“ฉู่อ๋องเสด็จแล้ว!”ไม่รู้ว่าเสียงผู้ใดตะโกนขึ้น ทุกคนจึงหันไปมองเป็นตาเดียว เห็นเพียงฉู่จวินถิงและคณะกรรมการคุมสอบในวันนี้เดินเข้ามาด้วยกันเขาสังเกตเห็นซ่งรั่วเจินได้แทบจะทันทีนางแต่งกายเรียบร้อยอย่างยิ่ง สวมชุดกระโปรงสีชมพูอ่อน ปักแต่งด้วยสีเหลืองนวลในบางจุด ทำให้นางดูอ่อนหวานและน่าเอ็นดูเป็นอย่างยิ่ง คล้ายว่าจะมีเพียงเมื่อยืนอยู่ข้างกายพี่ชายเท่านั้น ที่จะดูเรียบร้อยและเชื่อฟังเสมอๆ แตกต่างจากท่าทีเฉียบคมดุดันที่นางแสดงออกยามต่อกรกับผู้อื่น เรียกได้ว่าเป็นหน้ากากสองด้าน ทว่าน่ารักอยู่ไม่น้อย“อี้อัน นี่เจ้า...?”อาจารย์เว่ยผู้เคร่งขรึมเมื่อมองเห็นซ่งอี้อันเข้าก็พลัน ดวงตาทอประกายแววประหลาดใจต่อมาเหล่าบัณฑิตทั้งหลายของสำนักศึกษาหลวงก็ได้เห็นว่าอาจารย์เว่ยผู้ที่มักจะเคร่งขรึมและเข้มงวดอยู่เสมอ กลับเดินแล่นฉิวพุ่งตรงเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของซ่งอี้อันโดยฉับพลัน “อี้อัน ดวงตาของเจ้าหายดีแล้วหรือ?”อาจารย์เว่ยโบกมือไปมาที่ตรงหน้าของซ่งอี้อัน ตาเฒ่าหัวโบราณที่เคยเป็นคนเคร่งขรึม ยามนี้กลับเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและความดีใจซ่งอี้อันทำความเคารพอย่างนอบน้อม “คารวะท่านอาจาร
“เดิมทีข้านัดหมายเขาไว้ดีแล้วว่าวันนี้จะมาส่งเขาที่สนามสอบ แต่ยามข้าไปถึงพบว่าเขาออกจากบ้านเร็วกว่าเวลานัดหมาย ระหว่างเดินทางมานี้ข้าก็ไม่เห็นเขา”“ได้ยินคนในจวนสกุลอวิ๋นพูดว่า วันนี้เฉิงเจ๋อและเนี่ยนชูจู่ๆ ก็เปลี่ยนเส้นทาง ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุใด”สวีเฮ่ออันขมวดคิ้วแน่น เขารู้จักอวิ๋นเฉิงเจ๋อมาหลายปี รู้อุปนิสัยใจคอของเขาดีมาก แต่ไหนแต่ไรมาระแวดระวัง ไม่มีวันมาสายในวันสำคัญเช่นนี้ซ่งรั่วเจินได้ฟังคำพูดของสวีเฮ่ออัน กวาดตามองทางฉินซวงซวง หลังเห็นใบหน้าประดับยิ้มลำพองใจของฝ่ายหลัง พลันเข้าใจแล้ว ชาติก่อนเพราะอวิ๋นเฉิงเจ๋อปฏิเสธอวิ๋นเนี่ยนชูไม่ให้มาส่งเขาที่สนามสอบ ดังนั้นอวิ๋นเนี่ยนชูจึงตามหลังมาเงียบๆ คิดไม่ถึงว่าถึงขั้นได้พบพวกบ้าตัณหาระหว่างทาง เกือบถูกลวนลามไปแล้วอีกฝ่ายมีคนมาก ส่วนอวิ๋นเฉิงเจ๋อได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยเหลืออวิ๋นเนี่ยนชู นี่ถึงพลาดการสอบฤดูใบไม้ผลิไปหลังผ่านเรื่องนี้ไปแล้ว อวิ๋นเนี่ยนชูก็รู้สึกผิดมาก ปักใจว่าทั้งหมดล้วนเป็นความรับผิดชอบของนางบัดนี้มองดูแล้ว...เห็นได้ชัดว่านี่คืออุบายของสกุลฉิน!ซ่งอี้อันตาบอดทั้งสองข้าง ไม่สามารถประชันขันแข่งกับฉินเซี่ยงเหิ
