพิษเข้า บัดนี้อาการถึงมือหมอหลวงแล้ว ทว่ายังคงไร้ซึ่งหนทางเช่นเดิม นางจึงนึกถึงหมอเทวดาที่ช่วยรักษาข้าและพี่ใหญ่ขึ้นมาได้ เลยอยากให้ข้าช่วยแนะนำให้”จบประโยค พี่ชายน้องชายทั้งสี่ก็ต่างมองไปยังซ่งรั่วเจิน ฝีมือการแพทย์ของน้องหญิงบ้านตนย่อมเป็นที่ประจักษ์ในหมู่พวกเขาอยู่แล้วกระทั่งโรคที่ท่านหมอมากมายในเมืองหลวงยังไม่อาจรักษาให้หายได้ ขอเพียงน้องหญิงออกโรงแค่เพียงยาก็รักษาหายได้แล้ว ไม่เพียงแค่ซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อันเท่านั้น กระทั่งร่างกายของชิงอินก็เป็นนางเช่นกันที่ช่วยปรับสมดุลให้ดีขึ้นได้ จนบัดนี้เรียกได้ว่าแตกต่างกับเมื่อก่อนลิบลับ!“หร่วนอวี้เฉิงที่ว่าคือคุณชายใหญ่สกุลหร่วนหรือ?”ฉับพลันซ่งรั่วเจินก็หวนนึกถึงสิ่งที่ฉู่จวินถิงเคยบอกนางเอาไว้ว่าหร่วนอวี้เฉิงพักอยู่ที่จวนฉู่อ๋อง หมอหลวงทั้งหลายต่างได้เคยตรวจดูอาการกันแล้ว ทว่าก็ทำได้เพียงรักษาประคองชีวิตไว้ได้เท่านั้น ไม่อาจถอนพิษออกไปได้จนสิ้นดังนั้นจ
หร่วนเนี่ยนถังอดไม่ได้ที่จะถามออกมา นางได้ยินมาว่านับแต่อาการของซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อันถูกรักษาจนหายขาด ผู้คนไม่น้อยก็ต่างสงสัยใคร่รู้ว่าท่านหมอที่รักษาพวกเขาคือผู้ใด ทว่าสกุลซ่งกลับไม่เคยเปิดเผยแพร่งพรายออกมาก่อนนี้ก็มีคนพยายามสืบเสาะหาข้อมูลอยู่เช่นกัน แต่ก็ยังคงไร้ซึ่งเบาะแสข่าวคราวใด“ดูท่าคงมิอยากให้เกิดการอลหม่านวุ่นวาย อย่างไรหากชื่อเสียงกระจายออกไป ความยุ่งยากก็คงตามมาไม่น้อย”ซ่งอี้อันเชื่อว่าน้องหญิงบ้านตนคงคิดเช่นนี้ หากเป็นผู้อื่นที่มีฝีมือเช่นนี้แล้วเล่าก็คงอดรนทนไม่ไหวอยากจะป่าวประกาศให้โลกหล้ารู้กันถ้วนทั่วแล้ว สำหรับน้องหญิงห้าที่มีวิชาศาสตร์ลี้ลับแก่กล้า เมื่อผนวกรวมกับถวามถนัดถนี่ทางการค้าขายแล้ว เรียกได้ว่าก็มีกินมีใช้ไม่ขาดปาก ไม่มีเหตุจำเป็นใดให้ต้องลำบากลำบนอยู่แล้ว เขาก็คิดเช่นกันว่าขอเพียงน้องหญิงห้ามีความสุขตามอัตภาพในทุกๆ วันก็ดีมากพอแล้วหร่วนเนี่ยนถังพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว”ซ่งอี้อันครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนเอ่ย “เรื่องในจวนของพวกเราเมื่อคราก่อน ข้าต้องขออภัยด้วย และขอบใจเจ้ามากที่ช่วยข้าให้พ้นจากเรื่องยุ่งยากใจ”ครั้งนั้นที่หร่วนเนี่ยนถังตกน้ำ ก็
