ตำหนักรอง5:35 น.นนางกำนัล" องค์หญิงหลี่ซิ่นมาแล้ว "หลี่ซิ่น" เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้เหตุใดท่านพ่อถึงไม่อยู่เฝ้า "นางกำนัล" ฝ่าบาทเห็นว่ามเหสี ไม่ได้เป็นไรมาก เลยเดินกลับไปยังตำหนักแล้วเพคะ "หลี่ซิ่น" อะไรนะ แล้วผู้ใดอุ้มท่านแม่ข้า "นางกำนัล" พวกบ่าวเองเพคะ "(หลี่ซิ่นคับข้องใจอยู่ไม่น้อยในการกระทำเช่นนี้ของบิดาตน ) หลี่ซิ่น" มัวยืนอะไร เปิดประตูให้ข้าเข้าไป (มองตาขวางสั่งให้เปิดประตู)สภาพมารดาของตนนั้นหน้าซีดปากซีดไม่มีสีสันในใบหน้าอันโฉมงาม หลี่ซิ่นจับมือแม่ของตนอย่างเบาๆ" ท่านแม่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ "จู่ ๆ นิ้วมือเรียวๆก็กระตุกขึ้นมา ลืมตาโตๆซ่อนความหวาดกลัว ฟื้นขึ่นมาเห็นลูกสาวเป็นคนแรกหลิวซิ่นเนียน" ลูกแม่เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม" (นางรีบพุ่งตัวขึ้นจับไหล่ลูกสาวตนแล้วซักถามอย่างกังวล)หลี่ซิ่น " ข้าไม่เป็นอะไรท่านแม่ ข้านอนหลับสบายดี" หลิวซินเนียน" เมื่อคืนลมแรงมาก จนหน้าประตูราว หน้าต่างพังข้างหนึ่ง (หลี่ซิ่นขมวดคิ้ว ส่ายหน้าช้าๆ แล้วเอ่ยขึ้น)หลี่ซิ่น" ท่านแม่เมื่อคืนนี้ไม่มีลมเลยเพคะ หากมีบ่าวของลูกต้องรู้อยู่แล้ว ( ได้ยินลูกสาวตนเอ่ยเช่นนั้น จึงนึกย้อนกลับไป )หลี่ซิ่น"
หอสุราเหมาไถซุนอี้กับชุงหยุนเดินทางมาก่อนเฝิงเส้าเฟิง ได้สักพักแล้ว ซุนอี้อยากลิ้มลองเหล้าในสมัยยุคจีนโบราณเลยสั่งเหล้าชั้นที่ดีสุดในร้าน นั่งดื่มคนเดียวชงหยุนนางไม่ดื่มด้วยชงหยุน" องค์หญิงท่านหน้าแดงแล้ว" ( ชงหยุนคอยดูแลไม่ห่าง)ซุนอี้ชี้หน้ารี่ตาปริบๆ " เจ้าลองชิมดู มันดีมาก" (ชงหยุนส่ายหน้าห้ามปราม ดึงแก้วออกจากมือ)ชงหยุน" ท่านเมาหนักมากเเล้ว หากองค์ชายมาเห็นเข้าจะเป็นเรื่องใหญ่ " (ซุนอี้ยิ้มอย่างท้าทาย)ซุนอี้" มาเถอะ ข้าไม่กลัวหรอก " ( จู่ ๆชงหยุนก็เหลือบสายตาไปเห็นองค์ชายมากับองค์หญิงหลี่ซิ่น ) ชงหยุนเขย่าตัวซุนอี้เบาๆ " องค์หญิงองค์ชายมา "ซุนอี้" มาก็ช่างกระไร "เฝิงเส้าเฟิงยืนอยู่หน้าประตู แต่ทหารสายตาดี มองเห็นองค์หญิงอยู่ในร้าน กับนางกำนัลชงหยุน" คุณชายนั้นองค์หญิงซุนอี้ขอรับ"เฝิงเส้าเฟิง"เป็นถึงชายาเอกเหตุใดถึงทำตัวต่ำตมเช่นนี้" (หลี่ซิ่นได้โอกาสก็พ้นไฟใส่ความไม่หยุด)หลี่ซิ่น" ตอนที่นางเป็นสาวบ้านธรรมดา งานการไม่ทำเอาแต่เกียจคร้านชอบดื่มสุราเป็นประจำ "เฝิงเส้าเฟิง" หากเจ้ารู้เช่นนี้เหตุใดแม่เจ้าถึงไม่หาคนที่มีสมองมากกว่านี่ละ รึว่าเห็นข้าเป็นคนไร้สติอย่างนั้นรึ"
