ซ่งรั่วเจินวาจาคมกริบ คำถามรวบรัดตรงประเด็นทำให้คนตระกูลถังทั้งสองใบ้กินไปในชั่วพริบตาทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์จะไม่เข้าใจได้อย่างไร?การวางแผนให้ร้ายวันนี้ทำให้คนมิอาจโต้แย้งได้เลย ถ้าพวกเขาใส่ร้ายได้สำเร็จก็จะไม่อาจแก้ไขได้อีกแล้ว เกรงว่าในใต้หล้านี้นอกจากซ่งรั่วเจินก็คงมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองได้ยามนี้แผนการถูกเปิดโปง แค่อธิบายว่าถูกหลอกง่ายๆ ก็คิดจะปล่อยให้เรื่องผ่านเลยไป เช่นนี้ออกจะไม่ยุติธรรมสำหรับซ่งรั่วเจินเกินไปแล้ว!“ยามนี้เรื่องยังไม่ได้รับการตรวจสอบ ต่อให้สิ่งที่ถังเสวี่ยหนิงพูดมาเป็นความจริง นางก็ต้องมีความคิดร้ายต่อข้าอย่างแน่นอน มิฉะนั้นนางสามารถไปแจ้งความได้ ไยต้องเลือกโอกาสในวันนี้ด้วย?”“ยามนี้ข้าไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ต้องการตรวจสอบเรื่องราวให้กระจ่าง พวกท่านก็คิดจะยัดข้อหาใหญ่โตเช่นนี้ให้ข้า ข้ารับไม่ไหวหรอกนะ!”แววตาซ่งรั่วเจินเย็นชาดุจน้ำแข็ง สำหรับคนที่คิดร้ายต่อนางแล้ว นางไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆในเมื่อถังเสวี่ยหนิงไม่ยอมเลิกรา อย่างนั้นก็ใช้โอกาสนี้ให้นางได้รับบทเรียนเสียบ้าง วันหน้าถ้ายังคิดจะมาหาเรื่องนางอีกจะได้ใคร่ครวญใ
หลินจือเยว่เห็นว่าบริเวณนั้นมีคนมากมายขนาดนี้แต่กลับไม่มีใครเชื่อเขาสักคน ความรู้สึกที่มีร้อยปากยากอธิบายนี้ทำให้เขารู้สึกอัดอั้นจนถึงที่สุด“ข้าไม่ได้ทำจริงๆ พวกเจ้าเชื่อข้าเถอะ! ซวงซวง เจ้าบอกพวกเขาสิว่าข้ารู้เรื่องนี้หรือไม่?”ฉินซวงซวงเห็นอย่างนั้นก็เอ่ยว่า “จือเยว่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ พวกท่านอย่าใส่ร้ายเขา!”ทว่าทุกคนฟังแล้วนอกจากจะไม่เชื่อถือ ยังรู้สึกว่าหลินจือเยว่ช่างมีความสามารถจริงๆ ถึงกับทำให้ฉินซวงซวงยอมแบกรับทุกอย่างเพื่อเขาด้วยความยินยอมพร้อมใจ“จุ๊ๆ เกิดเรื่องขึ้นมาก็ให้ฉินซวงซวงรับไปคนเดียว ตอนแรกเมืองหลวงยังชมว่าหลินโหวดีอยู่เลย ข้าว่าเป็นพวกขี้ขลาดมากกว่า!”“แล้วไม่ใช่หรือไร? ไม่รู้ว่าคนแบบเขามีดีตรงไหน น่าขันนัก!”หลินจือเยว่โมโหจนแทบจะพ่นเลือดออกมาอยู่รอมร่อ เขาไม่รู้เรื่องจริงๆ นี่นา!ซ่งรั่วเจินเห็นหลินจือเยว่ถูกคุมตัวไปแล้ว อารมณ์ก็ดีขึ้นไม่น้อย เรื่องครึกครื้นของตระกูลฉินยิ่งดูก็ยิ่งมาก แต่เกรงว่าพอแม่ทัพฉินทราบเรื่องคงถึงกับหน้ามืดเลยทีเดียวนางหันไปมองฉู่จวินถิง แต่กลับพบว่าชายหนุ่มถอนสายตากลับไปเพื่อหลบตานางโดยไม่รู้ตัวก็อดจะประหลาดใจไม่ได้“อะแ
เมื่อพิธีล่าสัตว์สิ้นสุดลง เรื่องวุ่นวายถึงคราวยุติ ซ่งรั่วเจินก็ติดตามพี่ชายของตนเองเตรียมตัวจากไป“ข้าต้องไปศาลาว่าการซุ่นเทียนก่อนสักรอบ หลังจากนั้นค่อยไปหาเจ้า” ฉู่จวินถิงกล่าวซ่งรั่วเจินพยักหน้าน้อยๆ เรื่องนี้วุ่นวายใหญ่โตเพียงนี้ เกรงว่าคนทั้งเมืองหลวงคงกำลังรอดูผลลัพธ์อยู่ ฉู่จวินถิงจำเป็นต้องปิดคดีโดยเร็วที่สุดอวิ๋นเนี่ยนชูกับเมิ่งชิ่นได้ยินบทสนทนาที่คุ้นเคยปานนี้ระหว่างทั้งคู่ก็หันมาสบตากันโดยสัญชาตญาณ ต่างลอบอมยิ้มอย่างอดไม่อยู่“หลังจากนั้นค่อยไปหาเจ้า?” ฉู่จวินถิงเพิ่งจากไป อวิ๋นเนี่ยนชูก็ใช้ไหล่กระแซะซ่งรั่วเจิน กลั้นยิ้มเอ่ยว่า “รั่วเจิน เจ้ากับท่านอ๋องสนิทสนมกันถึงขั้นนี้แล้ว คงไม่ใช่ว่าคบกันแล้วไม่บอกพวกข้าหรอกนะ?”ความอึดอัดวาบผ่านใบหน้าซ่งรั่วเจิน นางอธิบายว่า “ท่านอ๋องมาหาข้าเพื่อแจ้งบทสรุปของเรื่องนี้กับข้าเท่านั้น”“รั่วเจิน เจ้าหน้าแดงแล้ว! บอกความจริงมานะ ผู้ชายแบบฉู่อ๋องยังมีสิ่งใดให้ติอีกหรือ?”“ถ้าข้ามีวาสนาดีเช่นนี้จะต้องตอบรับโดยไม่ลังเลแน่นอน เจ้าลองคิดดูสิถ้าเจ้าได้เป็นชายาของฉู่อ๋อง พวกฉินซวงซวงยังจะกล้ามาหาเรื่องเจ้าอีกงั้นรึ? หลบยังแทบไม่ทันด้ว
“ข้ากลับมองว่าฉู่อ๋องหาได้ปิดบังแม้แต่น้อย เขาคงรู้เป็นอย่างดีว่าฮองเฮามิได้พอใจกระมัง?” เมิ่งชิ่นเอ่ยถามซ่งรั่วเจินเปล่งเสียงตอบรับ ที่จริงนางมิได้หวั่นเกรงต่อฮองเฮาแม้แต่น้อย เสียก็แต่ปัญหาภายในราชวงศ์นั้นสลับซับซ้อนยิ่ง เพียงเหตุลอบปลงพระชนม์ฉู่เทียนเช่อในวันนี้ก็เห็นได้ชัดเจนว่าขอเพียงก้าวเท้าเข้าไปก็ราวกับติดอยู่ในหล่มโคลนตมแล้ว“รั่วเจิน ข้าว่าเจ้ามิจำเป็นต้องกังวลนักหรอก หากฮองเฮาควบคุมบงการฉู่อ๋องได้จริงแล้วละก็ ฉู่อ๋องก็คงมิครองโสดมาจวบจนบัดนี้ได้หรอก”“ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน ฮองเฮาก็คิดจะจัดแจงหมั้นหมายให้ฉู่อ๋องอยู่แล้ว แต่ดูเอาเถิดว่าถึงตอนนี้แล้วหาคนมาปลงใจได้เสียที่ไหน? ชัดเจนว่าหากมีฉู่อ๋องอยู่ เจ้าก็มิจำเป็นต้องหวั่นเกรงใดๆ ต่อฮองเฮา”“อีกอย่างท่านแม่ข้าเคยว่าไว้ ไม่ว่าแม่นางใดจะแต่งงานกับชายใดก็ล้วนมิอาจเลี่ยงต้องประสบทุกข์ยาก ชีวิตคนเรานั้นยากจะสมบูรณ์แบบพรั่งพร้อม”“บ้างก็สามีภรรยารักใคร่กลมเกลียวมักมีแม่สามีร้ายกาจ บ้างก็แม่สามีดีเหลือหลายสามีภรรยากลับมิสมานฉันท์ ข้ากลับมองว่าอย่างน้อยฉู่อ๋องฝ่าบาทก็ทรงปกป้องเจ้าได้มิใช่หรือ?”“เมิ่งชิ่น นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะม
ไม่นานนักซ่งอี้อันก็กลับมาซ่งรั่วเจินเห็นเขากลับมาแล้วสายตาเอาแต่จับจ้องอยู่ที่นางจึงเอ่ยถาม “เกี่ยวข้องกับข้าหรือไม่?”“ถูกเผ็ง” ซ่งอี้อันพยักหน้า “บุตรชายคนโตของสกุลหร่วนถูกพิษเข้า บัดนี้อาการถึงมือหมอหลวงแล้ว ทว่ายังคงไร้ซึ่งหนทางเช่นเดิม นางจึงนึกถึงหมอเทวดาที่ช่วยรักษาข้าและพี่ใหญ่ขึ้นมาได้ เลยอยากให้ข้าช่วยแนะนำให้”จบประโยค พี่ชายน้องชายทั้งสี่ก็ต่างมองไปยังซ่งรั่วเจิน ฝีมือการแพทย์ของน้องหญิงบ้านตนย่อมเป็นที่ประจักษ์ในหมู่พวกเขาอยู่แล้วกระทั่งโรคที่ท่านหมอมากมายในเมืองหลวงยังไม่อาจรักษาให้หายได้ ขอเพียงน้องหญิงออกโรงแค่เพียงยาก็รักษาหายได้แล้ว ไม่เพียงแค่ซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อันเท่านั้น กระทั่งร่างกายของชิงอินก็เป็นนางเช่นกันที่ช่วยปรับสมดุลให้ดีขึ้นได้ จนบัดนี้เรียกได้ว่าแตกต่างกับเมื่อก่อนลิบลับ!“หร่วนอวี้เฉิงที่ว่าคือคุณชายใหญ่สกุลหร่วนหรือ?”ฉับพลันซ่งรั่วเจินก็หวนนึกถึงสิ่งที่ฉู่จวินถิงเคยบอกนางเอาไว้ว่าหร่วนอวี้เฉิงพักอยู่ที่จวนฉู่อ๋อง หมอหลวงทั้งหลายต่างได้เคยตรวจดูอาการกันแล้ว ทว่าก็ทำได้เพียงรักษาประคองชีวิตไว้ได้เท่านั้น ไม่อาจถอนพิษออกไปได้จนสิ้นดังนั้นจ
หร่วนเนี่ยนถังอดไม่ได้ที่จะถามออกมา นางได้ยินมาว่านับแต่อาการของซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อันถูกรักษาจนหายขาด ผู้คนไม่น้อยก็ต่างสงสัยใคร่รู้ว่าท่านหมอที่รักษาพวกเขาคือผู้ใด ทว่าสกุลซ่งกลับไม่เคยเปิดเผยแพร่งพรายออกมาก่อนนี้ก็มีคนพยายามสืบเสาะหาข้อมูลอยู่เช่นกัน แต่ก็ยังคงไร้ซึ่งเบาะแสข่าวคราวใด“ดูท่าคงมิอยากให้เกิดการอลหม่านวุ่นวาย อย่างไรหากชื่อเสียงกระจายออกไป ความยุ่งยากก็คงตามมาไม่น้อย”ซ่งอี้อันเชื่อว่าน้องหญิงบ้านตนคงคิดเช่นนี้ หากเป็นผู้อื่นที่มีฝีมือเช่นนี้แล้วเล่าก็คงอดรนทนไม่ไหวอยากจะป่าวประกาศให้โลกหล้ารู้กันถ้วนทั่วแล้ว สำหรับน้องหญิงห้าที่มีวิชาศาสตร์ลี้ลับแก่กล้า เมื่อผนวกรวมกับถวามถนัดถนี่ทางการค้าขายแล้ว เรียกได้ว่าก็มีกินมีใช้ไม่ขาดปาก ไม่มีเหตุจำเป็นใดให้ต้องลำบากลำบนอยู่แล้ว เขาก็คิดเช่นกันว่าขอเพียงน้องหญิงห้ามีความสุขตามอัตภาพในทุกๆ วันก็ดีมากพอแล้วหร่วนเนี่ยนถังพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว”ซ่งอี้อันครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนเอ่ย “เรื่องในจวนของพวกเราเมื่อคราก่อน ข้าต้องขออภัยด้วย และขอบใจเจ้ามากที่ช่วยข้าให้พ้นจากเรื่องยุ่งยากใจ”ครั้งนั้นที่หร่วนเนี่ยนถังตกน้ำ ก็
สกุลซุนหลิ่วเฟยเยี่ยนได้ยินคำพูดของซุนเยียนเอ๋อร์เข้า ดวงตาก็เต็มด้วยความคาดไม่ถึง “เจ้าว่าอะไรนะ? ฉู่อ๋องมอบรางวัลที่ตนชนะเลิศการล่าสัตว์ให้ซ่งรั่วเจินต่อหน้าผู้คนเช่นนั้นหรือ?”ซุนเยียนเอ๋อร์พยักหน้าด้วยสีหน้าไม่สู้ดิ “ท่านแม่ ท่านว่าเหตุใดญาติผู้พี่จึงโชคดีเช่นนี้ได้เล่า? นางก็เพียงหญิงที่เคยถอนหมั้นหมายมาก่อน แต่กลับอาจหาญหมายใจฉู่อ๋องก็เท่านั้น!”