บทนำ
ย้อนกลับไปที่บทนำ
หญิงสาวลืมตาขึ้นพยายามหรี่ตามองภาพตรงหน้าให้ชัดเจน ยิ่งพยายามกลับยิ่งรู้สึกว่ามันพร่าเลือน เพ่งมองอย่างดีจึงรู้ว่าเธอกำลังมองมันผ่านบางสิ่งบางอย่าง ฝ่ามืออวบอิ่มดึงผ้าคลุมหน้าผืนสีแดงบางพริ้วออกจากหัวเชื่องช้า ก่อนหยิบมาดูด้วยความงุนงง
“นี่มันอะไรกันอีกละเนี่ย ไม่ใช่ว่าฉันตายไปแล้วหรอ”
เธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเธอถูกตัวละครตัวหนึ่งลวงไปฆ่า ทั้งที่ตอนนั้นเธออยู่ในนิยายของตนเองแท้ ๆ แต่เมื่อถึงตอนจบของนิยายเธอกลับไม่ได้หลุดออกไปจากนิยายเรื่องนี้ กลับกันนิยายยังคงดำเนินต่อไปทั้งที่มันควรจะจบเมื่อถึงบทสุดท้าย
เธอเป็นนักเขียนที่ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือชะตากลั้นแกล้งถึงได้ทะลุมิติเข้าไปเป็นนางเอกในนิยายของตัวเอง นิยายเรื่องนี้ของเธอนางเอกมีชีวิตรักที่รันทดมากทั้งที่ครอบครัวมั่งมีมากแท้ ๆ เธอก็แค่เขียนเพราะมันขายได้ แต่เมื่อได้หลุดเข้ามาเป็นนางเอกถึงได้รู้ว่าตัวละครของเธอเจ็บช้ำร่างกายจิตใจมากแค่ไหน
เพราะเธอไม่ได้ฝืนชะตาปล่อยให้ทุกอย่างเดินไปตามเส้นเรื่องอย่างที่ควรจะเป็น ถึงอย่างไรพระเอกก็ต้องกลับมาตามง้อนางเอกและอยู่กันอย่างมีความสุขเมื่อเขารู้ว่าเธอท้อง มันควรจะเป็นแบบนั้นแต่เมื่อถึงตอนจบเธอกลับออกไปไม่ได้
สุดท้ายอีพระเอกร้ายก็กลับมาทำนิสัยเจ้าชู้เหมือนเดิม มีเมียน้อยระหว่างเธอดูแลลูก เมียน้อยที่ว่าก็ไม่ใช่คนดีเธอจึงถูกลวงไปลอบทำร้ายจนถึงแก่ความตาย คิดว่าได้ตายไปแล้วแต่ลืมตาขึ้นมาอีกทีกลับไม่เป็นแบบนั้น...
“คงไม่ประสาทขนาดนั้นมั้ง” ภาพตรงหน้าคุ้นเคยจนเธอหลุดพึมพำออกมาด้วยความสงสัย ภาพห้องนอนห้องใหญ่บรรยากาศให้ความรู้สึกเก่า คลาสสิค เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ดูเหมือนเป็นเฟอร์นิเจอร์ช่วงต้นของปีแปดศูนย์ เธอจำมันได้แม่นเลยแม้จะเห็นมันไม่กี่ครั้ง
หากเป็นปัจจุบันเรื่องนี้คงเรียกว่าเดจาวูแต่ถ้าเป็นตอนนี้เธอคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแบบนั้น หลังจากได้ผ่านเรื่องราววิปริตน่าเหลือเชื่อมาแล้วครั้งหนึ่ง
เธอลุกจากเตียงไม้ขนาดใหญ่โยนผ้าคลุมหน้าทิ้งไว้บนเตียง สำรวจของใช้ภายในห้องให้แน่ใจว่าสิ่งที่เธอคิดอยู่นั้นจริงแท้แค่ไหน
