แชร์

บทที่ 13 มิติห้างสรรพสินค้า

ผู้เขียน: sanvittayam
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-05 16:30:16

บทที่ 13 มิติห้างสรรพสินค้า

หลินเพ่ยหลันตื่นจากภวังค์ความทรงจำเมื่อเดินสะดุดเข้ากับขาเก้าอี้ในห้องครัว

“ทำไมถึงได้มีชีวิตที่น่าสงสารแบบนี้นะหลินเพ่ยหลัน” เธอได้แต่พูดกับตัวเองเพื่อส่งไปถึงเจ้าของร่างเดิม

หญิงสาวรีบสลัดความทรงจำนั้นให้หลุดออกจากสมองไปจากนั้นก็เดินกลับเข้าห้องมา เมื่อนั่งลงบนเตียงคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยสักพัก จะว่าเรื่อยเปื่อยเลยก็ไม่ใช่ เพราะเธอกำลังวางแผนว่าจะใช้ชีวิตในร่างตาบอดของหลินเพ่ยหลันคนนี้ต่อไปอย่างไรดี

จะอยู่แต่บ้านแล้วทำงานบ้านไปแต่ละวันอย่างนี้ชีวิตคงน่าเบื่อแย่ อีกอย่างเธอไม่อยากเป็นภาระของสามีด้วย เผื่อวันใดวันหนึ่งต้องแยกทางกันขึ้นมาก็ควรที่จะดูแลตัวเองให้ได้

ในโลกที่จากมานั้น คนตาบอดที่สามารถทำงานได้มากมาย พวกเขาใช้ไม้เท้าคลำทางเดินไปตามท้องถนนเพื่อไปทำงานของตนเอง บางคนทำงานเอกสารเล็ก ๆ น้อย ๆ บางคนถึงขั้นทำงานฝีมือได้ก็มี บางครั้งทำออกมาได้ดีกว่าคนทั่วไปอีกต่างหาก

คนตาบอดที่ร้องเพลงเล่นดนตรีก็มีเยอะ พวกเขาไปรับจ้างร้องเพลงตามงานต่าง ๆ ก็ทำได้ดีเลยทีเดียว

แต่ว่าเธอล่ะ ตอนนี้มีความสามารถอะไรบ้าง

หญิงสาวก็ได้แต่ถามตัวเองในใจ เพราะตอนนี้เธอใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เนื่องจากในยุคนี้ทุกคนมองว่าคนตาบอดเป็นคนไร้ค่าเท่านั้น

หลินเพ่ยหลันนั่งคิดไปเรื่อย ๆ มือก็ลูบอยู่แถว ๆ บริเวณจี้หยกของสร้อยข้อมือ เธอคิดไปถูมันไป แต่แล้วจู่ ๆ ก็รู้สึกได้ว่าเหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างกำลังดูดตัวของเธอเข้าไป และแสงสีเขียวนั่นก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งจนต้องหลับตาลงอย่างลืมตัวว่าตนเองตาบอด

เมื่อลืมตาก็พบว่าตัวเองกลับมาอยู่ในห้างนั่นอีกแล้ว หญิงสาวมึนงงไปหมด คราวนี้มั่นใจว่าตนนั้นไม่ได้หลับ เพราะก่อนหน้านี้เธอนั่งอยู่ในห้องแท้ ๆ และตอนนี้ก็เป็นเวลากลางวันด้วย จึงมั่นใจว่านี่ต้องไม่ใช่ความฝันอย่างแน่นอน และเมื่อสักครู่เธอก็จำได้ว่ากำลังลูบจี้ของสร้อยข้อมือเล่นอยู่

“หือ...ลูบจี้ของสร้อยข้อมืออย่างนั้นเหรอ” หลินเพ่ยหลันรู้สึกเอะใจจากนั้นก็จับไปที่จี้ของสร้อยข้อมืออีกครั้ง

เมื่อเธอก้มลงไปมองดูดี ๆ ก็รู้ว่าจี้ของสร้อยข้อมือนั้นเป็นรูปผีเสื้อ จู่ ๆ ก็นึกออกมาได้ว่า หรือว่าจี้ผีเสื้อที่สร้อยข้อมือนี้จะมีความเชื่อมโยงกับผีเสื้อตัวที่ปรากฏต่อหน้าเธอบ่อย ๆ ว่าแล้วผีเสื้อตัวนั้นก็บินมาหาเธอ

“ใช่จริง ๆ ด้วย ผีเสื้อตัวนั้นเชื่อมโยงระหว่างฉันกับที่นี่” หลินเพ่ยหลันพูดออกมาพลางพยักหน้าเข้าใจ

คราวนี้เลยคิดอยากทดสอบอะไรบางอย่าง หญิงสาวมองไปรอบ ๆ ก่อนจะเดินตรงไปยังแผนกรองเท้า จากนั้นก็หยิบรองเท้าผ้าใบออกมาคู่หนึ่ง แล้วคิดจะออกไปจากที่นี่ แต่เธอไม่รู้วิธีจึงได้แต่เดินไปเดินมาและลังเลอยู่นานก่อนจะนึกขึ้นได้ จึงลองลูบไปที่จี้หยกอีกครั้ง

แต่แล้วคราวนี้กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลินเพ่ยหลันขมวดคิ้วมุ่น “ทำไมออกไปไม่ได้ล่ะ อย่าบอกนะว่าเราต้องติดอยู่ในนี้ตลอดไป แต่วันนั้นยังออกไปได้อยู่เลย วันนั้น..ใช่เลยนึกออกแล้ว”

เมื่อพูดถึงวันนั้น หญิงสาวก็รู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกขึ้นมา ในคืนนั้นเธอไม่ได้ลูบจี้หยกเพื่อจะออกไป แต่ว่าเธอออกไปทางประตูสีขาวอีกบานต่างหาก คิดได้อย่างนั้นจึงไม่รอช้ารีบเดินไปตามเส้นทางที่ตัวเองจำได้ทันที หลินเพ่ยหลันขึงเดินไปหาประตูสีขาวบานนั้นไม่นานก็เจอ

“มาลองดูว่าฉันจะเอาของในนี้ออกไปได้จริงๆ ไหม” หญิงสาวพูดพร้อมกับมองรองเท้าในมือของตัวเองคู่นั้นไปด้วย จากนั้นก็ค่อย ๆ มองที่ประตูพร้อมทั้งสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะจับไปที่ลูกบิดแล้วเปิดออกทันที

 เบื้องหน้ายังคงเป็นแสงสีขาวสว่างจ้าอย่างคืนนั้นจนเธอต้องหลับตาลงอย่างกะทันหัน และต่อมาแสงนั่นก็ค่อย ๆ มืดดับไป

เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองมองไม่เห็นแล้ว

“นี่แสดงว่าฉันกลับมาอยู่ที่ห้องแล้วแน่เลย” เธอพูดกับตัวเองเบา ๆ เมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองกลับมานั่งอยู่บนเตียงในห้องเหมือนเดิมแล้ว แถมในมือก็ยังรู้สึกได้อีกว่ากำลังถืออะไรบางอย่างเอาไว้ เมื่อลูบคลำดูจึงพบว่าเป็นรองเท้าผ้าใบคู่นั้น

“ไม่ผิดแน่ คงเป็นรองเท้าคู่นั้นแน่เพราะในสมัยนี้ยังไม่มีรองเท้าผ้าใบแบบนี้ รองเท้าคู่นี้ฉันเอาออกจากห้างสรรพสินค้านั้นได้จริง ๆ สินะ แบบนี้ต่อไปก็ไม่ลำบากแล้ว” หญิงสาวพูดกับตัวเองอย่างตื่นเต้นดีใจ

ตอนนี้หลินเพ่ยหลันค้นพบแล้วว่า บางที่สร้อยข้อมือที่มีจี้หยกรูปผีเสื้อนี่คือกุญแจที่เชื่อมไปยังประตูมิติ และที่ยิ่งไปกว่านั้น ของที่อยู่ในมิติห้างสรรพสินค้าก็ยังสามารถเอามันออกมาได้

ทำให้หญิงสาวนึกไปถึงนิยายทะลุมิติที่เธอเคยอ่านเมื่อชาติที่แล้ว ตอนที่อ่านนั้นก็คิดอยู่ว่าหากวันหนึ่งตายไปแล้วมีมิติแบบนี้ติดไปด้วยก็คงดีนะสิ ตอนนั้นคิดว่ามันจะเป็นได้ได้อย่างไรเล่า แต่พอมาวันนี้ก็ทำให้เธอตกใจจนอ้าปากค้าง เพราะมิติที่เคยคิดถึงนั้นกลับมีจริง ๆ

หลินเพ่ยหลันตื่นเต้นยินดีจนเก็บอาการเอาไว้แทบไม่อยู่ ในหัวก็คิดว่าจะใช้ประโยชน์จากมิตินี้ได้อย่างไรบ้าง

“อืม...ที่นั่นเป็นห้างที่มีทุกอย่าง อย่างนั้นก็ดีเลย เวลาที่ทำกับข้าวก็ไปเอาวัตถุดิบจากแผนกอาหารสดออกมาทำได้ ที่บ้านจะได้มีเนื้อกินเยอะขึ้น” หญิงสาวพูดอย่างดีใจที่ต่อไปนี้เธอจะสามารถทำอาหารให้ทุกคนกินได้อย่างไม่ขัดสน

จริงอยู่ที่บ้านซ่งไม่ค่อยร่ำรวยเท่าไร อีกอย่างทุกคนก็ทำงานที่คอมมูน ทำให้ไม่มีใครเข้าป่าไปล่าสัตว์ ดังนั้นอาหารในแต่วันก็จะเป็นผักเสียส่วนใหญ่ จะมีเนื้อบ้างก็ตอนที่จ้าวจินเยว่กับซ่งชุนเป้ยไปหาซื้อที่ตลาดมืดมาเท่านั้น แต่ต่อไปนี้เธอสามารถทำอาหารให้ทุกคนได้กินเนื้อมากขึ้น

“แต่จะใช้ข้ออ้างอะไรนะที่จะเอาเนื้อมาทำอาหารได้โดยไม่ผิดสังเกต” เธอบ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะมีสีหน้าที่ดีขึ้นเมื่อนึกถึงเหตุผลที่จะนำมาเป็นข้ออ้างได้  “จริงสิ ใช้ข้ออ้างว่ามีคนในหมู่บ้านเอาเนื้อมาขายให้ก็ได้ คงไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงจริงแล้วคือไปหยิบออกมาจากมิติต่างหาก”  หญิงสาวบอกตัวเองด้วยความดีใจ

“แล้วก็ของบางอย่างในห้างน่าจะเอาออกมาขายได้ แต่ว่าจะเอาอะไรไปขายและไปขายได้ยังไงนั้นคงต้องมาวางแผนอีกที”

หลินเพ่ยหลันพลันนึกถึงตลาดมืดและคิดว่าหากเอาสินค้าในห้างพวกนี้ไปขายคงจะได้เงินมาไม่น้อย

แต่ในจังหวะที่กำลังนั่งคิดอยู่เพลิน ก็สะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินเสียงคนเคาะประตู

ซึ่งเป็นจ้าวจินเยว่นั่นเองที่กลับมาเอาของที่ลืมไว้ เธอเคาะประตูอีกสองสามครั้งแล้วร้องถามเข้ามา “เพ่ยหลัน อยู่ไหม”

“อยู่ค่ะพี่สะใภ้ เข้ามาได้เลย” หลินเพ่ยหลันพยายามตั้งสติแล้วตอบกลับไป

เมื่อจ้าวจินเยว่เปิดประตูเข้ามาก็ทำหน้าแปลกใจเล็กน้อย เพราะก่อนหน้านี้เธอเข้ามาครั้งหนึ่งแล้วแต่ว่าไม่เห็นน้องสะใภ้ จึงออกไปตามหาข้างนอกและก็รออยู่ในห้องโถงตลอด จึงมั่นใจว่าไม่มีใครเข้าออกห้องนี้อย่างแน่นอน แต่อยู่ ๆ หลินเพ่ยหลันก็มานั่งอยู่บนเตียงเสียอย่างนั้น จนจ้าวจินเยว่ต้องขยี้ตาตัวเองเพราะคิดว่าตาฝาดไป