กรมตุลาการ เฉิ่งฮั้นเวลา 11:00.หัวหน้ากลมตุลาการ / หูจวิน อายุ 49 ปี/ ยืนในตำแหน่งหน้าที่มาได้ 20 ปี นิสัยชอบเอาหน้า บิดเบือนความจริง ทุกอย่างที่ทำย่อมต้องมีผลประโยชน์ของตัวเอง ในแถบหมู่บ้านติดป่าภูเขาถนนซับซ้อนป่าหนาทึบ หากไม่รู้ทางจะหลงทางเอาได้ แต่ที่นี้มีผู้คนอาศัยอยู่ เป็นพันๆคน แค่เส้นทางอย่างกับเขาวงกต ทุกๆปีฝ่าบาทจะคอยมาเยี่ยมชาวบ้าน เพราะที่นี้คนหาย ในทุกๆ สัปดาห์ สัปดาห์นี้ก็เช่นกัน ชาวบ้านแต่ละพื้นที่เริ่มไม่ไหวแล้วหาตัวคนร้ายไม่เคยได้ ผ่านมาตั้ง20 กว่าปีไม่รู้ว่าคนร้ายคือผู้ใด ถึงได้ลักพาตัวหายไปอย่างไร้ร่องรอย วันนี้ทางการได้ส่งตัวแทน มาเยือนหมู่บ้าน ผู้นั้นก็คือ หูจวิน ชาวบ้าน" เหตุใดถึงมาช้าเช่นนี้ให้ชาวบ้านอย่างพวกข้าตาดำๆมายืนรอหลายเพลาแล้ว "ชาวบ้าน2 " ฮึกๆ ลูกชายข้ากำลังจะแต่งงาน จู่ ๆเ มื่อคืนวานก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย พูดถึงแล้วข้าจะเป็นลม "ชาวบ้าน" นั้นไงขบวนรถม้ากำลังเดินทางมุ่งหน้าเข้าที่หมู่บ้าน "ผู้เป็นแม่ได้ยินเสียงขบวนรถม้าผันตัวลุกขึ้นยืนดักรอที่หน้าทางเข้า เอียงลำคอมองอย่างมีความหวังเดินกลับไปกลับมาอย่างกระวนกระวาย เบ้าตาบวมก่ำไม่ได้หลับไม่ได้นอน
ตำหนักใจกลางแม่น้ำหน้าแดงๆ ตาโตๆชะเง้อหน้ามองยืนรอเฝิงเส้าเฟิง เดินกัดนิ้วกัดปากสะบัดตัวไปมาซุนอี้" เมื่อไรจะมา ช้าจัง "ชงหยุน" องค์หญิงองค์ชายมาแล้ว "ซุนอี้" ได้เรื่องหรือไม่ " (นางรีบวิ่งเข้าไปถาม )เฝิงเส้าเฟิง" ย้ายตำหนักได้ รีบไปเก็บของเถิดข้าจะเข้าไปช่วย (นางดีใจจนเขย่าแขนแกว่งไปมา เงยหย้ายิ้มหวานๆตายี่ๆให้สามีตนโดยไม่รู้ตัว)ซุนอี้" ไปชงหยุน รีบไปเก็บของเถิด " ( เฝิงเส้าเฟิงเผอลยิ้ม )เฝิงเส้าเฟิง " บ้า นี่ข้าเป็นอะไรไป " องค์รักษ์" องค์ชาย อย่าเพิ่งเข้าตำหนักขอรับ กระหม่อมมีเรื่องจะทูลให้ท่านทราบ" (สายสืบองครักษ์วิ่งม้าเร็วมาหาเฝิงเส้าเฟิง)เฝิงเส้าเฟิง " ตามข้ามาที่ศาลาฝั่งขวา "องครักษ์" ข้าได้สืบความมาว่า วันนี้กลมตุลา เข้าไปเยี่ยมหมู่บ้านแถบป่าทึบ แต่นั้นไม่ใช่ประเด็น มันมีเรื่องที่สำคัญกว่านั้น "เฝิงเส้าเฟิง" ยังมีอีกรึ "องครักษ์" ที่แถบหมู่บ้าน บริเวณนั้น มีคนหายในทุกๆหนึ่งสัปดาห์ หาคนร้ายมายี่สิบปี ก็สืบไม่เจอตัว แต่ที่น่าสงสัยหัวหน้ากลมตุลาการไม่ใส่ใจเรื่องนี้ และไม่เดือดเนื้อร้อนใจ " เฝิงเส้าเฟิง" ข้าว่าผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ไม่พ้นคนในกลมตุลาการ "องครักษ์
