ตำหนักหลิวซินเนียน13:12 00ใบพัดประจำตัววี่ใบหน้าอย่างไร้อารมณ์เครียด ทอดสายตาไปยังตำหนักที่กำลังถูกซ่อมแซมอย่างระมัดระวัง หลิวซินเนียน" ไปชงชามาให้ข้าใหม่ " (นางอ่านหนังสือและคอยเฝ้ามองตำหนักอยู่ห่างๆ)เพคะ หลี่ซิ่นเดินเข้ามาอย่างเงียบๆด้วยสีหน้าหวั่นกลัวเล็กน้อย" ท่านแม่ " ( หลิวซินเนียนตกใจจนสะดุ้งตัวเล็กน้อย ลุกขึ้นยืนอย่างพรวดพราด)หลิวซินเนียน" ลูกแม่ แม่หัวใจจะวาย มาเงียบๆเช่นนี้" หลี่ซิ่น" ท่านแม่รู้หรือไม่ว่าท่านพ่อมอบอำนาจให้เฝิงเส้าเฟิงเป็นผู้คุมเมืองและออกคำสั่ง แทนท่านพ่อ "( นางพับใบพัดเคาะเก็บเข้าที่เดิม ร้อนใจเร่งเดินทางไปยังตำหนักถานเจี้ยนซื่อ )ตำหนักถานเจี้ยนซื่อแต่พอไปถึงกลับไม่ได้เข้าเฝ้าดั่งใจหวังนางเลยตะโกน กล่าวถามอยู่ด้านนอกตำหนัก หลิวซินเนียน" ท่านคิดอะไรอยู่ถึงได้ให้เฝิงเส้าเฟิง ทำการรักษาบ้านเมืองแทนท่าน " ( ถานเจี้ยนซื่อรำคาญเสียงดัง ของนางเลยเดินออกมาพบยังมาประตูตำหนัก)ถานเจี้ยนซื่อ" เจ้าอย่าเข้ามาวุ่นวายได้หรือไม่ " หลิวซินเนียน" เหตุใด ท่านก็อธิบายให้ข้าฟังไม่ได้รึ "ถานเจี้ยนซื่อ" เจ้ามัวแต่อยู่ในตำหนักเคยรู้เรื่องราวบ้านเมืองหรือไม่ "หลิวซิน
หลี่ซิ่นโกรธจนหน้าสั่นสายตากระฟึดกระฟัดเหวี่ยงใบหน้าเอียงมองด้วยสายตาที่เกลียดชังในขณะที่ท้องฟ้าปกคลุมด้วยเมฆสีเทาทะมึนแผ่กระจายไปทั่วแคว้นเฉิ่งฮั่น ซุนอี้" เจ้าแค้นใจข้า จะไปมีประโยชน์อะไร "หลี่ซิ่น" เพราะข้าชั่งน้ำหน้าเจ้ายิ่งนัก " (นางเอ่ยด้วยความโกรธเคือง)ซุนอี้" กลับตำหนักเจ้าไปเสียเถิด ฝนฟ้ายังอยากไล่เจ้าออกจากเรือนข้า เลยมืดครึ้มมาเป็นพยาน ( พูดพรางๆมองไปยังหน้าต่างที่มืดครึ้มพร้อมมองหลี่ซิ่นด้วยความเอือมระอา)หลี่ซิ่น" มาอาศัยอยู่ต่างบ้านต่างเมืองกลับทำตัวเยี่ยงเจ้าของทั้งๆที่ มันไม่ใช่ "(นางค่อยๆย่างก้าวเขม่นตาจ้องซุนอี้ ฝ่ามือไขว้หลัง เมื่อซุนอี้เผลอจึงยกแขนออกที่ถือแจกันพร้อมฟาดไปที่ศีรษะอย่างรวดเร็ว.... แต่ซุนอี้นั้นรู้ทัน โดนศีรษะแค่เฉียดๆมีเลือดออกเล็กน้อย )ซุนอี้" มันจะมากเกินไปแล้ว องค์หญิงหลี่ซิ่น "( นางหลบได้เล็กน้อยแล้วจับศีรษะหลี่ซิ่น ทุบเข้ากับกำแพง จนเลือดหลั่งไหลไม่หยุด)หลี่ซิ่น" เลือด! ชั่วช้า! "( นางชี้หน้าขวิดสายตาด้วยอาฆาต )ซุนอี้" เจ้าทำตัวเองทั้งนั้น"( นางถือแจกันเดินวนรอบหลี่ซิ่นอย่างใจเย็น )บ่าวรับใช้ รีบพยุงนางขึ้นมาก่อนจะออกจากตำหนัก หลี่ซิ่นห
ชงหยุนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มืดทมิฬเกรงว่าจะไปไม่ถึงหมู่บ้านป่าทึบ มีลางสังหรณ์อยู่ในใจยังบอกไม่ถูก ชงหยุน" องค์ชายข้ารู้สึกว่าเพลานี้ไม่ควรเดินทางฟ้ามืดครึ้มไม่รู้ว่าฝนจะตกมาตอนเพลาใด " ( นางเตือนเฝิงเส้าเฟิง )เฝิงเส้าเฟิง" คงยังไม่ตกตอนนี้หรอกอาจจะช่วงดึกๆ อย่าได้กังวลใจไปเจ้าไปนั่งข้าง ๆ นายหญิงของเจ้าข้าจะควบคุมม้าเอง" ( ชงหยุนส่ายหน้าลังเล )เวลา 17:00อย่างที่คาดไว้ไม่มีผิดฝนเริ่มตกปรอยๆชำเลืองมองออกไปยังหน้าต่างแหงนหน้านางนิ่งไม่กี่อึดใจก็เอ่ยปาก ชงหยุน" องค์หญิงฝนเริ่มลงเม็ดแล้ว องค์ชายคงจะหนาวหากตากฝนนานๆ" (สายฝนกระหน่ำไม่ขาดสายจนเบื้องหน้ากลายเป็นภาพพร่ามัว )ซุนอี้ตะโกนบอกให้เฝิงเส้าเฟิงหยุดรถม้าหาที่พักหลบฝน" ท่านหยุดวิ่งม้าเถิด ฝนตกหนักเช่นนี้จะไม่สบายเอาได้ " ( เฝิงเส้าเฟิงได้ยินที่ซุนอี้บอกจึงรีบหาที่พัก )ระหว่างทางมีศาลาเพียงหลังเดียวหากไปไกลมากกว่านี้อาจจะไม่เจอที่หลบฝน เฝิงเส้าเฟิงจึงตัดสินใจ หลบฝนที่ศาลาแห่งนี้ แม้ตนรู้สึกไม่ชอบมาพากล โชคดีที่ศาลาหลังนี้ใหญ่พอให้รถม้าสองเชือก เข้าไปด้านในด้วยหลังคาที่ปกคลุมรอบทิศทั้งสี่ เนื้อตัวเปียกอากาศหนาวๆเย็นๆเริ่มเข้ามา
หยดน้ำฝนกลมๆใสๆ เริ่มหยุดทยอยหล่นลงมาจากฝากฟ้าเสียงแมลงร้องลั่นอย่างกังวานไปทั่วป่า สัญชาตญาณนักล่ารับรู้ได้ถึงการมาของมนุษย์ แต่เหตุใดพวกมันไม่จู่โจมไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เล่าลือ หรือเป็นเพียงนิทานขู่ขวัญ เฝิงเส้าเฟิง" เงียบมาก ไหนละหมาป่าที่ว่า ดุร้าย "โจร" ข้าแค่ฟังจากชาวบ้านเล่าต่อไปกันมา "เฝิงเส้าเฟิง" เงียบ ข้าได้ยินเสียง....! (หลังจากนั้นเฝิงเส้าเฟิง พยายามเดินตามหาเสียง )โจร" นั้น ! หมาป่า มันถูกกับดักออกมาไม่ได้ พวกของมันเฝ้าอยู่เหมือนมันต้องการความช่วยเหลือ !"เฝิงเส้าเฟิงเห็นแววตาหมาป่าที่เรีบยเฉยมองมาอย่างคาดเดาไม่ได้ ตนจึงตัดสินใจที่จะช่วยเหลือฝูงของมัน ให้รอดพ้น ย่างเท้าเบาๆพร้อมเอ่ยไปพลางๆ" ข้ามาช่วยฝูงของเจ้า อย่าได้คิดจะตลบหลังข้าเชียว "ในที่สุดเฝิงเส้าเฟิงก็เข้าใกล้กรงขังหมาป่า 5 ตัว ได้สำเร็จโดยมีสายตาข่มขู่จ้องมองตลอดเวลา เฝิงเส้าเฟิงค่อยๆแก้กับดักจนสำเร็จ เฝิงเส้าเฟิงเดินกลับมายังที่จุดเดิมเพื่อให้หมาป่าทั้งห้าออกมาอย่างไม่ต้องหวาดระแวงมนุษย์ แต่ว่ามีหมาป่าอีกตัวที่บาดเจ็บที่หลังและขา มันนอนโทรมรอใกล้ตายแต่เฝิงเส้าเฟิงอยากเข้าไปรักษามันเฝิงเส้าเฟิง" ข้าจะช่
