“ก็คือนาง!” ถังฮูหยินพยักหน้า “ระยะนี้แม่นางซ่งโดดเด่นมีชื่อเสียงโด่งดังภายในเมืองหลวง ไม่มีแม่นางบ้านใดเทียบนางได้เพคะ”“พูดไปแล้วก็บังเอิญยิ่งนัก นับตั้งแต่หลินจือเยว่ถอนหมั้นนางชีวิตก็เสื่อมถอยลง เสียตำแหน่งขุนนางไป บัดนี้ยังไม่ต้องพูดว่ากลายเป็นสามัญชน แต่ยังติดหนี้อีกด้วย”“หม่อมฉันได้ยินมาว่าแม่นางซ่งมีความสามารถ เชี่ยวชาญทำการค้า คนเองก็ว่าง่าย เป็นลูกสาวกตัญญูคนหนึ่ง พี่ชายน้องสาวมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เพื่อคลายโทสะให้พี่ชาย ยังเอาร้านรวงบนถนนทั้งสายมาจากมือฉินฮูหยินอีกด้วย ทำให้คนอิจฉาไม่น้อยเลยเพคะ”จากนั้น ฮองเฮาได้ยินเสียงชื่นชม กลับขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น สำหรับคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์แล้ว กลับไม่มีอะไรดีถังฮูหยินมองเห็นสีหน้าฮองเฮาอยู่ภายในก้นบึ้งของสายตา รู้ชัดอยู่ภายในใจฮองเฮาต้องการสะใภ้สง่างามมีเมตตา รู้หนังสือมีเหตุผล ส่วนซ่งรั่วเจินสตรีจิตใจคับแคบเช่นนี้ ย่อมไม่สามารถเป็นพระชายาฉู่อ๋องได้หัวใจเล็กกว่ารูเข็ม ภายภาคหน้ายังอยากเป็นมารดาของใต้หล้า นั่นคือเรื่องตลกอย่างหนึ่ง!“ข้าได้ยินมาเพียงเล็กน้อย แต่ไม่เข้าใจภาพรวม ดูท่าแล้ว ข้าก็ต้องทำคว
ยามผ่านอุทยานหลวงบังเอิญได้พบกับฉู่มู่เหยา ฝ่ายหลังมีสีหน้าแปลกใจ เดินเข้ามาถามอย่างกระตือรือร้น“ฮองเฮาเรียกตัวหม่อมฉันเข้าวังเพคะ” ซ่งรั่วเจินตอบได้ยิน ฉู่มู่เหยาเข้าใจในทันใด “นี่มิใช่งานเลี้ยงหงเหมินหรอกหรือ?”ซ่งรั่วเจิน “...” ท่านสมเป็นลูกสาวแท้ๆ ของฮองเฮาจริงๆ“วันนี้เช้ายามข้าเข้าไปเยี่ยมคารวะเสด็จแม่ก็ได้พบกับถังฮูหยิน น่ากลัวว่าถังฮูหยินพูดอะไร เสด็จแม่ถึงเรียกตัวเจ้าเข้าวังกระมัง”ฉู่มู่เหยาเองก็เป็นคนฉลาดหลักแหลมคนหนึ่ง เพียงคิดดูก็เข้าใจปัญหาแล้ว“แย่แล้ว เดิมทีเมื่อวานเสด็จพี่สามคิดหาโอกาสปฏิเสธเรื่องแต่งงานกับสกุลถังให้ชัดเจน เอือมระอาเมื่อคืนเกิดปัญหาขึ้นทางฝั่งค่ายทหาร เขามิได้กลับมาเลย”“คิดไม่ถึงสกุลถังว่องไวเพียงนี้ นี่จะทำเยี่ยงไรดี?”“รั่วเจิน เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าไปคิดหาทางก่อน อีกเดี๋ยวข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า!”ฉู่มู่เหยาตบๆ มือซ่งรั่วเจิน เป็นสัญญาณให้นางไม่ต้องกังวลซ่งรั่วเจินยิ้มละไม ฉู่มู่เหยามองดูแล้วร้อนใจเสียยิ่งกว่านาง “ขอบพระทัยองค์หญิงหก”“ขอบใจอะไรกัน? ข้ายังหวังให้เจ้าเป็น...” เป็นพี่สะใภ้ข้าอยู่นะฉู่มู่เหยาพูดเพียงครึ่งเดียวก็ชะงักไป ยาม