ห้องครัวใหญ่ตูบ! ปัง! เศษจานแตกเป็นเสี่ยงๆหลายร้อยใบในห้องครัว โดนลูกหลงเศษจานเฉือนบาดหน้าเป็นรอยลึกลำตัวโค้งคำนับจนหน้าติดแทบพื้นขอร้องอ้อนวอนด้วยน้ำตาที่อาบด้วยเลือดบนใบหน้า นางจับมวยผมดึงศีรษะลากมากับพื้น ขากรรไกรคมๆแล่นผ่านบนเส้นผมหนาๆจนหมดสิ้น หลี่ซิ่น" จำไว้ อย่าว่านำอาหารให้นางซุนอี้ "ฟ่านฉี" องค์หญิงซุนอี้มีเมตน้ำใจงามไม่เหมือนท่าน ใจดำ ขาวดำยังแยกไม่ออก "หลี่ซิ่น" เป็นครั้งแรก ที่เจ้ากล้าต่อว่าข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วรึ"ฟ่านฉี" ฮ่าๆ หม่อมฉันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ถึงหม่อมฉันอยู่ไปก็เหมือนตายทั้งเป็น "หลี่ซิ่น" หึ ข้าไม่ให้เจ้าตายหรอก ข้าชอบทรมานเจ้า" ฟ่านฉี " สันดานแม่ลูกชั่งเหมือนกันเสียจริง"( หลี่ซิ่นใช้แซ่ฟาดหลัง )หลี่ซิ่น" เจ้ากล้ายอกย้อนข้าหรือนางชั้นต่ำ..." ( นางเฆี่ยนหลังจนเลือดออก)ฟ่านฉีสาปแช่งหลี่ซิ่นอย่างโกรธแค้น " ข้าขอให้ท่านไม่สมหวังในความรัก เวรกรรมที่ท่านทำกับข้า มันจะย้อนกลับคืนไปหาท่านเป็นพันเท่าทวีคูณ "หลี่ซิ่น" โทษที ข้าไม่เชื่อเรื่องเวรกรรม "(หลังจากนั้นหลี่ซิ่นก็หยุดฟาด และสั่งให้นาง ทำอาหารต่อไป )ตำหนักโบตั๋นชงหยุน" องค์ชายเมื่อครู่ข้าจะเข้าไปใ
( แววตาของนางกำนัลหวาดกลัวแม้ว่านางที่เหลือยังไม่ได้ถูกเลือก แต่กลับรู้สึกเจ็บปวดแทนผู้ที่ถูกเลือกจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ร้องไห้อย่างเงียบๆ ไม่ให้องค์หญิงได้ยินแม้แต่เสียงสะอื้น)หลี่ซิ่น" เจ้าหูหนวกรึไง ลุกขึ้น ?" ( นางรีบลุกขึ้นเดินก้มหน้าเข้ามาหาอย่างช้าๆ )หลี่ซิ่น " เจ้าเห็นนี่รึไม่" นางกำนัล" เห็นเพคะ " หลี่ซิ่น " ยิบมันใส่ข้อเท้าเจ้า ! เร็วสิ !"นางกำนัลจับโช่หนา ๆ หนักเล็กน้อย ใส่ด้วยตัวเอง จากนั้น หลี่ซิ่นสั่งให้นางวิ่ง หลี่ซิ่น" วิ่งสิ รออะไร " ( จากที่ใช้แซ่ไล่ตี กลับเปลี่ยนใจใช้ธนูไล่ยิงแทนคงจะสนุกมากกว่า) หลี่ซิ่น " ใช้ธนู ดีกว่า " ( หลี่ซิ่นยิงธนูไม่พักนางกำนัลก็วิ่งหลบหลีกเกือบเอาชีวิตไม่รอดเช่นกัน และธนูลูกสุดท้าย นางวิ่งจนหมดแรงแต่ก็ยังทรงตัวเพื่อหนีให้รอด สุดท้ายก็ไม่รอดโดนลูกธนูปักเข้าที่ท้อง และขาข้างขวาจนล้มตัวทรุดลงไปในที่สุด "หลี่ซิ่น" พวกเจ้าที่เหลือนำร่างนางไปทิ้ง อย่าให้ผู้ใดเห็นเข้าละ " (ในขณะที่นางสั่งก็นำผ้ามาเช็ดธนูอย่างไม่รู้สึกใดๆ )ทหาร" องค์หญิงฝ่าบาทเชิญท่านเข้าเฝ้า ตอนนี้ ขอรับ"หลี่ซิ่น" มีเรื่องอะไรอีก " ตำหนักถานเจี้ยนซื่อประตูทั้งสองบานถ