สกุลซุนหลิ่วเฟยเยี่ยนได้ยินคำพูดของซุนเยียนเอ๋อร์เข้า ดวงตาก็เต็มด้วยความคาดไม่ถึง “เจ้าว่าอะไรนะ? ฉู่อ๋องมอบรางวัลที่ตนชนะเลิศการล่าสัตว์ให้ซ่งรั่วเจินต่อหน้าผู้คนเช่นนั้นหรือ?”ซุนเยียนเอ๋อร์พยักหน้าด้วยสีหน้าไม่สู้ดิ “ท่านแม่ ท่านว่าเหตุใดญาติผู้พี่จึงโชคดีเช่นนี้ได้เล่า? นางก็เพียงหญิงที่เคยถอนหมั้นหมายมาก่อน แต่กลับอาจหาญหมายใจฉู่อ๋องก็เท่านั้น!”“ก่อนนี้ผู้คนต่างกล่าวกันว่าฉู่อ๋องสายตาเฉียบคม หญิงสาวทั่วไปล้วนไม่อาจเข้าตาเขาได้มิใช่หรือ? แล้วเหตุใดจึงมาถูกตาต้องใจญาติผู้พี่ได้เล่า?”แรกเริ่มหลินจือเยว่ยังบอกนางว่าวันนี้จะเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้หวนผงาดอีกครั้ง ให้นางเตรียมตัวรอดูอยู่เลยรอจนเขาหวนคืนสู่ตำแหน่งขุนนางอีกครั้งเมื่อใดแล้ว ก็จะรับนางเข้าจวนเป็นภรรยา ดังนั้นวันนี้กระทั่งพิธีล่าสัตว์นางก็ยังไม่ได้ไป ด้วยกลัวจะปะเข้ากับฉินซวงซวงจนเกิดปัญหา!ใครเล่าไม่รู้ว่าหญิงเช่นฉินซวงซวงร้ายกาจหยาบช้าเพียงใด กลเม็ดที่ใช้เล่นงานผู้อื่นเรียกได้ว่าไม่ขาดสาย นางย่อมไม่ต้องการถูกเล่นงานเสียตั้งแต่ยังไม่ได้ก้าวเท้าเข้าจวน!ใครจะคิดเล่าว่าหลินจือเยว่จะไม่เพียงไม่อาจผงาดได้อีกครั้ง กล
เมื่อยามราตรีค่อยๆ ย่างกรายมาถึง ฉู่จวินถิงก็มารับตัวซ่งรั่วเจินไปหลิ่วหรูเยียนมองดูบุตรสาวของตนที่ถูกรับตัวออกไปแล้วใบหน้าก็ผุดพรายด้วยรอยยิ้ม นางทอดถอนใจเอ่ย “ลูกสาวโตแล้วก็ยากที่จะรั้ง เจินเอ๋อร์คงมีใจให้ฉู่อ๋องแล้วเป็นแน่”ในฐานะคนผ่านโลกมาก่อน นางย่อมรู้ดีว่าสายตาของคนมีความรักนั้นยากจะปกปิดท่าทีของเจินเอ๋อร์ที่มีต่อฉู่อ๋องก่อนหน้านี้ช่างแตกต่างจากตอนนี้โดยสิ้นเชิง คิดแล้วต่อไปก็เหลือเพียงรอฟังข่าวดีแล้ว“ฮูหยิน ฉู่อ๋องเป็นบุรุษที่หาได้ยากในโลกหล้า ทั้งยังจริงจังจริงใจต่อคุณหนู ดูแล้วหากแต่งออกไปคงไม่มีทางทำคุณหนูของเราต้องเสียใจแน่เจ้าค่ะ” แม่นมเอ่ยด้วยรอยยิ้มหลิ่วหรูเยียนก็พลอยยิ้มตาม “ก่อนนี้ข้ายังเป็นกังวลเรื่องเจินเอ๋อร์อยู่บ้าง นางนิสัยใจคอเหมือนกันกับข้า ยากจะเลี่ยงถูกผู้อื่นรังแก บัดนี้ข้ากลับคิดว่าใครจะรังแกนางก็คงมิใช่เรื่องง่ายดายเสียแล้ว”“อีกทั้งหากฉู่อ๋องทำถึงขั้นนี้แล้ว ก็ย่อมไม่มีทางแต่งนางเข้าไปเพื่อรังแกแน่”“ฮูหยินวางใจเถิดเจ้าค่ะ คุณหนูของเราเป็นคนมีวาสนาที่ดี!”ซ่งรั่วเจินตามฉู่จวินถิงขึ้นมานั่งยังรถม้า นางมองดูใบหน้าที่ดูอิดโรยเล็กน้อยของเขาก่อนจะเ
