เหอจินจือยิ่งโกรธมากขึ้น นางลุกขึ้นจากพื้นและรีบวิ่งไปหาหวี่ซิ่ว หวี่ซิ่วตื่นตัวอย่างเต็มที่และพร้อมที่จะต่อสู้กลับ โดยไม่คาดคิดว่าเหอจินจือจะเปลี่ยนทิศทาง และมุ่งตรงไปยังซูหวั่น ไม่รู้ว่านางจับปิ่นปักผมในมือของนางตั้งแต่เมื่อใด ทำท่าต้องทำให้ใบหน้าของซูหวั่นเสียโฉมให้ได้! ซูลิ่วหลาง
"เพี๊ยะ!" คราวนี้ ไม่ใช่มือของซูหวั่นที่ตบมา แต่เป็นหวี่ซิ่ว! นางยกมือขึ้นตบหวี่จูที่แก้ม ฝ่ามือของนางแดงและบวมเพราะนางใช้แรงมาก มันเหมือนกับว่านางต้องการระบายความเกลียดชังที่อยู่ในใจของนางออกไป ใบหน้าของหวี่จูกลายเป็นสีแดงก่ำและบวมอย่างรวดเร็ว และรอยนิ้วทั้งห้าบนแก้มขาวของนางมอง
ซูหวั่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดว่า "ผลไม้แห่งสันติภาพ" วันนี้เป็นเทศกาลสาวทอผ้า นางและถังเสี่ยวจิ่วก็เคยตกลงที่จะขายผลไม้แห่งสันติภาพในวันนี้ เมื่อประกอบกับท่าทางที่ตื่นเต้นของถังเสี่ยวจิ่วนางคงเดาถูก ถังเสี่ยวจิ่วได้ยินซูหวั่นพูดแบบนี้ เขาจึงพูดอย่างหดหู่ว่า "พี่อาหวั่น ทำไมพี่ถึงฉลาดขนา
เห็นแต่คนกลุ่มใหญ่เดินมาหาพวกเขา ทุกที่ที่พวกเขาเดินผ่าน ฝูงชนก็หลีกทางให้หมด คนเหล่านั้นจ้องมองไปที่ซูหวั่น และโบกมือ "จับพวกมันไว้!" อย่างที่ว่ากันว่าแขกไม่รับเชิญมาย่อมมีเจตนาไม่ดี จะไม่บอกเหตุผลอะไรก็เอาแต่ว่าจับนางไป มันเป็นเรื่องยังไงกัน! ซูหวั่นหลบมือที่ยื่นออกของชายคนนั้นและพ
ทำไมหญิงสาวคนนี้เอาแต่ด่าคนอื่นว่าคนช้ำต่ำ หรือว่านางไม่รู้ว่าก่อนที่เขาไต่ขึ้นมาถึงตำแหน่งนี้ได้เขาก็เคยเป็นคนช้ำต่ำด้วย "ปัง!" นายอำเภอขมวดคิ้วอย่างเย็นชา "ในสำนักวินิจฉัยข้อพิพาท จะยอมให้เจ้ามาพูดจาหยาบคายเช่นนี้ได้ยังไง มันไม่ใช่ว่าคนไหนมาแจ้งความก่อนคนๆ นั้นก็มีเหตุผล!" เหอจินจือหดต
นายอำเภอกู้ส่งบุคคลนั้นออกจาหประตูของสำนักมือปราบด้วยรอยยิ้ม "แม่นางซู คุณชายถังเดินทางระวังนะ เรื่องเหตุการณ์ที่เข้าใจผิดกันอย่าเก็บไว้ใส่ใจนะ ต่อไปจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีกเลย" โชคดีที่เขาไม่ได้หลงเชื่อคำพูดไร้สาระของคนอื่นและขังซูหวั่นไว้ มิฉะนั้นงานของเขาอาจจะไม่รอดก็ได้ ถังเสี่ยว
เมื่อซูหวั่นได้ยินว่ามีเงินให้ นางก็ไม่รอช้าอีกและออกไปพร้อมกับซูหรง แต่คนหนึ่งไปที่ลานหน้าบ้าน ส่วนอีกคนก็ไปรับมือกับแม่สื่อที่แอบมองอยู่นอกประตู "แหม ท่านพี่ของเจ้าจะออกเรือนเมื่อไรล่ะ" แม่สื่อโบกผ้าสีแดงด้วยสีหน้าสงสัย ซูหวั่นกล่าวว่า "ท่านป้า จู่ๆ ท่านพี่ของข้าก็รู้สึกไม่สบายนิดหน่อย
อีกอย่างไหนบอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างนางจางกับครอบครัวของพ่อแม่นางนั้นดีมากไม่ใช่หรือ? ถ้ามันดี แม้ว่าจางเหลียนเอ๋อร์จะขโมยสร้อยข้อมือไป ก็ไม่น่าจะให้ซูหรงพูดต่อหน้าคนจำนวนมากอย่างนี้ จะต้องปกปิดเรื่องนี้ให้ดี แล้วนางจางกำลังวางแผนอะไรกันแน่? ซูหวั่นมองไปที่นางจาง และเห็นสีหน้าของนางเ
มีกลิ่นที่คุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ได้ปะทะที่ปลายจมูก พร้อมกับลมหนาวที่พัดเอาความเย็นเข้ามา "แม่นางซู" เสียงที่คุ้นเคยทำให้นางตื่นตกใจ นางหันกลับมาและผลักไป๋หลี่ชิงออกไป พร้อมกับพูดด้วยใบหน้าที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งว่า "ไป๋หลี่ชิง เป็นสุภาพบุรุษบนขื่อคาน มันสนุกมากเลยใช่ไหม?" ไป๋หลี่ชิงถอยห
