ซ่งรั่วเจินและหลิ่วหรูเยียนยังเดินไม่ถึงห้องก็ได้ยินว่าคนกลับไปแล้ว จึงเดินกลับมากินมื้อกลางวันร่วมกัน“ท่านแม่ เซียงอ๋องกับพระชายาเซียงอ๋องรักซื่อจื่อน้อยมาก ได้ยินมาว่าระยะนี้มีคนไปเยี่ยมเยียนจวนเซียงอ๋องไม่ขาดสาย” “ญาติผู้น้องทำร้ายซื่อจื่อน้อยในช่วงเวลาสำคัญนี้ เซียงอ๋องไม่มีวันปล่อยไปอย่างง่ายดาย ท่านไม่เข้าไปข้องเกี่ยวนั้นถูกแล้ว”ซ่งอี้อันเผยสีหน้าจริงจัง แท้จริงแล้วท่านน้าเองก็ไม่ใช่ญาติที่ดี เพียงน่าเสียดายเป็นน้องสาวแท้ๆ ของมารดา ไม่สามารถตัดขาดความสัมพันธ์ได้“พวกเจ้าวางใจ แม่ไม่เลอะเลือน”หลิ่วหรูเยียนเห็นลูกๆ ห่วงใยตนเพียงนี้ รู้สึกอบอุ่นใจ “ผ่านเรื่องมามากมาย แม่เองก็เข้าใจแล้ว สกุลฝานก็คือตัวอย่าง” “ดีต่อพวกเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ พวกเจ้าเองก็คิดว่าเมื่อก่อนแม่ตามใจน้ามากเกินไป” “ทั้งๆ ที่นางมาเพื่อหาผลประโยชน์ แต่ก็ไม่เคยห้าม”“เดิมทีข้าคิดว่าข้าและน้าของพวกเจ้าเติบโตมาด้วยกัน อีกทั้งยังเป็นพี่สาว ต่อให้รู้ว่าหลายปีมานี้นางไม่ค่อยสำรวมตน ก็ยังเลือกปกป้องนาง” “ทว่านับตั้งแต่เรื่องนักต้มตุ๋นเป็นต้นมา ข้าเองก็เข้าใจแล้ว”สายตาหลิ่วหรูเยียนลึกล้ำ แท้จริงแล้ว
ภายในห้องเงียบลงทันใดทุกคนหันหน้ามองกัน นับตั้งแต่ซ่งเยี่ยนโจวหย่าร้าง ภายในสมองของพวกเขาพลันนึกถึงลั่วชิงอินขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวเพียงแต่เรื่องนี้ทำร้ายลั่วชิงอินหนักมากเกินไป ยังไม่ต้องพูดถึงซ่งเยี่ยนโจว แม้แต่พวกเขาเองก็ไม่มีหน้าเอ่ยปากต่อหน้าสกุลลั่วในอีกด้านหนึ่ง หากเปลี่ยนเป็นพวกเขาก็เชื่อว่าไม่มีวันให้อภัย“รีบเชิญเข้ามา” หลิ่วหรูเยียนเอ่ยผู้มาคือคุณชายสามสกุลลั่วลั่วหวยหลี่ ยามทุกคนเผชิญหน้า จิตใจยังมึนงงอยู่ชั่วขณะเมื่อแรกลั่วหวยหลี่เลื่อมใสซ่งเยี่ยนโจวมาโดยตลอด เพราะซ่งเยี่ยนโจวอายุมากกว่าเขาหลายปี มิหนำซ้ำยังเคยผ่านสนามรบมาก่อน ชายฝึกยุทธ์ล้วนมีความใฝ่ฝันจะได้เป็นแม่ทัพใหญ่กอปรกับเมื่อแรกทั้งสองตระกูลวางแผนแต่งงานกัน ลั่วหวยหลี่เห็นซ่งเยี่ยนโจวเป็นพี่เขยตั้งนานแล้ว ทุกวันล้วนคล้ายผู้ติดตามของซ่งเยี่ยนโจวก็มิปาน ยังถูกทุกคนล้อเลียนอีกด้วยนับตั้งแต่ซ่งเยี่ยนโจวตัดสินใจตบแต่งฝานซืออิ๋ง ลั่วหวยหลี่คือคนที่โมโหที่สุดต้องการมาถามหาเอาความให้ได้ มิหนำซ้ำยังต่อยตีซ่งเยี่ยนโจวอย่างหนักไปหนึ่งรอบซ่งเยี่ยนโจวกลับไม่ตอบโต้นับตั้งแต่นั้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่ลั่วหวยหลี่ม
