เดิมนั้นซ่งรั่วเจินอธิบายทุกอย่างต่อฉู่จวินถิงเสร็จแล้วก็จะลงมา แต่ฉู่จวินถิงบอกว่าแสดงละครทั้งทีก็ต้องแสดงให้จบฉากในเมื่อแสร้งเป็นลมแล้วก็ส่งขึ้นรถม้าไปก่อน รอจนคนสกุลไป๋จากไปหมดแล้วค่อยกลับมาก็ได้ นางคิดดูแล้วก็เห็นด้วย อย่างไรเสียจากตรงนี้ไปถึงรถม้าก็ไม่ได้ไกลกันมากใครเลยจะคาดคิดว่าเพิ่งออกมาจากประตูใหญ่ก็ต้องมาเจอสถานการณ์เช่นนี้?หลินจือเยว่คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าซ่งรั่วเจินจะยั่วยวนฉู่อ๋องได้สำเร็จจริงๆ นางเป็นสตรีที่ถูกถอนหมั้นคนหนึ่ง เหตุใดฉู่อ๋องจึงพึงใจนางได้?ด้วยฐานะของนาง ต่อให้ไปเป็นอนุในจวนฉู่อ๋องก็ยังไม่คู่ควร!“ซ่งรั่วเจิน มิน่าก่อนหน้านี้เจ้าถึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อถอนหมั้นกับข้า ที่แท้ก็เพราะหมายตาฉู่อ๋องไว้นี่เอง!”“ข้าประเมินเจ้าต่ำไปจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะทะเยอทะยานขนาดนี้ แต่เจ้าไม่ควรเหยียบย่ำความจริงใจของคุณชายสวีเลย ตระกูลซ่งอบรมลูกสาวมาเช่นนี้งั้นรึ?”ซ่งรั่วเจินได้ยินถ้อยคำใส่ร้ายต่างๆ นานาถาโถมเข้ามาหาก็สุดจะกลั้นเพลิงโทสะในใจได้ไหว ขณะคิดจะลุกขึ้นมาก็ได้ยินฉู่จวินถิงพูดว่า“อย่าลืมสิ เจ้ายังเป็นลมอยู่นะ”ซ่งรั่วเจิน “??? ถึงเป็นลมก็โมโหจนตื่นแ
“เมื่อครู่นี้แม่นางซ่งใช้พลังกายไปจนหมดสิ้นเพื่อช่วยเหลือไป๋ฮูหยินจึงเป็นลม ข้ากำลังจะพานางไปหาหมอหลวง” ฉู่จวินถิงกล่าว“หา...หาหมอหลวง?” หลินจือเยว่งุนงง ไม่ใช่ถลาเข้าซบอก แต่เป็นลมจริงๆ งั้นหรือ?ฉินซวงซวงก็อึ้งไปเช่นกัน หันไปมองเหอเซียงหนิงโดยสัญชาตญาณ “เจ้าบอกว่าตระกูลซ่งกับตระกูลสวีจะหมั้นหมายกันแล้วไม่ใช่หรือ?”คราวก่อนสวีฮูหยินแสดงออกว่าชมชอบซ่งรั่วเจินต่อหน้าคนมากมาย นอกจากนี้ สวีเฮ่ออันยังจำเพาะเชิญซ่งรั่วเจินไปล่องเรือด้วยกัน นางไม่ได้เพิ่งจะได้ยินเหอเซียงหนิงมาปรับทุกข์ให้ฟังเป็นครั้งแรก คำพูดคำจาบอกชัดว่าการหมั้นหมายเป็นเรื่องแน่นอนไปแล้ว จึงคิดว่าวันนี้เป็นโอกาสดีในการเปิดโปงซ่งรั่วเจินถ้าสองครอบครัวยังไม่ได้หมั้นหมาย สิ่งที่พูดมาเมื่อครู่นี้ก็กลายเป็นการใส่ร้ายน่ะสิ?ความร้อนตัววาบผ่านแววตาเหอเซียงหนิง นางอธิบายว่า “ข้าได้ยินว่าตระกูลสวีอยากหมั้นหมายจริงๆ นะ จึงอยากให้คุณชายสวีได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนางก่อนจะหมั้นหมายกัน”ฉินซวงซวงได้ยินดังนั้นก็โมโหจนเลือดขึ้นหน้า ก่อนนี้นางถามยืนยันแล้ว เห็นเหอเซียงหนิงยืนยันหนักแน่น นางถึงได้วางแผนเย็นวันนี้ขึ้นมาไม่เพียงแ
