แชร์

บทที่ 34

ผู้เขียน: จี้เวยเวย
ณ จวนฉู่อ๋อง

ฉู่จวินถิงเพิ่งกลับมา องค์ชายห้าฉู่อวิ๋นกุยที่รออยู่นานแล้วก็รีบเข้ามาหาทันที “เสด็จพี่สาม วันนี้ท่านไปไหนมา? ข้าไปสถานที่ประจำของท่านตั้งหลายแห่งก็ไม่พบท่าน ให้ข้าตามหาเสียตั้งนาน”

“มาหาข้ามีเรื่องอะไร?” ฉู่จวินถิงถามอย่างไม่เร็วไม่ช้า

“พรุ่งนี้ท่านน้าจะจัดงานเลี้ยงชมดอกอิงฮวา [1] ที่ริมทะเลสาบอวิ๋นสุ่ย เสด็จแม่ให้ข้ามากำชับท่านว่าพรุ่งนี้ต้องไปให้ได้”

“ริมทะเลสาบอวิ๋นสุ่ย?”

เมื่อฉู่จวินถิงได้ยินคำว่าริมทะเลสาบอวิ๋นสุ่ย ใบหน้าก็พลันเปลี่ยนสี ในหัวนึกถึงคำพูดที่ซ่งรั่วเจินบอกเขาว่าอย่าไปริมทะเลสาบขึ้นมาทันที เขายังคิดอยู่เลยว่าตนเองไม่มีความคิดจะไปเสียหน่อย คิดไม่ถึงว่าท่านน้าจะจัดงานเลี้ยงชมดอกอิงฮวาริมทะเลสาบ ตกลงแล้วนี่เป็นเรื่องจริงหรือว่าบังเอิญกันแน่?

ฉู่อวิ๋นกุยเห็นฉู่จวินถิงเงียบงันไม่เอ่ยวาจาก็คิดว่าเขาเป็นเหมือนที่ผ่านมา จึงถอนหายใจยาว “พี่สาม งานมงคลของท่านแทบจะกลายเป็นปมในใจเสด็จแม่ไปแล้ว สองปีมานี้งานเลี้ยงชมดอกเหมย งานเลี้ยงชมบุปผา หรืองานเลี้ยงชมดอกอิงฮวาล้วนจัดมาหมดแล้ว เรียกได้ว่าแทบจะส่งคุณหนูตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงมาตรงหน้าท่านหมดแล้ว ไม่มีสักคนที่ท่
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 35

    “คุณหนู หากอยากได้ยันต์คุ้มกาย พรุ่งนี้พวกเราค่อยไปขอที่วัดกว่างอวิ๋นมาสักอันดีไหมเจ้าคะ? ไยต้องลำบากเขียนเองด้วย?”ซ่งรั่วเจินตอบโดยไม่เหลือบสายตาขึ้นมอง “ยันต์ที่พวกเขาวาดสู้ของข้าไม่ได้”เฉินเซียงเผยอปาก พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว แต่นางเห็นคุณหนูเขียนพู่กันอย่างหนักแน่น สัญลักษณ์ยันต์ที่ซับซ้อนยังวาดได้สมจริงมาก ถ้าไม่ได้มาเห็นคุณหนูเขียนด้วยตัวเอง บอกว่าไปขอมาจากที่วัดนางก็เชื่อหลังเขียนยันต์คุ้มกายหลายแผ่นติดต่อกัน ซ่งรั่วเจินก็หยิบหนึ่งแผ่นในนั้นส่งให้เฉินเซียง“แผ่นนี้ให้เจ้า เก็บไว้ให้ดี”“ขอบคุณคุณหนูเจ้าค่ะ!” เฉินเซียงยินดีเหลือจะกล่าว เก็บยันต์แผ่นนั้นไว้ในอกเสื้อราวกับเป็นของล้ำค่า ไม่ว่าจะใช้ได้ผลหรือไม่ก็เป็นน้ำใจของคุณหนูหารู้ไม่ว่ายันต์คุ้มกายแผ่นนั้นเปล่งแสงสีทองจางๆ เป็นของล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่งวันถัดมา ซ่งรั่วเจินถูกหลิ่วหรูเยียนเรียกหาแต่เช้า“เจินเอ๋อร์ วันนี้ลู่ฮูหยินจัดงานเลี้ยงชมดอกอิงฮวา คุณหนูตระกูลใหญ่ที่ยังไม่ออกเรือนในเมืองหลวงล้วนไปกันหมด วันนี้เจ้าก็ไปด้วยเถิด!”หลิ่วหรูเยียนนำอาภรณ์และเครื่องประดับที่เตรียมไว้ออกมา “แม่ตั้งใจเลือกของพวกนี้ให้