หมู่บ้านป่าทึบ หน้าทางเข้า เวลา 19.03 น.นซุนอี้" ทหารมาถึงกันแล้ว" (นางเอื้อนเอ่ยด้วยความเหนื่อยล้า)เฝิงเส้าเฟิง" ข้าจะหาที่พักให้เจ้าที่ที่ปลอดภัย " ( โอบไหล่เป็นตัวนางมากอดแนบชิด )รถม้าวิ่งผ่านชุลมุนในหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยทหารทุกคนต่างช่วยกันต้อนรับและจัดเตรียมที่พักให้ทหารเป็นอย่างดี เมื่อวิ่งไปอีกหน่อยก็เจอกับรถม้าอีกเชือก ชงหยุนยืนรอพร้อมกับโบกมือให้เข้ามาเส้นทางนี้ ชงหยุน" ทางนี้ ข้าอยู่ทางนี้ " ( ข้อเท้าเล็กๆยืนขึ้นตะโกนอย่างสุดเสียง)เฝิงเส้าเฟิง" เจ้าหาที่พักได้แล้วรึ " (ขมวดคิ้วตึงหน้าถามบ่าวรับใช้)ชงหยุน" ได้แล้วเพคะ "เฝิงเส้าเฟิง" ผู้ใดหาให้เจ้า" ชงหยุน" หัวหน้าหมู่บ้านเพคะ "เฝิงเส้าเฟิง" นำทางข้าไป ตอนนี้นายหญิงของเจ้าไม่ค่อยสบาย "ชงหยุน " ข้าเกือบใจหายนึกว่า องค์หญิงจะไม่รอด " เฝิวเส้าเฟิง" เรื่องไว้คุยกันทีหลัง "ชงหยุน" เพคะ ข้าจะสั่งให้ทหารนำทางตอนนี้เลย "ลักษณะบ้านที่ซุนอี้ที่อาศัยนั้นปลอดภัยมากๆ และยังมีลำธารหลังเรือนสีใสเขียวมรกต ซุนอี้กวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างต้องตา ซุนอี้" ที่นี้หน้าอยู่มาก " เฝิงเส้าเฟิง " ทหารนำข้าวของ ภรรยาข้าขึ้นไปบนเรือน "
เช้า 6:00 หมู่บ้านป่าทึบเช้าวันใหม่ที่แสนสดใส ตั้งแต่มีทหารเข้ามาเฝ้าชาวบ้านทุกคนต่างเอ็นดูเหมือนลูกหลาน เด็กๆในหมู่บ้านกล้าออกมาเล่นกลางแจ้งไม่เว้นแม้แต่วัยหนุ่มสาว จากสีหน้าที่ตึงเครียดเริ่มส่งยิ้มกำลังใจให้กันและกัน ส่งสารความเบิกบานใจเปล่งปลั่งด้วยความสุขที่เปิดเผยดวงตาฉายแววมีชีวิตชีวา ลูกเล็กเด็กแดงกระทืบเท้าเบาด้วยความตื่นเต้นวิ่งเหยาะๆอย่างกระปรี้กระเปร่า เรือนซุนอี้เสียงหายใจพลั้งพุเป็นจังหวะลำตัวโอบกอดไว้อย่างรัดแน่น มองนั่งเมียที่นอนหลับอย่างเหนื่อยล้าเขยื้อนสายตามองเมียของตนด้วยความเสน่หา หมายนางไว้ว่าหญิงผู้นี้เป็นเมียตน เฝิงเส้าเฟิงเขย่าตัวซุนอี้เบา ๆพร้อกระซิบข้างหู เฝิงเส้าเฟิง" ตื่นได้แล้ว "( หลังจากนั้นนางเริ่มรู้สึกตัว เงยหน้ามามองสามีเผลอตกใจรีบเอาผ้าห่มมาคุมตัว )เฝิงเส้าเฟิง" เรื่องเมื่อคืน ข้า .....? (นางรีบตัดบท ลุกขึ้นจากเตียง )ซุนอี้" ท่านมีแข่งธนูมิใช่รึ ข้าจะรีบไปอาบน้ำ "( นางหันตัวอย่างเร่งรีบ กลบความเขินอายเอาไว้ )เวลาผ่านไปได้สักพัก เฝิงเส้าเฟิงมายืนรอเมียอยู่ด้านล่างของเรือน พร้อมรถม้าและชงหยุนชงหยุน" เหตุใดวันนี้องค์หญิงถึงตื่นสายเชียว คงจะเหนื
1 ชั่วโมงผ่านไป ถึงเวลาตัดสินแล้วว่าผู้ใดจะแพ้หรือชนะ โดยการยิงปักษา บนท้องฟ้าให้ร่วงหล่นจนกว่าธูป1 ก้านจะหมด ผู้ใดยิงได้มากถือว่าชนะ ในขณะที่สามีแข่งยิงธนูนั้นซุนอี้คอยมองอยู่ตลอดเวลา เมื่อไรที่สามียิงนกร่วงหล่นนางจะยิ้มดีใจทุกครั้ง จนหลี่ซิ่นพูดกระแนะกระแนใส่นางอย่างเบาๆหลี่ซิน" โธ่ ไม่เคยเห็นบุรุษยิงธนูรึไง ดีใจเกินหน้าเกินตา" (ซุนอี้ไม่สนใจ เมินเฉยต่อคำพูดของนาง)ชงหยุน" องค์หญิงองค์ชายแคว้นหกยิงนำไปแล้ว " ( ผู้คนต่างจับจ้องลุ้นจวนใจจะขาด )ซุนอี้" ท่าทางสามีข้าจะไม่ไหว หน้าซีดเชียว " จากนั้นเฝิงเส้าเฟิง จู่ ๆ ก็เกิดอาการอ่อนแรงล้มลงกับพื้น จนผู้ตัดสินต้องให้หยุดการแข่งขัน แต่ฝั่งแคว้นหกไม่ยอมหากไม่มีผู้มาแข่งแทนนั้นถือว่า แคว้นเฉิ่งฮั่นยอมแพ้ เสี่ยวถัง " แคว้นเฉิ่งฮั่นต้องหาคนมาแทน ว่าอย่างไรหาได้หรือไม่ " (พูดจาอย่างท้าทาย)ซุนอี้วิ่งเข้ามาหาสามีสั่งให้ทหารประคองสามีของตนขึ้นไปนั่งพักบนลาน พอเดาสถานการณ์ออกว่ามีการเล่นตุกติกเกิดขึ้น ซุนอี้ถึงเสนอขอเป็นผู้ท้าชิงแทนสามีซุนอี้" ข้าเอง ข้าจะประลองกับเจ้า" ( หลี่ซิ่นได้ยินแล้ว ถึงกับหัวเราะเยาะเย้ย)หลี่ซิ่น"สาวฐานะต่ำเช่นเจ้ารึ
ซุนอี้" ก็ขอให้เป็นดังที่เจ้าว่า " (นางทำหน้าบิดเบี้ยว ริมฝีปากห่อลง )ชงหยุน" เชื่อหม่อมฉันเพคะ องค์ชายต้องไม่เป็นอะไร ( ซุนอี้สีหน้าตึงเครียดแสดงถึงความกังวลใจ)หมู่บ้านป่าทึบ เรือนซุนอี้เมื่อถึงหน้าเรือนของตนแล้วซุนอี้รีบยกขาขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อนำสามีขึ้นไปนอนบนเตียง โดยมีชงหยุนและทหารช่วยพยุงกัน นางรีบเดินขึ้นไปเปิดประตูหน้าต่างเพื่อให้อากาศไม่อบอ้าวจนเกินไป ซุนอี้" เจ้าช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สามีข้าที " (นางสั่งให้ทหารเปลี่ยนเสื้อผ้า นางใจไม่แข็งพอที่จะเปลี่ยนให้ )ทหาร" ขอรับ "ในระหว่างนั้นซุนอี้เตรียมผ้า1ผืน ต้มน้ำร้อน1 หม้อเล็ก ไว้รอเช็ดตัวให้สามี ทหาร" องค์หญิง เสร็จแล้วขอรับ ซุนอี้" ขอบใจเจ้ามาก เจ้ามีอะไรก็ไปทำเสียเถิด" ทหาร" ขอรับ "น้ำเย็นและน้ำร้อนผสมผสานเข้ากันให้ได้น้ำอุ่นที่ฆ่าเชื้อแล้ว นำผ้าลงชุบบิดน้ำให้มาดๆ เริ่มจากเสร็จที่ศีรษะให้เปียกชุ่มไล่ลงมาตามซอกคอขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างช้านำผ้าไปชุบน้ำใหม่ มาเช็ดที่หน้าอกของสามี มือนุ่มๆของนางได้สัมผัสหน้าอก ชายชาตรีอย่างตื่นเต้น เช็ดไปคิดไปด้วย มันชั่งทำให้ใจทราบซ่าไปถึงข้างในจนร่างกายพลุ่งพล่านซุนอี้" ไม่ได้ๆ ข้าคิดเรื่อ
ตำหนักหลี่ซิ่น หมอหลวง" องค์หญิงสิ้นใจแล้วขอรับ "หลิวซินเนียน" ไม่จริง...ฮือๆ ลูกแม่เจ้าตื่นขึ่นมาเถิดหนา "ตนนั้นทำใจไม่ได้และกล่าวหาหมอหลวงว่าไม่มีความสามรถ...ร้องไห้คร่ำครวญกอดลูกสาวไม่ยอมปล่อย...