เขาได้ยินเรื่องในตอนนั้นจากปากของพวกเขาเพียงบางส่วนก็ถูกขัดขึ้นแล้ว เรื่องในอดีตไม่อยากรื้อฟื้น ที่ผ่านมาตนเองก็คือตัวโง่งมคนหนึ่งโดยแท้!“ซงจิ่งเซิน เหตุใดท่านถึงพูดกับหยวนจื่อเช่นนี้? สาเหตุที่ในอดีตท่านทำเพื่อหยวนจื่อมากมายถึงเพียงนั้น ยังมิใช่เพราะต้องการให้หยวนจื่อมอบโอกาสให้ท่านสักครั้งหรือ?”เจี่ยงเหวินจิ้งสบมองซ่งจิ่งเซิน ภายในสายตาเปี่ยมความรังเกียจ คล้ายกำลังมองสิ่งน่าขยะแขยงบางอย่าง“บัดนี้หยวนจื่อมาแล้ว ท่านก็พูดเถอะว่าตกลงจะต้องทำเช่นไรถึงจะสามารถลบล้างเรื่องที่ผ่านมาได้!”“ทว่าท่านอยากให้หยวนจื่อแต่งกับท่าน นั่นไม่มีวันเป็นไปได้!”พานเหราทางฝั่งหนึ่งพยักหน้า “วันนี้อากาศไม่เลว มิสู้ก็ให้หยวนจื่อไปเที่ยวทะเลสาบเป็นเพื่อนท่าน แต่ของทั้งหมดท่านต้องเตรียมไว้ให้ดี”“ได้ยินมาว่าระยะนี้ร้านขายผ้าของท่านออกแบบพิเศษไม่น้อย งดงามอย่างมาก เชื่อว่าท่านเตรียมไว้ให้หยวนจื่อดีแล้วกระมัง? ยังไม่รีบฉวยโอกาสนี้เอามาส่งให้อีกหรือ?”“พลาดวันนี้ไป ท่านก็ไม่มีโอกาสแล้ว!”ภายในสายตาเคอหยวนจื่อสะท้อนความลำพองใจ ปลายคางเชิดขึ้นเล็กน้อย สะท้อนความเย่อหยิ่งหลายส่วน“เหวินจิ้งและพานเหรามากั
ชั่วขณะเคอหยวนจื่อกำลังสบมองซ่งจิ่งเซินอยู่นั้น ความไม่พอใจพลุ่งพล่านภายในใจ“จิ่งเซิน บัดนี้ท่านบรรลุเป้าหมายแล้ว งานแต่งของข้าและสกุลชวีถูกระงับไว้ชั่วคราว ท่านพอใจแล้วกระมัง?”นับตั้งแต่ครั้งก่อนซ่งจิ่งเซินพาคนมากมายมาคิดบัญชีสกุลเคออย่างกระจ่างชัดเจนแล้ว ชวีคั่วกลับไปก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ครอบครัวสกุลชวีฟังเดิมทีนางคิดว่าสกุลชวีกิจการใหญ่โต ต่อให้ด้านการเงินไม่อาจเทียบสกุลซ่งได้ แต่ก็ต้องหาทางช่วยแก้ปัญหาใครคิดเล่าว่าสกุลชวีถึงขั้นกลายเป็นเต่าหัวหด พูดว่ารอพวกเขาคลี่คลายปัญหานี้แล้วค่อยคุยเรื่องแต่งงานก็ยังไม่สาย แม้แต่ชวีคั่วที่ก่อนหน้านี้ตามตอแยนางก็มีท่าทีเปลี่ยนไป คล้ายตั้งใจหลบเลี่ยงนางทั้งหมดนี้ทำให้นางรู้สึกทรมานใจอย่างบอกไม่ถูกถือสิทธิ์อะไร?ก็แค่จ่ายเงินมากหน่อยเท่านั้น ซ่งจิ่งเซินมอบให้นางมากมายถึงเพียงนี้จนคุ้นชินแล้ว ชวีคั่วถึงขั้นยอมรับเรื่องเล็กน้อยนี้ไม่ได้ทว่าหลังทั้งหมดนี้เกิดขึ้น นางกลับยิ่งโกรธแค้นซ่งจิ่งเซินภายในใจแต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยได้รับความอับอายเช่นนี้มาก่อน ทั้งๆ ที่ทั้งหมดล้วนเป็นแผนการของซ่งจิ่งเซิน ก็เพื่อทำให้นางยอมแพ้!ชั่วขณะซ่งจิ่ง