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 36

    ฉู่จวินถิงปรายตามองฉู่อวิ๋นกุยที่อยู่ข้างกาย “เจ้าสนใจเรื่องนี้ถึงเพียงนี้ คงไม่ได้มีคุณหนูที่พึงใจแล้วหรอกนะ? มิสู้ข้ากลับไปบอกเสด็จแม่ให้เจ้า ไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก เจ้าแต่งงานไว ๆ มีหลานตัวน้อยให้เสด็จแม่อุ้ม ข้าเองก็จะได้ฟังคำบ่นน้อยลงหน่อย”“เสด็จพี่ ท่านจัดการเรื่องตัวเองไม่ได้ก็อย่ามาทำร้ายข้าสิ แม้จะมีสตรีชื่นชมข้ามากมาย แต่ไม่มีใครได้ใจข้าไปหรอกนะ ตราบใดที่ท่านยังไม่แต่งงาน เรื่องนี้อย่างไรก็เวียนมาไม่ถึงข้าหรอก”ฉู่อวิ๋นกุยกระหยิ่มยิ้มย่อง อย่างไรเสียเขาก็อยู่อันดับท้าย ๆ มีเสด็จพี่สามขวางอยู่ข้างหน้า เขาจึงสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระเสรี“หากข้าแต่งงาน คนต่อไปก็คือเจ้า เจ้าจะทุ่มเทเพื่องานมงคลของข้าไปทำไม?” ฉู่จวินถิงถามกลับฉู่อวิ๋นกุยอึ้งไป “จริงด้วย ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เสด็จพี่ ท่านต้องต้านให้อยู่นะ ข้ายังไม่อยากแต่งงานตั้งแต่ยังหนุ่ม”“งั้นเจ้ากับข้าก็อยู่ตรงนี้ก่อน ไม่ต้องรีบร้อน”ฉู่จวินถิงทอดสายตามองผิวทะเลสาบซึ่งต้องแสงแดดเป็นประกายระยิบระยับห่างไกลออกไป นึกถึงคำพูดที่ซ่งรั่วเจินบอกเขาว่าอย่าเข้าใกล้ริมทะเลสาบ รู้สึกว่าเชื่อว่ามีไว้ก่อนก็ยังดีกว่าไม่เช

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 37

    หญิงสาวรูปร่างอรชร กิริยาชดช้อย อาภรณ์สุภาพเรียบง่ายเมื่อสวมลงบนร่างนางกลับสง่างามเหนือสามัญ ดุจดั่งนางเซียนลงมาเยือนแดนมนุษย์คิ้วดุจจันทร์เสี้ยว ดวงตาดุจธาราในฤดูสารท ริมฝีปากแดงฟันขาว ผิวขาวเนียนลออ เครื่องหน้างามเฉิดฉายนั้นเมื่อแต่งองค์ทรงเครื่องแล้วยิ่งงดงามจับตา เป็นหนึ่งไม่มีสองในใต้หล้าทันใดนั้น คนไม่น้อยสังเกตเห็นซ่งรั่วเจินที่งามเฉิดฉัน แววตาก็ไหวระริกด้วยความตื่นเต้น“นี่เป็นคนงามจากบ้านใดกัน? ไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย!”ชายหนุ่มรอบข้างล้วนหวั่นไหว คนงามเช่นนี้ไม่ต้องพูดถึงว่าชาติกำเกิดเป็นเช่นไร แค่สามารถแต่งเข้าบ้านได้ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากแล้ว“เสด็จพี่ ท่านดูสิ ทางนั้นมีหญิงงามมาคนหนึ่ง!”ฉู่อวิ๋นกุยพลันตื่นเต้นขึ้นมา สายตาจับจ้องคนงามในอาภรณ์สีฟ้าอ่อนที่อยู่ห่างไกลออกไป “ช่างงามพิลาสอะไรเช่นนี้ งามล่มบ้านล่มเมือง ไม่รู้ว่าเป็นแม่นางบ้านใด?”เขาลุกขึ้นจัดแจงรอยยับย่นบนอาภรณ์ “เสด็จพี่ ข้ารู้ว่าท่านไม่ใกล้ชิดกับสตรีมาแต่ไหนแต่ไร ข้าขอล่วงหน้าไปก่อนนะ!”ฉู่จวินถิงย่อมจำหญิงสาวที่ริมฝั่งทะเลสาบได้ เห็นฉู่อวิ๋นกุยกำลังจะจากไปด้วยความรีบร้อน แววตาก็พลันมืดครึ้ม กล่าว

