แชร์

บทที่ 2.2 แม่ที่น่าโมโห

ผู้เขียน: ชงเมิ่ง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-13 15:02:26

บทที่ 2.2

แม่ที่น่าโมโห

ประมาณ 9 โมงหลี่หมิงก็กลับเข้าบ้าน เนื้อตัวของเขามอมแมมเต็มไปด้วยใบชาและเศษหญ้า ดูก็รู้ว่างานที่เขาไปทำน่าจะเป็นการเก็บใบชาหรือเกี่ยวหญ้าเลี้ยงสัตว์

"อาชุน มากิน..."

เสียงของเด็กชายชะงักทันทีที่ก้าวเข้ามาในบ้านแล้วพบว่าแม่ที่ควรนอนอยู่ในห้องวันนี้กลับตื่นเช้ากว่าปกติ มือเล็กรีบขยับไปยังด้านหลังเพื่อซ่อนไข่ต้มสุกสองฟองในมือจากสายตาของมารดา แต่เมื่อเห็นว่าสายตาของเฉินซิ่วลี่จดจ้องมาที่เขาด้วยท่าทางนิ่งงัน ด้านข้างมีน้องชายฝาแฝดของเขานั่งอยู่อย่างสงบนิ่งก็จำต้องยื่นส่งไข่ทั้งสองฟองให้เธอ

ถือเสียว่าวันนี้เขากับน้องชายดวงไม่ดี อดอาหารเช้าสักวันก็แล้วกัน

เฉินซิ่วลี่รับไข่ต้มมาจากมือเล็ก เดิมทีตั้งใจจะตำหนิที่เขาออกจากบ้านสักประโยค แต่ภาพหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในความทรงจำเสียก่อน

เจ้าเด็กสารเลว แกกล้าซ่อนอาหารฉันเหรอ

มือที่กุมไข่ไก่สั่นสะท้าน ภาพเจ้าของร่างเดิมเดินออกจากห้องมาแย่งชิงอาหารจากมือของหลี่หมิงซ้อนทับกับการกระทำของเธอในตอนนี้ อีกทั้งหลังจากแย่งชิงของกินแล้วเจ้าของร่างเดิมยังด่าทอทุบตีเด็กชายตรงหน้าอย่างรุนแรง ก่อนจะให้พวกเขาสองพี่น้องนั่งคุกเข่ามองเธอกินอาหาร

ดวงตาเรียวร้อนผ่าว ดึงร่างผอมแห้งของหลี่หมิงเข้ามาโอบกอดแนบอก โหดร้าย... โหดร้ายเกินไปแล้ว ทำไมในโลกนี้ถึงมีมารดาที่โหดร้ายต่อลูกของตนเองได้ถึงขนาดนี้กัน

“อาหมิง แม่ขอโทษ”

ในใจของหลี่หมิงพลันเกิดความรู้สึกแปลกประหลาด สอดส่ายสายตามองไปรอบตัว แม่ของเขามีท่าทีอ่อนโยนเช่นนี้หรือว่าในบ้านจะมีใครแอบมองอยู่ หากไม่มีใครอยู่เช่นนั้นครั้งนี้แม่ต้องการหลอกเอาสิ่งใดจากเขากับน้องชายอย่างนั้นหรือ

หลี่หมิงไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นใดๆ จากอ้อมกอดนี้ ในใจของเขาล้วนแต่หวาดระแวงและสงสัย นั่นเพราะเมื่อเดือนก่อนแม่ก็มาทำดีกับเขาเช่นนี้ ทว่าสุดท้ายก็หลอกเอาสร้อยข้อเท้าที่พ่อซื้อให้เขากับอาชุนเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบสองขวบไปขาย ดังนั้นหลี่หมิงจึงสลักเอาไว้ในใจไปแล้วว่า ไม่อาจเชื่อใจมารดา หากแต่แม้ในใจจะหวาดระแวงและไม่เชื่อใจในคำพูดของคนที่โอบกอด แต่หลี่หมิงก็ไม่ได้แสดงอาการต่อต้านหรือพูดออกมา เขาทำเพียงยืนนิ่งๆ ให้คนที่เรียกขานว่าแม่โอบกอดตามใจ

ขอเพียงแม่ไม่ทุบตีน้องชายกับเขา ก็แค่แกล้งโง่ ทำตัวว่าง่ายเชื่อฟังไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร

“ต่อไปลูกๆ ไม่ต้องทำงานแล้วนะ”

“ไม่ทำงาน ก็ไม่ได้กินข้าวใช่ไหมครับ”

หลี่ชุนที่นั่งอยู่เอ่ยบอกเสียงอ่อน มือเล็กกำชายเสื้อเปื่อยๆ ของตัวเองก้มหน้ามองพื้น มารดากำลังจะให้เขาและพี่ชายอดอาหารอีกแล้วใช่ไหม เด็กน้อยขยับลงจากเก้าอี้แล้วทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าบนพื้น เช่นที่เคยทำทุกครั้งยามถูกสั่งให้อดอาหาร

เฉินซิ่วลี่มองเด็กชายอีกคนแล้วร้อนผ่าวในดวงตา ต่อให้เธอไม่ใช่แม่ที่แท้จริงๆ ของพวกเขา แต่ได้เห็นภาพเช่นนี้ก็สะท้านในอกและยากจะยอมรับ เด็กวัยสามขวบเช่นพวกเขาควรได้วิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน มีความสุขกับความรักของพ่อและแม่อันอบอุ่น เจ้าของร่างเดิมใช้ส่วนใดคิดจึงเลี้ยงดูพวกเขามาแบบนี้ สมควรแล้วที่ในช่วงสุดท้ายของชีวิตจะถูกบิดาของพวกเขาทรมานจนตาย

เฉินซิ่วลี่เอื้อมมือไปดึงหลี่ชุนเข้ามาโอบกอดไว้ในอ้อมแขนอีกคน หลี่ชุนตัวเกร็งเล็กน้อยแต่ไม่ได้ขัดขืนเช่นเดียวกับพี่ชาย

“ต่อไปพวกลูกไม่ต้องไปทำงาน เรื่องอาหารแม่จะจัดการเอง”

หลี่ชุนเงยหน้าขึ้นมองมารดาที่เปลี่ยนไปในช่วงข้ามคืนแล้วเม้มริมฝีปากแน่นดวงตาแดงก่ำ มารดาที่อ่อนโยนและห่วงใยพวกเขาเช่นนี้ ช่างดีนัก หากว่านี่เป็นแค่ความฝันเขาก็ขอหลับไปตลอดชีวิต แขนเล็กสั่นน้อยๆ ค่อยๆ สอดกอดมารดาด้วยท่าทางลังเล