“จือเยว่ ข้าเองก็ถูกเซียงหนิงโกหกเหมือนกัน นางบอกว่าซ่งรั่วเจินหมั้นหมายกับคุณชายสวีแล้ว แต่ยังไปรบเร้าพัวพันฉู่อ๋อง”“ข้าไม่อยากให้พวกเขาถูกซ่งรั่วเจินปั่นหัวถึงได้ทำแบบนี้!”ฉินซวงซวงจ้องเหอเซียงหนิงอย่างโกรธเคือง “ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าสิ่งที่เจ้าพูดก่อนหน้านี้ล้วนแต่เป็นการโกหกข้า ทำร้ายข้าแบบนี้ เจ้าได้ประโยชน์อะไรงั้นรึ?”เหอเซียงหนิงตกใจจนอึ้งงัน เรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงก่อนหน้านี้ทำให้นางตกใจจนไม่กล้าออกจากบ้านไปพักใหญ่ วันนี้จึงพาสวีเฮ่ออันมาดูโฉมหน้าที่แท้จริงของซ่งรั่วเจินโดยเฉพาะเดิมนั้นแค่อยากมองจากไกลๆ ก็พอแล้ว แต่ตอนที่นางมาถึง พวกฉินซวงซวงก็เผชิญหน้ากับฉู่อ๋องไปแล้ว เรื่องราวถึงได้ลุกลามบานปลายมาถึงขั้นนี้“เรื่องนี้จะโทษข้าได้อย่างไร? ข้าแค่บอกว่าแม่นางซ่งกับฉู่อ๋องมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดาต่อกัน ข้าเป็นใครกันถึงจะกล้ามาจับผิดฉู่อ๋อง?”เหอเซียงหนิงคุกเข่าลงอย่างหวาดกลัว “ฉู่อ๋องทรงปรีชา ต่อให้ข้ากินดีหมีหัวใจเสือมาก็ไม่กล้าทำเช่นนี้หรอกเพคะ!”เห็นเหอเซียงหนิงโยนความผิดทั้งหมดมาให้ตัวเอง ฉินซวงซวงก็โกรธแค้นจนสุดจะระงับ“เป็นเพราะเจ้าชอบคุณชายสวีเองชัดๆ พอรู้ว่าคุ
“ใต้เท้า เรื่องเล็กแค่นี้ให้เป็นหน้าที่ข้าเถอะเจ้าค่ะ”อวิ๋นหยางมองไปทางเจ้านายของตนเอง เห็นท่านอ๋องไม่ได้ปฏิเสธก็ตอบว่า “ได้”ฉินซวงซวงเห็นแม่นมเดินมาทางตนเองด้วยสีหน้าดุร้าย หัวใจพลันกระตุกวูบ รีบร้อนเอ่ยว่า “ท่านอ๋อง หม่อมฉันผิดไปแล้ว ต่อไปไม่กล้าอีกแล้วเพคะ!”แม่นมหยางเงื้อมือฟาดลงไป “สำนึกผิดก็ควรรับโทษ!”เพียะ!ใบหน้าฉินซวงซวงถูกตบจนหันไปอีกทาง นางเอ่ยอย่างร้อนใจ “หม่อมฉันทำไปเพื่อท่านอ๋องนะเพคะ!”เพียะ!“ซ่งรั่วเจินไม่ได้บริสุทธิ์เหมือนที่เห็นจากเปลือกนอก ท่านอ๋องอย่าถูกนางหลอกเชียวนะเพคะ...”เพียะ!แม่นมหยางเห็นฉินซวงซวงยังไม่ยอมหุบปากจึงลงมือหนักหน่วงกว่าเดิม สตรีผู้นี้มาหาเรื่องคุณหนูห้าครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนหน้านี้แย่งคู่หมั้นของคุณหนูห้าไปแล้ว ตอนนี้ยังคิดจะมาทำลายชื่อเสียงของคุณหนูห้า วันนี้นางจะต้องตบปากสตรีผู้นี้เสียให้เข็ด!“อีกคนก็ต้องตบเหมือนกัน”อวิ๋นหยางส่งสายตาให้แม่นมอีกคน เขาติดตามท่านอ๋องมาหลายปีย่อมไม่จำเป็นต้องรอให้ท่านอ๋องออกปากสั่งไปเสียทุกเรื่องเหอเซียงหนิงใบหน้าเผือดสี ความเจ็บปวดจากการถูกตบปากคราวก่อนยังชัดเจนประหนึ่งเพิ่งเกิดขึ้น แผลเพิ่งห