ซ่งรั่วเจินถลันขึ้นไปต้อนรับ สำรวจอวิ๋นเนี่ยนชูอย่างกังวล “เนี่ยนชู เจ้าไม่เป็นอะไรนะ?”อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงเรื่อ เห็นได้ชัดว่าตกใจหวาดผวา “ข้าไม่เป็นไร แต่ญาติผู้พี่ได้รับบาดเจ็บ เมื่อวานหลังข้าได้รับข่าวจากเจ้าก็บอกญาติผู้พี่”“เช้าวันนี้พวกเราตั้งใจเปลี่ยนแปลงเวลาและเส้นทาง ใครคาดคิด อีกฝ่ายพบว่าพวกเราระแคะระคายแล้วก็คล้ายเสียสติไป ไล่ตามมาโดยตรง”“ล้วนต้องโทษข้า ข้าวิ่งช้าเกินไป ไม่ระวังจึงหกล้ม นี่ถึงทำให้ญาติผู้พี่ต้องเดือดร้อน”ได้ยินดังนั้นซ่งรั่วเจินก็เข้าใจแล้ว บัดนี้สกุลฉินมีอวิ๋นซีหว่านเป็นหนอนบ่อนไส้คนหนึ่ง ย่อมรู้เบาะแสของพวกอวิ๋นเนี่ยนชูเป็นอย่างดีบัดนี้วางแผนทุ่มสุดตัว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้อวิ๋นเฉิงเจ๋อไม่สามารถเข้าร่วมการสอบฤดูใบไม้ผลิให้ได้“นี่ก็มาทันแล้วมิใช่หรือ? เจ้าอย่าร้อนใจ ข้าไปดูบาดแผลของญาติผู้พี่เจ้าก่อน”ซ่งรั่วเจินเอ่ยปลอบอวิ๋นเนี่ยนชู นี่ถึงมาหยุดข้างกายอวิ๋นเฉิงเจ๋อ มองบาดแผลบนหน้าผาก แม้แตกไปหนึ่งที่ แต่ไม่นับว่าร้ายแรง บนตัวเองก็ล้วนเป็นผิวหนังภายนอกได้รับบาดเจ็บเท่านั้นโชคดีจริงๆ“ข้าจะช่วยท่านจัดการบาดแผล”ซ่งรั่วเจินยื่นยาให้ “นี่คือยา
ฉินเซี่ยงเหิงย่อมนึกถึงจุดนี้ เดิมทีเขาก็เกือบหมดโอกาสเข้าร่วมการสอบฤดูใบไม้ผลิไปแล้ว โชคดีท่านตาออกหน้าช่วยเขา นี่ถึงสามารถเข้าร่วมต่อไปได้หากเรื่องนี้เกี่ยวพันมาถึงเขา เขาต้องจบสิ้นแล้วจริงๆ!“เจ้าจงคิดหาทางจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามไม่ให้สืบสาวราวเรื่องมาถึงข้า เข้าใจหรือไม่?”สายตาฉินเซียงเหิงเย็นชา เขายังมีอนาคตยิ่งใหญ่เกรียงไกร ไฉนเลยจะสามารถปล่อยให้ตัวโง่งมเหล่านี้ขัดขวางได้?ฉินซวงซวงเห็นเขาโยนความรับผิดชอบทั้งหมดลงบนศีรษะตน เกิดความไม่พอใจภายในใจ แต่เพื่อทำให้อารมณ์ของฉินเซี่ยงเหิงสงบลง จึงพยักหน้ารับ“ท่านวางใจเถอะ ข้าและท่านพ่อท่านแม่จะหาทางจัดการเรื่องภายนอกเอง ท่านวางใจเข้าร่วมการสอบก็พอ”ซ่งรั่วเจินช่วยอวิ๋นเฉิงเจ๋อรักษาบาดแผลอย่างคล่องแคล่ว นี่ถึงมองส่งซ่งอี้อันและอวิ๋นเฉิงเจ๋อเข้าสนามสอบไปพร้อมกัน“ท่านอาจารย์ ญาติผู้พี่ข้าได้รับบาดเจ็บ หวังว่าพวกท่านจะดูแลมากสักหน่อยนะเจ้าคะ” ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมกังวล โค้งคำนับให้อาจารย์“วางใจเถอะ ข้าจะระวังให้ดี” อาจารย์เว่ยพยักหน้ารับปากจากนั้นเหล่าบัณฑิตต่างพากันเข้าสนามสอบ คนภายนอกเองก็พากั
“ความแค้นนี้ข้ากลืนไม่ลงอย่างแท้จริง ข้าต้องได้คำชี้แจงอย่างหนึ่งถึงจะใช้ได้!”สีหน้าอวิ๋นเนี่ยนชูแข็งทื่อดุจเหล็ก เรื่องนี้มิอาจปล่อยผ่านไปได้ เพื่อการสอบญาติผู้พี่อ่านตำราจนดึกดื่น ต่อให้เป็นฤดูหนาวก็ไม่เคยผ่อนแรงมาก่อน นางเห็นแล้วก็รู้สึกเลื่อมใสระคนสงสารมาถึงวันนี้ได้อย่างยากลำบาก ไฉนเลยจะปล่อยให้อวิ๋นซีหว่านทำลายได้?