“แรกพบยังเขินอาย ต่อมากลับคุ้นเคยกันแล้ว แม้ไม่ได้พบหน้ากันสองปี แต่โบราณว่าไว้ ใกล้หออะไรจันทราอะไรสักอย่างนี่ล่ะ!”“ใกล้หอธาราเอื้อมจันทราได้ก่อน[1]” ซ่งอี้อันมองน้องสามความรู้น้อยของตน “รอผ่านการสอบฤดูใบไม้ผลิไปแล้ว เจ้าก็มาท่องตำราที่เรือนข้าให้มากๆ เถอะ”ทันใดนั้นซ่งจืออวี้ก้มหน้าลงพลางโบกมือ “ไม่ต้องๆ เดิมทีข้าและน้องสี่ก็เป็นแฝดกัน ข้าคิดว่าเขาเรียนหนังสือจนโง่งมไปแล้ว” “ก่อนนี้ข้าบอกเขาไม่ให้ไปตามหาไข่มุกทะเลใต้ เขาต้องไปให้ได้ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา!”“เดิมทีไข่มุกทะเลใต้ก็เป็นข่าวลือ เขารู้ว่าคนที่บ้านต้องคัดค้านจึงแอบหนีไปด้วยตนเอง บัดนี้ยังไม่กลับมา ช่างทำให้คนกังวลใจจริงๆ”ซ่งอี้อันขมวดคิ้วแน่น พวกเขาไม่กล้าพูดเรื่องนี้ต่อหน้ามารดาตรงข้ามกันก่อนนี้น้องสี่ชอบออกนอกบ้านอยู่แล้ว กิจการภายในตระกูลล้วนเป็นซ่งรั่วเจินและน้องสี่จัดการดูแล ซ่งรั่วเจินดูแลกิจการในเมืองหลวง น้องสี่มักออกไปทำการค้าที่คูเมืองแห่งอื่น รวมถึงคัดเลือกผ้าแพรต่วนไปจนถึงเครื่องประดับอีกด้วยท่านพ่อมองเห็นพรสวรรค์ด้านการค้าของน้องสี่ตั้งแต่แรกแล้ว หลายปีมานี้ที่ตระกูลมั่งคั่งมากขึ้นเรื่อยๆ ก็หนีไ
ซ่งเยี่ยนโจวมองลั่วหวยหลี่ตรงหน้า แม้ไม่ได้พบหน้ากันสองปี เขายังเหมือนเมื่อแรกไม่มีผิดปากแข็งแต่ใจอ่อนเพียงลั่วหวยหลี่ได้พบซ่งเยี่ยนโจวก็นึกถึงเรื่องที่คนผู้นี้ทรยศพี่สาวของตนขึ้นมา โทสะเจืออยู่ภายในคำพูด คนผู้นี้พูดจาไม่น่าฟังมาก ขมวดคิ้วแน่นพลางพูดว่า“ก่อนนี้ท่านตัดสินใจต้องการตบแต่งฝานซืออิ๋งมิใช่หรือ? คิดว่านางดีกว่าพี่หญิงของข้าไปทุกจุด เหตุใดตอนนี้หย่ากับนางอย่างกะทันหันเล่า?”“ข้าไม่เคยพูดมาก่อน” ซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยปาก“อะไรนะ?”ซ่งเยี่ยนโจว “ข้าไม่เคยพูดว่านางดีกว่าพี่หญิงเจ้า”ไม่เคยลั่วหวยหลี่ถลึงตาขาว อารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว “ท่านก็แค่ตาบอด บัดนี้พบจุดจบเช่นนี้ก็สมควรแล้ว!”ซ่งเยี่ยนโจวพยักหน้า “ข้าสมควรโดนแล้ว”ลั่วหวยหลี่ “...”เหตุใดคนผู้นี้เป็นเช่นนี้เล่า? ไม่มีน้ำโหแม้แต่น้อย? คงมิใช่คิดฆ่าตัวตายจริงกระมัง?“รับไว้”ลั่วหวยหลี่โยนสิ่งที่นำติดมาด้วยใส่มือซ่งเยี่ยนโจวเพียงซ่งเยี่ยนโจวเปิดดู ก็มองเห็นโสมร้อยปีหนึ่งต้นที่ภายใน โสมนี้...เขารู้จักดีนี่คือของที่เขาบังเอิญพบใกล้กับสนามรบเขารู้ว่าลั่วชิงอินร่างกายอ่อนแอตั้งแต่เด็ก ก่อนนี้ท่านหมอเคยพูดว่าโสมร้อ
