หลังจากอาบน้ำเสร็จ สายตามองดูตู้เสื้อผ้าที่ตนจะเลือกใส่ จับแล้วจับอีกไม่รู้ว่าจะใส่ยังไงให้เข้ากัน ซุนอี้ เลยเรียกหา ชงหยุนให้มาแต่งตัวให้
ซุนอี้" ชงหยุน เจ้าช่วยมาหาข้าที" ชงหนุน" ท่านหญิงมีอะไรรึ " (ซุนอี้ยืนมองชุดที่ตนนั้นวางกระจัดกระจาย ชงหยุนก็เข้าใจทันที ) ซุนอี้" ข้าแต่งตัวไม่เก่ง เจ้าช่วยข้าได้หรือไม่" ชงหยุน" ได้เพคะ " (ซุนอี้ถอนหายใจโล่งอกไปที ) 30 นาที ผ่านไป แต่งตัวเสร็จแล้ว จู่ๆท้องก็ร้องดังขึ้นซุนอี้มองหน้า ชงหนุนยิ้มอุบอิบมองท้องของตนพร้อมมือลูบท้องไปพลางๆ ชงหยุน" ตั้งแต่มาท่านยังไม่ได้ทานอะไรเลย ข้าจะไปเตรียมอาหารมาให้ท่าน " ซุนอี้" ขอบใจเจ้า" ซุนอี้" จากลูกสาวมาเฟียต้องกลายมาเป็นองค์หญิง เรื่องแบบนี้มันช่างหน้าเหลือเชื่อ (คิดในใจ) กลิ่นอาหารโชยมาแต่ในครัวหอมจนท้องร้องอีกครั้ง กลืนน้ำลายรอไปหลายที ในที่สุดก็มาแล้ว ชงหยุน" มาแล้วเพค่ะ " ซุนอี้" โห้ น่ากินมาก เจ้ามานั่งทานข้าวเป็นเพื่อนข้าก่อนอย่าเพิ่งรีบไป" ชงหยุน" ไม่หรอกเพ่ค่ะ หม่อมฉันเป็นแค่บ่าวไม่ควรนั่งร่วมโต๊ะทานอาหารกับเจ้านาย" ซุนอี้ลุกยืนเดินเข้าหาชงหยุนดึงแขนนางมานั่งโต๊ะพร้อมตักข้าวให้นาง จนชงหยุน คิดในใจว่า "แม่นางผู้นี้ช่างจิตใจดี ข้าไม่เคยเจอเช่นมาก่อน" ซุนอี้" เจ้ากินสิ มัวรออ่ะไรอยู่" ชงหยุน " เพคะ" อาหารใกล้จะหมดแล้ว ชงหยุนอึ่งหนักว่าอาหารพวกนี้เข้าไปอยู่ในท้องได้ขนาดนี้เชียว ชงหยุน" องค์หญิงท่านกินเก่งมาก จะหมดแล้ว " ซุนอี้" ข้าหิวมาก "( นางตอบชงหยุน ไปพรางๆ ในขณะที่เคี้ยวข้าวในอุงแก้มป่องๆ) เรือนโจรอี้หราน เวลา 18:30 มือหนาๆหยาบๆเริ่มขยับมาจับที่ศีรษะตนเอง พร้อมเสียงร้อง " โอ๊ย! เจ็บหัว" ซุนอี้" เจ้าฟื้นแล้ว " เฝิงเส้าเฟิง" เมีย ข้าเป็นอะไรไป " ซุนอี้" ออ เจ้าวิ่งซน เลยชนเสาเรือน " เฝิงเส้าเฟิง" เจ้าเสาไม่รักดี กล้าทำข้า" ซุนอี้ฟังแล้วเหมือนถูกโดนตำหนิเป็นนัยๆ นางมองที่แผลบนหน้าผาก ค่อยๆขยับตัวเข้าไปใกล้ชิดเฝิงเส้าเฟิง ให้เห็นรอยแผลใกล้ๆ " แผลเจ้าก็ไม่ลึกมาก " ในขณะนั้นมือทั้งสองข้างคว้าเอวเข้ามาแนบชิดลำตัวอย่างกะทันหัน " เมียข้าขอกอดเจ้าหน่อย " ซุนอี้พยายามผลักตัวออกแต่แรง บุรุษนั้นช่างเยอะเหลือเกิน ซุนอี้" ได้ๆ แต่อีกประเดี๋ยวต้องไปทานอาหารเย็นที่เรือนท่านพ่อ " เฝิงเส้าเฟิง" ตัวเจ้านุ่มๆ ข้าอยากนอนกอดเมียเช่นนี้ทั้งคืน" ซุนอี้ " เจ้าอย่าซนนัก ไม่เช่นนั้นข้าไม่ให้นอนด้วย" เฝิงเส้าเฟิง" ไม่ๆ" (ตนใช้สายตาออดอ้อนเมียตัวเอง) ซุนอี้" งั้นก็อย่าซน เข้าใจหรือไม่ " เฝิงเส้าเฟิงพยักหน้าพร้อมเอาศีรษะแนบหน้าอก อย่างรัดแน่น จนซุนอี้ทำตัวไม่ถูกท่าทางลุกลี้ลุกลน ทำสีหน้าประหม่าอยู่เล็กน้อย เพราะไม่เคยมีชายใดโดนตัวนางในยุคที่นางจากมา ซุนอี้" เฝิงเส้าเฟิง ได้เวลาไปทานอาหารเย็นแล้ว " เฝิงเส้าเฟิง"ข้ากอดเจ้ายังไม่นานเลย " ซุนอี้" ลุกขึ้น แล้วปล่อยก่อน " เฝิงเส้าเฟิง " ก็ได้ ข้าปล่อยก็ได้" หลังจากนั้นเฝิงเส้าเฟิงก็เดินตามเมียยิกๆ เหมือนลูกตามแม่ อยู่ด้านหลัง โจรอี้หราน" มาแล้วรึ ข้าเตรียมอาหารอร่อยไวเผื่อเจ้า มากเลยเชียว" ซุนอี้" คำนับท่านพ่อ เพคะ " โจรอี้หราน "เฝิงเส้าเฟิง ช่วงนี้เจ้าดูติดภรรยานะ " เฝิงเส้าเฟิง" ติดภรรยา คืออะไร ข้าไม่เข้าใจ " เฝิงเส้าเฟิงเขย่าเเขนเมียยกใหญ่ โจรอี้หรานต้องศิโรราบ นั่งหันหลังชั่วครู่เพื่อหัวเราะเบาๆจนหน้าแดง จากนั้นก็หันกลับมาทำหน้านิ่งเช่นเดิม ซุนอี้" มา!เถิด เจ้าหยุดซนได้แล้ว " เฝิงเส้าเฟิงนั่งนิ่งเขี่ยอาหารไม่ยอมกินแต่ตักให้เมียไม่หยุดหย่อน ซุนอี้" เหตุใดเจ้าไม่กินข้าว ไม่หิวรึ" เฝิงเส้าเฟิง" เมีย ข้าอยากให้เมียป้อน" ซุนอี้ขยับเข้าไปนั่งใกล้ ๆ ตักข้าวและอาหารป้อนเข้าปากอย่างใจเย็นไม่ชักสีหน้ารังเกียจใดๆ....โจรอี้หรานมองนางด้วยสายตาที่เอ็นดู....นางกำนัลที่ยืนเฝ้ายังแอบยิ้มกันหมด เฝิงเส้าเฟิง" นางผู้นี้ไม่รังเกียจข้าเลยรึ จิตใจเจ้าชั่งดียิ่งนัก ไม่ได้! ต้องดูไปนานๆ (คิดในใจ) เฝิงเส้าเฟิงกินไปมองหน้านางไปพรางๆ ไม่มีปริปากบ่นคำพูดใดออกมาจน ซุนอี้ทักท้วง ซุนอี้" ข้าชอบนะ เวลาเจ้ากินข้าวแล้วเงียบปาก" เฝิงเส้าเฟิง" ข้าชอบที่เมีย ป้อนข้าวให้" 21:00 เรือนเฝิงเส้าเฟิง นี่ก็เริ่มดึกมากแล้ว ต้องเปลี่ยนชุดออก ใส่เป็นชุดนอนแทน เสื้อผ้าถูกปลดออกทีละน้อยเผยให้เห็นแผ่นหลังขาวๆ ขาเรียวๆ จนสายตาที่ซ่อนเร้นแอบมองนั้น กลืนน้ำลายไปหลายที....หัวใจเต้นแรงมากจนอยากจะพุ่งตัวเข้าไปหา แต่ทำไม่ได้ต้องอดกลั้นไว้เลยหลีกเลี่ยงออกจากเรือน ไปยืนมองพระจันทร์ อยู่หน้าเรือนชั้นบน เฝิงเส้าเฟิง" นี่ข้าเป็นอะไรไป ทำไม่รู้สึกเช่นนี้ ไม่ๆๆๆ หยุดคิดเสียที " ซุนอี้เดินมาหาเฝิงเส้าเฟิงรำเรียกให้มานอน ตนจึงรีบไปทันที " เมีย ข้ามาแล้ว คืนนี้ข้าอยากนอนกอดเมีย" ซุนอี้" ได้ นอนเถิด " (ซุนอี้ ไม่คิดมากเพราะคิดว่าเฝิงเส้าเฟิงเป็นแค่คนไร้สติ มีความคิดเท่าเด็ก3 ขวบ จึงไม่คิดถือสาอะไร) ในระหว่างนั้นนางก็นอนหันหลังพร้อมมีแขนที่กอดเอวไว้อยู่ด้านหลัง นางก็คิดถึงเรื่องที่ผ่านมาหลายอย่างในยุคของตน ที่เต็มไปด้วยความกดดัน ต้องมีบอดี้การ์ดคอยคุ้มกันตลอดไม่มีความเป็นอิสระ ในทุกวันๆ ทุกเสี้ยววินาทีเธอต้องระวังตัวมาก เกิดเป็นลูกสาวมาเฟีย มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด.ใกล้รุ่ง 6.00ประตูหน้าบ้านปิดทุกครัวเรือน มีแขกผู้ไม่รับเชิญเข้ามาเยี่ยมเยียน แม้แคว้นสิบ นั้นจะเป็นที่ลำลือด้านวรยุทธ์แต่ก็มีอีกหลายแคว้นอยากจะโค่นล้มแคว้นสิบ นักต่อนักผลไม้หน้าเรือนชาวบ้านถูกเด็ดขบเคี้ยวตลอดตามทางในมือถือไห่เหล้าชั้นดีประคองดื่ม ฝีปากลั่นวาจาท้าทายเจ้าของถิ่น "เห้ย! มันไปไหนกันหมด ออกมาสิโว๊ย?" สิ้นสุดเสียงตะโกนไม่มีแม้แต่เงาผู้คน มีแต่สายตานักล่าที่รอพวกมันอยู่ข้างหน้าเป็นฝูงใหญ่ เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกมันก็หัวเราะชอบใจ" ที่นี้ก็ไม่เห็นมีอะไรนอกจาก ฝูงหมาป่า หึ?"เสียงกระดิ่งดังก้องไปทั่วหมู่บ้านมองหน้ามองหลังมองด้านข้างก็ไม่เห็นมีผู้ใด" นี่รึแคว้นสิบ ที่ลำลือกัน มีดีแค่นี้รึ"ร่างกายผอมแห้งตาแก่วัย 90 เดินถือไม้เท้าต๊อกๆเคลื่อนที่อย่างช้าๆตามประสาวัยชรา ในมือถือเนื้อสดๆเดินเข้ามาหาฝูงหมาป่าป้อนเข้าปากมันทีละตัวอย่างใจเย็นแล้วเอ่ยบอกมันว่า " พวกเจ้ากินเสร็จแล้วก็ไล่มดไล่แมลงออกไปเสียเถิดหนารกหูรกตาคนแก่อย่างข้า" กลุ่มชายฉกรรจ์ได้ยินแล้วเหมือนเป็นเชื้อเชิญพวกตนอย่างตั้งใจ" ตาแก่หัวงอก รนหาที่ตาย" ชายชรา" เจ้านั้นแหละที่มารนหาที่ตาย"" พวกเจ้าได้ยินหรือไม่ ส
