ตำหนักโบตั๋น 20.00 น.นรูปร่างสูงโปร่งสง่างามกล้ามเนื้อกระชับได้สัดส่วน ไหล่กว้าง กำลังพอดีกำลังนอนแช่ในอ่างอาบน้ำอย่างเย็นสบาย จู่ ๆ ก็นึกย้อนไปเมื่อหลายวันก่อน ที่แกล้งบ้าเข้าไปในห้องน้ำซุนอี้ในวันนั้น ผิวขาวๆของนางติดตราตรึงใจไม่ลืมเลือน เนินหน้าอกอันอวบอิ่มเนียนขาวดังหิมะ แผ่นหลังที่เย้ายวนชวนหลงใหล ตนนั้นนึกคลิ้มจนตาเยิ้ม กลืนน้ำลายไป หนึ่งเฮือก! ในห้วงอารมณ์ หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ ใส่ชุดคลุมเข้าห้องนอนในระหว่างนั้นซุนอี้กำลังถอดเสื้อผ้า ทำให้เห็นสัดส่วนของร่างกายทั้งหมด แต่นางก็ไม่รู้ตัวว่ามีสายตาเล็งมองอย่างเงียบๆ เฝิงเส้าเฟิง" บ้าเป็นอะไรไป อย่าไปมอง! (ตนรีบเดินหนีไปอีกห้อง แล้วยืนถอนหายใจที่เต้นผิดปกติ )21:00ซุนอี้" ท่านนอนข้างล่างตรงนั้น "เฝิงเส้าเฟิง " ข้ารู้ "ซุนอี้" ท่านจ้องข้าทำไม "เฝิงเส้าเฟิง " นอนเถิด ข้าจะนอนแล้ว " ซุนอี้" โอ๊ย! เฝิงเส้าเฟิง" เจ็บข้อเท้ารึ " (รีบพุ่งตัวมานั่งบนที่นอน)ซุนอี้" เจ็บ แต่ไม่มาก"เฝิงเส้าเฟิง" อย่าขยับข้าจะทายาสมุนไพรให้ " ( เฝิงเส้าเฟิงนวดข้อเท้าเบาๆ อย่างทะนุถนอม )ซุนอี้" ขอบใจท่าน " เฝิงเส้าเฟิง" เสร็จแล้ว " ( ทั้งสองจ้องตากั
ฟ่านฉี " ข้าไม่เคยเข้ามาที่นี่เลยไม่คุ้น " ซุนอี้" เจ้าอยู่ที่นี่เจ้าจะปลอดภัย เฝิงเส้าเฟิง ทูลขอฝ่าบาทให้เจ้ามาเป็นนางกำนัลรับใช้ข้า " ฟ่านฉีซึ้งใจจนน้ำตาคลอในม่านตาสีขาวบริสุทธิ์ จนหยดไหลออกมา เหมือนนางได้อิสระอีกครั้ง ฟ่านฉี" ท่านช่างมีจิตใจเมตตา หากไม่ได้ท่านข้าคงอยู่อย่างทรมาน " ซุนอี้" แล้วเหตุใด หลี่ซิ่นถึงได้ทำกับเจ้าเช่นนี้ " ฟ่านฉี " เมื่อ20ปีแล้ว ข้าคือแม่ครัวที่มีฝีมือดีที่สุดในเฉิ่งฮั่น ก่อนที่จะเข้ามาเป็นแม่ครัวข้าเคยเป็นหมอมาก่อน " ซุนอี้" ท่านเป็นหมอรักษาคนเหตุใดถึงเลือกเข้ามาทำอาหารในวัง " ฟ่านฉี" ครอบครัวของข้าถูกฆ่าล้างยกครัว " ซุนอี้ " ข้าเสียใจด้วย " ฟ่านฉี" จากนั้นข้าก็เร่ร่อนรักษาผู้คน จนมาเจอกับพระมเหสีฉางอัน ท่านได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกศัตรูไล่ล่าข้าเลยรักษาท่านพาท่านมาซ่อนตัว หลังจากผ่านไปหลายวันฝ่าบาทก็ทรงประกาศตามหา ข้าเลยอาสาพาพระมเหสีส่งเข้าวังโดยการปลอมตัวเป็นชายมิให้ทหารจับได้เพราะไม่รู้ว่าในวังเฉินฮั่นนั้นผู้ใดเป็นศัตรูหรือเป็นมิตร 2 เดือนต่อมาพระมเหสีทรงตั้งครรภ์ฝ่าบาทดีใจมากคอยดูแลใกล้ชิดอย่างดี แต่นางสนมหลิวซินเนียนหาโอกาสที่จะทำร้ายพระมเห