เมื่อคิดว่าจะต้องเรียกชายผู้นั้นว่า ‘พี่เขย’ เขาก็แทบอยากหนีออกจากบ้านให้รู้แล้วรู้รอดไป“อย่างน้อยก็ดีกว่าเจ้าคนใจดำแบบท่าน!”ลั่วหวยหลี่คิดแล้วก็ยิ่งโกรธ สมัยก่อนเขาชื่นชอบซ่งเยี่ยนโจวมากเท่าใด หลังจากนั้นก็ยิ่งเกลียดชังมากเท่านั้น ไม่มีใครดีสักคน!ซ่งเยี่ยนโจวตกอยู่ในความเงียบ ไม่อาจโต้แย้งใดๆ“เอาล่ะ ข้าจะไปแล้ว ท่านเองก็พักผ่อนให้ดี”ลั่วหวยหลี่หันหลังเดินจากไป ในเมื่อคำที่ควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว ที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตาเถิด!จนกระทั่งเดินมาถึงหน้าประตู ลั่วหวยหลี่จึงค่อยๆ หันกลับมามองซ่งเยี่ยนโจวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็น แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า“แม้ท่านจะได้รับบาดเจ็บ ก็อย่าได้ปล่อยให้ตนเองจมอยู่ในความสิ้นหวัง ท่านได้รับบาดเจ็บจากสนามรบ ท่านเป็นวีรบุรุษ”“พวกที่ไม่รู้จักคิดและพูดพล่อย ๆ จงอย่าใส่ใจ แม้ว่าท่านจะทำผิดต่อพี่หญิงของข้า และข้าเองก็เกลียดท่านเข้าไส้ แต่ข้ายังมองว่าท่านคือวีรบุรุษเสมอ ข้ามิเคยเปลี่ยนความคิดนี้”ลั่วหวยหลี่จ้องมองซ่งเยี่ยนโจวด้วยสายลึกล้ำความชื่นชมในวัยเยาว์นั้นมิใช่เรื่องโกหก เขาเคยยกย่องซ่งเยี่ยนโจวเป็นแบบอย่างในใจมาตลอดห
เมื่อข่าวการหย่าร้างระหว่างซ่งเยี่ยนโจวและฝานซืออิ๋งแพร่ออกไป เรื่องราวก็กลายเป็นที่พูดถึงอย่างล้นหลามในหมู่ผู้คน“ตระกูลซ่งนี่คงจบสิ้นแล้ว เดิมทีก็เป็นตระกูลที่รุ่งเรือง แต่ตอนนี้สิ ทั้งเลิกหมั้นก็มี หย่าร้างก็มี ซ่งฮูหยินก็เป็นหม้ายอยู่แล้วด้วย”“ไม่รู้ว่าตระกูลซ่งทำกรรมอันใดไว้ ถึงไม่มีคู่ไหนที่อยู่ดีมีสุขได้เลย”“ข้ารู้มาว่าซ่งรั่วเจินเป็นคนยุยงให้หย่าร้าง ลองคิดดูดี ๆ สิ ซ่งรั่วเจินเคยเป็นสหายกับจ้าวซูหว่าน พูดง่าย ๆ ก็คงเพราะนางตัวซวยคนนี้นั่นแหละ!”ข่าวลือนี้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลฝานยังช่วยเติมเชื้อไฟ พยายามอย่างหนักที่จะทำให้เรื่องแย่ลงไปอีก ทว่าซ่งรั่วเจินและครอบครัวกลับดูไม่ใส่ใจ ปล่อยให้ข่าวลือเหล่านั้นผ่านเลยไปโดยไม่สนใจแม้แต่น้อยเพราะพวกเขายังมีเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่าต้องจัดการแต่เมื่อฉินซวงซวงได้ยินข่าวพวกนี้ นางก็ยิ้มอย่างเบิกบาน ถึงแม้ต่อหน้าหลินจือเยว่ นางจะยังคงทำตัวเป็นสตรีที่อ่อนหวานและสงบเสงี่ยมตามปกติ“ท่านพี่ แม่นางซ่งดูท่าทางจะยังมีใจให้ท่านไม่น้อย แม้ว่านางจะแสร้งทำเป็นตัดใจและถอนหมั้น แต่กลับกลายเป็นคนละคนไป”“ซ่งเ