ชงหยุนประคองซุนอี้มานั่งใต้ต้นดอกโบตั๋น พร้อมอาหารหวานคาว วางเต็มโต๊ะ ทั้งสองกำลังสนทนาอย่างคล่องปากคล่องคอ พร้อมรสชาติของว่างอร่อยๆ ในบรรยากาศที่สดชื่น ได้กลิ่นอายของดอกโบตั๋นโชยมาได้อรรถรสในการทานของว่าง....ตึกๆ! กึก เสียงฝีเท้าพร้อมหยุดเดิน เมื่อหันไปมองด้านหลังค่อย ๆ ว่างขนมในมือไว้ในจานอย่างช้า ๆ ก้มคำนับหลิวซินเนียนตามมารยาทของเจ้าของตำหนักซุนอี้" คำนับพระมเหสี "ผงาดใบพัดคู่กายมองดูรอบๆ ยิ้มมุมปากเกลื่อนสีหน้าเรียบเฉย" ตำหนักโบตั๋นอย่างงดงามเสียจริง " ( นางเอ่ยด้วยเสียงคับข้องใจ)ซุนอี้" ลมอะไรรึ ถึงได้นำพาท่านมาที่นี่" ( นางซักถามโดยไม่เกรงกลัว)หลิวซินเนียน" เจ้าไม่ใช่เจ้าของวังเป็นแค่ผู้มาอยู่อาศัยมีสิทธิที่จะห้ามผู้อื่นไม่เข้ามาด้วยรึ " ซุนอี้" เหตุใดหม่อมฉันจะไม่มีสิทธิในเมื่อตำหนักนี้ ฝ่าบาทให้หม่อมฉันอยู่อาศัย ไม่ใช่ท่าน " (นางต่อต้าน อย่างดุดัน)หลิวซินเนียน" อย่างนั้นรึ ข้าลืมว่าข้าเป็นมเหสี ไม่มีผู้ใดกล้าขัดใจข้า แต่เจ้า....?ซุนอี้" ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้ขัดใจท่าน แต่ข้ากำลังเอ่ยถึงเรื่องมารยาทที่พระมเหสีควรมี " (นางก้าวเท้ายืนสบตาใกล้ๆ ไม่หลบหลีกแม้แต่น้อย
ตำหนักโบตั๋น 20.00 น.นรูปร่างสูงโปร่งสง่างามกล้ามเนื้อกระชับได้สัดส่วน ไหล่กว้าง กำลังพอดีกำลังนอนแช่ในอ่างอาบน้ำอย่างเย็นสบาย จู่ ๆ ก็นึกย้อนไปเมื่อหลายวันก่อน ที่แกล้งบ้าเข้าไปในห้องน้ำซุนอี้ในวันนั้น ผิวขาวๆของนางติดตราตรึงใจไม่ลืมเลือน เนินหน้าอกอันอวบอิ่มเนียนขาวดังหิมะ แผ่นหลังที่เย้ายวนชวนหลงใหล ตนนั้นนึกคลิ้มจนตาเยิ้ม กลืนน้ำลายไป หนึ่งเฮือก! ในห้วงอารมณ์ หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ ใส่ชุดคลุมเข้าห้องนอนในระหว่างนั้นซุนอี้กำลังถอดเสื้อผ้า ทำให้เห็นสัดส่วนของร่างกายทั้งหมด แต่นางก็ไม่รู้ตัวว่ามีสายตาเล็งมองอย่างเงียบๆ เฝิงเส้าเฟิง" บ้าเป็นอะไรไป อย่าไปมอง! (ตนรีบเดินหนีไปอีกห้อง แล้วยืนถอนหายใจที่เต้นผิดปกติ )21:00ซุนอี้" ท่านนอนข้างล่างตรงนั้น "เฝิงเส้าเฟิง " ข้ารู้ "ซุนอี้" ท่านจ้องข้าทำไม "เฝิงเส้าเฟิง " นอนเถิด ข้าจะนอนแล้ว " ซุนอี้" โอ๊ย! เฝิงเส้าเฟิง" เจ็บข้อเท้ารึ " (รีบพุ่งตัวมานั่งบนที่นอน)ซุนอี้" เจ็บ แต่ไม่มาก"เฝิงเส้าเฟิง" อย่าขยับข้าจะทายาสมุนไพรให้ " ( เฝิงเส้าเฟิงนวดข้อเท้าเบาๆ อย่างทะนุถนอม )ซุนอี้" ขอบใจท่าน " เฝิงเส้าเฟิง" เสร็จแล้ว " ( ทั้งสองจ้องตากั
ตำหนักหลี่ซิ่น หมอหลวง" องค์หญิงสิ้นใจแล้วขอรับ "หลิวซินเนียน" ไม่จริง...ฮือๆ ลูกแม่เจ้าตื่นขึ่นมาเถิดหนา "ตนนั้นทำใจไม่ได้และกล่าวหาหมอหลวงว่าไม่มีความสามรถ...ร้องไห้คร่ำครวญกอดลูกสาวไม่ยอมปล่อย...