ดวงตาหลิ่วหรูเยียนฉายแววยินดี ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในงานเลี้ยงนับญาติของตระกูลสวี นางฟังออกว่าตระกูลสวีมีเจตนาเช่นนี้ แต่กลับไม่แน่ใจว่าพวกเด็กๆ คิดเห็นอย่างไรเด็กสองคนนี้เพียงแต่ไปล่องเรือด้วยกันหนเดียว ทั้งยังไปเจอกับเรื่องฉาวโฉ่ของฉินเซี่ยงเหิงและจ้าวซูหว่าน หลังจากนั้นก็ไร้ความเคลื่อนไหว นางยังนึกว่าหมดหวังแล้วเสียอีกคิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้สวีเฮ่ออันจะยอมรับเรื่องนี้ต่อหน้าทุกคน?เหอเซียงหนิงและฉินซวงซวงล้วนเบิกตาโพลงด้วยความเหลือเชื่อ สวีเฮ่ออันชาติตระกูลสูงส่ง ทั้งยังมีอนาคตสดใส ใครๆ ล้วนพูดกันว่าเขามีคุณสมบัติของอัครเสนาบดีด้วยสถานะและอนาคตของเขา กลับบอกทุกคนว่าเขารักซ่งรั่วเจินฝ่ายเดียว?ชั่วขณะที่ได้ยินคำพูดของสวีเฮ่ออัน สีหน้าที่แต่เดิมยังปลอดโปร่งของฉู่จวินถิงก็มีเมฆครึ้มเข้าปกคลุมในบัดดล แววขมุกขมัวในดวงตาทำอย่างไรก็ไม่จางหายไปสวีเฮ่ออัน เจ้าแน่นักนะ!อวิ๋นหยางกำลังโบยคนอย่างไม่ยั้งมือ แต่ชั่วขณะที่สวีเฮ่ออันกล่าววาจานั้นออกมา หัวใจก็พลันกระตุกวูบสวีเฮ่ออันไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจากไหนงั้นหรือ!เขาติดตามท่านอ๋องมาหลายปีจึงเข้าใจนิสัยของฉู่อ๋องเป็นอย่างดี แม้ช่วงเวลาท
ต่อให้ฉู่อ๋องยืนกรานจะแต่งงานกับนาง เกรงว่าก็คงเป็นได้เพียงอนุ แต่จากความเข้าใจที่เขามีต่อแม่นางซ่ง นางไม่น่าจะยินดีเป็นอนุภรรยาดังนั้น เขายังคงมีโอกาสไป๋เฉิงหงเห็นภาพนี้เต็มสองตา ในใจรู้สึกตะลึงอย่างไม่อาจเลี่ยง คิดไม่ถึงว่าบุตรสาวตระกูลซ่งจะมีความสามารถถึงเพียงนี้คนมากมายในเมืองหลวงเข้าใจผิดไปเสียแล้ว คิดว่าสตรีที่ถอนหมั้นคนหนึ่งคงไม่มีทางได้แต่งงานกับคนดีๆ แต่บัดนี้นางกลับสามารถทำให้ฉู่อ๋องและสวีเฮ่ออันมาแย่งชิงได้ไม่ว่าแต่งงานกับใครก็ล้วนแต่เป็นคนดีๆ ที่สตรีทั่วไปอาจเอื้อมไม่ถึงด้วยฐานะของสวีเฮ่ออัน กล้าแย่งชิงสตรีกับฉู่อ๋องแบบนี้เห็นได้ชัดว่าชมชอบจากใจจริงซ่งเยี่ยนโจวมองเงาหลังของฉู่จวินถิงที่อุ้มน้องสาวของตนจากไป นับแต่เรื่องเกิดขึ้นจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมานานแล้ว น้องสาวของตนยังแกล้งเป็นลม ทว่าฉู่อ๋องกลับไร้ท่าทีว่าจะปล่อยน้องสาวลงมาตั้งแต่ต้นจนจบ...ต่อให้ฉู่อ๋องมีวรยุทธ์สูงส่ง การอุ้มสตรีคนหนึ่งไม่ยากเย็นอะไร แต่สวีเฮ่ออันก็ได้เผยความในใจออกมาต่อหน้าทุกคนแล้วหากฉู่อ๋องไม่คิดอะไรกับน้องหญิงห้า ชั่วขณะนี้จะต้องปล่อยนางลงมา แต่เขากลับไม่ได้ทำเช่นนั้น เกรงว่าฉู่อ๋องคงจะห
“เซียวอี้เจ๋อใช้ไม่ได้จริงๆ นั่นแหละเพคะ หม่อมฉันก็แค่นับรวมเขาด้วยเท่านั้น ไม่ได้จะเลือกเขาจริงๆ เสียหน่อย หม่อมฉันแค่อยากจะบอกว่าหม่อมฉันจะเลือกใครก็ได้ทั้งนั้น”ซ่งรั่วเจินพูดจบก็แอบนึกเสียใจทีหลังเสียแล้ว คนแบบเซียวอี้เจ๋อพูดออกมาแล้วก็ขายหน้าตัวเอง แต่ก็ยังเชิดใบหน้าเล็กๆ นั้น กล่าวชัดถ้อยชัดคำ“นอกจากนี้ คุณชายสวีก็ดีกว่าเขามากนัก วางตัวดีทั้งยังมีความสามารถ แม่นางมากมายในเมืองหลวงล้วนชมชอบ...”