ซ่งเยี่ยนโจวหันมองทางซ่งรั่วเจิน “วันนี้คุณหนูถังหาเรื่องเจ้าหรือ?”“เปล่าเจ้าค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นข้าเองก็ไม่มีวันถูกคนหาเรื่องได้อย่างง่ายดาย”ซ่งรั่วเจินโบกมือ พูดว่า “การค้าที่ได้รับมาจากฉินฮูหยินดีมาก แต่ข้าอยากเปลี่ยนสองร้านในนั้นเป็นร้านขายผ้า”“คนที่นั่นสัญจรไปมามากมาย ฮูหยินแม่นางล้วนชอบไปละแวกใกล้เคียง เปิดร้านขายผ้าแห่งหนึ่งกิจการจะต้องไม่เลวแน่”“เอาตามที่เจ้าว่าแล้วกัน” หลิ่วหรูเยียนเอ่ยปาก “ก็ไม่รู้จิ่งเซินจะกลับมายามใด ต่อให้ไปทะเลใต้ก็น่าจะกลับมาได้แล้ว”“กิจการมากมายเพียงนี้ล้วนมอบให้เจ้าดูแลเพียงคนเดียว ลำบากเกินไปแล้ว”ซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ “ไม่ลำบากอะไรเจ้าค่ะ ภายในจวนมีคนช่วยงานไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นก่อนนี้เจ้าของร้านที่พี่สี่เลือกไว้ให้จัดการดูแลเองก็ใส่ใจมาก ข้าเพียงเสียเวลาดูแลบัญชีมากหน่อยเท่านั้น”ตระเวนดูร้านก็เป็นเรื่องลำบากอย่างหนึ่งจริงนั่นล่ะ แต่เดิมทีกิจการของสกุลซ่ง เจ้าของร่างเดิมและพี่สี่ก็รับสมัครคนมากความสามารถไว้ไม่น้อย ตรงข้ามกันจัดการได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนนี้เจ้าของร่างเดิมก็อยากซื้อร้านขายผ้าบนถนนสายนี้ น่าเสียดายร้านรวงบนถนนสายนี
หลิ่วหรูเยียนถอนหายใจหนักๆ เฮือกหนึ่ง “จิ่งเซินเด็กคนนี้ไม่ฟังคำเกลี้ยกล่อม หากแม่นางเคอคนนั้นเป็นคนสำรวมตน แม่ก็คงไม่พูดอะไรแล้ว แต่ข้าได้ยินมาว่านางมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคุณชายสกุลชวี”“ข้าเองก็ได้ยินเรื่องนี้ สกุลเคอคล้ายยังมีแผนผูกสัมพันธ์เกี่ยวดองผ่านการแต่งงานกับสกุลชวี แต่ยังมิได้ยืนยันข่าวที่แน่นอน” ซ่งอี้อันพูดเสียงเครียดสายสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของพวกเขาดีมาโดยตลอด จิ่งเซินชอบเคอหยวนจื่อมากเพียงใด เขารู้ดีเมื่อแรกไม่ใช่ไม่เคยเกลี้ยกล่อม แต่จิ่งเซินเชื่อฟังทุกอย่าง เว้นเสียความชมชอบเคอหยวนจื่อที่ไม่ทำจนถึงที่สุดก็ไม่คิดหันหลังกลับเห็นว่าเขาพูดมาถึงขั้นนี้แล้ว พวกเขาในฐานะพี่น้องเองก็ไม่สามารถบอกให้เขายอมแพ้ได้ แต่ครั้งนี้ออกเดินทางไกลเพียงนั้นเพื่อเคอหยวนจื่อ ช่างโง่เขลาเกินไปโดยแท้!“แม้ว่าจิ่งเซินเคยเหลวไหลมาก่อน แต่ระยะนี้ภายในจวนเกิดเรื่องมากเพียงนี้ การสอบฤดูใบไม้ผลิเองก็ผ่านพ้นไปแล้ว เขาไม่มีวันไม่เร่งเดินทางกลับมา ใช่หรือไม่ว่าเกิดปัญหาอะไร?”หลิ่วหรูเยียนผ่านความโมโหไปแล้วก็รู้สึกกังวลใจ เพราะก่อนนี้ส่งจดหมายกลับมา พูดว่าเสียเวลาเพราะเรื่องบางอย่าง ยังไม่สามา
ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ส่งสัญญาณให้มารดาไม่ต้องกังวลได้ยินแล้ว หลิ่วหรูเยียนถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง นางเชื่อความสามารถของลูกสาวตนโดยไร้ข้อกังขา “เช่นนั้นก็ดี”“รอเขากลับมาครั้งนี้จะต้องเตือนสติเขาทีหนึ่ง จะตามใจเขาอีกต่อไปไม่ได้!”ทุกคนต่างพากันพยักหน้า พวกเขาต้องคิดหาทางเกลี้ยกล่อมดีๆ สักรอบจริง ไม่สามารถปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปได้“น้องหญิงห้า ในเมื่อเจ้าสามารถทำนายกระทั่งเรื่องนี้ออกมาได้ มิสู้ทำนายวาสนาแต่งงานของตัวเจ้าดู?” ซ่งจืออวี้พูดอย่างแปลกใจคนอื่นล้วนหันมองทางซ่งรั่วเจิน ความสามารถยอดเยี่ยมเพียงนี้ มิใช่ว่าทำนายดูก็รู้แล้วหรือ?ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบาๆ “วิชาเต๋าสามารถทำนายได้จริง แต่ก็มีหนึ่งเรื่อง นั่นก็คือทำนายตนเองไม่ได้”“ทุกคนในสำนักเต๋าก็ล้วนเป็นเช่นนี้”ทุกคนต่างเข้าใจ หมอไม่รักษาตนเอง ข้ามผู้อื่นไม่ข้ามตนเองนี่กลับเข้าใจไม่ยาก หากสามารถทำนายสถานการณ์ของตนได้ เช่นนั้นทุกเรื่องก็ราบรื่นแล้วเพราะซ่งรั่วเจินทำนายว่าซ่งจิ่งเซินใกล้จะกลับมาแล้ว หลิ่วหรูเยียนและซ่งเยี่ยนโจวจึงตัดสินใจว่ารอซ่งจิ่งเซินกลับมาแล้วค่อยไปสู่ขอ หนึ่งครอบครัวต้องอยู่พร้อมหน้ากันถึงจะด
วันต่อมาถังฮูหยินมองเห็นถังเสวี่ยหนิงร้องไห้ตาแดง ร้อนใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้“เมื่อคืนกลับมาก็ร้องไห้ ไม่ยอมพูดเหตุผล เจ้าอยากทำให้แม่ร้อนใจตายใช่หรือไม่?”ถังเสวี่ยหนิงตาแดง ไม่ใช่นางไม่อยากพูด แต่ขายหน้าเกินไปแล้ว นางอับอายเกินกว่าจะพูดออกไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังกลัวมารดาต่อว่าหลายปีมานี้ แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยขายหน้าเพียงนี้มาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดว่าอยู่ต่อหน้าฉู่อ๋อง หลังกลับมาแล้วย้อนคิดถึงเรื่องเมื่อวานก็ยิ่งรู้สึกผิดมหันต์นางเป็นบุตรีจวนอัครมหาเสนาบดี เดิมทีฐานะของซ่งรั่วเจินก็เทียบนางไม่ได้ นางไม่สมควรลดตัวลงไปเทียบกับนาง สมควรทำใจกว้างแสดงความสูงศักดิ์และใจกว้างของตนถึงจะถูกอยากเป็นพระชายา เป็นนายหญิงของทั้งจวนอ๋อง ความใจกว้างสำคัญที่สุด นางหน้าตาถมึงทึงฝีปากคมกริบเพียงนี้ น่ากลัวว่าทำลายภาพประทับใจภายในใจฉู่อ๋องไปแล้วเห็นถังเสวี่ยหนิงไม่พูด ถังฮูหยินมองสาวใช้ทางด้านข้าง “เจ้าพูด!”สาวใช้ตกตะลึงพรึงเพริด พูดเรื่องใหญ่เมื่อคืนออกมาภายใต้สายตาของถังเสวี่ยหนิงตัวสั่นๆฟังเรื่องทั้งหมดจบ สีหน้าถังฮูหยินเข้มขึ้น “ฉู่อ๋องถึงขั้นหมางเมินเจ้าเพราะซ่งรั่วเจิน? นางเป็นเพียงหญิ