“เมื่อสักครู่ไปไหนมาเหรอเพ่ยหลัน” จ้าวจินเยว่ถามด้วยความประหลาดใจ

หลินเพ่ยหลันฉุกคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่า

บางทีตอนที่ฉันเข้าไปอยู่ในมิตินั้น ร่างของฉันก็ตามไปด้วยเหรอ ถ้าอย่างนั้นหากเข้าไปในมิติครั้งหน้าคงต้องระวังให้มากกว่านี้ แต่ตอนนี้ต้องหาทางเอาตัวรอดให้ได้ก่อน

หญิงสาวครุ่นคิดในใจ ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อหาเหตุผลได้

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 14 ตอบอย่างไร้พิรุธ

    บทที่ 14 ตอบอย่างไร้พิรุธ“อ้อ...เมื่อครู่นี้ฉันไปห้องน้ำมาค่ะ” หลินเพ่ยหลันตอบออกไป ซึ่งท่าทางของเธอไม่เหมือนคนโกหกเลย“แล้วทำไมพี่ไม่เห็นเลยล่ะ” จ้าวจินเยว่ยังคงงุนงง“ตอนนั้นพี่สะใภ้คงไม่ได้มองฉันมั้งคะ แต่ฉันรู้สึกว่าพี่อยู่ข้างนอกนะ” หญิงสาวทำเป็นตามน้ำโดยบอกว่า เธอรู้สึกเหมือนพี่สะใภ้อยู่ข้างนอก เพื่อให้น่าเชื่อว่าเธอไปเข้าห้องน้ำมาจริง ๆ“แล้วทำไมพี่กลับมาละคะ ลืมอะไรหรือเปล่า” เธอถามเพื่อเปลี่ยนเบี่ยงเบนความสนใจ“อ๋อ ใช่ พอดีพี่ลืมของนิดหน่อยน่ะ เป็นน้ำมันแก้วิงเวียนของพี่เอง แต่หาตั้งนานก็หาไม่เจอ เพ่ยหลันพอจะรู้บ้างไหมว่ามันอยู่ที่ไหน”จ้าวจินเยว่เมื่อถูกถามก็หันมาสนใจเรื่องที่ตัวเองกลับมาบ้านในตอนนี้ ด้วยการถามน้องสะใภ้ถึงแม้ว่าหลินเพ่ยหลันจะมองไม่เห็น แต่ว่าเธอก็สัมผัสทุกซอกทุกมุมในบ้านหลังนี้จนคุ้นชิน จึงรู้จักบ้านหลังนี้ดีกว่าคนอื่น เวลาที่ทุกคนหาของไม่เจอก็มักจะมาถามกับเธอเสมอ“งั้นเหรอคะ เดี๋ยวฉันขอนึกก่อนนะคะ” หลินเพ่ยหลันพยักหน้าก่อนจะตอบกลับไป และนั่งครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วยิ้มออกมา“เมื่อวานฉันรู้สึกว่ามันน่าจะอยู่บนโต๊ะในห้องนั่งเล่นนะคะ ฉันเช็ดโต๊ะแล้วคลำเจอ คิดว่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-05
  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 15 เข้าใจกันมากขึ้น

    บทที่ 15 เข้าใจกันมากขึ้นซ่งเฟยหลงถือผ้าขนหนูผืนนั้นมาให้หลินเพ่ยหลัน เขาเอาวางใส่มือเธอไว้แล้วพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน “ในเมื่อพ่อซื้อให้เป็นของขวัญ ทำไมเพ่ยหลันไม่เก็บไว้ใช้เองละ เอามาให้พี่ทำไม พี่น่ะใช้อะไรก็ได้ ไม่ต้องใช้ของดีขนาดนี้หรอก”“ได้ยังไงกันคะ พี่เป็นคนที่ทำงานหาเงินมาดูแลครอบครัว ดูแลฉัน ฉันก็ต้องดูแลพี่กลับเหมือนกัน ถ้าพี่อยากให้ฉันสบายใจ พี่ก็รับไว้เถอะ” หลินเพ่ยหลันพูดออกมาอย่างจริงจังการที่เธอทำแบบนี้ก็เป็นเพราะอยากจะตอบแทนเขาบ้าง เพราะตั้งแต่มาอยู่ในร่างนี้ ที่ผ่านมาชายหนุ่มก็ดูแลเธออย่างดีตลอด ทั้งยังปกป้องเธอจากทุกคนแม้กระทั่งแม่ของเขาเอง“ขอบคุณครับ พี่จะรับไว้เพื่อให้เพ่ยหลันสบายใจ”ซ่งเฟยหลงตอบกลับเมื่อรู้เหตุผลของเธอ จากนั้นจึงหยิบคืนมาก่อนจะพาดผ้าขนหนูขึ้นบ่าแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปส่วนหลินเพ่ยหลันก็ออกมาจากห้องเพื่อเตรียมอาหารเช้าให้ทุกคนร่วมกับจ้าวจินเยว่และซ่งชุนเป้ย เมื่อกินอาหารเช้าแล้วทุกคนก็ไปทำงานที่คอมมูนตามปกติหลินเพ่ยหลันยังคงเข้ามิติทุกครั้งที่มีโอกาส ถ้าเป็นไปได้เธอก็จะหาเวลาเข้าทุกวันและหยิบของที่จำเป็นต้องใช้ออกมาส่วนมากก็จะเป็นอาหารสดเพราะเป็นท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-05
  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 16 ข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น

    บทที่ 16 ข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น“ขอโทษค่ะแม่ ฉันมองไม่เห็นเลยต้องใช้เวลาหาของนานหน่อย นี่ค่ะกระเป๋าน้ำร้อน” หลินเพ่ยหลันรีบพูดขอโทษก่อนจะยื่นกระเป๋าน้ำร้อนให้นางหยางเจี่ย“ยังใหม่ ๆ อยู่เลยนี่ แถมยังดูดีกว่ากระเป๋าน้ำร้อนที่ฉันเคยเห็นอีก เหมือนจะเป็นของแพง เธอได้มันมายังไง” นางหยางเจี่ยรับกระเป๋าน้ำร้อนมาแล้วก็เลิกคิ้วอย่างสงสัยจนอดไม่ได้ที่จะถามกลับมา“เจ้านายของพ่อให้มาค่ะ พวกเรายังไม่เคยใช้เลย พ่อให้ฉันเอามาด้วยเพราะเห็นฉันไม่ค่อยแข็งแรง” หลินเพ่ยหลันตอบกลับไปทันที คำตอบเรื่องของที่นำมาจากบ้านเดิมยังคงใช้ได้ผลอยู่“ดี ๆ ขอบใจนะ” นางหยางเจี่ยตอบกลับอย่างดีใจและหันไปเอาน้ำร้อนใส่กระเป๋าเพื่อนำไปให้สามี“ค่ะแม่” ส่วนหลินเพ่ยหลันก็ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มกว้างเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่หลินเพ่ยหลันได้ยินคำว่า ‘ขอบใจ’ จากปากของแม่สามี ตั้งแต่เธอเข้ามาอยู่ในบ้านนี้ แม้แต่ในความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไม่เคยได้ยินนางหยางเจี่ยพูดคำว่าขอบใจกับเธอเลยสักครั้ง ต่อให้พยายามทำดีกับนางมากเท่าไรก็ตาม ครั้งนี้เป็นครั้งแรกก็เลยทำให้อึ้งเล็กน้อยแต่ความดีใจนั้นมีอยู่เต็มหัวใจ“จะไปทำอะไรก็ไปทำเถอะ อย่ามาเกะกะแถวน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-05
  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 17 ความดีเอาชนะทุกอย่าง

    บทที่ 17 ความดีเอาชนะทุกอย่างซ่งเฟยหลงเดินเข้ามาในห้องของพ่อกับแม่พร้อมกับถ้วยข้าวต้มและยาที่อยู่ในมือ เมื่อเห็นอาการของพ่อตัวเองแล้วก็อดที่จะรู้สึกหดหู่ไม่ได้ เพราะตอนนี้พ่อของเขานั้นไม่สามารถลุกขึ้นนั่งด้วยตัวเองได้ นอกจากนี้ยังมีอาการไออยู่ตลอดเวลา อาการของพ่อแย่มาก อาหารที่หลินเพ่ยหลันทำมาให้ในตอนเที่ยงนั้นเขาก็กินไปได้แค่นิดเดียวซ่งตงลี่เห็นลูกชายเข้ามาก็พยายามยันกายของตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง แต่ทว่าไม่ไหวจนนางหยางเจี่ยต้องช่วยประคองขึ้นมา เขามองไปที่ลูกชายและพยายามทำสีหน้าให้ยิ้มแย้มแม้ว่าจะฝืนมาก“กลับมากันแล้วเหรอ งานที่คอมมูนเป็นอย่างไรบ้างล่ะ มีใครถามถึงพ่อไหม” ซ่งตงลี่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง“งานที่คอมมูนก็ปกติครับ ลุงหยางกับลุงโจวถามถึงพ่อด้วยนะ พวกเขายังฝากมาบอกอีกว่าให้พ่อหายเร็ว ๆ” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง“ดี ๆ พ่อไม่ได้ไปทำงานหลายวันก็รู้สึกอึดอัดไม่น้อย ร่างกายนี่ก็มาอ่อนแออีก ไม่ได้ดังใจเลยจริง ๆ แคก ๆ” เขาพูดขึ้นมาพร้อมกับไอเล็กน้อย“ช่วงนี้อาการของพ่อเป็นอย่างไรบ้างครับ ดีขึ้นมาบ้างไหม” ซ่งเฟยหลงหันหน้าไปทางแม่ของตัวเองที่คอยเฝ้าดูแลอยู่ไม่ห่าง“สองส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-06
  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 18 เข้าเมืองกับพี่สะใภ้ครั้งแรก

    บทที่ 18 เข้าเมืองกับพี่สะใภ้ครั้งแรกเมื่อมั่นใจว่าเจ้าของมือเป็นใคร หญิงสาวก็เอ่ยถามออกมา“แม่มีอะไรให้ฉันช่วยเหรอคะ เดี๋ยวฉันล้างมือก่อนจะไปช่วยทำ” พูดจบเธอก็ดึงมือออกเพื่อจะไปล้างมือ“ไม่ต้องหรอกเพ่ยหลัน แม่แค่มีเรื่องจะพูดคุยด้วยเล็กน้อยเท่านั้น” นางหยางเจี่ยยังดึงมือของลูกสะใภ้ไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ในแบบที่หลินเพ่ยหลันไม่เคยได้ยินมาก่อน“เอ่อ...แม่มีอะไรเหรอคะ” หลินเพ่ยหลันถามด้วยความไม่แน่ใจ เพราะสิ่งที่แม่สามี กำลังทำอยู่ตอนนี้ผิดแปลกจากที่เธอคิดไว้มาก“แม่อยากจะขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด ที่แม่เคยมองเพ่ยหลันว่าไม่มีประโยชน์ เคยดุด่าโดยที่ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของเธอเลย ตอนนี้แม่รู้แล้วว่าเธอดีกับพวกเรามากขนาดนั้น แม่ขอโทษจริง ๆ เพ่ยหลันจะให้อภัยแม่ได้ไหม” นางหยางเจี่ยพูดออกมายาวเหยียด ขณะที่พูดน้ำตาก็ไหลอาบแก้มไปด้วยเมื่อได้ฟังคำขอโทษจากแม่สามี หลินเพ่ยหลันก็ยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่ เธอไม่เข้าใจว่าเป็นไปได้อย่างไร ทำไมแม่สามีถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้ เธอยังหาคำพูดไม่เจอเพราะมัวแต่อึ้งอยู่“แล้วแม่ก็ต้องขอบคุณเพ่ยหลันที่เอายาเม็ดมาให้พ่อกินด้วย ถ้าหากไม่ได้ยาพวกนั้นพ่อก็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-06
  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 19 วางแผนอนาคต

    บทที่ 19 วางแผนอนาคตในชาติที่แล้วหลินเพ่ยหลันผ่านการเรียนวิชาประวัติศาสตร์จีนรวมถึงเคยอ่านจากนิยายที่ชื่นชอบ ก็พอเข้าใจเรื่องตลาดมืดในช่วงยุคนี้อยู่บ้าง แต่ว่าการเรียนในห้องเรียนหรือการอ่านนิยายก็ได้แต่จินตนาการเอาเอง ทว่าเมื่อได้มาอยู่ในยุคนี้จริง ๆ กลับอยู่ในร่างของหญิงสาวตาบอดที่มองไม่เห็นเสียนี่ ก็เลยไม่รู้ว่าของจริงเป็นอย่างไร ทำได้เพียงก็แค่ถามเอากับพี่สะใภ้เท่านั้น“ได้สิ แต่เพ่ยหลันอย่าปล่อยมือจากพี่นะ หรือถ้าพี่เลือกของอยู่ก็จับเสื้อพี่ไว้ ในนั้นคนเยอะมาก เดี๋ยวจะพลัดหลงไป” จ้าวจินเยว่ตอบกลับไปพร้อมกับกำชับให้อีกฝ่ายไม่ให้ห่างจากตนเอง“ค่ะพี่สะใภ้” หญิงสาวตอบรับด้วยรอยยิ้มไม่นานทั้งสองก็เดินมาถึงตลาดมืด หลินเพ่ยหลันตื่นเต้นมาก เธอถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความสนใจอย่างชัดเจน“ตลาดมืดที่ว่านี้เป็นอย่างไรเหรอคะ”จ้าวจินเยว่รู้สึกสงสารน้องสะใภ้ไม่น้อยที่ไม่สามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ จึงเล่าเรื่องของตลาดมืดให้หลินเพ่ยหลันฟังอย่างใจเย็น“เป็นเพราะว่ารัฐควบคุมการค้าอย่างเข้มงวด พวกเขาพยายามจำกัดสินค้าต่าง ๆ ที่พวกเราซื้อขายกันไว้แค่ในสหกรณ์ไม่กี่แห่ง จนบางอย่างก็ขาดแคลน บางอย่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-06
  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 20 ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป

    บทที่ 20 ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปหลินเพ่ยหลันค่อย ๆ ดึงมือออกมาแล้วจับข้อมือตัวเองก็รู้สึกถึงกำไลที่มีจี้หยกจึงทำให้แปลกใจมาก‘หรือว่านี่จะเป็นมิติที่คนอื่นไม่สามารถมองเห็นได้นอกจากเรา’ เธอจับข้อมือแล้วคิดในใจอย่างคลายกังวล“น่าสนใจนะคะ” คิดอย่างนั้นก็พูดขึ้นมาพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ส่วนในหัวก็คิดแล้วว่าจะค้าขายอะไรในตลาดมืดดี โดยไม่สนใจเสียงหยอกล้อของพี่สะใภ้ในมิติของเธอนั้นเป็นห้างสรรพสินค้าที่มีสินค้ามากมาย เรียกได้ว่าครบวงจรเลยก็ว่าได้ หากเธอจะเอาของจากในห้างสรรพสินค้าออกไปขายที่ตลาดมืดนั้นเป็นความคิดที่ดีเลย อีกทั้งของที่เอาออกมา ก็สามารถหยิบออกมาได้ไม่จำกัด เพราะฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วงว่าของจะหมด แต่เธอจะต้องเลือกของที่ไม่ต่างจากยุคนี้จนผิดสังเกตจ้าวจินเยว่และซ่งชุนเป้ยเห็นหลินเพ่ยหลันมีรอยยิ้มก็อดที่จะเอ็นดูไม่ได้ อีกส่วนก็อดสงสารเธอไม่น้อยที่เธอตาบอด ไม่มีโอกาสได้เห็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นบนโลกใบนี้“เอาเป็นว่าวันหลังพี่จะพาไปเดินเที่ยวอีกนะ แต่ว่าช่วงนี้ต้องพักก่อน พวกเราไม่ค่อยมีเงินเท่าไร” จ้าวจินเยว่พูดขึ้นมาอย่างเอ็นดู“ขอบคุณค่ะพี่สะใภ้” หลินเพ่ยหลันตอบรับอย่างยินดี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-06
  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 21 ทำการค้าครั้งแรก

    บทที่ 21 ทำการค้าครั้งแรกในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่หลินเพ่ยหลันจะเอาสินค้าออกมาขายที่ตลาดมืด เปิดร้านครั้งแรกทั้งที่เธอก็คิดว่าจะขายสินค้าประเภทเครื่องแก้วลายคราม กระถางสามขา หรือพวกของใช้ที่มีรูปแบบโบราณในยุคที่เธอจากมา แต่น่าจะเหมาะสมกับยุคนี้ อีกอย่างเพราะคิดว่าของพวกนี้น่าจะขายได้ราคาแพงและทำเงินได้ไม่น้อยจึงตัดสินใจนำมาขายหลินเพ่ยหลันออกจากบ้านในเวลาประมาณเก้าโมงเช้า หลังจากที่ทุกคนออกไปทำงานกันแล้วที่บ้านก็เหลือเพียงแค่เธอกับนางหยางเจี่ยเท่านั้น ก่อนออกมาเธอบอกกับแม่สามี“แม่คะ ฉันจะเข้าไปทำธุระในเมืองสักหน่อย แล้วก็ซื้ออาหารดี ๆ มาทำกินกันเย็นนี้ด้วย แล้วจะรีบไปรีบมานะคะ” เธอบอกกับแม่สามี ในมือก็มีไม้เท้านำทางด้วย“ไปคนเดียวได้ด้วยเหรอ ไม่รอให้คนพาไปล่ะ” นางหยางเจี่ยพูดขึ้นมาอย่างเป็นห่วง ตั้งแต่วันที่สามีหายป่วยเพราะยาที่ลูกสะใภ้คนนี้นำมาให้กิน นางก็มองเธอเปลี่ยนไป“ฉันจะไปหาสหายสักหน่อยค่ะ ได้ข่าวว่าเธอเพิ่งกลับมาจากเมืองหลวง เลยว่าจะไปหาสักหน่อย” หลินเพ่ยหลันพยายามคิดหาข้ออ้าง เพื่อที่จะไม่ให้แม่สามีห้ามปรามอีก “อย่างนั้นก็ไปเถอะ ระวังตัวด้วยล่ะ ส่วนนี้เงินค่ากับข้าว หา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-07

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    ตอนพิเศษ

    ตอนพิเศษ 5 ปีผ่านไปซ่งเจียหยวนกับซ่งเจียอี้ ตอนนี้อายุได้ห้าขวบแล้ว เป็นวัยที่เริ่มกระตือรือร้นและเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น พอที่จะเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก หลินเพ่ยหลันเห็นว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม จึงตัดสินใจชวนลูกชายฝาแฝดทั้งสองคนไปเยี่ยมพ่อที่กองทัพเช้าวันนั้น หลินเพ่ยหลันเตรียมตัวอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างพร้อมสำหรับการเดินทาง จัดเตรียมเสื้อผ้าที่อบอุ่นและอาหารว่างไว้ให้ลูก ๆ พร้อมทั้งเตือนพวกเขาให้ปฏิบัติตัวดี ๆ เมื่อไปถึงที่กองทัพ เป็นสิ่งที่เธอทำเองทั้งหมด ใช่แล้ว เธอเลี้ยงลูกแฝดทั้งสองคนด้วยตัวเอง แม้นายท่านผู้เฒ่าทั้งสองจะเคยส่งพี่เลี้ยงมาให้ แต่เธอก็ปฏิเสธไปเพราะอยากใกล้ชิดกับลูกๆ มากกว่าใคร ๆ “แม่ครับ เราจะได้เจอพ่อเมื่อไหร่ครับ” เสียงใส ๆ ของซ่งเจียหยวนถามด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้เขาอยู่ในชุดทหารที่ลุงๆ ซื้อมาฝาก“เย็นนี้ก็ได้เจอแล้ว พ่อจะต้องดีใจมากแน่ ๆ ที่เห็นพวกเรามาเยี่ยม” หลินเพ่ยหลันตอบพร้อมกับยิ้มให้ลูกชายลูกชายทั้งสองของเธอดีใจกันมาก ที่ได้ยินข่าวว่าจะได้ไปเยี่ยมพ่อที่กองทัพ พวกเขาต่างกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ และไม่สามารถเก็บความตื่นเต้นไว้ได้

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทส่งท้าย  ครอบครัวสมบูรณ์

    บทส่งท้าย ครอบครัวสมบูรณ์หลินตงยืนนิ่งไม่พูดอะไร เขารู้ว่าเขาคงไม่มีทางเลือก เขาต้องทำเพื่อเอาตัวรอดจากการถูกฆ่า“ต้องทำแบบนี้... ถ้าไม่ทำ... ฉันตายแน่ ฉันไม่ผิด” หลินตงพูดขึ้นมาเบา ๆ“ตายก็ยังดีกว่าทำแบบนี้!” นางหลิวอี้ตวาดเสียงดัง ก่อนจะวิ่งไปหยิบมีดที่วางอยู่บนโต๊ะในครัว แล้วตรงเข้ามาหาหลินตง“แกไม่รู้แกทำผิดหรืออย่างไร ลูกสาวตัวเองไม่ใช่ตัวช่วยที่จะเอามาขัดดอก แกตายซะเถอะ” นางหลิวอี้พูดจบก็เอามีดไล่ฟันไปที่สามีหลินตงตกใจและกระโดดหลบอย่างรวดเร็ว “นังบ้า จะฆ่ากันเลยเหรอ หยุด หยุดเดี๋ยวนี้นะ” เขายืนสั่นด้วยความกลัวมีดในมือของภรรยา“แกทำให้ชีวิตของพวกเรามันพังหมดแล้ว พังหมด ไม่เหลืออะไร” นางหลิวอี้ยังคงกราดเกรี้ยว ทั้งที่มีดในมือสั่นไปตามอารมณ์ “แม้แต่กับลูกสาวของตัวเองแกก็ยังทำแบบนี้ได้ นี่แกเป็นพ่อประสาอะไร”“แล้วแกล่ะ ตั้งแต่แต่งกับฉันมา แกเคยช่วยอะไรฉันบ้างไหม มีแต่ใช้เงินไปวัน ๆ ที่เสี่ยวหรงมันต้องเป็นแบนี้ แกก็มีส่วนเหมือนกัน”หลินตงตะโกนสวนกลับ และขยับหลบมีดที่ภรรยาเหวี่ยงมาหาเขาอีกครั้ง “หากเป็นไปได้ ฉันก็จะไม่ทำแบบนี้เลย แต่มันไม่มีทางเลือก”นางหลิวอี้สบถคำหยาบคาย “แกจะหนี

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 64 จากลากันอีกครั้ง

    บทที่ 64 จากลากันอีกครั้งหลินเพ่ยหลันยิ้มบาง ๆ และพยักหน้าเล็กน้อยเธอรู้สึกโล่งใจที่ปัญหาในวันนี้จบลงได้โดยไม่เกิดความรุนแรง เธอหันกลับเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้ซ่งเฟยหลงดูแลเรื่องราวที่เหลือซ่งเฟยหลงมองตามหลังภรรยาของเขาด้วยความรักและความห่วงใย เขารู้ว่าคนท้องไม่ควรเครียด และเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้หลินเพ่ยหลันได้มีความสุขและสบายใจในช่วงเวลานี้เมื่อหลินเพ่ยหลันเข้าไปพักผ่อนในบ้าน ซ่งเฟยหลงก็หันกลับมามองชาวบ้านที่ยังคงยืนอยู่รอบ ๆ เขายิ้มและกล่าวกับพวกเขาอย่างสุภาพ “ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจและสนับสนุนครอบครัวของเรานะครับ ผมขอให้ทุกคนกลับบ้านกันอย่างสงบสุข”ชาวบ้านพยักหน้ารับและเริ่มทยอยกลับบ้าน บรรยากาศที่ตึงเครียดเริ่มกลับมาสู่ความสงบเงียบอีกครั้งหลังจากที่เรื่องวุ่นวายทุกอย่างผ่านพ้น บ้านซ่งก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง ทุกคนในครอบครัวรู้สึกโล่งใจและพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมีความสุข ในช่วงเทศกาลตรุษจีน บ้านซ่งเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความอบอุ่นพวกเขาใช้เวลาร่วมกันอย่างเต็มที่ ทั้งการไปไหว้พระที่วัด เพื่อขอพรให้ปีใหม่นี้เต็มไปด้วยความสุขและความเจริญรุ่งเรือง ทั้งกินอาหารมงคลร่วมกัน แ

