หร่วนอวี้เฉิงเกรงใจมาก ใช้สายตาเอ่ยถามฉู่จวินถิงอย่างไร้สุ้มเสียง ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าแม่นางท่านนี้สามารถรักษาอาการป่วยได้!ฉู่จวินถิงมีสีหน้าเรียบเฉย ครั้นตกอยู่ในสายตาหร่วนอวี้เฉิงและอวิ๋นอ๋อง เห็นได้ชัดว่ากำลังทอประกายระยับ!ซ่งรั่วเจินจับชีพจรดูแล้ว มั่นใจขึ้นมาภายในใจหลายส่วน จากนั้นหันหน้าไปถามฉู่อวิ๋นกุย “อวิ๋นอ๋อง ท่านช่วยหม่อมฉันอย่างหนึ่งได้หรือไม่?”“ข้า?” ฉู่อวิ๋นกุยชี้เข้าที่ตนเอง เปล่งเสียงประหลาดใจปนดีใจ สบมองฉู่จวินถิงอย่างยั่วยุ พี่สะใภ้ไม่ขอความช่วยเหลือจากเสด็จพี่ ถึงขั้นขอความช่วยเหลือตนเอง!ฉู่จวินถิงนึกแปลกใจอย่างอดไม่ได้ แต่กลับไม่แสดงอารมณ์ใดผ่านทางสีหน้า“อวิ๋นอ๋อง ท่านถอดถุงเท้าของคุณชายหร่วนก่อน กดจุดฝังเข็มตามที่หม่อมฉันบอก”ซ่งรั่วเจินเอ่ยปาก นางในฐานะหมอย่อมไม่ใส่ใจเรื่องเหล่านี้ แต่ที่นี่คือยุคสมัยโบราณ ชายหญิงไม่พึงใกล้ชิดกัน ไม่เหมาะสมเท่าใดนัก ต้องให้คนช่วยเพียงฉู่อวิ๋นกุยได้ยินว่าให้ตนเองถอดถุงเท้าเหม็นๆ หร่วนอวี้เฉิง รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปในทันใด เขามองหร่วนอวี้เฉิงอย่างรังเกียจ คนผู้นี้ต้องมีเท้าเหม็นที่สุดในหมู่พวกเขาแน่!หร่วนอ
ซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ ขณะกำลังเตรียมเขียนตำรับยาถอนพิษอยู่นั้น ก็เห็นฉู่จวินถิงช่วยนางหยิบพู่กันและกระดาษมาแล้วนางหันมองเขาแวบหนึ่ง หลังจากเริ่มคุ้นเคยกับเขา นางพบว่าชายคนนี้ใส่ใจมากจริงๆ ไม่เพียงไม่เย็นชาอย่างที่แสดงออกมา ตรงข้ามกันเขามักสังเกตเห็นรายละเอียดมากมาย คิดแทนนางไปทุกจุดไม่นาน ซ่งรั่วเจินก็เขียนตำรับยาออกมาดีแล้ว “ยึดตามตำรับยานี้ ต้มน้ำสามชามจนกลายเป็นน้ำหนึ่งชาม วันละสามครั้ง”ฉู่อวิ๋นกุยรับตำรับยามาอย่างมีไหวพริบ “ข้าจะให้คนไปเตรียมเดี๋ยวนี้เลย”“คุณชายหร่วนถูกพิษมาระยะหนึ่งแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายยังอ่อนแอมาก หลังกินยากระบวนการถอนพิษจะต้องทรมานมากแน่”“นี่คือยาลูกกลอนที่ก่อนหน้านี้ข้าทำขึ้น หลังกินลงไปร่างกายจะดีขึ้น สามารถบรรเทาอาการปวดได้”ซ่งรั่วเจินหยิบยาที่ก่อนหน้านี้นางทำขึ้นออกมา ช่วงที่ผ่านมานางชอบทำยาลูกกลอนยามว่าง ภายในนั้นมียาทำให้ร่างกายแข็งแรง อีกทั้งยังทำยาถอนพิษ ตระเตรียมไว้หลายชนิดหร่วนอวี้เฉิงสมเป็นลูกผู้ชาย หลังถูกพิษแล้วยังอดทนต่อความเจ็บปวดยามค่ำคืนอยู่ได้ แม้ไม่ใช่ยามค่ำคืน เวลาอื่นเขาก็อดทนต่อความเจ็บปวดอยู่ตลอดแม้ว่าสีหน้าเผือดซีด แต่