ซุนอี้" สายตาหลายคู่จับจ้องมาที่ท่าน (ซุนอี้เงยหน้าบอกกล่าว)เฝิงเส้าเฟิง" ไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่ทั้งคน"เฝิงเส้าเฟิงลงจากหลังม้ายื่นมือรอรับภรรยา พร้อมจูงมือพาภรรยาไม่ให้ห่างกายเดินอย่างสง่าผ่าเผยเหมาะสมดั่งกิ่งทองใบหยก รูปโฉมอันงดงามของซุนอี้ ไม่มีผู้ใดไม่อาจละสายตาจากนางได้ เสี่ยวถังมองซุนอี้ตั้งแต่หัวจรดเท้า" คำนับองค์หญิง "เฝิงเส้าเฟิง" นี่คือภรรยาข้า หากนางเป็นอะไรไปแม้แต่ปลายเล็บ ก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน" ( เสียงข่มขู่ที่มาจากใจ)เสี่ยวถัง" ภรรยาเจ้าผู้ใดเห็นก็หมายอยากได้มาครอง" ( ตนพูดยั่วโทสะเฝิงเส้าเฟิง)เฝิงเส้าเฟิง" มาเข้าเรื่องเลยดีกว่า " (ทั้งสองเดินหันหลังไปนั่งเจรจาประจันหน้าอย่างตรงไปตรงมา)ก่อนเอ่ยยกน้ำชาชักหนึ่งแก้วให้หายคอแห้ง" พรุ่งนี้เราจะแข่งขันการประลอง ยิงธนู เป็นแค่ด่านเล็กๆ "เฝิงเส้าเฟิงไม่คัดค้าน" ได้ มีอะไรข้องใจอยากถามข้าไหม "เสี่ยวถัง" ไหน ๆ ก็มาเจอกันแล้ว ก็นั่งคุยกันสักคร่าคงไม่เสียเวลาท่านหรอก"(ปากพูดขยับเขยื้อน แต่สายตามองไปที่ภรรยาเฝิงเส้าเฟิง)เฝิงเส้าเฟิง" ดูท่าแล้ว ท่านคงไม่มีเรื่องจะคุยกับข้า คงอยากคุยกับภรรยาข้า "( สีหน้าต่างฝ่ายต่างเริ่ม
ชาวบ้านทุกคนรวมตัวกันมุ่งหน้ามาที่เขตประตูวังหลวง คำนับคุกเข่าร้องเรียกความยุติธรรมให้กับผู้สูญหาย " ฝ่าบาทได้โปรดช่วยพวกหม่อมฉันด้วย นี่ก็ผ่านมาตั้ง20 กว่าปี ไม่มีวี่แววของฆาตกร เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร"ตำหนักโบตั๋นในขณะนั้นเฝิงเส้าเฟิงเดินทางมาถึงตำหนัก โดยมีชงหยุนยืนรออย่างกระวนกระวาย ชงหยุน" องค์ชายเกิดเรื่องใหญ่แล้ว " (เฝิงเส้าเฟิงกับซุนอี้ยังไม่ได้ลงจากม้าก็มีเรื่องให้ต้องแก้ไข )เฝิงเส้าเฟิง" มีเรื่องอะไร ค่อยๆพูด "ชงหยุน" ชาวบ้านรวมตัวกันเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่คนหายให้หาฆาตกรให้เจอ"เฝิงเส้าเฟิง" อืม ข้าจะไปเจรจาเอง "ซุนอี้" ข้าไปด้วยได้หรือไม่ " เฝิงเส้าเฟิง" เจ้านั่งตั้งนานไม่ยอมลง แล้วจะให้ข้าว่าเช่นไร " ( ซุนอี้ยิ้มแฉ่งอย่างน่าเอ็นดู)ซุนอี้" นั้นสิเพคะ ไปรีบไปเถิด" เขตหน้าประตูวังหลวงเมื่อเดินทางมาถึงแล้วสีหน้าที่เคร่งเครียดราวกับถูกบีบคั้นเม้มปากด้วยความอัดอั้นตันใจ ของครอบครัวผู้สูญเสียกว่าหลายร้อยคน เห็นชาวบ้านทุกข์ใจมากเช่นนี้ เฝิงเส้าเฟิงให้คำมั่นสัญญา ว่าจะหาตัวผู้ร้ายมาให้ได้เฝิงเส้าเฟิง" ข้าให้สัญญา ว่าข้าจะหาฆาตกรมาลงโทษ เพลานี้พวกท่านควรระวังตัวให้มา