“ชัดเลยว่าฉันย้อนกลับมาที่บทนำของเรื่องอีกครั้ง กลับมาเพื่อ ตายไปแล้วก็ควรจะหลุดออกไปเลยสิ” เจ้าของร่างอวบบ่นระงม เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเหตุการณ์ในนิยายถึงไม่สิ้นสุด เธอไม่อยากกลับไปเป็นภรรยาผู้อาภัพของพระเอกอีกครั้ง แม้เธอจะเขียนในนางเอกได้รับเรื่องราวโหดราวแบบนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเธออยากรับเรื่องราวนี้เองเสียหน่อย สิ่งที่ทำให้มั่นใจว่าตัวเองได้ย้อนกลับมา ก็คือรูปในห้องนอนเป็นรูปเดี่ยวของพระเอกนิยาย
ถ้าเป็นแบบนั้นอีกไม่นานว่าที่สามีของเธอจะเข้ามาในห้องนี้แน่นอน เขาตั้งใจดื่มเหล้ามงคลกับบรรดาแขกในงานให้เมาเพื่อจะได้ไม่เห็นหน้าและรูปร่างของเกาม่านอี้นางเอกนิยาย เขาแต่งงานกับเธอเพราะต้องการบางอย่างไม่ได้รักเธอแม้แต่น้อย ตระกูลเย่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องของธุรกิจ เดิมทีตระกูลเกาของเกาม่านอี้ทำธุรกิจค้าของโบราณ แต่หลังพ่อแม่ตายก็ไม่ได้ทำต่อเหลือเพียงธุรกิจคุ้มกันและส่งของโบราณเท่านั้น
แม้เงินไม่ได้มากมายเท่าเดิมแต่ก็ไม่นับว่ายากจนในยุคนี้ ออกจะสบายไปเสียด้วยซ้ำ เมื่อเธอมีหน้าที่เพียงตรวจสอบบัญชีการเงินหลังผู้ช่วยสรุปมาแล้ว
ความรักของเย่หมิงเสวียนและเกาม่านอี้ไม่ได้เริ่มจากความสัมพันธ์ที่ดีเท่าไร เขาหวังในสิ่งที่เธอครอบครองรวมถึงทรัพย์สินของเธอแต่เธอหลงเชื่อเพราะรูปร่างหน้าตาของเย่หมิงเสวียน อีกทั้งคำหวานล่อลวงใจเธอจึงยอมตกลงปลงใจแต่งกับเขา แม้เพื่อนพ่อที่ช่วยดูแลเธอมาตั้งแต่อายุสิบเอ็ดปีจะไม่เห็นด้วยก็ตาม
“หรือฉันควรเปลี่ยนเส้นเรื่องไปเลยดี จะให้ฉันทนใช้ชีวิตเป็นเมียแสนอาภัพของอิพระเอกชั่วนี่อีกครั้ง ไม่ไหวมั้ง”
เธอคิดทบทวนอยู่นานไม่แน่ใจว่าควรทำตัวอย่างไรดี ครั้งก่อนเธอยอมตกเป็นภรรยาของเขาในวันนี้เหตุการณ์ทุกอย่างเป็นไปตามเส้นเรื่องทั้งหมด แต่ก็ยังไม่สามารถพาตนเองออกไปจากนิยายได้ จะให้ทนเป็นผู้หญิงอ่อนแออย่างเกาม่านอี้อีกก็ยากเย็นเหลือเกิน เพราะเธอเกิดในยุคที่หญิงชายแทบจะเท่าเทียมกันอยู่แล้ว
หรือบางทีที่เธอได้ย้อนกลับก็เพื่อเปลี่ยนชะตาของเกาม่านอี้ไม่ให้ต้องตกนรกกับสามีคนเดิม ความคิดมากมายวิ่งชนกันในหัวเธอไม่อาจจะคิดทบทวนมันได้ทั้งหมดในเวลาสั้น ๆ
สิ่งเดียวที่คิดได้คือนิยายของเธอมีปัญหา เธอรู้ดีอยู่แล้ว...