สีหน้าถังฮูหยินจริงจังมาก แม้นางเป็นหญิงออกเรือนแล้ว แต่นางก็ได้ยินนายท่านชื่นชมฉู่อ๋องบ่อยๆ ภายในราชสำนัก ฉู่อ๋องได้รับความเลื่อมใสมีชื่อเสียงอย่างมากสองปีมานี้ฮองเฮาคัดเลือกคุณหนูชนชั้นสูงในระยะหนึ่งหมื่นลี้ เดิมทีซ่งรั่วเจินก็มีคุณสมบัติไม่เพียงพอดวงตาถังเสวี่ยหนิงทอประกายระยับ แม้แต่ลมหายใจก็เร็วมากยิ่งขึ้นได้กลายเป็นพระชายาสำหรับนางก็สูงศักดิ์มากแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดว่าภายภาคหน้ายังสามารถกลายเป็นฮองเฮามารดาของใต้หล้าได้!“เจ้าจะพูดเรื่องนี้ออกไปไม่ได้ บัดนี้ฮองเฮามีพระประสงค์เลือกเจ้า เจ้าจะต้องคิดหาทางคว้าโอกาสนี้ไว้”“หากพลาดไป ชาตินี้เจ้าก็ไม่มีโอกาสขึ้นสู่จุดสูงสุดเทียมฟ้านี้ได้อีก ท่าทางหึงหวงเหมือนเด็กเอาแต่ใจเมื่อวานนี้ ภายภาคหน้าห้ามมิให้เผยออกมาอีกเป็นอันขาด” ถังฮูหยินกำชับถังเสวี่ยหนิงพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง “ท่านแม่ เช่นนั้นท่านพูดข้ายังมีหวังหรือไม่?”“ย่อมมีหวังแน่นอน ถึงตอนนั้นหาโอกาสให้เจ้าและฉู่อ๋องได้รู้จักกันมากหน่อย แม่สั่งสอนวิชาดีดพิณหมากล้อมตำราวาดภาพให้เจ้าจนเชี่ยวชาญ หรือว่ายังเทียบบุตรีของตระกูลแม่ทัพบู๊คนหนึ่งไม่ได้?”สายตาถังฮูหยินสะท้อนความหมิ่
“ก็คือนาง!” ถังฮูหยินพยักหน้า “ระยะนี้แม่นางซ่งโดดเด่นมีชื่อเสียงโด่งดังภายในเมืองหลวง ไม่มีแม่นางบ้านใดเทียบนางได้เพคะ”“พูดไปแล้วก็บังเอิญยิ่งนัก นับตั้งแต่หลินจือเยว่ถอนหมั้นนางชีวิตก็เสื่อมถอยลง เสียตำแหน่งขุนนางไป บัดนี้ยังไม่ต้องพูดว่ากลายเป็นสามัญชน แต่ยังติดหนี้อีกด้วย”“หม่อมฉันได้ยินมาว่าแม่นางซ่งมีความสามารถ เชี่ยวชาญทำการค้า คนเองก็ว่าง่าย เป็นลูกสาวกตัญญูคนหนึ่ง พี่ชายน้องสาวมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เพื่อคลายโทสะให้พี่ชาย ยังเอาร้านรวงบนถนนทั้งสายมาจากมือฉินฮูหยินอีกด้วย ทำให้คนอิจฉาไม่น้อยเลยเพคะ”จากนั้น ฮองเฮาได้ยินเสียงชื่นชม กลับขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น สำหรับคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์แล้ว กลับไม่มีอะไรดีถังฮูหยินมองเห็นสีหน้าฮองเฮาอยู่ภายในก้นบึ้งของสายตา รู้ชัดอยู่ภายในใจฮองเฮาต้องการสะใภ้สง่างามมีเมตตา รู้หนังสือมีเหตุผล ส่วนซ่งรั่วเจินสตรีจิตใจคับแคบเช่นนี้ ย่อมไม่สามารถเป็นพระชายาฉู่อ๋องได้หัวใจเล็กกว่ารูเข็ม ภายภาคหน้ายังอยากเป็นมารดาของใต้หล้า นั่นคือเรื่องตลกอย่างหนึ่ง!“ข้าได้ยินมาเพียงเล็กน้อย แต่ไม่เข้าใจภาพรวม ดูท่าแล้ว ข้าก็ต้องทำคว
