เมื่อพิธีล่าสัตว์สิ้นสุดลง เรื่องวุ่นวายถึงคราวยุติ ซ่งรั่วเจินก็ติดตามพี่ชายของตนเองเตรียมตัวจากไป“ข้าต้องไปศาลาว่าการซุ่นเทียนก่อนสักรอบ หลังจากนั้นค่อยไปหาเจ้า” ฉู่จวินถิงกล่าวซ่งรั่วเจินพยักหน้าน้อยๆ เรื่องนี้วุ่นวายใหญ่โตเพียงนี้ เกรงว่าคนทั้งเมืองหลวงคงกำลังรอดูผลลัพธ์อยู่ ฉู่จวินถิงจำเป็นต้องปิดคดีโดยเร็วที่สุดอวิ๋นเนี่ยนชูกับเมิ่งชิ่นได้ยินบทสนทนาที่คุ้นเคยปานนี้ระหว่างทั้งคู่ก็หันมาสบตากันโดยสัญชาตญาณ ต่างลอบอมยิ้มอย่างอดไม่อยู่“หลังจากนั้นค่อยไปหาเจ้า?” ฉู่จวินถิงเพิ่งจากไป อวิ๋นเนี่ยนชูก็ใช้ไหล่กระแซะซ่งรั่วเจิน กลั้นยิ้มเอ่ยว่า “รั่วเจิน เจ้ากับท่านอ๋องสนิทสนมกันถึงขั้นนี้แล้ว คงไม่ใช่ว่าคบกันแล้วไม่บอกพวกข้าหรอกนะ?”ความอึดอัดวาบผ่านใบหน้าซ่งรั่วเจิน นางอธิบายว่า “ท่านอ๋องมาหาข้าเพื่อแจ้งบทสรุปของเรื่องนี้กับข้าเท่านั้น”“รั่วเจิน เจ้าหน้าแดงแล้ว! บอกความจริงมานะ ผู้ชายแบบฉู่อ๋องยังมีสิ่งใดให้ติอีกหรือ?”“ถ้าข้ามีวาสนาดีเช่นนี้จะต้องตอบรับโดยไม่ลังเลแน่นอน เจ้าลองคิดดูสิถ้าเจ้าได้เป็นชายาของฉู่อ๋อง พวกฉินซวงซวงยังจะกล้ามาหาเรื่องเจ้าอีกงั้นรึ? หลบยังแทบไม่ทันด้ว
“ข้ากลับมองว่าฉู่อ๋องหาได้ปิดบังแม้แต่น้อย เขาคงรู้เป็นอย่างดีว่าฮองเฮามิได้พอใจกระมัง?” เมิ่งชิ่นเอ่ยถามซ่งรั่วเจินเปล่งเสียงตอบรับ ที่จริงนางมิได้หวั่นเกรงต่อฮองเฮาแม้แต่น้อย เสียก็แต่ปัญหาภายในราชวงศ์นั้นสลับซับซ้อนยิ่ง เพียงเหตุลอบปลงพระชนม์ฉู่เทียนเช่อในวันนี้ก็เห็นได้ชัดเจนว่าขอเพียงก้าวเท้าเข้าไปก็ราวกับติดอยู่ในหล่มโคลนตมแล้ว“รั่วเจิน ข้าว่าเจ้ามิจำเป็นต้องกังวลนักหรอก หากฮองเฮาควบคุมบงการฉู่อ๋องได้จริงแล้วละก็ ฉู่อ๋องก็คงมิครองโสดมาจวบจนบัดนี้ได้หรอก”“ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน ฮองเฮาก็คิดจะจัดแจงหมั้นหมายให้ฉู่อ๋องอยู่แล้ว แต่ดูเอาเถิดว่าถึงตอนนี้แล้วหาคนมาปลงใจได้เสียที่ไหน? ชัดเจนว่าหากมีฉู่อ๋องอยู่ เจ้าก็มิจำเป็นต้องหวั่นเกรงใดๆ ต่อฮองเฮา”“อีกอย่างท่านแม่ข้าเคยว่าไว้ ไม่ว่าแม่นางใดจะแต่งงานกับชายใดก็ล้วนมิอาจเลี่ยงต้องประสบทุกข์ยาก ชีวิตคนเรานั้นยากจะสมบูรณ์แบบพรั่งพร้อม”“บ้างก็สามีภรรยารักใคร่กลมเกลียวมักมีแม่สามีร้ายกาจ บ้างก็แม่สามีดีเหลือหลายสามีภรรยากลับมิสมานฉันท์ ข้ากลับมองว่าอย่างน้อยฉู่อ๋องฝ่าบาทก็ทรงปกป้องเจ้าได้มิใช่หรือ?”“เมิ่งชิ่น นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะม
ไม่นานนักซ่งอี้อันก็กลับมาซ่งรั่วเจินเห็นเขากลับมาแล้วสายตาเอาแต่จับจ้องอยู่ที่นางจึงเอ่ยถาม “เกี่ยวข้องกับข้าหรือไม่?”“ถูกเผ็ง” ซ่งอี้อันพยักหน้า “บุตรชายคนโตของสกุลหร่วนถูกพิษเข้า บัดนี้อาการถึงมือหมอหลวงแล้ว ทว่ายังคงไร้ซึ่งหนทางเช่นเดิม นางจึงนึกถึงหมอเทวดาที่ช่วยรักษาข้าและพี่ใหญ่ขึ้นมาได้ เลยอยากให้ข้าช่วยแนะนำให้”จบประโยค พี่ชายน้องชายทั้งสี่ก็ต่างมองไปยังซ่งรั่วเจิน ฝีมือการแพทย์ของน้องหญิงบ้านตนย่อมเป็นที่ประจักษ์ในหมู่พวกเขาอยู่แล้วกระทั่งโรคที่ท่านหมอมากมายในเมืองหลวงยังไม่อาจรักษาให้หายได้ ขอเพียงน้องหญิงออกโรงแค่เพียงยาก็รักษาหายได้แล้ว ไม่เพียงแค่ซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อันเท่านั้น กระทั่งร่างกายของชิงอินก็เป็นนางเช่นกันที่ช่วยปรับสมดุลให้ดีขึ้นได้ จนบัดนี้เรียกได้ว่าแตกต่างกับเมื่อก่อนลิบลับ!“หร่วนอวี้เฉิงที่ว่าคือคุณชายใหญ่สกุลหร่วนหรือ?”ฉับพลันซ่งรั่วเจินก็หวนนึกถึงสิ่งที่ฉู่จวินถิงเคยบอกนางเอาไว้ว่าหร่วนอวี้เฉิงพักอยู่ที่จวนฉู่อ๋อง หมอหลวงทั้งหลายต่างได้เคยตรวจดูอาการกันแล้ว ทว่าก็ทำได้เพียงรักษาประคองชีวิตไว้ได้เท่านั้น ไม่อาจถอนพิษออกไปได้จนสิ้นดังนั้นจ
หร่วนเนี่ยนถังอดไม่ได้ที่จะถามออกมา นางได้ยินมาว่านับแต่อาการของซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อันถูกรักษาจนหายขาด ผู้คนไม่น้อยก็ต่างสงสัยใคร่รู้ว่าท่านหมอที่รักษาพวกเขาคือผู้ใด ทว่าสกุลซ่งกลับไม่เคยเปิดเผยแพร่งพรายออกมาก่อนนี้ก็มีคนพยายามสืบเสาะหาข้อมูลอยู่เช่นกัน แต่ก็ยังคงไร้ซึ่งเบาะแสข่าวคราวใด“ดูท่าคงมิอยากให้เกิดการอลหม่านวุ่นวาย อย่างไรหากชื่อเสียงกระจายออกไป ความยุ่งยากก็คงตามมาไม่น้อย”ซ่งอี้อันเชื่อว่าน้องหญิงบ้านตนคงคิดเช่นนี้ หากเป็นผู้อื่นที่มีฝีมือเช่นนี้แล้วเล่าก็คงอดรนทนไม่ไหวอยากจะป่าวประกาศให้โลกหล้ารู้กันถ้วนทั่วแล้ว สำหรับน้องหญิงห้าที่มีวิชาศาสตร์ลี้ลับแก่กล้า เมื่อผนวกรวมกับถวามถนัดถนี่ทางการค้าขายแล้ว เรียกได้ว่าก็มีกินมีใช้ไม่ขาดปาก ไม่มีเหตุจำเป็นใดให้ต้องลำบากลำบนอยู่แล้ว เขาก็คิดเช่นกันว่าขอเพียงน้องหญิงห้ามีความสุขตามอัตภาพในทุกๆ วันก็ดีมากพอแล้วหร่วนเนี่ยนถังพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว”ซ่งอี้อันครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนเอ่ย “เรื่องในจวนของพวกเราเมื่อคราก่อน ข้าต้องขออภัยด้วย และขอบใจเจ้ามากที่ช่วยข้าให้พ้นจากเรื่องยุ่งยากใจ”ครั้งนั้นที่หร่วนเนี่ยนถังตกน้ำ ก็