“ก่อนนี้ผู้คนต่างกล่าวกันว่าฉู่อ๋องสายตาเฉียบคม หญิงสาวทั่วไปล้วนไม่อาจเข้าตาเขาได้มิใช่หรือ? แล้วเหตุใดจึงมาถูกตาต้องใจญาติผู้พี่ได้เล่า?”แรกเริ่มหลินจือเยว่ยังบอกนางว่าวันนี้จะเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้หวนผงาดอีกครั้ง ให้นางเตรียมตัวรอดูอยู่เลยรอจนเขาหวนคืนสู่ตำแหน่งขุนนางอีกครั้งเมื่อใดแล้ว ก็จะรับนางเข้าจวนเป็นภรรยา ดังนั้นวันนี้กระทั่งพิธีล่าสัตว์นางก็ยังไม่ได้ไป ด้วยกลัวจะปะเข้ากับฉินซวงซวงจนเกิดปัญหา!ใครเล่าไม่รู้ว่าหญิงเช่นฉินซวงซวงร้ายกาจหยาบช้าเพียงใด กลเม็ดที่ใช้เล่นงานผู้อื่นเรียกได้ว่าไม่ขาดสาย นางย่อมไม่ต้องการถูกเล่นงานเสียตั้งแต่ยังไม่ได้ก้าวเท้าเข้าจวน!ใครจะคิดเล่าว่าหลินจือเยว่จะไม่เพียงไม่อาจผงาดได้อีกครั้ง กล
เมื่อยามราตรีค่อยๆ ย่างกรายมาถึง ฉู่จวินถิงก็มารับตัวซ่งรั่วเจินไปหลิ่วหรูเยียนมองดูบุตรสาวของตนที่ถูกรับตัวออกไปแล้วใบหน้าก็ผุดพรายด้วยรอยยิ้ม นางทอดถอนใจเอ่ย “ลูกสาวโตแล้วก็ยากที่จะรั้ง เจินเอ๋อร์คงมีใจให้ฉู่อ๋องแล้วเป็นแน่”ในฐานะคนผ่านโลกมาก่อน นางย่อมรู้ดีว่าสายตาของคนมีความรักนั้นยากจะปกปิดท่าทีของเจินเอ๋อร์ที่มีต่อฉู่อ๋องก่อนหน้านี้ช่างแตกต่างจากตอนนี้โดยสิ้นเชิง คิดแล้วต่อไปก็เหลือเพียงรอฟังข่าวดีแล้ว“ฮูหยิน ฉู่อ๋องเป็นบุรุษที่หาได้ยากในโลกหล้า ทั้งยังจริงจังจริงใจต่อคุณหนู ดูแล้วหากแต่งออกไปคงไม่มีทางทำคุณหนูของเราต้องเสียใจแน่เจ้าค่ะ” แม่นมเอ่ยด้วยรอยยิ้มหลิ่วหรูเยียนก็พลอยยิ้มตาม “ก่อนนี้ข้ายังเป็นกังวลเรื่องเจินเอ๋อร์อยู่บ้าง นางนิสัยใจคอเหมือนกันกับข้า ยากจะเลี่ยงถูกผู้อื่นรังแก บัดนี้ข้ากลับคิดว่าใครจะรังแกนางก็คงมิใช่เรื่องง่ายดายเสียแล้ว”“อีกทั้งหากฉู่อ๋องทำถึงขั้นนี้แล้ว ก็ย่อมไม่มีทางแต่งนางเข้าไปเพื่อรังแกแน่”“ฮูหยินวางใจเถิดเจ้าค่ะ คุณหนูของเราเป็นคนมีวาสนาที่ดี!”ซ่งรั่วเจินตามฉู่จวินถิงขึ้นมานั่งยังรถม้า นางมองดูใบหน้าที่ดูอิดโรยเล็กน้อยของเขาก่อนจะเ
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที
เมื่อเห็นกู้ฮวนเอ๋อร์ภาคภูมิใจเช่นนี้ ซ่งรั่วเจินและคนอื่น ๆ ก็อดมิได้ที่จะสงสัยใคร่รู้ ว่าของล้ำค่าที่ว่าคือสิ่งใดกันแน่? “ผ่าม!” กู้ฮวนเอ๋อร์เปิดกล่องผ้าไหมออกด้วยความตื่นเต้นยิ่ง แต่ทว่าหลังจากที่ทุกคนในงานเห็นของในกล่องผ้าไหมแล้ว ล้วนนิ่งงันไปทันที เนื่องด้วยในกล่องนั้นมีเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรอยู่องค์หนึ่ง! “แค่กๆ” ฉู่อวิ๋นกุยกระแอมครั้งหนึ่ง แต่ใบหน้ากลับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ สตรีที่เขาชอบนั้น