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 38

    ซ่งจืออวี้เห็นน้องสาวตัวเองตอบโต้จนหลินจือเยว่พูดอะไรไม่ออก ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าก่อนหน้านี้มารดากำชับเสียเปล่าแล้ว น้องหญิงห้าในตอนนี้ไม่ได้มีนิสัยยอมคนเลยสักนิด ยังร้ายกาจกว่าเขาเสียอีก!“น้องหญิงห้า เรื่องนี้ยกให้ข้าจัดการก็พอ พี่สามจะต้องนำเงินกลับมาให้ได้! ถ้าไม่คืน ข้าก็จะไปตีกลองร้องทุกข์ นำความไปทูลเบื้องพระพักตร์!”หลินจือเยว่พลันนึกขึ้นมาได้ว่าซ่งจืออวี้เป็นคนที่ไม่สนใจกฎเกณฑ์คนหนึ่ง เรื่องแบบนี้หากเป็นคนอื่นไม่แน่ว่าจะทำได้ แต่ซ่งจืออวี้ทำได้แน่นอนเงินแปดล้านตำลึง กะทันหันแบบนี้เขาจะไปหามาจากไหน? หากไม่คืน เกรงว่าตระกูลซ่งคงจะอาละวาดจนไม่อาจจัดการได้...“ท่านฉลาดมากไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงไปชอบคนพรรค์นี้ได้?” ต่งเป๋ยอวี่อดรังเกียจไม่ได้ “ท่านแม่ข้าบอกว่าสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับลูกผู้ชายคือความรับผิดชอบ พึงปฏิบัติกับสตรีอย่างสุภาพมีมารยาท คนผู้นี้ดูแล้วไม่เห็นจะเป็นเช่นนั้น”“แม่เจ้าสอนเรื่องพวกนี้ให้เจ้าด้วย?”“แน่นอน ท่านแม่ก็แค่ขี้บ่นเกินไป แต่ข้าคิดว่าที่พูดมาก็มีเหตุผล”ซ่งรั่วเจินยิ้มบาง “ถือเสียว่าก่อนหน้านี้เจ้ากับข้าตาบอดไป ยามคนเรามีชีวิตอยู่มักจะมีช่วงเวลาที่ตามืด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 39

    “ฮูหยิน คุณชายต่งไม่เคยโทษท่าน เขาไหว้วานให้ข้านำของสิ่งนี้มาให้ท่านเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินเดินเข้าไปหาแล้วยื่นกล่องไม้ขนาดเล็กแสนประณีตในมือออกไปหลินอิ๋งเฉียวอึ้งไป มองแม่นางแปลกหน้าตรงหน้าอย่างงงงวย “เจ้า...เจ้ารู้จักเป๋ยอวี่หรือ?”“เคยพบเจ้าค่ะ”หลินอิ๋งเฉียวเปิดกล่องไม้ออกก็เห็นว่าในนั้นมีกระดาษแผ่นหนึ่ง เมื่อกางออกดูก็พบว่าเป็นภาพวาดครอบครัวของตนเอง ข้าง ๆ ยังมีข้อความที่ต่งเป๋ยอวี่เขียนไว้‘ก็ได้ ท่านแม่ อย่างมากข้ากลับไปแล้วค่อยตั้งใจเรียนกับพี่ใหญ่ก็ได้ จะได้ไม่ทำให้ท่านผิดหวัง ท่านรับภาพแล้วห้ามโกรธข้าเชียวนะ’นี่คือภาพที่ต่งเป๋ยอวี่วาดหลังไปเยี่ยมญาติได้สองวันแล้วคิดถึงครอบครัวขึ้นมา กลัวว่ากลับมาแล้วมารดาจะไม่สนใจตนเองจึงวาดภาพนี้ เทียนสุ่ยนำภาพนี้มาด้วยตอนที่พาต่งเป๋ยอวี่กลับมาพริบตาที่จดจำลายมือได้ หลินอิ๋งเฉียวก็พลันน้ำตาไหลอาบหน้า “เป็นลายมือเป๋ยอวี่ นี่เป็นลายมือเป๋ยอวี่! แม่นาง เจ้าไปเจอเป๋ยอวี่ที่ใดหรือ? เจ้าโปรดบอกข้าด้วยเถิด ต้องการสิ่งใดเป็นการตอบแทน ข้าล้วนรับปากทั้งสิ้น”หลินอิ๋งเฉียวว่าแล้วก็ทำท่าจะคุกเข่าสวี่ชิงเหมยได้ยินความเคลื่อนไหวฝั่งนี้จึงรีบเดินเ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 40

    มิน่าเล่า พี่สามถึงได้เปลี่ยนท่าทีกะทันหันเช่นนั้น!ที่แท้แม่นางซ่งก็มีรูปโฉมงดงามปานนี้ หลินโหวคงตาบอดไปแล้วกระมัง มิฉะนั้นจะทอดทิ้งนางได้อย่างไร?“แม่นางซ่ง ข้าเคารพแม่ทัพซ่งว่าเป็นวีรบุรุษ ครั้งนี้จะไม่ถือสาหาความเจ้า คราวหน้าโปรดอย่าทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้อีก”ซ่งรั่วเจินไม่สนใจความคิดของคนอื่น เพียงมองไปที่หลินอิ๋งเฉียว “ฮูหยิน พวกเราไปคุยกันต่อที่อื่นเถิดเจ้าค่ะ”ลู่หมิ่นฮุ่ยขมวดคิ้ว แม่นางผู้นี้ไม่สนใจคำพูดของนางเลยหรือนี่? “แม่นางซ่ง เจ้าอย่าเหลวไหลเช่นนี้...”“ท่านน้า แม่นางซ่งเป็นคนมีความสามารถ ข้าได้ประจักษ์ความสามารถของนางมาแล้ว ลองดูก่อนค่อยว่ากันก็ไม่เสียหาย” ฉู่จวินถิงเอ่ยขึ้นอย่างสุขุม น้ำเสียงสงบเยือกเย็นประหนึ่งสายลมในพงไพร อบอุ่นอ่อนโยน ช่วยคลี่คลายบรรยากาศที่กำลังตึงเครียด“ฉู่อ๋อง?” ลู่หมิ่นฮุ่ยเห็นฉู่จวินถิงแล้วก็แย้มยิ้มอ่อนโยน “ในที่สุดเจ้าก็มาได้เสียทีนะ วันนี้หากยังไม่มาอีก น้าอย่างข้าจะโกรธแล้ว”ซ่งรั่วเจินมองไปทางลู่หมิ่นฮุ่ย นางดูแล้วอายุมากกว่าฉู่จวินถิงไม่กี่ปี แต่ลำดับอาวุโสกลับสูงมาก“ท่านน้าเชื้อเชิญทั้งที ข้าย่อมต้องมาอยู่แล้ว”สายตาฉู่จวินถ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 41