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ทูลฮองเฮา หม่อมฉันเคยอ่านเพคะ”ฮองเฮาชี้หนังสือทางด้านข้าง พูดว่า “ข้าเหนื่อยอยู่บ้าง เจ้าอ่านหนังสือให้ข้าฟังเถอะ”“เพคะ”ซ่งรั่วเจินหยิบหนังสือทางด้านข้าง อ่านเนื้อหาด้านบน เห็นได้ชัดว่าก่อนนี้ฮองเฮาเตรียมการไว้อย่างดีแล้วอันที่จริงนางรู้ชัดอยู่ภายในใจ ฮองเฮาเป็นมารดาของใต้หล้า แตกต่างจากคนเอะอะโวยวายแสร้งน่าสงสารเหมือนพวกฮูหยินผู้เฒ่าหลิน อีกทั้งยังไม่สามารถเข้ามาถามเลยได้ซ่งรั่วเจินมองบันทึกสื่อจี้ตรงหน้า อ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในออกมา“เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังพูดถึงเรื่องเล่าใด?” ฮองเฮาเอ่ยปากเสียงเรียบซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ “ฮองเฮาอยากเตือนหม่อมฉัน สิ่งใดมิใช่ของหม่อมฉันก็ไม่สมควรคาดหวัง แม้ว่ามองดูแล้วงดงาม แต่ลงท้ายก็เป็นเพียงความว่างเปล่าดุจจันทร์ในน้ำบุปผาในคันฉ่องเพคะ”เห็นซ่งรั่วเจินอธิบายออกมาอย่างเข้าใจเสียงแผ่วเบาเรียบเฉย ใบหน้าเล็กขาวนวลกลับไม่เผยอารมณ์มิอาจหักใจ ท่าทีเรียบเฉยกลับทำให้ฮองเฮาเกิดความประหลาดใจภายในสายตาก่อนเกี้ยวเจ้าสามข้ามพ้นประตูซ่งรั่วเจินพบว่าหลินจือเยว่ตบแต่งฉินซวงซวงในเวลาเดียวกัน ฝืนเดินลงจากเกี้ยวด้วยตนเอง ถอนหมั้นกับเข
ถังฮูหยินผู้นี้ช่างพูดใส่สีตีไข่เก่งจริงๆ เกรงว่าคงพูดว่านางใช้เล่ห์มารยาล่อลวงฉู่อ๋อง จนฉู่อ๋องไม่แยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องส่วนรวม จะทำงานหลวงก็ต้องพานางไปด้วยเลยกระมัง?“ฉู่อ๋องขอให้เจ้าช่วยเหลือ?”ฮองเฮาสัมผัสได้ถึงความมั่นใจจากคำพูดและแววตาของซ่งรั่วเจินก็รู้สึกไม่พอใจ ท่าทีเปลี่ยนแปลงไป “ศาสตร์ลี้ลับ? เจ้าไปจับผีที่จวนสกุลไป๋หรือไร?”แม่นางตรงหน้างามพิลาสกิริยาละเมียดละไม เครื่องหน้าประณีตงดงาม เห็นได้ชัดว่าเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ที่ไม่เคยต้องตกระกำลำบาก แต่กลับมาจับผีแบบนี้ ความไม่เข้ากันจะมีมากเกินไปแล้วซ่งรั่วเจินพยักหน้าน้อยๆ “ใช่แล้วเพคะ”ได้ยินดังนั้น แม่นมและสาวใช้ในตำหนักก็พลันเปลี่ยนสีหน้า สมณะตบะแก่กล้าเชี่ยวชาญศาสตร์ลี้ลับก็แล้วไปเถอะ คุณหนูในบ้านแม่ทัพซ่งเชี่ยวชาญศาสตร์ลี้ลับเนี่ยนะ?“ศาสตร์ลี้ลับจะเรียนรู้ง่ายดายปานนั้นได้อย่างไร? เจ้าคงไม่ได้โกหกข้าหรอกนะ?”ฮองเฮาย่นคิ้ว จิตใจกลับผ่อนคลายลงเล็กน้อย ในเมื่อไปจับผีย่อมแสดงว่าฉู่อ๋องพาซ่งรั่วเจินไปด้วยเรื่องงานหลวง หาใช่เพราะแยกแยะกาลเทศะไม่ออก“ฮองเฮาเพคะ ต่อให้หม่อมฉันมีขวัญกล้าเทียมฟ้าก็ไม่กล้าหลอกลวงฮองเฮาห
