“ ท่านโจรอี้หรานนางผู้นี้ร่างกายอ่อนแอมาก นางคงหักโหมจากการทำงานหนัก ข้อเท้ายังมีอาการบาดเจ็บ รอยขีดข่วนตามร่างกายล้วนเป็นแผลใหม่ที่ยังไม่หายดี “
โจรอี้หรานยืนท่าทางดีใจเป็นอย่างมาก เพราะนางผู้นี้ไม่ใช่ลูกสาวที่หมายจะส่งมาให้ “ ท่านหมอหลวงท่านกลับไปพักผ่อน ข้าจะให้บ่าวรับใช้ค่อยปรุงยาตามที่ท่านสั่ง” “กระหม่อมทูลลา” แรงกระชากม้าหยุดกะทันหัน บุรุษรูปงามสูงโปร่งตาคมกระโจนลงบนตัวม้า เดินเข้ามาในเรือนเหมือนปกติในทุกวันๆ “ ท่านพ่อ ท่านมาอยู่ที่เรือนข้าได้เช่นไร “ โจรอี้หราน” เจ้านึกสิ ว่าวันนี้เป็นวันอะไร” เฝิงเส้าเฟิงมึนงง มองบนเล็กน้อยเดินคิดอยู่หลายคร่า “ ข้านึกออกแล้ว วันนี้เป็นวันแต่งงานของข้า “ โจรอี้หรานได้ยินเช่นนั้น เหวี่ยงตัวสะบัดชายกระโปรงเดินออกไปด้วยสีหน้าดุดัน “ วันนี้เป็นวันแต่งงานข้า แล้วนางผู้นั้นอยู่ที่ใดกัน” กร๊อบ!! เสียงบิดลำคอด้วยอาการเหนื่อยล้าเล็กน้อย อ้าปากหาวยื่นแขนออกบิดลำตัวเดินเข้าห้องนอนของตน ตกใจเห็นสตรีนอนอยู่ที่นอนของตน จึงนึกขึ้นได้ว่านี้คือภรรยาที่แต่งงานด้วย หน้าตาก็สวย ถูกจ้างเท่าไรกันถึงยอมแต่งงานกับคนไร้สติ “ ตน ค่อย ๆ โน้มตัวก้มลงจ้องหน้าหญิงสาวอย่างใกล้ชิด ซุนอี้ จู่ ๆ ก็ลืมตาขึ้นมาโดยไม่ทันให้เฝิงเส้าเฟิงตั้งตัว “ไอ้บ้า “ เฝิงเส้าเฟิงร้องโอดครวญอย่างกับเด็ก 3 ขวบ “ โอ๊ยข้าเจ็บ เจ้าทำข้าเจ็บ “ ดิ้นทุรนทุรายโดดไปมาทำหน้างอนเล็กน้อย ซุนอี้ถึงกับกุมหน้าผาก “นี้ข้ากำลังเลี้ยงเด็กอยู่ จริงด้วย “ นั่งถอนหายใจพร้อมเข้ายื่นมือไปปลอบโยนชายไร้สติให้ลุกมานั่งข้างๆ “เจ้ามานี่ มานั่งข้าง ๆ ข้าเลิกร้องไห้ได้แล้ว ข้าไม่ได้ตั้งใจ “ เฝิงเส้าเฟิงพยักหน้าพร้อมกอดซุนอี้เอาหัวแนบท้องอย่างกับเด็กทารก “เจ้าคือภรรยาข้า ข้าจะปกป้องเจ้าเอง” ร้ายนักนะ เฝิงเส้าเฟิงใช้โอกาศนี้เตะเนื้อต้องตัวภรรยาตนเอง ซุนอี้ ใช้มือจับแก้มเบาๆ “ ลุกขึ้นเถิด เจ้าออกไปเล่นข้างนอกก่อน ตอนนี้ข้าร่างกายอ่อนแอนักข้าต้องพักผ่อน “ เฝิงเส้าเฟิงรีบลุกขึ้น ยื่นฝ่ามือทั้งสองจับแก้มและหน้าผากภรรยา “ ท่านไม่สบายจริงด้วย งั้นข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า” เฝิงเส้าเฟิงรีบกระโดดขึ้นเตียง ดึงผ้าห่มพร้อมเรียกภรรยาให้มานอนด้วยกัน “เมีย มาสิ ข้าจะอยู่เป็นเพื่อน” ซุนอี้ลังเลเล็กน้อยที่ต้องนอนกับชายแปลกหน้า “ เอาสิ ผัว ไร้สติคงทำเรื่องอย่างว่าไม่เป็นหรอก” นางตัดสินใจนอนร่วมเตียงเดียวกันกับเฝิงเส้าเฟิง จนทั้งสองหลับไปในที่สุด 3 ชั่วโมงผ่านไป นิ้วมือกระดิกเริ่มรู้สึกตัวเหมือนมีอะไรมาทับที่หน้าอกจับ ๆ คล้ำ ๆ ดู รีบดีดลำตัวลุกขึ้นสะบัดแขนออกขาข้างซ้ายถีบเฝิงเส้าเฟิงตกเตียงโดยไม่ได้ตั้งใจ “ โอ๊ย ตีนหนักจัง” จากนั้นเฝิงเส้าเฟิงก็หันหน้ามาหัวเราะใส่เมียตน “ ท่านอยากเล่นกับข้าก็ไม่บอก” ซุนอี้ยกมือส่ายไปมาแล้วประคองเฝิงเส้าเฟิงมานั่ง “ สามี ข้าไม่ได้ตั้งใจ ขาข้ามันชอบกระตุก “ เฝิงเส้าเฟิงมองไปที่ขาข้างซ้ายที่เมียตนนั้นบอกว่า มันกระตุก เลยยกข้าข้างนั้นขึ่นโดยที่ซุนอี้ไม่ทันตั้งตัว “ ข้างนี้รึ มันกระตุก” ซุนอี้ตกใจที่เฝิงเส้าเฟิงนั้นยกขาตนขึ่นจนชี้ตั้ง แถมยังโน้มตัวมาจ้องหน้าและถามไปพรางๆ “ ใช่ข้างนี้หรือไม่ เมียทำไมไม่ตอบข้า ซุนอี้สะบัดเบี่ยงลำตัวลุกขึ้น “ ใช่ขาข้างนี่แหละ เจ้าอย่าไปจับมันบ่อยละ เดี๋ยวมันจะเตะก้านคอเจ้าโดยไม่รู้ตัว? “ เฝิงเส้าเฟิงถึงกับคิดในใจว่าเมียตนนั้น ดุ มาก เลยแกล้งยิ้มเฝือนๆเหมือนคนบ้า “ข้าไม่จับมันแล้ว หากมันกำเริบข้าอาจตายได้” ซุนอี้ยิ้มด้วยสีหน้าที่เหนื่อยๆ เหมือนราวกับว่าตนนั้นกำลังเลี้ยงเด็ก “ เอาละ ข้าจะไปอาบน้ำ เจ้าออกไปเล่นข้างนอกก่อนเถิด” จากนั้นเฝิงเส้าเฟิงเดินดุกดิกวิ่งซนออกไปข้างนอกตามที่เมียสั่ง “ ไปเสียที เหนียวตัวจะแย่ ว่าแต่ห้องน้ำสมัยเก่าเป็นเหมือนในชี่รี่ไหมนะ” จู่ๆนางกำนัลบ่าวรับใช้ก็เดินเข้ามา “ องค์หญิงซุนอี้ หากจะอาบน้ำ หม่อมฉันจะเตรียมเครื่องปะผิวให้เพคะ “ นางยิ้มให้นางกำนัลแล้วถามด้วยความสงสัย หากเจ้าไม่ทำหน้าที่นี้ จะเป็นเช่นไร” นางกำนัลรู้สึกงงกับคำถาม ผู้คนทั่วไปก็รู้ๆกันเหตุใด องค์หญิงซุนอี้ถึงไม่รู้ หากหม่อมฉันไม่ทำจะถูกโบยเพราะบกพร่องในหน้าที่ เพคะ “ ซุนอี้พยักหน้ายิ้มกลบเกลื่อน “ ข้าถาม ไปงั้น อย่าได้สงสัยในสิ่งที่ข้าเพึ่งจะเอ่ยไป “ บ่าวรับใช้ได้ยินดังนั้นรีบเตรียมเครื่องปะชำระล้างร่างกายทันที บรรยากาศด้านหลังเรือนเฝิงเส้าเฟิงมีลำธารไหลผ่าน น้ำใสสะอาดสีฟ้าอ่อนๆมองเห็นทะลุดินใต้น้ำ ด้านข้างมีห้องน้ำส่วนตัวอาบน้ำอย่างดี “ โอ้โฮ ได้บรรยากาศมาก” นางกำนัลมาได้ยินคำพูดแปลกประหลาดจึง ถามซ้ำว่าต้องการอะไรอีกหรือไม่ “องค์หญิง พูดว่าอะไร กระหม่อมไม่เข้าใจ หรือว่าองค์หญิงต้องการสิ่งใด บอกหม่อมฉันได้” ซุนอี้” ข้าไม่ต้องการสิ่งใดเจ้าออกไปเถิดหากมีอะไร ข้าจะเรียกหา” นางกำนัล/ ชงหยุน บ่าวรับใช้ที่เฝิงเส้าเฟิงไว้ใจ นิสัยดี รู้ผิดรู้ถูก ซื่อสัตย์ต่อเจ้านายเป็นอย่างมาก) ในอ่างน้ำอาบน้ำใบใหญ่สีขาวขุ่นดังน้ำนม ปลายเท้าค่อยจุ่มลงน้ำอย่างช้าๆเผยให้เห็นขาเรียวๆขาวๆนวลผ่องที่ไม่เคยผ่านชายใดมาเลย “ อาบน้ำสผมน้ำข้าวก็ดีเหมือนกัน มันรู้สึกแปลกใหม่ดี” บรรยากาศกำลังไปได้ดีสักพักก็มีเสียงโวยวายมาจากในเรือน “ปล่อยข้านะ ข้าจะไปหาเมียข้า เมียข้าอยู่ไหน” ชงหยุนวิ่งไล่ตามองค์ชายจนหอบเหนื่อย ปวดขาแลจะวิ่งตามไม่ไหวแล้ว “ ชงหยุน” โอ๊ะ วันแรกก็จะไม่ไหวแล้ว ท่านชายนะท่านชาย” นางจึงได้แต่นั่งหายใจพะงาบๆ เหงื่อย้อยไหลตกพิงเสาหน้าเรือน ซุนอี้” เสียงอะไร เกิดอะไรขึ้น “ เฝิงเส้าเฟิง” เอ๊ะ! เมียข้าอาบน้ำอยู่นี่เอง ข้าขออาบด้วยคนนะ “ ซุนอี้ตกใจ กริ๊ดลั่น!!! ด้วยความมือไวยิบไม้ที่อยู่ข้างๆเขวี้ยงใส่หัวเฝิงเส้าเฟิงจนสลบไปในที่สุด “ ตายไหมนะ....ชงหยุน? มาหาข้าหน่อย” ชงหยุนได้ยินซุนอี้เรียกหารีบลุกขึ่นไปหาทันที นางไม่ทันระวังเดิน สดุดล้มหน้าห้องน้ำพอก้มหันไปด้านหลังเจอเฝิงเส้าเฟิงนั่งสลบอยู่หน้าประตู ที่ศีรษะมีเลือดออกเล็กน้อย “องค์หญิงฝีมือท่านใช่หรือไม่” ซุนอี้พยักหน้าพร้อม ถือไม้เป็นหลักฐานให้บ่าวรับใช้ดู “ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ใครบอกให้เข้ามาในห้องอาบน้ำ “ ชงหยุน” องค์หญิงรีบอาบน้ำให้เสร็จ หม่อมฉันจะเรียกยามเฝ้าหน้าเรือนมาแบกร่างท่านเฝิงเส้าเฟิงกลับเข้าห้องนอน” ซุนอี้ “ ได้! อีกประเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว เจ้าออกไปก่อน “ ชงหยุน” เพค่ะ”หลังจากอาบน้ำเสร็จ สายตามองดูตู้เสื้อผ้าที่ตนจะเลือกใส่ จับแล้วจับอีกไม่รู้ว่าจะใส่ยังไงให้เข้ากัน ซุนอี้ เลยเรียกหา ชงหยุนให้มาแต่งตัวให้ซุนอี้" ชงหยุน เจ้าช่วยมาหาข้าที"ชงหนุน" ท่านหญิงมีอะไรรึ " (ซุนอี้ยืนมองชุดที่ตนนั้นวางกระจัดกระจาย ชงหยุนก็เข้าใจทันที )ซุนอี้" ข้าแต่งตัวไม่เก่ง เจ้าช่วยข้าได้หรือไม่" ชงหยุน" ได้เพคะ " (ซุนอี้ถอนหายใจโล่งอกไปที )30 นาที ผ่านไป แต่งตัวเสร็จแล้ว จู่ๆท้องก็ร้องดังขึ้นซุนอี้มองหน้า ชงหนุนยิ้มอุบอิบมองท้องของตนพร้อมมือลูบท้องไปพลางๆ ชงหยุน" ตั้งแต่มาท่านยังไม่ได้ทานอะไรเลย ข้าจะไปเตรียมอาหารมาให้ท่าน "ซุนอี้" ขอบใจเจ้า" ซุนอี้" จากลูกสาวมาเฟียต้องกลายมาเป็นองค์หญิง เรื่องแบบนี้มันช่างหน้าเหลือเชื่อ (คิดในใจ) กลิ่นอาหารโชยมาแต่ในครัวหอมจนท้องร้องอีกครั้ง กลืนน้ำลายรอไปหลายที ในที่สุดก็มาแล้ว ชงหยุน" มาแล้วเพค่ะ "ซุนอี้" โห้ น่ากินมาก เจ้ามานั่งทานข้าวเป็นเพื่อนข้าก่อนอย่าเพิ่งรีบไป" ชงหยุน" ไม่หรอกเพ่ค่ะ หม่อมฉันเป็นแค่บ่าวไม่ควรนั่งร่วมโต๊ะทานอาหารกับเจ้านาย" ซุนอี้ลุกยืนเดินเข้าหาชงหยุนดึงแขนนางมานั่งโต๊ะพร้อมตักข้าวให้นาง จนชงหยุน คิ
ใกล้รุ่ง 6.00ประตูหน้าบ้านปิดทุกครัวเรือน มีแขกผู้ไม่รับเชิญเข้ามาเยี่ยมเยียน แม้แคว้นสิบ นั้นจะเป็นที่ลำลือด้านวรยุทธ์แต่ก็มีอีกหลายแคว้นอยากจะโค่นล้มแคว้นสิบ นักต่อนักผลไม้หน้าเรือนชาวบ้านถูกเด็ดขบเคี้ยวตลอดตามทางในมือถือไห่เหล้าชั้นดีประคองดื่ม ฝีปากลั่นวาจาท้าทายเจ้าของถิ่น "เห้ย! มันไปไหนกันหมด ออกมาสิโว๊ย?" สิ้นสุดเสียงตะโกนไม่มีแม้แต่เงาผู้คน มีแต่สายตานักล่าที่รอพวกมันอยู่ข้างหน้าเป็นฝูงใหญ่ เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกมันก็หัวเราะชอบใจ" ที่นี้ก็ไม่เห็นมีอะไรนอกจาก ฝูงหมาป่า หึ?"เสียงกระดิ่งดังก้องไปทั่วหมู่บ้านมองหน้ามองหลังมองด้านข้างก็ไม่เห็นมีผู้ใด" นี่รึแคว้นสิบ ที่ลำลือกัน มีดีแค่นี้รึ"ร่างกายผอมแห้งตาแก่วัย 90 เดินถือไม้เท้าต๊อกๆเคลื่อนที่อย่างช้าๆตามประสาวัยชรา ในมือถือเนื้อสดๆเดินเข้ามาหาฝูงหมาป่าป้อนเข้าปากมันทีละตัวอย่างใจเย็นแล้วเอ่ยบอกมันว่า " พวกเจ้ากินเสร็จแล้วก็ไล่มดไล่แมลงออกไปเสียเถิดหนารกหูรกตาคนแก่อย่างข้า" กลุ่มชายฉกรรจ์ได้ยินแล้วเหมือนเป็นเชื้อเชิญพวกตนอย่างตั้งใจ" ตาแก่หัวงอก รนหาที่ตาย" ชายชรา" เจ้านั้นแหละที่มารนหาที่ตาย"" พวกเจ้าได้ยินหรือไม่ ส
เรือนโจรอี้หรานองครักษ์" ฝ่าบาท มีข่าวรายงานมา ว่าท่าน ฮ่องเต้แห่งเฉิงฮั่นมาขอเข้าเฝ้า อีกสักพักคงถึงเขตแคว้นสิบ ขอรับ " โจรอี้หราน" เตรียมสถานที่รอต้อนรับ ข้าจะบอกให้เฝิงเส้าเฟิงเตรียมตัว"" ขอรับ "เรือนเฝิงเส้าเฟิงโจรอี้หรานนำความมาบอกให้เฝิงเส้าเฟิงเตรียมตัว และให้ภรรยาตนนั้นออกมาด้วย เฝิงเส้าเฟิง" ข้าเข้าใจแล้วท่านพ่อ "โจรอี้หราน" ส่วนเรื่องนี้ข้าจะให้ชงหยุนบอกภรรยาเจ้าเอง " เฝิงเส้าเฟิง" ขอรับ " ชงหยุนรีบนำความไปบอกซุนอี้ให้เตรียมเข้าท้องพระโรงต้อนรับฮ่องเต้แคว้นเฉิ่งฮั่น ชงหยุน" องค์หญิง วันนี้ฮ่องเต้แห่งแคว้นเฉิงฮั่นจะมาเยือนแคว้นสิบได้ข่าวว่า ชายารอง ก็มาด้วย " เมื่อซุนอี้ได้ยินว่า หลิวซินเนียน นางก็นึกได้ทันทีว่าสตรีนางนี้เป็นผู้ชื้อตัวนางแทนลูกสาวให้มาแต่งงงาน " นางคางคกมันมาแล้ว" ชงหยุนหลับตาปริบๆจับใจความไม่ได้ว่าหมายความว่าเช่นไร " องค์หญิง บ่นอะไรรึ ข้าฟังไม่รู้ความ" ซุนอี้หันมายิ้มแล้วจับบ่าไหล่" ข้าอยากทาปากสีแดง "ชงหยุน" ออ ปากสีแดง แค่นั้นรึ"ซุนอี้" สีแดงคงแรงพอ ต้องชุดสีแดงแรงฤทธิ์ เล็บก็ต้องแดง ต้องเหมือนนางร้ายในชี่รี่ ( คิดในใจ)ซุนอี้" ข้