เรือนโจรอี้หรานองครักษ์" ฝ่าบาท มีข่าวรายงานมา ว่าท่าน ฮ่องเต้แห่งเฉิงฮั่นมาขอเข้าเฝ้า อีกสักพักคงถึงเขตแคว้นสิบ ขอรับ " โจรอี้หราน" เตรียมสถานที่รอต้อนรับ ข้าจะบอกให้เฝิงเส้าเฟิงเตรียมตัว"" ขอรับ "เรือนเฝิงเส้าเฟิงโจรอี้หรานนำความมาบอกให้เฝิงเส้าเฟิงเตรียมตัว และให้ภรรยาตนนั้นออกมาด้วย เฝิงเส้าเฟิง" ข้าเข้าใจแล้วท่านพ่อ "โจรอี้หราน" ส่วนเรื่องนี้ข้าจะให้ชงหยุนบอกภรรยาเจ้าเอง " เฝิงเส้าเฟิง" ขอรับ " ชงหยุนรีบนำความไปบอกซุนอี้ให้เตรียมเข้าท้องพระโรงต้อนรับฮ่องเต้แคว้นเฉิ่งฮั่น ชงหยุน" องค์หญิง วันนี้ฮ่องเต้แห่งแคว้นเฉิงฮั่นจะมาเยือนแคว้นสิบได้ข่าวว่า ชายารอง ก็มาด้วย " เมื่อซุนอี้ได้ยินว่า หลิวซินเนียน นางก็นึกได้ทันทีว่าสตรีนางนี้เป็นผู้ชื้อตัวนางแทนลูกสาวให้มาแต่งงงาน " นางคางคกมันมาแล้ว" ชงหยุนหลับตาปริบๆจับใจความไม่ได้ว่าหมายความว่าเช่นไร " องค์หญิง บ่นอะไรรึ ข้าฟังไม่รู้ความ" ซุนอี้หันมายิ้มแล้วจับบ่าไหล่" ข้าอยากทาปากสีแดง "ชงหยุน" ออ ปากสีแดง แค่นั้นรึ"ซุนอี้" สีแดงคงแรงพอ ต้องชุดสีแดงแรงฤทธิ์ เล็บก็ต้องแดง ต้องเหมือนนางร้ายในชี่รี่ ( คิดในใจ)ซุนอี้" ข้
ซุนอี้เดินออกจากเรือนมานั่งที่ศาลากลางแม่น้ำเพียงลำพัง ในความมืดมนแต่ยังมีดวงดาวคอยส่องแสงประกายในยามวิกาล นางพยายามอยู่กับความเป็นจริงว่าชีวิตต่อจากนี้จะเจออุปสรรคมากมายแค่ไหน ต้องอดทนผ่านมันไปให้ได้ แม้ความหวังจะเปรียบเหมือนแสงดวงดาว แต่มันก็ส่องแสงในทุกๆคืนที่ มืดมน " ข้าเป็นถึงลูกสาวมาเฟีย ต้องเข้มแข็งแบบพ่อสิ " ในขณะที่นางมองดวงดาวน้อยๆอยู่นั้น ก็มีเสียงเรียกหา มุ่งหน้ามายังศาลา" องค์หญิงมาอยู่ที่นี่เอง ท่านไม่ง่วงรึ" (ชงหยุนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง)ซุนอี้" เหตุใดต้องดีกับข้า ข้าก็แค่สาวชาวบ้านธรรมดา "( นางเอ่ยถามด้วยสงสัย)ชงหนุนตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแฝงไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ" เพราะท่านเป็นคนดี " ซุนอี้" แต่ในสายตานายเจ้า มองข้าเหมือนสตรีทั่ว ๆ ไป" ในขณะที่ทั้งสองพูดคุยกัน จู่ ๆ ก็มีเสียงอุทานแทรกเข้ามาในบทสนทนา เดินตรงเข้ามายังศาลาด้วยท่าทางหยิ่งทะนงตน "บุรุษชอบสตรีมีฐานะ และฉลาด ส่วนเจ้าแค่สาวบ้านธรรมที่ข้าชื้อตัวมา "นางหัวเราะยิ้มมุมปากใช้ใบพัดปิดปากจ้องหน้าซุนอี้" ข้าว่าเจ้าคงอยู่ในฐานะชายาเอกได้ไม่นาน " ซุนอี้" หือ ? ไยป้านี่คงอยากให้ลูกสาวขึ้นเป็นชายาเอก จนอยู่ก
หลังจากที่ถานเจี้ยนซื่อพาองค์ชายและองค์หญิงไปพ้นจากศาลาใหญ่ หลี่ซิ่นก็แสดงกิริยาไม่ดีออกมาทั้งสีหน้าแววตา พาลไปลงที่นางกำนัล" ข้าไม่เชื่อ ว่าบุรุษผู้นี้จะไม่ชอบ หากชายใดเจอหญิงเปื่อยกายต่อหน้า ไม่รอดสักราย สักวันข้าจะขึ้นเป็นชายาเอกให้ได้" ทั้งสองได้ที่พักที่เรือนตำหนักใหญ่ใจกลางแม่น้ำ รายล้อมด้วยดอกบัว บนผิวน้ำ มัวแต่มองจนเดินสดุดล้ม" โอ๊ย! " นางเงยหน้ามองสามี ที่เดินเข้าตำหนักอย่างไม่รีรอ" ผู้ชายสมัยเก่านี้ สุภาพมาก "หลังจากนั้นนางก็พยายามประคองตัวลุกขึ้นเดินเข้าตำหนัก ภายในตำหนักสะอาด งดงามด้วยของตกแต่งเล็กน้อย" ไม่เคยเห็นรึไง" ซุนอี้" ใช่ ! ข้าไม่เคยเห็น"เฝิงเส้าเฟิงกระชากข้อมือสบตานางแล้วเอ่ย " มารยา" ซุนอี้" นี่เจ้า เกินไปแล้วนะ" เฝิงเส้าเฟิง" ข้าไม่ได้เอ่ยชื่อ รึว่าเจ้าเป็นจริงๆ "ซุนอี้" ช่างเถอะ ในสายตาท่านข้าคงเป็นนางโลมผ่านผู้ชายมามากมาย แต่ท่านไม่ต้องห่วง ข้าจะทูลขอท่านโจรอี้หราน เรื่องหย่า "เฝิงเส้าเฟิง" เจ้ามีสิทธิอะไรมาพูดเรื่องหย่า "ซุนอี้" อย่าคิดว่าเป็นองค์ชายแล้วจะข่มขู่ผู้ที่ด้อยกว่า มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย ถุ่ย!"เฝิงเส้าเฟิงพูดไม่ออกปากสั่นกัดกรามคางข่มอาร