“อาจารย์ทุกท่านต่างรู้เรื่องนี้แล้ว ศาลาว่าการซุ่นเทียนเองก็ไม่มีวันไม่ร่ำไร เชื่อว่าอีกไม่นานก็สามารถหาคนลงแรงอยู่เบื้องหลังออกมาได้แล้ว เจ้าไม่ต้องกังวล”“สกุลฉินให้ความสำคัญต่อฉินเซี่ยงเหิงมาก หากเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น น่ากลัวว่าจะต้องคิดหาทางโยนเรื่องนี้มาที่บ้านพวกเจ้าอย่างแน่นอน มิสู้เจ้าปรึกษาวางแผนรับมือกับท่านป้าให้ดี”สายตาซ่งรั่วเจินจริงจังมาก อวิ๋นฮูหยินเป็นคนฉลาด บัดนี้มีจุดอ่อนที่ดีเพียงนี้อยู่ภายในกำมือ ย่อมไม่สามารถปล่อยให้เสียเปล่าได้“ข้าเข้าใจแล้ว” อวิ๋นเนี่ยนชูเข้าใจแล้ว “รั่วเจิน เจ้ากลายเป็นคนฉลาดเพียงนี้ตั้งแต่ยามใด? หลังถอนหมั้น เจ้าก็เปิดจุดลมปราณเริ่นตูหรือ ข้าเองก็เลื่อมใสเจ้าอย่างอดไม่ได้”ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบาๆ “ก่อนนี้น้ำเข้าสมอง บ
“ข้าย่อมดีใจแทนพวกเจ้า แต่ไหนแต่ไรมาอี้อันเด็กคนนี้มีความสามารถ น่าเสียดายถูกคนทำร้ายเสียได้”“บัดนี้สามารถเข้าร่วมการสอบฤดูใบไม้ผลิได้ใหม่อีกครั้ง ขอเพียงสามารถสอบได้คะแนนดี ภายภาคหน้าสกุลซ่งเองก็มีความหวังแล้ว แม่กังวลเพียงเจ้าจะห่างเหินกับพวกเราเพราะเรื่องที่ผ่านมา”นายหญิงหลิ่วพูดอย่างปวดใจ “พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันทำร้ายเจ้า เจ้าว่าใช่หรือไม่?”หลิ่วหรูเยียนเห็นนายหญิงหลิ่วอยู่ต่อหน้า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นหลายปีมานี้ล้วนปรากฏในสมองของนางตั้งแต่เด็กนางก็คือคนเชื่อฟังมากที่สุดในบรรดาพี่น้อง กลับไม่ใช่เพราะอุปนิสัยเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรก แต่เพราะบิดามารดารักพี่น้องคนอื่นมากกว่านางนางไม่แก่งแย่งไม่ช่วงชิง เพราะตอนเด็กเคยแย่งมา สุดท้ายที่ได้รับคือเสียงดุด่าไปจนถึงลงโทษ นานวันเข้าก็ไม่มีความคิดแย่งชิงแล้วไม่ว่าสิ่งใด หลีกทางให้คนอื่นนั้นสมควรแล้วเดิมทีนางคิดว่าขอเพียงตนเองทำตามคำสั่งของบิดามารดา พวกเขาจะรักนางมากสักหน่อย ทว่าตอนนี้นางก็อายุปูนนี้แล้ว มองทุกอย่างออกอย่างกระจ่างชัดเจน“ท่านแม่ เดิมทีข้าก็เป็นลูกสาวของท่าน ยังพูดว่าห่างเหินไม่ห่างเหิน
ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไปจะดูเหมือนอะไร? พวกเขายังจะมีหน้าอยู่ไหม?“พี่สาม ท่านย่าของพวกเรารักและเอ็นดูพวกเราเสมอ บางทีท่านอาจไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรดี เลยตัดสินใจให้เงินแทนเพื่อให้พี่รองซื้อสิ่งที่จำเป็น” ซ่งรั่วเจินกล่าวซ่งจืออวี้ตบศีรษะตนเอง พลางทำหน้าตกตะลึง “อ้อ ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง ข้าผิดเอง ปากไวไปหน่อย”“ใช่แล้ว ข้าเพิ่งรู้ว่าอี้อันหายป่วยแล้ว จึงรีบมาโดยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ เลยนำเงินติดตัวมาให้แทน”นายหญิงหลิ่วหยิบตั๋วเงินออกมาจากอ้อมอก ยัดใส่มือหลิ่วหรูเยียน แม้ในใจจะปวดร้าว แต่ใบหน้ายังคงยิ้มแย้มอ่อนโยน “หรูเยียน จงดูแลลูกให้ดี ให้เขาได้บำรุงร่างกายเถิด”“พี่หญิง นี่คือความตั้งใจจริงของข้า”หลิ่วเฟยเยี่ยนมองตั๋วเงินในมือด้วยใจที่เจ็บปวด เดิมทีคิดว่าจะได้อะไรจากจวนตระกูลซ่งบ้าง ที่ไหนได้ต้องเอาเงินตัวเองออกไปก่อนเสียอีก“อี้อันรู้เข้าต้องดีใจมากแน่ ๆ อีกประเดี๋ยวข้าจะให้คนไปซื้อของบำรุงร่างกายกลับมา”หลิ่วหรูเยียนรับตั๋วเงินด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้มีท่าทีปฏิเสธแม้แต่น้อย ในใจกลับรู้สึกประหลาดใจยิ่งขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา แทบไม่เคยได้เงินจากพวกเขาเลย มีแต่พวกเขาเท่านั้นที่เอาไป พอมอ
“พี่หญิง หรือตอนที่ท่านไปก็ให้เราไปพร้อมกับท่านดีหรือไม่?”หลิ่วเฟยเยี่ยนเอ่ยขึ้นด้วยความไม่ไว้วางใจ หากเป็นเมื่อก่อนนางคงไม่กังวลอะไรนัก แต่ระยะนี้นางเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าซ่งรั่วเจินเด็กคนนี้ช่างมีเล่ห์เหลี่ยมนักไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพวกนักต้มตุ๋น หรือครั้งก่อนที่มาจวน นางล้วนไม่ได้ผลประโยชน์เลยสักนิดพวกนักต้มตุ๋นยังหลอกเอาเงินจากหลิ่วหรูเยียนไปถึงหนึ่งแสนตำลึง ส่วนตัวนางเองก็ได้มาห้าหมื่นตำลึง ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไม่รู้จะเพลิดเพลินขนาดไหน ของประดับที่เคยเล็งไว้ก็ซื้อมาได้หมดใครจะไปคิดว่าหลังจากที่ซ่งรั่วเจินเปิดโปงแผนการ อย่าว่าแต่นักต้มตุ๋นเหล่านั้นถูกจับเข้าคุก พวกเขายังถูกบีบให้คืนเงินทั้งหมดอีกด้วย นางตกใจกลัวจนต้องรีบขายเครื่องประดับออกไป ซ้ำยังต้องเพิ่มเงินของตัวเองเข้าไปอีก ทำให้ระยะนี้นางอยู่ในสภาพค่อนข้างลำบากตั๋วเงินเมื่อครู่นั้นก็หยิบมาเพื่อช่วยฮั่นเฟยเท่านั้น เดิมทีคิดไว้ว่ามารดาก็มาด้วย ถ้าร้องไห้บีบน้ำตาเรียกคะแนนสงสารสักหน่อย คงพอจะรีดเงินจากหลิ่วหรูเยียนมาได้บ้างใครจะไปคิด...ว่าจะถูกซ่งจืออวี้และซ่งรั่วเจินสองพี่น้องบีบบังคับจนต้องเอาตั๋วเงินออกมา นับว่าขาด
เหอเซียงหนิงตัวไร้ประโยชน์คนนี้ถึงขั้นคิดดึงนางมารับเคราะห์ไปด้วย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พูดว่าไม่อยากดึงนางออกมาถังเสวี่ยหนิงก็ยืนอยู่ทางฝั่งนาง สกุลถังเป็นตระกูลแนวหน้าของเมืองหลวง เดิมทีก็ไม่กลัวสกุลซ่ง ตัวโง่งมคนนี้ใช้ประโยชน์จากสกุลถังเป็นโล่กำบัง ต้องการโยนความผิดมาที่ตน!“หากไม่ใช่เจ้า ข้าจะตกลำบากถึงขั้นนี้ได้เยี่ยงไร?”เหอเซียงหนิงไม่ใส่ใจความสัมพันธ์อะไรอีกแล้ว นางย่อมรู้ว่าสกุลถังยอดเยี่ยมกว่าสกุลฉิน ไฉนเลยนางจะกล้าป้ายความผิดให้สกุลถัง?ต่อให้ทำสำเร็จ ตนเองก็ถูกตัดขาดความสัมพันธ์ไปแล้ว ล่วงเกินสกุลถังยังมีผลดีอะไรกันเล่า?