ทว่าหลี่หมิงกลับไม่คิดเช่นน้องชาย แม่ที่อ่อนโยนเช่นนี้ย่อมต้องแลกมากับบางสิ่งอย่างแน่นอน

“เช่นนั้นจะให้พวกเราทำอะไรครับ”

ทำอะไร พวกเขาแค่สามขวบจะต้องทำอะไรกัน

“แค่ลูกๆ เป็นเด็กดีเชื่อฟังแม่ก็พอแล้ว”

เด็กดี เป็นเช่นไรหลี่หมิงไม่รู้จัก แต่เชื่อฟังมารดาเขาล้วนเข้าใจ ดังนั้นข้อแลกเปลี่ยนนี้นับว่ายังไม่ยากจนเกินไป

“ไปเถอะสายแล้วรีบไปกินข้าว”

หลี่ชุนนึกถึงอาหารบนโต๊ะแล้วก็รีบกลับมานั่งบนเก้าอี้อย่างเชื่อฟัง รสชาติซี่โครงหมูทอดเมื่อวานยังตราตรึงลิ้นจนท้องของเขาร้องเบาๆ ดวงตากลมมองข้าวสวยสีขาวพูนชามที่ถูกส่งมาด้วยสายตาวาวโรจน์

ขณะที่หลี่หมิงมองกับข้าวง่ายๆ สามอย่างบนโต๊ะและข้าวสวยตรงหน้าแล้วขมวดคิ้ว มองมารดาที่กำลังปอกไข่ให้พวกเขาคนละฟองด้วยความสงสัย

เหตุใดจึงต้องทำดีกับพวกเขาขนาดนี้ แม่กำลังต้องการสิ่งใดกันแน่ หรือว่าแม่ตั้งใจจะเลี้ยงดูพวกเขาจนสมบูรณ์ แล้วค่อยขายออกไปในราคาที่สูงกว่าครั้งก่อน

การยกลูกหลานให้ผู้อื่นเลี้ยงเพื่อตัดภาระในบ้านเป็นเรื่องที่คนในชนบททำกันเป็นปกติ เพราะนอกจากจะลดภาระค่าใช้จ่ายในบ้านแล้ว คนรับเลี้ยงยังให้ค่าน้ำชาเป็นเงินหยวนอีกไม่น้อยด้วย แน่นอนว่าค่าน้ำชานี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพของเด็กๆ ที่ถูกรับไปเลี้ยงอีกที ดังนั้นในใจของหลี่หมิงจึงสรุปได้เช่นนั้น

“อาหมิง อาชุนกินให้มาก กินเสร็จแล้วค่อยไปวิ่งเล่น บ่ายๆ ก็กลับมากินข้าวแล้วนอนกลางวัน”

“ครับ”

หลี่ชุนขานรับก่อนจะคีบผัดแตงกวาใส่ไข่เข้าปาก รสชาติกลมกล่อมกำลังดีทำให้แววตากลมเปล่งประกาย พริบตาข้าวในถ้วยก็พร่องไปเกินขึ้น ไม่คิดว่ารสมือของแม่จะดีถึงเพียงนี้

“ไม่ได้ครับ”

หลี่หมิงปฏิเสธเสียงนิ่ง ตะเกียบในมือคีบอาหารด้วยท่าทางสุขุม แม้จะรู้สึกพอใจต่อรสชาติอาหารแต่ก็พยายามข่มใจกินให้น้อยเข้าไว้ เพื่อที่จะได้ถ่วงเวลาไม่ให้ตัวเองสมบูรณ์เร็วเกินไป หากร่างกายยังไม่สมบูรณ์แม่ก็จะยังไม่ขายเขาออกไป

“ทำไมเล่า หรือว่าอาหมิงอยากทำอย่างอื่น”

“ยังทำงานไม่เสร็จครับ”

ความจริงแล้วเขาแค่ตั้งใจเอาไข่ต้มมาให้หลี่ชุนกินเป็นมื้อเช้า เสร็จแล้วก็จะกลับไปทำงานต่อ ทว่าเฉินซิ่วลี่ที่ตอนนี้ตั้งใจแล้วว่าจะเลี้ยงดูเด็กชายทั้งสองให้ดีย่อมไม่ยินดีให้เขากลับไปทำงาน

“ไม่ต้องไปทำแล้ว แม่บอกแล้วไงว่าจะหาเลี้ยงลูกๆ เอง”

“รับปากแล้ว ไม่ไปทำไม่ได้ครับ”

“งั้นเดี๋ยวแม่จะไปทำแทนเอง”

ทำแทน แม่ของเขาผู้นี้น่ะหรือจะทำงาน ปกติแม้แต่งานบ้านเธอยังไม่ทำ จะไปทำงานใช้แรงงานเช่นนั้นได้อย่างไร

“ไม่เป็นไรครับผมทำเองน่าจะดีกว่า”

อะไรคือเขาทำได้ดีกว่า เฉินซิ่วลี่มองเด็กชายตรงหน้านิ่ง อย่างน้อยร่างนี้ก็อายุยี่สิบแล้วจะทำงานได้แย่กว่าเด็กสามขวบเช่นเขาได้ยังไง

“ตามใจแม่ครับ”

เมื่อเห็นท่าทางคล้ายไม่พอใจของมารดา หลี่หมิงก็ไม่คิดดื้อรั้นให้อีกฝ่ายอารมณ์ขุ่นเคือง ตัวเขาไม่กลัวหากจะถูกทุบตี แต่ไม่ต้องการให้หลี่ชุนถูกทุบตีไปด้วย จึงจำใจยอมคล้อยตามคำบอกของคนตรงหน้า

.........................................