ใคร่ครวญอย่างละเอียด ฉินฮูหยินและฉินซวงซวงมีบุคลิกแตกต่างจากครอบครัวสกุลกู้ มิน่าเล่าจึงมาถึงขึ้นตัดขาดความสัมพันธ์เช่นนี้“ข้าเองก็สืบมาก่อน บุคลิกของคนสกุลกู้นั้นไม่จำเป็นต้องพูดมาก” ซ่งรั่วเจินพูดขึ้นซ่งเยี่ยนโจวพูดอย่างลังเล “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดเจ้าไม่บอกเรื่องนี้กับท่านแม่เล่า? ข้าเชื่อว่าท่านแม่จะต้องอยากรู้ชาติกำเนิดของนางเป็นแน่ ใช่หรือไม่ว่ามีเรื่องให้กังวล?”“น้องหญิงห้า เจ้ากังวลว่าสกุลกู้จะทำไม่ดีต่อท่านแม่หรือ?” ซ่งอี้อันนึกบางอย่างขึ้นได้ เอ่ยถามสีหน้าซ่งรั่วเจินซับซ้อน “หลายปีมานี้ท่านแม่ได้รับความลำบากจากสกุลหลิ่วมามาก ท่าทีของสกุลกู้ในตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจน”“หากพวกเขารู้ความจริงแล้วก็คิดจะปกป้องท่านแม่ เช่นนั้นก็ดีมาก ทว่าระยะก่อนเกิดเรื่องกับฉินเซี่ยงเหิง เป็นสกุลกู้ออกหน้าปกป้องเขา”“อย่างไรเสียก็เป็นลูกสาวที่เลี้ยงดูมานานหลายปี ข้ากังวลถึงตอนนั้นท่านแม่จะต้องแย่งความรักจากบิดามารดากับกู้อวิ๋นเวย...”นางเข้าใจความรู้สึกของมารดาดีมาก ที่ผ่านมาก็เพราะกังวลว่าหากพูดความจริงออกมาแล้ว มารดาจะยอมรับไม่ไหว จึงอยากรอให้มารดาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของสกุลหลิ่วก
หลังจากซ่งรั่วเจินและพวกกลับมายังจวนสกุลซ่งแล้ว ซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อันก็ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อได้ยินผลลัพธ์ดังกล่าว ทั้งสองก็ไม่ได้ตกใจมากนัก อย่างไรเสียแต่ไหนแต่ไรสกุลหลิ่วก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว มักกระเหี้ยนกระหือรืออยากจะนำสิ่งของทุกอย่างของท่านแม่ไปเติมเต็มให้กับท่านน้าและคนสกุลหลิ่วด้วยกันทั้งสิ้นเพียงแต่ เมื่อซ่งรั่วเจินเผยว่าท่านแม่ไม่ได้เป็นบุตรสาวในไส้ของหญิงสกุลหลิ่ว สีหน้าทั้งสองก็ฉายชัดถึงความตกตะลึง“พวกเจ้ามิจำเป็นต้องกังวลใจ เดิมทีแม่ก็เพียงแต่รู้สึกติดค้างในใจ บัดนี้รู้แล้วว่าแม่ไม่ได้เป็นบุตรในไส้ของพวกเขาทุกอย่างก็กระจ่างแล้ว” “นับเป็นเรื่องดีทีเดียว