มิน่าเล่าทุกครั้งได้พบหน้าเสด็จพี่สามจึงคิดว่าเขาอารมณ์ดีมาก ที่แท้ก็เก็บของล้ำค่ามาได้นี่เอง!ในเวลาเดียวกัน ณ พระราชวังหลังฉู่เทียนเช่อฟื้นขึ้นมาแล้วก็รู้สึกปวดเมื่อยทั่วทั้งสรรพางค์กาย สำคัญที่สุดคือได้รับบาดเจ็บโดยเสียเปล่าไปแล้ว ไม่บรรลุตามแผนที่วางไว้“เหตุใดอยู่ดีๆ เสด็จพี่ใหญ่ก็ไปปรากฏตัวอยู่ที่นั่นได้เล่า?”เขารู้ว่าทุกครั้งยามเสด็จพี่ใหญ่ล่าสัตว์ชอบไปทิศทางใด ดังนั้นจึงยิ่งไม่เข้าใจ อยู่ดีๆ เหตุใดเสด็จพี่ใหญ่ก็เปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหัน ถึงขั้นช่วยเขาเอาไว้แล้ว!ไม่เพียงแค่นี้ แม้แต่ฉู่จวินถิงเองก็มาช่วยคนด้วย ทั้งๆ ที่วางอุบายไว้ดีแล้ว คนลำบากที่สุดกลับเป็นเขาเอง!จงเฟยได้รู้ว่าฉู่เทียนเช่อฟื้นขึ้นมาแล้วก็รีบเข้ามา สายตาปวดใจอย่างยิ่งยวด“เทียนเช่อ วันนี้เจ้าเป็นอะไรไป? ล่วงเกินใครเข้าแล้ว เหตุใดพวกเขาจึงต้องการฆ่าเจ้าเล่า!”“เสด็จแม่ ไม่ต้องกังวล ข้าไม่เป็นไร” ฉู่เทียนเช่อมิได้พูดมาก แต่ถามว่า “หลังข้าหมดสติไป เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่?”จงเฟยส่ายหน้า “เสด็จพ่อห่วงใยเจ้ามาก พูดว่าจะต้องหาคนร้ายออกมาให้ได้ เรื่องนี้มอบให้ศาลต้าหลี่ไปตรวจสอบ เชื่อว่าจะต้องสืบหาออกมา
“ฮองเฮาไม่ชอบนาง?”ฉู่เทียนเช่อประหลาดใจ หลุบตาครุ่นคิดก็เข้าใจแล้ว “ซ่งรั่วเจินเคยถอนหมั้นมาก่อน เกรงว่าฮองเฮาจะใส่ใจเรื่องนี้”หลายปีมานี้ฉู่จวินถิงแสดงออกได้อย่างโดดเด่น ต่อให้พวกเขาต้องการจับจุดอ่อนก็ไม่สำเร็จ เจ้าเด็กคนนี้ทำเรื่องใดล้วนไร้ช่องโหว่!สายตาของฮองเฮา มีเพียงสตรีชนชั้นสูงถึงจะคู่ควรกับเขา ฐานะของสกุลซ่งไม่อาจเทียบจวนอัครเสนาบดีได้หากเขาตบแต่งกับคุณหนูจวนอัครเสนาบดี มีอัครเสนาบดีเป็นแรงสนับสนุน ก็ย่อมมีความเป็นไปได้มากที่จะได้เป็นองค์รัชทายาท ทว่านางคิดไม่ถึงว่าวิชาศาสตร์ลี้ลับของซ่งรั่วเจินยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ตราบใดที่ใช้มันได้อย่างถูกต้อง ผลลัพธ์ก็อาจเหนือชั้นกว่าหนึ่งขั้น!ยิ่งไปกว่านั้น ก็แค่ตำแหน่งชายารองเท่านั้น สามารถสู่ขอสตรีงามเช่นนี้คนหนึ่งได้ เขาย่อมยินดี“ฮองเฮาก็เป็นเช่นนี้ นั่นก็ไม่ชอบนี่ก็ไม่ชอบ นางมีชาติกำเนิดที่ดี คนอื่นมีชาติกำเนิดไม่ดีจะเข้าตานางได้อย่างไร?”จงเฟยยิ้มเย็น นึกถึงสายตายามได้พบนางเป็นครั้งแรกของฮองเฮา สูงส่งทระนงตน แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเห็นพวกเขาเหล่านี้อยู่ในสายตา รอเทียนเช่อได้เป็นองค์รัชทายาท นางกลับอยากเห็นว่าฮองเฮายังมีอะไรให