“เจ้าเกลียดซ่งรั่วเจินมาโดยตลอด เก็บข้าไว้ก็เพื่อใช้เป็นหมากตัวหนึ่งเท่านั้น”“เดิมทีก็ไม่ต้องตกลำบากถึงขั้นนี้ มุ่งร้ายต่อซ่งรั่วเจินมีอะไรดีต่อข้าเล่า? อย่างไรเสียคุณชายสวีก็ไม่ชอบข้า ปาไข่กระทบหินเช่นนี้ข้ายังไม่กลายเป็นตัวโง่งมอีกหรือ?”“ทั้งๆ ที่เป็นฝีมือของเจ้า ข้าไม่รู้เรื่องด้วยเลย ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าข้าหวังดีรับเจ้าไว้ เจ้าจะเนรคุณปรักปรำข้า!” ฉินซวงซวงพูดอย่างโมโหซ่งรั่วเจินมองสองคนตรงหน้าทะเลาะกัน ก่อนหน้านี้รู้สึกแปลกใจที่ฉินซวงซวงเก็บเหอ
“ข้า ข้าเปล่า”เหอเซียงหนิงว้าวุ่นหนัก ไม่รู้ว่าสมควรทำเช่นไรถึงจะดี นึกเสียใจภายหลังคิดว่าสมควรยอมแพ้ตั้งแต่ตอนที่กังวลใจ บัดนี้ชุลมุนวุ่นวายจนจบไม่ลงแล้ว“เจ้ายังพูดว่าเปล่า? พวกเขาล้วนสารภาพแล้วว่าทั้งหมดเป็นฝีมือเจ้า หากเจ้าไม่ได้ทำจริงก็สาบานต่อฟ้าสิ!”ถังหงจี้สีหน้าปึ่งชา มีตัวอย่างดั่งเช่นพวกอวิ๋นจู๋สองคน ขอเพียงโยนความผิดทั้งหมดให้ถังเสวี่ยหนิงก็เพียงพอแล้ว“ข้า ข้า...” เหอเซียงหนิงรีบหันมองทางฉินซวงซวง หวังให้นางช่วยตนคิดหาวิธีก่อนหน้านี้ทั้งๆ ที่เป็นนางรับปากว่าจะจัดการทั้งหมดอย่างดี ไม่มีวันเกิดข้อผิดพลาด!จากนั้น ฉินซวงซวงเห็นสถานการณ์เปลี่ยนไปไม่เหมือนที่คาดการณ์ไว้ ถูกเปิดโปงอย่างว่องไวก็ตกตะลึงเหม่อไป รีบหลบเข้ากลุ่มคน ต้องการลอบออกจากที่นี่นางจะปล่อยให้เรื่องนี้เข้ามาพัวพันกับตนเองไม่ได้อีก หาไม่แล้วจะต้องซวยไปด้วยกัน!เพียงเหอเซียงหนิงมองไปก็เห็นฉินซวงซวงเตรียมพาหลินจือเยว่หนีไป ไฉนเลยจะยอมปล่อยให้นางไปเช่นนี้ได้?“เป็นฉินซวงซวง! เป็นนางบงการให้ข้าทำเช่นนี้!”ทุกคนล้วนหันมองตามมือของเหอเซียงหนิงไป ก็ได้เห็นใบหน้าร้อนตัวของฉินซวงซวง ท่าทางคือกำลังต้องการหนีไ
ได้ยินถ้อยคำเจ้าเล่ห์ของเหอเฉิงหยาง พี่น้องสกุลซ่งรู้สึกเพียงน่าขันก่อนหน้านี้ดีดลูกคิดว่องไวจนแผนการภายในใจแทบจะระเบิดออกมาใส่หน้าพวกเขาแล้ว บัดนี้เพียงหนึ่งประโยคขอขมาก็อยากให้เรื่องจบลง ฝันหวานเกินไปแล้วกระมัง!ซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อันสบตากันแวบหนึ่ง เกิดความคิดแล้วซ่งรั่วเจินกำลังจะอ้าปากก็มองเห็นสายตาของพี่ชายทั้งสอง ทันใดนั้นเข้าใจแล้วว่าตนเองไม่จำเป็นต้องยื่นมือเข้าไป“ก่อนหน้านี้เหอเซียงหนิงถูกขับไล่ออกจากสกุลเหอ ตัดขาดความสัมพันธ์กับสกุลเหอไปแล้ว”“ได้ยินมาว่ายามนางถูกขับไล่ออกไปก็ได้เงินติดตัวไปไม่มาก ทว่าคนเหล่านี้ล้วนถูกนางซื้อมา พูดว่าไม่มีคนช่วยเหลือ นั่นเป็นไปไม่ได้”“คุณชายเหอ เจ้าไม่คิดจะอธิบายสักหน่อยหรือ?” ซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยถามสายตาซ่งอี้อันตกลงบนตัวถังหงจี้ ครุ่นคิดพลางพูด “หรือว่าคนที่มีส่วนร่วมด้วยก็คือสกุลถังกันเล่า? มิสู้พวกเจ้าพูดออกมาตามตรง มีฮองเฮาและท่านอ๋องเป็นผู้ตัดสิน ก็ไม่จำเป็นต้องรบกวนศาลาว่าการแล้ว”ถ้อยคำนี้พูดออกมา ทุกคนย่อมรู้ความหมาย“พูดไปแล้วก็จริงเสียด้วย! เหอเซียงหนิงกลายเป็นหมาหัวเน่าไปแล้ว ได้ยินมาว่าไม่มีที่ไป ทำได้เพียงไปอาศัยที่
เมิ่งชิ่นพูดแขวะ “เพียงได้เห็นท่าทางร้อนตัวเช่นนี้ก็รู้ว่าหลอกลวง ยังไม่ต้องพูดว่าตนเองต่ำช้าแต่ยังทำให้สองคนต้องตายไปอีกด้วย ก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้เยี่ยงไร มิสู้ตายไปให้รู้แล้วรู้รอด!”ฉู่จวินถิงสบมองซ่งรั่วเจินด้วยสายตาลุ่มลึกแวบหนึ่ง ทันใดนั้นรู้สึกว่าไม่มีใครบนโลกนี้สามารถรังแกนางได้นาง...จะต้องไม่ใช่ซ่งรั่วเจินในตอนแรก กลับเป็นแม่นางที่เขาชมชอบด้วยใจจริงบางที ความหมายในการเกิดใหม่ของเขาก็คือได้พบกับนาง“ถึงตาพวกเจ้าแล้ว” สายตาซ่งรั่วเจินจับจ้องคนที่เหลือเหล่านั้น หยิบกระดาษเขียนยันต์ออกมาหนึ่งแผ่นอย่างไม่ใส่ใจ“ข้าไม่มีความอดทนมากถึงเพียงนั้น พวกเจ้ารู้ความสักหน่อย อย่าให้ข้าถามทีละคนเลย”เดิมทีคนเหล่านั้นก็ตกใจจนหน้าเผือดซีดอยู่แล้ว ทั้งๆ ที่ฟ้าสว่างจ้ากลับเกิดฟ้าผ่าได้ คราวนี้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าซ่งรั่วเจินมีวิธีอีกอย่างที่สามารถจัดการกับพวกเขาได้ จึงรีบพูดความจริงทั้งหมดออกมา“ข้าพูด ข้าจะพูดทั้งหมดเลย!”“เรื่องทั้งหมดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเท็จ เป็นเหอเซียงหนิงมอบเงินให้พวกเรา ให้พวกเรารวมหัวกันพูดปด”“พวกเราตอบตกลงก็เพราะเงิน ขอร้องแม่นางซ่งได้โปรดไว้ชีวิตพว
เวลาคล้ายหยุดนิ่งก็มิปานบัดนี้ความครึกครื้นของเขตล่าสัตว์เงียบงันไร้เสียง ทุกคนหันมองซ่งรั่วเจิน เพียงคิดว่านางดุจดั่งเซียนเดินดิน วิธีการนี้ชวนให้คนรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงไม่มีใครสงสัยว่านี่คือความสามารถของซ่งรั่วเจินสามารถทำให้สวรรค์ลงทัณฑ์ทันท่วงทีเช่นนี้ได้ นี่คือวิธีการน่าทึ่งอะไรกัน?อวิ๋นเนี่ยนชูและเมิ่งชิ่นลืมตาอ้าปากค้าง ปากที่อ้าออกลืมปิดให้สนิท ตนเองสามารถมีสหายหญิงเช่นนี้ได้ นับเป็นวาสนายิ่งใหญ่!เรื่องนี้พูดออกไปสามารถโอ้อวดได้ชั่วชีวิต!พี่น้องชายทั้งสี่ของสกุลซ่งหันหน้าสบตากัน มองเห็นท่าทางตกตะลึงของอีกฝ่าย หลังตอบสนองกลับมาได้ก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกน้องหญิงของตนมีความสามารถยอดเยี่ยมเกินไปแล้วกระมัง!เพียงสถานการณ์ในวันนี้ ภายภาคหน้าใครยังขวัญกล้าทำตัวโอหังต่อหน้าน้องสาว นั่นก็คือรนหาที่ตาย!ไม่เห็นหรือว่าแม้แต่สวรรค์ก็ยืนทางฝั่งน้องหญิงห้า?“ไม่รู้ว่าพวกเจ้าคิดเห็นเช่นไรต่อคำอธิบายนี้?”ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้น สายตาเย็นชาสบมองถังหงจี้ เหอเฉิงหยางและคนอื่น เจือความเย้ยหยันหลายส่วนสีหน้าถังหงจี้และคนอื่นล้วนไม่สบอารมณ์มาก นึกเสียใจภายหลังภายในใจ