หันมากล่าวโทษทุกคนที่ยืนดูอยู่หลิวซินเนียน" เป็นเพราะพวกเจ้า พวกเจ้าทำลายชีวิตของของข้า " ฉางอัน" เจ้าทำตัวเองทั้งนั้น จะโทษผู้อื่นเหตุใดไม่โทษตัวเอง " หลิวซินเนียน" ผู้ใดถามเจ้า ข้าชังน้ำหน้าเจ้านัก "ฉางอัน" พอเถิดเจ้าหมดหนทางแล้ว เตรียมตัวเข้าไปชดใช้กรรมในคุกเถิด" ได้ยินคำว่าคุก นางจึงยิบมีดออกมาข่มขู่ทุกคนก่อนจะตายนางได้เอ่ยทิ้งท้าย หลิวซินเนียน" จ้าไม่มีวันยอมเข้าคุก ข้ายอมตายเสียดีกว่า " หลังจากนั้นตนได้ใช้มีดแทงตัวเองจนสิ้นใจตามลูกสาวทิ้งตัวนอนลงข้างกายลูกของตน และหลังจากนั้นศพสองแม่ลูกนั้นได้ถูกเผาไม่มีการทำพิธีใดๆไปทั้งสิ้น เมื่อข่าวนี้แพร่งพรายออกไปทั่วเฉิ่งฮั่น ต่างคนต่างเชื่อในปาฏิหาริย์และรับรู้ว่าต่อจากนี้เมืองเฉิ่งฮั่นจะกลับมามีความสุขดังเฉกเช่นเมื่อก่อนในเมื่อทุกอย่างถูกคลี่คลายเฝิงเส้าเฟิงตอบตกลงทำการค้ากับแคว้นเฉิงฮั่นโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ส่วนซุนอี้ได้พบกับแม่ที่แท้
เจ็ดวันถัดมา เวลา 8.00ณ . ท้องพระโรงในที่สุดวันนี้ก็มาถึงได้เวลาเปิดโปงความจริงทุกอย่าง หลักฐานพร้อมพยานพร้อม ทุกคนในท้องพระโรงต่างรอพระมเหสีหลิวซินเนียนและองค์หญิงซุนอี้ บรรยากาศในท้องพระโรงเริ่มรี่เสียงลงอวยหน้าหันไปยังหน้าประตูบานใหญ่ที่กำลังเปิดออก พระมเหสีหลิวซินเนียนมาแล้ว แต่มาด้วยใบหน้าที่ใส่หน้ากากปิดบังรอยบาดแผลไว้ เหลือให้เห็นแค่ดวงตาทั้งสองข้าง ถานเจี้ยนซื่อ " ในเมื่อมากันครบแล้ว....เฝิงเส้าเฟิงเริ่มได้เลย " เฝิงเส้าเฟิง " เข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน หัวหน้ากรมตุลาการ หูจวินได้ทำความผิด ข้อหาโยนความผิดให้ผู้บริสุทธิ์ปิดบังเรื่องการหายตัวของชาวบ้านตั้งยี่สิบกว่าปี นักโทษที่จับมานั้นล้วนเป็นคนดีทั้งหมดและเรื่องนี้มีผู้อยู่เบื้องหลังคอยหนุนหลังหูจวินมาตลอด "หลิวซินเนียนเริ่มออกอาการทำตัวไม่ถูกตนนั้นกลัวจะถูกเปิดโปง เลยขอตัวกลับตำหนักอ้างว่าตนนั้นไม่สบายหลิวซินเนียน" ฝ่าบาทข้าปวดหัวมาก ข้าขอกลับไปพักผ่อนที่ตำหนัก " เฝิงเส้าเฟิง" ท่านยังไปไหนไม่ได้ " หลิวซินเนียน " บังอาจกล้ามาก้าวร้าวใส่ข้า " เฝิงเส้าเฟิง " ฝ่าบาทขอรับผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก็คือ พระมเหสีหลิวซินเนียนข
ทรมารจากบาดแผลจนร้องไห้ออกมาผ่านบาดแผลที่แก้มทั้งแสบทั้งแค้นใจจนนางสลบลงไปในที่สุด สภาพนางตอนนี้ไม่ต่างจากหมาเร่ร่อนเลยสักนิด กลายเป็นผู้ที่มีหน้าตาอัปลักษณ์จนนางกำนัลไม่กล้าเข้าไปพยุง ในขณะหลี่ซิ่นได้ผ่านมาทางหน้าตำหนักโบตั๋นเห็นนางกำนัลยืนวงล้อมดูท่าวุ่นวายกันมาก ส่วนชงหยุน/หนิงเหอ ได้รีบกลับเข้าตำหนักไปเก็บข้าวของเตรียมหนีกลับแคว้นสิบและพาลี่ถังไปด้วยหนิงเหอ " เหตุใดถึงต้องหนี "ชงหยุน " องค์ชายเคยบอกข้าไว้ล่วงหน้า ว่าถ้าหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ให้ข้ารีบกลับแคว้นสิบอย่าอยู่ที่นี่ "หนิงเหอ"แล้วองค์ชายละ จะเป็นเช่นไร องค์หญิงก็เช่นกัน "ชงหยุน " เรื่องนี้เจ้าอย่าได้ขวัญเสียไป องค์ชายข้าเก่งฉลาดกว่าที่เจ้าคิดเสียอีก รีบเก็บของแล้วไปตำหนักท่านลี่ถัง " หน้าตำหนักโบตั๋นเพลานี้เหล่าขุนนางต่างเรียกให้ทหารนำตัวนางไปรักษา ส่วนนางกำนัลโดนหลี่ซิ่นลงโทษ อย่างหนัก ที่ลานกลางเรือนหลี่ซิ่น แซ่ประจำตัวนางไม่ได้ใช้มานานเพลานี้สมควรนำมันออกมาใช้เสียที แค่เห็นแซ่ในมือนาง นางกำนัลคนเก่าๆที่อยู่มานานยังกลัวไม่ต่างจากนางกำนัลคนใหม่ หลี่ซิ่นจับมวยผมจนจำศีรษะลากนางกำนัลถูพื้นจนขาถลอก มือชั่วช้าได้จับผม
เช้าวันใหม่ 6.00 สองสามีภรรยาตื่นเช้าเตรียมตัวออกตามหานักสืบที่อยู่ในรายชื่อทั้งหมด ที่แรกที่ต้องไปคือหมู่บ้านเล็กๆในแถบนอกเมือง ที่นั้นมีนักสืบซ่อนตัวอยู่เพื่อหลบซ่อนผู้หวังจะทำร้าย เมื่อทั้งสองได้เดินทางมายังหมู่บ้าน ก้าวแรกที่เข้ามาก็เป็นที่หมายตาของชาวบ้านเสียแล้ว ชาวบ้าน " พวกเจ้าทั้งสองมาทำอะไร "เฝิงเส้าเฟิง " ข้ามาตามหาชายที่ชื่อว่า ห่าวซวน " ชายแก่เดินวนรอบ ๆ กายทั้งสอง ใช้ไม้เท้าเคาะตามตัวเพื่อหาสิ่งของ ว่าแอบนำอะไรเข้ามา มองตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่เว้นแม้กระทั่งม้าที่ตนขี่มา วนมองดูหนึ่งรอบไม่พอยังมีรอบที่สอง " ใส่ชุดคลุมหนาเช่นนี้ตอนถอด คงให้ภรรยาซ่วยละสิ ละดูรองเท้าเจ้าสิหนาอย่างกับกากมะพร้าว รอยแผลตามตัวมีแต่แผลเก่าเต็มไปหมด หน้าตาก็ดี รูปร่างใช้ได้ ดูมีฐานะแต่เหตุใดต้องใส่เสื้อผ้าโสโครกเช่นนี้ ผมเผ้ารกรุงรังไปหมด ไปตัดออกบ้าง ไม่เหนื่อยรึปลอมตัวมาเช่นนี้ " เฝิงเส้าเฟิง " ท่านรู้ได้เช่นไร " " ดูภรรยาเจ้าสิผิวพรรณนวลผ่องดังน้ำนมข้าว รูปร่างหน้าตาไม่เป็นสองรองใคร สงบเสงี่ยมเหมือนคนโดนเชือกมัดปากไว้ไม่ยอมพูดจา เนื้อตัวมีกลิ่นเครื่องหอมพุ่งเข้ามาเตะจมูกข้า สาวชาวบ้านธรรมดา
ในระหว่างเดินทางกลับ นางชำเลืองมองไปเห็นชายร่างกายสูงใหญ่หน้าตาหน้ากลัวกำลังอารมณ์เสียเหมือนผิดหวังอะไรมาสักอย่าง แววตารังสีอำมหิตร้อนแรงแผ่ออกกระจายมาทั่วร่างกาย นางสูดหายใจเข้าลึกๆ เบิกตากว้างมองชายผู้นั้นอย่างตื่นตะลึ่ง แต่เมื่อวิ่งรถม้าผ่านชายผู้นั้นไปนางจึงนึกได้ว่าจะหาใครมาทำงานให้นาง จึงสั่งทหารให้เลี้ยวรถม้ากลับทันที "." เงินก็ไม่มีไปเล่นการพนันยังถูกโกง หึ สงสัยข้าต้องขายวัวทิ้งจะได้กลับไปแก้แค้นให้ได้เงินกลับมาเป็นหลายเท่า "{ ตนเดินบ่นไม่พอใจหงุดหงิดใจมองไปทางไหนก็ไม่สบอารมณ์ จนได้ยินเสียงรถม้าวิ่งมาจอดดักหน้าตน สิ่งแรกที่สังเกตเห็นได้คือทหารผู้นี้มาจากในวังและตนยังได้กลิ่นเครื่องหอมของสตรีพุ่งออกมา