ใบหน้าของเขาลึกซึ้ง ลายเส้นไหลลื่น ยามสบมองนางนิ่งๆ สามารถมองเห็นถึงความรู้สึกลึกซึ้งและจริงจัง ทั้งๆ ที่เป็นคำพูดหยอกเย้า แต่สายตาลุ่มลึกกลับสะท้อนความจริงจังชวนให้คนไม่สามารถเห็นเป็นเรื่องตลกได้ตอนนี้เอง ซ่งรั่วเจินรู้สึกเพียงว่าที่อยู่ตรงหน้าก็คือปีศาจหนุ่มคนหนึ่งเขากำลังยั่วยวนตน!ที่น่ากลัวที่สุดคือ...นางใกล้ถูกยั่วยวนสำเร็จแล้ว“ท่านอ๋อง ถ้อยคำเช่นนี้ออกจากปากท่านดูแล้วไม่เหมาะสมเท่าใดกระมัง? หากคนอื่นได้รู้ว่าท่านอ๋องหน้าตายถึงขั้นเปล่งวาจาเช่นนี้ออกมา ก็ไม่รู้ว่าจะตกใจมากเพียงใด” ซ่งรั่วเจินพูดฉู่จวินถิงเลิกคิ้ว ดวงตาดำดุจหินอัคนีทมิฬใต้แสงจันทร์เปล่งประกายมากเป็นพิเศษ สุ้มเสียงชวนให้คนหวั่นไหวอย่างมาก“ยามข้าอยู่ต่อหน้าเจ้า แต่ไหนแต่ไรมาไม่ใช่อ๋องหน้าตาย ยิ่งไปกว่านั้น...ยามอยู่ต่อหน้าคนที่ชอบ ยังจะต้องการหน้าตาอะไรอีก?”ซ่งรั่วเจินชะงักเบาๆ คิดเพียงว่าชายคนนี้พูดเก่งเกินไปแล้วกระมัง!ต่อให้ท่อง ‘คาถาชำระจิตใจ’ ภายในใจก็ยังยากที่จะไม่ถูกปีศาจหนุ่มรูปงามเช่นนี้ล่อลวงฉู่จวินถิงเห็นดวงตาทอประกายระยิบระยับของฝ่ายหญิงจับจ้องเขา ยังเจือความรู้สึกว้าวุ่นใจเล็กน้อยอีกด้วย
“คารวะเซียวอ๋อง” ซ่งรั่วเจินทำความเคารพฉู่อี้ชวนพยักหน้า แม้รู้สึกตกตะลึงภายในใจ กลับไม่เผยอารมณ์ใดผ่านทางสีหน้าเลยสักเศษเสี้ยว“เสด็จพี่ ท่านเขาไปนั่งด้านในก่อนสักครู่ น้องห้าอยู่ด้านใน” ฉู่จวินถิงเอ่ยปากเสียงเรียบ ท่าทีมีเหตุผลฉู่อี้ชวนชะงักเล็กน้อย สายตาของเขากวาดมองทั้งสองคน หยั่งเดาภายในใจว่าดึกถึงเพียงนี้แล้วคงมิใช่ว่าทั้งสองคนยังมีเรื่องอะไรให้ทำหรอกกระมัง?“ได้”ซ่งรั่วเจินเองก็คิดไม่ถึงว่าที่ฉู่จวินถิงพูดเมื่อครู่ล้วนเป็นความจริง เซียวอ๋องตั้งใจเดินทางมายามวิกาล เขาให้คนไปรอภายในจวน ยึดมั่นจะไปส่งนางกลับก่อน“ท่านอ๋อง หม่อมฉันนั่งรถม้ากลับไปก็พอ ท่านกลับเข้าไปก่อนเถอะ ประเดี๋ยวเซียวอ๋องจะคอยนาน” ซ่งรั่วเจินพูดสีหน้าฉู่จวินถิงไม่เปลี่ยนไป “เขารอสักครู่ได้ไม่เป็นไร ในเมื่อข้ารับเจ้ามา ย่อมต้องพาเจ้าไปส่งอย่างปลอดภัย”“หม่อมฉันรู้ท่านกังวลความปลอดภัยของหม่อมฉัน ถ้าอย่างนั้นก็สามารถให้อวิ๋นหยางส่งหม่อมฉันกลับไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นบัดนี้คนที่หม่อมฉันล่วงเกินล้วนถูกจับไปแล้ว ไม่มีวันมีคนลงมือกับหม่อมฉันอีก”ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบาๆ บัดนี้พวกฉินซวงซวงถูกขังอยู่ภายในคุก ไม่มีโ
“น้องสาม เจ้าได้ข่าวมากระนั้นหรือ?”ฉู่อี้ชวนมีสีหน้าจริงจัง หลังจากที่เขากลับไปก็รู้สึกว่าทุกอย่างในเรื่องนี้ดูมีพิรุธ ยิ่งไปกว่านั้นซ่งรั่วเจินยังตั้งใจหลอกล่อพาเขาไปที่นั่น พูดว่าเพื่อช่วยเขา ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล โดยเฉพาะหลังจากที่เขาถูกลอบสังหารก็ยิ่งรู้สึกว่าถูกวางแผนเล่นงาน แต่เมื่อกลับมาสืบข่าวเหล่านี้ เขาก็เริ่มตระหนักถึงปัญหาทั้งหมด...