“แม่นางคนอื่นชอบ เจ้าก็เลยชอบ? เจ้าไม่มีความคิดของตัวเองบ้างเลยหรือ ปล่อยให้คนอื่นว่าอย่างไรก็เอาตามนั้นได้อย่างไร?”ฉู่จวินถิงขมวดคิ้วแน่น น้ำเสียงเร่งร้อนโดยไม่รู้ตัว หัวเสียให้กับท่าทีไม่แยแสของสตรีตรงหน้า“หม่อมฉันจะไม่มีวิจารณญาณของตัวเองได้อย่างไรเพคะ ก็ยังไม่ได้ตอบตกลงเลยไม่ใช่หรือ?”ซ่งรั่วเจินมีสีหน้ากังขา ถ้าเป็นคนอื่นพูดเช่นนี้ นางคงเข้าใจไปแล้วว่าอีกฝ่ายชอบตนเองจึงบังเกิดความหึงหวง แต่ฉู่จวินถิงเป็นใครกัน?เป็นดอกฟ้าที่สูงส่งเกินอาจเอื้อม เป็นอ๋องผู้โดดเดี่ยวที่ครองตัวเป็นโสดไปจนแก่เชียวนะ!“ในเมืองมีคุณชายที่เพียบพร้อมด้วยรูปลักษณ์ความสามารถมากมาย ถ้าหม่อมฉันจะออกเรือน
เมื่อรถม้าจอดสนิทดีแล้ว ซ่งจืออวี้ก็รีบตรงเข้าทำความเคารพฉู่จวินถิง “ท่านอ๋อง กระหม่อมมารับน้องหญิงห้าพ่ะย่ะค่ะ”ฉู่จวินถิงพยักหน้าพลาง มองไปยังหญิงสาวข้างกาย “เช่นนั้นเจ้ากลับไปก่อนเถิด”“หม่อมฉันทูลลาเพคะ”ซ่งรั่วเจินตอบรับไปคำแล้วหมุนตัวเดินออกมา“จริงสิ เรื่องนั้นมิต้องรีบร้อนไป อย่างไรก็ระวังไว้เป็นดี” ฉู่จวินถิงกำชับไปอีกครั้งด้วยไม่อาจวางใจ “หม่อมฉันทราบดีเพคะ ขอบพระทัยท่านอ๋อง”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า เห็นชายหนุ่มไม่มีสิ่งใดจะพูดแล้วจึงขึ้นรถม้าไปกับซ่งจืออวี้โดยไม่ได้เหลียวหลังอีกคืนนี้เรื่องราวมากมายประเดประดัง หากเป็นวันปกตินางคงได้เข้านอนไปนานแล้ว ฉู่จวินถิงมองตามแผ่นหลังคล่องแคล่วว่องไวของนางไป เขาเม้มริมฝีปากแล้วหัวเราะเบาๆ แม่นางผู้นี้จากไปรวดเร็วดีแท้!อวิ๋นหยางสังเกตปฏิกิริยาของผู้เป็นนายตนอย่างรอบคอบ ในใจเกิดความตกตะลึงปกติแล้วจะมีก็แต่ภาพแม่นางมองตามหลังท่านอ๋องอยู่ไกลๆ มีหรือจะได้เห็นภาพท่านอ๋องมองตามหลังแม่นางคนใดจากไปเช่นนี้?“ท่านอ๋อง ทรงชอบพอคุณหนูซ่งอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ?” อวิ๋นหยางลองเชิงถามฉู่จวินถิงเพียงเหลือบมองเขาไปที ความเยียบเย็นที่แผ่ซ่านออกมาเ
เหอเซียงหนิงตัวไร้ประโยชน์คนนี้ถึงขั้นคิดดึงนางมารับเคราะห์ไปด้วย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พูดว่าไม่อยากดึงนางออกมาถังเสวี่ยหนิงก็ยืนอยู่ทางฝั่งนาง สกุลถังเป็นตระกูลแนวหน้าของเมืองหลวง เดิมทีก็ไม่กลัวสกุลซ่ง ตัวโง่งมคนนี้ใช้ประโยชน์จากสกุลถังเป็นโล่กำบัง ต้องการโยนความผิดมาที่ตน!“หากไม่ใช่เจ้า ข้าจะตกลำบากถึงขั้นนี้ได้เยี่ยงไร?”เหอเซียงหนิงไม่ใส่ใจความสัมพันธ์อะไรอีกแล้ว นางย่อมรู้ว่าสกุลถังยอดเยี่ยมกว่าสกุลฉิน ไฉนเลยนางจะกล้าป้ายความผิดให้สกุลถัง?ต่อให้ทำสำเร็จ ตนเองก็ถูกตัดขาดความสัมพันธ์ไปแล้ว ล่วงเกินสกุลถังยังมีผลดีอะไรกันเล่า?