ในดวงตาของหลินจือเยว่ปรากฏแววแห่งความกังวล ตั้งแต่เขาประสบเคราะห์ สหายเก่าแต่ละคนก็เหมือนจะหายหน้ากันไปหมด ต่างหลีกเลี่ยงที่จะพบปะเขาการออกไปในช่วงเวลาเช่นนี้ มีแต่จะกลายเป็นตัวตลกให้คนหัวเราะเยาะ“ไม่หรอก ข้าเคยช่วยชีวิตเซียวไท่เฟยไว้ ตระกูลเซียวต่างยังจดจำบุญคุณข้อนี้ได้ คุณชายเซียวเองก็ต้องมีท่าทีที่ดีต่อท่านเป็นแน่”ฉินซวงซวงจับมือหลินจือเยว่ไว้พลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หากท่านไม่ออกไป คนอื่นจะยิ่งมองว่าท่านไม่มีทางฟื้นตัวกลับมาได้อีก แต่หากพวกเขารู้ว่าท่านมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณชายเซียว พวกเขายังจะกล้าดูแคลนท่านอีกหรือ?”“อีกทั้งตระกูลซ่งยังตกต่ำถึงเพียงนี้ ซ่งรั่วเจินยังกล้าออกไปข้างนอก ท่านจะกลัวอะไรอีกเล่า?”เมื่อหลินจือเยว่ได้ยินเช่นนั้น ความมั่นใจก็กลับคืนมา “เจ้าพูดถูก พรุ่งนี้เราจะไปด้วยกัน!”ไม่นานก็มาถึงวันที่จัดงานเลี้ยงชมดอกท้อซ่งรั่วเจินและซ่งจืออวี้เปลี่ยนชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว สายตาของพวกเขาคอยหันมองไปในเรือนโดยไม่รู้ตัวพวกเขาได้เตรียมชุดใหม่ให้พี่ใหญ่ ทั้งเกี้ยวครอบผมและเข็มขัดก็ล้วนเป็นของใหม่ ทั้งคู่เชื่อมั่นว่าเมื่อพี่ใหญ่สวมใส่แล้วจะต้องดูสง่างามจนท
“แม่นางลั่ว วันนี้เห็นว่าเจ้าสีหน้าดีขึ้นมาก โสมที่ข้าส่งไปให้เจ้า หวังว่าคงมีประโยชน์”เหยาจิ่นเฉิงกล่าว พลางจ้องมองสตรีเบื้องหน้าด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความบิดเบี้ยว แต่ใบหน้ากลับส่งรอยยิ้มอ่อนโยนออกมาในฐานะบุตรชายของเสนาบดีกรมกลาโหม เขาได้รับการฝึกฝนวรยุทธ์มาตั้งแต่ยังเล็ก และด้วยอายุที่ใกล้เคียงกับซ่งเยี่ยนโจว จึงถูกนำไปเปรียบเทียบกับเขาเสมอ แต่ทุกครั้งมักจะพ่ายแพ้ให้กับซ่งเยี่ยนโจว ซึ่งทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก!แต่ตอนนี้โชคชะตากลับเล่นตลกให้ซ่งเยี่ยนโจวกลายเป็นคนพิการ และสตรีที่เขาหมายปอง บัดนี้ก็จะแต่งงานให้กับเขาแล้ว นึกไม่ออกเลยว่าหากซ่งเยี่ยนโจวรู้เรื่องนี้แล้วจะมีปฏิกิริยาเช่นไรแค่เพียงคิดก็ทำให้เขารู้สึกสะใจเหลือเกิน!ลั่วชิงอินมองชายหนุ่มตรงหน้า นางไม่ได้ชอบเหยาจิ่นเฉิงเลยแม้ว่าเขาจะดูสุภาพราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิที่แสนอบอุ่น แต่ในใจของนางกลับรู้สึกได้ว่านี่ไม่ใช่นิสัยที่แท้จริงของเหยาจิ่นเฉิง แต่เสมือนเป็นหน้ากากจอมปลอมที่เขาสวมปิดบังไว้“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ แต่โสมร้อยปีชิ้นนี้ล้ำค่าเกินไป วันนี้ข้าจึงตั้งใจนำมา...”กล่าวจบ ลั่วชิงอินหันไปพยักหน้าให้สาวรับใช้ที่อยู่ข้าง
“พูดจาเหลวไหลอะไร? พวกเขาล้วนพูดความจริง!” ถังเสวี่ยหนิงรีบตอบโต้กลับ“เจ้ามีหลักฐานอะไรว่าพวกเขาพูดความจริง?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ “ล้วนอาศัยปากพูดทั้งนั้นมิใช่หรือ? ข้าเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นพวกเจ้าซื้อตัวพวกเขามาปรักปรำข้า!”ถังเสวี่ยหนิงรู้สึกเหลือเชื่อ “พวกเขาล้วนพูดความจริงต่อหน้าแล้ว เจ้ายังปฏิเสธไม่ยอมรับ ไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง!”“หาสองสามคนออกมาตั้งใจปรักปรำข้า นี่ง่ายดายเกินไปแล้วกระมัง!”ซ่งรั่วเจินเผยสีหน้าเยาะหยัน เลื่อนสายตาหันมองทางคนโกหกเหล่านั้น สายตาคมกริบ“ข้าขอเตือนพวกเจ้า วันนี้ฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินคืนความยุติธรรม มิใช่สถานที่ให้พวกเจ้าพูดจาเหลวไหลได้!”“หากเป็นไปตามที่พวกเจ้าพูดจริง ยืนกรานป้ายความผิดให้ข้า พวกเจ้าเองก็หนีไม่พ้น ทั้งหมดล้วนต้องเข้าคุกหลวง!”“ข้าขอชี้แนะพวกเจ้าให้คิดให้ดี ถึงตอนนั้นเข้าคุกแล้วอย่าได้นึกเสียใจภายหลัง!”ได้ยินดังนั้น สายตาอวิ๋นจู๋สะท้อนแววตกตะลึง “เข้าคุกหลวง?”พวกเขาถึงขั้นต้องเข้าคุกหลวง?“ย่อมต้องเข้าคุกหลวง ต่อให้น้องหญิงของข้าเป็นผู้สั่งการ แต่คนลงมือคือพวกเจ้า พวกเจ้าคิดว่าจะอยู่รอดปลอดภัยได้หรือ?” ซ่งอี้อันพูดเสียงเ
สีหน้าเหอเซียงหนิงกระตือรือร้น มองถังเสวี่ยหนิงเป็นผู้มีพระคุณของตนเดิมทีซ่งจืออวี้ยังตื่นเต้น น้องหญิงของตนทำอะไร คนอื่นอาจไม่รู้ แต่เขารู้ดีอยู่เต็มอกคืนวันนั้นทั้งๆ ที่เหอเซียงหนิงวางอุบายทำร้ายน้องหญิงตน ต้องการลักพาตัวน้องหญิงไปที่ตรอกหย่งอัน โชคดีน้องหญิงมีความสามารถ ทำลายแผนของพวกเขาหาไม่แล้ว บัดนี้คนถูกทำลายก็คือน้องหญิง!บัดนี้เหอเซียงหนิงแว้งกัด เขาเองก็กังวลพวกคนที่ถูกส่งออกไปสองสามคนนั้นจะถูกพากลับมาได้ แต่เมื่อได้เห็นว่าใบหน้าเหล่านั้นมิใช่สองสามคนก่อนหน้านี้ กลับสงบใจลงไม่น้อยแล้ว“คุณหนู นั่นไม่ใช่อวิ๋นจู๋หรือ?”เฉินเซียงเห็นหนึ่งในชายกลุ่มนั้น สีหน้าเปลี่ยนไป ภายในสายตาเปี่ยมโทสะระคนความรู้สึกเหลือเชื่อ“ไอ้คนเนรคุณ ที่ผ่านมาคุณหนูดีต่อเขาไม่เลว เขาถึงขั้นถูกพวกเขาซื้อไว้มาทำร้ายท่าน!”ซ่งรั่วเจินเองก็จำหนึ่งในชายเหล่านั้นได้แล้ว เป็นบ่าวรับใช้ภายในเรือนนางก่อนหน้านี้ เมื่อหลายวันก่อนพูดว่ามารดาที่บ้านตายไป นางยังมอบเงินให้หนึ่งก้อนเพื่อให้เขากลับไปจัดการงานศพดีๆใครคาดคิดเล่าว่าจะเป็นคนเนรคุณคนหนึ่ง เพียงชั่วพริบตาก็กลายเป็นสุนัขรับใช้ของเหอเซียงหนิงแล้ว?
เห็นว่าอุบายเล็กๆ ถูกเปิดโปงแล้ว ถังเสวี่ยหนิงก็ไม่สามารถเก็บอารมณ์บนสีหน้าได้อีกนางประเมินซ่งรั่วเจินต่ำเกินไปแล้ว!ทำเรื่องต่ำช้าถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังถูกเปิดโปงต่อหน้าธารกำนัล แต่กลับไม่ว้าวุ่น ชนิดที่ว่ายังเกิดความคิดหาข้อผิดพลาดของนางอีกด้วยมิน่าเล่าอายุมากแล้วอีกทั้งยังถอนหมั้น แต่ยังสามารถยั่วยวนฉู่อ๋องได้ เพียงวิธีการนี้ สตรีทั่วไปล้วนไม่ใช่คู่ต่อของนาง“ความคิดเจ้าโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ทำลายเหอเซียงหนิงเพราะแค้นส่วนตัว ข้าก็แค่อยากเปิดเผยต่อหน้าทุกคนเท่านั้น นี่มีอะไรผิดกัน?”“สำหรับคนไร้เมตตาอย่างเจ้าคนนี้ ทำร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยม ข้าก็แค่อยากทวงความบริสุทธิ์ให้เหอเซียงหนิงเท่านั้น!”ถังเสวี่ยหนิงพูดอย่างองอาจมีคุณธรรม ราวกับวีรสตรีผู้มุ่งมั่นเพื่อปวงประชาอย่างแท้จริง หวังเพียงจับคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายเท่านั้นวันนี้มีนางอยู่ ซ่งรั่วเจินอย่าได้คิดพลิกสถานการณ์กลับมาได้เลย!ครู่ต่อมา นางเลื่อนสายตามองทางเหอเซียงหนิง “เซียงหนิง เอาพยานของเจ้าออกมาเถอะ!”เหอเซียงหนิงกังวลใจ นางไม่เคยเห็นเหตุการณ์ใหญ่เช่นนี้มาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดว่ายังมีฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินหากจั
ซ่งอี้อันเอ่ยปากเสียงเย็น “หากน้องหญิงห้าของข้าถูกพวกเจ้าปรักปรำจนคิดไม่ตกฆ่าตัวตายไป หรือว่าทุกท่านที่นี่มิใช่มือสังหารกันเล่า?”“ไม่มีหลักฐาน อาศัยเพียงปากของนางก็ปรักปรำความผิดแล้ว นี่น่าขันเกินไปแล้ว!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา ทุกคนที่ด่าว่าซ่งรั่วเจินก็เงียบปากลงในทันใด ไม่กล้าตั้งข้อสันนิษฐานส่งเดชอีกซ่งรั่วเจินมองทางพี่รองของตนอย่างแปลกใจ สมเป็นผู้มีพรสวรรค์ของจอหงวน เพียงเปิดปากก็ได้ผลลัพธ์ไม่ธรรมดา“แม่นางถัง เจ้าจงใจพาเหอเซียงหนิงมาพูดเช่นนี้ น่าจะมีหลักฐานกระมัง?”“มิสู้นำออกมาเสียเลย หาไม่แล้วเพื่อปรักปรำข้าจึงแต่งเรื่องออกมาเช่นนี้ แต่ไหนแต่ไรมาบนโลกนี้ไม่ใช่ใครร้องไห้คนนั้นก็มีเหตุผลหรอกนะ”“ข้าและคุณชายสวีบริสุทธิ์ใจต่อกัน เหอเซียงหนิงคิดว่าข้าและนางเป็นศัตรูหัวใจกัน แต่ในสายตาข้า เดิมทีข้าและนางก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้เป็นปรปักษ์กัน ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องหึงหวง”“ขอถามหน่อยเถิด...เหตุใดข้าต้องทำร้ายนางถึงเพียงนี้ด้วยเล่า? คงมิใช่พูดหน้าซื่อตาใส ก็สามารถตั้งข้อหากล่าวโทษข้าได้หรอกกระมัง?”ดวงตาคู่งามดำดุจหมึกของซ่งรั่วเจินจับจ้องถังเสวี่ยหนิง ดวงหน้างดงามขาวนวลไม่มีควา