น่ากลัวว่าคือแผนการหนึ่ง! เมื่อครู่ยามเขาได้พบซ่งรั่วเจินก็อยากถามดู แต่เพราะยังไม่แน่ใจในเรื่องนี้ จึงยังไม่เหมาะที่จะเปิดเผยออกไป“เรื่องนี้ฐานะของข้าไม่สะดวกนัก จึงฝากให้ศาลต้าหลี่สอบสวนและไม่ได้ถามมากมายอันใด เรื่องนี้มีพิรุธจริงๆ คาดว่าพรุ่งนี้ก็น่าจะได้ผลสรุปแล้ว” ฉู่จวินถิงพูดแต่ไหนแต่ไรมาศาลต้าหลี่ทำงานว่องไวมาก ยิ่งไปกว่านั้นเสด็จพ่อได้ออกพระราชโองการให้สอบสวนอย่างเคร่งครัด เวลาหนึ่งวันเพียงพอให้ศาลต้าหลี่สอบสวนข่าวสำคัญออกมาได้ ฉู่อี้ชวนรู้สึกหนักอึ้งภายในใจ หากฉู่จวินถิงเองก็ยังเห็นว่าเรื่องนี้มีพิรุธ ก็พิสูจน์ได้ว่าเขาคิดถูกแล้ว เรื่องนี้น่ากลัวว่าเป็นเรื่องยุ่งยากจริงๆ “เรื่องวันนี้ต้องขอบคุณเจ้าและแม่นางซ่ง
วันต่อมา ซ่งรั่วเจินก็ได้รู้ข่าวว่าหลินจือเยว่และฉินซวงซวงถูกตัดสินเนรเทศ“เนรเทศ? ผลการตัดสินออกเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”เฉินเซียงหัวเราะอย่างอดไม่ได้ “คุณหนู เรื่องนี้เป็นฉู่อ๋องจัดการ จะไม่เร็วได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ?”ซ่งรั่วเจินมองนางแวบหนึ่ง “ตอนนี้เจ้ากล้าขึ้นไม่น้อยเลยนะ ถึงขั้นกล้ามาหยอกล้อข้าเช่นนี้”“นั่นยังไม่ใช่เพราะรู้ว่าคุณหนูใจดีกับข้าอีกหรือ?” เฉินเซียงกลับไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย นางรู้ว่าคุณหนูดีต่อคนของตน“ฉินซวงซวงก็คล้ายอสรพิษ คิดอยากกัดคุณหนูอยู่ทุกขณะจิต หลังนางถูกเนรเทศไปแล้วก็จะไม่มาขัดตาคุณหนูในเมืองหลวงอีก นี่ยังไม่ใช่เรื่องดีอีกหรือ?”“การจัดการนี้ของฉู่อ๋องยอดเยี่ยมยิ่งนัก เมื่อครู่บ่าวได้ยินคุณชายรองชื่นชมด้วยเจ้าค่ะ” เฉินเซียงพูดอย่างมีความสุข ภาคภูมิใจอย่างแท้จริง“เช่นนั้นเถียนเจียวเจียวและถังเสวี่ยหนิงจะถูกจัดการเช่นไร?” ซ่งรั่วเจินถามต่อ“ทั้งสองคนถูกสั่งโบยที่ศาลาว่าการ เช้าวันนี้ถูกโบยต่อหน้าราษฎร์ โหย่วฝูตั้งใจไปดูมาเป็นพิเศษ พูดว่าการโบยนั้นแรงมากจริงๆ ชุดกระโปรงล้วนเปื้อนเลือด”ซ่งรั่วเจินขมวดคิ้ว “อัครเสนาบดีถังมิได้ไปหรือ?”“ไปเจ้าค่ะ ไม่
หากได้ชื่อว่าอกตัญญู ด้วยนิสัยของหลิ่วเฟยเยี่ยนจะต้องใส่สีตีไข่กระพือเรื่องนี้จนคนรู้กันทั่วอย่างแน่นอน ไม่เพียงกระทบต่อชื่อเสียงของบิดา แม้แต่อนาคตของลูกๆ อย่างพวกเขาก็จะได้รับผลกระทบเช่นกันในมุมมองของพวกเขา ย่อมจะยอมไม่สนใจอนาคตแต่ไม่ยอมให้มารดาได้รับความอยุติธรรมอยู่แล้ว แต่ความคิดของมารดาและของพวกเขาจะต้องไม่เหมือนกันแน่นอนนางยอมแบกรับความอยุติธรรม วนเวียนอยู่ในเรื่องนี้ แต่ไม่ยอมให้กระทบพวกเขาแม้แต่นิดเดียวซ่งจิ่งเซินอดสงสัยไม่ได้ “จะว่าไปก็แปลกจริงๆ ท่านแม่ก็เป็นลูกสาวแท้ๆ ของท่านยายเหมือนกัน เหตุใดท่านยายจึงลำเอียงได้ขนาดนี้?”ถึงจะบอกว่าในครอบครับมีลูกหลายคน จะรักทุกคนไม่เท่ากันก็เป็นเรื่องปกติ แต่จะรักไม่เท่ากันอย่างไรก็ไม่เกินไปขนาดนี้กระมัง!