"ซู่ซู่——" ลมหนาวพัดมากระทบกับใบหน้าของคนทั้งสอง จนรู้สึกเจ็บอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ กิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ริมทางแกว่งไปมาสองสามครั้ง ทำให้หิมะไหลตามใบไม้และตกลงสู่พื้นเสียงดังเปาะแปะ ซึ่งเมื่อตกลงไปในพื้นที่หิมะที่กว้างใหญ่แล้วนั้น มันก็ทำให้รู้สึกหนาวเหน็บเป็นอย่างมาก พ่อเฒ่าซูพูดคัดค้าน
เมื่อซูเหลียนเฉิงและซูลิ่วหลางเข้ามาในห้อง นางก็เอื้อมมือไปบีบเอวของซูฉางโซว่ อย่างดุเดือด แล้วพูดคำรุนแรงออกมาว่า "เจ้ามีสมองหรือเปล่า ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าต่อต้านบ้านรอง ทำไมไม่ฟังเลยล่ะ?" ซูฉางโซว่ไม่ได้จริงจังกับมัน และพูดด้วยรอยยิ้ม "เมียจ๋า เจ้าจะกลัวเขาไปทำไม แล้วอีกอย่าง พี่รองก็ไม่ไ
เมื่อซูหวั่นได้ยินดังนั้นจึงเดินออกไป หมูถูกแบ่งและแต่ละชิ้นมีขนาดเท่ากัน ขั้นแรกนางโรยเกลือบนเนื้อแต่ละชิ้นแล้วเกลี่ยให้ทั่วเนื้อแต่ละชิ้นแล้วใส่ในขวดเพื่อหมัก หลังจากผ่านไปสองสามวันก็สามารถนำไปแขวนบนฟืนและรมควันได้ หมูและเศษหมูหนักประมาณหนึ่งร้อยกิโลกรัม ซูหวั่นเก็บไว้ยี่สิบห้ากิโลกรัม
แม่เฒ่าเซี่ยงได้ยินนางพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของนางก็อ่อนลง นางกังวลและพูดว่า "ฉางอานอายุมากขึ้นแล้ว เขาควรจะหาภรรยาหลังจากการสอบในฤดูใบไม้ผลิ ตราบใดที่เขามีชื่อเสียงในซิ่วไฉ ผู้หญิงที่สูงศักดิ์พวกนั้น เขาก็เลือกได้ตามใจชอบไม่ใช่หรือ?" นางจางแอบพึมพำอยู่ในใจว่าสตรีผู้สูงศักดิ์ทุกคนต้องการแต่ง
ซูซานหลางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ตอนแรกท่านป้าไม่เห็นด้วย แต่ต่อมานางก็ผ่อนคลายเมื่อได้ยินว่าครอบครัวมีวิธีที่จะให้พี่รองกลายเป็นซิ่วไฉได้" ที่แท้ก็เพราะแบบนี้นี่เอง รายชื่อที่จะเข้าสอบซิ่วไฉเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก นอกจากนี้ ซูเอ้อหลางยังอยู่ในคุกซึ่งเทียบเท่ากับการสิ้นสุดอาชีพการงานของเข
"เจ้ามาที่นี่ทำไม?" ซูหวั่นถาม โดยปล่อยให้คนเสิร์ฟน้ำชา ไม่ใช่ว่านางแปลกใจ แต่หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้ว แม่เฒ่าเซี่ยงและพวกเขาก็เข้าหน้ากันไม่ติด และไม่มีใครกลับมาที่บ้านหลักอีก ควรจะห้ามไว้ชัดแจ้งแล้ว เมื่อซูซานหลางมาแล้วแบบนี้ นี่เขาได้รับคำสั่งมาหรือมาเองกันแน่? ซูซานหลางกระแ
"ไม่มีค่ะ ท่านยาย ข้ายังไม่ได้พิจารณาเรื่องเหล่านี้เลยเสียด้วยซ้ำ" หลายคนเห็นซูหวั่นหน้าตาแดงก่ำ และหัวเราะออกมาดังๆ หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ได้ยินเสี่ยวอาหลีหัวเราะอีกครั้งบนเปล น้ำเสียงของทารกแตกต่างจากเสียงของคนทั่วไปซึ่งทำให้ผู้คนมีความสุขเป็นพิเศษ "ดูสิ เสี่ยวอาหลีของเราก็เห็นด้วยกับส
แม่เฒ่าเซี่ยงสะดุ้ง ตบหน้าอกของนางแล้วพูดว่า "เจ้าจะไล่ข้าออกไปเหรอ? อย่าลืมว่าข้าเป็นแม่ของเจ้านะ!" "ใช่!" ซูเหลียนเฉิงผลักนางออกไป "ถ้าท่านคิดว่าท่านเป็นแม่ของข้าจริงๆ ก็รีบออกไป อย่าให้ข้าต้องเป็นฝ่ายไล่ตะเพิดออกไป!" นางจางพูดอย่างกระตือรือร้น พยายามโน้มน้าว "น้องรอง..." ดวงตาของนางเห