“โชคดีเมื่อวานชวีคั่วยอมรับเรื่องแต่งงานกับเจ้าต่อหน้าทุกคน เจ้ารอแต่งงานเข้าสกุลชวีอย่างสบายใจเถอะ อย่าได้คิดเรื่องอื่นอีกเลย”นายหญิงเคอจนใจอยู่บ้าง เดิมทียังคิดว่าเคอหยวนจื่ออาจมีโอกาสเข้าไปอยู่ในตระกูลที่ดียิ่งกว่านี้ บัดนี้เป็นไปไม่ได้แล้ว ยังดีสกุลชวีเองก็ไม่เลว เทียบกับซ่งจิ่งเซินคนค้าขายนี้นับว่ามีอนาคตกว่ามากในเมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลงแล้ว เช่นนั้นตัดความคิดอื่นไปเสีย จะได้หลีกเลี่ยงถูกคนใช้โอกาสนี้เป็นจุดอ่อนเคอหยวนจื่อพยักหน้า แท้จริงแล้วคิดได้ว่าต้องแต่งกับชวีคั่ว นางยังรู้สึกมิอาจหักใจภายในใจพูดเรื่องหน้าตา เงินทองไปจนถึงความรักที่มีต่อนาง ซ่งจิ่งเซินล้วนเหนือกว่าชวีคั่วมากนัก เว้นเพียงเรื่องเดียว สกุลชวีเป็นขุนนาง ชวีคั่วเองก็เป็นบัณฑิต ครั้งนี้ยังมีชื่อบนกระดานในการสอบฤดูใบไม้ผลิอีกด้วยแม้ว่ามิได้อยู่ในอันดับแรก แต่ขอเพียงขยันหมั่นเพียร ภายภาคหน้ายังมีอนาคตรุ่งโรจน์ ย่อมดีกว่าแต่งกับคนค้าขายคนหนึ่ง“ใช่แล้ว เมื่อวานสกุลซ่งมิใช่พูดว่าวันนี้จะส่งรายการสิ่งของมา ให้เจ้าคืนของทั้งหมด เจ้ายังรับปากต่อหน้าทุกคนอีกด้วย!”“เจ้าให้ข้าพูดเยี่ยงไรจึงจะดี? ก่อนหน้านี้เจ้าจั
“ซ่งจิ่งเซินจะต้องมาขอขมาข้าอย่างแน่นอน ท่านแม่ ท่านก็ไปเป็นเพื่อนข้าเถิดเจ้าค่ะ”“ในเมื่อข้าจะต้องแต่งเข้าสกุลชวีแล้ว ก็อาศัยโอกาสในวันนี้พูดต่อหน้าทุกคนให้ชัดเจน ถึงตอนนั้นสกุลชวีถามขึ้นมา พวกเราก็มีพยานแล้ว”นางตัดสินใจแล้ว ในเมื่อต้องแต่งเข้าสกุลชวี เช่นนั้นก็ต้องทำให้ทุกคนได้เห็นอย่างชัดเจน หลังเรื่องยุติลงเรียบร้อยดีแล้วค่อยไปเกี้ยวพาซ่งจิ่งเซินกลับมาก็ยังไม่สาย ยังจะสามารถอาศัยข้ออ้างนี้บันดาลโทสะ โยนทั้งหมดลงที่เขาได้อีกด้วยยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!นายหญิงเคอพยักหน้า “ได้ ข้าจะให้คนไปเรียกคนของบ้านรอง บ้านสาม บ้านสี่มาเดี๋ยวนี้เลย”แม้ว่าภายภาคหน้าไม่ได้รับผลประโยชน์จากสกุลซ่งอีก วันนี้นางก็จะทำให้พวกเขาได้เห็นอย่างชัดเจน พวกเขาเป็นคนปฏิเสธความมั่งคั่งด้วยตนเอง ไม่ใช่สกุลซ่งไม่ยินดีมอบให้ชั่วขณะคนของอีกสามบ้านได้รับแจ้งข่าวจากนายหญิงเคอและมาเป็นเพื่อนเคอหยวนจื่อ ก็ได้เห็นกลุ่มคนวุ่นวายตรงหน้ารอยยิ้มบนใบหน้าของทั้งคู่แข็งค้างในทันใดนี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น?นับตั้งแต่ซ่งรั่วเจินมองเห็นพี่สี่ของตนพาคนมามากเพียงนี้ ก็เข้าใจแล้วว่าเขาคิดจะทำอันใด ทว่าได้เห็นเคอหยวนจื่อพ