ตนชะเง้อมองผ้าม่านสีเทาที่กำลังเลื่อนออกอย่างช้าๆ } หลิวซินเนียน " เจ้าอยากมีงานทำหรือไม่ " " ท่านเป็นใคร " หิวซินเนียน" ข้าคือพระมเหสีหลิวซินเนียน " [เมื่อตนรู้ความจริงถึงกับยืนอ้าปากค้างตัวแข็งเหมือนหุ่น }หลิวซินเนียน " ไม่ต้องกลัว สนใจทำงานให้ข้าหรือไม่ ข้าตอบแทนของเจ้าจะทำให้เจ้าสบายไปทั้งชาติ " " งานอะไร ขอรับถึงได้เงินมากมายถึงเพียงนี้ " หลิวซินเนียน " ลักพาตัว
ระเบิดหลายลูกกำลังเตรียมการเล็งเป้าหมายมาที่หมู่บ้าน ชายทั้งห้าจะไปหยุดพวกมันทันหรือไม่ เมื่อเห็นว่าทางเฉิ่งฮั่นไม่มีการตอบโต้ยิ่งทำให้ได้ใจหลงระเริงคิดว่าฝั่งตนนั้นเหนือกว่าทุกอย่าง ในที่หลบบนเนินเขาไม่แปลกใจที่หาพวกมันไม่เจอหนำซ้ำฝั่งเฉิ่งฮั่นเสียเปรีบยอยู่ไม่น้อย บัดนี้เจ้าหมาป่าได้เดินดมกลิ่นไปเรื่อยๆ จนมันเริ่มเหาเบาๆเพื่อบอกชายทั้งห้าเดินทางขึ่นไปยังหุบเขาโดยใช้ทางเดินที่ทุกคนต่างก็รู้ว่ามันเป็นทางตัน" เจ้าหมาป่า ทางนั้นมันเป็นทางตัน " เจ้าหมาป่าไม่สนใจวิ่งนำหน้าชายทั้งห้าเข้าไปอย่างรวดเร็ว " ตามเจ้าหมาป่าไป " เมื่อเดินทางมาถึงยังที่หมายกลับเป็นทางตันจริงๆ " เจ้าหมาป่าข้าบอกเจ้าแล้วว่ามันเป็นทางตัน " { ตนย้ำด้วยเสียงที่มั่นใจและไม่หลบสายตา} เจ้าหมาป่าไม่เชื่อเพราะกลิ่นจมูกของมันไม่มีทางคาดการผิดพลาด มันจึงดมกลิ่นรอบๆจนเจอกับโพรงหญ้าที่มีหลุมใต้ดินเป็นทางลัดเดินลงไป โฮ่งๆ...... มันคาบชายกระโปรงเพื่อให้ทุกคนเข้ามาดูในที่มันเจอ " ใจเย็น ข้าจะไปดู " เมื่อชายทั้งห้าเปิดโพรงหญ้าที่หนาทึบและมีหนามคมเต็มไปหมด " ห๊ะ ทางลัดใต้ดิน พวกมันขุดเตรียมการไว้ลวงหน้าก่อนจะเปิดสงคราม " {
" สัญลักษณ์แคว้นหกรึ หมาลอบกัด "ตนยิบป้ายมองมันอย่างแค้นใจที่กล้ามาทำร้ายลูกน้องของตน จึงนำป้ายเก็บไว้เพื่อจะจะเป็นประโยชน์ในวันข้างหน้า " เจ้าหมาป่าออกจากที่นี้กันเถิด " เมื่อเจ้าหมาป่าได้ยินคำสั่งมันจึงให้หัวหน้าทหารเดินนำก่อนหน้ามันจะเดินตามหลังเพื่อปกป้องตามสัญชาตญาณ กรมกลาโหมเมื่อเฝิงเส้าเฟิงทราบข่าวตนวิ่งขี่ม้าเร็วมาที่กรมกลาโหม ก่อนจะเข้าประตูตนได้มองไปยังวังหลวงที่ควันไฟลอยกระจายไปทั่ววังหลวง" เฝิงเส้าเฟิง " มันเปิดการโจมตีอย่างเปิดเผยเช่นนี้ คงอยากให้ฝั่งเราเดินตามเกมส์หากตอบโต้กลับชาวบ้านจะเดือดร้อน "เฉินต้าหนิง" ต้องรอให้ถึงพรุ่งนี้เลยรึ ข้าว่าพวกมันยังไงก็เล่นไม่ซื่อ " เฝิงเส้าเฟิง " หากข้าตอบโต้เจ้าคิดว่าจะเป็นเช่นไร " เฉินต้าหนิง" คงวุ่นวายไปทั่วแคว้น "เฝิงเส้าเฟิง" ข้าเปลี่ยนใจแล้ว เจ้าเป็นผู้บัญชาการทหาร จึงสั่งให้เหล่าทหารพร้อมรบตั้งแต่เพลานี้เป็นต้นไป" เฉินต้าหนิง " ขอรับองค์ชาย " เสียงระฆังดังลั่นทุกคนวางอาวุตหยุดฝึกซ้อมกะทันหัน ทหารมากกว่า หนึ่งล้านเจ็ดแสนนายพร้อมใจกันรวมตัวเฉินต้าหนิง" ฟังข้าให้ดี นับตั้งแต่เพลานี้เป็นต้นไป เฉิ่งฮั่นจะทำสงครามเพื่อปก