ช่างเป็นคนที่ชาญฉลาดนัก! ซ่งรั่วเจินพลันมองไปทางฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว ใบหน้ากลับเห่อแดงขึ้นมา แววตาของฉู่จวินถิงปรากฏแววขบขันวาบผ่าน ของขวัญชิ้นนี้ช่างมีความหมายยิ่งนัก กู้ฮวนเอ๋อร์เห็นว่าหลังจากที่ตนหยิบของขวัญออกมาแล้ว ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น ”นี่มันสีหน้าอะไรของพวกเจ้ากัน? หรือว่าไม่ดีงั้นหรือ?“ “เจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรองค์นี้ ข้าไปกราบขอมาโดยเฉพาะ ผ่านพิธีปลุกเสก ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก!” ซ่งรั่วเจิน “...” หลายครั้งนางเองก็นับถือกู้ฮวนเอ๋อร์จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่อายุน้อยขนาดนี้ แต่ความคิดที่จะมอบของขวัญให้กลับเหมือนค
ณ เวลาเดียวกันนั้น อวิ๋นเนี่ยนชูก็ได้มาหาซ่งรั่วเจินเช่นกัน “รั่วเจิน ยินดีกับเจ้าด้วยนะ ข้าเองก็เห็นเหตุการณ์ในงานเทศกาลโคมไฟแล้ว เดิมทีอยากจะไปแสดงความยินดีกับเจ้าอยู่หรอก แต่หลังจากนั้นเกิดเรื่องบางอย่างทำให้ล่าช้าไป จึงต้องมามอบของขวัญแสดงความยินดีในวันนี้” อวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มพลางยื่นของขวัญแสดงความยินดีไปให้ “นี่คือของสิ่งนี้ข้าเตรียมไว้แต่เนิ่น ๆ แล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนดีจริง ๆ เมื่อพวกเจ้าได้แต่งงานกันแล้วจักต้องครองรักกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข จนผู้คนรอบข้างพากันริษยาแน่นอน” ซ่งรั่วเจินมองดูอวิ๋นเนี่ยนชูเปิดกล่องผ้าไหมออก ภายในบรรจุเครื่องประดับศีรษะของสตรีครบชุด เครื่องตกแต่งอื่น ๆ ไปจนถึงเครื่องประทินโฉม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด “ของมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ดูแล้วครบชุดเลย เจ้าให้จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะหรือ?” “ใช่แล้ว!” อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้าพลางยิ้ม “แต่ก่อนข้าครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าควรจะมอบสิ่งใดให้เจ้าเป็นของขวัญดี แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีสิ่งที่เหมาะสมที่สุดได้เลย” “หลังจากนั้น ข้าก็คิดว่า สิ่งที่สตรีมักจะใช้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวันก็มิพ้นเคร