ซ่งรัวเจินมองเห็นท่าทีตอบสนองของสองแม่ลูกเคอหยวนจื่ออยู่ในก้นบึ้งของสายตา แววตาปรากฎแววเยาะหยัน ใบหน้ากลับประดับยิ้มบางๆ“เมื่อคืนได้ยินว่าแม่นางเคอและคุณชายชวีหมั้นหมายกัน คิดได้ว่าพี่สี่ของข้าเคยสร้างความรำคาญให้แม่นางเคอมาก่อน นี่จึงกินไม่ได้นอนไม่หลับ”“รบกวนแม่นางเคอมอบของออกมาตอนนี้เลยเถอะ พวกเราทั้งสองฝ่ายจะได้นับต่อหน้าทุกคน จบปัญหาโดยเร็ว”พูดถ้อยคำนี้อย่างใจกว้างผ่าเผย นี่มิใช่ตระหนักถึงสกุลซ่ง แต่ตระหนักถึงสกุลเคอเดิมที อีกสามบ้านของสกุลเคอได้ยินนายหญิงเคอพูดว่าให้มาเป็นพยานการตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างเคอหยวนจื่อและซ่งจิ่งเซินพร้อมกัน แต่ยังเกิดความสงสัยอย่างสุดระงับตกลงนายหญิงเคออุปนิสัยเยี่ยงไรพวกเขาไม่ใช่ไม่รู้ มองแล้วคล้ายอ่อนโยนใจกว้าง แต่กลับใจร้ายมากหลายปีมานี้ ซ่งจิ่งเซินส่งของมาให้มากมากอย่างแท้จริง พวกเขาเห็นแล้วก็อิจฉาตาแดง อีกทั้งยังคิดว่าเคอหยวนจื่อมีวาสนา ไม่ต้องเสียสละสิ่งใด กลับสามารถทำให้ซ่งจิ่งเซินเอาอกเอาใจได้คิดไม่ถึงบัดนี้เพื่อแต่งงานกับสกุลชวี บ้านใหญ่ยินดีคืนของออกมา เห็นได้ว่าตัดสินใจแล้วนึกถึงตรงนี้ อีกสามบ้านลอบวางแผนภายในใจ ในเมื่อยินด
“ใช่แล้ว แม่นางคนหนึ่งอ้าปากเรียกบุรุษคนหนึ่งเข้าห้อง หน้าไม่อาย!” ซ่งจืออวี้พูดแขวะเคอหยวนจื่อโมโหแทบตายแล้ว ทำได้เพียงมองทางซ่งจิ่งเซินอย่างโศกเศร้า นางไม่เชื่อหรอกว่าชายคนนี้จะหักใจทำกับนางเช่นนี้ได้!“จิ่งเซิน ข้า...”“ไม่ต้องพูดมากแล้ว” ซ่งจิ่งเซินยกมือตัดบทสนทนาของนาง “เดิมทีพวกเราก็ไม่เกี่ยวข้องกัน พูดไม่ได้ว่ามีเยื่อใย นำของออกมาเถอะ”ซ่งจืออวี้เท้าเอว พูดว่า “พวกเจ้าเป็นอะไรไป? พวกเรากำลังรออยู่นะ หรือจะให้พวกเรายืนเสียเวลาเช่นนี้?”คนบ้านรองสกุลเคอพูดออกมาอย่างสุดระงับ “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านรีบนำของออกมาเถอะ!”“ดูท่าทางวางอำนาจบาตรใหญ่ของพวกเขา หากท่านยังไม่นำของออกมา นั่นต้องถูกตราหน้าว่าพวกเราละโมบในสิ่งของของพวกเขาแน่ ก็ไม่ดูบ้างว่าสกุลเคอของพวกเราเป็นตระกูลเยี่ยงไร ไฉนเลยจะละโมบสิ่งเหล่านี้?”นายหญิงเคอร้อนใจ หันมองเคอหยวนจื่ออย่างโมโห “วิธีที่เจ้าพูดเล่า?”เคอหยวนจื่อ “...” วิธีของนางต้องเข้าห้องก่อนจึงจะสามารถใช้ได้ซ่งรั่วเจินเยาะหยันออกมา “แม่นางเคอ เจ้าคงไม่วางแผนพาพี่สี่ข้าเข้าห้อง จากนั้นใช้วาจาหว่านล้อมเหมือนที่ผ่านมา จะได้ให้เขาเป็นฝ่ายยอมแพ้หรอกกระมัง?”ค
จากนั้นแม่ลูกสกุลเคอก็ย้ายของออกมา เดิมทีหลายบ้านของสกุลเคอยังร้อนตัวอยู่บ้าง บัดนี้มั่นใจเอวแข็งขึ้นมาแล้ว“ดูเถอะ ของก็ยกมาทั้งหมดแล้ว คิดว่าสกุลเคอของพวกเราเป็นอะไรกัน ยังจะโลภสิ่งของของพวกเจ้าเพียงแค่นี้กระนั้นหรือ?” ฮูหยินบ้านรองสกุลเคอพูดขึ้นซ่งรั่วเจินปรายตามองกล่องสองสามใบที่กำลังกระจัดกระจายอยู่เหล่านั้น พูดว่า “เพียงแค่นี้ น่ากลัวว่ายังไม่หมดกระมัง”บ้านรองสกุลเคอสำลัก รีบถลันขึ้นไปเปิดกล่องออก “แม้ว่าพวกเจ้าส่งของมาบ้าง แต่เหล่านี้ก็ไม่น้อยแล้ว พี่สะใภ้ใหญ่ไฉนเลยจะโลภของพวกเจ้า?”