“เจ้าเกลียดซ่งรั่วเจินมาโดยตลอด เก็บข้าไว้ก็เพื่อใช้เป็นหมากตัวหนึ่งเท่านั้น”“เดิมทีก็ไม่ต้องตกลำบากถึงขั้นนี้ มุ่งร้ายต่อซ่งรั่วเจินมีอะไรดีต่อข้าเล่า? อย่างไรเสียคุณชายสวีก็ไม่ชอบข้า ปาไข่กระทบหินเช่นนี้ข้ายังไม่กลายเป็นตัวโง่งมอีกหรือ?”“ทั้งๆ ที่เป็นฝีมือของเจ้า ข้าไม่รู้เรื่องด้วยเลย ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าข้าหวังดีรับเจ้าไว้ เจ้าจะเนรคุณปรักปรำข้า!” ฉินซวงซวงพูดอย่างโมโหซ่งรั่วเจินมองสองคนตรงหน้าทะเลาะกัน ก่อนหน้านี้รู้สึกแปลกใจที่ฉินซวงซวงเก็บเหอ
“ข้า ข้าเปล่า”เหอเซียงหนิงว้าวุ่นหนัก ไม่รู้ว่าสมควรทำเช่นไรถึงจะดี นึกเสียใจภายหลังคิดว่าสมควรยอมแพ้ตั้งแต่ตอนที่กังวลใจ บัดนี้ชุลมุนวุ่นวายจนจบไม่ลงแล้ว“เจ้ายังพูดว่าเปล่า? พวกเขาล้วนสารภาพแล้วว่าทั้งหมดเป็นฝีมือเจ้า หากเจ้าไม่ได้ทำจริงก็สาบานต่อฟ้าสิ!”ถังหงจี้สีหน้าปึ่งชา มีตัวอย่างดั่งเช่นพวกอวิ๋นจู๋สองคน ขอเพียงโยนความผิดทั้งหมดให้ถังเสวี่ยหนิงก็เพียงพอแล้ว“ข้า ข้า...” เหอเซียงหนิงรีบหันมองทางฉินซวงซวง หวังให้นางช่วยตนคิดหาวิธีก่อนหน้านี้ทั้งๆ ที่เป็นนางรับปากว่าจะจัดการทั้งหมดอย่างดี ไม่มีวันเกิดข้อผิดพลาด!จากนั้น ฉินซวงซวงเห็นสถานการณ์เปลี่ยนไปไม่เหมือนที่คาดการณ์ไว้ ถูกเปิดโปงอย่างว่องไวก็ตกตะลึงเหม่อไป รีบหลบเข้ากลุ่มคน ต้องการลอบออกจากที่นี่นางจะปล่อยให้เรื่องนี้เข้ามาพัวพันกับตนเองไม่ได้อีก หาไม่แล้วจะต้องซวยไปด้วยกัน!เพียงเหอเซียงหนิงมองไปก็เห็นฉินซวงซวงเตรียมพาหลินจือเยว่หนีไป ไฉนเลยจะยอมปล่อยให้นางไปเช่นนี้ได้?“เป็นฉินซวงซวง! เป็นนางบงการให้ข้าทำเช่นนี้!”ทุกคนล้วนหันมองตามมือของเหอเซียงหนิงไป ก็ได้เห็นใบหน้าร้อนตัวของฉินซวงซวง ท่าทางคือกำลังต้องการหนีไ
ได้ยินถ้อยคำเจ้าเล่ห์ของเหอเฉิงหยาง พี่น้องสกุลซ่งรู้สึกเพียงน่าขันก่อนหน้านี้ดีดลูกคิดว่องไวจนแผนการภายในใจแทบจะระเบิดออกมาใส่หน้าพวกเขาแล้ว บัดนี้เพียงหนึ่งประโยคขอขมาก็อยากให้เรื่องจบลง ฝันหวานเกินไปแล้วกระมัง!ซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อันสบตากันแวบหนึ่ง เกิดความคิดแล้วซ่งรั่วเจินกำลังจะอ้าปากก็มองเห็นสายตาของพี่ชายทั้งสอง ทันใดนั้นเข้าใจแล้วว่าตนเองไม่จำเป็นต้องยื่นมือเข้าไป“ก่อนหน้านี้เหอเซียงหนิงถูกขับไล่ออกจากสกุลเหอ ตัดขาดความสัมพันธ์กับสกุลเหอไปแล้ว”“ได้ยินมาว่ายามนางถูกขับไล่ออกไปก็ได้เงินติดตัวไปไม่มาก ทว่าคนเหล่านี้ล้วนถูกนางซื้อมา พูดว่าไม่มีคนช่วยเหลือ นั่นเป็นไปไม่ได้”“คุณชายเหอ เจ้าไม่คิดจะอธิบายสักหน่อยหรือ?” ซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยถามสายตาซ่งอี้อันตกลงบนตัวถังหงจี้ ครุ่นคิดพลางพูด “หรือว่าคนที่มีส่วนร่วมด้วยก็คือสกุลถังกันเล่า? มิสู้พวกเจ้าพูดออกมาตามตรง มีฮองเฮาและท่านอ๋องเป็นผู้ตัดสิน ก็ไม่จำเป็นต้องรบกวนศาลาว่าการแล้ว”ถ้อยคำนี้พูดออกมา ทุกคนย่อมรู้ความหมาย“พูดไปแล้วก็จริงเสียด้วย! เหอเซียงหนิงกลายเป็นหมาหัวเน่าไปแล้ว ได้ยินมาว่าไม่มีที่ไป ทำได้เพียงไปอาศัยที่
เมิ่งชิ่นพูดแขวะ “เพียงได้เห็นท่าทางร้อนตัวเช่นนี้ก็รู้ว่าหลอกลวง ยังไม่ต้องพูดว่าตนเองต่ำช้าแต่ยังทำให้สองคนต้องตายไปอีกด้วย ก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้เยี่ยงไร มิสู้ตายไปให้รู้แล้วรู้รอด!”ฉู่จวินถิงสบมองซ่งรั่วเจินด้วยสายตาลุ่มลึกแวบหนึ่ง ทันใดนั้นรู้สึกว่าไม่มีใครบนโลกนี้สามารถรังแกนางได้นาง...จะต้องไม่ใช่ซ่งรั่วเจินในตอนแรก กลับเป็นแม่นางที่เขาชมชอบด้วยใจจริงบางที ความหมายในการเกิดใหม่ของเขาก็คือได้พบกับนาง“ถึงตาพวกเจ้าแล้ว” สายตาซ่งรั่วเจินจับจ้องคนที่เหลือเหล่านั้น หยิบกระดาษเขียนยันต์ออกมาหนึ่งแผ่นอย่างไม่ใส่ใจ“ข้าไม่มีความอดทนมากถึงเพียงนั้น พวกเจ้ารู้ความสักหน่อย อย่าให้ข้าถามทีละคนเลย”เดิมทีคนเหล่านั้นก็ตกใจจนหน้าเผือดซีดอยู่แล้ว ทั้งๆ ที่ฟ้าสว่างจ้ากลับเกิดฟ้าผ่าได้ คราวนี้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าซ่งรั่วเจินมีวิธีอีกอย่างที่สามารถจัดการกับพวกเขาได้ จึงรีบพูดความจริงทั้งหมดออกมา“ข้าพูด ข้าจะพูดทั้งหมดเลย!”“เรื่องทั้งหมดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเท็จ เป็นเหอเซียงหนิงมอบเงินให้พวกเรา ให้พวกเรารวมหัวกันพูดปด”“พวกเราตอบตกลงก็เพราะเงิน ขอร้องแม่นางซ่งได้โปรดไว้ชีวิตพว
เวลาคล้ายหยุดนิ่งก็มิปานบัดนี้ความครึกครื้นของเขตล่าสัตว์เงียบงันไร้เสียง ทุกคนหันมองซ่งรั่วเจิน เพียงคิดว่านางดุจดั่งเซียนเดินดิน วิธีการนี้ชวนให้คนรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงไม่มีใครสงสัยว่านี่คือความสามารถของซ่งรั่วเจินสามารถทำให้สวรรค์ลงทัณฑ์ทันท่วงทีเช่นนี้ได้ นี่คือวิธีการน่าทึ่งอะไรกัน?อวิ๋นเนี่ยนชูและเมิ่งชิ่นลืมตาอ้าปากค้าง ปากที่อ้าออกลืมปิดให้สนิท ตนเองสามารถมีสหายหญิงเช่นนี้ได้ นับเป็นวาสนายิ่งใหญ่!เรื่องนี้พูดออกไปสามารถโอ้อวดได้ชั่วชีวิต!พี่น้องชายทั้งสี่ของสกุลซ่งหันหน้าสบตากัน มองเห็นท่าทางตกตะลึงของอีกฝ่าย หลังตอบสนองกลับมาได้ก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกน้องหญิงของตนมีความสามารถยอดเยี่ยมเกินไปแล้วกระมัง!เพียงสถานการณ์ในวันนี้ ภายภาคหน้าใครยังขวัญกล้าทำตัวโอหังต่อหน้าน้องสาว นั่นก็คือรนหาที่ตาย!ไม่เห็นหรือว่าแม้แต่สวรรค์ก็ยืนทางฝั่งน้องหญิงห้า?“ไม่รู้ว่าพวกเจ้าคิดเห็นเช่นไรต่อคำอธิบายนี้?”ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้น สายตาเย็นชาสบมองถังหงจี้ เหอเฉิงหยางและคนอื่น เจือความเย้ยหยันหลายส่วนสีหน้าถังหงจี้และคนอื่นล้วนไม่สบอารมณ์มาก นึกเสียใจภายหลังภายในใจ
เหอเฉิงหยางสบมองซ่งรั่วเจินอย่างโกรธแค้น “โหดเหี้ยมจริงนั่นล่ะ! หากครั้งนี้ข้าไม่สามารถลงโทษเจ้าได้ ไฉนเลยข้าจะมีหน้าพบเซียงหนิงได้?”“สกุลซ่งจะต้องมอบคำอธิบายให้พวกเราอย่างหนึ่ง นี่คือต้องการจะเอาชีวิตของเซียงหนิงจริงๆ!”ถังหงจี้ย่อมไม่พลาดโอกาสอันดีนี้ไป พูดว่า “ซ่งอี้อัน คราวนี้ไม่ใช่ข้ามอบคำอธิบายให้เจ้า แต่เป็นพวกเจ้าสกุลซ่งสมควรมอบคำอธิบายให้คนทั่วหล้า!”เวลาเพียงชั่วพริบตา นับตั้งแต่อวิ๋นจู๋สองคนสาบานในช่วงเวลาสั้นๆ การแสดงของสกุลเหอและสกุลถังก็มากเพียงพอแล้วฉู่จวินถิงและสี่พี่น้องสกุลซ่งกลับไม่รีบ เพราะเคยเห็นความสามารถของซ่งรั่วเจินมาก่อน ก็รู้ว่าในเมื่อนางพูดเช่นนี้จะต้องทำได้อย่างแน่นอน“รีบอะไรกัน? ต่อให้ต้องการฟ้าผ่าท่ามกลางอากาศแจ่มใสเช่นนี้ก็ต้องใช้เวลาสักหน่อยมิใช่หรือ?” ซ่งจืออวี้พูดอย่างไม่พอใจถ้อยคำนี้ทำให้ถังหงจี้และเหอเฉิงหยางหัวเราะลั่น “ซ่งจืออวี้ เพื่อปกป้องน้องสาวไม่ว่าคำใดเจ้าก็สามารถพูดออกมาได้ เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกว่าฟ้าผ่าก็ต้องรอเวลา!”คนรอบข้างหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ คิดไม่ตกว่าอยู่ดีๆ เหตุใดซ่งรั่วเจินจึงต้องรนหาที่ด้วยอธิบายออกมายังมีโอกา
เขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ตกอยู่ในความเงียบอย่างแปลกประหลาด ทั้งๆ ที่มีคนมากมายถึงเพียงนี้ แต่สายตายามทุกคนสบมองซ่งรั่วเจิน กลับรู้สึกใจสั่นอย่างไร้สาเหตุฮองเฮาเห็นภาพนี้อยู่ภายในสายตา ท่าทีรับมืออย่างสุขุมของซ่งรั่วเจินทำให้นางเปลี่ยนความคิดไม่มีท่าทางกล้าๆ กลัวๆ เหมือนสตรีเกิดในตระกูลเล็กๆ เผชิญหน้ากับความสงสัยโดยไม่ลนลาน ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถชี้จุดปัญหาได้อย่างตรงประเด็นเพียงแต่สำหรับเรื่องคำสาบานทำนองนี้กลับไม่น่ากลัวมากนัก กระนั้นเพียงออกจากปากแม่นางคนนี้ ถึงขั้นทำให้ทุกคนตกตะลึงได้ทุกคนที่นี่ล้วนนึกถึงความสามารถด้านศาสตร์ลี้ลับของซ่งรั่วเจิน โดยเฉพาะหลังจุดกระดาษเขียนยันต์แล้ว รู้สึกลึกลับมากยิ่งขึ้น ไม่กล้าพูดเหลวไหลส่งเดชอีกถังเสวี่ยหนิงเห็นคนเหล่านั้นกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าพูด เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “เดิมทีพวกเจ้าก็ไม่มีเรื่องให้ต้องละอายใจอยู่แล้ว ยังกังวลอะไรอีกเล่า? รีบพูดออกมาเถอะ!”อวิ๋นจู๋และเพ่ยอวิ๋นสบตากันแวบหนึ่ง รู้สึกกังวลภายในใจ ไม่มีใครกล้าพูดก่อนเหอเซียงหนิงกระซิบเร่ง “กลัวอะไร? ก็แค่จงใจข่มขู่พวกเจ้าเท่านั้น หรือพวกเจ้าเชื่อจริง?”“ทุกวันมีคนสาบานไม่รู