หันมากล่าวโทษทุกคนที่ยืนดูอยู่หลิวซินเนียน" เป็นเพราะพวกเจ้า พวกเจ้าทำลายชีวิตของของข้า " ฉางอัน" เจ้าทำตัวเองทั้งนั้น จะโทษผู้อื่นเหตุใดไม่โทษตัวเอง " หลิวซินเนียน" ผู้ใดถามเจ้า ข้าชังน้ำหน้าเจ้านัก "ฉางอัน" พอเถิดเจ้าหมดหนทางแล้ว เตรียมตัวเข้าไปชดใช้กรรมในคุกเถิด" ได้ยินคำว่าคุก นางจึงยิบมีดออกมาข่มขู่ทุกคนก่อนจะตายนางได้เอ่ยทิ้งท้าย หลิวซินเนียน" จ้าไม่มีวันยอมเข้าคุก ข้ายอมตายเสียดีกว่า " หลังจากนั้นตนได้ใช้มีดแทงตัวเองจนสิ้นใจตามลูกสาวทิ้งตัวนอนลงข้างกายลูกของตน และหลังจากนั้นศพสองแม่ลูกนั้นได้ถูกเผาไม่มีการทำพิธีใดๆไปทั้งสิ้น เมื่อข่าวนี้แพร่งพรายออกไปทั่วเฉิ่งฮั่น ต่างคนต่างเชื่อในปาฏิหาริย์และรับรู้ว่าต่อจากนี้เมืองเฉิ่งฮั่นจะกลับมามีความสุขดังเฉกเช่นเมื่อก่อนในเมื่อทุกอย่างถูกคลี่คลายเฝิงเส้าเฟิงตอบตกลงทำการค้ากับแคว้นเฉิงฮั่นโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ส่วนซุนอี้ได้พบกับแม่ที่แท้
เจ็ดวันถัดมา เวลา 8.00ณ . ท้องพระโรงในที่สุดวันนี้ก็มาถึงได้เวลาเปิดโปงความจริงทุกอย่าง หลักฐานพร้อมพยานพร้อม ทุกคนในท้องพระโรงต่างรอพระมเหสีหลิวซินเนียนและองค์หญิงซุนอี้ บรรยากาศในท้องพระโรงเริ่มรี่เสียงลงอวยหน้าหันไปยังหน้าประตูบานใหญ่ที่กำลังเปิดออก พระมเหสีหลิวซินเนียนมาแล้ว แต่มาด้วยใบหน้าที่ใส่หน้ากากปิดบังรอยบาดแผลไว้ เหลือให้เห็นแค่ดวงตาทั้งสองข้าง ถานเจี้ยนซื่อ " ในเมื่อมากันครบแล้ว....เฝิงเส้าเฟิงเริ่มได้เลย " เฝิงเส้าเฟิง " เข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน หัวหน้ากรมตุลาการ หูจวินได้ทำความผิด ข้อหาโยนความผิดให้ผู้บริสุทธิ์ปิดบังเรื่องการหายตัวของชาวบ้านตั้งยี่สิบกว่าปี นักโทษที่จับมานั้นล้วนเป็นคนดีทั้งหมดและเรื่องนี้มีผู้อยู่เบื้องหลังคอยหนุนหลังหูจวินมาตลอด "หลิวซินเนียนเริ่มออกอาการทำตัวไม่ถูกตนนั้นกลัวจะถูกเปิดโปง เลยขอตัวกลับตำหนักอ้างว่าตนนั้นไม่สบายหลิวซินเนียน" ฝ่าบาทข้าปวดหัวมาก ข้าขอกลับไปพักผ่อนที่ตำหนัก " เฝิงเส้าเฟิง" ท่านยังไปไหนไม่ได้ " หลิวซินเนียน " บังอาจกล้ามาก้าวร้าวใส่ข้า " เฝิงเส้าเฟิง " ฝ่าบาทขอรับผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก็คือ พระมเหสีหลิวซินเนียนข
ทรมารจากบาดแผลจนร้องไห้ออกมาผ่านบาดแผลที่แก้มทั้งแสบทั้งแค้นใจจนนางสลบลงไปในที่สุด สภาพนางตอนนี้ไม่ต่างจากหมาเร่ร่อนเลยสักนิด กลายเป็นผู้ที่มีหน้าตาอัปลักษณ์จนนางกำนัลไม่กล้าเข้าไปพยุง ในขณะหลี่ซิ่นได้ผ่านมาทางหน้าตำหนักโบตั๋นเห็นนางกำนัลยืนวงล้อมดูท่าวุ่นวายกันมาก ส่วนชงหยุน/หนิงเหอ ได้รีบกลับเข้าตำหนักไปเก็บข้าวของเตรียมหนีกลับแคว้นสิบและพาลี่ถังไปด้วยหนิงเหอ " เหตุใดถึงต้องหนี "ชงหยุน " องค์ชายเคยบอกข้าไว้ล่วงหน้า ว่าถ้าหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ให้ข้ารีบกลับแคว้นสิบอย่าอยู่ที่นี่ "หนิงเหอ"แล้วองค์ชายละ จะเป็นเช่นไร องค์หญิงก็เช่นกัน "ชงหยุน " เรื่องนี้เจ้าอย่าได้ขวัญเสียไป องค์ชายข้าเก่งฉลาดกว่าที่เจ้าคิดเสียอีก รีบเก็บของแล้วไปตำหนักท่านลี่ถัง " หน้าตำหนักโบตั๋นเพลานี้เหล่าขุนนางต่างเรียกให้ทหารนำตัวนางไปรักษา ส่วนนางกำนัลโดนหลี่ซิ่นลงโทษ อย่างหนัก ที่ลานกลางเรือนหลี่ซิ่น แซ่ประจำตัวนางไม่ได้ใช้มานานเพลานี้สมควรนำมันออกมาใช้เสียที แค่เห็นแซ่ในมือนาง นางกำนัลคนเก่าๆที่อยู่มานานยังกลัวไม่ต่างจากนางกำนัลคนใหม่ หลี่ซิ่นจับมวยผมจนจำศีรษะลากนางกำนัลถูพื้นจนขาถลอก มือชั่วช้าได้จับผม
เช้าวันใหม่ 6.00 สองสามีภรรยาตื่นเช้าเตรียมตัวออกตามหานักสืบที่อยู่ในรายชื่อทั้งหมด ที่แรกที่ต้องไปคือหมู่บ้านเล็กๆในแถบนอกเมือง ที่นั้นมีนักสืบซ่อนตัวอยู่เพื่อหลบซ่อนผู้หวังจะทำร้าย เมื่อทั้งสองได้เดินทางมายังหมู่บ้าน ก้าวแรกที่เข้ามาก็เป็นที่หมายตาของชาวบ้านเสียแล้ว ชาวบ้าน " พวกเจ้าทั้งสองมาทำอะไร "เฝิงเส้าเฟิง " ข้ามาตามหาชายที่ชื่อว่า ห่าวซวน " ชายแก่เดินวนรอบ ๆ กายทั้งสอง ใช้ไม้เท้าเคาะตามตัวเพื่อหาสิ่งของ ว่าแอบนำอะไรเข้ามา มองตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่เว้นแม้กระทั่งม้าที่ตนขี่มา วนมองดูหนึ่งรอบไม่พอยังมีรอบที่สอง " ใส่ชุดคลุมหนาเช่นนี้ตอนถอด คงให้ภรรยาซ่วยละสิ ละดูรองเท้าเจ้าสิหนาอย่างกับกากมะพร้าว รอยแผลตามตัวมีแต่แผลเก่าเต็มไปหมด หน้าตาก็ดี รูปร่างใช้ได้ ดูมีฐานะแต่เหตุใดต้องใส่เสื้อผ้าโสโครกเช่นนี้ ผมเผ้ารกรุงรังไปหมด ไปตัดออกบ้าง ไม่เหนื่อยรึปลอมตัวมาเช่นนี้ " เฝิงเส้าเฟิง " ท่านรู้ได้เช่นไร " " ดูภรรยาเจ้าสิผิวพรรณนวลผ่องดังน้ำนมข้าว รูปร่างหน้าตาไม่เป็นสองรองใคร สงบเสงี่ยมเหมือนคนโดนเชือกมัดปากไว้ไม่ยอมพูดจา เนื้อตัวมีกลิ่นเครื่องหอมพุ่งเข้ามาเตะจมูกข้า สาวชาวบ้านธรรมดา
ในระหว่างเดินทางกลับ นางชำเลืองมองไปเห็นชายร่างกายสูงใหญ่หน้าตาหน้ากลัวกำลังอารมณ์เสียเหมือนผิดหวังอะไรมาสักอย่าง แววตารังสีอำมหิตร้อนแรงแผ่ออกกระจายมาทั่วร่างกาย นางสูดหายใจเข้าลึกๆ เบิกตากว้างมองชายผู้นั้นอย่างตื่นตะลึ่ง แต่เมื่อวิ่งรถม้าผ่านชายผู้นั้นไปนางจึงนึกได้ว่าจะหาใครมาทำงานให้นาง จึงสั่งทหารให้เลี้ยวรถม้ากลับทันที "." เงินก็ไม่มีไปเล่นการพนันยังถูกโกง หึ สงสัยข้าต้องขายวัวทิ้งจะได้กลับไปแก้แค้นให้ได้เงินกลับมาเป็นหลายเท่า "{ ตนเดินบ่นไม่พอใจหงุดหงิดใจมองไปทางไหนก็ไม่สบอารมณ์ จนได้ยินเสียงรถม้าวิ่งมาจอดดักหน้าตน สิ่งแรกที่สังเกตเห็นได้คือทหารผู้นี้มาจากในวังและตนยังได้กลิ่นเครื่องหอมของสตรีพุ่งออกมา