เฝิงเส้าเฟิง"นางร้องเพลงได้แปลกประหลาดแต่ความหมายซึ่งดีเหลือเกิน" (ชมเชยได้ไม่นานสิ่งของที่ไม่ได้ใช้ถูกโยนออกมาในห้องซุนอี้ ทีละชิ้น 2 ชิ้น ทุกชิ้นโยนถูกที่ใบหน้าเฝิงเส้าเฟิงอย่างแม่นยำ)เฝิงเส้าเฟิง" ซุนอี้ ( เสียงดังใส่)ซุนอี้" ท่านไม่รู้เรื่องมารยาทรึว่าก่อนจะเข้ามาให้เคาะประตูก่อน (ยกคิ้วและเบะปาก ไล่เฝิงเส้าเฟิงออกไป)เฝิงเส้าเฟิง" เหตุใดท่านพ่อข้าถึงได้เลือกเจ้ามานะฐานะต่ำต้อยแล้วยังทำนิสัยต่ำ ๆ อีก" (โมโหมาก)ซุนอี้" ข้าหรือชั้นต่ำข้าไม่ใช่พวกประเภทหลอกลวงตีหน้าเศร้าการละครการแสดงใส่ผู้อื่นโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึก (นางถือไม้กวาดชี้ไปที่เฝิงเส้าเฟิงยืนเถียงฉอดๆ)เฝิงเส้าเฟิง" เจ้ามันก็เห็นแก่เงินนั่นแหละยอมถูกขายเพื่อจะได้มาแต่งงานกับข้า (พูดเสร็จ ดึงไม้กวาดโยนทิ้งลงพื้น)ซุนอี้" อี๋? สกปรกข้าไม่ใช้ไม้กวาดอันนี้แล้ว ชงหยุนไปหาไม้กวาดอันใหม่มาให้ข้า ข้าเกรงว่าไม้กวาดอันเดิม เชื้อโรคจะติด( ขาน้อย ๆ เตะไม้กวาดออกไปข้างนอกอย่างรังเกียจ) เฝิงเส้าเฟิง" บังอาจเป็นสตรีเหตุใดถึงพูดจาหยาบคายไม่เหมาะกับเป็นฉายาของข้าเลย ( เฝิงเส้าเฟิงมองนางด้วยสายตาเอือมระอา)ซุนอี้" หากเป็นเช่นนี้ท่านย
ทหารนำตัวซุนอี้มาเข้าเฝ้าฝ่าบาทที่ท้องพระโรง"คำนับฝ่าบาท"ถานเจี้ยนซื่อไม่รอช้ารีบถามเข้าประเด็น" เจ้าผลักลูกสาวข้าตกน้ำรึ " ด้วยความที่นางเป็นคนไม่โกหกจึงตอบความจริง" ข้าไม่ได้ผลักนาง แต่นางจะเดินมาชนข้าทั้งๆที่นางก็เห็นอยู่ว่าเดินมาฝั่งซ้ายมือ ส่วนหลี่ซิ่นเดินทางฝั่งขวามือ ซึ่งฝ่าบาทก็น่าจะรู้ว่าสะพานห่างกันมาก แล้วเหตุใดถึงได้ไปตกน้ำที่ฝั่งซ้าย หากท่านจะว่าข้าเรียกนางมาก็ไม่ถูก ท่านคิดว่าผู้ใดกันหาเรื่องก่อน "นางกำนัล" เจ้าใส่ความองค์หญิงหลี่ซิ่น ฝ่าบาทเรื่องที่นางเล่ามานั้นไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย "ซุนอี้" ฝ่าบาททรงไตร่ตรองเรื่องนี้ให้ดี ข้าคงไม่ใช้วิธีต่ำช้าเช่นนี้เป็นแน่ หากเรื่องนี้รู้ไปถึงหูท่านพ่อเฝิงเส้าเฟิง พวกข้าคงต้องกลับแคว้นของตน เรื่องส่วนเรื่องการค้านั้นค่อยคุยกันใหม่"ถานเจี้ยนซื่อกลัวเสียพันธมิตรร่วมการค้าที่สามารถหนุนนำให้รุ่งเรืองได้แม้จะลังเลเล็กน้อยแต่ตนก็ยอมไม่ลงโทษซุนอี้เพราะหาสาเหตุไม่ได้ความจริงใครเป็นผู้กระทำไม่รู้...." ในเมื่อเรื่องนี้ไม่มีผู้ใดยอมรับข้าจะตามสืบทีหลังส่วนเจ้าข้าจะไม่ลงโทษแต่ข้าจะให้เวลาเจ้าภายใน 1 เดือนหาตัวพยานมาเพื่อชี้แจงเรื่องน
เรือนใจกลางแม่น้ำ 13.00 น. สีสันประทับทับลงกระดาษจิตวิญญาณและหัวใจสื่อเข้าไปในรูปวาด นั่งใจจดใจจ่อใช้สมาธิในที่เงียบสงบจับพู่กันสร้างสรรค์ออกมาให้สวยที่สุด ชงหยุน" องค์หญิงเก่งมากเพคะ " เมื่อถูกชมเชยสายตาเป็นประกายดังดวงดาว " จริงรึ " ชงหยุน" จริง ข้าไม่ได้โกหก องค์หญิงชั่งวาดรูปได้งามนัก" (ชงหยุนชอบมากเอ่ยปากชมแล้วชมอีก) ซุนอี้" แค่นี้ยังเล็กน้อย " ทั้งสองคุยกัน หัวเราะกันอยู่สองคนจู่ๆ เฝิงเส้าเฟิงก็มายืนอยู่ด้านหลัง มองดูนางทั้งสองได้สักพักแล้ว ประสบจังหวะพอดีที่ชงหยุนหันไปเจอ " องค์ชายท่านมาตั้งแต่เมื่อใด" เมื่อซุนอี้ได้ยินแค่ชื่อสะบัดคอมองแรงเบี่ยงหน้าหนีกลับไปวาดรูปต่อ เฝิงเส้าเฟิง" ถ้าคิดว่าสตรีธรรมดาเช่นเจ้าจะวาดรูปเป็นเหมือนกัน " ซุนอี้" ทุกคนมีความสามารถของตัวเองไม่ใช่จะใหญ่อยู่แค่คนเดียว " เฝิงเส้าเฟิง" เจ้าหมายความว่าเช่นไร" ซุนอี้" ก็หมายความอย่างที่ข้าพูด " เฝิงเส้าเฟิง " พรุ่งนี้ข้าจะออกไปศึกษาเรื่องการค้าขายทุกชนิด เจ้าก็อยู่ตำหนักไปเจ้าอ่านหนังสือไม่ออกเขียนก็ไม่ได้จะไปก็ลำบากข้า เป็นภาระเสียเปล่า " (ซุนอี้วางพู่กันลุกขึ้นต่อต้านเฝิงเส้าเฟิง ) ซ
ตำหนักหลิวซินเนียนนางกำนัล" เหตุใดมเหสีถึงล็อกประตู ""ข้าก็ไม่แน่ใจ ตั้งแต่ฟ้าผ่าองค์หญิงก็ไล่พวกข้าออกมา " มืออสรพิษ ทาบอก ก้าวถอยหลังนั่งบนพื้น เงยหน้ามองรูปของตนที่ถูกเผาในชั่วพริบตา ทำให้นึกย้อนถึงอดีตชั่วร้ายของตนผุดขึ้นมาในหัวคอยตามตอกย้ำ ไม่เลิก หลิวซินเนียน " ไม่จริง ข้าไม่เชื่อ ว่านรกสวรรค์ มีจริง เวรกรรมไม่มีอยู่จริง ท่านพี่ตายไปแล้วท่านยังตามรังควานข้าไม่เลิก แค้นข้ารึ ทุกสิ่งทุกอย่างมันควรเป็นของข้าตั้งแต่แรก หากข้าไม่แย่งมันมา ข้าคงไม่ได้เป็นมเหสี จนถึงทุกวันนี้ "นางกล่าวโทษบุคคลที่ตายไปแล้ว อย่างคับข้องใจ เมื่อตั้งสติได้ จึงลุกขึ้นยืนจองไปที่รูปบุคคลปริศนา หลิวซินเนียน" ข้าคงคิดมากไปเอง มันเป็นเรื่องบังเอิญ ไม่ใช่เวรกรรมใดๆทั้งสิ้น ( นางเริ่มหัวเราะใส่รูปอย่างบ้าคลั่ง จนเสียงดังไปออกไปยังนอกตำหนัก)นางกำนัล " เสียงหัวเราะชั่งหน้ากลัวยิ่งนัก "" ใช่ เหมือนท่านคุยอยู่กับผู้ใด "" ฝ่าบาทมา "ถานเจี้ยนซื่อ" ข้าได้ข่าวว่าเรือนชายารอง ถูกฟ้าผ่า มีผู้ใดบาดเจ็บหรือไม่ ""ไม่เพคะ ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ "ถานเจี้ยนซื่อ" แล้วหลิวซินเนียนอยู่ที่ใด""มเหสี ทรงล็อกป
ตำหนักหลี่ซิ่น หมอหลวง" องค์หญิงสิ้นใจแล้วขอรับ "หลิวซินเนียน" ไม่จริง...ฮือๆ ลูกแม่เจ้าตื่นขึ่นมาเถิดหนา "ตนนั้นทำใจไม่ได้และกล่าวหาหมอหลวงว่าไม่มีความสามรถ...ร้องไห้คร่ำครวญกอดลูกสาวไม่ยอมปล่อย...หันมากล่าวโทษทุกคนที่ยืนดูอยู่หลิวซินเนียน" เป็นเพราะพวกเจ้า พวกเจ้าทำลายชีวิตของของข้า " ฉางอัน" เจ้าทำตัวเองทั้งนั้น จะโทษผู้อื่นเหตุใดไม่โทษตัวเอง " หลิวซินเนียน" ผู้ใดถามเจ้า ข้าชังน้ำหน้าเจ้านัก "ฉางอัน" พอเถิดเจ้าหมดหนทางแล้ว เตรียมตัวเข้าไปชดใช้กรรมในคุกเถิด" ได้ยินคำว่าคุก นางจึงยิบมีดออกมาข่มขู่ทุกคนก่อนจะตายนางได้เอ่ยทิ้งท้าย หลิวซินเนียน" จ้าไม่มีวันยอมเข้าคุก ข้ายอมตายเสียดีกว่า " หลังจากนั้นตนได้ใช้มีดแทงตัวเองจนสิ้นใจตามลูกสาวทิ้งตัวนอนลงข้างกายลูกของตน และหลังจากนั้นศพสองแม่ลูกนั้นได้ถูกเผาไม่มีการทำพิธีใดๆไปทั้งสิ้น เมื่อข่าวนี้แพร่งพรายออกไปทั่วเฉิ่งฮั่น ต่างคนต่างเชื่อในปาฏิหาริย์และรับรู้ว่าต่อจากนี้เมืองเฉิ่งฮั่นจะกลับมามีความสุขดังเฉกเช่นเมื่อก่อนในเมื่อทุกอย่างถูกคลี่คลายเฝิงเส้าเฟิงตอบตกลงทำการค้ากับแคว้นเฉิงฮั่นโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ส่วนซุนอี้ได้พบกับแม่ที่แท้