นายหญิงเคอกำลังอึดอัดใจ เห็นบ้านรองตาไม่มีแววเพียงนี้ รู้สึกเกลียดที่ไม่สามารถตบปากของนางได้แอ๊ดกล่องถูกเปิดออก ทุกคนมองสิ่งที่อยู่ภายในกล่องอย่างตกตะลึง หันไปมองหนึ่งปราด ดวงตาทุกคนก็ทอประกายระยับเห็นว่าปิ่นไข่มุกภายในล้วนคือทอง แม้แต่เงินก็หาไม่พบ ยังมีไข่มุกหลากหลายแบบ สร้อยข้อมือโมรา ไปจนถึงต่างหูนอกจากเหล่านี้ ถึงขั้นมีเครื่องประดับทำจากทอง หยกชั้นยอด หยกมันแพะ...ซ่งจืออวี้หันมองซ่งจิ่งเซินอย่างอดไม่ได้ “หากมิใช่เพราะที่บ้านยังมีพวกเราสองสามคนอยู่ น่ากลัวว่าเจ้าคงยกสมบัติทั้งหมดข
“ต่างหูหยกไป๋อวี้หลานหนึ่งคู่!”“สร้อยข้อมือไข่มุกหนึ่งเส้น!”ผู้ดูแลบ้านตะโกนเสียงดัง ยกของหนึ่งชิ้นนับหนึ่งรายการต่อหน้าทุกคนทุกคนยิ่งฟังยิ่งตกตะลึง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นของเล่น แต่ทุกชิ้นราคาไม่ธรรมดาเพียงกล่องเดียวก็มีราคาชวนตกตะลึงแล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงรายงานสิ่งของยาวเหยียดคนมองแล้วก็สายตาพร่ามัว ช่างน่าตกใจเหลือเกิน!“พี่สี่ ท่านพูดซิ แม่นางเคอล้วนไม่ยินดีรับไว้ ท่านยังยัดเยียดสิ่งของมากมายเพียงนี้ สร้างความวุ่นวายให้นางมากเพียงใด!” ซ่งรั่วเจินขมวดคิ้วซ่งจิ่งเซินถูจมูก “ข้าผิดไปแล้ว”จากนั้น ถ้อยคำนี้ตกอยู่ในหูของทุกคน ใครบ้างไม่รู้อย่างกระจ่างชัด?หากไม่ยินดีรับไว้ สิบชิ้นรับไว้เพียงชิ้นเดียวก็พอ แต่ของมากเพียงนี้...นี่ไม่อยากรับไว้ที่ใดกัน?นี่รับมาจนมั่งคั่งร่ำรวยไปแล้ว!จนกระทั่งตรวจนับทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ทุกคนพบว่ามียังมีไม่ถึงครึ่ง สายตาตกลงบนตัวนายหญิงเคอและเคอหยวนจื่อ“ที่เหลืออยู่ที่ใด?” ซ่งจิ่งเซินเอ่ยถามนายหญิงเคอเก้อกระดาก ฝืนยิ้มออกมา “จิ่งเซินเอ๋ย เหล่านี้มีผ้าไหมผ้าแพรล้วนนำมาตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าแล้ว นี่จึงไม่มี”“มากเพียงนี้กลับไม่เหลือแล้ว?” ซ่งจื
เดิมทีสหายที่ดีเหล่านั้นของซ่งจิ่งเซินก็รอคอยวันนี้มานานมากแล้วบัดนี้ได้เห็นซ่งจิ่งเซินฟื้นคืนสติ ใบหน้าใสซื่อแต่ใจคดของสกุลเคอใกล้ถูกฉีกออกแล้ว แต่ละคนได้ยินก็ดีใจมาก“สกุลเคอไม่มีวันเบี้ยวหนี้ เมื่อครู่คนสกุลเคออีกสามบ้านก็พูดแล้วมิใช่หรือ?”“ยังมิใช่อีกหรือ? จวนเคอยิ่งใหญ่ ไม่เห็นสิ่งที่จิ่งเซินส่งมาอยู่ในสายตา ไฉนเลยจะเบี้ยวหนี้ได้? น่ากลัวว่าอยากจะรีบส่งคืนกลับมาในทันที!”อีกสามบ้านของสกุลเคอว้าวุ่นใจอย่างอดไม่ได้ ทีแรกคิดว่าเป็นเพียงจำนวนน้อยเท่านั้น อย่างไรเสียก็เป็นบ้านใหญ่คืนเงิน ไม่เกี่ยวอันใดกับพวกเขาใครคาดคิดว่าจะต้องคืนแปดแสนตำลึง? สำหรับพวกเขานี่คือราคาสูงเทียมฟ้า!