ฉู่มู่เหยาขยิบตาให้ซ่งรั่วเจิน ฝ่ายหลังพลันเข้าใจได้ในทันที นี่คงเป็นกองหนุนที่ฉู่มู่เหยาเชิญมาให้นางสินะ“เสด็จแม่ ไยท่านจึงมาด้วยตัวเองได้เล่าเพคะ?”ฮองเฮาเข้าไปประคองไทเฮานั่งลง รอยยิ้มเกลื่อนใบหน้า ขณะกวาดสายตาผ่านพวกฉู่มู่เหยาก็รู้แจ้งแก่ใจดีฉู่อวิ๋นกุยและฉู่มู่เหยาก้มหน้าลงทั้งคู่ ในใจตัดสินใจไว้แล้วว่าต่อให้เสด็จแม่ตำหนิพวกตนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด อย่างไรเสียก็ใช่ว่าไม่เคยถูกต่อว่ามาก่อนฉู่มู่เหยาตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าอย่างไร วันนี้ก็ต้องช่วยแม่นางซ่งคลี่คลายสถานการณ์ให้จงได้ หากแม่นางซ่งถูกเสด็จแม่ดุจนเตลิดหนีไป แบบนั้นก็น่าสงสารเสด็จพี่สามเกินไปแล้ว!นอกจากนี้ เทียบกับพี่สะใภ้อย่างถังเสวี่ยหนิง แม่นางซ่งไม่รู้ว่าดีกว่าตั้งเท่าไร!ฉู่อวิ๋นกุยก็ลอบภาวนาในใจให้เสด็จพี่สามกลับมาไวๆ ถ้าเขาปกป้องแม่นางซ่งไว้ไม่ได้ เกรงว่าเสด็จพี่สามกลับมาแล้วจะต้องเอาเขาตายแน่นอน!เรื่องร้ายสองเรื่องเลือกเรื่องที่เบากว่า ล่วงเกินเสด็จแม่อย่างมากก็แค่ถูกตำหนิ หากล่วงเกินเสด็จพี่สาม ชีวิตเขาอาจไม่เหลือเลยก็ได้!“ข้าได้ยินว่าฉู่อ๋องมีแม่นางในดวงใจแล้ว จึงอยากเห็นว่าเป็นแม่นางแบบไหนที่สามารถเข
“แม่หนูนี่เลือกที่จะถอนหมั้นในวันแต่งงาน ในเมืองหลวงไม่มีแม่นางที่ใจกล้าเช่นนี้มานานแล้ว ข้ากลับชื่นชมนัก”“ตอนนั้นหลินจือเยว่ไปออกรบ มอบมารดาผู้ชราที่สุขภาพอ่อนแอให้แม่นางที่เพิ่งหมั้นหมายกันดูแลเดิมทีก็ไม่เหมาะสม เรื่องนี้เขาเป็นฝ่ายผิด ยามนี้ทุกคนกลับมาบอกว่าแม่หนูนี่โง่งม แม่นางที่ยังไม่ออกเรือนคนหนึ่งก็มาจุนเจือสกุลหลินเสียแล้ว”“ข้าอยู่มาจนอายุปูนนี้ ยังจะมองเรื่องแค่นี้ไม่เข้าใจอีกรึ?”“หลินจือเยว่ก็แค่รู้ว่าแม่หนูนี่จิตใจดีงามถึงได้จงใจหาประโยชน์จากนาง หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นเกรงว่าคงไม่รับปาก”“จิตใจดีกลายเป็นเหตุผลที่ถูกเยาะเย้ยถากถางไปตั้งแต่เมื่อใด? ส่วนเรื่องถอนหมั้นก็เป็นเพราะความกล้าหาญของนาง”“ฮองเฮา เจ้าว่ามีตรงไหนไม่ดีงั้นรึ?”แววตาที่ไทเฮามองซ่งรั่วเจินฉายแววชื่นชม แม่นางที่มีความคิดของตัวเองเช่นนี้กลับพบได้ไม่มากนักคุณหนูที่แต่ละตระกูลใหญ่อบรมออกมานั้นว่าง่ายเชื่อฟังไม่ผิด ทุกคนล้วนปฏิบัติตามกฎระเบียบ แต่พอเห็นมากเข้าก็รู้สึกว่าเหมือนๆ กันหมด ไม่น่าสนใจเลยสักนิด กลับไม่สู้แม่หนูนี่ที่ใจเด็ดกล้าหาญ กล้าทำกล้ารับฮองเฮาอึ้งไป นางเข้าใจว่าไทเฮาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับ
ถึงตอนนี้ซ่งรั่วเจินจึงเพิ่งรู้ว่าในอดีตไทเฮาก็เคยถอนหมั้นมาก่อน นี่นับว่าเป็น...คนหัวอกเดียวกันไหมนะ?ได้รับความชื่นชมจากไทเฮาในรูปแบบนี้ ใครเลยจะคาดคิด?ส่วนเรื่องที่ถูกคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าเอาเงินไปจุนเจือสกุลหลินตั้งแต่ก่อนแต่งงาน เจ้าของร่างเดิมตามคาแรกเตอร์ที่นักเขียนวางไว้ในนิยายต้นฉบับเป็นคนหัวอ่อนที่โง่งมแต่ร่ำรวย นางจะทำอันใดได้เล่า?ตอนทะลุมิติมาเงินก็ใช้ไปแล้ว ถ้านางยังไม่ทะลุมิติมา เงินของสกุลซ่งก็คงเข้าไปอยู่ในกระเป๋าของพวกหลินจือเยว่ไปหมดแล้ว“ตอนนี้มาพูดเรื่องนี้ยังเร็วเกินไป ข้าถามเจ้าหน่อย เจ้าเคยถามความคิดเห็นของฉู่อ๋องหรือยัง?” ไทเฮาถาม“ยังเพคะ”ฮองเฮารู้สึกสับสน น้อยครั้งนักที่ไทเฮาจะเข้ามายุ่งเรื่องในวังหลัง วันนี้ในเมื่อมาแล้วก็แสดงว่าต้องการปกป้องซ่งรั่วเจิน“ในเมื่อยังไม่ได้ถามความคิดเห็นของเขา ไยต้องรีบร้อนเรียกลูกสาวคนอื่นเข้าวังมาแบบนี้ ไม่กลัวว่าคนจะตกใจเตลิดหนีไปงั้นรึ”“ด้วยนิสัยของฉู่อ๋อง ถ้าไม่เจอแม่นางที่ชอบ ต่อให้เจ้าบังคับเขาเช่นนี้ก็ไม่แต่งงานอยู่ดี”คำพูดของไทเฮาเมื่อเข้าหูฮองเฮาไปแล้วดุงดั่งอสนีบาตสายหนึ่ง นางรู้ว่าทำไมไทเฮาจึงชอบฉู่อ๋องมา
“เสด็จแม่ ท่านได้ยินแล้ว ทุกอย่างนี้เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้นเพคะ” ฮองเฮากล่าว“ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิด”ทันใดนั้น น้ำเสียงทุ้มเสนาะโสตพลันดังมาจากข้างนอก ต่อจากนั้นฉู่จวินถิงก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าทุกคนเขายังคงสวมชุดแพรของเมื่อคืนวาน บนหน้าผากมีเหงื่อซึมออกมาเป็นชั้นบางๆ ท่าทางเหนื่อยล้าเห็นได้ชัดว่าเพิ่งห้อม้าเร่งเดินทางกลับมาใบหน้าหล่อเหลาฉายแววอิดโรย รอยคล้ำรอบดวงตาทำให้คนเดาได้ไม่ยากว่าไม่ได้นอนมาทั้งคืน หากดวงตาคู่นั้นยังคงเจิดจ้าเป็นพิเศษฮองเฮาเห็นฉู่จวินถิง ดวงตาก็ฉายแววประหลาดใจ “จวินถิง เจ้าว่าอะไรนะ?”“เสด็จแม่ ลูกบอกว่าไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดพ่ะย่ะค่ะ”ฉู่จวินถิงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ลูกมีใจปฏิพัทธ์ต่อแม่นางซ่ง”เมื่อวาจานั้นดังขึ้น ทั้งตำหนักราวกับตกอยู่ในความเงียบงันในฉับพลัน สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ฉู่จวินถิงซ่งรั่วเจินอึ้งไป นางเหลือบตามองไปยังบุรุษผู้นั้นโดยไม่รู้ตัว ฝ่ายตรงข้ามก็มองมาทางนางราวสามารถสัมผัสได้ ใบหน้าคมคายฉายแววรู้สึกผิด ที่มากกว่านั้นคือความร้อนแรงที่ไม่ปิดบังอำพราง“ขออภัยด้วย เดิมทีตั้งใจไว้ว่าจัดการทุกอย่างเสร็จแล้วค่อยสารภาพความใน