ยามผ่านอุทยานหลวงบังเอิญได้พบกับฉู่มู่เหยา ฝ่ายหลังมีสีหน้าแปลกใจ เดินเข้ามาถามอย่างกระตือรือร้น“ฮองเฮาเรียกตัวหม่อมฉันเข้าวังเพคะ” ซ่งรั่วเจินตอบได้ยิน ฉู่มู่เหยาเข้าใจในทันใด “นี่มิใช่งานเลี้ยงหงเหมินหรอกหรือ?”ซ่งรั่วเจิน “...” ท่านสมเป็นลูกสาวแท้ๆ ของฮองเฮาจริงๆ“วันนี้เช้ายามข้าเข้าไปเยี่ยมคารวะเสด็จแม่ก็ได้พบกับถังฮูหยิน น่ากลัวว่าถังฮูหยินพูดอะไร เสด็จแม่ถึงเรียกตัวเจ้าเข้าวังกระมัง”ฉู่มู่เหยาเองก็เป็นคนฉลาดหลักแหลมคนหนึ่ง เพียงคิดดูก็เข้าใจปัญหาแล้ว“แย่แล้ว เดิมทีเมื่อวานเสด็จพี่สามคิดหาโอกาสปฏิเสธเรื่องแต่งงานกับสกุลถังให้ชัดเจน เอือมระอาเมื่อคืนเกิดปัญหาขึ้นทางฝั่งค่ายทหาร เขามิได้กลับมาเลย”“คิดไม่ถึงสกุลถังว่องไวเพียงนี้ นี่จะทำเยี่ยงไรดี?”“รั่วเจิน เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าไปคิดหาทางก่อน อีกเดี๋ยวข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า!”ฉู่มู่เหยาตบๆ มือซ่งรั่วเจิน เป็นสัญญาณให้นางไม่ต้องกังวลซ่งรั่วเจินยิ้มละไม ฉู่มู่เหยามองดูแล้วร้อนใจเสียยิ่งกว่านาง “ขอบพระทัยองค์หญิงหก”“ขอบใจอะไรกัน? ข้ายังหวังให้เจ้าเป็น...” เป็นพี่สะใภ้ข้าอยู่นะฉู่มู่เหยาพูดเพียงครึ่งเดียวก็ชะงักไป ยาม
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ทูลฮองเฮา หม่อมฉันเคยอ่านเพคะ”ฮองเฮาชี้หนังสือทางด้านข้าง พูดว่า “ข้าเหนื่อยอยู่บ้าง เจ้าอ่านหนังสือให้ข้าฟังเถอะ”“เพคะ”ซ่งรั่วเจินหยิบหนังสือทางด้านข้าง อ่านเนื้อหาด้านบน เห็นได้ชัดว่าก่อนนี้ฮองเฮาเตรียมการไว้อย่างดีแล้วอันที่จริงนางรู้ชัดอยู่ภายในใจ ฮองเฮาเป็นมารดาของใต้หล้า แตกต่างจากคนเอะอะโวยวายแสร้งน่าสงสารเหมือนพวกฮูหยินผู้เฒ่าหลิน อีกทั้งยังไม่สามารถเข้ามาถามเลยได้ซ่งรั่วเจินมองบันทึกสื่อจี้ตรงหน้า อ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในออกมา“เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังพูดถึงเรื่องเล่าใด?” ฮองเฮาเอ่ยปากเสียงเรียบซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ “ฮองเฮาอยากเตือนหม่อมฉัน สิ่งใดมิใช่ของหม่อมฉันก็ไม่สมควรคาดหวัง แม้ว่ามองดูแล้วงดงาม แต่ลงท้ายก็เป็นเพียงความว่างเปล่าดุจจันทร์ในน้ำบุปผาในคันฉ่องเพคะ”เห็นซ่งรั่วเจินอธิบายออกมาอย่างเข้าใจเสียงแผ่วเบาเรียบเฉย ใบหน้าเล็กขาวนวลกลับไม่เผยอารมณ์มิอาจหักใจ ท่าทีเรียบเฉยกลับทำให้ฮองเฮาเกิดความประหลาดใจภายในสายตาก่อนเกี้ยวเจ้าสามข้ามพ้นประตูซ่งรั่วเจินพบว่าหลินจือเยว่ตบแต่งฉินซวงซวงในเวลาเดียวกัน ฝืนเดินลงจากเกี้ยวด้วยตนเอง ถอนหมั้นกับเข
พี่ใหญ่ถูกลอบโจมตีจนเกือบไม่รอดชีวิตกลับมา หลังกลับมาแล้วขาทั้งสองข้างยังพิการ ท่านพ่อก็ไม่ได้กลับมาอีกเลยถ้ามีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้...“ส่วนจิ่งเซิน เขาได้ทำการค้าบ่อยๆ เชี่ยวชาญการติดต่อสัมพันธ์กับผู้คน พวกเจ้าเดินไปทางไปด้วยกันสามารถปลอมเป็นกลุ่มพ่อค้าที่ไปค้าขาย ผู้คนจะได้ไม่สงสัยโดยง่าย” ซ่งเยี่ยนโจวกล่าวซ่งจิ่งเซินพยักหน้ารัวๆ “ใช่แล้ว มีข้าอยู่ด้วย สามารถตัดความยุ่งยากไปได้มากที่สุดแล้ว!”