ลานประชุมกรมกลาโหมผ่านมาแล้วหกวัน อีกหนึ่งวันก็จะครบกำหนดการเปิดสงครามกับแคว้นหกอย่างเต็มรูปแบบ เวลาชั่งเร็วเหลือเกิน วันนี้ทั้งหกคนต้องแบ่งหน้าที่ของตัวเองเฝิงเส้าเฟิง เป็นผู้วางแผนการทำศึก/ ออกรบ เฉินต้าหนิง คือผู้บัญชาการทหารสูงสุดและคือผู้นำกองทัพซุนอี้ ค่อยคุมทหารในแต่ละหมู่บ้าน ทั้งหมดในเฉิงฮั่น เพื่อแคว้นหกเล่นตุกติกหวนกลับมาทำร้ายชาวบ้านลี่ถัง" เป็นหมอประจำการ หากมีทหารบาดเจ็บ จะได้รักษาทันในช่วงเวลาที่ทำศึก หนิงเหอ/ชงหยุน " ดูแลเด็กๆอย่าให้ออกไปข้างในพื้นที่ที่เสี่ยงอันตราย " เฝิงเส้าเฟิง " ท่านเฉินต้าหนิง อาวุตที่จะใช้โจมตี มีกี่ประเภทรึ ตนกำลังเลือกดาบที่เหมาะกับตัวเองในขณะที่เฝิงเส้าเฟิงรอคำตอบนั้นอยู่ เฉินต้าหนิงหันลำตัวกลับมามองสบตาทุกคน ด้วยรูปลักษณ์ที่น่าเกรงขามในชุดเกราะที่เฝิงเส้าเฟิงนั้นออกแบบให้ เฉินต้าหนิง" ที่นี้มีดินระเบิด ธนูไร้หัว ธนูไฟ เฝิงเส้าเฟิง " ตั้งแต่เจ้าสวมชุดเกราะตัวนี้ดูรูปงามมากนัก " เฉินต้าหนิง" ข้ายังหาเมียไม่ได้เลย " เฝิงเส้าเฟิง" เอาไว้จบศึกครั้งนี้ข้าจะประทานเมียให้เจ้า " เฉินต้าหนิง" ฮ่าๆ องค์ชาย ท่านพูดเล่นรึ " เฝิงเส้าเฟิง
หลิวซินเนียน" เอามือสกปกของเจ้าออกไป" นางใช้ใบพัดตีเข้าที่หัวและมือจนสุดแรงซุนอี้ถึงกับทนไม่ได้ แต่ก่อนที่ซุนอี้จะเข้าไปช่วย ลี่ถังนั้นได้กระแชะหลิวซินเนียนอย่างเงียบๆลี่ถัง" เพราะท่านไม่มีอะไรให้หน้ายกย่อง ท่านเองก็สกปกมาก ๆ ในเฉิงฮั่น "หลิวซินเนียนได้ฟังแล้วยิ่งทำให้นางโกรธมากยิ่งขึ่น นางหันไปเห็นไม้ท่อนแข็งๆขนาดใหญ่ปานกลางยื่นแขนและลำตัวก้มลงไปยิบขึ่นมาเพื่อจะทำร้ายลี่ถัง หลิวซินเนียน" เจ้าไม่หยุดใช่ไหม " ซุนอี้" หยุดนะ กิริยาเลวทรามเช่นนี้อย่ามาใช้ให้ทหารไม่เคารพ"นางกระชากไม้ออกจากมือหลิวซินเนียนใช้แขนอีกข้างผลักตัวนางเวี่ยงเข้าถังขยะเศษกองสมุนไพรจนเปื้อนไปหมดหลิงซินเนียน" บังอาจนัก " { โกรธจนปากสั่น สีหน้าไร้ความสดใสมีแต่ความอาฆาต }ซุนอี้ " ทหารส่งพระมเหสีกลับตำหนัก " หลิวซินเนียน" พวกทหารชั้นต่ำ อย่ามาโดนตัวข้า หลิวซินเนียนนิ่งด่าทอทหารในสภาพที่เลอะเทอะไม่ยอมลุกออกจากกองเศษสมุนไพร ด้วยตัวเองหลิวซินเนียน" นางบ่าวไพร่ มาพยุงข้าสิ ยืนมองข้าอยู่ได้ "นางกำนัลรีบไปเข้าไปพยุงนางลุกขึ่นมาแต่พอลุกขึ่นมาได้ ก็สั่งสอนนางกำนัลด้วยการใช้นิ้วจี้ไปที่หน้าผากพูดจาดูถูกเยี่ยงสัตว์ตั