ยังไม่ทันหายใจได้อ้าปากพูดมาก เฝิงเส้าเฟิงสั่งให้ชงหยุนกับซุนอี้ไปจัดการเรื่องแม่ครัวและอาหาร แบ่งแม่ครัวทำกับข้าวไปยังหมู่บ้านแถบป่าทึบไว้ให้ทหารได้กินอิ่มท้อง เฝิงเส้าเฟิง" หากเข้าใจที่ข้าสั่งแล้ว รีบไปเสีย " ( ซุนอี้ไม่รอข้ารีบพาชงหยุนไปห้องครัวใหญ่ )ห้องครัวใหญ่ตั้งแต่ได้แม่ครัวและผู้ช่วยมา อาหารการกินไม่มีการขัดแย้งกันภายในครัว แต่ว่าผู้ช่วยนั้นเป็นคนของหลี่ซิ่นทั้งหมด งานนี้มาดูกันว่าซุนอี้จะรับมือเช่นไรเสียงสับๆบนเขียง ดังมาเป็นระยะให้ได้ยินซุนอี้" แม่ครัวกับผู้ช่วยท่าทางจะสามคีกันดี "( หลังจากนั้นนางค่อย ๆ เปิดประตูออกอย่างช้าๆ จนทุกคนที่อยู่ข้างในหยุดมีดลงแล้วหันมามองนางด้วยสายตาไม่เป็นมิตร )แม่ครัว" คำนับองค์หญิง " ( ก้มคำนับอย่างไม่เต็มใจ)ซุนอี้" ข้าต้องการแม่ครัว 2 คน ผู้ช่วย อีก2 คน ไปให้ทำอาหารที่หมู่บ้านป่าทึบให้ทหาร20000 นาย " ( ทุกคนสีหน้าเมินเฉย แล้วสับหมูต่อไป)ชงหยุน" พวกเจ้าไม่ได้ยินที่นายข้าสั่งรึ "แม่ครัว" นายเจ้า ไม่ใช่นายข้าเหตุใดพวกข้าต้องฟัง รึ " ซุนอี้" พวกเจ้าคงเป็นคนของหลี่ซิ่นสินะ งั้นก็เตรียมตัวไสหัวออกจากห้องครัวได้เลย"แม่ครัว" หึ เป็นแค่อง
ตำหนักหลิวซินเนียน13:12 00ใบพัดประจำตัววี่ใบหน้าอย่างไร้อารมณ์เครียด ทอดสายตาไปยังตำหนักที่กำลังถูกซ่อมแซมอย่างระมัดระวัง หลิวซินเนียน" ไปชงชามาให้ข้าใหม่ " (นางอ่านหนังสือและคอยเฝ้ามองตำหนักอยู่ห่างๆ)เพคะ หลี่ซิ่นเดินเข้ามาอย่างเงียบๆด้วยสีหน้าหวั่นกลัวเล็กน้อย" ท่านแม่ " ( หลิวซินเนียนตกใจจนสะดุ้งตัวเล็กน้อย ลุกขึ้นยืนอย่างพรวดพราด)หลิวซินเนียน" ลูกแม่ แม่หัวใจจะวาย มาเงียบๆเช่นนี้" หลี่ซิ่น" ท่านแม่รู้หรือไม่ว่าท่านพ่อมอบอำนาจให้เฝิงเส้าเฟิงเป็นผู้คุมเมืองและออกคำสั่ง แทนท่านพ่อ "( นางพับใบพัดเคาะเก็บเข้าที่เดิม ร้อนใจเร่งเดินทางไปยังตำหนักถานเจี้ยนซื่อ )ตำหนักถานเจี้ยนซื่อแต่พอไปถึงกลับไม่ได้เข้าเฝ้าดั่งใจหวังนางเลยตะโกน กล่าวถามอยู่ด้านนอกตำหนัก หลิวซินเนียน" ท่านคิดอะไรอยู่ถึงได้ให้เฝิงเส้าเฟิง ทำการรักษาบ้านเมืองแทนท่าน " ( ถานเจี้ยนซื่อรำคาญเสียงดัง ของนางเลยเดินออกมาพบยังมาประตูตำหนัก)ถานเจี้ยนซื่อ" เจ้าอย่าเข้ามาวุ่นวายได้หรือไม่ " หลิวซินเนียน" เหตุใด ท่านก็อธิบายให้ข้าฟังไม่ได้รึ "ถานเจี้ยนซื่อ" เจ้ามัวแต่อยู่ในตำหนักเคยรู้เรื่องราวบ้านเมืองหรือไม่ "หลิวซิน
หลี่ซิ่นโกรธจนหน้าสั่นสายตากระฟึดกระฟัดเหวี่ยงใบหน้าเอียงมองด้วยสายตาที่เกลียดชังในขณะที่ท้องฟ้าปกคลุมด้วยเมฆสีเทาทะมึนแผ่กระจายไปทั่วแคว้นเฉิ่งฮั่น ซุนอี้" เจ้าแค้นใจข้า จะไปมีประโยชน์อะไร "หลี่ซิ่น" เพราะข้าชั่งน้ำหน้าเจ้ายิ่งนัก " (นางเอ่ยด้วยความโกรธเคือง)ซุนอี้" กลับตำหนักเจ้าไปเสียเถิด ฝนฟ้ายังอยากไล่เจ้าออกจากเรือนข้า