ทุกคนล้วนเข้าใจเรื่องนี้ดี ยามออกไปข้างนอก การมีไหวพริบในการจัดการเรื่องราวเฉพาะหน้าสามารถลดปัญหาได้ นอกจากนี้ ซ่งจิ่งเซินก็ยังมีประสบการณ์ พวกเขาไม่จำเป็นต้องแสดงละครด้วยซ้ำ แค่นำกลุ่มพ่อค้าออกเดินทางก็สามารถตบตาผู้คนได้อย่างง่ายดายกู้หรูเยียนได้ยินดังนั้นก็รู้สึกว่าปลอดภัยขึ้นมากจึงกล่าวว่า “เจินเอ๋อร์ ทำตามที่พี่ใหญ่เจ้าพูดเถอะนะ? เช่นนี้พวกข้าจะได้คลายใจ”ซ่งรั่วเจินเหลือบมองพวกซ่งจืออวี้สองฝาแฝดก็เห็นพวกเขาพยักหน้าเป็นบ้าเป็นหลังเหมือนลูกไก่จิกข้าวสารกระนั้น นางกล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้าค่ะ งั้นประเดี๋ยวค่อยมาดูกันว่าต้องเตรียมสิ่งใดไปบ้าง”“น้องหญิงห้า เรื่องนี้เจ้ายกให้เป็นหน้าที
ซ่งรั่วเจินตัดสินใจไปรับบิดากลับมา ก่อนออกเดินทางย่อมต้องเตรียมสิ่งของมากมาย แต่ก่อนหน้านั้นยังต้องบอกคนในครอบครัวเสียก่อนหลังนางบอกเรื่องที่จะเดินทางไปชายแดน คนในจวนล้วนอึ้งตกใจกันหมด“เจินเอ๋อร์ เจ้าว่าอะไรนะ? เจ้าจะไปชายแดนด้วยตัวเอง?” กู้หรูเยียนมีสีหน้าตกตะลึง “ก่อนนี้ไม่เคยได้ยินเจ้าพูดถึงมาก่อนเลย”“น้องหญิงห้า ถ้าเจ้าเป็นห่วงความปลอดภัยของท่านพ่อก็ให้พี่ชายอย่างพวกข้าไปดีกว่า ผู้หญิงแบบเจ้าไปสถานที่ห่างไกลปานนั้นจะอันตรายเกินไปแล้ว” ซ่งจืออวี้เอ่ยอย่างร้อนใจซ่งจิ่งเซินพยักหน้า “ใช่แล้ว พวกเขารับราชการอาจไม่สะดวก ข้ามีประสบการณ์เดินทางโชกโชน ให้ข้าไปดีกว่า!”“ความจริงสาเหตุที่ข้าจะเดินทางไปเป็นเพราะข้าทำนายดวงชะตาให้ท่านพ่อ”เมื่อซ่งรั่วเจินเอ่ยวาจาประโยคนี้ออกมา สีหน้าทุกคนในห้องล้วนเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด หรือว่าจะเกิดปัญหาอันใด?“ก่อนนี้ข้าก็เคยทำนายเหมือนกัน ดวงชะตาของท่านพ่อปลอดภัยไร้อันตราย สามารถกลับมาได้อย่างราบรื่น แต่ช่วงนี้เกิดเหตุเปลี่ยนแปลงขึ้น น่าจะเป็นเพราะได้รับอิทธิพลจากปัจจัยภายนอก”“ถ้าไม่ไป ข้ากังวลว่าอาจมีอันตราย ดังนั้นจึงคิดว่าจะไปด้วยตั
“ฝ่ายตรงข้ามไม่ทันได้ค้นตัวไต้ซือเทียนจีใช่หรือไม่?” ซ่งรั่วเจินถามซ่งเยี่ยนโจวพยักหน้า “ก่อนหน้านี้คนผู้นั้นรีบร้อนเกินไป พวกข้าไม่เปิดโอกาสให้เขา แต่ว่ากันตามปกติแล้ว ของที่มีค่ามากมักจะไม่พกติดตัวไว้”“สิ่งสำคัญที่สุดมักไม่พกติดตัวก็จริง แต่คนในวงการพวกข้า โดยเฉพาะคนชั่วร้ายอย่างเขา จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเก็บจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้ามเอาไว้ข่มขู่อย่างแน่นอน”คิ้วบางของซ่งรั่วเจินเลิกขึ้นน้อยๆ ต่อให้เคยเจอไต้ซือเทียนจีเพียงครั้งเดียว แต่ก็ทราบว่าเป็นจิ้งจอกเฒ่าผู้หนึ่งกระทำเรื่องชั่วช้ามาหลายปีขนาดนี้แต่ก็ยังอยู่รอดปลอดภัย แล้วจะไม่มีวิธีปกป้องตัวเองเลยได้อย่างไร?