สกุลซุนหลิ่วเฟยเยี่ยนได้ยินคำพูดของซุนเยียนเอ๋อร์เข้า ดวงตาก็เต็มด้วยความคาดไม่ถึง “เจ้าว่าอะไรนะ? ฉู่อ๋องมอบรางวัลที่ตนชนะเลิศการล่าสัตว์ให้ซ่งรั่วเจินต่อหน้าผู้คนเช่นนั้นหรือ?”ซุนเยียนเอ๋อร์พยักหน้าด้วยสีหน้าไม่สู้ดิ “ท่านแม่ ท่านว่าเหตุใดญาติผู้พี่จึงโชคดีเช่นนี้ได้เล่า? นางก็เพียงหญิงที่เคยถอนหมั้นหมายมาก่อน แต่กลับอาจหาญหมายใจฉู่อ๋องก็เท่านั้น!”“ก่อนนี้ผู้คนต่างกล่าวกันว่าฉู่อ๋องสายตาเฉียบคม หญิงสาวทั่วไปล้วนไม่อาจเข้าตาเขาได้มิใช่หรือ? แล้วเหตุใดจึงมาถูกตาต้องใจญาติผู้พี่ได้เล่า?”แรกเริ่มหลินจือเยว่ยังบอกนางว่าวันนี้จะเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้หวนผงาดอีกครั้ง ให้นางเตรียมตัวรอดูอยู่เลยรอจนเขาหวนคืนสู่ตำแหน่งขุนนางอีกครั้งเมื่อใดแล้ว ก็จะรับนางเข้าจวนเป็นภรรยา ดังนั้นวันนี้กระทั่งพิธีล่าสัตว์นางก็ยังไม่ได้ไป ด้วยกลัวจะปะเข้ากับฉินซวงซวงจนเกิดปัญหา!ใครเล่าไม่รู้ว่าหญิงเช่นฉินซวงซวงร้ายกาจหยาบช้าเพียงใด กลเม็ดที่ใช้เล่นงานผู้อื่นเรียกได้ว่าไม่ขาดสาย นางย่อมไม่ต้องการถูกเล่นงานเสียตั้งแต่ยังไม่ได้ก้าวเท้าเข้าจวน!ใครจะคิดเล่าว่าหลินจือเยว่จะไม่เพียงไม่อาจผงาดได้อีกครั้ง กล
เมื่อยามราตรีค่อยๆ ย่างกรายมาถึง ฉู่จวินถิงก็มารับตัวซ่งรั่วเจินไปหลิ่วหรูเยียนมองดูบุตรสาวของตนที่ถูกรับตัวออกไปแล้วใบหน้าก็ผุดพรายด้วยรอยยิ้ม นางทอดถอนใจเอ่ย “ลูกสาวโตแล้วก็ยากที่จะรั้ง เจินเอ๋อร์คงมีใจให้ฉู่อ๋องแล้วเป็นแน่”ในฐานะคนผ่านโลกมาก่อน นางย่อมรู้ดีว่าสายตาของคนมีความรักนั้นยากจะปกปิดท่าทีของเจินเอ๋อร์ที่มีต่อฉู่อ๋องก่อนหน้านี้ช่างแตกต่างจากตอนนี้โดยสิ้นเชิง คิดแล้วต่อไปก็เหลือเพียงรอฟังข่าวดีแล้ว“ฮูหยิน ฉู่อ๋องเป็นบุรุษที่หาได้ยากในโลกหล้า ทั้งยังจริงจังจริงใจต่อคุณหนู ดูแล้วหากแต่งออกไปคงไม่มีทางทำคุณหนูของเราต้องเสียใจแน่เจ้าค่ะ” แม่นมเอ่ยด้วยรอยยิ้มหลิ่วหรูเยียนก็พลอยยิ้มตาม “ก่อนนี้ข้ายังเป็นกังวลเรื่องเจินเอ๋อร์อยู่บ้าง นางนิสัยใจคอเหมือนกันกับข้า ยากจะเลี่ยงถูกผู้อื่นรังแก บัดนี้ข้ากลับคิดว่าใครจะรังแกนางก็คงมิใช่เรื่องง่ายดายเสียแล้ว”“อีกทั้งหากฉู่อ๋องทำถึงขั้นนี้แล้ว ก็ย่อมไม่มีทางแต่งนางเข้าไปเพื่อรังแกแน่”“ฮูหยินวางใจเถิดเจ้าค่ะ คุณหนูของเราเป็นคนมีวาสนาที่ดี!”ซ่งรั่วเจินตามฉู่จวินถิงขึ้นมานั่งยังรถม้า นางมองดูใบหน้าที่ดูอิดโรยเล็กน้อยของเขาก่อนจะเ
ณ จวนฉู่อ๋องซ่งรั่วเจินไม่ใช่เพิ่งมาจวนอ๋องเป็นครั้งแรก ครั้งก่อนก็เคยมาแล้ว แต่ความรู้สึกยามมาจวนฉู่อ๋องช่วงกลางคืนและช่วงกลางกลับแตกต่างกัน“พวกหมอหลวงยังอยู่หรือไม่?