เมื่อได้ฟังสิ่งที่จางเหวินพูด กู้หรูเยียนกับเยี่ยนชิงอวี้ต่างก็อดมิได้ที่จะตกตะลึง ตั้งแต่เมื่อเริ่มรู้จักความรักครั้งแรกก็ชอบพอเฉิงเจ๋อ ถ้าอย่างนั้น ก็ชอบพอหลายปีจริง ๆ พวกเขากลับมิรู้มาโดยตลอด คิดดูแล้ว ในใจเด็กทั้งสองคงมีสิ่งที่เก็บกลั้นไว้อยู่ “จะว่าไป ก็ต้องโทษที่ก่อนหน้านี้ที่ข้ามิได้ใส่ใจให้ดีนัก เอาแต่ให้เฉิงเจ๋อคอยดูแลน้องสาวให้ดี” “เนี่ยนชูชอบตามติดอยู่ข้างกายเฉิงเจ๋อมาตั้งแต่เล็ก ทุกครั้งที่เฉิงเจ๋อกลับจากสำนักศึกษา เป็นเวลาที่นางมักดีใจเป็นที่สุด ข้าก็นึกว่าเป็นเพียงความรักฉันพี่น้องมาโดยตลอด” “มาตรองดูดี ๆ แล้ว ตอนนั้นข้าก็ควรพบความผิดแผกได้ หากเป็นเพียงพี่น้องธรรมดา เหตุใดเด็กทั้งสองจึงมิยอมแต่งงานจนถึงตอนนี้?” จางเหวินยิ่งเอ่ยก็ยิ่งปวดใจ เมื่อนึกถึงคราวก่อนที่อนุอวิ๋นยังหมายจะยกอวิ๋นซีหว่านที่ยังไม่ได้แต่งงานให้แก่เฉิงเจ๋อ เกรงว่าตอนนั้น หัวใจของเด็กทั้งสองคงรวดร้าวมิใช่น้อย ถึงขั้นที่ เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นในตอนนั้น นางยังเคยกล่าวกับเฉิงเจ๋อด้วยว่า เรื่องนี้ช่างน่าขันเสียจริง นางมองเขาเป็นดั่งบุตรชายแท้ ๆ มาโดยตลอด อนาคตจะต้องเลือกคู่ค
“พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ายังจะเกรงใจข้าอีกหรือ? ที่ข้ามานี้ มิใช่เพียงเพื่อช่วยรั่วเจินเตรียมงานแต่งเท่านั้น อีกทั้งยังได้เห็นหน้าชิงอินด้วย ช่างเป็นเรื่องดีเสียจริง” ขณะที่กู้หรูเยียนและเยี่ยนชิงอวี้กำลังสนทนาหยอกเย้ากันอยู่นั้น ก็พลันสังเกตเห็นว่าจางเหวินราวกับเหม่อลอยอยู่ไม่น้อย “หรือว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ? เหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีเหม่อลอยเช่นนี้?” กู้หรูเยียนเอ่ยถาม จางเหวินจึงได้คืนสติ ในใจของนางล้วนมีแต่เรื่องของเนี่ยนชูกับเฉิงเจ๋อ จนเผลอใจลอยไปโดยไม่รู้ตัว “ข้า...” นางเหมือนจะเอื้อนเอ่ย แต่กลับชะงักไป เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “เจ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกพวกเราได้งั้นหรือ? บอกมาตามตรงเถิด” “ที่อนุอวิ๋นพูดมามิผิดเลย ระหว่างเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อต่างก็มีใจให้กัน” จางเหวินทอดถอนใจครั้งหนี่ง เมื่อนึกถึงภาพที่นางได้เห็นเมื่อวานยามกลับจวน เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเฉิงเจ๋อในสภาพเช่นนั้น บทสนทนาของทั้งสอง นางก็พลอยได้ยินไปด้วย นางจึงได้รู้ว่าที่แท้เนียนชู่ชอบพอเฉิงเจ๋อมาหลายปีเพียงนี้ ในฐานะมารดาเช่นนาง นางคิดว่าตนใส่ใจบุตรเป็นอย่าง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น นางกำนัลในตำหนักจงเฟยก็พลันเข้ามา“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” นางกำนัลก้มกายคำนับด้วยท่าทางเคารพนบนอบ แต่ในมือกลับถือเซียนบุปผาเอาไว้หนึ่งองค์ “แม่นางของบ่าว ให้บ่าวนำเซียนบุปผามาให้ฮองเฮา ขอเพียงทรงบูชาด้วยใจที่ตั้งมั่น ก็จะสามารถเปล่งปลั่งผุดผ่อง ทำให้เยาว์วัยตราบนานเท่านาน” เมื่อวาจาถูกเปล่งออกมาเช่นนั้น ฮองเฮาและลู่หมิ่นฮุ่ย ต่างพินิจพิจารณาเซียนบุปผาที่อยู่ตรงหน้า ต้องบอกเลยว่ารูปปั้นนี้ถูกทำขึ้นได้สมจริงยิ่งนัก เซียนบุปผานั้นก็งามวิจิตรด้วยรูปลักษณ์อันเย้ายวนตา “นี่มันเซียนบุปผาอะไรกัน? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” แววตาของฮองเฮาปรากฏแววประหลาดใจวาบหนึ่ง ในใจกับยิ่งรู้สึกสงสัย จงเฟยมีน้ำใจงามถึงเพียงนี้เชียวหรือ จึงยอมมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่นาง? นางสนมวังหลัง ต่างกำลังช่วงชิงแข่งขัน หวังเพียงให้ตนสามารถงามล้ำกว่าผู้อื่น เพื่อที่ฮ่องเต้จะได้ต้องตาในคราแรกเห็น จงเฟยในวันนี้ผุดผ่องไปทั้งตัวยิ่งกว่าทุกวัน แค่ฮ่องเต้ได้เห็น ราตรีนี้ย่อมต้องพลิกป้ายชื่อของนางเป็นแน่ หากความลับที่ทำให้จงเฟยงดงามขึ้นเป็นเพราะการบูชาเซียนบุปผ
นับตั้งแต่แต่งงานกันเป็นต้นมา ท่านอ๋องก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังจากแต่งงานแล้ว นั่นยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยฮองเฮามองแหวนบนมือลู่หมิ่นฮุ่ยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านอ๋องของเจ้าดีต่อเจ้ามากมาแต่ไหนแต่ไร ส่งของขวัญมาให้รวดเร็วปานนี้ ข้าได้ยินมาว่าแหวนในร้านขายเครื่องประดับทั่วเมืองหลวงถูกขายหมดเกลี้ยงแล้ว เมื่อก่อนหาได้ขายดีเท่าปิ่นปักผมไม่”“ไม่รู้ว่าจวินถิงคิดวิธีแปลกใหม่เช่นนี้ได้อย่างไร แต่ข้าแค่ได้ยินก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนเป็นคู่สร้างคู่สมโดยแท้ ช่างชวนให้คนอิจฉานัก”ลู่หมิ่นฮุ่ยดื่มชาจิบหนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “พี่หญิง ยามนี้ท่านคิดตกแล้วช่างดีเหลือเกิน ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่ไทเฮาทรงทราบว่าฝ่าบาทพระราชทานสมรส ยังให้คนนำของพระราชทานไปส่งที่สกุลซ่งไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่าโปรดปรานแม่นางซ่งมาก”ฮองเฮาพยักหน้าน้อยๆ วันนี้ตอนที่นางได้ยินข่าวนี้ก็มีความคิดแบบเดียวกัน ความโปรดปรานที่ไทเฮามีต่อซ่งรั่วเจินช่างชวนให้คนประหลาดใจโดยแท้แต่สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นข่าวดียิ่งโดยไม่ต้องสงสัย“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าแม่นางสกุลหลิงผู้นั้นหมู่นี้ใกล้ชิดกับเช่ออ๋องมากทีเดียว คน