ซุนอี้เดินออกจากเรือนมานั่งที่ศาลากลางแม่น้ำเพียงลำพัง ในความมืดมนแต่ยังมีดวงดาวคอยส่องแสงประกายในยามวิกาล นางพยายามอยู่กับความเป็นจริงว่าชีวิตต่อจากนี้จะเจออุปสรรคมากมายแค่ไหน ต้องอดทนผ่านมันไปให้ได้ แม้ความหวังจะเปรียบเหมือนแสงดวงดาว แต่มันก็ส่องแสงในทุกๆคืนที่ มืดมน " ข้าเป็นถึงลูกสาวมาเฟีย ต้องเข้มแข็งแบบพ่อสิ " ในขณะที่นางมองดวงดาวน้อยๆอยู่นั้น ก็มีเสียงเรียกหา มุ่งหน้ามายังศาลา" องค์หญิงมาอยู่ที่นี่เอง ท่านไม่ง่วงรึ" (ชงหยุนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง)ซุนอี้" เหตุใดต้องดีกับข้า ข้าก็แค่สาวชาวบ้านธรรมดา "( นางเอ่ยถามด้วยสงสัย)ชงหนุนตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแฝงไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ" เพราะท่านเป็นคนดี " ซุนอี้" แต่ในสายตานายเจ้า มองข้าเหมือนสตรีทั่ว ๆ ไป" ในขณะที่ทั้งสองพูดคุยกัน จู่ ๆ ก็มีเสียงอุทานแทรกเข้ามาในบทสนทนา เดินตรงเข้ามายังศาลาด้วยท่าทางหยิ่งทะนงตน "บุรุษชอบสตรีมีฐานะ และฉลาด ส่วนเจ้าแค่สาวบ้านธรรมที่ข้าชื้อตัวมา "นางหัวเราะยิ้มมุมปากใช้ใบพัดปิดปากจ้องหน้าซุนอี้" ข้าว่าเจ้าคงอยู่ในฐานะชายาเอกได้ไม่นาน " ซุนอี้" หือ ? ไยป้านี่คงอยากให้ลูกสาวขึ้นเป็นชายาเอก จนอยู่ก
หลังจากที่ถานเจี้ยนซื่อพาองค์ชายและองค์หญิงไปพ้นจากศาลาใหญ่ หลี่ซิ่นก็แสดงกิริยาไม่ดีออกมาทั้งสีหน้าแววตา พาลไปลงที่นางกำนัล" ข้าไม่เชื่อ ว่าบุรุษผู้นี้จะไม่ชอบ หากชายใดเจอหญิงเปื่อยกายต่อหน้า ไม่รอดสักราย สักวันข้าจะขึ้นเป็นชายาเอกให้ได้" ทั้งสองได้ที่พักที่เรือนตำหนักใหญ่ใจกลางแม่น้ำ รายล้อมด้วยดอกบัว บนผิวน้ำ มัวแต่มองจนเดินสดุดล้ม" โอ๊ย! " นางเงยหน้ามองสามี ที่เดินเข้าตำหนักอย่างไม่รีรอ" ผู้ชายสมัยเก่านี้ สุภาพมาก "หลังจากนั้นนางก็พยายามประคองตัวลุกขึ้นเดินเข้าตำหนัก ภายในตำหนักสะอาด งดงามด้วยของตกแต่งเล็กน้อย" ไม่เคยเห็นรึไง" ซุนอี้" ใช่ ! ข้าไม่เคยเห็น"เฝิงเส้าเฟิงกระชากข้อมือสบตานางแล้วเอ่ย " มารยา" ซุนอี้" นี่เจ้า เกินไปแล้วนะ" เฝิงเส้าเฟิง" ข้าไม่ได้เอ่ยชื่อ รึว่าเจ้าเป็นจริงๆ "ซุนอี้" ช่างเถอะ ในสายตาท่านข้าคงเป็นนางโลมผ่านผู้ชายมามากมาย แต่ท่านไม่ต้องห่วง ข้าจะทูลขอท่านโจรอี้หราน เรื่องหย่า "เฝิงเส้าเฟิง" เจ้ามีสิทธิอะไรมาพูดเรื่องหย่า "ซุนอี้" อย่าคิดว่าเป็นองค์ชายแล้วจะข่มขู่ผู้ที่ด้อยกว่า มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย ถุ่ย!"เฝิงเส้าเฟิงพูดไม่ออกปากสั่นกัดกรามคางข่มอาร
เฝิงเส้าเฟิง"นางร้องเพลงได้แปลกประหลาดแต่ความหมายซึ่งดีเหลือเกิน" (ชมเชยได้ไม่นานสิ่งของที่ไม่ได้ใช้ถูกโยนออกมาในห้องซุนอี้ ทีละชิ้น 2 ชิ้น ทุกชิ้นโยนถูกที่ใบหน้าเฝิงเส้าเฟิงอย่างแม่นยำ)เฝิงเส้าเฟิง" ซุนอี้ ( เสียงดังใส่)ซุนอี้" ท่านไม่รู้เรื่องมารยาทรึว่าก่อนจะเข้ามาให้เคาะประตูก่อน (ยกคิ้วและเบะปาก ไล่เฝิงเส้าเฟิงออกไป)เฝิงเส้าเฟิง" เหตุใดท่านพ่อข้าถึงได้เลือกเจ้ามานะฐานะต่ำต้อยแล้วยังทำนิสัยต่ำ ๆ อีก" (โมโหมาก)ซุนอี้" ข้าหรือชั้นต่ำข้าไม่ใช่พวกประเภทหลอกลวงตีหน้าเศร้าการละครการแสดงใส่ผู้อื่นโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึก (นางถือไม้กวาดชี้ไปที่เฝิงเส้าเฟิงยืนเถียงฉอดๆ)เฝิงเส้าเฟิง" เจ้ามันก็เห็นแก่เงินนั่นแหละยอมถูกขายเพื่อจะได้มาแต่งงานกับข้า (พูดเสร็จ ดึงไม้กวาดโยนทิ้งลงพื้น)ซุนอี้" อี๋? สกปรกข้าไม่ใช้ไม้กวาดอันนี้แล้ว ชงหยุนไปหาไม้กวาดอันใหม่มาให้ข้า ข้าเกรงว่าไม้กวาดอันเดิม เชื้อโรคจะติด( ขาน้อย ๆ เตะไม้กวาดออกไปข้างนอกอย่างรังเกียจ) เฝิงเส้าเฟิง" บังอาจเป็นสตรีเหตุใดถึงพูดจาหยาบคายไม่เหมาะกับเป็นฉายาของข้าเลย ( เฝิงเส้าเฟิงมองนางด้วยสายตาเอือมระอา)ซุนอี้" หากเป็นเช่นนี้ท่านย