“ข้าได้ยินมาว่าหลังเจ้าถูกขับไล่ออกจากสกุลเหอก็ไม่มีเงินติดตัว ทำได้เพียงไปอยู่ที่สกุลฉินชั่วคราว ส่วนฉินซวงซวงและหลินจือเยว่ติดเงินข้ายังไม่ได้คืน น่าจะไม่มีเงินมากถึงเพียงนั้นมอบให้เจ้าไปตามหาคนได้กระมัง?”เมิ่งชิ่นเองก็ช่วยพูด “องครักษ์จวนแม่ทัพของพวกเรามีฝีมือไม่เลว ไม่ว่ามองอย่างไรทำเรื่องลับๆ พรรค์นี้ก็สมควรให้คนสนิทไปลงมือ รั่วเจินไม่ใช่คนโง่ ยังไม่ต้องพูดว่าไปหาอวิ๋นจู๋ตัวไร้ประโยชน์คนนี้ ยังให้เขาไปตามหาคนช่วยที่นอกจวนอีกรึ?”“เรื่องนี้เพียงได้ยินก็รู้ว่าเป็นความเท็จ ใครเชื่อก็โง่แล้ว!”คนอื่นเองก็คิดว่าเป็นเช่นนี้จริง เรื่องนี้ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!เหอเซียงหนิงเห็นสถานการณ์แล้วกลับไม่รีบ “จะต้องเป็นเพราะนางกังวลว่าจะถูกคนในครอบครัวรู้เรื่องนี้ จึงไปหาคนที่นอกเมือง”“คนอื่นในสกุลซ่งล้วนเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่มีวันปล่อยให้นางทำเรื่องโหดเหี้ยมพรรค์นี้”ซ่งจืออวี้หัวเราะออกมาอย่างสุดระงับ “คราวนี้กล่าวหาพวกเรา ต้องการยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของพวกเรา? ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ไม่มีวันเสียหรอก!”“เดิมทีน้องหญิงห้าของข้าก็ไม่ใช่คนใจคอโหดเหี้ยม หาไม่แล้วนางคิดอยากได้ชีวิตของเจ้
“พูดจาเหลวไหลอะไร? พวกเขาล้วนพูดความจริง!” ถังเสวี่ยหนิงรีบตอบโต้กลับ“เจ้ามีหลักฐานอะไรว่าพวกเขาพูดความจริง?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ “ล้วนอาศัยปากพูดทั้งนั้นมิใช่หรือ? ข้าเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นพวกเจ้าซื้อตัวพวกเขามาปรักปรำข้า!”ถังเสวี่ยหนิงรู้สึกเหลือเชื่อ “พวกเขาล้วนพูดความจริงต่อหน้าแล้ว เจ้ายังปฏิเสธไม่ยอมรับ ไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง!”“หาสองสามคนออกมาตั้งใจปรักปรำข้า นี่ง่ายดายเกินไปแล้วกระมัง!”ซ่งรั่วเจินเผยสีหน้าเยาะหยัน เลื่อนสายตาหันมองทางคนโกหกเหล่านั้น สายตาคมกริบ“ข้าขอเตือนพวกเจ้า วันนี้ฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินคืนความยุติธรรม มิใช่สถานที่ให้พวกเจ้าพูดจาเหลวไหลได้!”“หากเป็นไปตามที่พวกเจ้าพูดจริง ยืนกรานป้ายความผิดให้ข้า พวกเจ้าเองก็หนีไม่พ้น ทั้งหมดล้วนต้องเข้าคุกหลวง!”“ข้าขอชี้แนะพวกเจ้าให้คิดให้ดี ถึงตอนนั้นเข้าคุกแล้วอย่าได้นึกเสียใจภายหลัง!”ได้ยินดังนั้น สายตาอวิ๋นจู๋สะท้อนแววตกตะลึง “เข้าคุกหลวง?”พวกเขาถึงขั้นต้องเข้าคุกหลวง?“ย่อมต้องเข้าคุกหลวง ต่อให้น้องหญิงของข้าเป็นผู้สั่งการ แต่คนลงมือคือพวกเจ้า พวกเจ้าคิดว่าจะอยู่รอดปลอดภัยได้หรือ?” ซ่งอี้อันพูดเสียงเ