กู้ชิงฉือได้ยินเช่นนั้นก็รีบวิ่งไปข้างกายไต้ซือเทียนจีแล้วเริ่มค้นหาอย่างละเอียด การค้นตัวครั้งนี้พบว่านอกจากยันต์ที่อ่านไม่ออกพวกนั้นแล้วยังมียาลูกกลอนอีกสองเม็ด“ไม่มีของอย่างอื่น แต่มีหินก้อนหนึ่ง นี่คือหยิบติดตัวมาด้วยงั้นรึ?”กู้ชิงฉือมองก้อนหินในมือ หินก้อนนี้แม้พอจะนับได้ว่ามนเกลี้ยง แต่ก็ดูแตกต่างจากก้อนหินที่พบเห็นได้ทั่วไปบริเวณริมแม่น้ำมากเกินไป“ข้าขอดูหน่อย”ซ่งรั่วเจินก้าวเร็วๆ เข้ามาหา มองก้อนหินในมือแ
เมื่อซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยปากสอบถาม สายตาทุกคนก็ต่างจับจ้องมายังซ่งรั่วเจิน พวกเขาในตอนนี้ไม่กล้าบุ่มบ่ามรบกวนแล้วฉู่จวินถิงก็เป็นห่วงดุจเดียวกัน เขารู้ว่าวิชาแพทย์ของรั่วเจินนั้นไม่ธรรมดา เก่งกาจกว่าหมอหลวงในวังหลวงมากนัก ถ้านางบอกว่าช่วยไม่ได้ก็แสดงว่าหมดหนทางแล้วจริงๆ“ยังช่วยได้”ซ่งรั่วเจินพูดโดยที่มือยังเคลื่อนไหวไม่หยุด นางลังเลไปชั่วครู่ก็หยิบยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งออกมายัดเข้าไปในปากของชายผู้นั้นซ่งเยี่ยนโจว “...” อีกแล้ว?ซ่งรั่วเจินรู้ว่าตนเองนำสิ่งของมากมายติดตัวมาเช่นนี้จะทำให้คนสงสัย แต่ช่วยชีวิตคนสำคัญกว่า อย่างไรเสียแค่พูดจาส่งเดชไม่กี่ประโยคก็สามารถกลบเกลื่อนเรื่องนี้ได้แล้วตั้งแต่นางทะลุมิติมาก็มีมิติขนาดเล็กเป็นของตัวเอง ยาเอย ยันต์เอย ยามปกติล้วนเก็บไว้ในนั้น นับว่าสะดวกมากทีเดียวหลังจากชายหนุ่มที่มีท่าทางอ่อนแอสุดขีดกลืนยาเม็ดนั้นลงไปก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดแต่เดิมบรรเทาลงบ้าง การหายใจก็ไม่ได้ยากลำบากถึงเพียงนั้นอีกแล้ว“ส่งคนไปหารถม้าหรือยัง?” ฉู่จวินถิงถามจ้าวเจียงพยักหน้า “เรียนท่านอ๋อง ส่งคนไปจัดการแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้ข้าฟัง
“หม่อมฉันได้ยินมาว่าบนบัญชีรายชื่อมีอยู่สิบกว่าคน ไม่รู้อาการของคนอื่นร้ายแรงหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถาม“ในหมู่คนเหล่านั้นมีลูกสะใภ้ไม่เคารพแม่สามี คนแก่อายุมากแล้ว คนจึงตายไป แต่มากที่สุดยังเป็นความขัดแย้งของอนุภรรยาและภรรยาเอก”“คนส่วนใหญ่ล้วนคล้ายพระชายาเซียงอ๋อง ตกอยู่ในฝันร้าย ยังป่วยหนักอีกด้วย อนุอวิ๋นนับว่าลงทุนลงแรงมากทีเดียว” ฉู่จวินถิงพูด“อนุอวิ๋นเป็นคนโหดเหี้ยมไม่ผิดไปดังคาด แต่ยังเสแสร้งใจดีมีเมตตา ปรากฎว่ามีเพียงใต้เท้าอวิ๋นตัวโง่งมคนนี้ถึงจะหลงเชื่อ”ซ่งรั่วเจินไม่แปลกใจ ความยากในการเลี้ยงดูผีทวงชีวิตนั้นมากกว่าผีน้อยตนอื่นมาก แม้ว่าไต้ซือเทียนจีมีความสามารถอยู่บ้าง กลับไม่สามารถเลี้ยงผีทวงชีวิตหลายตนได้ตนนี้เป็นเขาใส่ใจเลี้ยงดู ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่จึงสนิทสนมกันมากจากนั้นยามทั้งคู่เดินผ่านอุโมงค์ไปจนถึงฝั่งหนึ่ง กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นสายหนึ่งชำแรกจมูกพวกซ่งเยี่ยนโจวยืนอยู่ข้างหน้า สีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างมาก ส่วนซ่งรั่วเจินเองก็สังเกตเห็นศพแต่ละร่างใต้พื้น หนึ่งในนั้นมีนักพรตเต๋าคนหนึ่ง เห็นชัดว่าคือไต้ซือเทียนจี“นี่คือ...