“พี่สะใภ้ใหญ่ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นจิ่งเซินมอบให้พวกท่าน บัญชีนี้สมควรเป็นพวกท่านคืนด้วยตนเอง จะลากพวกเราลงน้ำไปด้วยไม่ได้”คนของบ้านรองร้อนใจอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง ต้องการล้างความสัมพันธ์“ใช่ๆ เงินทองเหล่านี้ล้วนเข้ากระเป๋าบ้านใหญ่ของพวกท่าน พวกเราไม่ได้รับประโยชน์อันใดเลยแม้แต่น้อย” บ้านสามเอ่ยตอบบ้านสี่เห็นสภาพการณ์แล้วก็ร้อนใจ “พวกท่านมีความสัมพันธ์อันดีต่อบ้านรองและบ้านสาม พวกเราต่างหากไม่ได้รับป
ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่เขาก่อ กลับไม่เคยคิดหาทางช่วยนางคลี่คลายสถานการณ์เลยแม้แต่น้อย“จิ่งเซิน ข้ารู้ท่านแค้นข้าเพราะข้าหมั้นหมายกับคุณชายชวี นี่ถึงทำให้ข้าอับอาย แต่เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ต้องทำตามคำสั่งบิดามารดาแม่สื่อ ท่านจะต้องบังคับข้าจนหมดหนทางให้ได้เลยหรือ?”“พวกเรารู้จักกันมานานหลายปีแล้ว จะต้องก่อเรื่องจนถึงขั้นนี้เชียวหรือ?”เคอหยวนจื่อหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตา โศกเศร้าเสียใจมาก“นี่เจ้าพูดอันใดกัน ข้าก็แค่ทำให้เจ้าสมปรารถนา รับสิ่งของที่เจ้าไม่เห็นอยู่ในสายตากลับมาก็เท่านั้น เหตุใดกลายเป็นข้าบังคับเจ้าจนหมดหนทางกันเล่า?”“ชื่อนี้ ข้ามิกล้ารับไว้เป็นอันขาด”ซ่งจิ่งเซินมองทั้งหมดตรงหน้านิ่งๆ เยาะหยันภายในใจเมื่อวานเคอหยวนจื่อแสดงท่าทางโอหังมากเพียงใด วันนี้ก็น่าขันมากเพียงนั้นจู่ๆ เขาก็คิดว่าครั้งนี้สมองตนกระทบกระเทือนกลับไม่ใช่เรื่องเลวร้าย หาไม่แล้วหากยังมีสมองเฉกเช่นที่ผ่านมา น่ากลัวว่าทั้งหมดต้องถูกเคอหยวนจื่อสูบจนเหือดแห้ง!เพียงสตรีตรงหน้าก็คิดเชิญเขาเข้าห้องสนทนาไปจนถึงเสแสร้งแสดงท่าทีน่าสงสาร เขาสามารถตัดสินชี้ขาดได้ว่าแม้ว่าแม่นางคนนี้หมั้นหมายแล้ว แ
“หากเรื่องนี้มีเงื่อนงำอยู่จริง เหอเซียงหนิงเองก็น่าสงสารเกินไปแล้วกระมัง!”“นี่คือบีบคั้นคนให้ตาย จะต้องได้รับความทุกข์ใจอย่างหนักเป็นแน่ ซ่งรั่วเจินโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”กลุ่มคนต่างชี้หน้าบริภาษขึ้นมาระลอกหนึ่ง ฉินซวงซวงลอบลำพองใจภายในใจ เพื่อทำให้ชื่อเสียงซ่งรั่วเจินเสื่อมเสีย นางวางแผนทั้งหมดไว้อย่างดีแล้ว!ฉู่จวินถิงเหลียวมองคนที่เป็นผู้นำของกลุ่มคน ออกคำสั่งผู้อยู่ใต้อาณัติ “จับตามองคนเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด ห้ามมิให้หลุดรอดไปได้แม้คนเดียว”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”“ไม่ต้องกังวล คนเหล่านี้น่าจะถูกซื้อตัวไว้แล้ว จงใจพูดเช่นนี้ อีกเดี๋ยวสอบสวนอย่างละเอียดก็จะรู้ผล”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงมั่นใจมาก สอบสวนคนเหล่านี้ เดิมทีก็ไม่ต้องใช้วิธีการมากมายอะไร เพียงถามอย่างไม่ตั้งใจก็สามารถรู้ได้ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋องไม่สงสัยหม่อมฉันเลยหรือ?”