ทหารนำตัวซุนอี้มาเข้าเฝ้าฝ่าบาทที่ท้องพระโรง"คำนับฝ่าบาท"ถานเจี้ยนซื่อไม่รอช้ารีบถามเข้าประเด็น" เจ้าผลักลูกสาวข้าตกน้ำรึ " ด้วยความที่นางเป็นคนไม่โกหกจึงตอบความจริง" ข้าไม่ได้ผลักนาง แต่นางจะเดินมาชนข้าทั้งๆที่นางก็เห็นอยู่ว่าเดินมาฝั่งซ้ายมือ ส่วนหลี่ซิ่นเดินทางฝั่งขวามือ ซึ่งฝ่าบาทก็น่าจะรู้ว่าสะพานห่างกันมาก แล้วเหตุใดถึงได้ไปตกน้ำที่ฝั่งซ้าย หากท่านจะว่าข้าเรียกนางมาก็ไม่ถูก ท่านคิดว่าผู้ใดกันหาเรื่องก่อน "นางกำนัล" เจ้าใส่ความองค์หญิงหลี่ซิ่น ฝ่าบาทเรื่องที่นางเล่ามานั้นไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย "ซุนอี้" ฝ่าบาททรงไตร่ตรองเรื่องนี้ให้ดี ข้าคงไม่ใช้วิธีต่ำช้าเช่นนี้เป็นแน่ หากเรื่องนี้รู้ไปถึงหูท่านพ่อเฝิงเส้าเฟิง พวกข้าคงต้องกลับแคว้นของตน เรื่องส่วนเรื่องการค้านั้นค่อยคุยกันใหม่"ถานเจี้ยนซื่อกลัวเสียพันธมิตรร่วมการค้าที่สามารถหนุนนำให้รุ่งเรืองได้แม้จะลังเลเล็กน้อยแต่ตนก็ยอมไม่ลงโทษซุนอี้เพราะหาสาเหตุไม่ได้ความจริงใครเป็นผู้กระทำไม่รู้...." ในเมื่อเรื่องนี้ไม่มีผู้ใดยอมรับข้าจะตามสืบทีหลังส่วนเจ้าข้าจะไม่ลงโทษแต่ข้าจะให้เวลาเจ้าภายใน 1 เดือนหาตัวพยานมาเพื่อชี้แจงเรื่องน
เรือนใจกลางแม่น้ำ 13.00 น. สีสันประทับทับลงกระดาษจิตวิญญาณและหัวใจสื่อเข้าไปในรูปวาด นั่งใจจดใจจ่อใช้สมาธิในที่เงียบสงบจับพู่กันสร้างสรรค์ออกมาให้สวยที่สุด ชงหยุน" องค์หญิงเก่งมากเพคะ " เมื่อถูกชมเชยสายตาเป็นประกายดังดวงดาว " จริงรึ " ชงหยุน" จริง ข้าไม่ได้โกหก องค์หญิงชั่งวาดรูปได้งามนัก" (ชงหยุนชอบมากเอ่ยปากชมแล้วชมอีก) ซุนอี้" แค่นี้ยังเล็กน้อย " ทั้งสองคุยกัน หัวเราะกันอยู่สองคนจู่ๆ เฝิงเส้าเฟิงก็มายืนอยู่ด้านหลัง มองดูนางทั้งสองได้สักพักแล้ว ประสบจังหวะพอดีที่ชงหยุนหันไปเจอ " องค์ชายท่านมาตั้งแต่เมื่อใด" เมื่อซุนอี้ได้ยินแค่ชื่อสะบัดคอมองแรงเบี่ยงหน้าหนีกลับไปวาดรูปต่อ เฝิงเส้าเฟิง" ถ้าคิดว่าสตรีธรรมดาเช่นเจ้าจะวาดรูปเป็นเหมือนกัน " ซุนอี้" ทุกคนมีความสามารถของตัวเองไม่ใช่จะใหญ่อยู่แค่คนเดียว " เฝิงเส้าเฟิง" เจ้าหมายความว่าเช่นไร" ซุนอี้" ก็หมายความอย่างที่ข้าพูด " เฝิงเส้าเฟิง " พรุ่งนี้ข้าจะออกไปศึกษาเรื่องการค้าขายทุกชนิด เจ้าก็อยู่ตำหนักไปเจ้าอ่านหนังสือไม่ออกเขียนก็ไม่ได้จะไปก็ลำบากข้า เป็นภาระเสียเปล่า " (ซุนอี้วางพู่กันลุกขึ้นต่อต้านเฝิงเส้าเฟิง ) ซ
ตำหนักหลี่ซิ่น หมอหลวง" องค์หญิงสิ้นใจแล้วขอรับ "หลิวซินเนียน" ไม่จริง...ฮือๆ ลูกแม่เจ้าตื่นขึ่นมาเถิดหนา "ตนนั้นทำใจไม่ได้และกล่าวหาหมอหลวงว่าไม่มีความสามรถ...ร้องไห้คร่ำครวญกอดลูกสาวไม่ยอมปล่อย...หันมากล่าวโทษทุกคนที่ยืนดูอยู่หลิวซินเนียน" เป็นเพราะพวกเจ้า พวกเจ้าทำลายชีวิตของของข้า " ฉางอัน" เจ้าทำตัวเองทั้งนั้น จะโทษผู้อื่นเหตุใดไม่โทษตัวเอง " หลิวซินเนียน" ผู้ใดถามเจ้า ข้าชังน้ำหน้าเจ้านัก "ฉางอัน" พอเถิดเจ้าหมดหนทางแล้ว เตรียมตัวเข้าไปชดใช้กรรมในคุกเถิด" ได้ยินคำว่าคุก นางจึงยิบมีดออกมาข่มขู่ทุกคนก่อนจะตายนางได้เอ่ยทิ้งท้าย หลิวซินเนียน" จ้าไม่มีวันยอมเข้าคุก ข้ายอมตายเสียดีกว่า " หลังจากนั้นตนได้ใช้มีดแทงตัวเองจนสิ้นใจตามลูกสาวทิ้งตัวนอนลงข้างกายลูกของตน และหลังจากนั้นศพสองแม่ลูกนั้นได้ถูกเผาไม่มีการทำพิธีใดๆไปทั้งสิ้น เมื่อข่าวนี้แพร่งพรายออกไปทั่วเฉิ่งฮั่น ต่างคนต่างเชื่อในปาฏิหาริย์และรับรู้ว่าต่อจากนี้เมืองเฉิ่งฮั่นจะกลับมามีความสุขดังเฉกเช่นเมื่อก่อนในเมื่อทุกอย่างถูกคลี่คลายเฝิงเส้าเฟิงตอบตกลงทำการค้ากับแคว้นเฉิงฮั่นโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ส่วนซุนอี้ได้พบกับแม่ที่แท้