เจ็ดวันถัดมา เวลา 8.00ณ . ท้องพระโรงในที่สุดวันนี้ก็มาถึงได้เวลาเปิดโปงความจริงทุกอย่าง หลักฐานพร้อมพยานพร้อม ทุกคนในท้องพระโรงต่างรอพระมเหสีหลิวซินเนียนและองค์หญิงซุนอี้ บรรยากาศในท้องพระโรงเริ่มรี่เสียงลงอวยหน้าหันไปยังหน้าประตูบานใหญ่ที่กำลังเปิดออก พระมเหสีหลิวซินเนียนมาแล้ว แต่มาด้วยใบหน้าที่ใส่หน้ากากปิดบังรอยบาดแผลไว้ เหลือให้เห็นแค่ดวงตาทั้งสองข้าง ถานเจี้ยนซื่อ " ในเมื่อมากันครบแล้ว....เฝิงเส้าเฟิงเริ่มได้เลย " เฝิงเส้าเฟิง " เข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน หัวหน้ากรมตุลาการ หูจวินได้ทำความผิด ข้อหาโยนความผิดให้ผู้บริสุทธิ์ปิดบังเรื่องการหายตัวของชาวบ้านตั้งยี่สิบกว่าปี นักโทษที่จับมานั้นล้วนเป็นคนดีทั้งหมดและเรื่องนี้มีผู้อยู่เบื้องหลังคอยหนุนหลังหูจวินมาตลอด "หลิวซินเนียนเริ่มออกอาการทำตัวไม่ถูกตนนั้นกลัวจะถูกเปิดโปง เลยขอตัวกลับตำหนักอ้างว่าตนนั้นไม่สบายหลิวซินเนียน" ฝ่าบาทข้าปวดหัวมาก ข้าขอกลับไปพักผ่อนที่ตำหนัก " เฝิงเส้าเฟิง" ท่านยังไปไหนไม่ได้ " หลิวซินเนียน " บังอาจกล้ามาก้าวร้าวใส่ข้า " เฝิงเส้าเฟิง " ฝ่าบาทขอรับผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก็คือ พระมเหสีหลิวซินเนียนข
ทรมารจากบาดแผลจนร้องไห้ออกมาผ่านบาดแผลที่แก้มทั้งแสบทั้งแค้นใจจนนางสลบลงไปในที่สุด สภาพนางตอนนี้ไม่ต่างจากหมาเร่ร่อนเลยสักนิด กลายเป็นผู้ที่มีหน้าตาอัปลักษณ์จนนางกำนัลไม่กล้าเข้าไปพยุง ในขณะหลี่ซิ่นได้ผ่านมาทางหน้าตำหนักโบตั๋นเห็นนางกำนัลยืนวงล้อมดูท่าวุ่นวายกันมาก ส่วนชงหยุน/หนิงเหอ ได้รีบกลับเข้าตำหนักไปเก็บข้าวของเตรียมหนีกลับแคว้นสิบและพาลี่ถังไปด้วยหนิงเหอ " เหตุใดถึงต้องหนี "ชงหยุน " องค์ชายเคยบอกข้าไว้ล่วงหน้า ว่าถ้าหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ให้ข้ารีบกลับแคว้นสิบอย่าอยู่ที่นี่ "หนิงเหอ"แล้วองค์ชายละ จะเป็นเช่นไร องค์หญิงก็เช่นกัน "ชงหยุน " เรื่องนี้เจ้าอย่าได้ขวัญเสียไป องค์ชายข้าเก่งฉลาดกว่าที่เจ้าคิดเสียอีก รีบเก็บของแล้วไปตำหนักท่านลี่ถัง " หน้าตำหนักโบตั๋นเพลานี้เหล่าขุนนางต่างเรียกให้ทหารนำตัวนางไปรักษา ส่วนนางกำนัลโดนหลี่ซิ่นลงโทษ อย่างหนัก ที่ลานกลางเรือนหลี่ซิ่น แซ่ประจำตัวนางไม่ได้ใช้มานานเพลานี้สมควรนำมันออกมาใช้เสียที แค่เห็นแซ่ในมือนาง นางกำนัลคนเก่าๆที่อยู่มานานยังกลัวไม่ต่างจากนางกำนัลคนใหม่ หลี่ซิ่นจับมวยผมจนจำศีรษะลากนางกำนัลถูพื้นจนขาถลอก มือชั่วช้าได้จับผม
เช้าวันใหม่ 6.00 สองสามีภรรยาตื่นเช้าเตรียมตัวออกตามหานักสืบที่อยู่ในรายชื่อทั้งหมด ที่แรกที่ต้องไปคือหมู่บ้านเล็กๆในแถบนอกเมือง ที่นั้นมีนักสืบซ่อนตัวอยู่เพื่อหลบซ่อนผู้หวังจะทำร้าย เมื่อทั้งสองได้เดินทางมายังหมู่บ้าน ก้าวแรกที่เข้ามาก็เป็นที่หมายตาของชาวบ้านเสียแล้ว ชาวบ้าน " พวกเจ้าทั้งสองมาทำอะไร "เฝิงเส้าเฟิง " ข้ามาตามหาชายที่ชื่อว่า ห่าวซวน " ชายแก่เดินวนรอบ ๆ กายทั้งสอง ใช้ไม้เท้าเคาะตามตัวเพื่อหาสิ่งของ ว่าแอบนำอะไรเข้ามา มองตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่เว้นแม้กระทั่งม้าที่ตนขี่มา วนมองดูหนึ่งรอบไม่พอยังมีรอบที่สอง " ใส่ชุดคลุมหนาเช่นนี้ตอนถอด