“หากเรื่องนี้มีเงื่อนงำอยู่จริง เหอเซียงหนิงเองก็น่าสงสารเกินไปแล้วกระมัง!”“นี่คือบีบคั้นคนให้ตาย จะต้องได้รับความทุกข์ใจอย่างหนักเป็นแน่ ซ่งรั่วเจินโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”กลุ่มคนต่างชี้หน้าบริภาษขึ้นมาระลอกหนึ่ง ฉินซวงซวงลอบลำพองใจภายในใจ เพื่อทำให้ชื่อเสียงซ่งรั่วเจินเสื่อมเสีย นางวางแผนทั้งหมดไว้อย่างดีแล้ว!ฉู่จวินถิงเหลียวมองคนที่เป็นผู้นำของกลุ่มคน ออกคำสั่งผู้อยู่ใต้อาณัติ “จับตามองคนเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด ห้ามมิให้หลุดรอดไปได้แม้คนเดียว”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”“ไม่ต้องกังวล คนเหล่านี้น่าจะถูกซื้อตัวไว้แล้ว จงใจพูดเช่นนี้ อีกเดี๋ยวสอบสวนอย่างละเอียดก็จะรู้ผล”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงมั่นใจมาก สอบสวนคนเหล่านี้ เดิมทีก็ไม่ต้องใช้วิธีการมากมายอะไร เพียงถามอย่างไม่ตั้งใจก็สามารถรู้ได้ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋องไม่สงสัยหม่อมฉันเลยหรือ?”“เหตุใดข้าต้องสงสัยเจ้าด้วย?” ฉู่จวินถิงสุขุมสงบนิ่ง “ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อแรกเหอเซียงหนิงทำกับเจ้าเยี่ยงไร ข้าเข้าใจทั้งหมดแล้ว”“ยิ่งไม่ต้องพูดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือเจ้า ต่อให้เป็นฝีมือเจ้า ก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม”ภายในสายตาของฉู่จวิน
“เจ้าว่ามาเถิด” ฮองเฮาเอ่ยเรือนคิ้วฉู่จวินถิงขมวดขึ้นเล็กน้อย สายตาที่เขาใช้มองไปยังถังเสวี่ยหนิงแกมแฝงด้วยความเยียบเย็นหญิงผู้นี้ยังไม่คิดจะลดราวาศอกอีก!“อย่ากลัวไปเลย มีข้าอยู่”ฉู่จวินถิงหันมองซ่งรั่วเจิน แสดงท่าทีให้นางมั่นใจว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะอยู่ข้างกายนางเสมอซ่งรั่วเจินย่อมไม่หวั่นเกรงต่อเล่ห์กลของถังเสวี่ยหนิงและพรรคพวกอยู่แล้ว ทว่าเมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ของฉู่จวินถิง ในใจก็ยังคงอดรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาไม่ได้อยู่ดีถังเสวี่ยหนิงกลับเกรงกลัวฉู่จวินถิงเสียจนแทบไม่กล้าสบสายตาเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อหันมองไปยังซ่งรั่วเจิน ท่าทีก็ยังคงกระด้างกระเดื่องเช่นเดิม“คุณหนูซ่ง ข้าได้ยินเรื่องเช่นนี้แล้วก็ตกใจมากจริงๆ มิอยากจะเชื่อเลยว่าในเมืองหลวงจะยังมีผู้ใดอาจหาญกล้าทำเรื่องเช่นนี้ลงได้ ช่างลบหลู่กฎเกณฑ์ราชสำนักเกินไปแล้ว!”“ดังนั้นข้าจึงอยากใช้โอกาสนี้ถามไถ่ให้ชัดแจ้ง หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”ถ้อยคำหลายต่อหลายคำของถังเสวี่ยหนิง ทำเอาสีหน้าของผู้คนโดยรอบเปลี่ยนไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ต่างพากันสงสัยว่าเป็นเรื่องร้ายแรงประการใดกัน?“รั่วเจิน พวกถังเสวี่ยหนิงดูท่าคงมิได้มีเจตนาดีเป
อวิ๋นเนี่ยนชูเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ปิดไม่มิดถึงความอิจฉา “โชคดีนักที่หลินจือเยว่มิได้แต่งกับนาง หาไม่แล้วคงคลาดกันกับคนดีเช่นฉู่อ๋องไปแล้วกระมัง?”“ฉู่อ๋องไม่เพียงมีรูปโฉมงดงาม วรยุทธเลิศล้ำ อีกทั้งฐานะยังมิธรรมดา สำคัญที่สุดก็คือผู้คนต่างรู้กันดีว่าฉู่อ๋องอารมณ์ร้ายเพียงใด แต่กลับดีต่อนางอยู่เพียงผู้เดียว เรื่องนี้น่าอิจฉาที่สุดแล้ว”อวิ๋นเฉิงเจ๋อเหลือบมองคนที่ยืนอยู่ข้างกาย นำเอาภาพใบหน้าฉายแววอิจฉานั้นเก็บเอาไว้จนสุดสายตา ไม่รู้ว่าในใจคิดอ่านถึงสิ่งใดอยู่ทว่าถ้อยคำนี้กลับลอยไปเข้าหูหลินจือเยว่เข้าพอดิบพอดี สีหน้าที่หมองหม่นอยู่ก่อนแล้วจึงได้ย่ำแย่เสียยิ่งกว่าเก่าก่อนนี้เขาคิดเพียงว่าฉู่อ๋องคงหูตามืดบอด ตอนนี้เขาเห็นแจ้งแล้วว่าตนเองต่างหากที่หูตามัวหมองไปเลือกคนผิดมาแต่งงานด้วยจนชีวิตพังพินาศ แต่จะทำกระไรได้อีกเล่า?