    “เสด็จพี่สาม ท่านว่าแม่นางซ่งทำนายแม่นหรือไม่? หากเป็นเรื่องจริง ท่านน้าจะต้องดีใจมากแน่ๆ” ฉู่อวิ๋นกุยประหลาดใจเสร็จก็อดจะคาดหวังไม่ได้ แม้ท่านน้าจะอาวุโสกว่าพวกเขารุ่นหนึ่ง แต่อายุกลับมากกว่าพวกเขาแค่ไม่กี่ปีกล่าวได้ว่าเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็ก พวกเขารับรู้ความทุกข์ใจของผู้เป็นน้า ทั้งยังหวังให้นางมีลูกโดยเร็วเช่นกันฉู่จวินถิงนิ่งเงียบไม่เอ่ยคำ เขาจำได้ว่าชาติก่อนอีกหนึ่งปีหลังจากนี้ท่านน้าถึงจะตั้งครรภ์ อย่างไรก็ไม่มีทางเป็นช่วงเวลานี้“เรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นแบบนี้จะตัดสินว่าจริงหรือเท็จได้อย่างไร?” สวี่ชิงเหมยมองไปทางหลินอิ๋งเฉียวด้วยความเป็นห่วง “พี่สะใภ้ ท่านต้องระวังหน่อยนะเจ้าคะ”“ฮูหยิน วันนี้ที่ข้ามาก็เพราะได้รับการไหว้วานจากเป๋ยอวี่ หากท่านไม่เชื่อ...”เดิมนั้นซ่งรั่วเจินต้องการหาสถานที่พูดคุยกับหลินอิ๋งเฉียวตามลำพัง แต่จนใจที่ซุนเยียนเอ๋อร์กับซุนฮั่นเฟยกระโดดเข้ามาก่อกวน ประกอบกับมีอุปสรรคมากเกินไปจึงหมดความอดทนแล้วแต่เมื่อเห็นท่าทางขอบตาแดงเรื่ออย่างน่าสงสารของต่งเป๋ยอวี่ ในใจก็รู้สึกเวทนา “ให้ข้าหนึ่งหมื่นตำลึง”“อะ...อะไรนะ?”“ให้เงินข้าหนึ่งหมื่นตำลึง ข้าจะช

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 42

    ทุกคนเห็นซ่งรั่วเจินพูดอะไรไม่รู้กับหลินอิ๋งเฉียว ฝ่ายหลังกล่าวคำขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่าแล้วก็จากไป ในใจจึงอดสงสัยไม่ได้“เมื่อวานข้าเห็นแม่นางซ่งเปิดโปงนักต้มตุ๋นกับตาตัวเอง ยังช่วยสวีฮูหยินตามหาลูกสาวแท้ ๆ จนเจอ เป็นคนที่มีความสามารถโดยแท้จริง ไม่ได้พูดจาเหลวไหล ได้รับความช่วยเหลือจากนาง ไม่แน่ว่าต่งฮูหยินอาจตามหาลูกชายคนเล็กที่หายตัวไปเจอก็เป็นได้”ในกลุ่มคนบริเวณนั้นย่อมมีคนที่เห็นเหตุการณ์เมื่อวานนี้ ต่างช่วยกันพูดแทนซ่งรั่วเจินเรื่องที่ตระกูลสวีตามหาลูกสาวเจอเมื่อวานนี้ลือกันไปทั่ว แต่สรุปว่าหาเจอได้อย่างไร คนส่วนใหญ่กลับไม่รู้แน่ชัดสวี่ชิงเหมยหน้าเปลี่ยนสี มองประเมินซ่งรั่วเจินอย่างสงสัย สตรีผู้นี้คงไม่ได้มีความสามารถจริง ๆ หรอกนะ?ลู่หมิ่นฮุ่ยมองไปทางฉู่จวินถิง ลดเสียงถามว่า “เจ้าบอกว่าแม่นางผู้นี้มีความสามารถ เป็นเรื่องจริงหรือ?”ฉู่จวินถิง “...”สองตาของลู่หมิ่นฮุ่ยเป็นประกาย สองปีนี้กินเจสวดมนต์ ไปขอพรจากไต้ซือมาจำนวนไม่น้อย ทุกคนล้วนบอกว่าย่อมจะมีไม่เร็วก็ช้า แต่นางรอมาสองปีแล้วยังคงไร้วี่แวว มีเพียงซ่งรั่วเจินที่บอกว่าในไม่ช้าจะได้สมหวังดังปรารถนาแม้จิตใต้สำนึก