คงให้ภรรยาซ่วยละสิ ละดูรองเท้าเจ้าสิหนาอย่างกับกากมะพร้าว รอยแผลตามตัวมีแต่แผลเก่าเต็มไปหมด หน้าตาก็ดี รูปร่างใช้ได้ ดูมีฐานะแต่เหตุใดต้องใส่เสื้อผ้าโสโครกเช่นนี้ ผมเผ้ารกรุงรังไปหมด ไปตัดออกบ้าง ไม่เหนื่อยรึปลอมตัวมาเช่นนี้ " เฝิงเส้าเฟิง " ท่านรู้ได้เช่นไร " " ดูภรรยาเจ้าสิผิวพรรณนวลผ่องดังน้ำนมข้าว รูปร่างหน้าตาไม่เป็นสองรองใคร สงบเสงี่ยมเหมือนคนโดนเชือกมัดปากไว้ไม่ยอมพูดจา เนื้อตัวมีกลิ่นเครื่องหอมพุ่งเข้ามาเตะจมูกข้า สาวชาวบ้านธรรมดา
ในระหว่างเดินทางกลับ นางชำเลืองมองไปเห็นชายร่างกายสูงใหญ่หน้าตาหน้ากลัวกำลังอารมณ์เสียเหมือนผิดหวังอะไรมาสักอย่าง แววตารังสีอำมหิตร้อนแรงแผ่ออกกระจายมาทั่วร่างกาย นางสูดหายใจเข้าลึกๆ เบิกตากว้างมองชายผู้นั้นอย่างตื่นตะลึ่ง แต่เมื่อวิ่งรถม้าผ่านชายผู้นั้นไปนางจึงนึกได้ว่าจะหาใครมาทำงานให้นาง จึงสั่งทหารให้เลี้ยวรถม้ากลับทันที "." เงินก็ไม่มีไปเล่นการพนันยังถูกโกง หึ สงสัยข้าต้องขายวัวทิ้งจะได้กลับไปแก้แค้นให้ได้เงินกลับมาเป็นหลายเท่า "{ ตนเดินบ่นไม่พอใจหงุดหงิดใจมองไปทางไหนก็ไม่สบอารมณ์ จนได้ยินเสียงรถม้าวิ่งมาจอดดักหน้าตน สิ่งแรกที่สังเกตเห็นได้คือทหารผู้นี้มาจากในวังและตนยังได้กลิ่นเครื่องหอมของสตรีพุ่งออกมา ตนชะเง้อมองผ้าม่านสีเทาที่กำลังเลื่อนออกอย่างช้าๆ } หลิวซินเนียน " เจ้าอยากมีงานทำหรือไม่ " " ท่านเป็นใคร " หิวซินเนียน" ข้าคือพระมเหสีหลิวซินเนียน " [เมื่อตนรู้ความจริงถึงกับยืนอ้าปากค้างตัวแข็งเหมือนหุ่น }หลิวซินเนียน " ไม่ต้องกลัว สนใจทำงานให้ข้าหรือไม่ ข้าตอบแทนของเจ้าจะทำให้เจ้าสบายไปทั้งชาติ " " งานอะไร ขอรับถึงได้เงินมากมายถึงเพียงนี้ " หลิวซินเนียน " ลักพาตัว
ระเบิดหลายลูกกำลังเตรียมการเล็งเป้าหมายมาที่หมู่บ้าน ชายทั้งห้าจะไปหยุดพวกมันทันหรือไม่ เมื่อเห็นว่าทางเฉิ่งฮั่นไม่มีการตอบโต้ยิ่งทำให้ได้ใจหลงระเริงคิดว่าฝั่งตนนั้นเหนือกว่าทุกอย่าง ในที่หลบบนเนินเขาไม่แปลกใจที่หาพวกมันไม่เจอหนำซ้ำฝั่งเฉิ่งฮั่นเสียเปรีบยอยู่ไม่น้อย บัดนี้เจ้าหมาป่าได้เดินดมกลิ่นไปเรื่อยๆ จนมันเริ่มเหาเบาๆเพื่อบอกชายทั้งห้าเดินทางขึ่นไปยังหุบเขาโดยใช้ทางเดินที่ทุกคนต่างก็รู้ว่ามันเป็นทางตัน" เจ้าหมาป่า ทางนั้นมันเป็นทางตัน " เจ้าหมาป่าไม่สนใจวิ่งนำหน้าชายทั้งห้าเข้าไปอย่างรวดเร็ว " ตามเจ้าหมาป่าไป " เมื่อเดินทางมาถึงยังที่หมายกลับเป็นทางตันจริงๆ " เจ้าหมาป่าข้าบอกเจ้าแล้วว่ามันเป็นทางตัน " { ตนย้ำด้วยเสียงที่มั่นใจและไม่หลบสายตา} เจ้าหมาป่าไม่เชื่อเพราะกลิ่นจมูกของมันไม่มีทางคาดการผิดพลาด มันจึงดมกลิ่นรอบๆจนเจอกับโพรงหญ้าที่มีหลุมใต้ดินเป็นทางลัดเดินลงไป โฮ่งๆ...... มันคาบชายกระโปรงเพื่อให้ทุกคนเข้ามาดูในที่มันเจอ " ใจเย็น ข้าจะไปดู " เมื่อชายทั้งห้าเปิดโพรงหญ้าที่หนาทึบและมีหนามคมเต็มไปหมด " ห๊ะ ทางลัดใต้ดิน พวกมันขุดเตรียมการไว้ลวงหน้าก่อนจะเปิดสงคราม " {