เหอเฉิงหยางสบมองซ่งรั่วเจินอย่างโกรธแค้น “โหดเหี้ยมจริงนั่นล่ะ! หากครั้งนี้ข้าไม่สามารถลงโทษเจ้าได้ ไฉนเลยข้าจะมีหน้าพบเซียงหนิงได้?”“สกุลซ่งจะต้องมอบคำอธิบายให้พวกเราอย่างหนึ่ง นี่คือต้องการจะเอาชีวิตของเซียงหนิงจริงๆ!”ถังหงจี้ย่อมไม่พลาดโอกาสอันดีนี้ไป พูดว่า “ซ่งอี้อัน คราวนี้ไม่ใช่ข้ามอบคำอธิบายให้เจ้า แต่เป็นพวกเจ้าสกุลซ่งสมควรมอบคำอธิบายให้คนทั่วหล้า!”เวลาเพียงชั่วพริบตา นับตั้งแต่อวิ๋นจู๋สองคนสาบานในช่วงเวลาสั้นๆ การแสดงของสกุลเหอและสกุลถังก็มากเพียงพอแล้วฉู่จวินถิงและสี่พี่น้องสกุลซ่งกลับไม่รีบ เพราะเคยเห็นความสามารถของซ่งรั่วเจินมาก่อน ก็รู้ว่าในเมื่อนางพูดเช่นนี้จะต้องทำได้อย่างแน่นอน“รีบอะไรกัน? ต่อให้ต้องการฟ้าผ่าท่ามกลางอากาศแจ่มใสเช่นนี้ก็ต้องใช้เวลาสักหน่อยมิใช่หรือ?” ซ่งจืออวี้พูดอย่างไม่พอใจถ้อยคำนี้ทำให้ถังหงจี้และเหอเฉิงหยางหัวเราะลั่น “ซ่งจืออวี้ เพื่อปกป้องน้องสาวไม่ว่าคำใดเจ้าก็สามารถพูดออกมาได้ เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกว่าฟ้าผ่าก็ต้องรอเวลา!”คนรอบข้างหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ คิดไม่ตกว่าอยู่ดีๆ เหตุใดซ่งรั่วเจินจึงต้องรนหาที่ด้วยอธิบายออกมายังมีโอกา
เขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ตกอยู่ในความเงียบอย่างแปลกประหลาด ทั้งๆ ที่มีคนมากมายถึงเพียงนี้ แต่สายตายามทุกคนสบมองซ่งรั่วเจิน กลับรู้สึกใจสั่นอย่างไร้สาเหตุฮองเฮาเห็นภาพนี้อยู่ภายในสายตา ท่าทีรับมืออย่างสุขุมของซ่งรั่วเจินทำให้นางเปลี่ยนความคิดไม่มีท่าทางกล้าๆ กลัวๆ เหมือนสตรีเกิดในตระกูลเล็กๆ เผชิญหน้ากับความสงสัยโดยไม่ลนลาน ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถชี้จุดปัญหาได้อย่างตรงประเด็นเพียงแต่สำหรับเรื่องคำสาบานทำนองนี้กลับไม่น่ากลัวมากนัก กระนั้นเพียงออกจากปากแม่นางคนนี้ ถึงขั้นทำให้ทุกคนตกตะลึงได้ทุกคนที่นี่ล้วนนึกถึงความสามารถด้านศาสตร์ลี้ลับของซ่งรั่วเจิน โดยเฉพาะหลังจุดกระดาษเขียนยันต์แล้ว รู้สึกลึกลับมากยิ่งขึ้น ไม่กล้าพูดเหลวไหลส่งเดชอีกถังเสวี่ยหนิงเห็นคนเหล่านั้นกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าพูด เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “เดิมทีพวกเจ้าก็ไม่มีเรื่องให้ต้องละอายใจอยู่แล้ว ยังกังวลอะไรอีกเล่า? รีบพูดออกมาเถอะ!”อวิ๋นจู๋และเพ่ยอวิ๋นสบตากันแวบหนึ่ง รู้สึกกังวลภายในใจ ไม่มีใครกล้าพูดก่อนเหอเซียงหนิงกระซิบเร่ง “กลัวอะไร? ก็แค่จงใจข่มขู่พวกเจ้าเท่านั้น หรือพวกเจ้าเชื่อจริง?”“ทุกวันมีคนสาบานไม่รู