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 602

    “สกุลหลิ่วจะถูกปลดตำแหน่งขุนนางหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินมองเขาอย่างสงสัย สายตาแยกดำขาวอย่างชัดเจนภายใต้แสงจันทร์ทอประกายระยับ สุกสกาวเป็นพิเศษสุ้มเสียงนางนุ่มนวล เพียงแค่เอ่ยถามเรียบๆ หนึ่งประโยค ทว่าตกอยู่ในหูของฉู่จวินถิง กลับอยากจะทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นจริง“แน่นอน”เส้นเสียงของเขาต่ำหนัก สุ้มเสียงมั่นใจอย่างมากซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้น “หลายปีมานี้ภายใต้การช่วยเหลือของสกุลฉินใต้เท้าหลิ่วก็สร้างผลงานไว้บ้าง แม้ว่าบัดนี้มีความผิดสลับตัวเด็ก แต่ทำให้เขาถูกลดตำแหน่งนั้นง่าย ปลดตำแหน่งขุนนางกลับไม่ง่ายถึงเพียงนั้น”เรื่องพรรค์นี้ในแวดวงขุนนาง แท้จริงแล้วเป็นเรื่องส่วนตัวของสองตระกูล คนอื่นมากที่สุดก็ล้วนรับชมความครึกครื้นยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่นายท่านหลิ่วโยนความผิดทั้งหมดไว้บนตัวญาติฝ่ายหญิง หากเป็นเรื่องภายในเรือน ย่อมเกี่ยวข้องกับเขาไม่มากเพียงแต่ นางรู้ดีมากว่านายท่านหลิ่วจะต้องมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ นายหญิงหลิ่วเองก็วางอุบายเพื่อให้เขาโชคดีในเส้นทางของขุนนาง คนที่ได้รับผลประโยชน์เหล่านี้...ไม่มีผู้บริสุทธิ์แม้คนเดียว“เจ้าเชื่อข้าหรือไม่?”ฉู่จวินถิงเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าด้านข

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 601

    “พวกเจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าปีนั้นสกุลกู้เคยคิดจะให้กู้อวิ๋นเวยแต่งงานกับแม่ทัพซ่ง แต่ท้ายที่สุดงานแต่งนี้ก็ไม่สำเร็จ?คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้ว แม่ทัพซ่งยังเป็นลูกเขยของสกุลกู้ นี่นับว่าเป็นชะตาฟ้าลิขิตใช่หรือไม่?”“ข้าก็พูดแล้วสกุลกู้ซื่อสัตย์ภักดีทั้งตระกูล เหตุใดอุปนิสัยของกู้อวิ๋นเวยจึงแตกต่างออกไปถึงเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูล ตกอับจนมีจุดจบเฉกเช่นทุกวันนี้ บัดนี้นับว่าเข้าใจทั้งหมดแล้ว การกระทำนั้นยังไม่เหมือนสกุลหลิ่วทุกกระเบียดนิ้วอีกหรือ?”ทุกคนต่างพากันส่ายหน้า รู้สึกเพียงสลดใจบัดนี้หลิ่วหรูเยียนกำลังนั่งอยู่ร่วมกับพวกราชครูกู้ ได้ยินพวกเขาเอ่ยถึงเรื่องในตอนแรก“ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าอุบัติเหตุในตอนนั้นจะทำให้เจ้าต้องตกลำบากอยู่ภายนอกมานานหลายปีถึงเพียงนี้ เป็นแม่ทำผิดต่อเจ้า...”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้จับมือหลิ่วหรูเยียนพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น ที่ผ่านมานางก็เคยได้ยินเรื่องของหลิ่วหรูเยียน รู้ว่าหลายปีมานี้นางใช้ชีวิตอยู่ที่สกุลหลิ่วอย่างยากลำบาก ยังแปลกใจเหตุใดสกุลหลิ่วลำเอียงถึงเพียงนี้เพียงแต่ เดิมทีก็เป็นลูกของบ้านอื่น พวกเขาไม่สามารถพูดอะไรได้บัด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 600