" สัญลักษณ์แคว้นหกรึ หมาลอบกัด "ตนยิบป้ายมองมันอย่างแค้นใจที่กล้ามาทำร้ายลูกน้องของตน จึงนำป้ายเก็บไว้เพื่อจะจะเป็นประโยชน์ในวันข้างหน้า " เจ้าหมาป่าออกจากที่นี้กันเถิด " เมื่อเจ้าหมาป่าได้ยินคำสั่งมันจึงให้หัวหน้าทหารเดินนำก่อนหน้ามันจะเดินตามหลังเพื่อปกป้องตามสัญชาตญาณ กรมกลาโหมเมื่อเฝิงเส้าเฟิงทราบข่าวตนวิ่งขี่ม้าเร็วมาที่กรมกลาโหม ก่อนจะเข้าประตูตนได้มองไปยังวังหลวงที่ควันไฟลอยกระจายไปทั่ววังหลวง" เฝิงเส้าเฟิง " มันเปิดการโจมตีอย่างเปิดเผยเช่นนี้ คงอยากให้ฝั่งเราเดินตามเกมส์หากตอบโต้กลับชาวบ้านจะเดือดร้อน "เฉินต้าหนิง" ต้องรอให้ถึงพรุ่งนี้เลยรึ ข้าว่าพวกมันยังไงก็เล่นไม่ซื่อ " เฝิงเส้าเฟิง " หากข้าตอบโต้เจ้าคิดว่าจะเป็นเช่นไร " เฉินต้าหนิง" คงวุ่นวายไปทั่วแคว้น "เฝิงเส้าเฟิง" ข้าเปลี่ยนใจแล้ว เจ้าเป็นผู้บัญชาการทหาร จึงสั่งให้เหล่าทหารพร้อมรบตั้งแต่เพลานี้เป็นต้นไป" เฉินต้าหนิง " ขอรับองค์ชาย " เสียงระฆังดังลั่นทุกคนวางอาวุตหยุดฝึกซ้อมกะทันหัน ทหารมากกว่า หนึ่งล้านเจ็ดแสนนายพร้อมใจกันรวมตัวเฉินต้าหนิง" ฟังข้าให้ดี นับตั้งแต่เพลานี้เป็นต้นไป เฉิ่งฮั่นจะทำสงครามเพื่อปก
ลานประชุมกรมกลาโหมผ่านมาแล้วหกวัน อีกหนึ่งวันก็จะครบกำหนดการเปิดสงครามกับแคว้นหกอย่างเต็มรูปแบบ เวลาชั่งเร็วเหลือเกิน วันนี้ทั้งหกคนต้องแบ่งหน้าที่ของตัวเองเฝิงเส้าเฟิง เป็นผู้วางแผนการทำศึก/ ออกรบ เฉินต้าหนิง คือผู้บัญชาการทหารสูงสุดและคือผู้นำกองทัพซุนอี้ ค่อยคุมทหารในแต่ละหมู่บ้าน ทั้งหมดในเฉิงฮั่น เพื่อแคว้นหกเล่นตุกติกหวนกลับมาทำร้ายชาวบ้านลี่ถัง" เป็นหมอประจำการ หากมีทหารบาดเจ็บ จะได้รักษาทันในช่วงเวลาที่ทำศึก หนิงเหอ/ชงหยุน " ดูแลเด็กๆอย่าให้ออกไปข้างในพื้นที่ที่เสี่ยงอันตราย " เฝิงเส้าเฟิง " ท่านเฉินต้าหนิง อาวุตที่จะใช้โจมตี มีกี่ประเภทรึ ตนกำลังเลือกดาบที่เหมาะกับตัวเองในขณะที่เฝิงเส้าเฟิงรอคำตอบนั้นอยู่ เฉินต้าหนิงหันลำตัวกลับมามองสบตาทุกคน ด้วยรูปลักษณ์ที่น่าเกรงขามในชุดเกราะที่เฝิงเส้าเฟิงนั้นออกแบบให้ เฉินต้าหนิง" ที่นี้มีดินระเบิด ธนูไร้หัว ธนูไฟ เฝิงเส้าเฟิง " ตั้งแต่เจ้าสวมชุดเกราะตัวนี้ดูรูปงามมากนัก " เฉินต้าหนิง" ข้ายังหาเมียไม่ได้เลย " เฝิงเส้าเฟิง" เอาไว้จบศึกครั้งนี้ข้าจะประทานเมียให้เจ้า " เฉินต้าหนิง" ฮ่าๆ องค์ชาย ท่านพูดเล่นรึ " เฝิงเส้าเฟิง
หลิวซินเนียน" เอามือสกปกของเจ้าออกไป" นางใช้ใบพัดตีเข้าที่หัวและมือจนสุดแรงซุนอี้ถึงกับทนไม่ได้ แต่ก่อนที่ซุนอี้จะเข้าไปช่วย ลี่ถังนั้นได้กระแชะหลิวซินเนียนอย่างเงียบๆลี่ถัง" เพราะท่านไม่มีอะไรให้หน้ายกย่อง ท่านเองก็สกปกมาก ๆ ในเฉิงฮั่น "หลิวซินเนียนได้ฟังแล้วยิ่งทำให้นางโกรธมากยิ่งขึ่น นางหันไปเห็นไม้ท่อนแข็งๆขนาดใหญ่ปานกลางยื่นแขนและลำตัวก้มลงไปยิบขึ่นมาเพื่อจะทำร้ายลี่ถัง หลิวซินเนียน" เจ้าไม่หยุดใช่ไหม " ซุนอี้" หยุดนะ กิริยาเลวทรามเช่นนี้อย่ามาใช้ให้ทหารไม่เคารพ"นางกระชากไม้ออกจากมือหลิวซินเนียนใช้แขนอีกข้างผลักตัวนางเวี่ยงเข้าถังขยะเศษกองสมุนไพรจนเปื้อนไปหมดหลิงซินเนียน" บังอาจนัก " { โกรธจนปากสั่น สีหน้าไร้ความสดใสมีแต่ความอาฆาต }ซุนอี้ " ทหารส่งพระมเหสีกลับตำหนัก " หลิวซินเนียน" พวกทหารชั้นต่ำ อย่ามาโดนตัวข้า หลิวซินเนียนนิ่งด่าทอทหารในสภาพที่เลอะเทอะไม่ยอมลุกออกจากกองเศษสมุนไพร ด้วยตัวเองหลิวซินเนียน" นางบ่าวไพร่ มาพยุงข้าสิ ยืนมองข้าอยู่ได้ "นางกำนัลรีบไปเข้าไปพยุงนางลุกขึ่นมาแต่พอลุกขึ่นมาได้ ก็สั่งสอนนางกำนัลด้วยการใช้นิ้วจี้ไปที่หน้าผากพูดจาดูถูกเยี่ยงสัตว์ตั