เจ็ดวันถัดมา เวลา 8.00ณ . ท้องพระโรงในที่สุดวันนี้ก็มาถึงได้เวลาเปิดโปงความจริงทุกอย่าง หลักฐานพร้อมพยานพร้อม ทุกคนในท้องพระโรงต่างรอพระมเหสีหลิวซินเนียนและองค์หญิงซุนอี้ บรรยากาศในท้องพระโรงเริ่มรี่เสียงลงอวยหน้าหันไปยังหน้าประตูบานใหญ่ที่กำลังเปิดออก พระมเหสีหลิวซินเนียนมาแล้ว แต่มาด้วยใบหน้าที่ใส่หน้ากากปิดบังรอยบาดแผลไว้ เหลือให้เห็นแค่ดวงตาทั้งสองข้าง ถานเจี้ยนซื่อ " ในเมื่อมากันครบแล้ว....เฝิงเส้าเฟิงเริ่มได้เลย " เฝิงเส้าเฟิง " เข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน หัวหน้ากรมตุลาการ หูจวินได้ทำความผิด ข้อหาโยนความผิดให้ผู้บริสุทธิ์ปิดบังเรื่องการหายตัวของชาวบ้านตั้งยี่สิบกว่าปี นักโทษที่จับมานั้นล้วนเป็นคนดีทั้งหมดและเรื่องนี้มีผู้อยู่เบื้องหลังคอยหนุนหลังหูจวินมาตลอด "หลิวซินเนียนเริ่มออกอาการทำตัวไม่ถูกตนนั้นกลัวจะถูกเปิดโปง เลยขอตัวกลับตำหนักอ้างว่าตนนั้นไม่สบายหลิวซินเนียน" ฝ่าบาทข้าปวดหัวมาก ข้าขอกลับไปพักผ่อนที่ตำหนัก " เฝิงเส้าเฟิง" ท่านยังไปไหนไม่ได้ " หลิวซินเนียน " บังอาจกล้ามาก้าวร้าวใส่ข้า " เฝิงเส้าเฟิง " ฝ่าบาทขอรับผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก็คือ พระมเหสีหลิวซินเนียนข
ทรมารจากบาดแผลจนร้องไห้ออกมาผ่านบาดแผลที่แก้มทั้งแสบทั้งแค้นใจจนนางสลบลงไปในที่สุด สภาพนางตอนนี้ไม่ต่างจากหมาเร่ร่อนเลยสักนิด กลายเป็นผู้ที่มีหน้าตาอัปลักษณ์จนนางกำนัลไม่กล้าเข้าไปพยุง ในขณะหลี่ซิ่นได้ผ่านมาทางหน้าตำหนักโบตั๋นเห็นนางกำนัลยืนวงล้อมดูท่าวุ่นวายกันมาก ส่วนชงหยุน/หนิงเหอ ได้รีบกลับเข้าตำหนักไปเก็บข้าวของเตรียมหนีกลับแคว้นสิบและพาลี่ถังไปด้วยหนิงเหอ " เหตุใดถึงต้องหนี "ชงหยุน " องค์ชายเคยบอกข้าไว้ล่วงหน้า ว่าถ้าหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ให้ข้ารีบกลับแคว้นสิบอย่าอยู่ที่นี่ "หนิงเหอ"แล้วองค์ชายละ จะเป็นเช่นไร องค์หญิงก็เช่นกัน "ชงหยุน " เรื่องนี้เจ้าอย่าได้ขวัญเสียไป องค์ชายข้าเก่งฉลาดกว่าที่เจ้าคิดเสียอีก รีบเก็บของแล้วไปตำหนักท่านลี่ถัง " หน้าตำหนักโบตั๋นเพลานี้เหล่าขุนนางต่างเรียกให้ทหารนำตัวนางไปรักษา ส่วนนางกำนัลโดนหลี่ซิ่นลงโทษ อย่างหนัก ที่ลานกลางเรือนหลี่ซิ่น แซ่ประจำตัวนางไม่ได้ใช้มานานเพลานี้สมควรนำมันออกมาใช้เสียที แค่เห็นแซ่ในมือนาง นางกำนัลคนเก่าๆที่อยู่มานานยังกลัวไม่ต่างจากนางกำนัลคนใหม่ หลี่ซิ่นจับมวยผมจนจำศีรษะลากนางกำนัลถูพื้นจนขาถลอก มือชั่วช้าได้จับผม