    “ลูกที่ใส่ใจเลี้ยงดูมานานหลายปี ย่อมไม่ใช่พูดว่าตัดสายสัมพันธ์ก็ตัดขาดไปเลยได้ข้าผิดไปแล้ว เป็นข้าทำผิดต่อซ่งฮูหยิน ทำผิดต่อสกุลกู้!”ได้ยินแผนการของสกุลหลิ่วที่ก่อนหน้านี้ทุกคนหยั่งเดาเอาไว้แล้ว คราวนี้ตกตะลึงพรึงเพริดอย่างอดไม่ได้ นี่วางอุบายได้อย่างยอดเยี่ยมเกินไปแล้วกระมัง!ผลประโยชน์ล้วนถูกพวกเขาเอาเปรียบจนหมดสิ้น!หากไม่ใช่กู้อวิ๋นเวยไร้ความสามารถ ก่อความวุ่นวายจนสกุลกู้ตัดขาดความสัมพันธ์ พวกเขาสกุลหลิ่วก็สามารถอาศัยความสัมพันธ์นี้ดึงความสัมพันธ์ของสกุลกู้ให้ใกล้ชิดกันได้ ยิ่งไม่ต้องพูดว่าหลิ่วหรูเยียนมีความสามารถถึงเพียงนี้ ทำให้พวกเขาเอาเปรียบได้สีหน้าราชครูกู้แข็งทื่อดุจเหล็ก พูดเสียงโกรธขึ้ง “บัดนี้พวกเจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก!”“ราชครูกู้ ท่านระงับโทสะก่อน นี่ล้วนเป็นเรื่องที่ฮูหยินของข้าทำ เดิมทีข้าก็ไม่รู้เรื่องนี้!”นายท่านหลิ่วเห็นความลับถูกเปิดเผยแล้ว รีบโยนเรื่องทั้งหมดไว้ที่นายหญิงหลิ่วนายหญิงหลิ่วตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าคนนอนเคียงหมอนร่วมกันมานานหลายปีเห็นปัญหาใหญ่มาเยือนก็ผลักนางออกไปในทันที พูดเสียงโกรธขึ้ง“นี่ เหตุใดถึงโยนทั้งหมดมาที่ข้าคนเดียวเล่า?ทั้งๆ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 599

    เผชิญหน้ากับคำวิงวอนขอความเมตตาจากนายท่านหลิ่ว ราชครูกู้ไม่ชายตาแลมองเขาเลยสักครั้ง ใบหน้าหยาบกร้านกำลังสบมองกู้อวิ๋นเวย ภายในสายตาเปี่ยมความสงสารและห่วงใย“ลูกเอ๋ย หลายปีมานี้ เจ้าลำบากแล้ว เป็นพวกเราทำผิดต่อเจ้า”หลิ่วหรูเยียนยังมิอาจยอมรับความจริงที่ว่าตนเป็นลูกของสกุลกู้ในทันทีเลยได้ เพียงแต่เผชิญหน้ากับท่าทางสงสารนั้นของราชครูกู้และฮูหยินผู้เฒ่ากู้ เพียงครู่เดียวนางก็ใจอ่อนแล้วเมื่อหลายวันก่อนได้พบฮูหยินผู้เฒ่ากู้ครั้งแรกนางก็รู้สึกคุ้นเคย หลายปีมานี้ไม่เคยรู้สึกสนิทสนมเช่นนี้มาก่อน บัดนี้ได้เห็นราชครูกู้ นางก็รู้สึกว่าตนเองหน้าตาคล้ายเขาอยู่บ้าง ขอบตาแดงเรื่อโดยไม่รู้ตัวที่แท้...นี่ต่างหากคือพ่อแม่แท้ๆ ของนาง!นึกถึงเมื่อแรกนางเคยได้ยินมาว่าสกุลกู้รักใคร่เอ็นดูลูกสาวเพียงคนเดียวมาก ความรุ่งโรจน์ในเวลานั้นทำให้แม่นางในเมืองหลวงมากมายต่างพากันอิจฉาตอนนั้น นางเองก็เคยอิจฉากู้อวิ๋นเวย อย่างไรเสียสำหรับนางแล้ว ยังไม่ต้องพูดว่ารักใคร่เอ็นดูเช่นนี้เลย แม้แต่พี่น้องเองก็ปฏิบัติคล้ายนางเป็นส่วนเกิน“ไม่ ไม่เจ้าค่ะ”หลิ่วหรูเยียนส่ายหน้า ใบหน้ากลับประดับยิ้มนางเข้าใจ สกุลกู้มิ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 598