“พวกท่านไม่รู้สึกบ้างหรือว่าความจริงท่านแม่ก็ไม่เหมือนท่านยายเลย ท่านน้ากลับเหมือนท่านยายเอามากๆ?”ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากขึ้นอย่างถูกจังหวะ นางสงสัยว่ามารดาไม่ใช่บุตรสาวแท้ๆ ของตระกูลหลิ่ว แค่ดูจากหน้าตา ความจริงก็ไม่เหมือนแล้วหลิ่วหรูเยียนหน้าตาดีกว่าหลิ่วเฟยเยี่ยนมากนัก มิฉะนั้นตอนแรกท่านพ่อก็คงไม่ตกหลุมรักท่านแม่ตั้งแต่แรกพบ แม
เมื่อเผชิญหน้ากับคำตำหนิด้วยความโกรธกรุ่นของหลิ่วเฟยเยี่ยน หูหว่านมีสีหน้าไม่แยแสนางรู้สึกมาตลอดว่าหลิ่วเฟยเยี่ยนโง่งมยิ่งนัก ความสามารถสักนิดหามีไม่ หากไม่ใช่เพราะอาศัยความรักที่ตระกูลหลิ่วมีต่อนาง แม้แต่สิทธิจะพูดจาต่อหน้านางก็ยังไม่มี!สามีที่แต่งงานด้วยก็เป็นพวกไร้สามารถ ไม่รู้จักแสวงหาความก้าวหน้าก็แล้วไปเถอะ ทั้งวันรู้จักแต่กินดื่ม บุตรชายก็ทำเป็นแค่ก่อเรื่องจะว่าไปแล้ว คนที่นางอิจฉาจริงๆ คือหลิ่วหรูเยียนต่างหาก แต่งงานกับสามีที่ดีคนหนึ่ง หลายปีก่อนหน้านี้ซ่งหลินก็ดีต่อนางอย่างแท้จริงทั้งที่รู้ว่าที่บ้านเรียกร้องสิ่งของจากนางมาตลอด ถ้าเปลี่ยนเป็นบุรุษทั่วไปจะต้องรับไม่ได้เป็นแน่ แต่ซ่งหลินกลับไม่อยากทำให้หลิ่วหรูเยียนลำบากใจจึงไม่ได้เข้ามายุ่งมากนักเรื่องนี้มีบุรุษแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทำได้ทว่าหูหว่านยิ่งไม่อธิบาย หลิ่วเฟยเยี่ยนก็ยิ่งรู้สึกว่าสิ่งที่นางพูดมาเป็นไปได้มากว่าจะเป็นเรื่องจริง“เยียนเอ๋อร์ เจ้ารู้เรื่องนี้หรือไม่?”หลิ่วเฟยเยี่ยนมองไปทางบุตรสาวของตนเอง ในสมองกลับคิดทบทวนไม่หยุดว่าช่วงหลังมานี้สามีกลับดึกดื่นขึ้นทุกวันจริงๆ บางครั้งยังถึงขั้นไม่กลับ
“แต่ข้าเห็นสกุลซุนละโมบไม่รู้จักพอ ได้ยินมาว่าไม่ว่าน้องเขยหรือฮั่นเฟย ออกไปดื่มสุราครั้งหนึ่งก็ใช้จ่ายเงินไปจำนวนมหาศาล เอะอะก็เชิญไปทุกหนแห่ง”“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้ารู้ท่านและพี่ใหญ่เอ็นดูเฟยเยี่ยน แต่พวกท่านก็ไม่สามารถมอบให้เช่นนี้ไปตลอดได้”“เมื่อหลายวันก่อนท่านแม่ก็มอบสองร้านทางทิศใต้ให้เฟยเยี่ยนมิใช่หรือ? นี่เพิ่งผ่านไปได้ไม่นานก็มาขอของจากข้าอีกแล้ว?”“ในเมื่อข้าแต่งออกไปแล้ว ก็คือคนของสกุลซ่ง บัดนี้สามีไม่อยู่ ข้าต้องดูแลทั้งครอบครัว ไม่สามารถมอบให้อย่างไร้ขีดจำกัดได้อีกแล้ว พวกท่านถือเสียว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน!”ซ่งรั่วเจินสามพี่น้องเห็นสีหน้าหูหว่านไม่สบอารมณ์มากขึ้นเรื่อยๆ ทีแรกยังสามารถระงับเอาไว้ได้ ต่อมาไม่อาจระงับโทสะภายในสายตาได้อีกต่อไป อยากหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ ทำได้เพียงฝืนระงับมุมปากเท่านั้นในอดีตหลิ่วเฟยเยี่ยนเหยียบเรือสองแคม ได้รับผลประโยชน์อยู่ตรงกลางไม่น้อย ไม่ได้เปิดโปงมาโดยตลอดครั้งนี้มารดาตัดสินใจเด็ดขาด แม้แต่ผ้าคลุมกันอายก็ดึงลงมาแล้ว!เช่นนี้ ไม่ต้องให้มารดาลำบากใจ ป้าสะใภ้เพียงคนเดียวก็เพียงพอทำให้ท่านน้าสำลักตายได้แล้ว!ไม่ผิดไปดังคาด หูหว่านระงั