ฉินซวงซวงยืนจ้องมองคนที่ในชาติที่แล้วนางคอยตามตื๊ออยู่นานอย่างฉู่อ๋อง กระทั่งเคยยอมทอดทิ้งศักดิ์ศรีมาแล้วก็ยังไม่อาจแลกเปลี่ยนเป็นการแลเหลียวจากเขาได้แม้แต่สักครั้ง แต่เขากลับปฏิบัติต่อซ่งรั่วเจินดีเช่นนั้น ทำเอานางริษยาเสียจนแทบบ้าอยู่แล้ว!มีสิทธิ์อะไรกัน?ซ่งรั่ว
เมื่อถือเวลาประกาศผลสุดท้าย ก็พลันระเบิดเสียงฮือฮาดังขึ้นมากลางหมู่ฝูงชน“อันดับหนึ่งได้แก่ฉู่อ๋อง!”สิ้นเสียงประกาศ ผู้คนก็ต่างพากันเอ่ยชื่นชมไม่ขาดปาก ทว่าก็หาได้มีผู้ใดแปลกใจแม้แต่น้อย“ฝีมือการขี่ม้าและยิงธนูของฉู่อ๋องตลอดมาก็ล้วนเหนือผู้ใด วันนี้ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตองค์ชายทั้งสองพระองค์ไว้ได้ อีกทั้งยังคว้าชัยได้อันดับหนึ่งมาครอบครอง สมกับที่ชื่อเสียงเลื่องลือเสียจริงๆ!”“ได้ยินมาว่าสองคนที่หนีรอดไปได้ก็ฉู่อ๋องนั่นล่ะที่จับตัวเอาไว้ได้ เก่งกาจยิ่งนัก!”โดยปกติแล้วฉู่จวินถิงไม่ได้ใส่ใจกับความสำเร็จในลักษณะนี้แม้แต่น้อย ทว่าขณะนั้นเอง สายตาของเขาพลันหันมองไปยังซ่งรั่วเจินซ่งรั่วเจินเองก็หันไปมองฉู่อ๋องทันทีที่ได้ยินคำประกาศ เห็นแต่เพียงใบหน้าหล่อเหลาไม่เป็นสองรองใครของเขากำลังคลี่ยิ้มออกมาเจิดจ้าราวแสงอาทิตย์ชั่วขณะนั้น เขาก็ดูคล้ายจะเปล่งประกายเสียยิ่งกว่าแสงอาทิตย์เสียอีก รอยยิ้มอบอุ่นของเขาแกมแฝงด้วยความไม่แยแสยี่หระ ยิ่งกว่านั้นยังเปี่ยมอิสระเสรีไม่ยึดติดอันเป็นเอกลักษณ์ของคนหนุ่มทำเอาจังหวะเต้นของหัวใจใครหลายคนต่างสะดุดไปตามๆ กันในฐานะอันดับหนึ่ง รางวัลที่ได้ก็ย่อม
ตั้งแต่ซ่งจิ่งเซินกลับมา เขาก็ได้รับรู้ว่าหลินจือเยว่ทอดทิ้งน้องสาวของตนไปเพราะฉินซวงซวง ในใจก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าขุ่นเคืองเพียงใดเดิมทีคิดจะหาโอกาสสั่งสอนหลินจือเยว่เสียบ้าง ต่อมาได้รู้ว่าพวกน้องสามได้จัดการกันไปแล้ว จนบัดนี้แม้แต่ที่ให้ซุกหัวนอนก็ยังไม่มีจะอยู่หากเป็นคนทั่วไปแล้วเล่าก็ ใครยังจะมีแก่ใจมาพลอดรักกันอวดผู้คนให้อับอายขายขี้หน้าเช่นนี้ โชคยังดีที่น้องหญิงห้ายังไม่ทันได้แต่งออกไปกับคนเช่นนั้น!“หน้าของฉินซวงซวงนี่ก็ช่างหนายากจะหาผู้ใดเทียมเทียบจริงเชียว!”เมิ่งชิ่นหรี่เดินตาหยีด้วยแขยงสายตามาอยู่ข้างกายซ่งรั่วเจิน “ตั้งแต่นางมาวันนี้ก็ทำเอาผู้คนไม่น้อยเกิดไม่พอใจ แต่ดูเหมือนนางจะไม่ใส่ใจสักนิด ซ้ำยังจะมีหน้ามาทำระรื่นอยู่ได้”“ข้าว่าหลินจือเยว่ยิ้มได้มิน่าดูเสียยิ่งกว่าร้องไห้อีก แต่นางราวกับมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้น ข้าว่าอย่างไรพวกเขาคงไปกันได้ไม่นานนักหรอก”ซ่งรั่วเจินมองเมิ่งชิ่นที่ยู่ตรงหน้าพลางยิ้มบาง “ยันต์คุ้มกายที่ข้าให้ไปใช้ได้ผลดีหรือไม่?”“ได้ผลดียิ่งเลยล่ะ!” เมิ่งชิ่นจับมือซ่งรั่วเจินความตื้นเต้นในใจ หน่วยดวงตาเต็มด้วยความตื้นต้น “หากมิใช่เพราะเจ้า ต