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 63 จบปํญหา

    บทที่ 63 จบปํญหาเมื่อหลินตงเอ่ยปากขอเงินจากหลินเพ่ยหลัน แต่หญิงสาวกลับมีท่าทีลังเลไม่ตอบรับในทันที หลินเพ่ยหลันมองไปยังแม่เลี้ยงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล‘กลัวว่าเงินที่ให้ไป พ่อกับน้องของเพ่ยหลันจะไม่ได้ใช้น่ะสิ แม่เลี้ยงคนนี้คงจะยึดไปหมดแน่ ๆ’ เธอยืนคิดอยู่ในใจว่าจะให้ไปดีหรือไม่ นางหลิวอี้เห็นดังนั้นก็โวยวายขึ้นมาทันที“หลินเพ่ยหลัน แกมันคนอกตัญญู พ่อของแกมาขอเงินแค่นี้ก็ไม่ยอมให้เหรอ จะต้องให้พ่อและน้องของแกอดตายก่อนใช่ไหม” น้ำเสียงของนางหลิวอี้เต็มไปด้วยความโกรธและเกรี้ยวกราด เธอพูดเสียงดังเพื่อกดดันอีกฝ่าย“ทุกคนดูสิหลินเพ่ยหลันที่ทุกคนเคยชื่นชมนักหนา พอร่ำรวยแล้วก็ไม่ยอมให้เงินพ่อของตัวเองเลย พ่อของเธอไม่มีเงินจนจะอดตายอยู่แล้ว” นางหลิวอี้พูดเสียงดัง พรัอมกับหันไปมองชาวบ้านที่เริ่มมารวมตัวกันด้วยความสงสัยชาวบ้านบางคนเริ่มซุบซิบและมองไปทางหลินเพ่ยหลันด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป“จริงเหรอ หลินเพ่ยหลันทำอย่างนั้นจริงๆ เหรอ” เสียงพูดคุยเบา ๆ เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆหลินเพ่ยหลันรู้สึกอับอายและเสียใจมากที่ถูกแม่เลี้ยงของตัวเองใส่ร้ายเช่นนี้ เธอจึงพยายามจะอธิบาย “ฉันไม่ได้หมายความว่าอ

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 62 บ้านหลินมาอีกแล้ว

    บทที่ 62 บ้านหลินมาอีกแล้ว“ขอบใจนะอาเฟยที่สานฝันแทนพ่อ แค่นี้พ่อก็ภูมิใจในตัวลูกมากแล้วล่ะ แต่ถ้าหากมันลำบาก ก็อย่าหักโหมเกินไปนักนะ ความก้าวหน้าสำคัญก็จริง แต่ว่าความสุขของตัวเองก็สำคัญเหมือนกันนะลูก” ซ่งตงลี่พูดขึ้นมาอย่างห่วงใย “ครับพ่อ” ซ่งเฟยหลงพยักหน้ารับคำ “แล้วเพ่ยหลันละ เป็นอย่างไรบ้าง อยู่ที่นู่นสบายดีไหม” คราวนี้เป็นนางหยางเจี่ยที่หันมาถามลูกสะใภ้ โดยซ่งตงลี่ก็หันมาเพื่อรอฟังคำตอบด้วยหลินเพ่ยหลันยิ้มให้พ่อแม่ของสามี ก่อนจะเล่าเรื่องของตัวเองบ้าง “ฉันสบายดีค่ะ อยู่ที่บ้านตระกูลจง ฉันได้ช่วยงานคุณตากับคุณลุงที่ห้างสรรพสินค้าของตระกูลด้วย ทุกอย่างก็ราบรื่นดีค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าพวกพี่ก็ไม่ค่อยได้พบกันบ่อยน่ะสิ คนหนึ่งอยู่ชายแดน คนหนึ่งอยู่ปักกิ่ง” ซ่งชุนเป้ยถามขึ้นมาอย่างกังวล เธอเห็นใจพี่ชายกับพี่สะใภ้ไม่น้อยที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน“ใช่แล้ว ช่วงแรก ๆ พี่เฟยหลงฝึกหนักมาก แล้วยังมีภารกิจที่ต้องไปทำนอกกองทัพอีก พวกเราก็เลยไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไร มีพักหลัง ๆ ที่พี่เฟยหลงพอจะว่างได้กลับมาปักกิ่ง และพี่ก็ไปหาพี่เฟยที่เมืองชายแดนบ้าง ตอนนี้คุณตาจัดรถพร้อมคนขับไว้ให้โดยเฉพาะ

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 61 ท้อง 4 เดือนแล้ว

    บทที่ 61 ท้อง 4 เดือนแล้ว“แล้วนี่จะมาอยู่กี่วันล่ะ อยู่นาน ๆ นะ แม่จะทำของอร่อยให้กิน” นางหยางเจี่ยถามขึ้นมา เพราะรู้ว่าถึงอย่างไรลูกชายกับลูกสะใภ้ก็ต้องกลับไปที่ปักกิ่ง แต่ก็อยากให้อยู่ด้วยกันสักหลายวันก่อน“นี่ก็เป็นเวลานานแล้วที่ผมกับเพ่ยหลันไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้าน ตรุษจีนปีที่แล้วที่ไม่ได้กลับมา ก็เพราะว่าผมมีภารกิจที่ชายแดน ครั้งนี้พวกเราจึงตัดสินใจว่าจะพักอยู่ที่บ้านหลายวันหน่อย เพื่อเป็นการชดเชยให้กับครอบครัวครับ” ซ่งเฟยหลงตอบกลับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ดี ๆ จะได้มาด้วยพี่ขายของด้วย เพราะตอนนี้ที่ร้านยุ่งมาก ฮ่า ๆ” ซ่งชุนเหยาพูดขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะอย่างมีความสุข“ที่ร้านยุ่งมากเหรอคะ” หลินเพ่ยหลันขมวดคิ้วถามอย่างแปลกใจ“จะให้ไม่ยุ่งได้อย่างไรล่ะคะพี่สะใภ้ ตอนนี้พี่ใหญ่ขยายร้านค้าไปในเมืองใกล้ ๆ อีกสองสาขา แต่ละวันแค่วิ่งไปเติมสินค้าแต่ละสาขาก็แทบจะไม่มีเวลาแล้ว ยังดีที่ตอนนี้ซื้อรถยนต์แล้วและมีลูกจ้างที่ขยันและซื่อสัตย์ ไม่อย่างนั้นพี่ใหญ่ท่าจะแย่” ซ่งชุนเป้ยเป็นคนตอบคำถามนี้ของพี่สะใภ้ด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม ตอนนี้กิจการของบ้านซ่งเป็นไปได้ดีมาก ซ่งชุนเหยาได้ขยายสาขาร

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 60 กลับมาเยี่ยมบ้าน

    บทที่ 60 กลับมาเยี่ยมบ้านพวกเขาอยู่ในอ้อมแขนของกันและกันอยู่นาน ดื่มด่ำกับความรู้สึกของความคิดถึงที่รอคอยมานาน ขณะนั้นเสียงลมหายใจของทั้งสองคลอเคลียกันอย่างอบอุ่น“พี่รู้ไหมว่าเวลาไม่กี่เดือนสำหรับฉันแล้ว เหมือนมันนานเป็นหลายปีเชียวล่ะ” หลินเพ่ยหลันกล่าวเบาๆ“พี่เข้าใจ ต่อไปพี่จะพยายามกลับมาหาเพ่ยหลันให้มากขึ้น ถ้าทำภารกิจเสร็จ พี่ก็จะขอลาหยุดแล้วมาหาภรรยาเลยครับ” ซ่งเฟยหลงตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นหลินเพ่ยหลันยิ้มทั้งน้ำตาและสัมผัสแก้มของซ่งเฟยหลงอย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ค่ะ ฉันอยากให้พี่ทุ่มเทให้กับหน้าที่การงานของพี่มากกว่า อยู่ทางนี้ต่อให้คิดถึงพี่มากแค่ไหน ฉันก็ทนได้”“ไม่ได้หรอก ถึงแม้ว่าหน้าที่จะสำคัญ แต่ว่าครอบครัวก็สำคัญเหมือนกัน ต่อไปนี้พี่จะพยายามทำทั้งสองอย่างให้ดีนะ” ซ่งเฟยหลงยืนยันด้วยความรักอันยิ่งใหญ่พวกเขานั่งลงข้างกันบนเตียง จับมือกันแน่น และแลกเปลี่ยนคำพูดหวาน ๆ ที่สะท้อนความรักและความผูกพันที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความคิดถึง หัวใจของทั้งคู่เต้นเป็นจังหวะเดียวกัน ในที่สุดพวกเขาก็ได้พบกัน และรู้ว่าความรักที่มีต่อกันนั้น

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 59 ผู้กองซ่ง

    บทที่ 59 ผู้กองซ่งหลินเพ่ยหลันมาถึงห้างสรรพสินค้าตอนบ่ายกว่า ๆ ก็ตรงขึ้นมาที่ห้องประชุมเลย เธอบอกตัวเองอยู่เสมอว่าเป็นผู้น้อยไม่ควรจะมาสาย และให้เหล่าผู้บริหารอาวุโสรอนาน มาถึงเธอก็จัดแจงเรื่องสถานที่ประชุมต่าง ๆ อย่างเสร็จสรรพการประชุมครั้งนี้เป็นความคิดของเธอเอง ที่จะเสนอให้ห้างสรรพสินค้าของตระกูลจงไปเปิดสาขาที่เมืองอื่นด้วย ก่อนหน้าที่เธอยื่นเสนอเรื่องนี้ไป ก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งจงหยวนต้าและเหล่าผู้บริหารอาวุโสต่างก็เห็นด้วยและเชื่อใจเธอ เพราะผลงานที่ผ่านมาของเธอนั้นสร้างกำไรให้กับห้างสรรพสินค้าแห่งนี้มากมาย จึงได้มีการเปิดประชุมเพื่อชี้แจงแผนงานอย่างละเอียดในบ่ายวันนี้“สวัสดีค่ะผู้บริหารทุกท่าน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ฉันขอเข้าเรื่องเลยนะคะ อย่างที่ได้พูดคุยกันบ้างอย่างไม่เป็นทางการก่อนหน้านี้แล้วว่า ฉันอยากจะเสนอให้ห้างสรรพสินค้าของเราไปเปิดสาขาที่เมืองอื่น” หลินเพ่ยหลันเปิดการประชุมอย่างตรงไปตรงมา“ว่ามาเถอะเพ่ยหลัน พวกเราตื่นเต้นอยากฟังแล้ว” จงหวง ผู้มีศักดิ์เป็นลุงของเธอรอฟังอย่างใจจดใจจ่อหลินเพ่ยหลันบอกให้เลขาแจกจ่ายเอกสารที่เธอทำเป็นชุด ๆ ไว้ให้ผู้บริหารแต

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงตาบอด ยุค 70    บทที่ 58 เป็นที่ยอมรับของทุกคน

    บทที่ 58 เป็นที่ยอมรับของทุกคนหลินเสี่ยวหรงถึงแม้ว่าจะไม่ชอบหลินเพ่ยหลัน แต่ครั้งนี้ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับความคิดของแม่ตัวเอง จึงพูดออกมาว่า“จะบ้าเหรอแม่ ใครเขาจะรับพวกเราไปอยู่ด้วยกัน อย่าลืมสิว่าพวกเราไม่ได้ดูแลนังเพ่ยหลันดีสักเท่าไร แถมมันก็คงจะคิดว่าที่มันตาบอดเพราะพวกเราไม่สนใจไยดีพามันไปหาหมอ แล้วแบบนี้มีเหรอนังเพ่ยหลันมันจะยอมรับเรา มีเหรอคนตระกูลจงจะยอมให้พวกเราไปอยู่ด้วย”“แต่ตอนนี้มันรักษาตาจนกลับมามองเห็นแล้วนะ และถ้ามันจะอกตัญญูต่อพ่อก็ให้มันรู้ไปสิ ถ้าถึงขั้นจะทิ้งพ่อมันได้ลงคอ ก็คอยดูว่าฉันจะประจานมันยังไง” นางหลิวอี้พูดเสียงดังลั่น ทำให้ทั้งหลินตงและหลินเสี่ยวหรงต่างก็ส่ายศีรษะให้กับความดื้อดึงของนางหลิวอี้แต่ที่สุดแล้วหลินตงก็ทนความกดดันจากภรรยาไม่ไหว จนต้องเดินมาที่บ้านซ่งเพื่อขอที่อยู่ของหลินเพ่ยหลัน“แกจะเอาที่อยู่ของเพ่ยหลันไปทำอะไร” ซ่งตงลี่ถามหลินตงออกไป“ฉันก็แค่คิดถึงลูกสาวไม่ได้หรืออย่างไร เห็นว่าเพ่ยหลันไปรักษาตัวที่ปักกิ่ง ฉันก็จะเขียนจดหมายไปถามข่าว” หลินตงตอบกลับไปตามที่ได้ซักซ้อมกันมากับนางหลิวอี้“หึ อย่ามาโกหกเลย ฉันรู้หรอกว่าจะเขียนไปขอเงินเพ่ยหลันล่ะส

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status