“ก่อนแต่งงานเขาสามารถคิดวิธีการนี้ออกมาได้ หลังแต่งงานก็ย่อมสามารถคิดวิธีอื่นออกมาได้เหมือนกัน เขาย่อมจะมีวิธีแก้ไข”ซ่งหลินมองไปทางกู้หรูเยียน “คิดถึงสมัยที่แม่ข้ายังอยู่ ข้าก็จัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”กู้หรูเยียนอึ้งไป คิดถึงเมื่อครั้งที่แม่สามียังอยู่ ระหว่างนางกับแม่สามีก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีความขัดแย้งอันใด ทุกครั้งซ่งหลินล้วนจัดการได้ดีมากตอนเริ่มแรก นางเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเพราะแม่สามีนิสัยดี รู้สถานการณ์ที่นางอยู่ในตระกูลหลิ่วแล้วยังยินดียอมรับนางอย่างไรเสีย รูปแบบการทำเรื่องต่างๆ ของตระกูลหลิ่วหลายปีมานี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ดื้อด้านไร้เหตุผล ชอบมาหาผลประโยชน์จากตระกูลซ่ง นางรู้สึกละอายใจต่อตระกูลซ่งมาโดยตลอดโชคดีที่ทั้งแม่สามีและพ่อสามีล้วนไม่เคยตำหนินางเพราะเรื่องนี้ นางย่อมเข้าใจว่าในเรื่องนี้ย่อมขาดความชอบของซ่งหลินไปไม่ได้เลย“ตอนนั้นท่านโน้มน้าวแม่สามีอย่างไรหรือ?” กู้หรูเยียนถามอย่างสงสัยตอนนั้นนางกังวลใจไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ทุกครั้งที่ซ่งหลินบอกนางว่าไม่เป็นไร พ่อสามีและแม่สามีจิตใจกว้างขวาง ไม่เคยเก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ แต่กลับเห็นใจนางเป
“เมื่อวานข้าได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ การจัดเตรียมแสนอลังการแบบนี้ ไม่เพียงแค่ไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความจริงใจของฉู่อ๋อง”“ตอนที่ข้าเห็นฉู่อ๋องเป็นฝ่ายถามแม่นางซ่งว่ายินดีแต่งงานกับเขาหรือไม่ก็รู้สึกว่าถ้าบุรุษในใต้หล้าเป็นเหมือนเขากันทุกคนก็คงดี”“ไม่รู้ว่าการมอบแหวนมีความหมายพิเศษอันใดหรือไม่? ตอนข้าเห็นฉู่อ๋องสวมแหวนให้แม่นางซ่งก็รู้สึกว่าพิเศษเอามากๆ วันหน้าตอนข้าแต่งงานก็อยากทำเช่นนี้เหมือนกัน”ทันใดนั้น แหวนในร้านขายเครื่องประดับก็กลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด ตั้งแต่เมื่อคืนวานจนถึงเช้าวันนี้ แหวนทั้งหมดล้วนขายไปจนหมดเกลี้ยงขณะที่เวลานี้จวนสกุลซ่งเพิ่งได้รับราชโองการพระราชทานสมรส“ยินดีด้วย แม่ทัพซ่ง ซ่งฮูหยิน วันที่แปดเดือนหน้าเป็นวันดี หลังแต่งงานแล้ว แม่นางซ่งก็จะกลายเป็นพระชายาฉู่อ๋อง”ขันทีที่อัญเชิญราชโองการมามีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ตำแหน่งพระชายาฉู่อ๋องว่างเว้นมานานมากแล้ว ฉู่อ๋องควรแต่งงานตั้งแต่หลายปีก่อน แต่ก็ผัดผ่อนมาจนถึงตอนนี้บัดนี้ในที่สุดก็มีว่าที่พระชายาฉู่อ๋องเสียที ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองโดยแท้“เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของพระราชทานจากในวัง ไม่เพ