เมื่อยามราตรีค่อยๆ ย่างกรายมาถึง ฉู่จวินถิงก็มารับตัวซ่งรั่วเจินไปหลิ่วหรูเยียนมองดูบุตรสาวของตนที่ถูกรับตัวออกไปแล้วใบหน้าก็ผุดพรายด้วยรอยยิ้ม นางทอดถอนใจเอ่ย “ลูกสาวโตแล้วก็ยากที่จะรั้ง เจินเอ๋อร์คงมีใจให้ฉู่อ๋องแล้วเป็นแน่”ในฐานะคนผ่านโลกมาก่อน นางย่อมรู้ดีว่าสายตาของคนมีความรักนั้นยากจะปกปิดท่าทีของเจินเอ๋อร์ที่มีต่อฉู่อ๋องก่อนหน้านี้ช่างแตกต่างจากตอนนี้โดยสิ้นเชิง คิดแล้วต่อไปก็เหลือเพียงรอฟังข่าวดีแล้ว“ฮูหยิน ฉู่อ๋องเป็นบุรุษที่หาได้ยากในโลกหล้า ทั้งยังจริงจังจริงใจต่อคุณหนู ดูแล้วหากแต่งออกไปคงไม่มีทางทำคุณหนูของเราต้องเสียใจแน่เจ้าค่ะ” แม่นมเอ่ยด้วยรอยยิ้มหลิ่วหรูเยียนก็พลอยยิ้มตาม “ก่อนนี้ข้ายังเป็นกังวลเรื่องเจินเอ๋อร์อยู่บ้าง นางนิสัยใจคอเหมือนกันกับข้า ยากจะเลี่ยงถูกผู้อื่นรังแก บัดนี้ข้ากลับคิดว่าใครจะรังแกนางก็คงมิใช่เรื่องง่ายดายเสียแล้ว”“อีกทั้งหากฉู่อ๋องทำถึงขั้นนี้แล้ว ก็ย่อมไม่มีทางแต่งนางเข้าไปเพื่อรังแกแน่”“ฮูหยินวางใจเถิดเจ้าค่ะ คุณหนูของเราเป็นคนมีวาสนาที่ดี!”ซ่งรั่วเจินตามฉู่จวินถิงขึ้นมานั่งยังรถม้า นางมองดูใบหน้าที่ดูอิดโรยเล็กน้อยของเขาก่อนจะเ
ณ จวนฉู่อ๋องซ่งรั่วเจินไม่ใช่เพิ่งมาจวนอ๋องเป็นครั้งแรก ครั้งก่อนก็เคยมาแล้ว แต่ความรู้สึกยามมาจวนฉู่อ๋องช่วงกลางคืนและช่วงกลางกลับแตกต่างกัน“พวกหมอหลวงยังอยู่หรือไม่?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถาม“ให้พวกเขากลับไปก่อนแล้ว สองสามวันมานี้พวกเขาคิดหาทางไม่น้อย แต่ก็แค่ทำให้อาการป่วยของอวี้เฉิงทรงตัวอยู่ได้ชั่วคราว ค้นหาในตำราแพทย์จนหมดแล้วก็ยังไม่พบวิธีถอนพิษ”เดิมทีฉู่จวินถิงคิดว่าวิชาแพทย์ของหมอหลวงยอดเยี่ยมมาก แต่นึกถึงอาการป่วยของซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อัน ทุกคนล้วนพูดว่าหมดหนทางรักษา แต่เพียงซ่งรั่วเจินลงมือก็รักษาจนหายได้สามารถมองออกว่า วิชาแพทย์ของซ่งรั่วเจินยอดเยี่ยมยิ่งกว่าคนของสำนักหมอหลวงมากนัก“วันนี้แม่นางหร่วนเองก็มาหาพวกเรา นางห่วงใยคุณชายหร่วนมาก หม่อมฉันบอกนางว่าท่านหาหมอเทวดามารักษาพี่ชายนางได้แล้ว ขอให้นางวางใจ” ซ่งรั่วเจินพูดฉู่จวินถิงเข้าใจ “ปกติหร่วนอวี้เฉิงก็เอ็นดูน้องสาวคนนี้ของเขาที่สุด ความสัมพันธ์ระหว่างพี่ชายน้องสาวดีมากนัก”“เสด็จพี่สาม ท่านมาแล้ว!”อวิ๋นอ๋องเพิ่งออกจากห้องก็มองเห็นฉู่จวินถิงกลับมา เห็นว่าซ่งรั่วเจินเองก็มาพร้อมเขาด้วย เผยสีหน้าแปลกใจออกมา
หร่วนอวี้เฉิงเกรงใจมาก ใช้สายตาเอ่ยถามฉู่จวินถิงอย่างไร้สุ้มเสียง ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าแม่นางท่านนี้สามารถรักษาอาการป่วยได้!ฉู่จวินถิงมีสีหน้าเรียบเฉย ครั้นตกอยู่ในสายตาหร่วนอวี้เฉิงและอวิ๋นอ๋อง เห็นได้ชัดว่ากำลังทอประกายระยับ!ซ่งรั่วเจินจับชีพจรดูแล้ว มั่นใจขึ้นมาภายในใจหลายส่วน จากนั้นหันหน้าไปถามฉู่อวิ๋นกุย “อวิ๋นอ๋อง ท่านช่วยหม่อมฉันอย่างหนึ่งได้หรือไม่?”“ข้า?” ฉู่อวิ๋นกุยชี้เข้าที่ตนเอง เปล่งเสียงประหลาดใจปนดีใจ สบมองฉู่จวินถิงอย่างยั่วยุ พี่สะใภ้ไม่ขอความช่วยเหลือจากเสด็จพี่ ถึงขั้นขอความช่วยเหลือตนเอง!ฉู่จวินถิงนึกแปลกใจอย่างอดไม่ได้ แต่กลับไม่แสดงอารมณ์ใดผ่านทางสีหน้า“อวิ๋นอ๋อง ท่านถอดถุงเท้าของคุณชายหร่วนก่อน กดจุดฝังเข็มตามที่หม่อมฉันบอก”ซ่งรั่วเจินเอ่ยปาก นางในฐานะหมอย่อมไม่ใส่ใจเรื่องเหล่านี้ แต่ที่นี่คือยุคสมัยโบราณ ชายหญิงไม่พึงใกล้ชิดกัน ไม่เหมาะสมเท่าใดนัก ต้องให้คนช่วยเพียงฉู่อวิ๋นกุยได้ยินว่าให้ตนเองถอดถุงเท้าเหม็นๆ หร่วนอวี้เฉิง รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปในทันใด เขามองหร่วนอวี้เฉิงอย่างรังเกียจ คนผู้นี้ต้องมีเท้าเหม็นที่สุดในหมู่พวกเขาแน่!หร่วนอ
ซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ ขณะกำลังเตรียมเขียนตำรับยาถอนพิษอยู่นั้น ก็เห็นฉู่จวินถิงช่วยนางหยิบพู่กันและกระดาษมาแล้วนางหันมองเขาแวบหนึ่ง หลังจากเริ่มคุ้นเคยกับเขา นางพบว่าชายคนนี้ใส่ใจมากจริงๆ ไม่เพียงไม่เย็นชาอย่างที่แสดงออกมา ตรงข้ามกันเขามักสังเกตเห็นรายละเอียดมากมาย คิดแทนนางไปทุกจุดไม่นาน ซ่งรั่วเจินก็เขียนตำรับยาออกมาดีแล้ว “ยึดตามตำรับยานี้ ต้มน้ำสามชามจนกลายเป็นน้ำหนึ่งชาม วันละสามครั้ง”ฉู่อวิ๋นกุยรับตำรับยามาอย่างมีไหวพริบ “ข้าจะให้คนไปเตรียมเดี๋ยวนี้เลย”“คุณชายหร่วนถูกพิษมาระยะหนึ่งแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายยังอ่อนแอมาก หลังกินยากระบวนการถอนพิษจะต้องทรมานมากแน่”“นี่คือยาลูกกลอนที่ก่อนหน้านี้ข้าทำขึ้น หลังกินลงไปร่างกายจะดีขึ้น สามารถบรรเทาอาการปวดได้”ซ่งรั่วเจินหยิบยาที่ก่อนหน้านี้นางทำขึ้นออกมา ช่วงที่ผ่านมานางชอบทำยาลูกกลอนยามว่าง ภายในนั้นมียาทำให้ร่างกายแข็งแรง อีกทั้งยังทำยาถอนพิษ ตระเตรียมไว้หลายชนิดหร่วนอวี้เฉิงสมเป็นลูกผู้ชาย หลังถูกพิษแล้วยังอดทนต่อความเจ็บปวดยามค่ำคืนอยู่ได้ แม้ไม่ใช่ยามค่ำคืน เวลาอื่นเขาก็อดทนต่อความเจ็บปวดอยู่ตลอดแม้ว่าสีหน้าเผือดซีด แต่
มิน่าเล่าทุกครั้งได้พบหน้าเสด็จพี่สามจึงคิดว่าเขาอารมณ์ดีมาก ที่แท้ก็เก็บของล้ำค่ามาได้นี่เอง!ในเวลาเดียวกัน ณ พระราชวังหลังฉู่เทียนเช่อฟื้นขึ้นมาแล้วก็รู้สึกปวดเมื่อยทั่วทั้งสรรพางค์กาย สำคัญที่สุดคือได้รับบาดเจ็บโดยเสียเปล่าไปแล้ว ไม่บรรลุตามแผนที่วางไว้“เหตุใดอยู่ดีๆ เสด็จพี่ใหญ่ก็ไปปรากฏตัวอยู่ที่นั่นได้เล่า?”เขารู้ว่าทุกครั้งยามเสด็จพี่ใหญ่ล่าสัตว์ชอบไปทิศทางใด ดังนั้นจึงยิ่งไม่เข้าใจ อยู่ดีๆ เหตุใดเสด็จพี่ใหญ่ก็เปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหัน ถึงขั้นช่วยเขาเอาไว้แล้ว!ไม่เพียงแค่นี้ แม้แต่ฉู่จวินถิงเองก็มาช่วยคนด้วย ทั้งๆ ที่วางอุบายไว้ดีแล้ว คนลำบากที่สุดกลับเป็นเขาเอง!จงเฟยได้รู้ว่าฉู่เทียนเช่อฟื้นขึ้นมาแล้วก็รีบเข้ามา สายตาปวดใจอย่างยิ่งยวด“เทียนเช่อ วันนี้เจ้าเป็นอะไรไป? ล่วงเกินใครเข้าแล้ว เหตุใดพวกเขาจึงต้องการฆ่าเจ้าเล่า!”“เสด็จแม่ ไม่ต้องกังวล ข้าไม่เป็นไร” ฉู่เทียนเช่อมิได้พูดมาก แต่ถามว่า “หลังข้าหมดสติไป เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่?”จงเฟยส่ายหน้า “เสด็จพ่อห่วงใยเจ้ามาก พูดว่าจะต้องหาคนร้ายออกมาให้ได้ เรื่องนี้มอบให้ศาลต้าหลี่ไปตรวจสอบ เชื่อว่าจะต้องสืบหาออกมา
“ฮองเฮาไม่ชอบนาง?”ฉู่เทียนเช่อประหลาดใจ หลุบตาครุ่นคิดก็เข้าใจแล้ว “ซ่งรั่วเจินเคยถอนหมั้นมาก่อน เกรงว่าฮองเฮาจะใส่ใจเรื่องนี้”หลายปีมานี้ฉู่จวินถิงแสดงออกได้อย่างโดดเด่น ต่อให้พวกเขาต้องการจับจุดอ่อนก็ไม่สำเร็จ เจ้าเด็กคนนี้ทำเรื่องใดล้วนไร้ช่องโหว่!สายตาของฮองเฮา มีเพียงสตรีชนชั้นสูงถึงจะคู่ควรกับเขา ฐานะของสกุลซ่งไม่อาจเทียบจวนอัครเสนาบดีได้หากเขาตบแต่งกับคุณหนูจวนอัครเสนาบดี มีอัครเสนาบดีเป็นแรงสนับสนุน ก็ย่อมมีความเป็นไปได้มากที่จะได้เป็นองค์รัชทายาท ทว่านางคิดไม่ถึงว่าวิชาศาสตร์ลี้ลับของซ่งรั่วเจินยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ตราบใดที่ใช้มันได้อย่างถูกต้อง ผลลัพธ์ก็อาจเหนือชั้นกว่าหนึ่งขั้น!ยิ่งไปกว่านั้น ก็แค่ตำแหน่งชายารองเท่านั้น สามารถสู่ขอสตรีงามเช่นนี้คนหนึ่งได้ เขาย่อมยินดี“ฮองเฮาก็เป็นเช่นนี้ นั่นก็ไม่ชอบนี่ก็ไม่ชอบ นางมีชาติกำเนิดที่ดี คนอื่นมีชาติกำเนิดไม่ดีจะเข้าตานางได้อย่างไร?”จงเฟยยิ้มเย็น นึกถึงสายตายามได้พบนางเป็นครั้งแรกของฮองเฮา สูงส่งทระนงตน แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเห็นพวกเขาเหล่านี้อยู่ในสายตา รอเทียนเช่อได้เป็นองค์รัชทายาท นางกลับอยากเห็นว่าฮองเฮายังมีอะไรให
ใบหน้าของเขาลึกซึ้ง ลายเส้นไหลลื่น ยามสบมองนางนิ่งๆ สามารถมองเห็นถึงความรู้สึกลึกซึ้งและจริงจัง ทั้งๆ ที่เป็นคำพูดหยอกเย้า แต่สายตาลุ่มลึกกลับสะท้อนความจริงจังชวนให้คนไม่สามารถเห็นเป็นเรื่องตลกได้ตอนนี้เอง ซ่งรั่วเจินรู้สึกเพียงว่าที่อยู่ตรงหน้าก็คือปีศาจหนุ่มคนหนึ่งเขากำลังยั่วยวนตน!ที่น่ากลัวที่สุดคือ...นางใกล้ถูกยั่วยวนสำเร็จแล้ว“ท่านอ๋อง ถ้อยคำเช่นนี้ออกจากปากท่านดูแล้วไม่เหมาะสมเท่าใดกระมัง? หากคนอื่นได้รู้ว่าท่านอ๋องหน้าตายถึงขั้นเปล่งวาจาเช่นนี้ออกมา ก็ไม่รู้ว่าจะตกใจมากเพียงใด” ซ่งรั่วเจินพูดฉู่จวินถิงเลิกคิ้ว ดวงตาดำดุจหินอัคนีทมิฬใต้แสงจันทร์เปล่งประกายมากเป็นพิเศษ สุ้มเสียงชวนให้คนหวั่นไหวอย่างมาก“ยามข้าอยู่ต่อหน้าเจ้า แต่ไหนแต่ไรมาไม่ใช่อ๋องหน้าตาย ยิ่งไปกว่านั้น...ยามอยู่ต่อหน้าคนที่ชอบ ยังจะต้องการหน้าตาอะไรอีก?”ซ่งรั่วเจินชะงักเบาๆ คิดเพียงว่าชายคนนี้พูดเก่งเกินไปแล้วกระมัง!ต่อให้ท่อง ‘คาถาชำระจิตใจ’ ภายในใจก็ยังยากที่จะไม่ถูกปีศาจหนุ่มรูปงามเช่นนี้ล่อลวงฉู่จวินถิงเห็นดวงตาทอประกายระยิบระยับของฝ่ายหญิงจับจ้องเขา ยังเจือความรู้สึกว้าวุ่นใจเล็กน้อยอีกด้วย
“คารวะเซียวอ๋อง” ซ่งรั่วเจินทำความเคารพฉู่อี้ชวนพยักหน้า แม้รู้สึกตกตะลึงภายในใจ กลับไม่เผยอารมณ์ใดผ่านทางสีหน้าเลยสักเศษเสี้ยว“เสด็จพี่ ท่านเขาไปนั่งด้านในก่อนสักครู่ น้องห้าอยู่ด้านใน” ฉู่จวินถิงเอ่ยปากเสียงเรียบ ท่าทีมีเหตุผลฉู่อี้ชวนชะงักเล็กน้อย สายตาของเขากวาดมองทั้งสองคน หยั่งเดาภายในใจว่าดึกถึงเพียงนี้แล้วคงมิใช่ว่าทั้งสองคนยังมีเรื่องอะไรให้ทำหรอกกระมัง?“ได้”ซ่งรั่วเจินเองก็คิดไม่ถึงว่าที่ฉู่จวินถิงพูดเมื่อครู่ล้วนเป็นความจริง เซียวอ๋องตั้งใจเดินทางมายามวิกาล เขาให้คนไปรอภายในจวน ยึดมั่นจะไปส่งนางกลับก่อน“ท่านอ๋อง หม่อมฉันนั่งรถม้ากลับไปก็พอ ท่านกลับเข้าไปก่อนเถอะ ประเดี๋ยวเซียวอ๋องจะคอยนาน” ซ่งรั่วเจินพูดสีหน้าฉู่จวินถิงไม่เปลี่ยนไป “เขารอสักครู่ได้ไม่เป็นไร ในเมื่อข้ารับเจ้ามา ย่อมต้องพาเจ้าไปส่งอย่างปลอดภัย”“หม่อมฉันรู้ท่านกังวลความปลอดภัยของหม่อมฉัน ถ้าอย่างนั้นก็สามารถให้อวิ๋นหยางส่งหม่อมฉันกลับไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นบัดนี้คนที่หม่อมฉันล่วงเกินล้วนถูกจับไปแล้ว ไม่มีวันมีคนลงมือกับหม่อมฉันอีก”ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบาๆ บัดนี้พวกฉินซวงซวงถูกขังอยู่ภายในคุก ไม่มีโ
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที
เมื่อเห็นกู้ฮวนเอ๋อร์ภาคภูมิใจเช่นนี้ ซ่งรั่วเจินและคนอื่น ๆ ก็อดมิได้ที่จะสงสัยใคร่รู้ ว่าของล้ำค่าที่ว่าคือสิ่งใดกันแน่? “ผ่าม!” กู้ฮวนเอ๋อร์เปิดกล่องผ้าไหมออกด้วยความตื่นเต้นยิ่ง แต่ทว่าหลังจากที่ทุกคนในงานเห็นของในกล่องผ้าไหมแล้ว ล้วนนิ่งงันไปทันที เนื่องด้วยในกล่องนั้นมีเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรอยู่องค์หนึ่ง! “แค่กๆ” ฉู่อวิ๋นกุยกระแอมครั้งหนึ่ง แต่ใบหน้ากลับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ สตรีที่เขาชอบนั้น ช่างเป็นคนที่ชาญฉลาดนัก! ซ่งรั่วเจินพลันมองไปทางฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว ใบหน้ากลับเห่อแดงขึ้นมา แววตาของฉู่จวินถิงปรากฏแววขบขันวาบผ่าน ของขวัญชิ้นนี้ช่างมีความหมายยิ่งนัก กู้ฮวนเอ๋อร์เห็นว่าหลังจากที่ตนหยิบของขวัญออกมาแล้ว ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น ”นี่มันสีหน้าอะไรของพวกเจ้ากัน? หรือว่าไม่ดีงั้นหรือ?“ “เจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรองค์นี้ ข้าไปกราบขอมาโดยเฉพาะ ผ่านพิธีปลุกเสก ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก!” ซ่งรั่วเจิน “...” หลายครั้งนางเองก็นับถือกู้ฮวนเอ๋อร์จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่อายุน้อยขนาดนี้ แต่ความคิดที่จะมอบของขวัญให้กลับเหมือนค
ณ เวลาเดียวกันนั้น อวิ๋นเนี่ยนชูก็ได้มาหาซ่งรั่วเจินเช่นกัน “รั่วเจิน ยินดีกับเจ้าด้วยนะ ข้าเองก็เห็นเหตุการณ์ในงานเทศกาลโคมไฟแล้ว เดิมทีอยากจะไปแสดงความยินดีกับเจ้าอยู่หรอก แต่หลังจากนั้นเกิดเรื่องบางอย่างทำให้ล่าช้าไป จึงต้องมามอบของขวัญแสดงความยินดีในวันนี้” อวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มพลางยื่นของขวัญแสดงความยินดีไปให้ “นี่คือของสิ่งนี้ข้าเตรียมไว้แต่เนิ่น ๆ แล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนดีจริง ๆ เมื่อพวกเจ้าได้แต่งงานกันแล้วจักต้องครองรักกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข จนผู้คนรอบข้างพากันริษยาแน่นอน” ซ่งรั่วเจินมองดูอวิ๋นเนี่ยนชูเปิดกล่องผ้าไหมออก ภายในบรรจุเครื่องประดับศีรษะของสตรีครบชุด เครื่องตกแต่งอื่น ๆ ไปจนถึงเครื่องประทินโฉม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด “ของมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ดูแล้วครบชุดเลย เจ้าให้จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะหรือ?” “ใช่แล้ว!” อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้าพลางยิ้ม “แต่ก่อนข้าครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าควรจะมอบสิ่งใดให้เจ้าเป็นของขวัญดี แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีสิ่งที่เหมาะสมที่สุดได้เลย” “หลังจากนั้น ข้าก็คิดว่า สิ่งที่สตรีมักจะใช้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวันก็มิพ้นเคร
เมื่อได้ฟังสิ่งที่จางเหวินพูด กู้หรูเยียนกับเยี่ยนชิงอวี้ต่างก็อดมิได้ที่จะตกตะลึง ตั้งแต่เมื่อเริ่มรู้จักความรักครั้งแรกก็ชอบพอเฉิงเจ๋อ ถ้าอย่างนั้น ก็ชอบพอหลายปีจริง ๆ พวกเขากลับมิรู้มาโดยตลอด คิดดูแล้ว ในใจเด็กทั้งสองคงมีสิ่งที่เก็บกลั้นไว้อยู่ “จะว่าไป ก็ต้องโทษที่ก่อนหน้านี้ที่ข้ามิได้ใส่ใจให้ดีนัก เอาแต่ให้เฉิงเจ๋อคอยดูแลน้องสาวให้ดี” “เนี่ยนชูชอบตามติดอยู่ข้างกายเฉิงเจ๋อมาตั้งแต่เล็ก ทุกครั้งที่เฉิงเจ๋อกลับจากสำนักศึกษา เป็นเวลาที่นางมักดีใจเป็นที่สุด ข้าก็นึกว่าเป็นเพียงความรักฉันพี่น้องมาโดยตลอด” “มาตรองดูดี ๆ แล้ว ตอนนั้นข้าก็ควรพบความผิดแผกได้ หากเป็นเพียงพี่น้องธรรมดา เหตุใดเด็กทั้งสองจึงมิยอมแต่งงานจนถึงตอนนี้?” จางเหวินยิ่งเอ่ยก็ยิ่งปวดใจ เมื่อนึกถึงคราวก่อนที่อนุอวิ๋นยังหมายจะยกอวิ๋นซีหว่านที่ยังไม่ได้แต่งงานให้แก่เฉิงเจ๋อ เกรงว่าตอนนั้น หัวใจของเด็กทั้งสองคงรวดร้าวมิใช่น้อย ถึงขั้นที่ เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นในตอนนั้น นางยังเคยกล่าวกับเฉิงเจ๋อด้วยว่า เรื่องนี้ช่างน่าขันเสียจริง นางมองเขาเป็นดั่งบุตรชายแท้ ๆ มาโดยตลอด อนาคตจะต้องเลือกคู่ค
“พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ายังจะเกรงใจข้าอีกหรือ? ที่ข้ามานี้ มิใช่เพียงเพื่อช่วยรั่วเจินเตรียมงานแต่งเท่านั้น อีกทั้งยังได้เห็นหน้าชิงอินด้วย ช่างเป็นเรื่องดีเสียจริง” ขณะที่กู้หรูเยียนและเยี่ยนชิงอวี้กำลังสนทนาหยอกเย้ากันอยู่นั้น ก็พลันสังเกตเห็นว่าจางเหวินราวกับเหม่อลอยอยู่ไม่น้อย “หรือว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ? เหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีเหม่อลอยเช่นนี้?” กู้หรูเยียนเอ่ยถาม จางเหวินจึงได้คืนสติ ในใจของนางล้วนมีแต่เรื่องของเนี่ยนชูกับเฉิงเจ๋อ จนเผลอใจลอยไปโดยไม่รู้ตัว “ข้า...” นางเหมือนจะเอื้อนเอ่ย แต่กลับชะงักไป เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “เจ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกพวกเราได้งั้นหรือ? บอกมาตามตรงเถิด” “ที่อนุอวิ๋นพูดมามิผิดเลย ระหว่างเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อต่างก็มีใจให้กัน” จางเหวินทอดถอนใจครั้งหนี่ง เมื่อนึกถึงภาพที่นางได้เห็นเมื่อวานยามกลับจวน เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเฉิงเจ๋อในสภาพเช่นนั้น บทสนทนาของทั้งสอง นางก็พลอยได้ยินไปด้วย นางจึงได้รู้ว่าที่แท้เนียนชู่ชอบพอเฉิงเจ๋อมาหลายปีเพียงนี้ ในฐานะมารดาเช่นนาง นางคิดว่าตนใส่ใจบุตรเป็นอย่าง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น นางกำนัลในตำหนักจงเฟยก็พลันเข้ามา“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” นางกำนัลก้มกายคำนับด้วยท่าทางเคารพนบนอบ แต่ในมือกลับถือเซียนบุปผาเอาไว้หนึ่งองค์ “แม่นางของบ่าว ให้บ่าวนำเซียนบุปผามาให้ฮองเฮา ขอเพียงทรงบูชาด้วยใจที่ตั้งมั่น ก็จะสามารถเปล่งปลั่งผุดผ่อง ทำให้เยาว์วัยตราบนานเท่านาน” เมื่อวาจาถูกเปล่งออกมาเช่นนั้น ฮองเฮาและลู่หมิ่นฮุ่ย ต่างพินิจพิจารณาเซียนบุปผาที่อยู่ตรงหน้า ต้องบอกเลยว่ารูปปั้นนี้ถูกทำขึ้นได้สมจริงยิ่งนัก เซียนบุปผานั้นก็งามวิจิตรด้วยรูปลักษณ์อันเย้ายวนตา “นี่มันเซียนบุปผาอะไรกัน? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” แววตาของฮองเฮาปรากฏแววประหลาดใจวาบหนึ่ง ในใจกับยิ่งรู้สึกสงสัย จงเฟยมีน้ำใจงามถึงเพียงนี้เชียวหรือ จึงยอมมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่นาง? นางสนมวังหลัง ต่างกำลังช่วงชิงแข่งขัน หวังเพียงให้ตนสามารถงามล้ำกว่าผู้อื่น เพื่อที่ฮ่องเต้จะได้ต้องตาในคราแรกเห็น จงเฟยในวันนี้ผุดผ่องไปทั้งตัวยิ่งกว่าทุกวัน แค่ฮ่องเต้ได้เห็น ราตรีนี้ย่อมต้องพลิกป้ายชื่อของนางเป็นแน่ หากความลับที่ทำให้จงเฟยงดงามขึ้นเป็นเพราะการบูชาเซียนบุปผ
นับตั้งแต่แต่งงานกันเป็นต้นมา ท่านอ๋องก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังจากแต่งงานแล้ว นั่นยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยฮองเฮามองแหวนบนมือลู่หมิ่นฮุ่ยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านอ๋องของเจ้าดีต่อเจ้ามากมาแต่ไหนแต่ไร ส่งของขวัญมาให้รวดเร็วปานนี้ ข้าได้ยินมาว่าแหวนในร้านขายเครื่องประดับทั่วเมืองหลวงถูกขายหมดเกลี้ยงแล้ว เมื่อก่อนหาได้ขายดีเท่าปิ่นปักผมไม่”“ไม่รู้ว่าจวินถิงคิดวิธีแปลกใหม่เช่นนี้ได้อย่างไร แต่ข้าแค่ได้ยินก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนเป็นคู่สร้างคู่สมโดยแท้ ช่างชวนให้คนอิจฉานัก”ลู่หมิ่นฮุ่ยดื่มชาจิบหนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “พี่หญิง ยามนี้ท่านคิดตกแล้วช่างดีเหลือเกิน ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่ไทเฮาทรงทราบว่าฝ่าบาทพระราชทานสมรส ยังให้คนนำของพระราชทานไปส่งที่สกุลซ่งไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่าโปรดปรานแม่นางซ่งมาก”ฮองเฮาพยักหน้าน้อยๆ วันนี้ตอนที่นางได้ยินข่าวนี้ก็มีความคิดแบบเดียวกัน ความโปรดปรานที่ไทเฮามีต่อซ่งรั่วเจินช่างชวนให้คนประหลาดใจโดยแท้แต่สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นข่าวดียิ่งโดยไม่ต้องสงสัย“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าแม่นางสกุลหลิงผู้นั้นหมู่นี้ใกล้ชิดกับเช่ออ๋องมากทีเดียว คน
“ก่อนแต่งงานเขาสามารถคิดวิธีการนี้ออกมาได้ หลังแต่งงานก็ย่อมสามารถคิดวิธีอื่นออกมาได้เหมือนกัน เขาย่อมจะมีวิธีแก้ไข”ซ่งหลินมองไปทางกู้หรูเยียน “คิดถึงสมัยที่แม่ข้ายังอยู่ ข้าก็จัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”กู้หรูเยียนอึ้งไป คิดถึงเมื่อครั้งที่แม่สามียังอยู่ ระหว่างนางกับแม่สามีก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีความขัดแย้งอันใด ทุกครั้งซ่งหลินล้วนจัดการได้ดีมากตอนเริ่มแรก นางเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเพราะแม่สามีนิสัยดี รู้สถานการณ์ที่นางอยู่ในตระกูลหลิ่วแล้วยังยินดียอมรับนางอย่างไรเสีย รูปแบบการทำเรื่องต่างๆ ของตระกูลหลิ่วหลายปีมานี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ดื้อด้านไร้เหตุผล ชอบมาหาผลประโยชน์จากตระกูลซ่ง นางรู้สึกละอายใจต่อตระกูลซ่งมาโดยตลอดโชคดีที่ทั้งแม่สามีและพ่อสามีล้วนไม่เคยตำหนินางเพราะเรื่องนี้ นางย่อมเข้าใจว่าในเรื่องนี้ย่อมขาดความชอบของซ่งหลินไปไม่ได้เลย“ตอนนั้นท่านโน้มน้าวแม่สามีอย่างไรหรือ?” กู้หรูเยียนถามอย่างสงสัยตอนนั้นนางกังวลใจไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ทุกครั้งที่ซ่งหลินบอกนางว่าไม่เป็นไร พ่อสามีและแม่สามีจิตใจกว้างขวาง ไม่เคยเก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ แต่กลับเห็นใจนางเป
“เมื่อวานข้าได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ การจัดเตรียมแสนอลังการแบบนี้ ไม่เพียงแค่ไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความจริงใจของฉู่อ๋อง”“ตอนที่ข้าเห็นฉู่อ๋องเป็นฝ่ายถามแม่นางซ่งว่ายินดีแต่งงานกับเขาหรือไม่ก็รู้สึกว่าถ้าบุรุษในใต้หล้าเป็นเหมือนเขากันทุกคนก็คงดี”“ไม่รู้ว่าการมอบแหวนมีความหมายพิเศษอันใดหรือไม่? ตอนข้าเห็นฉู่อ๋องสวมแหวนให้แม่นางซ่งก็รู้สึกว่าพิเศษเอามากๆ วันหน้าตอนข้าแต่งงานก็อยากทำเช่นนี้เหมือนกัน”ทันใดนั้น แหวนในร้านขายเครื่องประดับก็กลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด ตั้งแต่เมื่อคืนวานจนถึงเช้าวันนี้ แหวนทั้งหมดล้วนขายไปจนหมดเกลี้ยงขณะที่เวลานี้จวนสกุลซ่งเพิ่งได้รับราชโองการพระราชทานสมรส“ยินดีด้วย แม่ทัพซ่ง ซ่งฮูหยิน วันที่แปดเดือนหน้าเป็นวันดี หลังแต่งงานแล้ว แม่นางซ่งก็จะกลายเป็นพระชายาฉู่อ๋อง”ขันทีที่อัญเชิญราชโองการมามีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ตำแหน่งพระชายาฉู่อ๋องว่างเว้นมานานมากแล้ว ฉู่อ๋องควรแต่งงานตั้งแต่หลายปีก่อน แต่ก็ผัดผ่อนมาจนถึงตอนนี้บัดนี้ในที่สุดก็มีว่าที่พระชายาฉู่อ๋องเสียที ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองโดยแท้“เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของพระราชทานจากในวัง ไม่เพ