Share

บทที่ 10 ที่นี่คือที่ไหน

Author: sanvittayam
last update Last Updated: 2025-03-04 15:44:30

บทที่ 10 ที่นี่คือที่ไหน

“นี่เธอลำบากขนาดนี้เลยเหรอ ทำไมพวกเขาถึงไม่เห็นใจกันบ้าง แม่เลี้ยงกับน้องสาวของเธอไม่คิดจะทำอะไรเลยหรืออย่างไร คนอะไรใจดำขนาดนั้น” จ้าวจินเยว่พูดไปก็ถอนหายใจด้วยความสงสาร

 “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อย่าพูดถึงพวกเขาเลย ตอนนี้ฉันก็ออกจากบ้านหลินมาแล้ว อยู่ที่นี่ก็ดีกว่าที่บ้านหลินเยอะค่ะ” หลินเพ่ยหลันตอบกลับเบา ๆ  เธอยิ้มให้ทั้งสองด้วยความจริงใจ

“เอาเถอะ อยู่ที่นี่ถึงแม้ว่าแม่จะขี้บ่น ปากร้ายไปบ้าง แต่พวกเราจะช่วยดูแลพี่อีกแรงนะ มีอะไรก็สามารถบอกได้เลย ยังไงพี่ก็เป็นพี่สะใภ้สามของฉัน” ซ่งชุนเป้ยพูดขึ้นอย่างมีน้ำใจ

“ใช่ พี่ด้วยนะ มีอะไรให้ช่วยก็บอกพี่ได้เลย”  จ้าวจินเยว่เองก็พยักหน้าเห็นด้วยและพูดเสริมอย่างมีน้ำใจเช่นกัน

“ขอบคุณพี่สะใภ้ใหญ่ ขอบใจนะชุนเป้ย” หลินเพ่ยหลันพูดออกมาด้วยความดีใจ ที่อย่างน้อยที่นี่ยังมีคนใจดีที่พร้อมจะช่วยเหลือเธอ

พวกเธอใช้เวลาพูดคุยกันไปเรื่อย ๆ ระหว่างที่ทำอาหาร ทำให้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าสามสาวในบ้านซ่งจะเข้ากันได้ดีไม่มีปัญหา ยิ่งพวกเธอร่วมมือกันงานต่าง ๆ ภายในบ้านก็เสร็จเร็วขึ้น

เมื่อได้พูดคุยกับจ้าวจินเยว่และซ่งชุนเป้ยแล้ว หลินเพ่ยหลันเองก็คิดว่าทั้งสองคนก็เป็นคนดีไม่น้อย นอกจากจะไม่รังเกียจที่เธอเป็นคนพิการตาบอดแล้ว ยังรับปากว่าจะคอยดูแลเธออีกด้วย

ส่วนเรื่องที่เจ้าของร่างพลัดตกน้ำนั้น เมื่อลองค้นความทรงจำดูแล้ว ก็รู้ว่าหลินเพ่ยหลันคนก่อนพลัดตกลงไปในลำธารเอง  ไม่ใช่มีใครกลั่นแกล้งโดยการผลักให้ตกลงไปทั้งนั้น

ความทรงจำที่มีแสดงให้เห็นถึงเหตุการณ์ในวันนั้นอย่างชัดเจน และจำได้ว่าเดินออกไปริมแม่น้ำโดยไม่ระวังตัว

พอจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้จึงรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่าอันตรายที่เธอเผชิญนั้นไม่มีใครเกี่ยวข้อง ทั้งหมดเป็นเพียงอุบัติเหตุที่เกิดจากความไม่ระมัดระวังของเจ้าของร่างเดิมเท่านั้น การได้รู้เรื่องนี้ทำให้รู้สึกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรือต้องระแวงคนที่อยู่รอบตัว

หลินเพ่ยหลันใช้ชีวิตในร่างนี้จนค่อย ๆ เริ่มคุ้นชินมากขึ้น กระทั่งเจ็ดวันผ่านไป ก็รู้สึกว่าตัวเองสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมและความมืดมิดที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตได้มากขึ้น เธอสามารถทำงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว รู้สึกถึงความอบอุ่นและกำลังใจจากจ้าวจินเยว่และซ่งชุนเป้ยที่คอยช่วยเหลือและเป็นกำลังใจให้เสมอ

คืนนี้หลินเพ่ยหลันเข้านอนตามปกติ เธอปิดตาลงอย่างช้า ๆ และพยายามปล่อยใจให้สบาย แต่ข้างกายกลับรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวของใครบางคน นั่นคือซ่งเฟยหลงนั่นเอง เขาก้าวเข้ามาอย่างเงียบ ๆ ไม่ให้เสียงรบกวนเพราะคิดว่าเธอหลับไปแล้ว แต่หลินเพ่ยหลันสามารถรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวและกลิ่นอายที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาได้ทันที หลังจากที่เขาก้าวเข้ามาในห้อง

“คงหลับแล้วสินะ” ชายหนุ่มพูดเบา ๆ พร้อมกับล้มตัวนอนด้วยความเหนื่อยล้าเช่นกัน

ถึงแม้ว่าเธอกับซ่งเฟยหลงจะนอนในห้องเดียวกัน แต่เขาก็ให้เกียรติหญิงสาวมาก ไม่เคยฉกฉวยโอกาสแตะต้องเธอเลยสักครั้งเพราะเขาเห็นเธอเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ความอ่อนโยนและความเคารพที่เขามอบให้ ทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจและปลอดภัยยิ่งขึ้น

และเพราะท่าทีสุภาพบุรุษของเขา ที่หลายวันมานี้ซ่งเฟยหลงแสดงให้เห็น ทำให้หลินเพ่ยหลันไม่ได้ตั้งแง่หรือระแวงในตัวเขาอีก ทุกการกระทำที่เต็มไปด้วยความสุภาพและอ่อนโยน ทำให้เธอเริ่มมองเขาในแง่มุมที่แตกต่างออกไป