เช้าวันใหม่ 6.00 สองสามีภรรยาตื่นเช้าเตรียมตัวออกตามหานักสืบที่อยู่ในรายชื่อทั้งหมด ที่แรกที่ต้องไปคือหมู่บ้านเล็กๆในแถบนอกเมือง ที่นั้นมีนักสืบซ่อนตัวอยู่เพื่อหลบซ่อนผู้หวังจะทำร้าย เมื่อทั้งสองได้เดินทางมายังหมู่บ้าน ก้าวแรกที่เข้ามาก็เป็นที่หมายตาของชาวบ้านเสียแล้ว ชาวบ้าน " พวกเจ้าทั้งสองมาทำอะไร "เฝิงเส้าเฟิง " ข้ามาตามหาชายที่ชื่อว่า ห่าวซวน " ชายแก่เดินวนรอบ ๆ กายทั้งสอง ใช้ไม้เท้าเคาะตามตัวเพื่อหาสิ่งของ ว่าแอบนำอะไรเข้ามา มองตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่เว้นแม้กระทั่งม้าที่ตนขี่มา วนมองดูหนึ่งรอบไม่พอยังมีรอบที่สอง " ใส่ชุดคลุมหนาเช่นนี้ตอนถอด คงให้ภรรยาซ่วยละสิ ละดูรองเท้าเจ้าสิหนาอย่างกับกากมะพร้าว รอยแผลตามตัวมีแต่แผลเก่าเต็มไปหมด หน้าตาก็ดี รูปร่างใช้ได้ ดูมีฐานะแต่เหตุใดต้องใส่เสื้อผ้าโสโครกเช่นนี้ ผมเผ้ารกรุงรังไปหมด ไปตัดออกบ้าง ไม่เหนื่อยรึปลอมตัวมาเช่นนี้ " เฝิงเส้าเฟิง " ท่านรู้ได้เช่นไร " " ดูภรรยาเจ้าสิผิวพรรณนวลผ่องดังน้ำนมข้าว รูปร่างหน้าตาไม่เป็นสองรองใคร สงบเสงี่ยมเหมือนคนโดนเชือกมัดปากไว้ไม่ยอมพูดจา เนื้อตัวมีกลิ่นเครื่องหอมพุ่งเข้ามาเตะจมูกข้า สาวชาวบ้านธรรมดา
ในระหว่างเดินทางกลับ นางชำเลืองมองไปเห็นชายร่างกายสูงใหญ่หน้าตาหน้ากลัวกำลังอารมณ์เสียเหมือนผิดหวังอะไรมาสักอย่าง แววตารังสีอำมหิตร้อนแรงแผ่ออกกระจายมาทั่วร่างกาย นางสูดหายใจเข้าลึกๆ เบิกตากว้างมองชายผู้นั้นอย่างตื่นตะลึ่ง แต่เมื่อวิ่งรถม้าผ่านชายผู้นั้นไปนางจึงนึกได้ว่าจะหาใครมาทำงานให้นาง จึงสั่งทหารให้เลี้ยวรถม้ากลับทันที "." เงินก็ไม่มีไปเล่นการพนันยังถูกโกง หึ สงสัยข้าต้องขายวัวทิ้งจะได้กลับไปแก้แค้นให้ได้เงินกลับมาเป็นหลายเท่า "{ ตนเดินบ่นไม่พอใจหงุดหงิดใจมองไปทางไหนก็ไม่สบอารมณ์ จนได้ยินเสียงรถม้าวิ่งมาจอดดักหน้าตน สิ่งแรกที่สังเกตเห็นได้คือทหารผู้นี้มาจากในวังและตนยังได้กลิ่นเครื่องหอมของสตรีพุ่งออกมา ตนชะเง้อมองผ้าม่านสีเทาที่กำลังเลื่อนออกอย่างช้าๆ } หลิวซินเนียน " เจ้าอยากมีงานทำหรือไม่ " " ท่านเป็นใคร " หิวซินเนียน" ข้าคือพระมเหสีหลิวซินเนียน " [เมื่อตนรู้ความจริงถึงกับยืนอ้าปากค้างตัวแข็งเหมือนหุ่น }หลิวซินเนียน " ไม่ต้องกลัว สนใจทำงานให้ข้าหรือไม่ ข้าตอบแทนของเจ้าจะทำให้เจ้าสบายไปทั้งชาติ " " งานอะไร ขอรับถึงได้เงินมากมายถึงเพียงนี้ " หลิวซินเนียน " ลักพาตัว
ระเบิดหลายลูกกำลังเตรียมการเล็งเป้าหมายมาที่หมู่บ้าน ชายทั้งห้าจะไปหยุดพวกมันทันหรือไม่ เมื่อเห็นว่าทางเฉิ่งฮั่นไม่มีการตอบโต้ยิ่งทำให้ได้ใจหลงระเริงคิดว่าฝั่งตนนั้นเหนือกว่าทุกอย่าง ในที่หลบบนเนินเขาไม่แปลกใจที่หาพวกมันไม่เจอหนำซ้ำฝั่งเฉิ่งฮั่นเสียเปรีบยอยู่ไม่น้อย บัดนี้เจ้าหมาป่าได้เดินดมกลิ่นไปเรื่อยๆ จนมันเริ่มเหาเบาๆเพื่อบอกชายทั้งห้าเดินทางขึ่นไปยังหุบเขาโดยใช้ทางเดินที่ทุกคนต่างก็รู้ว่ามันเป็นทางตัน" เจ้าหมาป่า ทางนั้นมันเป็นทางตัน " เจ้าหมาป่าไม่สนใจวิ่งนำหน้าชายทั้งห้าเข้าไปอย่างรวดเร็ว " ตามเจ้าหมาป่าไป " เมื่อเดินทางมาถึงยังที่หมายกลับเป็นทางตันจริงๆ " เจ้าหมาป่าข้าบอกเจ้าแล้วว่ามันเป็นทางตัน " { ตนย้ำด้วยเสียงที่มั่นใจและไม่หลบสายตา} เจ้าหมาป่าไม่เชื่อเพราะกลิ่นจมูกของมันไม่มีทางคาดการผิดพลาด มันจึงดมกลิ่นรอบๆจนเจอกับโพรงหญ้าที่มีหลุมใต้ดินเป็นทางลัดเดินลงไป โฮ่งๆ...... มันคาบชายกระโปรงเพื่อให้ทุกคนเข้ามาดูในที่มันเจอ " ใจเย็น ข้าจะไปดู " เมื่อชายทั้งห้าเปิดโพรงหญ้าที่หนาทึบและมีหนามคมเต็มไปหมด " ห๊ะ ทางลัดใต้ดิน พวกมันขุดเตรียมการไว้ลวงหน้าก่อนจะเปิดสงคราม " {