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถาม“ให้พวกเขากลับไปก่อนแล้ว สองสามวันมานี้พวกเขาคิดหาทางไม่น้อย แต่ก็แค่ทำให้อาการป่วยของอวี้เฉิงทรงตัวอยู่ได้ชั่วคราว ค้นหาในตำราแพทย์จนหมดแล้วก็ยังไม่พบวิธีถอนพิษ”เดิมทีฉู่จวินถิงคิดว่าวิชาแพทย์ของหมอหลวงยอดเยี่ยมมาก แต่นึกถึงอาการป่วยของซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อัน ทุกคนล้วนพูดว่าหมดหนทางรักษา แต่เพียงซ่งรั่วเจินลงมือก็รักษาจนหายได้สามารถมองออกว่า วิชาแพทย์ของซ่งรั่วเจินยอดเยี่ยมยิ่งกว่าคนของสำนักหมอหลวงมากนัก“วันนี้แม่นางหร่วนเองก็มาหาพวกเรา นางห่วงใยคุณชายหร่วนมาก หม่อมฉันบอกนางว่าท่านหาหมอเทวดามารักษาพี่ชายนางได้แล้ว ขอให้นางวางใจ” ซ่งรั่วเจินพูดฉู่จวินถิงเข้าใจ “ปกติหร่วนอวี้เฉิงก็เอ็นดูน้องสาวคนนี้ของเขาที่สุด ความสัมพันธ์ระหว่างพี่ชายน้องสาวดีมากนัก”“เสด็จพี่สาม ท่านมาแล้ว!”อวิ๋นอ๋องเพิ่งออกจากห้องก็มองเห็นฉู่จวินถิงกลับมา เห็นว่าซ่งรั่วเจินเองก็มาพร้อมเขาด้วย เผยสีหน้าแปลกใจออกมา
หร่วนอวี้เฉิงเกรงใจมาก ใช้สายตาเอ่ยถามฉู่จวินถิงอย่างไร้สุ้มเสียง ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าแม่นางท่านนี้สามารถรักษาอาการป่วยได้!ฉู่จวินถิงมีสีหน้าเรียบเฉย ครั้นตกอยู่ในสายตาหร่วนอวี้เฉิงและอวิ๋นอ๋อง เห็นได้ชัดว่ากำลังทอประกายระยับ!ซ่งรั่วเจินจับชีพจรดูแล้ว มั่นใจขึ้นมาภายในใจหลายส่วน จากนั้นหันหน้าไปถามฉู่อวิ๋นกุย “อวิ๋นอ๋อง ท่านช่วยหม่อมฉันอย่างหนึ่งได้หรือไม่?”“ข้า?” ฉู่อวิ๋นกุยชี้เข้าที่ตนเอง เปล่งเสียงประหลาดใจปนดีใจ สบมองฉู่จวินถิงอย่างยั่วยุ พี่สะใภ้ไม่ขอความช่วยเหลือจากเสด็จพี่ ถึงขั้นขอความช่วยเหลือตนเอง!ฉู่จวินถิงนึกแปลกใจอย่างอดไม่ได้ แต่กลับไม่แสดงอารมณ์ใดผ่านทางสีหน้า“อวิ๋นอ๋อง ท่านถอดถุงเท้าของคุณชายหร่วนก่อน กดจุดฝังเข็มตามที่หม่อมฉันบอก”ซ่งรั่วเจินเอ่ยปาก นางในฐานะหมอย่อมไม่ใส่ใจเรื่องเหล่านี้ แต่ที่นี่คือยุคสมัยโบราณ ชายหญิงไม่พึงใกล้ชิดกัน ไม่เหมาะสมเท่าใดนัก ต้องให้คนช่วยเพียงฉู่อวิ๋นกุยได้ยินว่าให้ตนเองถอดถุงเท้าเหม็นๆ หร่วนอวี้เฉิง รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปในทันใด เขามองหร่วนอวี้เฉิงอย่างรังเกียจ คนผู้นี้ต้องมีเท้าเหม็นที่สุดในหมู่พวกเขาแน่!หร่วนอ
เมื่อก่อนถ้าเยว่หลินโกรธ เขาก็จะใช้ไม้นี้ ผู้ใดจะคาดว่าเขายังไม่ทันรอจนเยว่หลินปรากฏตัว แต่กลับได้รับน้ำล้างเท้าอ่างหนึ่งเทลงมาจากชั้นบนแทนอารามโมโห เขาจึงได้แต่กลับมาอาบน้ำเปลี่ยนชุด ไม่รู้ว่านั่นเป็นน้ำล้างเท้าคนจำนวนมากเท่าไรจึงส่งกลิ่นเหม็นเปรี้ยวชวนคลื่นไส้แบบนั้นในเมื่อเรื่องความสัมพันธ์กับภรรยาเป็นไปได้มากว่าคงรักษาไว้ไม่ได้แล้ว อย่างน้องก็ต้องเก็บลูกเขาไว้ให้ได้เขาเห็นว่าฉินเจิงไม่อยู่จึงถอยกลับไปอย่างเงียบๆรอจนหลินรั่วหลานถูกแม่นมสาวใช้ช่วยกันดึงออกไปข้างๆ ได้แล้ว กู้อวิ๋นเวยก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด“ตีนางให้หนักๆ! ตีให้ตายไปเลย!”