“พูดจาเหลวไหลอะไร? พวกเขาล้วนพูดความจริง!” ถังเสวี่ยหนิงรีบตอบโต้กลับ“เจ้ามีหลักฐานอะไรว่าพวกเขาพูดความจริง?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ “ล้วนอาศัยปากพูดทั้งนั้นมิใช่หรือ? ข้าเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นพวกเจ้าซื้อตัวพวกเขามาปรักปรำข้า!”ถังเสวี่ยหนิงรู้สึกเหลือเชื่อ “พวกเขาล้วนพูดความจริงต่อหน้าแล้ว เจ้ายังปฏิเสธไม่ยอมรับ ไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง!”“หาสองสามคนออกมาตั้งใจปรักปรำข้า นี่ง่ายดายเกินไปแล้วกระมัง!”ซ่งรั่วเจินเผยสีหน้าเยาะหยัน เลื่อนสายตาหันมองทางคนโกหกเหล่านั้น สายตาคมกริบ“ข้าขอเตือนพวกเจ้า วันนี้ฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินคืนความยุติธรรม มิใช่สถานที่ให้พวกเจ้าพูดจาเหลวไหลได้!”“หากเป็นไปตามที่พวกเจ้าพูดจริง ยืนกรานป้ายความผิดให้ข้า พวกเจ้าเองก็หนีไม่พ้น ทั้งหมดล้วนต้องเข้าคุกหลวง!”“ข้าขอชี้แนะพวกเจ้าให้คิดให้ดี ถึงตอนนั้นเข้าคุกแล้วอย่าได้นึกเสียใจภายหลัง!”ได้ยินดังนั้น สายตาอวิ๋นจู๋สะท้อนแววตกตะลึง “เข้าคุกหลวง?”พวกเขาถึงขั้นต้องเข้าคุกหลวง?“ย่อมต้องเข้าคุกหลวง ต่อให้น้องหญิงของข้าเป็นผู้สั่งการ แต่คนลงมือคือพวกเจ้า พวกเจ้าคิดว่าจะอยู่รอดปลอดภัยได้หรือ?” ซ่งอี้อันพูดเสียงเ
สีหน้าเหอเซียงหนิงกระตือรือร้น มองถังเสวี่ยหนิงเป็นผู้มีพระคุณของตนเดิมทีซ่งจืออวี้ยังตื่นเต้น น้องหญิงของตนทำอะไร คนอื่นอาจไม่รู้ แต่เขารู้ดีอยู่เต็มอกคืนวันนั้นทั้งๆ ที่เหอเซียงหนิงวางอุบายทำร้ายน้องหญิงตน ต้องการลักพาตัวน้องหญิงไปที่ตรอกหย่งอัน โชคดีน้องหญิงมีความสามารถ ทำลายแผนของพวกเขาหาไม่แล้ว บัดนี้คนถูกทำลายก็คือน้องหญิง!บัดนี้เหอเซียงหนิงแว้งกัด เขาเองก็กังวลพวกคนที่ถูกส่งออกไปสองสามคนนั้นจะถูกพากลับมาได้ แต่เมื่อได้เห็นว่าใบหน้าเหล่านั้นมิใช่สองสามคนก่อนหน้านี้ กลับสงบใจลงไม่น้อยแล้ว“คุณหนู นั่นไม่ใช่อวิ๋นจู๋หรือ?”เฉินเซียงเห็นหนึ่งในชายกลุ่มนั้น สีหน้าเปลี่ยนไป ภายในสายตาเปี่ยมโทสะระคนความรู้สึกเหลือเชื่อ“ไอ้คนเนรคุณ ที่ผ่านมาคุณหนูดีต่อเขาไม่เลว เขาถึงขั้นถูกพวกเขาซื้อไว้มาทำร้ายท่าน!”ซ่งรั่วเจินเองก็จำหนึ่งในชายเหล่านั้นได้แล้ว เป็นบ่าวรับใช้ภายในเรือนนางก่อนหน้านี้ เมื่อหลายวันก่อนพูดว่ามารดาที่บ้านตายไป นางยังมอบเงินให้หนึ่งก้อนเพื่อให้เขากลับไปจัดการงานศพดีๆใครคาดคิดเล่าว่าจะเป็นคนเนรคุณคนหนึ่ง เพียงชั่วพริบตาก็กลายเป็นสุนัขรับใช้ของเหอเซียงหนิงแล้ว?