    วาจาคมกริบนี้ฉีกหน้าสกุลหลิ่วอย่างไม่ต้องสงสัย พริบตาต่อมาคนภายในงานเข้าใจแล้วก่อนหน้านี้คนที่ยังคิดว่าสกุลหลิ่วพูดมีเหตุผลและน่าสงสารมาก บัดนี้รู้สึกเพียงถูกตบหน้าหนึ่งฉาดด้วยมือที่มองไม่เห็น!อีกฝ่ายเป็นคนจิตใจดีมีเมตตาที่ใดกัน เห็นชัดว่าพวกเขาหน้าซื่อใจคดอีกทั้งยังเย็นชา ยังไม่ต้องพูดว่าเอาเปรียบสกุลกู้ ยังสามารถแสร้งทำท่าทางเป็นคนดีกล่าวโทษหลิ่วหรูเยียนได้อีกด้วยหากไม่ใช่วันนี้ถูกเปิดโปงโดยบังเอิญ เช่นนั้นน่ากลัวว่าหลิ่วหรูเยียนก็ต้องถูกตราหน้าว่าทำผิดต่อสกุลหลิ่วและกลายเป็นวัวเป็นม้าเลี้ยงดูตอบแทนบุญคุณไปชั่วชีวิต ถึงขั้นยังถูกด่าว่าทำร้ายคุณหนูสกุลหลิ่วที่แท้จริงอีกด้วย!ภายใต้การใคร่ครวญอย่างละเอียด นี่น่ากลัวมากเพียงใดกัน?“หลิ่วเฟยเยี่ยนและกู้อวิ๋นเวยมีความสัมพันธ์ที่ดีมากมิใช่หรือ? ที่ผ่านมาข้าเคยพบพวกเขามิใช่เพียงครั้งเดียว น่ากลัวว่าพี่สาวน้องสาวคู่นี้นับญาติกันตั้งนานแล้วกระมัง!”“ไม่เพียงแค่นี้! ที่ผ่านมาข้ายังเคยเห็นกู้อวิ๋นเวยเข้าออกสกุลหลิ่วอีกด้วย ตอนนั้นข้าก็คิดว่าแปลก ปกติแล้วกู้อวิ๋นเวยคนนี้ไม่เคยเห็นคนทั่วไปอยู่ในสายตาด้วยฐานะของสกุลหลิ่ว นางน่าจะไม่สนใจ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 597

    “เดิมทียังคิดว่าไม่รู้จะนับญาติยามใดถึงจะเหมาะสม คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นวันแต่งงานของพี่ใหญ่ นี่ก็นับเป็นเรื่องมงคลยิ่งขึ้นไปอีกกระมัง?” ซ่งอี้อันหัวเราะเบาๆซ่งเยี่ยนโจวผลิยิ้ม “ข้าดูแล้วท่านตา ท่านยายและท่านลุงทั้งสองท่านล้วนดีมาก เทียบกับปลิงเหล่านั้นแล้วไม่รู้ดียิ่งกว่ามากเพียงใดท่านแม่นับญาติแล้ว ภายภาคหน้าก็ไม่ต้องถูกสกุลหลิ่วบีบบังคับอีกต่อไป คิดแล้วก็ดีใจยิ่งนัก”แม้พูดว่าเกิดเรื่องเอะอะวุ่นวายในวันแต่งงานหลายครั้ง แต่มองดูผลลัพธ์แล้วเขากลับดีใจมาก คิดว่าชิงอินเองก็ดีใจเฉกเดียวกันซ่งจืออวี้มองสองสามคนที่รู้เรื่องตั้งแต่แรกแล้ว เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกท่านล้วนรู้เรื่องแล้ว มีแค่ข้าไม่รู้?”“อย่าเสียใจไปเลย ข้าเองก็เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้นี่แหละ” ซ่งจิ่งเซินเอ่ยปลอบซ่งจืออวี้ “เหตุใดข้าไม่อยากจะเชื่อกันเล่า?”ซ่งอี้อันมองทั้งหมดเงียบๆ พูดว่า “ตอนนั้นอุ้มเด็กผิดตัวไป...น่ากลัวว่าอาจไม่ใช่อุบัติเหตุกระมัง”หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาเชื่อว่าอาจอุ้มเด็กผิดไปจริง แต่พวกเขารู้จักอุปนิสัยของสกุลหลิ่วดีมาก ภายใต้สถานการณ์ไม่รู้ว่าลูกของตนอยู่ที่ใด ไฉนเลยจะเลี้ยงดูมารดาให้เติบใหญ่ได้?

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 596

    ทว่า ในเมื่อพวกเขาชอบแสดงละคร เช่นนั้นก็ให้พวกเขาแสดงอีกสักครู่เถอะขณะเดียวกันคนเหล่านั้นยิ่งเชื่อพวกเขามาก รอความจริงถูกเปิดเผยแล้ว คนโกรธแค้นที่สุดก็คือพวกเขาเฉกเดียวกัน นี่ก็คือธรรมชาติของมนุษย์“พอดีเลย ข้าทำนายออกมาได้ว่าพ่อแม่แท้ๆ ของท่านแม่ก็อยู่ในเมืองหลวง ยิ่งไปกว่านั้นยังมาเข้าร่วมงานเลี้ยงในวันนี้อีกด้วย!”ชั่วขณะที่เสียงของซ่งรั่วเจินเพิ่งจบลง ดวงตาของทุกคนภายในงานล้วนเผยแววตกใจ จากนั้นกลายเป็นตกตะลึงพรึงเพริด“เมื่อแรกแม่นางซ่งก็ช่วยสวีฮูหยินตามหาลูกสาวที่หายตัวไปนานพบมิใช่หรือ? นางจะต้องทำนายออกมาได้แน่ว่าพ่อแม่แท้ๆ ของซ่งฮูหยินเป็นใคร!”“คนก็อยู่ในงานเลี้ยงวันนี้ คงมิได้หมายความว่าอีกฝ่ายคือบ่าวสูงวัยหรือหญิงบ้านนอกหรอกกระมัง?”ทุกคนต่างหันหน้ามองกัน ประโยคนี้มีความหมายท่วมท้น ทุกคนย้อนนึกคิดอย่างอดไม่ได้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าบ้านใดคลอดลูกในเวลาไล่เรี่ยกับฮูหยินผู้เฒ่าหลิ่ว อายุฮูหยินของอีกฝ่ายยังห่างจากหลิ่วหรูเยียนไม่มากฮูหยินผู้เฒ่ากู้ได้ยินถ้อยคำนี้แล้ว ดูตกใจเล็กน้อย ความทรงจำในตอนแรกอย่างหนึ่งผุดออกจากสมองนางจำได้ยามตนเองตั้งครรภ์กู้อวิ๋นเวยเคยได้พบฮูหยินผู้เฒ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 595