ตอนแรกที่เข้ามาอยู่ในร่างนี้ หลินเพ่ยหลันคนนี้ยังคงมีความหวาดกลัวและความไม่มั่นใจในตัวสามีอย่างซ่งเฟยหลง แต่ความสุภาพและการให้เกียรติที่เขาแสดงออกมาในแต่ละวัน ทำให้ความระแวงนั้นค่อย ๆ หายไป ทุกคืนที่เขามาช่วยจัดเตียงหรือถามไถ่ถึงความต้องการของเธอ มันเป็นการยืนยันว่าเขาใส่ใจและห่วงใยอย่างแท้จริง เนื่องจากเธอจะเป็นเพียงภรรยาตาบอดของเขา

แม้ว่าหลินเพ่ยหลันจะไม่คุ้นชินกับการได้รับการดูแลแบบนี้ในตอนแรก แต่เธอก็เริ่มรู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณในความเสียสละและความพยายามของเขา เธอพยายามตอบแทนด้วยการทำงานทุกอย่างที่เธอสามารถทำได้ เพื่อให้เขาไม่ต้องเหนื่อยมากเกินไป บางครั้งก็ตอบแทนด้วยการทำอาหารอร่อย ๆ ให้เขาทาน ทำของหวานให้เขาเพื่อที่เขาจะได้กินให้หายเหนื่อยจากการทำงานหนัก

ไม่นานเธอก็ได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอของอีกฝ่าย ซึ่งบ่งบอกว่าเขาหลับไปแล้ว หลินเพ่ยหลันจึงได้หลับลงไปบ้าง ความเงียบสงบในยามค่ำคืนทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย และจิตใจที่เคยหนักหน่วงก็เริ่มเบาลง

ระหว่างที่กำลังเคลิ้มหลับอยู่นั้น ความคิดต่าง ๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัว ความรู้สึกที่เริ่มก่อตัวทำให้เธอเองก็สับสนอยู่บ้าง แม้ว่าจะยังไม่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดของการทะลุมิติมาในร่างนี้ก็ตาม แต่อย่างน้อยการมาอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรเหมือนกับที่เธอคิดไว้ในตอนแรก

ในที่สุดเธอก็ปล่อยใจให้หลับลงอย่างสงบจากความคิดต่าง ๆ และความเหนื่อยล้า

ในห้องที่มืดมิด หยกผีเสื้อบนสร้อยข้อมือของหญิงสาวก็เกิดแสงสว่างขึ้น แสงสีเขียวอ่อน ๆ ที่สว่างออกมาค่อย ๆ ส่องประกายและขยายตัว ก่อนที่แสงนั้นจะโอบล้อมร่างหญิงสาวเอาไว้

หลินเพ่ยหลันรู้สึกได้ถึงความอุ่นและแสงที่โอบล้อมร่างของเธอ ทำให้รู้สึกตัวตื่นขึ้นจากความหลับใหล แสงสีเขียวอ่อนนั้นไม่เพียงแต่โอบล้อมเธอ แต่ยังค่อย ๆ กลืนร่างของเธอเข้าไปในวงแสงนั้น

ในขณะที่เธอถูกกลืนเข้าไปหัวใจก็เริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ความรู้สึกที่เหมือนถูกดึงไปในที่ที่ไม่รู้จัก ทำให้หลินเพ่ยหลันรู้สึกตื่นเต้นและกังวลในเวลาเดียวกัน แต่ไม่ทันที่จะตั้งสติได้ แสงสว่างนั้นก็ดึงเธอไปในที่ที่ไม่คาดคิด

เมื่อเข้ามาแล้วหลินเพ่ยหลันก็พยายามลืมตาขึ้น แต่ด้วยความที่ตายังไม่ค่อยคุ้นชินกับแสงในนี้สักเท่าไร ดวงตาจึงได้พร่ามัวอยู่ ทว่าเมื่อปรับตัวเข้ากับแสงได้แล้ว เธอถึงกับอึ้งกับภาพตรงหน้าเนื่องจากเวลานี้เธอสามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ได้อย่างชัดเจน

“นี่ฉันตาบอดไม่ใช่หรือ ทำไมถึงมองเห็นอีกได้ล่ะ” หลินเพ่ยหลันพึมพำกับตัวเองด้วยความสงสัย จะว่านี่คือความฝันก็ไม่น่าจะใช่ เพราะเธอรู้สึกว่ามันสมจริงอย่างน่าประหลาด

จากนั้นหญิงสาวก็มองไปรอบ ๆ ปรากฏว่าสถานที่แห่งนี้คือทะเลดวงดาวที่เธอเคยเข้ามาแล้วตอนที่เธอถูกรถชนเสียชีวิต ทั้งสภาพแวดล้อม ทั้งบรรยากาศ แม้แต่ตำแหน่งดาวที่อยู่บนฟ้าก็เหมือนกับคราวก่อนไม่มีผิด แต่ว่าคราวนี้แปลกไปตรงที่มันมีประตูบานหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่เธอยืนอยู่เพิ่มขึ้นมาด้วย

ประตูบานนั้นเป็นประตูไม้ทาด้วยสีขาวสะอาดตา เป็นประตูบานเดียวโดด ๆ ตั้งอยู่ตรงกลางสถานที่แห่งนี้ คิดดูแล้วมันก็แปลกอยู่ไม่น้อยที่จะมีประตูอยู่บนนี้

“อะไรน่ะ หรือว่าจะเป็นประตูไปที่ไหนก็ได้ของโดราเอมอนเหรอ” หลินเพ่ยหลันถามตัวเองอีกครั้ง “จะว่าไปแล้วประตูบานนี้ก็เหมือนกับประตูของโดราเอมอนจริง ๆ ต่างกันก็แค่คนละสี ไปดูใกล้ ๆ ดีกว่า”

เมื่อคิดได้อย่างนั้นจึงได้ค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ประตู แต่ยิ่งเดินเข้าไปใกล้มากเท่าไร กลับยิ่งรู้สึกเหมือนกับว่ามันดึงดูดให้เข้ามาหามากขึ้น

ในใจของหญิงสาวเวลานี้คิดอยากจะเปิดประตูมากว่ามันจะทะลุไปได้เหมือนประตูของโดราเอมอนหรือเปล่า แต่ว่าอีกใจหนึ่งก็ยังคงลังเล

Related chapters

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 11 ความฝันที่เหมือนจริง

    บทที่ 11 ความฝันที่เหมือนจริง“หรือว่าประตูบานนี้จะเป็นทางกลับไปสู่โลกเดิมของเรา” ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวของหลินเพ่ยหลันความดีใจเล็ก ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาในใจเช่นกัน แต่แล้วถูกดับลงด้วยความคิดที่ว่า “ในโลกเดิมนั้นเราได้ตายไปแล้ว แล้วจะกลับไปได้อย่างไร ป่านนี้ไม่ใช่ว่าเขาเผาร่างจนเหลือแต่กระดูกแล้วเหรอ”ตอนนี้เธอเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูและยืนคิดอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดด้วยความอยากรู้ว่าเบื้องหลังของประตูนั้นมีอะไรกันแน่ ทำให้หลินเพ่ยหลันตัดสินใจที่จะเปิดประตู“เอาล่ะ มันคงไม่มีเรื่องอะไรร้ายแรงเท่ากับที่เราผ่านมาอีกแล้ว ไม่เปิดก็ไม่รู้ อย่างนั้นเปิดประตูเถอะ”พูดจบก็สูดอากาศเข้าปอดและเปิดประตูนั่นออกดู หลังจากนั้นก็มีแสงสีขาวจ้าส่องออกมาจากช่องประตูทันทีในขณะที่เธอเปิดมัน ทำเอาเธอรู้สึกแสบตาจนต้องหลับตาลงหลังจากนั้นไม่นานก็รู้สึกว่าแสงสีขาวนั้นก็หายไปจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นหลินเพ่ยหลันยื่นหน้าไปดูในประตูก่อน ยังไม่กล้าก้าวขาเข้าไปเนื่องจากยังไม่มั่นใจนัก ทว่าภาพตรงหน้าที่เห็นนั้น ก็ทำเอาเธอตกใจจนแทบหงายหลัง“เป็นไปไม่ได้” หญิงสาวรีบถอนตัวออกจากประตูแล้วพูดขึ้นเสียงดัง แต่เมื่อตั้งสติได้ ก็ค่อ

    Last Updated : 2025-03-05
  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 12 มันคืออะไรกันแน่

    บทที่ 12 มันคืออะไรกันแน่หลังจากสามีออกไปแล้วหญิงสาวยังคงนั่งเหม่อลอยอยู่บนที่นอนสักพัก พยายามจับต้นชนปลายว่า สรุปแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมันเป็นอย่างไรกันแน่เมื่อคืนที่เธอได้เข้าไปในห้างสรรพสินค้านั้นเป็นความฝันหรือว่าเป็นความจริง ถ้าหากว่าเป็นความฝันแล้วลิปสติกแท่งนี้จะมาอยู่ในมือของเธอได้อย่างไร และถ้าเป็นความจริงแล้วมันก็ออกจะแปลกเกินไปหน่อยแล้วหลินเพ่ยหลันคิดอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อรู้สึกว่าคิดเท่าไรก็หาคำตอบไม่ได้จึงได้วางความคิดนั้นลง จากนั้นจึงไปเตรียมเสื้อผ้ามาให้สามีเอาไว้เปลี่ยนเพื่อใส่ไปทำงาน“เสื้อผ้าของพี่ฉันวางเอาไว้ให้ที่โต๊ะหน้าห้องน้ำนะคะ” หลินเพ่ยหลันตะโกนบอกสามีที่ตอนนี้กำลังอาบน้ำอยู่“ครับ เดี๋ยวพี่จัดการต่อเอง” เสียงของซ่งเฟยหลงตะโกนกลับออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่เตรียมข้าวของต่าง ๆ ให้สามีเรียบร้อยแล้วเธอจึงเดินเข้าไปในครัวเพื่อที่จะเตรียมอาหารเช้าอย่างง่าย ๆ เมื่อเปิดตู้เพื่อหยิบแป้งออกมาจะทำหมั่นโถว สักพักก็มีเสียงของพี่สะใภ้ดังมาจากทางด้านหลัง“เช้านี้ทำอะไรเหรอเพ่ยหลัน” จ้าวจินเยว่ถามขึ้นอย่างใส่ใจ“ทำหมั่นโถวค่ะ กินกับน้ำแกง” หลินเพ่ยหลันตอบกลับไปด้วยน้ำเสีย

    Last Updated : 2025-03-05
  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 13 มิติห้างสรรพสินค้า

    บทที่ 13 มิติห้างสรรพสินค้าหลินเพ่ยหลันตื่นจากภวังค์ความทรงจำเมื่อเดินสะดุดเข้ากับขาเก้าอี้ในห้องครัว“ทำไมถึงได้มีชีวิตที่น่าสงสารแบบนี้นะหลินเพ่ยหลัน” เธอได้แต่พูดกับตัวเองเพื่อส่งไปถึงเจ้าของร่างเดิมหญิงสาวรีบสลัดความทรงจำนั้นให้หลุดออกจากสมองไปจากนั้นก็เดินกลับเข้าห้องมา เมื่อนั่งลงบนเตียงคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยสักพัก จะว่าเรื่อยเปื่อยเลยก็ไม่ใช่ เพราะเธอกำลังวางแผนว่าจะใช้ชีวิตในร่างตาบอดของหลินเพ่ยหลันคนนี้ต่อไปอย่างไรดีจะอยู่แต่บ้านแล้วทำงานบ้านไปแต่ละวันอย่างนี้ชีวิตคงน่าเบื่อแย่ อีกอย่างเธอไม่อยากเป็นภาระของสามีด้วย เผื่อวันใดวันหนึ่งต้องแยกทางกันขึ้นมาก็ควรที่จะดูแลตัวเองให้ได้ในโลกที่จากมานั้น คนตาบอดที่สามารถทำงานได้มากมาย พวกเขาใช้ไม้เท้าคลำทางเดินไปตามท้องถนนเพื่อไปทำงานของตนเอง บางคนทำงานเอกสารเล็ก ๆ น้อย ๆ บางคนถึงขั้นทำงานฝีมือได้ก็มี บางครั้งทำออกมาได้ดีกว่าคนทั่วไปอีกต่างหากคนตาบอดที่ร้องเพลงเล่นดนตรีก็มีเยอะ พวกเขาไปรับจ้างร้องเพลงตามงานต่าง ๆ ก็ทำได้ดีเลยทีเดียว‘แต่ว่าเธอล่ะ ตอนนี้มีความสามารถอะไรบ้าง’หญิงสาวก็ได้แต่ถามตัวเองในใจ เพราะตอนนี้เธอใช้ชีวิตอย่างยา

    Last Updated : 2025-03-05
  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 14 ตอบอย่างไร้พิรุธ

    บทที่ 14 ตอบอย่างไร้พิรุธ“อ้อ...เมื่อครู่นี้ฉันไปห้องน้ำมาค่ะ” หลินเพ่ยหลันตอบออกไป ซึ่งท่าทางของเธอไม่เหมือนคนโกหกเลย“แล้วทำไมพี่ไม่เห็นเลยล่ะ” จ้าวจินเยว่ยังคงงุนงง“ตอนนั้นพี่สะใภ้คงไม่ได้มองฉันมั้งคะ แต่ฉันรู้สึกว่าพี่อยู่ข้างนอกนะ” หญิงสาวทำเป็นตามน้ำโดยบอกว่า เธอรู้สึกเหมือนพี่สะใภ้อยู่ข้างนอก เพื่อให้น่าเชื่อว่าเธอไปเข้าห้องน้ำมาจริง ๆ“แล้วทำไมพี่กลับมาละคะ ลืมอะไรหรือเปล่า” เธอถามเพื่อเปลี่ยนเบี่ยงเบนความสนใจ“อ๋อ ใช่ พอดีพี่ลืมของนิดหน่อยน่ะ เป็นน้ำมันแก้วิงเวียนของพี่เอง แต่หาตั้งนานก็หาไม่เจอ เพ่ยหลันพอจะรู้บ้างไหมว่ามันอยู่ที่ไหน”จ้าวจินเยว่เมื่อถูกถามก็หันมาสนใจเรื่องที่ตัวเองกลับมาบ้านในตอนนี้ ด้วยการถามน้องสะใภ้ถึงแม้ว่าหลินเพ่ยหลันจะมองไม่เห็น แต่ว่าเธอก็สัมผัสทุกซอกทุกมุมในบ้านหลังนี้จนคุ้นชิน จึงรู้จักบ้านหลังนี้ดีกว่าคนอื่น เวลาที่ทุกคนหาของไม่เจอก็มักจะมาถามกับเธอเสมอ“งั้นเหรอคะ เดี๋ยวฉันขอนึกก่อนนะคะ” หลินเพ่ยหลันพยักหน้าก่อนจะตอบกลับไป และนั่งครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วยิ้มออกมา“เมื่อวานฉันรู้สึกว่ามันน่าจะอยู่บนโต๊ะในห้องนั่งเล่นนะคะ ฉันเช็ดโต๊ะแล้วคลำเจอ คิดว่า

    Last Updated : 2025-03-05
  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 15 เข้าใจกันมากขึ้น

    บทที่ 15 เข้าใจกันมากขึ้นซ่งเฟยหลงถือผ้าขนหนูผืนนั้นมาให้หลินเพ่ยหลัน เขาเอาวางใส่มือเธอไว้แล้วพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน “ในเมื่อพ่อซื้อให้เป็นของขวัญ ทำไมเพ่ยหลันไม่เก็บไว้ใช้เองละ เอามาให้พี่ทำไม พี่น่ะใช้อะไรก็ได้ ไม่ต้องใช้ของดีขนาดนี้หรอก”“ได้ยังไงกันคะ พี่เป็นคนที่ทำงานหาเงินมาดูแลครอบครัว ดูแลฉัน ฉันก็ต้องดูแลพี่กลับเหมือนกัน ถ้าพี่อยากให้ฉันสบายใจ พี่ก็รับไว้เถอะ” หลินเพ่ยหลันพูดออกมาอย่างจริงจังการที่เธอทำแบบนี้ก็เป็นเพราะอยากจะตอบแทนเขาบ้าง เพราะตั้งแต่มาอยู่ในร่างนี้ ที่ผ่านมาชายหนุ่มก็ดูแลเธออย่างดีตลอด ทั้งยังปกป้องเธอจากทุกคนแม้กระทั่งแม่ของเขาเอง“ขอบคุณครับ พี่จะรับไว้เพื่อให้เพ่ยหลันสบายใจ”ซ่งเฟยหลงตอบกลับเมื่อรู้เหตุผลของเธอ จากนั้นจึงหยิบคืนมาก่อนจะพาดผ้าขนหนูขึ้นบ่าแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปส่วนหลินเพ่ยหลันก็ออกมาจากห้องเพื่อเตรียมอาหารเช้าให้ทุกคนร่วมกับจ้าวจินเยว่และซ่งชุนเป้ย เมื่อกินอาหารเช้าแล้วทุกคนก็ไปทำงานที่คอมมูนตามปกติหลินเพ่ยหลันยังคงเข้ามิติทุกครั้งที่มีโอกาส ถ้าเป็นไปได้เธอก็จะหาเวลาเข้าทุกวันและหยิบของที่จำเป็นต้องใช้ออกมาส่วนมากก็จะเป็นอาหารสดเพราะเป็นท

    Last Updated : 2025-03-05
  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 16 ข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น

    บทที่ 16 ข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น“ขอโทษค่ะแม่ ฉันมองไม่เห็นเลยต้องใช้เวลาหาของนานหน่อย นี่ค่ะกระเป๋าน้ำร้อน” หลินเพ่ยหลันรีบพูดขอโทษก่อนจะยื่นกระเป๋าน้ำร้อนให้นางหยางเจี่ย“ยังใหม่ ๆ อยู่เลยนี่ แถมยังดูดีกว่ากระเป๋าน้ำร้อนที่ฉันเคยเห็นอีก เหมือนจะเป็นของแพง เธอได้มันมายังไง” นางหยางเจี่ยรับกระเป๋าน้ำร้อนมาแล้วก็เลิกคิ้วอย่างสงสัยจนอดไม่ได้ที่จะถามกลับมา“เจ้านายของพ่อให้มาค่ะ พวกเรายังไม่เคยใช้เลย พ่อให้ฉันเอามาด้วยเพราะเห็นฉันไม่ค่อยแข็งแรง” หลินเพ่ยหลันตอบกลับไปทันที คำตอบเรื่องของที่นำมาจากบ้านเดิมยังคงใช้ได้ผลอยู่“ดี ๆ ขอบใจนะ” นางหยางเจี่ยตอบกลับอย่างดีใจและหันไปเอาน้ำร้อนใส่กระเป๋าเพื่อนำไปให้สามี“ค่ะแม่” ส่วนหลินเพ่ยหลันก็ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มกว้างเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่หลินเพ่ยหลันได้ยินคำว่า ‘ขอบใจ’ จากปากของแม่สามี ตั้งแต่เธอเข้ามาอยู่ในบ้านนี้ แม้แต่ในความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไม่เคยได้ยินนางหยางเจี่ยพูดคำว่าขอบใจกับเธอเลยสักครั้ง ต่อให้พยายามทำดีกับนางมากเท่าไรก็ตาม ครั้งนี้เป็นครั้งแรกก็เลยทำให้อึ้งเล็กน้อยแต่ความดีใจนั้นมีอยู่เต็มหัวใจ“จะไปทำอะไรก็ไปทำเถอะ อย่ามาเกะกะแถวน

    Last Updated : 2025-03-05
  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 17 ความดีเอาชนะทุกอย่าง

    บทที่ 17 ความดีเอาชนะทุกอย่างซ่งเฟยหลงเดินเข้ามาในห้องของพ่อกับแม่พร้อมกับถ้วยข้าวต้มและยาที่อยู่ในมือ เมื่อเห็นอาการของพ่อตัวเองแล้วก็อดที่จะรู้สึกหดหู่ไม่ได้ เพราะตอนนี้พ่อของเขานั้นไม่สามารถลุกขึ้นนั่งด้วยตัวเองได้ นอกจากนี้ยังมีอาการไออยู่ตลอดเวลา อาการของพ่อแย่มาก อาหารที่หลินเพ่ยหลันทำมาให้ในตอนเที่ยงนั้นเขาก็กินไปได้แค่นิดเดียวซ่งตงลี่เห็นลูกชายเข้ามาก็พยายามยันกายของตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง แต่ทว่าไม่ไหวจนนางหยางเจี่ยต้องช่วยประคองขึ้นมา เขามองไปที่ลูกชายและพยายามทำสีหน้าให้ยิ้มแย้มแม้ว่าจะฝืนมาก“กลับมากันแล้วเหรอ งานที่คอมมูนเป็นอย่างไรบ้างล่ะ มีใครถามถึงพ่อไหม” ซ่งตงลี่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง“งานที่คอมมูนก็ปกติครับ ลุงหยางกับลุงโจวถามถึงพ่อด้วยนะ พวกเขายังฝากมาบอกอีกว่าให้พ่อหายเร็ว ๆ” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง“ดี ๆ พ่อไม่ได้ไปทำงานหลายวันก็รู้สึกอึดอัดไม่น้อย ร่างกายนี่ก็มาอ่อนแออีก ไม่ได้ดังใจเลยจริง ๆ แคก ๆ” เขาพูดขึ้นมาพร้อมกับไอเล็กน้อย“ช่วงนี้อาการของพ่อเป็นอย่างไรบ้างครับ ดีขึ้นมาบ้างไหม” ซ่งเฟยหลงหันหน้าไปทางแม่ของตัวเองที่คอยเฝ้าดูแลอยู่ไม่ห่าง“สองส

    Last Updated : 2025-03-06
  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 18 เข้าเมืองกับพี่สะใภ้ครั้งแรก

    บทที่ 18 เข้าเมืองกับพี่สะใภ้ครั้งแรกเมื่อมั่นใจว่าเจ้าของมือเป็นใคร หญิงสาวก็เอ่ยถามออกมา“แม่มีอะไรให้ฉันช่วยเหรอคะ เดี๋ยวฉันล้างมือก่อนจะไปช่วยทำ” พูดจบเธอก็ดึงมือออกเพื่อจะไปล้างมือ“ไม่ต้องหรอกเพ่ยหลัน แม่แค่มีเรื่องจะพูดคุยด้วยเล็กน้อยเท่านั้น” นางหยางเจี่ยยังดึงมือของลูกสะใภ้ไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ในแบบที่หลินเพ่ยหลันไม่เคยได้ยินมาก่อน“เอ่อ...แม่มีอะไรเหรอคะ” หลินเพ่ยหลันถามด้วยความไม่แน่ใจ เพราะสิ่งที่แม่สามี กำลังทำอยู่ตอนนี้ผิดแปลกจากที่เธอคิดไว้มาก“แม่อยากจะขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด ที่แม่เคยมองเพ่ยหลันว่าไม่มีประโยชน์ เคยดุด่าโดยที่ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของเธอเลย ตอนนี้แม่รู้แล้วว่าเธอดีกับพวกเรามากขนาดนั้น แม่ขอโทษจริง ๆ เพ่ยหลันจะให้อภัยแม่ได้ไหม” นางหยางเจี่ยพูดออกมายาวเหยียด ขณะที่พูดน้ำตาก็ไหลอาบแก้มไปด้วยเมื่อได้ฟังคำขอโทษจากแม่สามี หลินเพ่ยหลันก็ยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่ เธอไม่เข้าใจว่าเป็นไปได้อย่างไร ทำไมแม่สามีถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้ เธอยังหาคำพูดไม่เจอเพราะมัวแต่อึ้งอยู่“แล้วแม่ก็ต้องขอบคุณเพ่ยหลันที่เอายาเม็ดมาให้พ่อกินด้วย ถ้าหากไม่ได้ยาพวกนั้นพ่อก็

    Last Updated : 2025-03-06

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    ตอนพิเศษ

    ตอนพิเศษ 5 ปีผ่านไปซ่งเจียหยวนกับซ่งเจียอี้ ตอนนี้อายุได้ห้าขวบแล้ว เป็นวัยที่เริ่มกระตือรือร้นและเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น พอที่จะเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก หลินเพ่ยหลันเห็นว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม จึงตัดสินใจชวนลูกชายฝาแฝดทั้งสองคนไปเยี่ยมพ่อที่กองทัพเช้าวันนั้น หลินเพ่ยหลันเตรียมตัวอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างพร้อมสำหรับการเดินทาง จัดเตรียมเสื้อผ้าที่อบอุ่นและอาหารว่างไว้ให้ลูก ๆ พร้อมทั้งเตือนพวกเขาให้ปฏิบัติตัวดี ๆ เมื่อไปถึงที่กองทัพ เป็นสิ่งที่เธอทำเองทั้งหมด ใช่แล้ว เธอเลี้ยงลูกแฝดทั้งสองคนด้วยตัวเอง แม้นายท่านผู้เฒ่าทั้งสองจะเคยส่งพี่เลี้ยงมาให้ แต่เธอก็ปฏิเสธไปเพราะอยากใกล้ชิดกับลูกๆ มากกว่าใคร ๆ “แม่ครับ เราจะได้เจอพ่อเมื่อไหร่ครับ” เสียงใส ๆ ของซ่งเจียหยวนถามด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้เขาอยู่ในชุดทหารที่ลุงๆ ซื้อมาฝาก“เย็นนี้ก็ได้เจอแล้ว พ่อจะต้องดีใจมากแน่ ๆ ที่เห็นพวกเรามาเยี่ยม” หลินเพ่ยหลันตอบพร้อมกับยิ้มให้ลูกชายลูกชายทั้งสองของเธอดีใจกันมาก ที่ได้ยินข่าวว่าจะได้ไปเยี่ยมพ่อที่กองทัพ พวกเขาต่างกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ และไม่สามารถเก็บความตื่นเต้นไว้ได้

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทส่งท้าย  ครอบครัวสมบูรณ์

    บทส่งท้าย ครอบครัวสมบูรณ์หลินตงยืนนิ่งไม่พูดอะไร เขารู้ว่าเขาคงไม่มีทางเลือก เขาต้องทำเพื่อเอาตัวรอดจากการถูกฆ่า“ต้องทำแบบนี้... ถ้าไม่ทำ... ฉันตายแน่ ฉันไม่ผิด” หลินตงพูดขึ้นมาเบา ๆ“ตายก็ยังดีกว่าทำแบบนี้!” นางหลิวอี้ตวาดเสียงดัง ก่อนจะวิ่งไปหยิบมีดที่วางอยู่บนโต๊ะในครัว แล้วตรงเข้ามาหาหลินตง“แกไม่รู้แกทำผิดหรืออย่างไร ลูกสาวตัวเองไม่ใช่ตัวช่วยที่จะเอามาขัดดอก แกตายซะเถอะ” นางหลิวอี้พูดจบก็เอามีดไล่ฟันไปที่สามีหลินตงตกใจและกระโดดหลบอย่างรวดเร็ว “นังบ้า จะฆ่ากันเลยเหรอ หยุด หยุดเดี๋ยวนี้นะ” เขายืนสั่นด้วยความกลัวมีดในมือของภรรยา“แกทำให้ชีวิตของพวกเรามันพังหมดแล้ว พังหมด ไม่เหลืออะไร” นางหลิวอี้ยังคงกราดเกรี้ยว ทั้งที่มีดในมือสั่นไปตามอารมณ์ “แม้แต่กับลูกสาวของตัวเองแกก็ยังทำแบบนี้ได้ นี่แกเป็นพ่อประสาอะไร”“แล้วแกล่ะ ตั้งแต่แต่งกับฉันมา แกเคยช่วยอะไรฉันบ้างไหม มีแต่ใช้เงินไปวัน ๆ ที่เสี่ยวหรงมันต้องเป็นแบนี้ แกก็มีส่วนเหมือนกัน”หลินตงตะโกนสวนกลับ และขยับหลบมีดที่ภรรยาเหวี่ยงมาหาเขาอีกครั้ง “หากเป็นไปได้ ฉันก็จะไม่ทำแบบนี้เลย แต่มันไม่มีทางเลือก”นางหลิวอี้สบถคำหยาบคาย “แกจะหนี

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 64 จากลากันอีกครั้ง

    บทที่ 64 จากลากันอีกครั้งหลินเพ่ยหลันยิ้มบาง ๆ และพยักหน้าเล็กน้อยเธอรู้สึกโล่งใจที่ปัญหาในวันนี้จบลงได้โดยไม่เกิดความรุนแรง เธอหันกลับเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้ซ่งเฟยหลงดูแลเรื่องราวที่เหลือซ่งเฟยหลงมองตามหลังภรรยาของเขาด้วยความรักและความห่วงใย เขารู้ว่าคนท้องไม่ควรเครียด และเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้หลินเพ่ยหลันได้มีความสุขและสบายใจในช่วงเวลานี้เมื่อหลินเพ่ยหลันเข้าไปพักผ่อนในบ้าน ซ่งเฟยหลงก็หันกลับมามองชาวบ้านที่ยังคงยืนอยู่รอบ ๆ เขายิ้มและกล่าวกับพวกเขาอย่างสุภาพ “ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจและสนับสนุนครอบครัวของเรานะครับ ผมขอให้ทุกคนกลับบ้านกันอย่างสงบสุข”ชาวบ้านพยักหน้ารับและเริ่มทยอยกลับบ้าน บรรยากาศที่ตึงเครียดเริ่มกลับมาสู่ความสงบเงียบอีกครั้งหลังจากที่เรื่องวุ่นวายทุกอย่างผ่านพ้น บ้านซ่งก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง ทุกคนในครอบครัวรู้สึกโล่งใจและพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมีความสุข ในช่วงเทศกาลตรุษจีน บ้านซ่งเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความอบอุ่นพวกเขาใช้เวลาร่วมกันอย่างเต็มที่ ทั้งการไปไหว้พระที่วัด เพื่อขอพรให้ปีใหม่นี้เต็มไปด้วยความสุขและความเจริญรุ่งเรือง ทั้งกินอาหารมงคลร่วมกัน แ