แววตาหลินรั่วหลานทอประกายเคียดแค้น “เจ้าแน่จริงก็ตีข้าให้ตาย ลือออกไปทุกคนจะได้รู้ว่าตระกูลฉินของพวกเจ้าเป็นฆาตกร!”“ตี! เหลือแค่ลมหายใจสุดท้ายไว้ก็พอ!” กู้อวิ๋นเวยสั่งอย่างโกรธเกรี้ยวฉินจื้อหย่วนไปหาฉินเจิง “ท่านพ่อ เมื่อครู่ตอนข้ามาได้ยินว่าฮูหยินใหญ่กับฮูหยินผู้เฒ่าหลินตีกันแล้ว จะไปดูหน่อยไหมขอรับ?”ฉินเจิงเดิมก็อารมณ์ขุ่นมัว เห็นฉินจื้อหย่วนก็ไม่มีสีหน้าดีๆ ให้ เจ้าโง่คนนี้ ไม่ดูเสียบ้างว่าเหอเซียงหนิงเป็นผู้หญิงแบบไหน ถึงกับไ
กู้อวิ๋นเวยฟังวาจาเสียดแทงใจดำประโยคแล้วประโยคเล่าเหล่านั้นก็แทบจะโมโหจนขาดใจตายเลยทีเดียว!นางไม่ยินดีถูกคนเอ่ยถึงเรื่องที่นางกับฉินเจิงคบหากันในตอนแรกมาตลอด ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ นางก็คงไม่ตัดขาดสัมพันธ์กับที่บ้านใครใครล้วนพูดกันว่าฉินเจิงกับนางรักใคร่กันแล้วทำให้อดีตฮูหยินโมโหจนตาย แต่นั่นเดิมก็เป็นเพราะสตรีผู้นั้นไร้ประโยชน์ นางกับฉินเจิงจิตใจตรงกัน ไม่อย่างนั้นคุณหนูใหญ่อย่างนางก็คงไม่ยืนกรานแต่งงานกับเขา!เดิมก็เป็นเพราะอดีตฮูหยินจิตใจคับแคบ ทั้งยังไม่รู้จักหลีกทางให้ รู้ดีว่าเทียบนางไม่ได้ก็ควรเป็นฝ่ายลดตัวเป็นอนุภรรยาแล้วเชิญนางเข้าจวนมาถึงจะถูก! ตายไปก็สมควรแล้ว เกี่ยวอันใดกับนาง?“หลินรั่วหลาน นางเฒ่าเจ้าเล่ห์ ตัวเองเป็นตัวหายนะ ตัวเองไร้ประโยชน์ไม่มีปัญญาคลอดลูก มีแค่หลินจือเยว่พวกไร้อนาคตคนเดียว!”“ข้าว่าเจ้าคงบำรุงครรภ์ดีเกินไปจนให้ผลตรงข้ามกระมัง ไม่อย่างนั้นจะโง่งมจนถึงขั้นนี้ได้อย่างไร ยังมีหน้ามาโทษข้าอีก!”กู้อวิ๋นเวยก็ไม่เกรงใจเช่นกัน “พวกไม่เอาไหน ตัวเองเป็นพวกใจคอโลเลเอง ทำไมรึ? ตอนนี้เห็นตระกูลซ่งได้ดี เขาก็ไม่พอใจเสียแล้ว?”“ยังมีเจ้า ถ้าไม่ใช่
“นังโง่!”ฉินเจิงสะบัดฝ่ามือตบฉาด ดวงตาเต็มไปด้วยไฟโทสะ“เจ้าไม่ได้ยินข่าวลือหนาหูในเมืองหลวงงั้นเรอะ? ฉู่อ๋องกับนางมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา เจ้าเป็นศัตรูกับนางก็เท่ากับเป็นศัตรูของฉู่อ๋อง!”“เจ้ารังเกียจว่าปัญหาของครอบครัวพวกเราในตอนนี้ยังไม่มากพอ จะทำให้ข้าถูกเนรเทศไปด้วยให้ได้อย่างนั้นรึ!”กู้อวิ๋นเวยถูกตบหนึ่งฉาด ในใจเต็มไปด้วยความโกรธเคือง เงยหน้าสบกับสายตาโกรธเกรี้ยวของฉินเจิงแล้วก็กล้ำกลืนคำที่อยากพูดลงไป ในใจกลับอดแค้นเคืองมิได้ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้หากพวกตนลงมือเร็วกว่านี้ก็สามารถเอาชีวิตซ่งรั่วเจินได้แล้วแท้ๆ ภายหลังคงไม่เกิดเรื่องราวมากมายเช่นนี้ กล่าวถึงที่สุดก็เป็นเพราะฉินเจิงไร้ประโยชน์!หลังจากฉินเจิงจากไป กู้อวิ๋นเวยก็ข่มโทสะเต็มท้อง สมองครุ่นคิดว่าอีกประเดี๋ยวต้องไปตระกูลกู้สักรอบซวงซวงเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ ถึงนางจะตัดสัมพันธ์กับตระกูลกู้แล้ว แต่เรื่องแบบนี้พวกเขาไม่อาจเพิกเฉยไม่สนใจตอนนั้นบิดานางสร้างความชอบทางทหารจึงได้รับป้ายทองละเว้นโทษตายมาป้ายหนึ่ง ขอเพียงยอมนำออกมา ยังจะต้องกลัวว่าซวงซวงจะถูกเนรเทศอีกงั้นหรือ?ทว่าเวลานั้นเอง ฮูหยินผู้เฒ่าหลินที่ทราบข่า
แววตาหลิ่วหรูเยียนพลันคมปลาบขึ้นมา มีท่าทางเหมือนอยากกลับไปสู้ตายกับหลิ่วเฟยเยี่ยน “เฟยเยี่ยนร่วมมือกับคนนอกมาทำร้ายเจ้า? คงไม่ใช่ว่าครั้งนี้ก็เป็นพวกนางที่ร่วมมือกันใส่ร้ายเจ้าหรอกนะ?”“ต่อให้พวกนางร่วมมือกันก็ไร้ประโยชน์ ท่านน้าเป็นพวกทำการไม่สำเร็จแต่ทำพังกลับถนัดนักมาแต่ไหนแต่ไร ถ้าพวกนางร่วมมือกันจริงๆ ตอนนี้ฉินซวงซวงลงเอยเช่นนี้ เกรงว่าพวกนางคงทะเลาะกันแล้วกระมัง”ซ่งรั่วเจินผายมือ ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าข่าวการเนรเทศคงเหมือนกับฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ สำหรับตระกูลฉิน สำหรับตระกูลหลิ่วที่ไม่มีอะไรสักอย่างยิ่งเป็นหายนะร้ายแรงฮูหยินผู้เฒ่าหลินโลภมากทั้งยังชอบประจบผู้มีอำนาจ ไม่ยอมเสียเปรียบมาแต่ไหนแต่ไร ทั้งยังชอบคิดเล็กคิดน้อยช่วงเวลาที่ผ่านมาหลินจือเยว่ตกต่ำจากยศโหวมาเป็นสามัญชน ยามนี้ยังตกต่ำไปเป็นนักโทษ เกรงว่าความขัดแย้งระหว่างฮูหยินผู้เฒ่าหลินกับตระกูลฉินคงไม่ยุติลงง่ายๆได้ยินอย่างนั้น ทุกคนก็คิดเชื่อมโยงถึงเรื่องนี้โดยไม่รู้ตัว รู้สึกเพียงว่าไม่สามารถได้เห็นละครฉากนี้ด้วยตาตนเองช่างน่าเสียดายยิ่งนัก“ฉินซวงซวงถูกตัดสินให้เนรเทศ ตระกูลเซียวจะต้องร้องขอพระเมตตาแทนนางแน่นอน ก่อ
“พวกเขาไม่ได้ลำเอียง แต่เห็นท่านแม่เป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ตามใจชอบต่างหาก ข้าจึงลองทำนายดู”“แล้วก็พบว่าไม่ใช่ลูกแท้ๆ จริงๆ เจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินกล่าวด้วยแววตาจริงจังหลิ่วหรูเยียนจมลงสู่ความเงียบงัน นางตระหนักในความสามารถของบุตรสาวตนเองดี รั่วเจินทำนายแม่นยำมากมาแต่ไหนแต่ไร ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน ความสงสัยหลายปีก่อนกลายเป็นความจริง นางรู้สึกสับสนยิ่งนัก“ท่านแม่ ท่านไม่เป็นไรนะ?” ซ่งจิ่งเซินถามอย่างเป็นห่วงซ่งจืออวี้ก็เป็นห่วงเช่นกัน “ท่านแม่ ท่านอย่าเศร้าใจไปเลยขอรับ”“พวกเจ้าไม่ต้องกังวล หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ กลับเป็นเรื่องดีเสียอีก”“ความจริงหลายปีมานี้ ข้าไม่เข้าใจมาตลอดว่าเหตุใดทั้งที่ข้าทำเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่าเฟยเยี่ยนแท้ๆ แต่ท่านพ่อท่านแม่กลับไม่ชอบข้า”“เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า เรื่องนี้แทบกลายเป็นปมในใจข้า มักคิดอยู่ตลอดว่าเดิมทีท่านพ่อท่านแม่ก็ไม่ชอบข้า ข้ายิ่งควรเชื่อฟังรู้ความสักหน่อย บางทีพวกเขาอาจชอบข้าบ้าง”หลิ่วหรูเยียนหัวเราะเบาๆ แฝงความเยาะหยันตนเองอยู่หลายส่วน จากนั้นแววตาก็เปลี่ยนเป็นสว่างไสว ใสกระจ่างกว่าเดิม“จะว่าไปแล้วก็น่าขัน ปัญหาที่ข้าควรขบคิดเข้าใจม
คนตระกูลซ่งไปจากตระกูลหลิ่วแล้วก็รู้สึกเพียงว่าโล่งอกเบาสบาย สำหรับพวกเขาพี่น้องแล้ว เพียงอยากอยู่ให้ห่างจากญาติมหาภัยเหล่านี้เสียให้ไกลถ้าเลือกได้ พวกเขาไม่อยากมีญาติแบบนี้เลยสักนิด แต่ที่ผ่านมากังวลว่าท่านแม่จะคิดอย่างไรก็เท่านั้นวันนี้เห็นว่าพอเห็นว่าท่านแม่ตัดสินใจขีดเส้นแบ่งกับตระกูลหลิ่วอย่างเด็ดขาดแล้ว ในใจพวกเขาก็ดีใจจนพูดไม่ออก!“ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ คราวก่อนท่านน้าทำเรื่องน่าละอายแบบนั้นลงไป แต่ก็ยังหน้าหนามาเรียกร้องสิ่งของอีก หนังหน้าสู้กำแพงเมืองได้เลย!”ซ่งจืออวี้จุปากทอดถอนใจ คนไร้ยางอายที่เขาเคยเห็นมานับว่าไม่น้อยเลย คนพวกนั้นล้วนแต่เป็นพวกต่อกรด้วยยากที่ไม่สนใจอันใดทั้งนั้น แต่ละคนมีแต่พวกไม่สนใจเหตุผล ระดับความไร้ยางอายของท่านน้ากลับไม่ด้อยไปกว่าเลย“ท่านน้าไม่มียางอายเลยสักนิด หลายปีนี้อาศัยความลำเอียงของท่านยาย สร้างเรื่องทั้งในทางลับทางแจ้งเรียกร้องสิ่งของไปมากมายเท่าไร?”“ถ้าท่านแม่ไม่ยอมรับปาก ท่านน้าก็จะร้องไห้โวยวายข่มขู่ ท่านยายยิ่งด่าท่านแม่ว่าอกตัญญู พร่ำพูดว่าไม่ยอมรับลูกสาวคนนี้ ดังนั้นท่านแม่จึงถูกควบคุมมาโดยตลอด”ซ่งจิ่งเซินขมวดคิ้วแน่น เขารู้สึกอย
“ข้าสั่งสอนเจ้ามาแบบนี้งั้นรึ? เด็กพวกนี้ถูกเจ้าสั่งสอนมาแบบนี้ มิสั่งสอนจนเสียคนไปทั้งบ้านเลยรึ!”นายหญิงหลิ่วตีหน้าเย็นชา ตำหนิอย่างเข้มงวด “เจ้าควรทบทวนตัวเองดีๆ จริงๆ ตอนนี้ยิ่งโตก็ยิ่งทำให้พวกข้าไม่สบายใจ!”ได้ยินคำตำหนิที่แสกหน้ามายกหนึ่งเช่นนี้ ซ่งรั่วเจินอดทอดถอนใจไม่ได้ว่านายหญิงหลิ่วช่ำชองวิธีล้างสมองคนจริงๆ ไม่แปลกเลยที่หลายปีมานี้หลิ่วหรูเยียนไม่กล้าต่อต้าน“ท่านยาย ท่านพร่ำพูดว่าครอบครัวพวกข้าต้องให้ตระกูลหลิ่วคอยช่วยเหลือ ไม่รู้ว่าตอนข้าถอนหมั้นตระกูลหลิ่วช่วยเหลือแล้ว หรือตอนที่พี่ใหญ่พี่รองของข้าถูกรังแก พวกท่านได้ช่วยเหลือแล้ว?”“พ่อข้าหายสาบสูญจนถึงตอนนี้ ก่อนหน้านี้แม่ข้าตัวคนเดียวไร้คนช่วยเหลือ ท่านพาท่านน้ากับท่านลุงมาสองรอบจริงๆ เรียกร้องสิ่งของกลับไปไม่น้อย”“ตอนที่ควรช่วยเหลือข้าไม่เคยเห็นเลยสักนิด สิ่งของที่ควรได้ไปกลับมีไม่น้อยเลยทีเดียว”“ต่อให้เป็นปลิงดูดเลือด เวลาพูดจาก็ยังพูดจาน่าฟัง แต่นี่ตักตวงผลประโยชน์ไปอย่างเต็มที่แล้วยังมาด่าคนอีก จะโลภมากจนน่าเกลียดไปหน่อยหรือเปล่าเจ้าคะ?”ซ่งรั่วเจินวาจาคมกริบ แววตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ ตระกูลหลิ่วที่ราวกับ
นายหญิงหลิ่วงุนงง “หมายความว่าอย่างไร?”“ร้านขายไก่ทอดเป็นการค้าที่เจินเอ๋อร์คิดค้น ไม่รู้ว่าทุ่มเทความคิดไปมากมายเท่าไร ข้าเคยพูดตอนไหนหรือว่าจะยกให้พวกท่าน?”หลิ่วหรูเยียนมีสีหน้าประหลาดใจ “ที่ผ่านมาท่านแม่เอาแต่เรียกร้องสิ่งของจากข้าก็แล้วไปเถอะ แต่ในฐานะผู้อาวุโสคงไม่ถึงกับไม่สนใจแม้แต่เกียรติขั้นพื้นฐาน ยังจะมาเรียกร้องจากหลานสาวอีกกระมัง?”สิ้นวาจานี้ ถึงจะเป็นนายหญิงหลิ่วที่หนังหน้าหนามาโดยตลอดก็เริ่มจะวางหน้าไม่สนิทเสียแล้ว “หรูเยียน เจ้าพูดอะไรออกมา? นี่คือกิจการตระกูลซ่งไม่ใช่หรือ?”“นี่ไม่ใช่ของตระกูลซ่ง แต่เป็นของเจินเอ๋อร์”นายหญิงหลิ่วยังว่า “พวกเขาล้วนแต่เป็นเด็กตระกูลซ่ง ของของพวกเขาก็ล้วนแต่เป็นของของตระกูลซ่งไม่ใช่รึ?”“ร้านค้าบนถนนเส้นนั้นเดิมก็เป็นสิ่งที่ตระกูลฉินชดเชยให้อี้อัน อี้อันลำบากมามากขนาดนั้น คนเป็นแม่อย่างข้ายังต้องเรียกร้องสินชดเชยพวกนั้นมาจากเขาอีกหรือเจ้าคะ?”“ข้าไม่รู้ว่าแม่คนอื่นคิดอย่างไร แต่ลูกชายที่ข้าให้กำเนิดมา ข้ารักของข้า นี่เดิมก็เป็นของของเขา ย่อมไม่มีการเรียกร้องจากเขา พวกเขาพี่น้องก็เห็นด้วยกันทุกคน”หลิ่วหรูเยียนกล่าวอย่างมีเหตุมี
หากได้ชื่อว่าอกตัญญู ด้วยนิสัยของหลิ่วเฟยเยี่ยนจะต้องใส่สีตีไข่กระพือเรื่องนี้จนคนรู้กันทั่วอย่างแน่นอน ไม่เพียงกระทบต่อชื่อเสียงของบิดา แม้แต่อนาคตของลูกๆ อย่างพวกเขาก็จะได้รับผลกระทบเช่นกันในมุมมองของพวกเขา ย่อมจะยอมไม่สนใจอนาคตแต่ไม่ยอมให้มารดาได้รับความอยุติธรรมอยู่แล้ว แต่ความคิดของมารดาและของพวกเขาจะต้องไม่เหมือนกันแน่นอนนางยอมแบกรับความอยุติธรรม วนเวียนอยู่ในเรื่องนี้ แต่ไม่ยอมให้กระทบพวกเขาแม้แต่นิดเดียวซ่งจิ่งเซินอดสงสัยไม่ได้ “จะว่าไปก็แปลกจริงๆ ท่านแม่ก็เป็นลูกสาวแท้ๆ ของท่านยายเหมือนกัน เหตุใดท่านยายจึงลำเอียงได้ขนาดนี้?”ถึงจะบอกว่าในครอบครับมีลูกหลายคน จะรักทุกคนไม่เท่ากันก็เป็นเรื่องปกติ แต่จะรักไม่เท่ากันอย่างไรก็ไม่เกินไปขนาดนี้กระมัง!“พวกท่านไม่รู้สึกบ้างหรือว่าความจริงท่านแม่ก็ไม่เหมือนท่านยายเลย ท่านน้ากลับเหมือนท่านยายเอามากๆ?”ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากขึ้นอย่างถูกจังหวะ นางสงสัยว่ามารดาไม่ใช่บุตรสาวแท้ๆ ของตระกูลหลิ่ว แค่ดูจากหน้าตา ความจริงก็ไม่เหมือนแล้วหลิ่วหรูเยียนหน้าตาดีกว่าหลิ่วเฟยเยี่ยนมากนัก มิฉะนั้นตอนแรกท่านพ่อก็คงไม่ตกหลุมรักท่านแม่ตั้งแต่แรกพบ แม