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวร้ายในยุค 80   บทที่ 2.3 แม่ที่น่าโมโห

    บทที่ 2.3แม่ที่น่าโมโหเฉินซิ่วลี่แทบอยากจะขอคืนคำพูดของตนเอง เดิมทีคิดว่าก็แค่เก็บชาเกี่ยวหญ้าเลี้ยงสัตว์ง่ายๆ ไม่ได้ยุ่งยากวุ่นวายอะไร หลี่หมิงอายุสามขวบยังทำได้ แล้วทำไมเธอที่อยู่ในร่างของหญิงสาววัยยี่สิบจะทำไม่ได้ ทว่าที่เฉินซิ่วลี่คาดไม่ถึงก็คือร่างกายนี้ดันเแพ้ขนหญ้า ทำงานได้เพียงหนึ่งชั่วโมงผื่นแดงก็ขึ้นทั้งตัว สุดท้ายยังต้องลำบากให้ ถังซาน บุตรชายลำดับที่สามของผู้ใหญ่บ้านถังปั่นจักรยานพาเธอไปส่งยังสถานพยาบาลหมู่บ้าน“นี่เป็นยาแก้แพ้กินครั้งละเม็ดวันละสามครั้งหลังอาหาร ส่วนนี่ยาทาแก้ผดผื่น ทั้งหมด 3 หยวนครับ”กู้เหยียน เอ่ยบอกพร้อมกับส่งถุงยาให้ เฉินซิ่วลี่รับซองกระดาษสีน้ำตาลตรงหน้ามาถือเอาไว้ด้วยสีหน้าไม่ดีนัก ทำงานครั้งแรกไม่เพียงไม่ได้ค่าจ้างยังต้องเสียค่ายาอีก หากเด็กชายทั้งสองคนรู้เข้าคงผิดหวังในตัวเธออย่างแน่นอน หากแต่ตอนที่เฉินซิ่วลี่กำลังจะเอ่ยปากขอกลับไปเอาเงินหยวนที่บ้านมาจ่ายค่ายา บนโต๊ะจ่ายยาก็มีคนวางเงินจ่ายแทนเฉินซิ่วลี่เงยหน้ามองเจ้าของเงินด้วยความสงสัย ถังซานถอนหายใจอย่างนึกรำคาญแล้วพูดเสียงห้วน“เธอป่วยเพราะทำงานให้ฉัน ฉันจ่ายค่ายาให้ก็สมควรแล้วไม่ใช่หรือไง”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-13
  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวร้ายในยุค 80   บทที่ 3.1 แม่ที่ใฝ่ฝัน

    บทที่ 3.1แม่ที่ใฝ่ฝันหลังจากที่กู้เหยียนจากไป เฉินซิ่วลี่ก็พาหลี่หมิงเข้าไปนอนพัก เอ่ยกำชับเขาห้ามลุกจากเตียงไปไหน ยังเน้นย้ำว่าหากมีอาการปวดหัวมากขึ้นหรือคลื่นไส้อาเจียนให้รีบบอกเธอในทันที“พี่ชาย เจ็บไหมครับ”หลี่ชุนถามพี่ชายทั้งน้ำตา เพราะตอนที่หลี่อันอันลงมือทุบตี พี่ชายกอดเขาเอาไว้ ใช้ตัวเองเป็นเกราะกำบัง สุดท้ายทุกแรงทุบตีจากอาสามจึงถูกชายแบกรับไว้เพียงผู้เดียว ก่อนหน้านี้เพราะตกใจและหวาดกลัวหลี่ชุนจึงไม่ทันคิดอะไร ตอนนี้เห็นว่าพี่ชายถูกตีจนหัวแตกเลือดไหลในใจจึงรู้สึกผิดต่ออีกฝ่ายเป็นอย่างยิ่ง“พี่ไม่เจ็บ อาชุนอย่าร้องไห้”ทั้งที่ปวดระบมไปทั้งตัวแต่เมื่อเห็นน้องชายร้องไห้จนสะอื้น หลี่หมิงก็กัดฟันขามความเจ็บฝืนยิ้มและเอ่ยปลอบโยนน้องชายเสียงอ่อนโยนเฉินซิ่วลี่มองเด็กชายตัวน้อยที่วางท่าเข้มแข็งแล้วรู้สึกสะท้านในอก อยากขึ้นไปบนบ้านใหญ่ดึงคนใจร้ายผู้นั้นกลับมาสั่งสอนเพิ่มอีกสักหน่อยให้สาสมกับการกระทำที่โหดร้ายนี้ ทว่าในบ้านใหญ่เวลานี้ล้วนไม่มีคน เฉินซิ่วลี่จึงได้แต่เก็บความคับแค้นนี้ไว้ในใจ"พี่ชาย..."หลี่ชุนยังคงร้องเรียกพี่ชายเสียงสะอื้น แต่เมื่อเห็นสายตาห่วงใยของหลี่หมิงก็พยายา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-15
  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวร้ายในยุค 80   บทที่ 3.2 แม่ที่ใฝ่ฝัน

    บทที่ 3.2แม่ที่ใฝ่ฝันหลายวันมานี้บ้านตระกูลหลี่ค่อนข้างสงบ เพราะหม่าอิงหงพาหลี่อันอันที่ถูกเฉินซิ่วลี่หักข้อมือเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลในเมือง ส่วนหลี่อันเผยลูกชายอีกคนของบ้านหลี่ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย ในรั้วบ้านหลี่จึงมีเพียงพวกเขาสามคนแม่ลูกเท่านั้นนึกดูตามนิยายแล้วคล้ายจะกล่าวว่าหกเดือนหลังจากที่ทางค่ายทหารส่งข่าวการตายของหลี่อันเฉิง หลี่อันเผย น้องชายต่างมารดาของหลี่อันเฉิงผู้นี้ก็เรียนจบระดับมหาวิทยาลัยกลับมาเป็นครูประจำที่โรงเรียนในหมู่บ้าน และตามตื๊อจีบเฉินซิ่วจูนางเอกของนิยายจนมีเรื่องกับเย่ชิงเหวินพระเอกในนิยายอยู่บ่อยๆ เมื่อนับดูเวลาแล้วก็คืออีก 3 เดือนข้างหน้าเฉินซิ่วลี่ไม่สนใจเส้นชะตารักของเฉินซิ่วจู แต่ที่เธอใส่ใจก็คือนิสัยของน้องสามีหลี่อันเผยผู้นี้ เพราะตอนนี้เขานับเป็นผู้นำตระกูลหลี่ เธอที่เป็นแม่ม่ายสามีตายหากไม่กลับบ้านเดิมก็ต้องพึ่งพาอยู่ภายใต้การดูแลเขา หากอีกฝ่ายมีนิสัยเช่นหม่าอิงหงผู้เป็นมารดา ชีวิตในอีกสามเดือนข้างหน้าของเธอก็นับว่ายากลำบากแล้ว เช่นนี้เธอควรเร่งวางแผนหาทางรอดให้ตนเองกับลูกชายของพ่อตัวร้ายเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ“ลูกว่าแม่เปิดร้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-15
  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวร้ายในยุค 80   บทที่ 3.3 แม่ที่ใฝ่ฝัน

    บทที่ 3.3แม่ที่ใฝ่ฝัน“เฉินซิ่วลี่ ออกมา!”เฉินซิ่วลี่หันมองไปทางประตูรั้ว พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา เหตุการณ์เช่นนี้บังเอิญเกินไปหรือไม่ ช่างสมกับเป็นเรื่องราวในนิยายเสียจริงๆ เดิมทีเฉินซิ่วลี่คิดอยากจะหลบหลีก แต่หลบวันนี้พรุ่งนี้ก็ต้องเจอ ไม่สู้ออกไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายตรงๆ เธอเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวหยิบเงินออกมา 3 หยวนอย่างลำบากใจ เงิน 3000 หยวนตอนนี้เหลือเพียง 2900 หยวนแล้ว หากยังไม่เร่งหามาทดแทนอนาคตเธอย่อมตกที่นั่งลำบากเฉินซิ่วลี่ เธอช่างเป็นตัวละครที่ทะลุมิติมาได้น่าสงสารจริงๆ ไม่เพียงเป็นตัวละครที่ตกยาก ยังไม่มีมิติ ไม่มีระบบช่วยใดๆ สวรรค์! นี่คงไม่ใช่การทะลุมิติมาเพื่ออดตายใช่หรือไม่ทว่าไม่รู้เพราะอาลัยอาวรณ์เงินหยวนนานเกินไปหรือไม่ ตอนที่ออกมาจากห้อง คนที่ร้องเรียกหน้าบ้านก็หายไปแล้ว“อาชุน ลุงสามถังของลูกเล่า เขาหายไปไหนแล้ว”“พี่ชายออกไปบอกลุงสามถังว่าแม่ไม่สบาย พรุ่งนี้พี่ชายจะไปทำงานแทน ลุงสามถังเลยบอกว่าอย่างนั้นก็ยกหนี้ให้ครับ”“ยกหนี้ให้!"เฉินซิ่วลี่ร้องด้วยความตกใจ ถังซานผู้นั้นหน้าตาดุดัน พูดจาโผงผาง ท่าทางไม่ยอมคน ให้คิดอย่างไรก็คาดไม่ถึงว่าเขาจะใจดียกหนี้ให้เธอง่ายๆ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-15
  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวร้ายในยุค 80   บทที่ 4.1 แม่ตัวอย่าง

    บทที่ 4.1แม่ตัวอย่าง“เจ้าเด็กไม่มีพ่อ แกกล้าตีลูกฉันเหรอ วันนี้ฉันจะสั่งสอนแทนพวกพ่อแกที่ตายไปเอง”ไม่มีพ่อ คำพูดที่ออกมานี้แม้ไม่หยาบคายแต่กลับทำให้เด็กชายทั้งสองเจ็บปวดจนตัวสั่น“เขารังแกอาชุนก่อน”“แล้วอย่างไร แกทำเขาหัวแตกวันนี้ฉันก็จะตีพวกแกให้ตัวแตกเช่นกัน”สะใภ้ใหญ่บ้านเฉาประกาศเสียงก้อง พร้อมกับหยิบไม้ขนาดพอดีมือง้างขึ้นหมายฟาดไปบนตัวเด็กน้อยตรงหน้าหลี่หมิงหมุนตัวหันมากอดหลี่ชุน ก่อนจะเม้มริมฝีปากกัดฟันเกร็งตัวรอรับแรงทุบตีจากสะใภ้บ้านเฉา ทุกครั้งก็เป็นเช่นนี้ เมื่อไหร่ที่ถูกรังแกพวกเขาล้วนไร้คนปกป้อง ผู้ใหญ่รอบตัวล้วนเข้าข้างเพียงลูกหลานตัวเอง ดังนั้นจึงมีเพียงพวกเขาที่ปกป้องกันและกันทว่าในจังหวะที่ไม้ในมือของสะใภ้ใหญ่บ้านเฉาฟาดลงมา ร่างของเขากลับถูกวงแขนหนึ่งโอบรัด ความเจ็บปวดที่เขาคิดว่าจะได้สัมผัสกลับแปลเปลี่ยนเป็นความอบอุ่นพลั่ก! “แม่!”หลี่หมิงและหลี่ชุนเบิกตากว้างเมื่อหันมาเห็นว่าแม่ของเขาถูกสะใภ้บ้านเฉาฟาดลงมาจนเต็มแรง คิ้วเรียวขยับเข้าหากัน ก่อนที่ดวงตาหวานจะตวัดมองไปยังคนที่ลงมือด้วยสายตาเกรี้ยวกราดกล้าตีลูกๆ ของเธออย่างนั้นหรือ“เกิดอะไรขึ้น!”เสียงเข้มหนักแน่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-15
  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวร้ายในยุค 80   บทที่ 4.2 แม่ตัวอย่าง

    บทที่ 4.2แม่ตัวอย่างหลังเรื่องวุ่นๆ จบลงถังซานก็พาคนกลับมาทำแผลที่บ้านพักของเขา เฉินซิ่วลี่ล้างแผลให้เด็กชายตัวน้อยเบาๆ ทว่าถึงเธอจะพยายามเบาน้ำหนักมืออย่างที่สุดแล้วแต่บนแก้มของหลี่ชุนก็มีน้ำตาไหลลงจนถึงปลายคางเล็ก ในใจของเฉินซิ่วลี่พลันรู้สึกกรุ่นโกรธอยากจะออกไปตีคนอีกสักรอบ แต่เมื่อคิดถึงผลได้ผลเสียที่จะตามมาก็ได้แต่อดกลั้นเอาไว้ เอ่ยถามเด็กน้อยเสียงอ่อนโยน“เจ็บมากหรืออาชุน”ใบหน้าเล็กๆ ที่อาบไปด้วยน้ำตาส่ายไปมา พลางก้มหน้าใช้มืออีกข้างเช็ดน้ำตาบนแก้มออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วส่งยิ้มกว้างให้คนเป็นแม่“แผลนิดเดียวเองผมไม่เจ็บครับแม่”หลี่ชุนมักเป็นเช่นนี้เสมอให้พบเจอเรื่องร้ายแค่ไหน บนใบหน้าของเขาก็จะมีรอยยิ้มกว้างส่งพลังให้คนอื่นตลอดเวลา ทว่านี่กลับเป็นรอยยิ้มที่ทำให้เฉินซิ่วลี่รู้สึกเจ็บปวดมากกว่ารอยน้ำตาเมื่อครู่ของเขาเสียอีก มือนุ่มดึงร่างผอมบางของเขาเข้ามาสวมกอด ทั้งที่เป็นเพียงเด็กชายสามขวบตัวเล็กๆ คนหนึ่งกลับต้องมาเจอเรื่องร้ายแรงมากมายถึงเพียง ผู้คนเหล่านี้ช่างร้ายกาจเกินไปแล้ว“ไม่เป็นไรนะอาชุน แม่อยู่นี่แล้ว”เสียงหวานละมุนเอ่ยปลอบโยน พลางใช้ฝ่ามือนุ่มลูบบนแผ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-15
  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวร้ายในยุค 80   บทที่ 4.3 แม่ตัวอย่าง

    บทที่ 4.3แม่ตัวอย่างเฉินซิ่วลี่จับมือเด็กชายสองคนเดินกลับบ้าน หลี่ชุนที่ได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้วว่าแม่มีความสามารถในการคิดคำนวณและอ่านเขียนได้ดีเยี่ยมก็ชื่นชมเธอไม่หยุด“แม่ครับ แม่สอนผมกับพี่ชายคิดบัญชีบ้างได้ไหมครับ”“ได้สิ อย่างนั้นเริ่มจากนับเลขก่อนดีหรือไม่”เด็กในวัยสามขวบ หากเทียบเท่าในยุคของเธอพวกเขาก็น่าจะอยู่ในช่วงอนุบาลหนึ่ง ดังเริ่มต้นเรียนรู้จากการนับลำดับก็นับว่าถูกต้องแล้ว“อาหมิงลูกนับเลขได้หรือไม่”เฉินซิ่วลี่ชวนเด็กชายที่เอาแต่เดินเงียบๆ สนทนา แต่หลี่หมิงก็คือหลี่หมิงเขากลับตอบเพียงสั้นๆ คำเดียวเท่านั้น“ครับ”“พวกลูกนับเลขได้แล้ว ใครสอนกัน”“อารองสอนครับ แม่ลืมไปแล้วเหรอครับว่า...”“ถึงสะพานแล้วอาชุนเดินระวัง”อยู่ดีๆ หลี่หมิงก็พูดขัดกลางประโยค คิ้วเรียวของเฉินซิ่วลี่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เรื่องนี้ต้องมีบางอย่างที่เจ้าของร่างไปสร้างวีรกรรมเอาไว้แน่ๆ ไม่เช่นนั้นหลี่หมิงคงไม่มีท่าทีคล้ายกลับไม่อยากให้เธอจำได้เช่นนี้เพราะไร่ตระกูลถังอยู่ที่ท้ายหมู่บ้าน ตอนที่เดินกลับจึงต้องผ่านลำธารสายหลักของหมู่บ้าน ขณะที่เดินข้ามสะพานเฉินซิ่วลี่เห็นปลาตัวโตกระโดดอยู่ขึ้นมาเหนือผิวน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-15
  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวร้ายในยุค 80   บทที่ 5.1 ลูกชายที่เชื่อฟัง

    บทที่ 5.1ลูกชายที่เชื่อฟังเฉินซิ่วลี่นั่งนับเงินหยวนที่เพิ่มเข้ามาอีกห้าหยวนแล้วยิ้มกว้าง การค้าขายในชนบทนั้นจะว่ายากก็ไม่ยาก แต่จะกล่าวว่าง่ายก็ไม่ง่าย นั่นเพราะผู้เขียนได้สร้างให้หมู่บ้านต้าหยางแห่งนี้มาสมบูรณ์เกินกว่ายุค 80 ในความเป็นจริง เมื่ออยู่ในสถานที่อันสมบูรณ์ย่อมไม่มีความต้องการของผู้คน เมื่อไม่มีความต้องการย่อมไม่มีความมั่นคงในการค้าขายเฉินซิ่วลี่ที่ต้องการความมั่นคงในการใช้ชีวิต จึงไม่คิดลงทุนในชนบทแห่งนี้ เพียงแต่ทุกอย่างจะเริ่มขึ้นก็ต่อเมื่อเธอได้รับอิสระจากหนังสือสมรสตรงหน้านี้เสียก่อน หากเธอยังไม่หย่ากิจการใดๆ ที่เธอสร้างขึ้นล้วนต้องแบ่งให้เขากึ่งหนึ่งดวงตาเรียวมองหนังสือสมรสที่เป็นดั่งเชือกเส้นใหญ่ผูกมัดเธอเอาไว้กับหลี่อันเฉิง ทว่ายังไม่ทันคิดวางแผนชีวิตต่อเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นที่หน้าประตูห้อง“แม่ครับ ผมเข้าไปได้ไหมครับ”คำขออนุญาตที่ดังเข้ามาฟังจากน้ำเสียงแล้วเฉินซิ่วลี่ก็คาดเดาได้ว่าคงเป็นหลี่หมิง“อาหมิงเข้ามาได้เลย”หลี่หมิงเปิดประตู แต่ก้าวข้ามประตูมาเพียงสามก้าวเขาก็หยุดเท้าลง หลี่หมิงจำได้ดีว่าห้องของแม่คือเขตหวงห้าม ดังนั้นเขาจึงไม่คิดเข้าไปเกินกว่าสามก้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-15

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวร้ายในยุค 80   บทที่ 12.4 ไม่อาจหลีกหนีไปชั่วชีวิต

    บทที่ 12.4ไม่อาจหลีกหนีไปชั่วชีวิตเฉินซิ่วลี่ปั่นจักรยานกลับบ้านเส้นทางเดิมเช่นทุกครั้ง หากแต่ครั้งนี้กลับพบเจอเรื่องที่แตกต่างจากทุกวัน“แม่! ฉันไม่อยากไป แม่อย่าบังคับฉันเลยนะ”“ไม่ไปได้ยังไง ฉันตกลงยกแกให้เขาไปแล้วยังไงแกก็ต้องไป”เสียงบทสนทนาของหญิงสาวสองคนบนถนนเส้นหลักของหมู่บ้านดังก้องเรียกสายตาของผู้คนโดยรอบให้หยุดมองรวมถึงเฉินซิ่วลี่ด้วย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย หญิงสาวสองคนนั้นมองดูแล้วคล้ายว่าจะมีสถานะเป็นแม่ลูกกัน เพียงแต่ที่น่าแปลกใจคือ เหตุใดคนเป็นแม่จึงคิดยกลูกสาวที่โตเต็มวัยให้ผู้อื่นเช่นนี้“อาซีช่างน่าสงสารจริงๆ เลย ดูสิอายุแค่ 16 ก็ถูกขายไปเป็นเมียน้อยคนอื่นแล้ว”ดวงตาของเฉินซิ่วลี่เบิกกว้างที่แท้เป็นการขายลูกสาวอย่างนั้นหรือ“นั่นน่ะสิ สะใภ้หวังคนนี้ช่างเกินไปจริงๆ ถึงแม้ว่าอาซีจะเป็นลูกเลี้ยง แต่ก็ไม่เห็นต้องทำกันถึงเพียงนี้”"ไม่ทำแบบนี้บ้านหวังจะเอาเงินที่ไหนแต่งสะใภ้เล่า"เฉินซิ่วลี่ได้ยินบทสนทนาของหญิงชาวบ้านในใจก็รู้สึกเวทนาคนขึ้นมา ขายลูกเลี้ยงแต่งสะใภ้ นี่มันเกินไปหรือไม่ก่อนหน้านี้เฉินซิ่วลี่เคยอ่านนิยายเจอเรื่องราวยากลำบากของผู้อื่นที่ผู้เขีย