" สัญลักษณ์แคว้นหกรึ หมาลอบกัด "ตนยิบป้ายมองมันอย่างแค้นใจที่กล้ามาทำร้ายลูกน้องของตน จึงนำป้ายเก็บไว้เพื่อจะจะเป็นประโยชน์ในวันข้างหน้า " เจ้าหมาป่าออกจากที่นี้กันเถิด " เมื่อเจ้าหมาป่าได้ยินคำสั่งมันจึงให้หัวหน้าทหารเดินนำก่อนหน้ามันจะเดินตามหลังเพื่อปกป้องตามสัญชาตญาณ กรมกลาโหมเมื่อเฝิงเส้าเฟิงทราบข่าวตนวิ่งขี่ม้าเร็วมาที่กรมกลาโหม ก่อนจะเข้าประตูตนได้มองไปยังวังหลวงที่ควันไฟลอยกระจายไปทั่ววังหลวง" เฝิงเส้าเฟิง " มันเปิดการโจมตีอย่างเปิดเผยเช่นนี้ คงอยากให้ฝั่งเราเดินตามเกมส์หากตอบโต้กลับชาวบ้านจะเดือดร้อน "เฉินต้าหนิง" ต้องรอให้ถึงพรุ่งนี้เลยรึ ข้าว่าพวกมันยังไงก็เล่นไม่ซื่อ " เฝิงเส้าเฟิง " หากข้าตอบโต้เจ้าคิดว่าจะเป็นเช่นไร " เฉินต้าหนิง" คงวุ่นวายไปทั่วแคว้น "เฝิงเส้าเฟิง" ข้าเปลี่ยนใจแล้ว เจ้าเป็นผู้บัญชาการทหาร จึงสั่งให้เหล่าทหารพร้อมรบตั้งแต่เพลานี้เป็นต้นไป" เฉินต้าหนิง " ขอรับองค์ชาย " เสียงระฆังดังลั่นทุกคนวางอาวุตหยุดฝึกซ้อมกะทันหัน ทหารมากกว่า หนึ่งล้านเจ็ดแสนนายพร้อมใจกันรวมตัวเฉินต้าหนิง" ฟังข้าให้ดี นับตั้งแต่เพลานี้เป็นต้นไป เฉิ่งฮั่นจะทำสงครามเพื่อปก
ลานประชุมกรมกลาโหมผ่านมาแล้วหกวัน อีกหนึ่งวันก็จะครบกำหนดการเปิดสงครามกับแคว้นหกอย่างเต็มรูปแบบ เวลาชั่งเร็วเหลือเกิน วันนี้ทั้งหกคนต้องแบ่งหน้าที่ของตัวเองเฝิงเส้าเฟิง เป็นผู้วางแผนการทำศึก/ ออกรบ เฉินต้าหนิง คือผู้บัญชาการทหารสูงสุดและคือผู้นำกองทัพซุนอี้ ค่อยคุมทหารในแต่ละหมู่บ้าน ทั้งหมดในเฉิงฮั่น เพื่อแคว้นหกเล่นตุกติกหวนกลับมาทำร้ายชาวบ้านลี่ถัง" เป็นหมอประจำการ หากมีทหารบาดเจ็บ จะได้รักษาทันในช่วงเวลาที่ทำศึก หนิงเหอ/ชงหยุน " ดูแลเด็กๆอย่าให้ออกไปข้างในพื้นที่ที่เสี่ยงอันตราย " เฝิงเส้าเฟิง " ท่านเฉินต้าหนิง อาวุตที่จะใช้โจมตี มีกี่ประเภทรึ ตนกำลังเลือกดาบที่เหมาะกับตัวเองในขณะที่เฝิงเส้าเฟิงรอคำตอบนั้นอยู่ เฉินต้าหนิงหันลำตัวกลับมามองสบตาทุกคน ด้วยรูปลักษณ์ที่น่าเกรงขามในชุดเกราะที่เฝิงเส้าเฟิงนั้นออกแบบให้ เฉินต้าหนิง" ที่นี้มีดินระเบิด ธนูไร้หัว ธนูไฟ เฝิงเส้าเฟิง " ตั้งแต่เจ้าสวมชุดเกราะตัวนี้ดูรูปงามมากนัก " เฉินต้าหนิง" ข้ายังหาเมียไม่ได้เลย " เฝิงเส้าเฟิง" เอาไว้จบศึกครั้งนี้ข้าจะประทานเมียให้เจ้า " เฉินต้าหนิง" ฮ่าๆ องค์ชาย ท่านพูดเล่นรึ " เฝิงเส้าเฟิง
หลิวซินเนียน" เอามือสกปกของเจ้าออกไป" นางใช้ใบพัดตีเข้าที่หัวและมือจนสุดแรงซุนอี้ถึงกับทนไม่ได้ แต่ก่อนที่ซุนอี้จะเข้าไปช่วย ลี่ถังนั้นได้กระแชะหลิวซินเนียนอย่างเงียบๆลี่ถัง" เพราะท่านไม่มีอะไรให้หน้ายกย่อง ท่านเองก็สกปกมาก ๆ ในเฉิงฮั่น "หลิวซินเนียนได้ฟังแล้วยิ่งทำให้นางโกรธมากยิ่งขึ่น นางหันไปเห็นไม้ท่อนแข็งๆขนาดใหญ่ปานกลางยื่นแขนและลำตัวก้มลงไปยิบขึ่นมาเพื่อจะทำร้ายลี่ถัง หลิวซินเนียน" เจ้าไม่หยุดใช่ไหม " ซุนอี้" หยุดนะ กิริยาเลวทรามเช่นนี้อย่ามาใช้ให้ทหารไม่เคารพ"นางกระชากไม้ออกจากมือหลิวซินเนียนใช้แขนอีกข้างผลักตัวนางเวี่ยงเข้าถังขยะเศษกองสมุนไพรจนเปื้อนไปหมดหลิงซินเนียน" บังอาจนัก " { โกรธจนปากสั่น สีหน้าไร้ความสดใสมีแต่ความอาฆาต }ซุนอี้ " ทหารส่งพระมเหสีกลับตำหนัก " หลิวซินเนียน" พวกทหารชั้นต่ำ อย่ามาโดนตัวข้า หลิวซินเนียนนิ่งด่าทอทหารในสภาพที่เลอะเทอะไม่ยอมลุกออกจากกองเศษสมุนไพร ด้วยตัวเองหลิวซินเนียน" นางบ่าวไพร่ มาพยุงข้าสิ ยืนมองข้าอยู่ได้ "นางกำนัลรีบไปเข้าไปพยุงนางลุกขึ่นมาแต่พอลุกขึ่นมาได้ ก็สั่งสอนนางกำนัลด้วยการใช้นิ้วจี้ไปที่หน้าผากพูดจาดูถูกเยี่ยงสัตว์ตั