เลยมืดครึ้มมาเป็นพยาน ( พูดพรางๆมองไปยังหน้าต่างที่มืดครึ้มพร้อมมองหลี่ซิ่นด้วยความเอือมระอา)หลี่ซิ่น" มาอาศัยอยู่ต่างบ้านต่างเมืองกลับทำตัวเยี่ยงเจ้าของทั้งๆที่ มันไม่ใช่ "(นางค่อยๆย่างก้าวเขม่นตาจ้องซุนอี้ ฝ่ามือไขว้หลัง เมื่อซุนอี้เผลอจึงยกแขนออกที่ถือแจกันพร้อมฟาดไปที่ศีรษะอย่างรวดเร็ว.... แต่ซุนอี้นั้นรู้ทัน โดนศีรษะแค่เฉียดๆมีเลือดออกเล็กน้อย )ซุนอี้" มันจะมากเกินไปแล้ว องค์หญิงหลี่ซิ่น "( นางหลบได้เล็กน้อยแล้วจับศีรษะหลี่ซิ่น ทุบเข้ากับกำแพง จนเลือดหลั่งไหลไม่หยุด)หลี่ซิ่น" เลือด! ชั่วช้า! "( นางชี้หน้าขวิดสายตาด้วยอาฆาต )ซุนอี้" เจ้าทำตัวเองทั้งนั้น"( นางถือแจกันเดินวนรอบหลี่ซิ่นอย่างใจเย็น )บ่าวรับใช้ รีบพยุงนางขึ้นมาก่อนจะออกจากตำหนัก หลี่ซิ่นห
ชงหยุนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มืดทมิฬเกรงว่าจะไปไม่ถึงหมู่บ้านป่าทึบ มีลางสังหรณ์อยู่ในใจยังบอกไม่ถูก ชงหยุน" องค์ชายข้ารู้สึกว่าเพลานี้ไม่ควรเดินทางฟ้ามืดครึ้มไม่รู้ว่าฝนจะตกมาตอนเพลาใด " ( นางเตือนเฝิงเส้าเฟิง )เฝิงเส้าเฟิง" คงยังไม่ตกตอนนี้หรอกอาจจะช่วงดึกๆ อย่าได้กังวลใจไปเจ้าไปนั่งข้าง ๆ นายหญิงของเจ้าข้าจะควบคุมม้าเอง" ( ชงหยุนส่ายหน้าลังเล )เวลา 17:00อย่างที่คาดไว้ไม่มีผิดฝนเริ่มตกปรอยๆชำเลืองมองออกไปยังหน้าต่างแหงนหน้านางนิ่งไม่กี่อึดใจก็เอ่ยปาก ชงหยุน" องค์หญิงฝนเริ่มลงเม็ดแล้ว องค์ชายคงจะหนาวหากตากฝนนานๆ" (สายฝนกระหน่ำไม่ขาดสายจนเบื้องหน้ากลายเป็นภาพพร่ามัว )ซุนอี้ตะโกนบอกให้เฝิงเส้าเฟิงหยุดรถม้าหาที่พักหลบฝน" ท่านหยุดวิ่งม้าเถิด ฝนตกหนักเช่นนี้จะไม่สบายเอาได้ " ( เฝิงเส้าเฟิงได้ยินที่ซุนอี้บอกจึงรีบหาที่พัก )ระหว่างทางมีศาลาเพียงหลังเดียวหากไปไกลมากกว่านี้อาจจะไม่เจอที่หลบฝน เฝิงเส้าเฟิงจึงตัดสินใจ หลบฝนที่ศาลาแห่งนี้ แม้ตนรู้สึกไม่ชอบมาพากล โชคดีที่ศาลาหลังนี้ใหญ่พอให้รถม้าสองเชือก เข้าไปด้านในด้วยหลังคาที่ปกคลุมรอบทิศทั้งสี่ เนื้อตัวเปียกอากาศหนาวๆเย็นๆเริ่มเข้ามา
ตำหนักหลี่ซิ่น หมอหลวง" องค์หญิงสิ้นใจแล้วขอรับ "หลิวซินเนียน" ไม่จริง...ฮือๆ ลูกแม่เจ้าตื่นขึ่นมาเถิดหนา "ตนนั้นทำใจไม่ได้และกล่าวหาหมอหลวงว่าไม่มีความสามรถ...ร้องไห้คร่ำครวญกอดลูกสาวไม่ยอมปล่อย...หันมากล่าวโทษทุกคนที่ยืนดูอยู่หลิวซินเนียน" เป็นเพราะพวกเจ้า พวกเจ้าทำลายชีวิตของของข้า " ฉางอัน" เจ้าทำตัวเองทั้งนั้น จะโทษผู้อื่นเหตุใดไม่โทษตัวเอง " หลิวซินเนียน" ผู้ใดถามเจ้า ข้าชังน้ำหน้าเจ้านัก "ฉางอัน" พอเถิดเจ้าหมดหนทางแล้ว เตรียมตัวเข้าไปชดใช้กรรมในคุกเถิด" ได้ยินคำว่าคุก นางจึงยิบมีดออกมาข่มขู่ทุกคนก่อนจะตายนางได้เอ่ยทิ้งท้าย หลิวซินเนียน" จ้าไม่มีวันยอมเข้าคุก ข้ายอมตายเสียดีกว่า " หลังจากนั้นตนได้ใช้มีดแทงตัวเองจนสิ้นใจตามลูกสาวทิ้งตัวนอนลงข้างกายลูกของตน และหลังจากนั้นศพสองแม่ลูกนั้นได้ถูกเผาไม่มีการทำพิธีใดๆไปทั้งสิ้น เมื่อข่าวนี้แพร่งพรายออกไปทั่วเฉิ่งฮั่น ต่างคนต่างเชื่อในปาฏิหาริย์และรับรู้ว่าต่อจากนี้เมืองเฉิ่งฮั่นจะกลับมามีความสุขดังเฉกเช่นเมื่อก่อนในเมื่อทุกอย่างถูกคลี่คลายเฝิงเส้าเฟิงตอบตกลงทำการค้ากับแคว้นเฉิงฮั่นโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ส่วนซุนอี้ได้พบกับแม่ที่แท้
เจ็ดวันถัดมา เวลา 8.00ณ . ท้องพระโรงในที่สุดวันนี้ก็มาถึงได้เวลาเปิดโปงความจริงทุกอย่าง หลักฐานพร้อมพยานพร้อม ทุกคนในท้องพระโรงต่างรอพระมเหสีหลิวซินเนียนและองค์หญิงซุนอี้ บรรยากาศในท้องพระโรงเริ่มรี่เสียงลงอวยหน้าหันไปยังหน้าประตูบานใหญ่ที่กำลังเปิดออก พระมเหสีหลิวซินเนียนมาแล้ว แต่มาด้วยใบหน้าที่ใส่หน้ากากปิดบังรอยบาดแผลไว้ เหลือให้เห็นแค่ดวงตาทั้งสองข้าง ถานเจี้ยนซื่อ " ในเมื่อมากันครบแล้ว....เฝิงเส้าเฟิงเริ่มได้เลย " เฝิงเส้าเฟิง " เข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน หัวหน้ากรมตุลาการ หูจวินได้ทำความผิด ข้อหาโยนความผิดให้ผู้บริสุทธิ์ปิดบังเรื่องการหายตัวของชาวบ้านตั้งยี่สิบกว่าปี นักโทษที่จับมานั้นล้วนเป็นคนดีทั้งหมดและเรื่องนี้มีผู้อยู่เบื้องหลังคอยหนุนหลังหูจวินมาตลอด "หลิวซินเนียนเริ่มออกอาการทำตัวไม่ถูกตนนั้นกลัวจะถูกเปิดโปง เลยขอตัวกลับตำหนักอ้างว่าตนนั้นไม่สบายหลิวซินเนียน" ฝ่าบาทข้าปวดหัวมาก ข้าขอกลับไปพักผ่อนที่ตำหนัก " เฝิงเส้าเฟิง" ท่านยังไปไหนไม่ได้ " หลิวซินเนียน " บังอาจกล้ามาก้าวร้าวใส่ข้า " เฝิงเส้าเฟิง " ฝ่าบาทขอรับผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก็คือ พระมเหสีหลิวซินเนียนข
ทรมารจากบาดแผลจนร้องไห้ออกมาผ่านบาดแผลที่แก้มทั้งแสบทั้งแค้นใจจนนางสลบลงไปในที่สุด สภาพนางตอนนี้ไม่ต่างจากหมาเร่ร่อนเลยสักนิด กลายเป็นผู้ที่มีหน้าตาอัปลักษณ์จนนางกำนัลไม่กล้าเข้าไปพยุง ในขณะหลี่ซิ่นได้ผ่านมาทางหน้าตำหนักโบตั๋นเห็นนางกำนัลยืนวงล้อมดูท่าวุ่นวายกันมาก ส่วนชงหยุน/หนิงเหอ ได้รีบกลับเข้าตำหนักไปเก็บข้าวของเตรียมหนีกลับแคว้นสิบและพาลี่ถังไปด้วยหนิงเหอ " เหตุใดถึงต้องหนี "ชงหยุน " องค์ชายเคยบอกข้าไว้ล่วงหน้า ว่าถ้าหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ให้ข้ารีบกลับแคว้นสิบอย่าอยู่ที่นี่ "หนิงเหอ"แล้วองค์ชายละ จะเป็นเช่นไร องค์หญิงก็เช่นกัน "ชงหยุน " เรื่องนี้เจ้าอย่าได้ขวัญเสียไป องค์ชายข้าเก่งฉลาดกว่าที่เจ้าคิดเสียอีก รีบเก็บของแล้วไปตำหนักท่านลี่ถัง " หน้าตำหนักโบตั๋นเพลานี้เหล่าขุนนางต่างเรียกให้ทหารนำตัวนางไปรักษา ส่วนนางกำนัลโดนหลี่ซิ่นลงโทษ อย่างหนัก ที่ลานกลางเรือนหลี่ซิ่น แซ่ประจำตัวนางไม่ได้ใช้มานานเพลานี้สมควรนำมันออกมาใช้เสียที แค่เห็นแซ่ในมือนาง นางกำนัลคนเก่าๆที่อยู่มานานยังกลัวไม่ต่างจากนางกำนัลคนใหม่ หลี่ซิ่นจับมวยผมจนจำศีรษะลากนางกำนัลถูพื้นจนขาถลอก มือชั่วช้าได้จับผม
เช้าวันใหม่ 6.00 สองสามีภรรยาตื่นเช้าเตรียมตัวออกตามหานักสืบที่อยู่ในรายชื่อทั้งหมด ที่แรกที่ต้องไปคือหมู่บ้านเล็กๆในแถบนอกเมือง ที่นั้นมีนักสืบซ่อนตัวอยู่เพื่อหลบซ่อนผู้หวังจะทำร้าย เมื่อทั้งสองได้เดินทางมายังหมู่บ้าน ก้าวแรกที่เข้ามาก็เป็นที่หมายตาของชาวบ้านเสียแล้ว ชาวบ้าน " พวกเจ้าทั้งสองมาทำอะไร "เฝิงเส้าเฟิง " ข้ามาตามหาชายที่ชื่อว่า ห่าวซวน " ชายแก่เดินวนรอบ ๆ กายทั้งสอง ใช้ไม้เท้าเคาะตามตัวเพื่อหาสิ่งของ ว่าแอบนำอะไรเข้ามา มองตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่เว้นแม้กระทั่งม้าที่ตนขี่มา วนมองดูหนึ่งรอบไม่พอยังมีรอบที่สอง " ใส่ชุดคลุมหนาเช่นนี้ตอนถอด คงให้ภรรยาซ่วยละสิ ละดูรองเท้าเจ้าสิหนาอย่างกับกากมะพร้าว รอยแผลตามตัวมีแต่แผลเก่าเต็มไปหมด หน้าตาก็ดี รูปร่างใช้ได้ ดูมีฐานะแต่เหตุใดต้องใส่เสื้อผ้าโสโครกเช่นนี้ ผมเผ้ารกรุงรังไปหมด ไปตัดออกบ้าง ไม่เหนื่อยรึปลอมตัวมาเช่นนี้ " เฝิงเส้าเฟิง " ท่านรู้ได้เช่นไร " " ดูภรรยาเจ้าสิผิวพรรณนวลผ่องดังน้ำนมข้าว รูปร่างหน้าตาไม่เป็นสองรองใคร สงบเสงี่ยมเหมือนคนโดนเชือกมัดปากไว้ไม่ยอมพูดจา เนื้อตัวมีกลิ่นเครื่องหอมพุ่งเข้ามาเตะจมูกข้า สาวชาวบ้านธรรมดา
ในระหว่างเดินทางกลับ นางชำเลืองมองไปเห็นชายร่างกายสูงใหญ่หน้าตาหน้ากลัวกำลังอารมณ์เสียเหมือนผิดหวังอะไรมาสักอย่าง แววตารังสีอำมหิตร้อนแรงแผ่ออกกระจายมาทั่วร่างกาย นางสูดหายใจเข้าลึกๆ เบิกตากว้างมองชายผู้นั้นอย่างตื่นตะลึ่ง แต่เมื่อวิ่งรถม้าผ่านชายผู้นั้นไปนางจึงนึกได้ว่าจะหาใครมาทำงานให้นาง จึงสั่งทหารให้เลี้ยวรถม้ากลับทันที "." เงินก็ไม่มีไปเล่นการพนันยังถูกโกง หึ สงสัยข้าต้องขายวัวทิ้งจะได้กลับไปแก้แค้นให้ได้เงินกลับมาเป็นหลายเท่า "{ ตนเดินบ่นไม่พอใจหงุดหงิดใจมองไปทางไหนก็ไม่สบอารมณ์ จนได้ยินเสียงรถม้าวิ่งมาจอดดักหน้าตน สิ่งแรกที่สังเกตเห็นได้คือทหารผู้นี้มาจากในวังและตนยังได้กลิ่นเครื่องหอมของสตรีพุ่งออกมา ตนชะเง้อมองผ้าม่านสีเทาที่กำลังเลื่อนออกอย่างช้าๆ } หลิวซินเนียน " เจ้าอยากมีงานทำหรือไม่ " " ท่านเป็นใคร " หิวซินเนียน" ข้าคือพระมเหสีหลิวซินเนียน " [เมื่อตนรู้ความจริงถึงกับยืนอ้าปากค้างตัวแข็งเหมือนหุ่น }หลิวซินเนียน " ไม่ต้องกลัว สนใจทำงานให้ข้าหรือไม่ ข้าตอบแทนของเจ้าจะทำให้เจ้าสบายไปทั้งชาติ " " งานอะไร ขอรับถึงได้เงินมากมายถึงเพียงนี้ " หลิวซินเนียน " ลักพาตัว
ระเบิดหลายลูกกำลังเตรียมการเล็งเป้าหมายมาที่หมู่บ้าน ชายทั้งห้าจะไปหยุดพวกมันทันหรือไม่ เมื่อเห็นว่าทางเฉิ่งฮั่นไม่มีการตอบโต้ยิ่งทำให้ได้ใจหลงระเริงคิดว่าฝั่งตนนั้นเหนือกว่าทุกอย่าง ในที่หลบบนเนินเขาไม่แปลกใจที่หาพวกมันไม่เจอหนำซ้ำฝั่งเฉิ่งฮั่นเสียเปรีบยอยู่ไม่น้อย บัดนี้เจ้าหมาป่าได้เดินดมกลิ่นไปเรื่อยๆ จนมันเริ่มเหาเบาๆเพื่อบอกชายทั้งห้าเดินทางขึ่นไปยังหุบเขาโดยใช้ทางเดินที่ทุกคนต่างก็รู้ว่ามันเป็นทางตัน" เจ้าหมาป่า ทางนั้นมันเป็นทางตัน " เจ้าหมาป่าไม่สนใจวิ่งนำหน้าชายทั้งห้าเข้าไปอย่างรวดเร็ว " ตามเจ้าหมาป่าไป " เมื่อเดินทางมาถึงยังที่หมายกลับเป็นทางตันจริงๆ " เจ้าหมาป่าข้าบอกเจ้าแล้วว่ามันเป็นทางตัน " { ตนย้ำด้วยเสียงที่มั่นใจและไม่หลบสายตา} เจ้าหมาป่าไม่เชื่อเพราะกลิ่นจมูกของมันไม่มีทางคาดการผิดพลาด มันจึงดมกลิ่นรอบๆจนเจอกับโพรงหญ้าที่มีหลุมใต้ดินเป็นทางลัดเดินลงไป โฮ่งๆ...... มันคาบชายกระโปรงเพื่อให้ทุกคนเข้ามาดูในที่มันเจอ " ใจเย็น ข้าจะไปดู " เมื่อชายทั้งห้าเปิดโพรงหญ้าที่หนาทึบและมีหนามคมเต็มไปหมด " ห๊ะ ทางลัดใต้ดิน พวกมันขุดเตรียมการไว้ลวงหน้าก่อนจะเปิดสงคราม " {
" สัญลักษณ์แคว้นหกรึ หมาลอบกัด "ตนยิบป้ายมองมันอย่างแค้นใจที่กล้ามาทำร้ายลูกน้องของตน จึงนำป้ายเก็บไว้เพื่อจะจะเป็นประโยชน์ในวันข้างหน้า " เจ้าหมาป่าออกจากที่นี้กันเถิด " เมื่อเจ้าหมาป่าได้ยินคำสั่งมันจึงให้หัวหน้าทหารเดินนำก่อนหน้ามันจะเดินตามหลังเพื่อปกป้องตามสัญชาตญาณ กรมกลาโหมเมื่อเฝิงเส้าเฟิงทราบข่าวตนวิ่งขี่ม้าเร็วมาที่กรมกลาโหม ก่อนจะเข้าประตูตนได้มองไปยังวังหลวงที่ควันไฟลอยกระจายไปทั่ววังหลวง" เฝิงเส้าเฟิง " มันเปิดการโจมตีอย่างเปิดเผยเช่นนี้ คงอยากให้ฝั่งเราเดินตามเกมส์หากตอบโต้กลับชาวบ้านจะเดือดร้อน "เฉินต้าหนิง" ต้องรอให้ถึงพรุ่งนี้เลยรึ ข้าว่าพวกมันยังไงก็เล่นไม่ซื่อ " เฝิงเส้าเฟิง " หากข้าตอบโต้เจ้าคิดว่าจะเป็นเช่นไร " เฉินต้าหนิง" คงวุ่นวายไปทั่วแคว้น "เฝิงเส้าเฟิง" ข้าเปลี่ยนใจแล้ว เจ้าเป็นผู้บัญชาการทหาร จึงสั่งให้เหล่าทหารพร้อมรบตั้งแต่เพลานี้เป็นต้นไป" เฉินต้าหนิง " ขอรับองค์ชาย " เสียงระฆังดังลั่นทุกคนวางอาวุตหยุดฝึกซ้อมกะทันหัน ทหารมากกว่า หนึ่งล้านเจ็ดแสนนายพร้อมใจกันรวมตัวเฉินต้าหนิง" ฟังข้าให้ดี นับตั้งแต่เพลานี้เป็นต้นไป เฉิ่งฮั่นจะทำสงครามเพื่อปก