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวร้ายในยุค 80   บทที่ 12.3 ไม่อาจหลีกหนีไปชั่วชีวิต

    บทที่ 12.3ไม่อาจหลีกหนีไปชั่วชีวิตเฉินซิ่วลี่ตื่นเช้ามาด้วยอาการอ่อนเพลีย ต้องยอมรับว่าเรื่องราวที่พบเจอเมื่อวานทำให้เธอรู้สึกวิตกไม่น้อย ส่งผลให้นอนไม่หลับทั้งคืน วันนี้แม้แต่อาหารเช้าก็ยังกลืนไม่ลง สุดท้ายเพราะความเครียดที่โถมเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว ร่างกายก็เกินกว่าจะทนไหว ภาพตรงหน้าโคลงเคลง พร่ามัว ใบหน้าก็ซีดเซียวจนหลี่หมิงสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ“หน้าแม่ซีดมาก อาชุนพาแม่ไปนอนพี่จะไปบอกลุงหมอกู้”พูดจบหลี่หมิงก็วางตะเกียบวิ่งออกไปจากบ้านด้วยความรวดเร็ว ไปนานก็มาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านพักของกู้เหยียน“ลุงหมอกู้ครับ ลุงหมอกู้”เสียงเรียกที่มีความร้อนรนอยู่ในทีทำให้กู้เหยียนที่กำลังสวมเสื้อรีบวิ่งออกมาพลางติดกระดุมเสื้อไปด้วย “มีเรื่องอะไรอาหมิง”ถึงแม้จะเอ่ยถามออกไปแต่ในใจกู้เหยียนก็คาดเดาได้ว่า จะต้องเกิดเรื่องกับเฉินซิ่วลี่อย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นคนที่ยืนตรงนี้ต้องเป็นเธอ“แม่ไม่สบายครับ”กู้เหยียนไม่เสียเวลาแม้แต่จะสอบถามอาการรีบสวมรองเท้าวิ่งตรงไปยังบ้านพักอีกฝั่งของสถานพยาบาลหมู่บ้านทันที นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าการให้เฉินซิ่วลี่พักห่างไกลจากเขาเป็นเรื่องที่ผิดพลาด“อาชุน

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวร้ายในยุค 80   บทที่ 12.2 ไม่อาจหลีกหนีไปชั่วชีวิต

    บทที่ 12.2ไม่อาจหลีกหนีไปชั่วชีวิตหลังจากที่ปลอบโยนเด็กชายทั้งสองและส่งเขาเข้านอนแล้ว เฉินซิ่วลี่ก็ออกมานั่งทบทวนเรื่องราวต่างๆที่พบเจอในวันนี้แน่นอนว่าการพบเจอกับหลี่อันเฉิงในนั้นป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย แต่เมื่อทบทวนเส้นเรื่องในนิยายดูคล้ายว่าเหตุผลที่เย่ชิงเหวินและหลี่อันเฉิงไม่ลงรอยกันตั้งแต่แรกพบนั้น เพราะครั้งหนึ่งพ่อตัวร้ายเคยทำให้การเจรจาต่อสัญญาค้าไม้ของเย่ชิงเหวินล้มเหลว ขณะเดียวกันเย่ชิงเหวินก็ทำให้ภารกิจของเขาถูกเปิดโปงเช่นกันหรือจุดเริ่มต้นของการบาดหมางที่ในนิยายเอ่ยถึงจะเป็นเรื่องราวในวันนี้ใบหน้าของเฉินซิ่วลี่ชาวาบ เพราะหากวันนี้คนที่เข้างานไปกับเย่ชิงเหวินคือของเจ้าของร่างเดิม เมื่อได้พบเจอกับชายที่มีหน้าตาคล้ายคลึงสามีเก่าที่ตายไปแล้ว สิ่งแรกที่เธอจะทำแน่นอนว่าต้องเป็นการเปิดโปงตัวตนของเขาหรือนี่จะเป็นเหตุผลที่หลี่อันเฉิงจับตัวเฉินซิ่วลี่ไปขังไว้ ไม่ใช่เพราะโกรธแค้นเรื่องการกระทำอันฉาวโฉ่ร้ายกาจของภรรยา แต่เพราะโกรธเคืองเรื่องที่เธอเปิดโปงภารกิจของเขาเมื่อนึกมาถึงตรงนี้เฉินซิ่วลี่ก็ใจสั่นระรัว นึกขอบคุณตนเองที่วันนี้ไม่ได้เปิดโปงตัวตนของหลี่อันเฉิง พูดให้ถูกคื

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวร้ายในยุค 80   บทที่ 12.1 ไม่อาจหลีกหนีไปชั่วชีวิต