“เหตุใดข้าต้องสงสัยเจ้าด้วย?” ฉู่จวินถิงสุขุมสงบนิ่ง “ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อแรกเหอเซียงหนิงทำกับเจ้าเยี่ยงไร ข้าเข้าใจทั้งหมดแล้ว”“ยิ่งไม่ต้องพูดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือเจ้า ต่อให้เป็นฝีมือเจ้า ก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม”ภายในสายตาของฉู่จวิน
“เจ้าว่ามาเถิด” ฮองเฮาเอ่ยเรือนคิ้วฉู่จวินถิงขมวดขึ้นเล็กน้อย สายตาที่เขาใช้มองไปยังถังเสวี่ยหนิงแกมแฝงด้วยความเยียบเย็นหญิงผู้นี้ยังไม่คิดจะลดราวาศอกอีก!“อย่ากลัวไปเลย มีข้าอยู่”ฉู่จวินถิงหันมองซ่งรั่วเจิน แสดงท่าทีให้นางมั่นใจว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะอยู่ข้างกายนางเสมอซ่งรั่วเจินย่อมไม่หวั่นเกรงต่อเล่ห์กลของถังเสวี่ยหนิงและพรรคพวกอยู่แล้ว ทว่าเมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ของฉู่จวินถิง ในใจก็ยังคงอดรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาไม่ได้อยู่ดีถังเสวี่ยหนิงกลับเกรงกลัวฉู่จวินถิงเสียจนแทบไม่กล้าสบสายตาเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อหันมองไปยังซ่งรั่วเจิน ท่าทีก็ยังคงกระด้างกระเดื่องเช่นเดิม“คุณหนูซ่ง ข้าได้ยินเรื่องเช่นนี้แล้วก็ตกใจมากจริงๆ มิอยากจะเชื่อเลยว่าในเมืองหลวงจะยังมีผู้ใดอาจหาญกล้าทำเรื่องเช่นนี้ลงได้ ช่างลบหลู่กฎเกณฑ์ราชสำนักเกินไปแล้ว!”“ดังนั้นข้าจึงอยากใช้โอกาสนี้ถามไถ่ให้ชัดแจ้ง หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”ถ้อยคำหลายต่อหลายคำของถังเสวี่ยหนิง ทำเอาสีหน้าของผู้คนโดยรอบเปลี่ยนไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ต่างพากันสงสัยว่าเป็นเรื่องร้ายแรงประการใดกัน?“รั่วเจิน พวกถังเสวี่ยหนิงดูท่าคงมิได้มีเจตนาดีเป
อวิ๋นเนี่ยนชูเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ปิดไม่มิดถึงความอิจฉา “โชคดีนักที่หลินจือเยว่มิได้แต่งกับนาง หาไม่แล้วคงคลาดกันกับคนดีเช่นฉู่อ๋องไปแล้วกระมัง?”“ฉู่อ๋องไม่เพียงมีรูปโฉมงดงาม วรยุทธเลิศล้ำ อีกทั้งฐานะยังมิธรรมดา สำคัญที่สุดก็คือผู้คนต่างรู้กันดีว่าฉู่อ๋องอารมณ์ร้ายเพียงใด แต่กลับดีต่อนางอยู่เพียงผู้เดียว เรื่องนี้น่าอิจฉาที่สุดแล้ว”อวิ๋นเฉิงเจ๋อเหลือบมองคนที่ยืนอยู่ข้างกาย นำเอาภาพใบหน้าฉายแววอิจฉานั้นเก็บเอาไว้จนสุดสายตา ไม่รู้ว่าในใจคิดอ่านถึงสิ่งใดอยู่ทว่าถ้อยคำนี้กลับลอยไปเข้าหูหลินจือเยว่เข้าพอดิบพอดี สีหน้าที่หมองหม่นอยู่ก่อนแล้วจึงได้ย่ำแย่เสียยิ่งกว่าเก่าก่อนนี้เขาคิดเพียงว่าฉู่อ๋องคงหูตามืดบอด ตอนนี้เขาเห็นแจ้งแล้วว่าตนเองต่างหากที่หูตามัวหมองไปเลือกคนผิดมาแต่งงานด้วยจนชีวิตพังพินาศ แต่จะทำกระไรได้อีกเล่า?ฉินซวงซวงยืนจ้องมองคนที่ในชาติที่แล้วนางคอยตามตื๊ออยู่นานอย่างฉู่อ๋อง กระทั่งเคยยอมทอดทิ้งศักดิ์ศรีมาแล้วก็ยังไม่อาจแลกเปลี่ยนเป็นการแลเหลียวจากเขาได้แม้แต่สักครั้ง แต่เขากลับปฏิบัติต่อซ่งรั่วเจินดีเช่นนั้น ทำเอานางริษยาเสียจนแทบบ้าอยู่แล้ว!มีสิทธิ์อะไรกัน?ซ่งรั่ว