ไม่ว่าจะเปลี่ยนเส้นเรื่องหรือไม่แต่คืนนี้เธอไม่ยินยอมเป็นภรรยาของเขา เรื่องอื่นไว้คิดคราวหน้า
ร่างอวบยิ้มกริ่ม เดินไปเปิดลิ้นชักเก็บของที่ปลายเตียงของเย่หมิงเสวียน โชคดีที่ทุกอย่างในนี้เธอเป็นคนเซตมันขึ้นมาจึงรู้ว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง
มือหนาหยิบยาขึ้นมาบดเป็นผงโรยใส่แก้วเหล้าเล็กในห้องนอนมันถูกวางไว้เพื่อให้บ่าวสาวได้คล้องแขนดื่มเหล้ามงคลร่วมกัน เธอเตรียมไว้ให้เย่หมิงเสวียนได้ดื่มและหลับไป ส่วนตนเองจะได้มีเวลาคิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ให้มากกว่านี้
บทนำย้อนกลับไปที่บทนำ“อาอี้” เสียงแหบพร่าร่ำเรียกผู้เป็นภรรยา เขาทำใจอยู่นานกว่าจะทำใจได้ว่าต้องร่วมหอกับเธอ เดิมทีแสร้งรักไม่เท่าไรแต่ร่วมหอเขาต้องทำใจอยู่นานเพื่อให้เธอตายใจว่าเขารักด้วยใจจริง“พี่หมิงเสวียน” เกาม่านอี้แสร้งขานรับเดินไปหาเขาเชื่องช้า เก็บใบหน้าเบื่อหน่ายเอาไว้ แสดงรอยยิ้มใสซื่อให้เขาเห็นประคองเขาเดินไปยังโต๊ะกลางห้องที่ตั้งใจรินเหล้าไว้ให้เขา“อาอี้เหนื่อยหรือเปล่า”“ไม่ค่ะ พี่หมิงเสวียนต่างหากที่เหนื่อย ดื่มหน่อยสิคะฉันเตรียมเหล้านี้ไว้ให้พี่เองเลย” น้ำเสียงอ่อนโยนพูดพร้อมยกแก้วเหล้าขึ้นมาจ่อริมฝีปากเขา ฝืนใจแค่ไหนเย่หมิงเสวียนก็ไม่ปริปากพูดเขา พยักหน้ายิ้มให้แล้วเทเหล้าเข้าปากจนหมดแก้ว“พี่ดีใจจริง ๆ รู้หรือเปล่าที่อาอี้ยอมแต่งงานกับพี่” เย่หมิงเสวียนจ้องหน้าภรรยาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล สองมือประคองใบหน้าอิ่มของเธอไว้ตั้งใจจะจุมพิตแล้วพาเธอไปที่เตียง ใบหน้าโน้มใกล้เรื่อย ๆ แต่ไม่ทันได้แตะริมฝีปากเย่หมิงเสวียนก็ฟุบหน้าลงกับไหล่ของเธอ“หลับไปซะ อิหลัวชั่ว กล้าพูดนะว่าดีใจ แกน่ะเสียใจสุด ๆ เลยที่ได้แต่งกับอาอี้ ชั่วจริง ๆ” หลี่ม่านม่านในร่างเกาม่านอี้บ่นพึมพำทั้งที่
บทนำย้อนกลับไปที่บทนำ“พี่หมิงเสวียนอย่าตำหนิน้องอวี่เลยค่ะ เธอยังเด็กอีกทั้งเธอก็ไม่ได้มีงานอะไรให้ทำ จะตื่นสายบ้างก็ไม่เป็นไรมั้งคะ”คำพูดนี้ไม่ได้ช่วยพูดแก้ต่างแม้แต่น้อย ดูเหมือนเป็นการยั่วโทสะของสาวน้อยอย่างเย่หมิงอวี่มากกว่า เธอไม่ชอบเกาม่านอี้อยู่แล้ว พอเธอช่วยพูดจึงดูเหมือนเป็นการว่ากล่าวเสียดสี“เธอไม่ต้องยุ่ง ฉันจะทำหรือไม่ทำงานก็ไม่เกี่ยวกับเธอ”“พี่แค่ไม่อยากให้พี่หมิงเสวียนตำหนิน้องอวี่เท่านั้น”“เรื่องของฉัน ไม่ต้องรบกวนเธอเป็นห่วง”“อาอวี่ อาอี้เป็นพี่สะใภ้ของเธอ ทำอะไรต้องให้เกียรติเธอ”เย่หมิงอวี่หน้างอสะบัดหน้าหนีเมื่อถูกพี่ชายตำหนิเรื่องที่เธอโต้เถียงเกาม่านอี้เมื่อครู่ เรื่องที่ตระกูลเย่กำลังมีปัญหาทุกคนในบ้านรู้ดี เพราะต้องใช้เกาม่านอี้เย่หมิงอวี่ถึงได้ยอมอ่อนลง ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการหนังสืออนุญาตผ่านทางของเกาม่านอี้ ตระกูลเย่คงไม่ยอมอ่อนถึงขนาดนี้แต่ก็มีบ้างที่จะลืมตัวแล้วเอ่ยตำหนิแสดงกิริยาไม่ชอบเธอจนเห็นได้ชัดเจน ถึงอย่างนั้นเกาม่านอี้ก็ไม่ได้สนใจ ขอเพียงสามีรักเธอ เธอก็พอใจมากแล้วบรรยากาศบนโต๊ะอาหารสงบลงเล็กน้อยเมื่อเย่หมิงเสวียนใช่สายตาบอกแม่กับน้องสาวให้สง
1บุคคลสำคัญล้วนปรากฎตัว“พี่หมิงเสวียนที่นี่คือสำนักงานของตระกูลเย่หรือคะ”“ใช่แล้วอาอี้ เราเข้าไปข้างในกันเถอะคุณพ่อคงรออยู่แล้ว”เขาพาเธอเดินเข้าไปในสำนักงานตรงหน้าเข้าไปข้างในเป็นโถงกว้าง มองจากภายนอกอาคารนี้ดูใหญ่โดดเด่นที่สุดในแถบนี้ แต่เมื่อเข้ามาภายในจะเห็นว่าอาคารเริ่มทรุดโทรมลงตามกาลเวลาและไม่ได้ซ่อมแซมเลย บ่งบอกพวกเขากำลังอยู่ในวิกฤตเรื่องการเงินสองฝั่งซ้ายมือขวามือมีประตูฝั่งละบาน ฝั่งขวาเป็นห้องของพวกลูกน้อง บรรดานักเลงที่ใช้ลงไปช่วยกันในสุสานได้ ฝั่งซ้ายเป็นที่รับซื้อของโบราณจากพวกชาวบ้านหรือคนที่บังเอิญได้มา ชั้นสองเป็นห้องของพวกหัวหน้าสายต่าง ๆ และมีห้องรับซื้อข้อมูล ชั้นบนสุดเป็นห้องของเจ้าของสำนักงานและรับแขกสำคัญ เรื่องพวกนี้เธอรู้ดีอยู่แก่ใจเพราะเป็นคนวางแผนผังอาคารเองทั้งหมด“ที่นี่เงียบจังเลยนะคะ”“คนที่นี่จะอยู่ในห้องของตัวเองเสียส่วนใหญ่ จึงเงียบแบบนี้แต่ถ้ามีงานอะไรก็จะเรียกรวมตัว ไปเถอะครับ”ชายหนุ่มประคองมือเธอเดินขึ้นไปยังชั้นสาม ระหว่างทางเดินขึ้นไปบนผนังของทางเดินมีกรอบภาพขนาดใหญ่กรอบหนึ่ง ในกรอบมีมีดเก่าแก่ติดอยู่ ดูเหมือนพวกเขาจะตั้งใจทำไว้ตกแต่งอาคารส
1บุคคลสำคัญล้วนปรากฎตัว“นั่นเป็นเรื่องของพวกคุณ ฉันให้โอกาสพวกคุณเท่านี้ แต่พวกคุณควรรู้ไว้ว่าผู้บัญชาการมณฑลซูเป่ยจางอวี้เจินนั้นโหดเหี้ยมมาก หากเขาตั้งใจไม่ปล่อยไม่ว่าอยู่ที่ไหนเขาก็จะตามหาคุณจนเจอ”คนร้ายเมื่อได้ฟังก็ขนลุกชันขึ้นทั่วร่าง พวกโจร ขโมยไม่มีใครไม่รู้จักกิตติศัพท์ของผู้บัญชาการมณฑลจางอวี้เจิน เพราะพวกเขามาจากที่อื่นจึงไม่รู้ว่าที่นี่คือเขตพื้นที่ของจางอวี้เจินผู้นั้นปืนในมือที่ใช้ข่มขู่เธอก่อนหน้านี้เริ่มสั่นเทาเล็กน้อย ไม่คิดว่าเธอจะโกหกเพียงเพื่อเอาตัวรอดเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว“พวกเราควรทำอย่างไรต่อ”“ถ้าเชื่อฉันก็แค่จอดรถ จอดรออยู่ตรงนี้รอให้ผู้บัญชาการมณฑลมาถึง”“หากผู้บัญชาการมาถึงพวกเราจะรอดได้ยังไง”“เมื่อตัดสินใจจะเชื่อฉัน พวกคุณก็ไม่ควรถามแล้วไม่ใช่หรือคะ”รถที่ขับออกมาหยุดลงเมื่อเธอพูดจบ ถึงอย่างไรขับต่อก็ไม่รอดไม่สู้ยอมเสี่ยงอยู่ที่นี่กับเธอยังดีเสียกว่า ทั้งหมดจึงนั่งรออยู่ในรถ เกือบห้านาทีก็มีรถทหารสองคันวิ่งมาจอดฝั่งตรงข้ามของถนนนอกตัวเมือง ทหารผู้น้อยทุกคนลงจากรถแล้วจ่อปืนมายังรถที่คนร้ายขับเกาม่านอี้เปิดประตูลงจากรถยืนนิ่งอยู่ตรงประตู รอจนคนที่ตั้งใจม