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 63 จบปํญหา

    บทที่ 63 จบปํญหาเมื่อหลินตงเอ่ยปากขอเงินจากหลินเพ่ยหลัน แต่หญิงสาวกลับมีท่าทีลังเลไม่ตอบรับในทันที หลินเพ่ยหลันมองไปยังแม่เลี้ยงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล‘กลัวว่าเงินที่ให้ไป พ่อกับน้องของเพ่ยหลันจะไม่ได้ใช้น่ะสิ แม่เลี้ยงคนนี้คงจะยึดไปหมดแน่ ๆ’ เธอยืนคิดอยู่ในใจว่าจะให้ไปดีหรือไม่ นางหลิวอี้เห็นดังนั้นก็โวยวายขึ้นมาทันที“หลินเพ่ยหลัน แกมันคนอกตัญญู พ่อของแกมาขอเงินแค่นี้ก็ไม่ยอมให้เหรอ จะต้องให้พ่อและน้องของแกอดตายก่อนใช่ไหม” น้ำเสียงของนางหลิวอี้เต็มไปด้วยความโกรธและเกรี้ยวกราด เธอพูดเสียงดังเพื่อกดดันอีกฝ่าย“ทุกคนดูสิหลินเพ่ยหลันที่ทุกคนเคยชื่นชมนักหนา พอร่ำรวยแล้วก็ไม่ยอมให้เงินพ่อของตัวเองเลย พ่อของเธอไม่มีเงินจนจะอดตายอยู่แล้ว” นางหลิวอี้พูดเสียงดัง พรัอมกับหันไปมองชาวบ้านที่เริ่มมารวมตัวกันด้วยความสงสัยชาวบ้านบางคนเริ่มซุบซิบและมองไปทางหลินเพ่ยหลันด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป“จริงเหรอ หลินเพ่ยหลันทำอย่างนั้นจริงๆ เหรอ” เสียงพูดคุยเบา ๆ เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆหลินเพ่ยหลันรู้สึกอับอายและเสียใจมากที่ถูกแม่เลี้ยงของตัวเองใส่ร้ายเช่นนี้ เธอจึงพยายามจะอธิบาย “ฉันไม่ได้หมายความว่าอ

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 62 บ้านหลินมาอีกแล้ว

    บทที่ 62 บ้านหลินมาอีกแล้ว“ขอบใจนะอาเฟยที่สานฝันแทนพ่อ แค่นี้พ่อก็ภูมิใจในตัวลูกมากแล้วล่ะ แต่ถ้าหากมันลำบาก ก็อย่าหักโหมเกินไปนักนะ ความก้าวหน้าสำคัญก็จริง แต่ว่าความสุขของตัวเองก็สำคัญเหมือนกันนะลูก” ซ่งตงลี่พูดขึ้นมาอย่างห่วงใย “ครับพ่อ” ซ่งเฟยหลงพยักหน้ารับคำ “แล้วเพ่ยหลันละ เป็นอย่างไรบ้าง อยู่ที่นู่นสบายดีไหม” คราวนี้เป็นนางหยางเจี่ยที่หันมาถามลูกสะใภ้ โดยซ่งตงลี่ก็หันมาเพื่อรอฟังคำตอบด้วยหลินเพ่ยหลันยิ้มให้พ่อแม่ของสามี ก่อนจะเล่าเรื่องของตัวเองบ้าง “ฉันสบายดีค่ะ อยู่ที่บ้านตระกูลจง ฉันได้ช่วยงานคุณตากับคุณลุงที่ห้างสรรพสินค้าของตระกูลด้วย ทุกอย่างก็ราบรื่นดีค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าพวกพี่ก็ไม่ค่อยได้พบกันบ่อยน่ะสิ คนหนึ่งอยู่ชายแดน คนหนึ่งอยู่ปักกิ่ง” ซ่งชุนเป้ยถามขึ้นมาอย่างกังวล เธอเห็นใจพี่ชายกับพี่สะใภ้ไม่น้อยที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน“ใช่แล้ว ช่วงแรก ๆ พี่เฟยหลงฝึกหนักมาก แล้วยังมีภารกิจที่ต้องไปทำนอกกองทัพอีก พวกเราก็เลยไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไร มีพักหลัง ๆ ที่พี่เฟยหลงพอจะว่างได้กลับมาปักกิ่ง และพี่ก็ไปหาพี่เฟยที่เมืองชายแดนบ้าง ตอนนี้คุณตาจัดรถพร้อมคนขับไว้ให้โดยเฉพาะ

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 61 ท้อง 4 เดือนแล้ว

    บทที่ 61 ท้อง 4 เดือนแล้ว“แล้วนี่จะมาอยู่กี่วันล่ะ อยู่นาน ๆ นะ แม่จะทำของอร่อยให้กิน” นางหยางเจี่ยถามขึ้นมา เพราะรู้ว่าถึงอย่างไรลูกชายกับลูกสะใภ้ก็ต้องกลับไปที่ปักกิ่ง แต่ก็อยากให้อยู่ด้วยกันสักหลายวันก่อน“นี่ก็เป็นเวลานานแล้วที่ผมกับเพ่ยหลันไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้าน ตรุษจีนปีที่แล้วที่ไม่ได้กลับมา ก็เพราะว่าผมมีภารกิจที่ชายแดน ครั้งนี้พวกเราจึงตัดสินใจว่าจะพักอยู่ที่บ้านหลายวันหน่อย เพื่อเป็นการชดเชยให้กับครอบครัวครับ” ซ่งเฟยหลงตอบกลับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ดี ๆ จะได้มาด้วยพี่ขายของด้วย เพราะตอนนี้ที่ร้านยุ่งมาก ฮ่า ๆ” ซ่งชุนเหยาพูดขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะอย่างมีความสุข“ที่ร้านยุ่งมากเหรอคะ” หลินเพ่ยหลันขมวดคิ้วถามอย่างแปลกใจ“จะให้ไม่ยุ่งได้อย่างไรล่ะคะพี่สะใภ้ ตอนนี้พี่ใหญ่ขยายร้านค้าไปในเมืองใกล้ ๆ อีกสองสาขา แต่ละวันแค่วิ่งไปเติมสินค้าแต่ละสาขาก็แทบจะไม่มีเวลาแล้ว ยังดีที่ตอนนี้ซื้อรถยนต์แล้วและมีลูกจ้างที่ขยันและซื่อสัตย์ ไม่อย่างนั้นพี่ใหญ่ท่าจะแย่” ซ่งชุนเป้ยเป็นคนตอบคำถามนี้ของพี่สะใภ้ด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม ตอนนี้กิจการของบ้านซ่งเป็นไปได้ดีมาก ซ่งชุนเหยาได้ขยายสาขาร