เมื่อถือเวลาประกาศผลสุดท้าย ก็พลันระเบิดเสียงฮือฮาดังขึ้นมากลางหมู่ฝูงชน“อันดับหนึ่งได้แก่ฉู่อ๋อง!”สิ้นเสียงประกาศ ผู้คนก็ต่างพากันเอ่ยชื่นชมไม่ขาดปาก ทว่าก็หาได้มีผู้ใดแปลกใจแม้แต่น้อย“ฝีมือการขี่ม้าและยิงธนูของฉู่อ๋องตลอดมาก็ล้วนเหนือผู้ใด วันนี้ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตองค์ชายทั้งสองพระองค์ไว้ได้ อีกทั้งยังคว้าชัยได้อันดับหนึ่งมาครอบครอง สมกับที่ชื่อเสียงเลื่องลือเสียจริงๆ!”“ได้ยินมาว่าสองคนที่หนีรอดไปได้ก็ฉู่อ๋องนั่นล่ะที่จับตัวเอาไว้ได้ เก่งกาจยิ่งนัก!”โดยปกติแล้วฉู่จวินถิงไม่ได้ใส่ใจกับความสำเร็จในลักษณะนี้แม้แต่น้อย ทว่าขณะนั้นเอง สายตาของเขาพลันหันมองไปยังซ่งรั่วเจินซ่งรั่วเจินเองก็หันไปมองฉู่อ๋องทันทีที่ได้ยินคำประกาศ เห็นแต่เพียงใบหน้าหล่อเหลาไม่เป็นสองรองใครของเขากำลังคลี่ยิ้มออกมาเจิดจ้าราวแสงอาทิตย์ชั่วขณะนั้น เขาก็ดูคล้ายจะเปล่งประกายเสียยิ่งกว่าแสงอาทิตย์เสียอีก รอยยิ้มอบอุ่นของเขาแกมแฝงด้วยความไม่แยแสยี่หระ ยิ่งกว่านั้นยังเปี่ยมอิสระเสรีไม่ยึดติดอันเป็นเอกลักษณ์ของคนหนุ่มทำเอาจังหวะเต้นของหัวใจใครหลายคนต่างสะดุดไปตามๆ กันในฐานะอันดับหนึ่ง รางวัลที่ได้ก็ย่อม
ตั้งแต่ซ่งจิ่งเซินกลับมา เขาก็ได้รับรู้ว่าหลินจือเยว่ทอดทิ้งน้องสาวของตนไปเพราะฉินซวงซวง ในใจก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าขุ่นเคืองเพียงใดเดิมทีคิดจะหาโอกาสสั่งสอนหลินจือเยว่เสียบ้าง ต่อมาได้รู้ว่าพวกน้องสามได้จัดการกันไปแล้ว จนบัดนี้แม้แต่ที่ให้ซุกหัวนอนก็ยังไม่มีจะอยู่หากเป็นคนทั่วไปแล้วเล่าก็ ใครยังจะมีแก่ใจมาพลอดรักกันอวดผู้คนให้อับอายขายขี้หน้าเช่นนี้ โชคยังดีที่น้องหญิงห้ายังไม่ทันได้แต่งออกไปกับคนเช่นนั้น!“หน้าของฉินซวงซวงนี่ก็ช่างหนายากจะหาผู้ใดเทียมเทียบจริงเชียว!”เมิ่งชิ่นหรี่เดินตาหยีด้วยแขยงสายตามาอยู่ข้างกายซ่งรั่วเจิน “ตั้งแต่นางมาวันนี้ก็ทำเอาผู้คนไม่น้อยเกิดไม่พอใจ แต่ดูเหมือนนางจะไม่ใส่ใจสักนิด ซ้ำยังจะมีหน้ามาทำระรื่นอยู่ได้”“ข้าว่าหลินจือเยว่ยิ้มได้มิน่าดูเสียยิ่งกว่าร้องไห้อีก แต่นางราวกับมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้น ข้าว่าอย่างไรพวกเขาคงไปกันได้ไม่นานนักหรอก”ซ่งรั่วเจินมองเมิ่งชิ่นที่ยู่ตรงหน้าพลางยิ้มบาง “ยันต์คุ้มกายที่ข้าให้ไปใช้ได้ผลดีหรือไม่?”“ได้ผลดียิ่งเลยล่ะ!” เมิ่งชิ่นจับมือซ่งรั่วเจินความตื้นเต้นในใจ หน่วยดวงตาเต็มด้วยความตื้นต้น “หากมิใช่เพราะเจ้า ต
แม้จะกล่าวได้ว่าชื่อเสียงป่นปี้ไปแล้ว แต่ผู้คนต่างรู้ดีว่าอย่างไรนางก็เป็นเหยื่อ ไม่ได้ถึงขั้นที่ต้องถูกรังเกียจเดียดฉันท์ราวหนูโสโครกบนท้องถนนเฉกเช่นทุกวันนี้หลินจือเยว่เมื่อได้เห็นว่าซ่งจืออวี้เจ้าคนกำยำล่ำหนาผู้นั้นได้เป็นถึงราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งขั้นสาม ก็อดพาลอิจฉาขึ้นมาไม่ได้อยากจะเป็นราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งนั้นไม่ได้ง่ายดาย และแม้จะได้เป็นจริงแล้วก็ต้องเริ่มจากการเป็นราชองครักษ์หลานหลิง ทว่าซ่งจืออวี้กลับข้ามขั้นขึ้นมาเป็นราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งขั้นสามโดยตรงเลยเสียนี่ยิ่งไปกว่านั้น ในวันนี้เขาก็ยังมีความดีความชอบจากการช่วยชีพองค์ชายเอาไว้ องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองเห็นในส่วนนี้ย่อมพิจารณาเลื่อนขั้นให้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความใส่ใจที่ฉู่จวินถิงมีต่อสกุลซ่งเขาแทบจะมั่นใจได้เลยว่า หนทางของซ่งจืออวี้ย่อมจะต้องราบรื่นไร้อุปสรรคขวากหนามใดขวางกั้น ทว่าวาสนาทั้งหมดทั้งมวลนี้เดิมทีควรจะเป็นของเขาต่างหากเล่า!“จือเยว่ ซ่งรั่วเจินแย่งชิงวาสนาของเราไปเช่นนี้แล้ว ท่านก็ควรจะรู้ได้แล้วว่านางเป็นคนเช่นไร!” ฉินซวงซวงกล่าวหลินจือเยว่ปรายตามองฉินซวงซวง ทั้งที่ครั้งหนึ่งเขาเคยชอบพอนาง
“ที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรือ? พี่น้องตระกูลซ่งไม่เพียงช่วยเหลือองค์ชายรอง แต่ยังช่วยองค์ชายใหญ่ไว้ด้วย?”ฉินซวงซวงจับมือเหอเซียงหนิงไว้ด้วยสีหน้าร้อนใจ ดวงตาฉายแววเหลือเชื่อ นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?ชาติที่แล้วคนถูกลอบสังหารคือองค์ชายรองชัดๆ นอกจากนี้ ข้อมูลที่สืบพบในตอนท้ายยังเผยว่าทุกอย่างล้วนเป็นฝีมือองค์ชายใหญ่ เหตุใดชาตินี้จึงไม่เหมือนเดิมเล่า?ถ้าองค์ชายใหญ่ก็ถูกลอบโจมตีด้วย เช่นนั้นแล้วตัวการเบื้องหลังคือใครกันแน่?“ไม่ผิดแน่นอน ครู่ก่อนข้าเห็นกับตาว่าพี่น้องตระกูลซ่งพาองค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองกลับมา ซ่งรั่วเจินกับฉู่อ๋องก็กลับมาพร้อมกัน”“หมอหลวงเข้าไปถวายการรักษาในทันที ต่อมายังมีข่าวออกมาว่า องค์ชายทั้งสองถูกลอบโจมตีในเขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ โชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากพี่น้องตระกูลซ่งจึงรักษาชีวิตไว้ได้”เหอเซียงหนิงมีสีหน้าย่ำแย่จนถึงที่สุด เดิมตั้งใจว่าจะใช้โอกาสวันนี้ทำให้ซ่งรั่วเจินพ่ายแพ้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกคนทั้งเมืองหลวงชิงชังรังเกียจเหมือนหนูข้างถนน ทำร้ายนางจนตกอยู่ในสภาพนี้ ซ่งรั่วเจินมีสิทธิ์อะไรถึงยังมีชีวิตดีๆ อยู่ได้?แต่...ยามนี้ตระกูลซ่งสร้างคว
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดบัญชี รออีกสักหน่อยค่อยไปพูดกับซ่งรั่วเจินให้รู้เรื่องก็ยังไม่สาย“อี้ชวน อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เกากุ้ยเฟยถามอย่างเป็นห่วงฉู่อี้ชวนแสดงคารวะก่อนกล่าวว่า “แม้ลูกจะได้รับบาดเจ็บบ้าง แต่ไม่มีอันตรายถึงชีวิต เสด็จแม่ไม่ต้องเป็นห่วง”“เช่นนั้นก็ดี” เกากุ้ยเฟยถอนหายใจโล่งอก “เจ้ารีบไปพักผ่อนดีกว่า”ฮ่องเต้รับทราบอาการบาดเจ็บของฉู่อี้ชวนจากปากหมอหลวงแล้ว แม้ไม่ได้สาหัสเท่าฉู่เทียนเช่อ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง ยามนี้ยังมีสีหน้าซีดขาว แต่กลับไม่ได้เน้นย้ำเรื่องนี้ต่อหน้าทุกคน เด็กคนนี้เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด“นั่งลงพักก่อนเถอะ”“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ”หลังจากฉู่อี้ชวนมาแล้ว มีเขาบอกเล่ารายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ด้วยตัวเอง บวกกับคำบอกเล่าของฉู่จวินถิงก็เป็นการยืนยันความดีความชอบของพี่น้องตระกูลซ่งในที่สุด“ครั้งนี้พวกเจ้าสี่พี่น้องช่วยเหลือองค์ชายทั้งสองเอาไว้ สร้างความดีความชอบครั้งใหญ่ อยากได้รางวัลแบบไหนก็บอกมาได้เลย!”ฮ่องเต้พอพระทัยสี่พี่น้องตระกูลซ่งยิ่งนัก ซ่งหลินข่าวคราวเงียบหาย ทุกคนล้วนยอมรับกันอย่างเงียบๆ ว่าเขาคงไม่
“พวกเจ้าสี่คนบังเอิญผ่านไปบริเวณนั้นพอดี?”ฮ่องเต้กวาดสายตาผ่านพวกซ่งเยี่ยนโจวสี่พี่น้อง ดูเหมือนถามคำถามทั่วไป แต่กลับทำให้คนรู้สึกกดดันอย่างมากซ่งเยี่ยนโจวกับซ่งอี้อันล้วนเคยเข้าเฝ้าฮ่องเต้มาก่อน แม้จะรู้สึกกดดันไม่น้อย แต่ก็ไม่ถึงกับแตกตื่น ซ่งจืออวี้กับซ่งจิ่งเซินกลับรู้สึกว่าสายพระเนตรของฮ่องเต้มีแรงกดดันใหญ่หลวง ทำให้พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง“พวกกระหม่อมสี่คนกำลังล่าสัตว์อยู่แถวนั้นพอดี น้องสามของกระหม่อมไปพบเข้าก่อน พวกกระหม่อมได้ยินเสียงน้องสามจึงรีบตามไปพ่ะย่ะค่ะ” ซ่งเยี่ยนโจวตอบอย่างไม่เย่อหยิ่งและไม่ต่ำต้อยฮ่องเต้ได้ยินดังนั้นก็ทอดพระเนตรซ่งจืออวี้กับซ่งจิ่งเซินพี่น้องฝาแฝดคู่นี้ หน้าตาเหมือนกันทุกกระเบียด แต่กลับมีลักษณะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงถึงจะไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่ก็เคยได้ยินเกี่ยวกับพี่น้องฝาแฝดตระกูลซ่งคู่นี้ว่านิสัยต่างกันสุดขั้ว ด้วยเหตุนี้จึงสามารถระบุตัวซ่งจืออวี้ได้อย่างง่ายดาย“เราได้ยินว่ามีมือสังหารถึงแปดคน แต่เจ้าตัวคนเดียวก็กล้าบุกเข้าไป?”ซ่งจืออวี้ตอบด้วยท่าทางกริ่งเกรง “ฝ่าบาท ตอนนั้นกระหม่อมเห็นองค์ชายทั้งสองตกอยู่ในอันตรายจึงกระโจนเข้าไปโด