ตนชะเง้อมองผ้าม่านสีเทาที่กำลังเลื่อนออกอย่างช้าๆ } หลิวซินเนียน " เจ้าอยากมีงานทำหรือไม่ " " ท่านเป็นใคร " หิวซินเนียน" ข้าคือพระมเหสีหลิวซินเนียน " [เมื่อตนรู้ความจริงถึงกับยืนอ้าปากค้างตัวแข็งเหมือนหุ่น }หลิวซินเนียน " ไม่ต้องกลัว สนใจทำงานให้ข้าหรือไม่ ข้าตอบแทนของเจ้าจะทำให้เจ้าสบายไปทั้งชาติ " " งานอะไร ขอรับถึงได้เงินมากมายถึงเพียงนี้ " หลิวซินเนียน " ลักพาตัว
ระเบิดหลายลูกกำลังเตรียมการเล็งเป้าหมายมาที่หมู่บ้าน ชายทั้งห้าจะไปหยุดพวกมันทันหรือไม่ เมื่อเห็นว่าทางเฉิ่งฮั่นไม่มีการตอบโต้ยิ่งทำให้ได้ใจหลงระเริงคิดว่าฝั่งตนนั้นเหนือกว่าทุกอย่าง ในที่หลบบนเนินเขาไม่แปลกใจที่หาพวกมันไม่เจอหนำซ้ำฝั่งเฉิ่งฮั่นเสียเปรีบยอยู่ไม่น้อย บัดนี้เจ้าหมาป่าได้เดินดมกลิ่นไปเรื่อยๆ จนมันเริ่มเหาเบาๆเพื่อบอกชายทั้งห้าเดินทางขึ่นไปยังหุบเขาโดยใช้ทางเดินที่ทุกคนต่างก็รู้ว่ามันเป็นทางตัน" เจ้าหมาป่า ทางนั้นมันเป็นทางตัน " เจ้าหมาป่าไม่สนใจวิ่งนำหน้าชายทั้งห้าเข้าไปอย่างรวดเร็ว " ตามเจ้าหมาป่าไป " เมื่อเดินทางมาถึงยังที่หมายกลับเป็นทางตันจริงๆ " เจ้าหมาป่าข้าบอกเจ้าแล้วว่ามันเป็นทางตัน " { ตนย้ำด้วยเสียงที่มั่นใจและไม่หลบสายตา} เจ้าหมาป่าไม่เชื่อเพราะกลิ่นจมูกของมันไม่มีทางคาดการผิดพลาด มันจึงดมกลิ่นรอบๆจนเจอกับโพรงหญ้าที่มีหลุมใต้ดินเป็นทางลัดเดินลงไป โฮ่งๆ...... มันคาบชายกระโปรงเพื่อให้ทุกคนเข้ามาดูในที่มันเจอ " ใจเย็น ข้าจะไปดู " เมื่อชายทั้งห้าเปิดโพรงหญ้าที่หนาทึบและมีหนามคมเต็มไปหมด " ห๊ะ ทางลัดใต้ดิน พวกมันขุดเตรียมการไว้ลวงหน้าก่อนจะเปิดสงคราม " {
" สัญลักษณ์แคว้นหกรึ หมาลอบกัด "ตนยิบป้ายมองมันอย่างแค้นใจที่กล้ามาทำร้ายลูกน้องของตน จึงนำป้ายเก็บไว้เพื่อจะจะเป็นประโยชน์ในวันข้างหน้า " เจ้าหมาป่าออกจากที่นี้กันเถิด " เมื่อเจ้าหมาป่าได้ยินคำสั่งมันจึงให้หัวหน้าทหารเดินนำก่อนหน้ามันจะเดินตามหลังเพื่อปกป้องตามสัญชาตญาณ กรมกลาโหมเมื่อเฝิงเส้าเฟิงทราบข่าวตนวิ่งขี่ม้าเร็วมาที่กรมกลาโหม ก่อนจะเข้าประตูตนได้มองไปยังวังหลวงที่ควันไฟลอยกระจายไปทั่ววังหลวง" เฝิงเส้าเฟิง " มันเปิดการโจมตีอย่างเปิดเผยเช่นนี้ คงอยากให้ฝั่งเราเดินตามเกมส์หากตอบโต้กลับชาวบ้านจะเดือดร้อน "เฉินต้าหนิง" ต้องรอให้ถึงพรุ่งนี้เลยรึ ข้าว่าพวกมันยังไงก็เล่นไม่ซื่อ " เฝิงเส้าเฟิง " หากข้าตอบโต้เจ้าคิดว่าจะเป็นเช่นไร " เฉินต้าหนิง" คงวุ่นวายไปทั่วแคว้น "เฝิงเส้าเฟิง" ข้าเปลี่ยนใจแล้ว เจ้าเป็นผู้บัญชาการทหาร จึงสั่งให้เหล่าทหารพร้อมรบตั้งแต่เพลานี้เป็นต้นไป" เฉินต้าหนิง " ขอรับองค์ชาย " เสียงระฆังดังลั่นทุกคนวางอาวุตหยุดฝึกซ้อมกะทันหัน ทหารมากกว่า หนึ่งล้านเจ็ดแสนนายพร้อมใจกันรวมตัวเฉินต้าหนิง" ฟังข้าให้ดี นับตั้งแต่เพลานี้เป็นต้นไป เฉิ่งฮั่นจะทำสงครามเพื่อปก
ลานประชุมกรมกลาโหมผ่านมาแล้วหกวัน อีกหนึ่งวันก็จะครบกำหนดการเปิดสงครามกับแคว้นหกอย่างเต็มรูปแบบ เวลาชั่งเร็วเหลือเกิน วันนี้ทั้งหกคนต้องแบ่งหน้าที่ของตัวเองเฝิงเส้าเฟิง เป็นผู้วางแผนการทำศึก/ ออกรบ เฉินต้าหนิง คือผู้บัญชาการทหารสูงสุดและคือผู้นำกองทัพซุนอี้ ค่อยคุมทหารในแต่ละหมู่บ้าน ทั้งหมดในเฉิงฮั่น เพื่อแคว้นหกเล่นตุกติกหวนกลับมาทำร้ายชาวบ้านลี่ถัง" เป็นหมอประจำการ หากมีทหารบาดเจ็บ จะได้รักษาทันในช่วงเวลาที่ทำศึก หนิงเหอ/ชงหยุน " ดูแลเด็กๆอย่าให้ออกไปข้างในพื้นที่ที่เสี่ยงอันตราย " เฝิงเส้าเฟิง " ท่านเฉินต้าหนิง อาวุตที่จะใช้โจมตี มีกี่ประเภทรึ ตนกำลังเลือกดาบที่เหมาะกับตัวเองในขณะที่เฝิงเส้าเฟิงรอคำตอบนั้นอยู่ เฉินต้าหนิงหันลำตัวกลับมามองสบตาทุกคน ด้วยรูปลักษณ์ที่น่าเกรงขามในชุดเกราะที่เฝิงเส้าเฟิงนั้นออกแบบให้ เฉินต้าหนิง" ที่นี้มีดินระเบิด ธนูไร้หัว ธนูไฟ เฝิงเส้าเฟิง " ตั้งแต่เจ้าสวมชุดเกราะตัวนี้ดูรูปงามมากนัก " เฉินต้าหนิง" ข้ายังหาเมียไม่ได้เลย " เฝิงเส้าเฟิง" เอาไว้จบศึกครั้งนี้ข้าจะประทานเมียให้เจ้า " เฉินต้าหนิง" ฮ่าๆ องค์ชาย ท่านพูดเล่นรึ " เฝิงเส้าเฟิง
หลิวซินเนียน" เอามือสกปกของเจ้าออกไป" นางใช้ใบพัดตีเข้าที่หัวและมือจนสุดแรงซุนอี้ถึงกับทนไม่ได้ แต่ก่อนที่ซุนอี้จะเข้าไปช่วย ลี่ถังนั้นได้กระแชะหลิวซินเนียนอย่างเงียบๆลี่ถัง" เพราะท่านไม่มีอะไรให้หน้ายกย่อง ท่านเองก็สกปกมาก ๆ ในเฉิงฮั่น "หลิวซินเนียนได้ฟังแล้วยิ่งทำให้นางโกรธมากยิ่งขึ่น นางหันไปเห็นไม้ท่อนแข็งๆขนาดใหญ่ปานกลางยื่นแขนและลำตัวก้มลงไปยิบขึ่นมาเพื่อจะทำร้ายลี่ถัง หลิวซินเนียน" เจ้าไม่หยุดใช่ไหม " ซุนอี้" หยุดนะ กิริยาเลวทรามเช่นนี้อย่ามาใช้ให้ทหารไม่เคารพ"นางกระชากไม้ออกจากมือหลิวซินเนียนใช้แขนอีกข้างผลักตัวนางเวี่ยงเข้าถังขยะเศษกองสมุนไพรจนเปื้อนไปหมดหลิงซินเนียน" บังอาจนัก " { โกรธจนปากสั่น สีหน้าไร้ความสดใสมีแต่ความอาฆาต }ซุนอี้ " ทหารส่งพระมเหสีกลับตำหนัก " หลิวซินเนียน" พวกทหารชั้นต่ำ อย่ามาโดนตัวข้า หลิวซินเนียนนิ่งด่าทอทหารในสภาพที่เลอะเทอะไม่ยอมลุกออกจากกองเศษสมุนไพร ด้วยตัวเองหลิวซินเนียน" นางบ่าวไพร่ มาพยุงข้าสิ ยืนมองข้าอยู่ได้ "นางกำนัลรีบไปเข้าไปพยุงนางลุกขึ่นมาแต่พอลุกขึ่นมาได้ ก็สั่งสอนนางกำนัลด้วยการใช้นิ้วจี้ไปที่หน้าผากพูดจาดูถูกเยี่ยงสัตว์ตั