จากนี้ไปพวกเขาคงมิกล้ายกเรื่องอกตัญญูมาบีบคั้นแม่อีก!” หลิ่วหรูเยียนกล่าวด้วยรอยยิ้มซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อันพยักหน้า เห็นมารดาหายข้องใจในทุกสิ่งแล้ว ต่างก็รู้สึกยินดีในใจอย่างบอกไม่ถูกแท้จริงแล้วความทุกข์ของคนเรานั้นเกิดจากความใส่ใจ บัดนี้เมื่อไม่ใส่ใจแยแสอีกต่อไปแล้ว สกุลหลิ่วก็หาได้มีอิทธิพลใดๆ อีกจนกระทั่งหลิ่วหรูเยียนไปแล้ว ซ่งอี้อันจึงหันมองไปยังซ่งรั่วเจิน “น้องหญิงห้า เจ้ารู้แล้วใช่ห
“จับตัวนังชั่วนั่นมัดเสีย! ส่งนางไปศาลาว่าการซุ่นเทียน!”ฉินจื้อหย่วนได้ยินคำก็รู้ได้ในทันทีว่าเรื่องนี้ลุล่วงแล้ว!ตราบใดที่โยนความผิดทั้งหมดให้ฉินซวงซวงและเหอเซียงหนิงได้ เขาที่ถูกวางยาและมีบิดาช่วยเป็นพยานยืนยัน สกุลกัวก็ย่อมจะต้องเชื่อว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ส่วนเรื่องเด็กที่กำลังจะเกิดมา เมื่อเหอเซียงหนิงคลอดแล้วก็เพียงแค่ไล่นางไป แล้วมอบเด็กให้เยว่หลินเลี้ยงดูแทน เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วกู้อวิ๋นเวยกุมท้องที่เจ็บปวดเอาไว้ นึกถึงความลำบากที่นางต้องอดกลั้นเพื่อจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับฉินเจิง ทว่าบัดนี้กลับได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ ดวงตายิ่งแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ แล้ว สายตากลับยิ่งเต็มด้วยความโกรธแค้น!ในเมื่อฉินเจิงไม่เห็นค่าสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาที่มีมา นางก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเช่นกัน!รอนางกลับไปยังสกุลกู้เสียก่อนเถิด จะให้คนในครอบครัวเอาคืนแทนนางให้สาสม!ไม่เพียงแค่ฉินเจิงเท่านั้น รวมถึงเจ้าลูกชั่วช้าฉินจื้อหย่วน! ที่นางน่าจะทำทุกวิถีทางทำให้ตายเสียตั้งแต่แรก!ขณะที่นางกำลังคิดถึงวิธีการที่จะใช้สั่งสอนพวกเขาอยู่นี้เอง ก็พลันเห็นบ่าวรับใช้กลุ่มหนึ่งเดินตรงมาหานางด้วยท่าทีฉายชัดถึงความไ
กู้อวิ๋นเวยมองฉินเจิงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ สุดจะคาดคิดสายสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาหลายปีจะถูกตัดขาดเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้! ฉินจื้อหย่วนเมื่อเห็นบิดาตัดสินใจจะปลดกู้อวิ๋นเวย ในใจก็อดยินดีปรีดาขึ้นมาไม่ได้ตั้งแต่กู้อวิ๋นเวยเข้ามาในครอบครัวก็ไม่เคยปฏิบัติดีต่อพวกเขาสองพี่น้องเลย หากมีสิ่งของดีใดล้วนตกถึงแต่มือของฉินเซี่ยงเหิงและฉินซวงซวง พวกเขาสองพี่น้องล้วนต้องจัดการดูแลตัวเองกันทุกอย่าง!