หูหว่านเป็นสะใภ้ใหญ่ของสกุลหลิ่ว อุปนิสัยรุนแรง อีกทั้งยังชอบหาผลประโยชน์ เพราะเหตุนี้ทุกครั้งเห็นหลิ่วเฟยเยี่ยนขอสิ่งของจากหลิ่วหรูเยียน นางจึงหาทางแบ่งผลประโยชน์ออกมาต่อให้หลิ่วเฟยเยี่ยนดื้อรั้นเอาแต่ใจมากเพียงใด ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหูหว่านนายหญิงหลิ่วเองก็รู้อุปนิสัยของหูหว่าน แต่นางคิดว่าหูหว่านพูดไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย พวกเขาสกุลหลิ่วเองก็ขาดเงินเฉกเดียวกัน!แม้ว่านางสงสารเฟยเยี่ยน แต่อย่างไรเสียเฟยเยี่ยนก็แต่งเข้าสกุลซุนไปแล้ว ไม่สามารถยกผลประโยชน์ทั้งหมดไปให้สกุลซุนได้!“เฟยเยี่ยน พี่สะใภ้ของเจ้าพูดถูกแล้ว จะเอาของทั้งหมดกลับไปที่สกุลซุนไม่ได้ ต่อให้เจ้าไม่คิดถึงพี่ใหญ่เจ้า ก็ต้องคิดถึงหลานชายเหล่านั้นของเจ้า” นายหญิงหลิ่วพูดได้ยินดังนั้น ต่อให้หลิ่วเฟยเยี่ยนไม่ยอมก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทนซ่งรั่วเจินสองสามคนรับชมภาพนี้ด้วยสายตาเย็นชา รู้สึกเพียงตลกเหลือเกิน พวกเขายังไม่ได้รับปาก คนเหล่านี้ก็จัดสรรปันส่วนด้วยตนเองเสร็จสรรพดีแล้วท่าทางนั้น...เห็นได้ชัดว่าไม่เคยคิดว่าพวกเขาจะปฏิเสธ!ซ่งรั่วเจินหันมองทางหลิ่วหรูเยียน ขณะเตรียมจะเอ่ยปาก กลับมองเห็นหลิ่วหรูเยียนยิ้มน้อยๆ เป็นสัญญา
หลิ่วหรูเยียนลุกขึ้นยืน มองพวกซ่งรั่วเจินทั้งสามคนแวบหนึ่ง เตรียมก้าวเท้าออกไปซ่งรั่วเจินสามคนย่อมลุกขึ้นตั้งแต่มารดาผินมองมาครั้งแรกแล้ว ทุกครั้งได้ฟังท่านน้าเล่นละครอยู่นาน วันนี้พวกเขาไม่ขอฟังแล้วสีหน้าหลิ่วเฟยเยี่ยนเปลี่ยนไป “พี่หญิง เหตุใดพวกท่านจะไปแล้วเล่า?”“ไม่ไปแล้วจะอยู่ทำอะไร? น้องหญิงก็อยู่สนทนากับท่านแม่ดีๆ เถอะ ข้ายังมีธุระอีกมาก บัดนี้ยังไม่รู้ว่าสามีเป็นตายร้ายดีเช่นไร ข้าต้องใส่ใจดูแลครอบครัว วาสนาไม่ดีเหมือนน้องหญิง”หลิ่วหรูเยียนถอนหายใจ ความอิจฉาและสลดใจเจืออยู่ในน้ำเสียงมือหลิ่วเฟยเยี่ยนแข็งค้างไป รู้สึกคล้ายถูกหลิ่วหรูเยียนตบนิ่งๆ หนึ่งฉาดนางพูดว่าสามีดื่มสุราทุกวัน ระหว่างทั้งคู่มีความขัดแย้งกันมากมาย ทว่าหลิ่วหรูเยียนพูดว่าสามีนางยังไม่รู้เป็นหรือตาย เช่นนี้ยังไม่ใช่นางคร่ำครวญทั้งๆ ที่มิได้เจ็บป่วย ชนิดที่ว่ายังสาดเกลือใส่แผลของหลิ่วหรูเยียนด้วยหรือ?“แต่ไหนแต่ไรมาท่านน้าและน้าเขยมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ชวนให้คนอิจฉาโดยแท้ หากท่านพ่อข้ายังอยู่ข้างกายท่านแม่ก็คงดี...” ซ่งรั่วเจินพูดอย่างสลดใจได้ถูกเวลาหนึ่งประโยคเห็นหลิ่วหรูเยียนเดินออกจากห้องแล้
หลังหลิ่วเฟยเยี่ยนกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ออกมาแล้วก็หันมองไปที่หลิ่วหรูเยียนแวบหนึ่ง เดิมทีคิดว่านางจะต้องดุซ่งรั่วเจินอย่างแน่นอน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลิ่วหรูเยียนจะตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า“รั่วเจินเป็นลูกสาวที่ข้าภาคภูมิใจมาตลอด อีกทั้งสิ่งที่นางพูดก็เป็นความจริง ต่อให้น้องหญิงจะถูกพูดแทงใจแต่ก็ไม่น่าจะต้องพูดจารุนแรงถึงเพียงนี้”ถ้อยคำนี้พูดออกมา ยังไม่ต้องพูดถึงหลิ่วเฟยเยี่ยน แม้แต่นายหญิงหลิ่วก็ยังลอบรู้สึกประหลาดใจ วันนี้เหตุใดหลิ่วหรูเยียนถึงคล้ายเปลี่ยนไปเป็นคนละคน?หากเป็นที่ผ่านมา นางก็ไม่มีวันพูดเช่นนี้“พี่หญิง รั่วเจินไม่เคารพผู้ใหญ่เช่นนี้ ท่านคิดว่าไม่มีปัญหาหรือ?” หลิ่วเฟยเยี่ยนถามอย่างเหลือจะเชื่อหลิ่วหรูเยียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วตอบ “หากน้องหญิงคิดว่าคำพูดนี้ไม่เหมาะสม เหตุใดเมื่อครู่ถึงพูดกับข้า?”“หรือว่าน้องหญิงคิดว่าหยามเกียรติเจ้าไม่ได้ แต่หยามเกียรติข้าได้หรือ? นี่หลักการอะไร!” หลิ่วเฟยเยี่ยนอ้าปาก ภายในใจเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ แต่กลับพูดตอบโต้ไม่ออกแม้ประโยคเดียวทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเช่นนี้ ทุกครั้งลูกสาวลูกชายตระกูลซ่งได้พบนางมีครั้งใดไม่เคารพนางบ
ณ สกุลหลิ่วเพียงหลิ่วหรูเหยียนกลับมาที่บ้านมารดาก็เริ่มร้องไห้ฟ้องมารดาว่า “ท่านแม่ ครั้งนี้น้องหญิงทำให้ข้าเจ็บปวดใจจริงๆ ตลอดหลายปีมานี้ข้าไม่เคยทำผิดต่อนางเลย ดีต่อนางมาโดยตลอด แต่นางถึงขั้นทำกับข้าเช่นนี้!”“หรูเยียน เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่ากระไร?” นายหญิงหลิ่วงุนงงหลิ่วหรูเยียนตาแดง หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตาที่หัวตา“เมื่อไม่กี่วันก่อนน้องหญิงมาหาข้า ถามไล่เรียงว่าเหตุใดไม่ไปขอความเมตตาจากเซียงอ๋อง ไม่ใช่ข้าไม่อยากทำ แต่ทำอย่างเต็มที่แล้ว”“เซียงอ๋องตามหาซื่อจื่อกลับมาได้อย่างยากลำบาก ได้เห็นเขาถูกรังแก ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยฮั่นเฟยไป ขอความเมตตาเยี่ยงไรก็ไร้ประโยชน์”“เพราะสาเหตุนี้น้องหญิงจึงโทษข้า ข้าเองก็ไม่สามารถอธิบายอะไรได้ วันนั้นรั่วเจินล่วงเกินฉู่อ๋อง ถูกสั่งสอนอย่างแรงหนึ่งรอบ ข้าขอร้องให้น้องหญิงไปตามน้องเขยมาช่วย”“ใครคิดเล่าว่านางถึงขั้นพูดว่าข้าสมควรโดนแล้ว ยังพูดอีกว่าล้วนเป็นกรรมของข้า สุดท้ายทั้งตระกูลก็จะต้องถูกเนรเทศเหมือนฮั่นเฟย!”“ท่านแม่ ท่านพูดข้าและนางเป็นพี่น้องกัน เหตุใดนางใจร้ายถึงเพียงนี้เล่า? เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นข้าเป็นญาติ น่ากลัวว่
คิดว่า ต่อให้พี่ห้าฟื้นคืนความทรงจำแล้ว ก็ไม่มีวันไร้สมองเหมือนที่ผ่านมาขณะสองพี่น้องกำลังปรึกษากันว่าจะเปิดร้านที่ใดอยู่นั้น โหย่วฝูก็รีบเร่งเข้ามาแล้ว“คุณหนู” โหย่วฝูมองซ่งจิ่งเซินอย่างลังเลแวบหนึ่ง“ไม่เป็นไร พูดเถอะ” ซ่งรั่วเจินพูดซ่งจิ่งเซินมองน้องหญิงของตนอย่างสงสัย นี่คือมีแผนอะไรที่พวกเขาไม่รู้ด้วยหรือ?“คุณหนู ทางฝั่งนั้นมีการเคลื่อนไหวแล้ว ดูท่าทางแล้ววันนี้เตรียมไปสกุลหลิ่วเจ้าค่ะ” โหย่วฝูเอ่ยออกมาซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วเรียวยาวดุจกิ่งหลิวขึ้น “ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปเถอะ”“น้องหญิงห้า ใครจะไปสกุลหลิ่วหรือ?” ซ่งจิ่งเซินงุนงง“พี่สี่ ตอนนี้ไม่มีเวลาพูดมากกับท่านแล้ว พวกเราไปหาท่านแม่ก่อนเถอะ หลายวันมานี้อยู่อย่างสุขสบายเกินไป การค้าไก่ทอดเองก็ดีมาก ย่อมต้องเข้าตาครอบครัวของท่านน้าที่คอยจับตามองพวกเรา”“ในอดีตทุกครั้งล้วนเป็นท่านน้าไปสกุลหลิ่วฟ้องพวกเราก่อน ย่อมไม่สามารถถูกกระทำไปเสียทุกครั้งได้ ครั้งนี้สมควรเป็นพวกเราไปร้องทุกข์ก่อน”เพียงซ่งจิ่งเซินได้ยินก็สนใจขึ้นมาแล้ว “มิน่าเล่าสองวันนี้ข้าถึงรู้สึกไม่ชอบมาพากล เกือบลืมบ้านของท่านน้าไปแล้ว!”“ในอดีตขอเพียงบ้านพวกเ
วันต่อมา ซ่งรั่วเจินก็ได้รู้ข่าวว่าหลินจือเยว่และฉินซวงซวงถูกตัดสินเนรเทศ“เนรเทศ? ผลการตัดสินออกเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”เฉินเซียงหัวเราะอย่างอดไม่ได้ “คุณหนู เรื่องนี้เป็นฉู่อ๋องจัดการ จะไม่เร็วได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ?”ซ่งรั่วเจินมองนางแวบหนึ่ง “ตอนนี้เจ้ากล้าขึ้นไม่น้อยเลยนะ ถึงขั้นกล้ามาหยอกล้อข้าเช่นนี้”“นั่นยังไม่ใช่เพราะรู้ว่าคุณหนูใจดีกับข้าอีกหรือ?” เฉินเซียงกลับไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย นางรู้ว่าคุณหนูดีต่อคนของตน“ฉินซวงซวงก็คล้ายอสรพิษ คิดอยากกัดคุณหนูอยู่ทุกขณะจิต หลังนางถูกเนรเทศไปแล้วก็จะไม่มาขัดตาคุณหนูในเมืองหลวงอีก นี่ยังไม่ใช่เรื่องดีอีกหรือ?”“การจัดการนี้ของฉู่อ๋องยอดเยี่ยมยิ่งนัก เมื่อครู่บ่าวได้ยินคุณชายรองชื่นชมด้วยเจ้าค่ะ” เฉินเซียงพูดอย่างมีความสุข ภาคภูมิใจอย่างแท้จริง“เช่นนั้นเถียนเจียวเจียวและถังเสวี่ยหนิงจะถูกจัดการเช่นไร?” ซ่งรั่วเจินถามต่อ“ทั้งสองคนถูกสั่งโบยที่ศาลาว่าการ เช้าวันนี้ถูกโบยต่อหน้าราษฎร์ โหย่วฝูตั้งใจไปดูมาเป็นพิเศษ พูดว่าการโบยนั้นแรงมากจริงๆ ชุดกระโปรงล้วนเปื้อนเลือด”ซ่งรั่วเจินขมวดคิ้ว “อัครเสนาบดีถังมิได้ไปหรือ?”“ไปเจ้าค่ะ ไม่