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 60 กลับมาเยี่ยมบ้าน

    บทที่ 60 กลับมาเยี่ยมบ้านพวกเขาอยู่ในอ้อมแขนของกันและกันอยู่นาน ดื่มด่ำกับความรู้สึกของความคิดถึงที่รอคอยมานาน ขณะนั้นเสียงลมหายใจของทั้งสองคลอเคลียกันอย่างอบอุ่น“พี่รู้ไหมว่าเวลาไม่กี่เดือนสำหรับฉันแล้ว เหมือนมันนานเป็นหลายปีเชียวล่ะ” หลินเพ่ยหลันกล่าวเบาๆ“พี่เข้าใจ ต่อไปพี่จะพยายามกลับมาหาเพ่ยหลันให้มากขึ้น ถ้าทำภารกิจเสร็จ พี่ก็จะขอลาหยุดแล้วมาหาภรรยาเลยครับ” ซ่งเฟยหลงตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นหลินเพ่ยหลันยิ้มทั้งน้ำตาและสัมผัสแก้มของซ่งเฟยหลงอย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ค่ะ ฉันอยากให้พี่ทุ่มเทให้กับหน้าที่การงานของพี่มากกว่า อยู่ทางนี้ต่อให้คิดถึงพี่มากแค่ไหน ฉันก็ทนได้”“ไม่ได้หรอก ถึงแม้ว่าหน้าที่จะสำคัญ แต่ว่าครอบครัวก็สำคัญเหมือนกัน ต่อไปนี้พี่จะพยายามทำทั้งสองอย่างให้ดีนะ” ซ่งเฟยหลงยืนยันด้วยความรักอันยิ่งใหญ่พวกเขานั่งลงข้างกันบนเตียง จับมือกันแน่น และแลกเปลี่ยนคำพูดหวาน ๆ ที่สะท้อนความรักและความผูกพันที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความคิดถึง หัวใจของทั้งคู่เต้นเป็นจังหวะเดียวกัน ในที่สุดพวกเขาก็ได้พบกัน และรู้ว่าความรักที่มีต่อกันนั้น

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 59 ผู้กองซ่ง

    บทที่ 59 ผู้กองซ่งหลินเพ่ยหลันมาถึงห้างสรรพสินค้าตอนบ่ายกว่า ๆ ก็ตรงขึ้นมาที่ห้องประชุมเลย เธอบอกตัวเองอยู่เสมอว่าเป็นผู้น้อยไม่ควรจะมาสาย และให้เหล่าผู้บริหารอาวุโสรอนาน มาถึงเธอก็จัดแจงเรื่องสถานที่ประชุมต่าง ๆ อย่างเสร็จสรรพการประชุมครั้งนี้เป็นความคิดของเธอเอง ที่จะเสนอให้ห้างสรรพสินค้าของตระกูลจงไปเปิดสาขาที่เมืองอื่นด้วย ก่อนหน้าที่เธอยื่นเสนอเรื่องนี้ไป ก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งจงหยวนต้าและเหล่าผู้บริหารอาวุโสต่างก็เห็นด้วยและเชื่อใจเธอ เพราะผลงานที่ผ่านมาของเธอนั้นสร้างกำไรให้กับห้างสรรพสินค้าแห่งนี้มากมาย จึงได้มีการเปิดประชุมเพื่อชี้แจงแผนงานอย่างละเอียดในบ่ายวันนี้“สวัสดีค่ะผู้บริหารทุกท่าน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ฉันขอเข้าเรื่องเลยนะคะ อย่างที่ได้พูดคุยกันบ้างอย่างไม่เป็นทางการก่อนหน้านี้แล้วว่า ฉันอยากจะเสนอให้ห้างสรรพสินค้าของเราไปเปิดสาขาที่เมืองอื่น” หลินเพ่ยหลันเปิดการประชุมอย่างตรงไปตรงมา“ว่ามาเถอะเพ่ยหลัน พวกเราตื่นเต้นอยากฟังแล้ว” จงหวง ผู้มีศักดิ์เป็นลุงของเธอรอฟังอย่างใจจดใจจ่อหลินเพ่ยหลันบอกให้เลขาแจกจ่ายเอกสารที่เธอทำเป็นชุด ๆ ไว้ให้ผู้บริหารแต

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 58 เป็นที่ยอมรับของทุกคน

    บทที่ 58 เป็นที่ยอมรับของทุกคนหลินเสี่ยวหรงถึงแม้ว่าจะไม่ชอบหลินเพ่ยหลัน แต่ครั้งนี้ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับความคิดของแม่ตัวเอง จึงพูดออกมาว่า“จะบ้าเหรอแม่ ใครเขาจะรับพวกเราไปอยู่ด้วยกัน อย่าลืมสิว่าพวกเราไม่ได้ดูแลนังเพ่ยหลันดีสักเท่าไร แถมมันก็คงจะคิดว่าที่มันตาบอดเพราะพวกเราไม่สนใจไยดีพามันไปหาหมอ แล้วแบบนี้มีเหรอนังเพ่ยหลันมันจะยอมรับเรา มีเหรอคนตระกูลจงจะยอมให้พวกเราไปอยู่ด้วย”“แต่ตอนนี้มันรักษาตาจนกลับมามองเห็นแล้วนะ และถ้ามันจะอกตัญญูต่อพ่อก็ให้มันรู้ไปสิ ถ้าถึงขั้นจะทิ้งพ่อมันได้ลงคอ ก็คอยดูว่าฉันจะประจานมันยังไง” นางหลิวอี้พูดเสียงดังลั่น ทำให้ทั้งหลินตงและหลินเสี่ยวหรงต่างก็ส่ายศีรษะให้กับความดื้อดึงของนางหลิวอี้แต่ที่สุดแล้วหลินตงก็ทนความกดดันจากภรรยาไม่ไหว จนต้องเดินมาที่บ้านซ่งเพื่อขอที่อยู่ของหลินเพ่ยหลัน“แกจะเอาที่อยู่ของเพ่ยหลันไปทำอะไร” ซ่งตงลี่ถามหลินตงออกไป“ฉันก็แค่คิดถึงลูกสาวไม่ได้หรืออย่างไร เห็นว่าเพ่ยหลันไปรักษาตัวที่ปักกิ่ง ฉันก็จะเขียนจดหมายไปถามข่าว” หลินตงตอบกลับไปตามที่ได้ซักซ้อมกันมากับนางหลิวอี้“หึ อย่ามาโกหกเลย ฉันรู้หรอกว่าจะเขียนไปขอเงินเพ่ยหลันล่ะส

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status