    ยิ่งคนสกุลหลิ่วนำความจริงออกบิดเบือนเช่นนี้ ผู้คนรอบข้างก็ยิ่งรู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่บ้างหลิ่วหรูเยียนมิใช่บุตรในไส้ ดังนั้นที่สกุลหลิ่วลำเอียงก็นับว่าเข้าใจได้ ยิ่งเมื่อเปลี่ยนเป็นครอบครัวอื่นแล้ว ความลำเอียงเช่นนี้เรียกได้ว่ามิอาจหลีกเลี่ยงอยู่แล้วแม้จะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ยังยากจะปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันได้ นับประสาอะไรกับเด็กที่มิใช่สายเลือดเดียวกันหากหลิ่วหรูเยียนเป็นเพียงบุตรของบ่าวรับใช้ เมื่อถูกสับเปลี่ยนให้มาเสวยสุขเป็นคุณหนูในจวน ก็นับว่าโชคมหาศาลหล่นทับนางแล้ว!“หากว่ากันตามนี้ หลิ่วหรูเยียนก็ติดค้างบุญคุณสกุลหลิ่วอยู่เช่นกัน ต่อให้ต้องชดใช้ด้วยทรัพย์สินมากหน่อยก็เป็นการสมควรแล้ว มิเช่นนั้นจะมีวาสนาได้เป็นถึงคุณหนูผู้สูงศักดิ์หรือ?”“บุตรสาวแท้ๆ ของสกุลหลิ่วบัดนี้ก็ไม่รู้ไปอยู่แห่งหนใด ทว่าสกุลหลิ่วรู้ความจริงนี้แล้วยังคงเก็บงำไว้มิยอมปริปาก ก็มิใช่ว่าใจคอกว้างขวางมากแล้วหรือ?”กระแสความคิดเริ่มโน้มเอียงไปอีกทาง คนรอบข้างต่างพูดกันไปต่างๆ นานา บ้างเริ่มเข้าอกเข้าใจถึงความใจคอคับแคบแล้งน้ำใจของสกุลหลิ่วต่งฮูหยินและจางเหวินที่มองดูเหตุการณ์มีหรือจะอดรนทนฟังได้?“หาก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 594

    “อะไรกัน? ใต้เท้าหลิ่วมิกล้าอย่างนั้นหรือ?” ฉู่จวิ้นถิงกล่าวเสียงขรึมใต้เท้าหลิ่วนิ่งเงียบอยู่ครู่ ก่อนมีทีท่าคล้ายหมดเรี่ยวแรงแล้วก็มิปาน พลางหันมองนายหญิงหลิ่วด้วยความจนใจ “ช่างเถิด เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้วก็พูดไปเสียเถิด”นายหญิงหลิ่วย่อมไม่อยากที่จะยอมรับความจริง ทว่ากลับรู้ดีว่าไม่อาจเลี่ยงต่อไปได้อีก นางจึงได้แผดเสียงร่ำไห้โหยหวน “ข้าเองก็มิรู้เช่นกันว่สารเลวคนไหนมันสับเปลี่ยนลูกข้าไป!”“หลายปีมานี้ข้าก็เลี้ยงดูหรูเยียนดังบุตรในไส้มาโดยตลอด จนเมื่อไม่นานมานี้จึงเพิ่งได้รู้ว่านางมิใช่บุตรสาวแท้ๆ ของข้า! แต่อย่างไรพระคุณเลี้ยงดูย่อมยิ่งใหญ่กว่าพระคุณให้กำเนิด หรือเพียงเพราะเรื่องเท่านี้ก็ทำให้มิอาจยอมรับข้าผู้นี้เป็นแม่เจ้าแล้ว?” ใต้เท้าหลิ่วเองก็กล่าวด้วยสีหน้าปวดร้าวเช่นกัน “ครานั้น ฮูหยินข้าตั้งครรภ์ลูกถึงสิบเดือนจนคลอดออกมา บัดนี้กลับไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าลูกไปอยู่แห่งหนใด หรือยังจะกล่าวโทษพวกข้าด้วย?”“ที่พวกข้าปิดเอาไว้มิยอมพูด ก็เพราะมิต้องการให้หรูเยียนปฏิบัติห่างเหินต่อพวกข้า มินึกเลยว่า...”ผู้คนได้เห็นสกุลหลิ่วออกปากยอมรับด้วยตนเองเช่นนี้แล้วก็อดทอดถอนใจไม่ได้ เส

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status