ตายทั้งหมดแล้ว?”“เดิมที
“ไปเส้นทางใต้ดิน”ไต้ซือเทียนจีไม่คิดมากนัก พาทุกคนไปยังเส้นทางใต้ดิน“ไต้ซือ เส้นทางไต้ดินนี้ไม่สามารถเดินทางตามสะดวกได้!”ทุกคนมองเส้นทางใต้ดิน ใบหน้าเผยความลังเล ก่อนหน้านี้เคยพูดมาก่อนหากไม่แจ้ง จะไม่สามารถใช้เส้นทางใต้ดินนี้ได้เด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้นจะปล่อยให้ถูกคนพบไม่ได้!“บัดนี้หมดหนทางแล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนเช่นไร? ในเมื่อเขาแน่ใจว่าพวกเราอยู่ในพื้นที่นี้ จะต้องแจ้งคนอื่นให้เข้ามาปิดล้อมแน่”“หากพวกเราไม่หนี ก็มีเพียงต้องตายเท่านั้น!”สีหน้าไต้ซือเทียนจีเคร่งขรึม เขาย่อมรู้ว่าเส้นทางใต้ดินนี้หมายความว่าอะไร แต่ตอนนี้นอกจากตัวเลือกนี้แล้ว ก็ไม่มีตัวเลือกอื่นอีก!ทุกคนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจ ไปอาจไม่ตาย แต่ไม่ไปจะต้องตายแน่!“ไป!”ครู่ต่อมา พวกซ่งเยี่ยนโจวมองเห็นกิ่งไม้หยุดหน้าห้องหนึ่ง จากนั้นเสียงประตูใหญ่ถูกเปิดออกดัง “แอ๊ด” ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงพรึงเพริด“กิ่งไม้นี้ถึงขั้นสามารถเปิดประตูได้?”จ้าวเจียงอ้าปากกว้าง คิดเพียงว่าหลังจากวันนี้ผ่านพ้นไปไม่ว่าคนอื่นพูดเรื่องเหลือจะเชื่อมากเพียงใดเขาก็ไม่รู้สึกแปลกใจอีกแล้ว!เพราะเรื่องแปลกประหลาดที่สุดถูกเขาพบแล้ว!
นางหยิบกิ่งไม้หนึ่งกิ่งขึ้นมาจากพื้น จากนั้นทุกคนได้เห็นกิ่งไม้นั้นลอยขึ้นกลางอากาศ ยิ่งไปกว่านั้นยังหันไปที่ทิศทางหนึ่ง ทันใดนั้นเบิกตากว้าง“เยี่ยนโจว พวกเราดีชั่วอย่างไรก็รู้จักกันมานานหลายปีถึงเพียงนี้ ที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าน้องสาวของท่านยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้!”จ้าวเจียงเผยสีหน้าตกตะลึง ก่อนหน้านี้ได้ยินก็คิดว่าเร้นลับเหลือเกิน จนกระทั่งได้เห็นเองกับตาวันนี้ กลับรู้สึกตกตะลึงพรึงเพริดฝีมือนี้ช่างมหัศจรรย์โดยแท้!ซ่งเยี่ยนโจว “...” จะให้พูดได้อย่างไรว่าแท้จริงแล้วเขาก็เคยเห็นเป็นครั้งแรก?ที่ผ่านมาใช่ว่าไม่เคยเห็นน้องหญิงห้าแสดงฝีมือมาก่อน แต่นั่นก็แค่เขียนยันต์ไม่กี่ใบเท่านั้น ยามได้เห็นน้องหญิงห้าช่วยอนุอวิ๋นกำจัดความชั่วร้าย ก็เห็นเพียงเผายันต์หนึ่งใบ!ได้เห็นฉากนี้ รู้ว่าแตกต่างจากที่เคยได้เห็นก่อนหน้านี้นี่...นับเป็นการเคลื่อนที่กลางอากาศหรือไม่?“ไล่ตามไป!”กิ่งไม้ขยับไปข้างหน้าไม่นับว่าช้า ฉู่จวินถิงรีบเอ่ยเตือนทุกคนให้ไล่ตามพวกซ่งเยี่ยนโจวไม่กล้ารอช้า ใช้ความเร็วที่สุดไล่ตามไป การไล่ตามไปครั้งนี้กลับพบความมหัศจรรย์ กิ่งไม้นั้นคล้ายมีตา ยิ่งไปกว่านั้นยังหน