    บทที่ 12.1ไม่อาจหลีกหนีไปชั่วชีวิต“แล้วถ้าผมไม่ปล่อย! คุณจะทำไม!”ไม่เพียงแต่พูดโต้กลับอย่างไม่เกรงกลัว หลี่อันเฉิงยังกระชับอ้อมแขนโอบกอดคนให้แน่นมากขึ้น เฉินซิ่วลี่พลันขมวดคิ้วเรียวเพราะความอึดอัดยกมือขึ้นวางดันอกเขาออกห่างด้วยท่าทางต่อต้านเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงผลักจากฝ่ามือเล็ก หลี่อันเฉิงก็ก้มมองคนในอ้อมแขนด้วยสายตาไม่พอใจเธอกล้าผลักไสเขาหรือ...ที่ผ่านมาขอเพียงมีโอกาสเฉินซิ่วลี่มักจะฉกฉวยอยากสัมผัสแนบชิดกับเขาเสมอ ทว่าเพียงห้าเดือนที่เขาแจ้งข่าวการตายของตนเองไป หญิงสาวก็เปลี่ยนท่าทีเป็นเช่นนี้แล้ว ช่างน่าโมโหจริงๆ“เฉินซิ่วลี่อย่าได้ลืมสถานะตนเอง”แม้น้ำเสียงที่ใช้เอ่ยออกมาจะแผ่วเบา ทว่าเฉินซิ่วลี่ก็สัมผัสได้ถึงความเกรี้ยวกราดไม่พอใจอยู่ในทีของเขา มือเรียวที่ผลักไสพลันหยุดชะงัก ไม่กล้าออกแรงดิ้นรนต่อต้านเขาอีกเพียงแต่ไม่ต่อต้านก็ไม่ได้หมายความว่าเธอยินยอมแต่เพราะรู้ดีว่าพ่อตัวร้ายหลี่อันเฉิงคนนี้มีนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นและไม่ยอมคน ดังนั้นการสร้างปัญหากับเขาย่อมไม่ส่งผลดีต่อตัวเธอในอนาคต ครั้งนี้เฉินซิ่วลี่จึงยอมถอยให้เขาหนึ่งก้าว เธอสูดลมหายใจเข้าพยายามข่มกลั้นความโกรธเคืองในใจ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวร้ายในยุค 80   บทที่ 11.4 บางอย่างที่เปลี่ยนไป

    บทที่ 11.4บางอย่างที่เปลี่ยนไปเย่ชิงเหวินใช้เวลาราว 15 นาทีก็ขับรถมาหยุดที่หน้าภัตตาคารหรูใจกลางเมือง ร่างสูงโปร่งลงจากรถลงมายืนด้านข้าง ปรายตามองดูหญิงสาวที่นั่งนิ่งในรถแล้วยกมุมปากขึ้น ก่อนจะเดินอ้อมมาเปิดประตูส่งแขนให้เธอวางฝ่ามือแล้วก้าวลงจากรถ“ขอบคุณค่ะ”เสียงหวานเอ่ยบอกก่อนจะคลี่ยิ้มอ่อนโยน ท่าทางเช่นนี้ชวนให้ผู้คนโดยรอบจดจ้องมาที่คนทั้งสองในทันทีขณะที่พนักงานชายคนหนึ่งเร่งเดินเข้ามาต้อนรับพวกเขาด้วยท่าทางสุภาพ “สวัสดีครับคุณเย่”เย่ชิงเหวินพยักหน้ารับคำทักทายก่อนจะยื่นบัตรเชิญให้อีกฝ่าย โดยที่ไม่ต้องพูดอะไรคนก็นำทางเขาเข้าไปยังห้องรับรองระดับVVIP“หากคุณเดินไม่สะดวกบอกผมนะครับ”เฉินซิ่วลี่ยกมุมปากขึ้นยิ้มบางๆ บอกเขาแล้วอย่างไร หากเธอเดินไม่ไหวจริงๆ เย่ชิงเหวินจะอุ้มเธอเขางานอย่างนั้นหรือ“คุณโจวกำลังเดินทางมา คุณเย่เชิญตามสบายครับ”เย่ชิงเหวินพยักหน้ารับคำคนนำทางแล้วพาเฉินซิ่วลี่ไปนั่งยังโต๊ะด้านใน เพื่อที่จะลดความอึดอัดใจของเธอ“คุณนั่งรอสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมไปตักของว่างให้”เฉินซิ่วลี่ย่อมเข้าใจดีว่าที่เย่ชิงเหวินใส่ใจเธอเช่นนี้เพียงแค่ไม่ต้องการให้เธอเป็นที่สนใจของผู้ค

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวร้ายในยุค 80   บทที่ 11.3 บางอย่างที่เปลี่ยนไป

    บทที่ 11.3บางอย่างที่เปลี่ยนไปเฉินซิ่วลี่นำเงินหยวนที่ได้รับมาจากการขายจักรยานให้เกาหย่ง เก็บใส่ไว้ในถุงผ้าก่อนจะยัดซ่อนไว้ในไส้หมอนอีกครั้ง ตอนนี้คำนวณดูแล้วเธอมีเงินเก็บรวมๆ กันร่วม 4,000 หยวน อนาคตในภายหน้าย่อมไม่กลัวความลำบากอีกต่อไปแต่ถึงจะมีเงินแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่ต้องหาเงินเพิ่ม เพียงแต่บนฝ่ามือยังมีแผลทำให้เฉินซิ่วลี่ไม่สามารถทำซาลาเปาไปขายให้ถังซานได้เช่นเดิม ดังนั้นจึงเอาเวลาทั้งวันอยู่กับกองเศษผ้าเริ่มจัดการเย็บโบว์ติดผมอย่างขะมักเขม้น ผ่านไปสามวันโบว์ติดผมร่วมสามร้อยชิ้นก็เสร็จสิ้นเฉินซิ่วลี่คำนวณราคาคร่าวๆ เธอตกลงราคาซื้อขายโบว์ติดผมกับแม่ค้าขายผ้าไว้ที่ 2 ชิ้น 1 เหมา ตอนนี้เธอมีโบว์ติดผม 300 ชิ้น ย่อมเปลี่ยนเป็นเงินได้ประมาณ 15 หยวน หักค่าอุปกรณ์ต่างๆ แล้วก็ยังคงเหลือที่ 12 หยวน นับว่าทำเงินได้ดีเลยทีเดียวและถึงแม้ร้านผ้าที่ตกลงซื้อขายไว้จะรับซื้อโบว์ติดผมของเธอเพียง 50 ชิ้น อีก 250 ชิ้นก็สามารถนำไปขายที่ร้านอื่นได้ อย่างไรเสียที่นั่นก็คือตัวเมือง ย่อมต้องมีร้านค้าที่ยินดีรับซื้อโบว์ของเธอแน่นอนเมื่อมองเห็นตัวเงินแม้จะเป็นเพียงในความคิด แต่ก็ทำให้เฉินซิ่

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวร้ายในยุค 80   บทที่ 11.2 บางอย่างที่เปลี่ยนไป