หากกู้อวิ๋นเวยถูกปลดออกไป พวกเขาสองพี่น้องร่วมมือกันได้ แม้ฉินเซี่ยงเหิงคิดอยากจะกดขี่พวกเขาอีกก็ไร้หนทางแล้ว! “ฉินเจิง หากข้าออกจากตระกูลฉินไปแล้วเล่าก็ ท่านอย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน!”กู้อวิ๋นเวยกำหมัดแน่น ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าว “ข้ามีสกุลกู้คอยหนุนหลัง! ครานั้นพวกเขามิยินยอมให้ข้าแต่งกับท่านจึงได้ตัดสัมพันธ์ฉันญาติมิตรกับข้า!”“ขอเพียงท่านปลดข้าแล้ว บิดามารดาและพี่ชายข้าพวกเขาไม่ปล่อยท่านไว้หรอก ท่านคิดว่าชีวิตท่านยังจะราบรื่นสงบสุขได้อยู่หรือ?”“หยุดข่มขู่พ่อข้าได้แล้ว! มีคนเยี่ยงเจ้าเป็นนายหญิง ตระกูลฉินนับวันก็ยิ่งตกต่ำลงทุกวัน!”“หลายปีมานี้ สกุลกู้มิเคยแม้แต่จะช่วยเหลือบิดาข้าเล
ขันทีประกาศราชโองการจู่ๆ เห็นหญิงกายเต็มด้วยเลือดผู้หนึ่งพุ่งพรวดเข้ามา มือดึงจับเอาขากางเกงของเขาไว้แน่นก็สะดุ้งตกใจ“เจ้าเป็นใครกัน?”“ข้าเป็นมารดาของหลินจือเยว่ กงกง ตระกูลฉินหาใครดีมิได้เลย พวกเขาฆ่าลูกข้าแล้วยังมิพอ ยังคิดจะฆ่าปิดปากข้าอีก!”“หากท่านมิช่วยข้า วันนี้คงถึงคราวตายของข้าแล้วเป็นแน่!”ขันทีประกาศราชโองการย่อมรู้จักหลินจือเยว่ดี ก่อนนี้ครั้งที่หลินจือเยว่ยังเป็นหลินโหวเขายังเคยแสดงความยินดีด้วยอยู่เลย ฮูหยินผู้เฒ่าหลินที่ได้เห็นก็ยังมีสง่าราศีล้นเหลือ ทว่าบัดนี้กลับดูแก่ชราลงเป็นสิบปี อีกทั้งบาดแผลศีรษะแตกก็ยังคงมีเลือดไหลอยู่ไม่หยุด!“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?” “บุตรชายข้าคอยแต่จะห้ามมิให้ฉินซวงซวงทำเรื่องชั่วช้าสามาญ แต่นางหญิงชั่วผู้นั้นราวกับคนบ้าก็มิปาน ทำแต่เรื่องเลวทรามมิมีหยุดหย่อน ทั้งยังลอบคบชู้สู่ชาย!”“เมื่อบุตรชายข้าเอ่ยปากขอหย่า พวกตระกูลฉินก็บีบบังคับเรา พวกเราเป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดาไร้อำนาจ ไหนเลยจะต้านทานพวกเขาได้?”“ตอนนี้จือเยว่ติดร่างแหถูกเนรเทศยังมิพอ พวกเขายังบีบข้าให้สั่งจือเยว่รับผิดแทนทั้งหมด พอข้าขัดขืนพวกเขาก็คิดจะตีข้าเสียให้ตาย!”ฮูหยิ