ลานประชุมกรมกลาโหมผ่านมาแล้วหกวัน อีกหนึ่งวันก็จะครบกำหนดการเปิดสงครามกับแคว้นหกอย่างเต็มรูปแบบ เวลาชั่งเร็วเหลือเกิน วันนี้ทั้งหกคนต้องแบ่งหน้าที่ของตัวเองเฝิงเส้าเฟิง เป็นผู้วางแผนการทำศึก/ ออกรบ เฉินต้าหนิง คือผู้บัญชาการทหารสูงสุดและคือผู้นำกองทัพซุนอี้ ค่อยคุมทหารในแต่ละหมู่บ้าน ทั้งหมดในเฉิงฮั่น เพื่อแคว้นหกเล่นตุกติกหวนกลับมาทำร้ายชาวบ้านลี่ถัง" เป็นหมอประจำการ หากมีทหารบาดเจ็บ จะได้รักษาทันในช่วงเวลาที่ทำศึก หนิงเหอ/ชงหยุน " ดูแลเด็กๆอย่าให้ออกไปข้างในพื้นที่ที่เสี่ยงอันตราย " เฝิงเส้าเฟิง " ท่านเฉินต้าหนิง อาวุตที่จะใช้โจมตี มีกี่ประเภทรึ ตนกำลังเลือกดาบที่เหมาะกับตัวเองในขณะที่เฝิงเส้าเฟิงรอคำตอบนั้นอยู่ เฉินต้าหนิงหันลำตัวกลับมามองสบตาทุกคน ด้วยรูปลักษณ์ที่น่าเกรงขามในชุดเกราะที่เฝิงเส้าเฟิงนั้นออกแบบให้ เฉินต้าหนิง" ที่นี้มีดินระเบิด ธนูไร้หัว ธนูไฟ เฝิงเส้าเฟิง " ตั้งแต่เจ้าสวมชุดเกราะตัวนี้ดูรูปงามมากนัก " เฉินต้าหนิง" ข้ายังหาเมียไม่ได้เลย " เฝิงเส้าเฟิง" เอาไว้จบศึกครั้งนี้ข้าจะประทานเมียให้เจ้า " เฉินต้าหนิง" ฮ่าๆ องค์ชาย ท่านพูดเล่นรึ " เฝิงเส้าเฟิง
หลิวซินเนียน" เอามือสกปกของเจ้าออกไป" นางใช้ใบพัดตีเข้าที่หัวและมือจนสุดแรงซุนอี้ถึงกับทนไม่ได้ แต่ก่อนที่ซุนอี้จะเข้าไปช่วย ลี่ถังนั้นได้กระแชะหลิวซินเนียนอย่างเงียบๆลี่ถัง" เพราะท่านไม่มีอะไรให้หน้ายกย่อง ท่านเองก็สกปกมาก ๆ ในเฉิงฮั่น "หลิวซินเนียนได้ฟังแล้วยิ่งทำให้นางโกรธมากยิ่งขึ่น นางหันไปเห็นไม้ท่อนแข็งๆขนาดใหญ่ปานกลางยื่นแขนและลำตัวก้มลงไปยิบขึ่นมาเพื่อจะทำร้ายลี่ถัง หลิวซินเนียน" เจ้าไม่หยุดใช่ไหม " ซุนอี้" หยุดนะ กิริยาเลวทรามเช่นนี้อย่ามาใช้ให้ทหารไม่เคารพ"นางกระชากไม้ออกจากมือหลิวซินเนียนใช้แขนอีกข้างผลักตัวนางเวี่ยงเข้าถังขยะเศษกองสมุนไพรจนเปื้อนไปหมดหลิงซินเนียน" บังอาจนัก " { โกรธจนปากสั่น สีหน้าไร้ความสดใสมีแต่ความอาฆาต }ซุนอี้ " ทหารส่งพระมเหสีกลับตำหนัก " หลิวซินเนียน" พวกทหารชั้นต่ำ อย่ามาโดนตัวข้า หลิวซินเนียนนิ่งด่าทอทหารในสภาพที่เลอะเทอะไม่ยอมลุกออกจากกองเศษสมุนไพร ด้วยตัวเองหลิวซินเนียน" นางบ่าวไพร่ มาพยุงข้าสิ ยืนมองข้าอยู่ได้ "นางกำนัลรีบไปเข้าไปพยุงนางลุกขึ่นมาแต่พอลุกขึ่นมาได้ ก็สั่งสอนนางกำนัลด้วยการใช้นิ้วจี้ไปที่หน้าผากพูดจาดูถูกเยี่ยงสัตว์ตั