เห็นว่าอุบายเล็กๆ ถูกเปิดโปงแล้ว ถังเสวี่ยหนิงก็ไม่สามารถเก็บอารมณ์บนสีหน้าได้อีกนางประเมินซ่งรั่วเจินต่ำเกินไปแล้ว!ทำเรื่องต่ำช้าถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังถูกเปิดโปงต่อหน้าธารกำนัล แต่กลับไม่ว้าวุ่น ชนิดที่ว่ายังเกิดความคิดหาข้อผิดพลาดของนางอีกด้วยมิน่าเล่าอายุมากแล้วอีกทั้งยังถอนหมั้น แต่ยังสามารถยั่วยวนฉู่อ๋องได้ เพียงวิธีการนี้ สตรีทั่วไปล้วนไม่ใช่คู่ต่อของนาง“ความคิดเจ้าโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ทำลายเหอเซียงหนิงเพราะแค้นส่วนตัว ข้าก็แค่อยากเปิดเผยต่อหน้าทุกคนเท่านั้น นี่มีอะไรผิดกัน?”“สำหรับคนไร้เมตตาอย่างเจ้าคนนี้ ทำร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยม ข้าก็แค่อยากทวงความบริสุทธิ์ให้เหอเซียงหนิงเท่านั้น!”ถังเสวี่ยหนิงพูดอย่างองอาจมีคุณธรรม ราวกับวีรสตรีผู้มุ่งมั่นเพื่อปวงประชาอย่างแท้จริง หวังเพียงจับคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายเท่านั้นวันนี้มีนางอยู่ ซ่งรั่วเจินอย่าได้คิดพลิกสถานการณ์กลับมาได้เลย!ครู่ต่อมา นางเลื่อนสายตามองทางเหอเซียงหนิง “เซียงหนิง เอาพยานของเจ้าออกมาเถอะ!”เหอเซียงหนิงกังวลใจ นางไม่เคยเห็นเหตุการณ์ใหญ่เช่นนี้มาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดว่ายังมีฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินหากจั
ซ่งอี้อันเอ่ยปากเสียงเย็น “หากน้องหญิงห้าของข้าถูกพวกเจ้าปรักปรำจนคิดไม่ตกฆ่าตัวตายไป หรือว่าทุกท่านที่นี่มิใช่มือสังหารกันเล่า?”“ไม่มีหลักฐาน อาศัยเพียงปากของนางก็ปรักปรำความผิดแล้ว นี่น่าขันเกินไปแล้ว!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา ทุกคนที่ด่าว่าซ่งรั่วเจินก็เงียบปากลงในทันใด ไม่กล้าตั้งข้อสันนิษฐานส่งเดชอีกซ่งรั่วเจินมองทางพี่รองของตนอย่างแปลกใจ สมเป็นผู้มีพรสวรรค์ของจอหงวน เพียงเปิดปากก็ได้ผลลัพธ์ไม่ธรรมดา“แม่นางถัง เจ้าจงใจพาเหอเซียงหนิงมาพูดเช่นนี้ น่าจะมีหลักฐานกระมัง?”“มิสู้นำออกมาเสียเลย หาไม่แล้วเพื่อปรักปรำข้าจึงแต่งเรื่องออกมาเช่นนี้ แต่ไหนแต่ไรมาบนโลกนี้ไม่ใช่ใครร้องไห้คนนั้นก็มีเหตุผลหรอกนะ”“ข้าและคุณชายสวีบริสุทธิ์ใจต่อกัน เหอเซียงหนิงคิดว่าข้าและนางเป็นศัตรูหัวใจกัน แต่ในสายตาข้า เดิมทีข้าและนางก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้เป็นปรปักษ์กัน ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องหึงหวง”“ขอถามหน่อยเถิด...เหตุใดข้าต้องทำร้ายนางถึงเพียงนี้ด้วยเล่า? คงมิใช่พูดหน้าซื่อตาใส ก็สามารถตั้งข้อหากล่าวโทษข้าได้หรอกกระมัง?”ดวงตาคู่งามดำดุจหมึกของซ่งรั่วเจินจับจ้องถังเสวี่ยหนิง ดวงหน้างดงามขาวนวลไม่มีควา