ขันทีเหลือบมองระหว่างฉินเจิงและบุตรชายแล้ว สายตาก็หยุดอยู่ที่กู้อวิ๋นเวยผู้ซึ่งเสื้อผ้ายับยู่ผมเผ้ายุ่งเหยิง แววตาเขาพลันฉายแววแกมแฝงเย้ยหยัน“อาภรณ์ของฉินฮูหยินแปลกใหม่ดีแท้”ฉินเจิงกลับจ้องมองกู้อวิ๋นเวยด้วยสายตาวาวโรจน์ รู้สึกอับอายขายขี้หน้าผู้คนอย่างถึงที่สุด!ฉินซวงซวงทำอับอายมากพอแล้ว คนเป็นมารดาอย่างกู้อวิ๋นเวยก็ยังทำขายขี้หน้าไปด้วย เกียรติศักดิ์ศรีของฉินเจิงผู้นี้จึงคล้ายจะถูกสองแม่ลูกคู่นี้ทำลายเสียจนสิ้นแล้ว!กู้อวิ๋นเวยมีสีหน้าลำบากใจ นางทำได้เพียงดิ้นทุรนทุรายอยู่กับพื้นฝืนทนความเจ็บปวดทางกาย ไม่เพียงแต่ศีรษะและใบหน้า กระทั่งตามเนื้อตัวก็ล้วนเต็มด้วยร่องรอยแผลฟกช้ำ!“ด้วยโองการแห่งสวรรค์ ฮ่องเต้ทรงมีพระบัญชา ฉินเจิงปกครองเรือนมิรัดกุม ครานี้ถึงกับกุเรื่องใส่ความผู้อื่น สอนสั่งนับครั้งมิปรับปรุงแก้ไข ให้โทษลดตำแหน่งเป็นรองเสนาธิการเจาอู่!”สิ้นคำกล่าวของขันที สีหน้าฉินเจิงก็ซีดขาวไร้เลือด เขาทรุดนั่งเหม่อลอยกับพื้นราวกับสูญสิ้นหมดทั้งเรี่ยวแรงหลายปีมานี้เขาดำรงตำแหน่งแม่ทัพหมิงเวยขั้นสี่ เพราะไม่มีผลงานโดดเด่นใดในสนามรบ จึงไม่เคยมีโอกาสใดในการเลื่อนขั้นแต่บัดนี้เ
เมื่อก่อนถ้าเยว่หลินโกรธ เขาก็จะใช้ไม้นี้ ผู้ใดจะคาดว่าเขายังไม่ทันรอจนเยว่หลินปรากฏตัว แต่กลับได้รับน้ำล้างเท้าอ่างหนึ่งเทลงมาจากชั้นบนแทนอารามโมโห เขาจึงได้แต่กลับมาอาบน้ำเปลี่ยนชุด ไม่รู้ว่านั่นเป็นน้ำล้างเท้าคนจำนวนมากเท่าไรจึงส่งกลิ่นเหม็นเปรี้ยวชวนคลื่นไส้แบบนั้นในเมื่อเรื่องความสัมพันธ์กับภรรยาเป็นไปได้มากว่าคงรักษาไว้ไม่ได้แล้ว อย่างน้องก็ต้องเก็บลูกเขาไว้ให้ได้เขาเห็นว่าฉินเจิงไม่อยู่จึงถอยกลับไปอย่างเงียบๆรอจนหลินรั่วหลานถูกแม่นมสาวใช้ช่วยกันดึงออกไปข้างๆ ได้แล้ว กู้อวิ๋นเวยก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด“ตีนางให้หนักๆ! ตีให้ตายไปเลย!”แววตาหลินรั่วหลานทอประกายเคียดแค้น “เจ้าแน่จริงก็ตีข้าให้ตาย ลือออกไปทุกคนจะได้รู้ว่าตระกูลฉินของพวกเจ้าเป็นฆาตกร!”“ตี! เหลือแค่ลมหายใจสุดท้ายไว้ก็พอ!” กู้อวิ๋นเวยสั่งอย่างโกรธเกรี้ยวฉินจื้อหย่วนไปหาฉินเจิง “ท่านพ่อ เมื่อครู่ตอนข้ามาได้ยินว่าฮูหยินใหญ่กับฮูหยินผู้เฒ่าหลินตีกันแล้ว จะไปดูหน่อยไหมขอรับ?”ฉินเจิงเดิมก็อารมณ์ขุ่นมัว เห็นฉินจื้อหย่วนก็ไม่มีสีหน้าดีๆ ให้ เจ้าโง่คนนี้ ไม่ดูเสียบ้างว่าเหอเซียงหนิงเป็นผู้หญิงแบบไหน ถึงกับไ