    บทที่ 11.2บางอย่างที่เปลี่ยนไป“แม่ครับ แม่จะแต่งงานใหม่ไหมครับ”เมื่อกลับถึงบ้าน หลี่หมิงก็เอ่ยถามคนเป็นแม่ด้วยน้ำเสียงไม่มั่นคงนัก ขณะที่หลี่ชุน เม้มริมฝีปาก ก้มหน้าซ่อนดวงตาที่แดงก่ำของตนเอาไว้ หากแม่แต่งงานใหม่ย่อมต้องมีลูกใหม่ แล้วพวกเขาสองคนพี่น้องเล่า แม่จะยังต้องการอยู่หรือไม่ความคิดที่ว่ามารดาอาจจะขายพวกเขาออกไปเพื่อลดภาระย้อนกลับเข้ามาในใจของเด็กชายทั้งสองอีกครั้ง“ทำไมลูกถึงถามแม่แบบนี้ล่ะ”เฉินซิ่วลี่มองใบหน้าที่แฝงความเศร้าของเด็กๆ แล้วในใจเกิดความปวดหนึบขึ้นมา เธอย่อมไม่คิดแต่งงานใหม่ ชีวิตในยุคที่เธอไม่คุ้นเคยนี้เพียงคิดหาหนทางให้มีชีวิตรอดจากเงื้อมมือหลี่อันเฉิงก็ยากลำบากมากพอแล้ว เธอย่อมไม่คิดหาเรื่องวุ่นวายอย่างการแต่งงานใหม่มาใส่ตัว“หรือว่าลูกๆ อยากให้แม่หาพ่อให้”เด็กๆ อายุยังน้อย บางทีพวกเขาอาจต้องการใครสักคนมาคอยดูแลปกป้องในฐานะพ่อ ทว่าเฉินซิ่วลี่ยังไม่ทันอธิบายว่าภายหน้าพ่อตัวจริงของพวกเขาก็จะกลับมาปกป้องพวกเขาศีรษะเล็กของทั้งสองคนก็ส่ายไปมาในทันที“ไม่ครับ พวกเราไม่อยากได้พ่อ”หลี่หมิงเอ่ยบอกเสียงหนักแน่น หลี่ชุนที่ยืนข้างๆ ก็พยักหน้ารับอย่างเห็นพ้องก่อนจะพู

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวร้ายในยุค 80   บทที่ 11.1 บางอย่างที่เปลี่ยนไป

    บทที่ 11.1บางอย่างที่เปลี่ยนไปเฉินซิ่วลี่มองแปลงผักที่ลุงอวี้ขึ้นให้ด้วยความปลาบปลื้ม ก่อนจะหันไปขอบคุณอีกฝ่ายและมอบซาลาเปาหนึ่งถุงให้เขาเป็นการตอบแทน“หมอกู้ หมอกู้ อยู่หรือไม่”เสียงคุ้นหูดังขึ้นเฉินซิ่วลี่ขมวดคิ้วเรียวในทันที เธอจำได้แม่นว่านี่เป็นเสียงของหม่าอิงหง ทว่าอีกฝ่ายมาที่นี่ทำไม หรือว่าคนพวกนี้จะไม่ยอมรามือจึงตามมาหาเรื่องเธอถึงที่นี่ ในใจของเฉินซิ่วลี่รู้สึกเป็นห่วงเด็กๆ ขึ้นมาในทันที รีบวางถุงเมล็ดผักกาดในมือแล้วออกไปที่หน้าบ้าน แต่เมื่อเห็นว่าหม่าอิงหงประคองหลี่อันอันเดินเข้าไปในสถานพยาบาลหมู่บ้านก็ผ่อนลมหายใจยาวอย่างโล่งใจ“คุณนายหลี่ คุณหนูหลี่ มีอะไรหรือครับ”“หมอกู้ช่วยตรวจอาการของอันอันให้หน่อย เธอถูกนางเฉิน...”หลี่อันอันเห็นว่าแม่กำลังจะพาดพิงถึงเฉินซิ่วลี่ก็รีบสะกิดห้าม นั่นเพราะยังจดจำท่าทีปกป้องเฉินซิ่วลี่ของกู้เหยียนในวันแยกบ้านได้ไม่ลืม หากคิดจะเข้าไปนั่งในใจของชายหนุ่มเธอจะต้องวางตัวให้น่าสงสารกว่าเฉินซิ่วลี่“เอ่อ... หญิงชั่วน่ะ เป็นหญิงชั่วหน้าหนาคนหนึ่งทำร้ายอันอัน หมอกู้คุณช่วยดูอันอันของพวกเราที”กู้เหยียนยกมุมปากเล็กน้อย มือหนาขยับแว่นสายตาให้เข้าท

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวร้ายในยุค 80   บทที่ 10.4 คิดบัญชี

    บทที่ 10.4คิดบัญชีเฉินซิ่วลี่กลับถึงบ้านก็อาบน้ำล้างตัว ก่อนจะสอนเด็กๆ คัดตัวอักษร รอจนตอนบ่ายพวกเขาเข้านอนกลางวันเธอจึงไปหากู้เหยียนที่สถานพยาบาลหมู่บ้าน“คุณเฉิน... มาหาผมไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าครับ”เมื่อเช้าหลี่อันอันมาหาเรื่องเฉินซิ่วลี่ บางทีอาจทำร้ายจนเธอบาดเจ็บ ดังนั้นเมื่อเห็นเฉินซิ่วลี่มาหาเขาถึงตัวอาคารสถานพยาบาลหมู่บ้าน กู้เหยียนจึงรีบลุกขึ้นเดินมาหาเธอด้วยความห่วงใยในทันที“ฉันสบายดีค่ะ มีแค่แผลถลอกนิดหน่อย”เฉินซิ่วลี่ยกฝ่ามือของตนเองให้คุณหมอหนุ่มดู คิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย หมุนตัวไปหยิบชุดทำแผลออกมาจากในตู้เก็บอุปกรณ์ทางการแพทย์“จะมากจะน้อยก็เป็นแผลครับ นั่งลงเดี๋ยวผมล้างให้นะครับ”น้ำเสียงที่เข้มขึ้นเล็กน้อยทำให้เฉินซิ่วลี่ยิ้มแห้ง ทิ้งตัวนั่งลงตรงหน้าเขาอย่างเชื่อฟัง ก่อนจะยื่นมือไปเบื้องหน้ากู้เหยียนมองท่าทางว่าง่ายนร้แล้วยกยิ้ม ช่างเป็นหญิงสาวที่ชวนให้มองได้ทุกกิริยาจริงๆ มือหนาเทน้ำยาล้างแผลลงในถ้วยยา ก่อนจะขยับตัวทำแผลให้เฉินซิ่วลี่อย่างเบามือ"โอ๊ะ!"เสียงเล็กร้องทันทีที่ก้านสำลีจรดลงบนกลางฝ่ามือ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน เม้มริมฝีปากกลั้นเสียงร้องไว้ในลำ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status