“หากเรื่องนี้มีเงื่อนงำอยู่จริง เหอเซียงหนิงเองก็น่าสงสารเกินไปแล้วกระมัง!”“นี่คือบีบคั้นคนให้ตาย จะต้องได้รับความทุกข์ใจอย่างหนักเป็นแน่ ซ่งรั่วเจินโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”กลุ่มคนต่างชี้หน้าบริภาษขึ้นมาระลอกหนึ่ง ฉินซวงซวงลอบลำพองใจภายในใจ เพื่อทำให้ชื่อเสียงซ่งรั่วเจินเสื่อมเสีย นางวางแผนทั้งหมดไว้อย่างดีแล้ว!ฉู่จวินถิงเหลียวมองคนที่เป็นผู้นำของกลุ่มคน ออกคำสั่งผู้อยู่ใต้อาณัติ “จับตามองคนเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด ห้ามมิให้หลุดรอดไปได้แม้คนเดียว”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”“ไม่ต้องกังวล คนเหล่านี้น่าจะถูกซื้อตัวไว้แล้ว จงใจพูดเช่นนี้ อีกเดี๋ยวสอบสวนอย่างละเอียดก็จะรู้ผล”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงมั่นใจมาก สอบสวนคนเหล่านี้ เดิมทีก็ไม่ต้องใช้วิธีการมากมายอะไร เพียงถามอย่างไม่ตั้งใจก็สามารถรู้ได้ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋องไม่สงสัยหม่อมฉันเลยหรือ?”“เหตุใดข้าต้องสงสัยเจ้าด้วย?” ฉู่จวินถิงสุขุมสงบนิ่ง “ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อแรกเหอเซียงหนิงทำกับเจ้าเยี่ยงไร ข้าเข้าใจทั้งหมดแล้ว”“ยิ่งไม่ต้องพูดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือเจ้า ต่อให้เป็นฝีมือเจ้า ก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม”ภายในสายตาของฉู่จวิน
“เจ้าว่ามาเถิด” ฮองเฮาเอ่ยเรือนคิ้วฉู่จวินถิงขมวดขึ้นเล็กน้อย สายตาที่เขาใช้มองไปยังถังเสวี่ยหนิงแกมแฝงด้วยความเยียบเย็นหญิงผู้นี้ยังไม่คิดจะลดราวาศอกอีก!“อย่ากลัวไปเลย มีข้าอยู่”ฉู่จวินถิงหันมองซ่งรั่วเจิน แสดงท่าทีให้นางมั่นใจว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะอยู่ข้างกายนางเสมอซ่งรั่วเจินย่อมไม่หวั่นเกรงต่อเล่ห์กลของถังเสวี่ยหนิงและพรรคพวกอยู่แล้ว ทว่าเมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ของฉู่จวินถิง ในใจก็ยังคงอดรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาไม่ได้อยู่ดีถังเสวี่ยหนิงกลับเกรงกลัวฉู่จวินถิงเสียจนแทบไม่กล้าสบสายตาเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อหันมองไปยังซ่งรั่วเจิน ท่าทีก็ยังคงกระด้างกระเดื่องเช่นเดิม“คุณหนูซ่ง ข้าได้ยินเรื่องเช่นนี้แล้วก็ตกใจมากจริงๆ มิอยากจะเชื่อเลยว่าในเมืองหลวงจะยังมีผู้ใดอาจหาญกล้าทำเรื่องเช่นนี้ลงได้ ช่างลบหลู่กฎเกณฑ์ราชสำนักเกินไปแล้ว!”“ดังนั้นข้าจึงอยากใช้โอกาสนี้ถามไถ่ให้ชัดแจ้ง หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”ถ้อยคำหลายต่อหลายคำของถังเสวี่ยหนิง ทำเอาสีหน้าของผู้คนโดยรอบเปลี่ยนไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ต่างพากันสงสัยว่าเป็นเรื่องร้ายแรงประการใดกัน?“รั่วเจิน พวกถังเสวี่ยหนิงดูท่าคงมิได้มีเจตนาดีเป
อวิ๋นเนี่ยนชูเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ปิดไม่มิดถึงความอิจฉา “โชคดีนักที่หลินจือเยว่มิได้แต่งกับนาง หาไม่แล้วคงคลาดกันกับคนดีเช่นฉู่อ๋องไปแล้วกระมัง?”“ฉู่อ๋องไม่เพียงมีรูปโฉมงดงาม วรยุทธเลิศล้ำ อีกทั้งฐานะยังมิธรรมดา สำคัญที่สุดก็คือผู้คนต่างรู้กันดีว่าฉู่อ๋องอารมณ์ร้ายเพียงใด แต่กลับดีต่อนางอยู่เพียงผู้เดียว เรื่องนี้น่าอิจฉาที่สุดแล้ว”อวิ๋นเฉิงเจ๋อเหลือบมองคนที่ยืนอยู่ข้างกาย นำเอาภาพใบหน้าฉายแววอิจฉานั้นเก็บเอาไว้จนสุดสายตา ไม่รู้ว่าในใจคิดอ่านถึงสิ่งใดอยู่ทว่าถ้อยคำนี้กลับลอยไปเข้าหูหลินจือเยว่เข้าพอดิบพอดี สีหน้าที่หมองหม่นอยู่ก่อนแล้วจึงได้ย่ำแย่เสียยิ่งกว่าเก่าก่อนนี้เขาคิดเพียงว่าฉู่อ๋องคงหูตามืดบอด ตอนนี้เขาเห็นแจ้งแล้วว่าตนเองต่างหากที่หูตามัวหมองไปเลือกคนผิดมาแต่งงานด้วยจนชีวิตพังพินาศ แต่จะทำกระไรได้อีกเล่า?