“ข้าได้ยินมาว่าหลังเจ้าถูกขับไล่ออกจากสกุลเหอก็ไม่มีเงินติดตัว ทำได้เพียงไปอยู่ที่สกุลฉินชั่วคราว ส่วนฉินซวงซวงและหลินจือเยว่ติดเงินข้ายังไม่ได้คืน น่าจะไม่มีเงินมากถึงเพียงนั้นมอบให้เจ้าไปตามหาคนได้กระมัง?”เมิ่งชิ่นเองก็ช่วยพูด “องครักษ์จวนแม่ทัพของพวกเรามีฝีมือไม่เลว ไม่ว่ามองอย่างไรทำเรื่องลับๆ พรรค์นี้ก็สมควรให้คนสนิทไปลงมือ รั่วเจินไม่ใช่คนโง่ ยังไม่ต้องพูดว่าไปหาอวิ๋นจู๋ตัวไร้ประโยชน์คนนี้ ยังให้เขาไปตามหาคนช่วยที่นอกจวนอีกรึ?”“เรื่องนี้เพียงได้ยินก็รู้ว่าเป็นความเท็จ ใครเชื่อก็โง่แล้ว!”คนอื่นเองก็คิดว่าเป็นเช่นนี้จริง เรื่องนี้ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!เหอเซียงหนิงเห็นสถานการณ์แล้วกลับไม่รีบ “จะต้องเป็นเพราะนางกังวลว่าจะถูกคนในครอบครัวรู้เรื่องนี้ จึงไปหาคนที่นอกเมือง”“คนอื่นในสกุลซ่งล้วนเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่มีวันปล่อยให้นางทำเรื่องโหดเหี้ยมพรรค์นี้”ซ่งจืออวี้หัวเราะออกมาอย่างสุดระงับ “คราวนี้กล่าวหาพวกเรา ต้องการยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของพวกเรา? ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ไม่มีวันเสียหรอก!”“เดิมทีน้องหญิงห้าของข้าก็ไม่ใช่คนใจคอโหดเหี้ยม หาไม่แล้วนางคิดอยากได้ชีวิตของเจ้
“พูดจาเหลวไหลอะไร? พวกเขาล้วนพูดความจริง!” ถังเสวี่ยหนิงรีบตอบโต้กลับ“เจ้ามีหลักฐานอะไรว่าพวกเขาพูดความจริง?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ “ล้วนอาศัยปากพูดทั้งนั้นมิใช่หรือ? ข้าเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นพวกเจ้าซื้อตัวพวกเขามาปรักปรำข้า!”ถังเสวี่ยหนิงรู้สึกเหลือเชื่อ “พวกเขาล้วนพูดความจริงต่อหน้าแล้ว เจ้ายังปฏิเสธไม่ยอมรับ ไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง!”“หาสองสามคนออกมาตั้งใจปรักปรำข้า นี่ง่ายดายเกินไปแล้วกระมัง!”ซ่งรั่วเจินเผยสีหน้าเยาะหยัน เลื่อนสายตาหันมองทางคนโกหกเหล่านั้น สายตาคมกริบ“ข้าขอเตือนพวกเจ้า วันนี้ฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินคืนความยุติธรรม มิใช่สถานที่ให้พวกเจ้าพูดจาเหลวไหลได้!”“หากเป็นไปตามที่พวกเจ้าพูดจริง ยืนกรานป้ายความผิดให้ข้า พวกเจ้าเองก็หนีไม่พ้น ทั้งหมดล้วนต้องเข้าคุกหลวง!”“ข้าขอชี้แนะพวกเจ้าให้คิดให้ดี ถึงตอนนั้นเข้าคุกแล้วอย่าได้นึกเสียใจภายหลัง!”ได้ยินดังนั้น สายตาอวิ๋นจู๋สะท้อนแววตกตะลึง “เข้าคุกหลวง?”พวกเขาถึงขั้นต้องเข้าคุกหลวง?“ย่อมต้องเข้าคุกหลวง ต่อให้น้องหญิงของข้าเป็นผู้สั่งการ แต่คนลงมือคือพวกเจ้า พวกเจ้าคิดว่าจะอยู่รอดปลอดภัยได้หรือ?” ซ่งอี้อันพูดเสียงเ