ฉู่จวินถิงเลื่อนสายตาไปอย่างแปลกใจ ก็ได้เห็นดวงตาทอประกายระยับของแม่นางคนนี้ที่กำลังเดินมาหยุดต่อหน้าตน ภายในไม่มีความกลัวหรือรังเกียจเลยสักเศษเสี้ยว มีเพียงความตกตะลึงระคนเลื่อมใส“ท่านอ๋อง วิชาตัวเบาของท่านยอดเยี่ยมมาก ภายภาคหน้าสามารถสอนหม่อมฉันได้หรือไม่?”ฉู่จวินถิงหลุดหัวเราะออกมา ภายในสายตากลับเปล่งประกาย “ได้”บรรยากาศตึงเครียดรอบกายเปลี่ยนไปตามคำพูดของซ่งรั่วเจิน ทุกคนหัวเราะเบาๆ อย่างอดไม่ได้ แม่นางคนนี้น่าสนใจมาก กล้าหาญไม่ธรรมดาหากได้อยู่กับท่านอ๋อง นี่จะต้องเหมาะสมไม่ธรรมดาแน่!“คนหนีไปหมดแล้ว”ซ่งเยี่ยนโจวขมวดคิ้วแน่น อีกฝ่ายเห็นว่าพวกเขามาแล้วก็หนีไปในทันที เมื่อครู่ไม่ทันได้ไล่ตาม บัดนี้ต้องตามรอยเบาะแสใหม่อีกครั้งแล้ว“วันนี้ไต้ซือเทียนจีหนีไม่รอดหรอกเจ้าค่ะ!”ใบหน้าซ่งรั่วเจินเผยแววมั่นใจในตนเอง นางหยิบยันต์ออกมาหนึ่งปึกมอบให้ฉู่จวินถิง “ท่านอ๋อง ท่านให้ทุกคนพกยันต์ไว้ให้ดี จะได้ไม่ถูกวิชาพรางตาหลอกอีก”ซ่งเยี่ยนโจวเห็นเวลาเพียงชั่วพริบตาน้องสาวก็นำยันต์ออกมามากถึงเพียงนี้ ใบหน้าหล่อเหลาเปี่ยมความสงสัย ตกลงนางใส่ของเหล่านี้ไว้ที่ใด?เพียงออกจากบ้านก็นำของมา
“ชิ้ง!”กู้ชิงฉือสัมผัสได้ว่ากระบี่คมสายหนึ่งผ่านข้างกายตนไป ไรผมช่อหนึ่งถูกตัด ตกตะลึงพรึงเพริดภายในใจ“นี่ให้เจ้า”ฉู่จวินถิงลังเลไปครู่หนึ่ง ยัดยันต์คุ้มภัยใส่มือกู้ชิงฉือ“เก็บไว้ให้ดีแทนข้าด้วย!”ครู่ต่อมา กู้ชิงฉือก็มองเห็นคู่ต่อสู้เบื้องหน้า ภายในสายตาสั่นสะท้าน ก้มหน้ามองดู นี่คือกระดาษยันต์สีเหลืองหนึ่งใบ“ท่านอ๋อง ท่านยกให้ข้า เช่นนั้นท่านจะทำเยี่ยงไร!”ไต้ซือเทียนจีเห็นฉู่จวินถิงมอบยันต์ให้กู้ชิงฉือ ภายในสายตาสะท้อนแววตกตะลึง ฉู่อ๋องอยู่ภายนอกได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนไม่กะพริบตา ถึงขั้นมอบของป้องกันชีวิตให้ผู้อื่น?คนผู้นี้...มีภูมิหลังเช่นไร?“ไม่ต้องห่วงข้า”ฉู่จวินถิงหลับตาลง ได้ยินเสียงฝ่าอากาศรอบด้าน แยกแยะตำแหน่ง“ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง!”พลังอันแข็งแกร่งปะทุออกมา ฉู่จวินถิงเคลื่อนไหวอย่างว่องไว ราวกับมังกรเคลื่อนไหวก็มิปาน หลบหลีกการโจมตีที่พุ่งเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่ดาบในมือจะพุ่งแทงออกไปอย่างฉับพลัน“อ๊าก!”เสียงแผดร้องสายหนึ่งดังขึ้น ศพร่างหนึ่งปรากฏต่อหน้าทุกคน“ไอ้พวกชั่ว!”ภายในสายตาฉู่จวินถิงสะท้อนความอำมหิต คนผ่านเข้าไปกลางตรอกเล็ก ทั้งๆ