ฉินซวงซวงยืนจ้องมองคนที่ในชาติที่แล้วนางคอยตามตื๊ออยู่นานอย่างฉู่อ๋อง กระทั่งเคยยอมทอดทิ้งศักดิ์ศรีมาแล้วก็ยังไม่อาจแลกเปลี่ยนเป็นการแลเหลียวจากเขาได้แม้แต่สักครั้ง แต่เขากลับปฏิบัติต่อซ่งรั่วเจินดีเช่นนั้น ทำเอานางริษยาเสียจนแทบบ้าอยู่แล้ว!มีสิทธิ์อะไรกัน?ซ่งรั่ว
เมื่อถือเวลาประกาศผลสุดท้าย ก็พลันระเบิดเสียงฮือฮาดังขึ้นมากลางหมู่ฝูงชน“อันดับหนึ่งได้แก่ฉู่อ๋อง!”สิ้นเสียงประกาศ ผู้คนก็ต่างพากันเอ่ยชื่นชมไม่ขาดปาก ทว่าก็หาได้มีผู้ใดแปลกใจแม้แต่น้อย“ฝีมือการขี่ม้าและยิงธนูของฉู่อ๋องตลอดมาก็ล้วนเหนือผู้ใด วันนี้ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตองค์ชายทั้งสองพระองค์ไว้ได้ อีกทั้งยังคว้าชัยได้อันดับหนึ่งมาครอบครอง สมกับที่ชื่อเสียงเลื่องลือเสียจริงๆ!”“ได้ยินมาว่าสองคนที่หนีรอดไปได้ก็ฉู่อ๋องนั่นล่ะที่จับตัวเอาไว้ได้ เก่งกาจยิ่งนัก!”โดยปกติแล้วฉู่จวินถิงไม่ได้ใส่ใจกับความสำเร็จในลักษณะนี้แม้แต่น้อย ทว่าขณะนั้นเอง สายตาของเขาพลันหันมองไปยังซ่งรั่วเจินซ่งรั่วเจินเองก็หันไปมองฉู่อ๋องทันทีที่ได้ยินคำประกาศ เห็นแต่เพียงใบหน้าหล่อเหลาไม่เป็นสองรองใครของเขากำลังคลี่ยิ้มออกมาเจิดจ้าราวแสงอาทิตย์ชั่วขณะนั้น เขาก็ดูคล้ายจะเปล่งประกายเสียยิ่งกว่าแสงอาทิตย์เสียอีก รอยยิ้มอบอุ่นของเขาแกมแฝงด้วยความไม่แยแสยี่หระ ยิ่งกว่านั้นยังเปี่ยมอิสระเสรีไม่ยึดติดอันเป็นเอกลักษณ์ของคนหนุ่มทำเอาจังหวะเต้นของหัวใจใครหลายคนต่างสะดุดไปตามๆ กันในฐานะอันดับหนึ่ง รางวัลที่ได้ก็ย่อม
ตั้งแต่ซ่งจิ่งเซินกลับมา เขาก็ได้รับรู้ว่าหลินจือเยว่ทอดทิ้งน้องสาวของตนไปเพราะฉินซวงซวง ในใจก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าขุ่นเคืองเพียงใดเดิมทีคิดจะหาโอกาสสั่งสอนหลินจือเยว่เสียบ้าง ต่อมาได้รู้ว่าพวกน้องสามได้จัดการกันไปแล้ว จนบัดนี้แม้แต่ที่ให้ซุกหัวนอนก็ยังไม่มีจะอยู่หากเป็นคนทั่วไปแล้วเล่าก็ ใครยังจะมีแก่ใจมาพลอดรักกันอวดผู้คนให้อับอายขายขี้หน้าเช่นนี้ โชคยังดีที่น้องหญิงห้ายังไม่ทันได้แต่งออกไปกับคนเช่นนั้น!“หน้าของฉินซวงซวงนี่ก็ช่างหนายากจะหาผู้ใดเทียมเทียบจริงเชียว!”เมิ่งชิ่นหรี่เดินตาหยีด้วยแขยงสายตามาอยู่ข้างกายซ่งรั่วเจิน “ตั้งแต่นางมาวันนี้ก็ทำเอาผู้คนไม่น้อยเกิดไม่พอใจ แต่ดูเหมือนนางจะไม่ใส่ใจสักนิด ซ้ำยังจะมีหน้ามาทำระรื่นอยู่ได้”“ข้าว่าหลินจือเยว่ยิ้มได้มิน่าดูเสียยิ่งกว่าร้องไห้อีก แต่นางราวกับมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้น ข้าว่าอย่างไรพวกเขาคงไปกันได้ไม่นานนักหรอก”ซ่งรั่วเจินมองเมิ่งชิ่นที่ยู่ตรงหน้าพลางยิ้มบาง “ยันต์คุ้มกายที่ข้าให้ไปใช้ได้ผลดีหรือไม่?”“ได้ผลดียิ่งเลยล่ะ!” เมิ่งชิ่นจับมือซ่งรั่วเจินความตื้นเต้นในใจ หน่วยดวงตาเต็มด้วยความตื้นต้น “หากมิใช่เพราะเจ้า ต