1บุคคลสำคัญล้วนปรากฎตัวงานสมรสก็ไม่ได้ไปอ้างว่าติดภารกิจแท้จริงไม่สามารถทนมองหน้าเจ้าบ่าวได้ กระทั่งได้เจอเธอในวันนี้และเธอจำเขาได้ในทันที“ขอบคุณค่ะ แต่รบกวนพี่รอฉันสักครู่นะคะ”กล่าวขอบคุณเสร็จกำลังจะตามเขากลับไปก็นึกขึ้นมาได้จึงรีบวิ่งกลับไปที่รถด้านหลัง รถนั่นเธอควรนำมันกลับไปด้วย ตระกูลเย่มีรถเพียงสองคันหายไปหนึ่งก็คงลำบากเธอเอง“พวกคุณไปได้แล้ว”“เธอพูดจริง ๆ หรือ”หนึ่งในคนที่จับเธอมาร้องถามด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าแค่เธอเดินออกไปพูดไม่กี่คำ ผู้บัญชาการจอมโหดนั่นจะยอมปล่อยโจรอย่างพวกเขาไปง่ายแบบนี้“ฉันบอกแล้วไง ถ้าพวกคุณเชื่อฉันพวกคุณจะรอด”“เธอเป็นใครกันแน่ ทำไมผู้บัญชาการถึงยอมปล่อยพวกเราไป”“น้องสาว ถ้าอยากรู้อะไรก็ถามต่อได้เลยฉันจะตอบหมดทุกอย่างแต่ถ้านานไปผู้บัญชาการรอนานพวกคุณอาจจะไม่รอดแล้ว”พอเธอพูดจบพวกเขาก็รีบวิ่งลงจากรถไปทันที โอกาสรอดชีวิตแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ ต่อให้มีหลายชีวิตก็คงไม่พอใช้หากทำให้จางอวี้เจินไม่พอใจร่างอวบอิ่มเดินกลับไปหาคนที่มีศักดิ์เป็นพี่ชาย ก่อนจะยิ้มกว้างให้เขา เธอมีเรื่องต้องขอให้เขาช่วยอีกแล้ว“พี่อวี้เจินให้คนของพี่ขับรถนั่นกลับไปที่สำนักงานตร
1บุคคลสำคัญล้วนปรากฎตัวงานสมรสก็ไม่ได้ไปอ้างว่าติดภารกิจแท้จริงไม่สามารถทนมองหน้าเจ้าบ่าวได้ กระทั่งได้เจอเธอในวันนี้และเธอจำเขาได้ในทันที“ขอบคุณค่ะ แต่รบกวนพี่รอฉันสักครู่นะคะ”กล่าวขอบคุณเสร็จกำลังจะตามเขากลับไปก็นึกขึ้นมาได้จึงรีบวิ่งกลับไปที่รถด้านหลัง รถนั่นเธอควรนำมันกลับไปด้วย ตระกูลเย่มีรถเพียงสองคันหายไปหนึ่งก็คงลำบากเธอเอง“พวกคุณไปได้แล้ว”“เธอพูดจริง ๆ หรือ”หนึ่งในคนที่จับเธอมาร้องถามด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าแค่เธอเดินออกไปพูดไม่กี่คำ ผู้บัญชาการจอมโหดนั่นจะยอมปล่อยโจรอย่างพวกเขาไปง่ายแบบนี้“ฉันบอกแล้วไง ถ้าพวกคุณเชื่อฉันพวกคุณจะรอด”“เธอเป็นใครกันแน่ ทำไมผู้บัญชาการถึงยอมปล่อยพวกเราไป”“น้องสาว ถ้าอยากรู้อะไรก็ถามต่อได้เลยฉันจะตอบหมดทุกอย่างแต่ถ้านานไปผู้บัญชาการรอนานพวกคุณอาจจะไม่รอดแล้ว”พอเธอพูดจบพวกเขาก็รีบวิ่งลงจากรถไปทันที โอกาสรอดชีวิตแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ ต่อให้มีหลายชีวิตก็คงไม่พอใช้หากทำให้จางอวี้เจินไม่พอใจร่างอวบอิ่มเดินกลับไปหาคนที่มีศักดิ์เป็นพี่ชาย ก่อนจะยิ้มกว้างให้เขา เธอมีเรื่องต้องขอให้เขาช่วยอีกแล้ว“พี่อวี้เจินให้คนของพี่ขับรถนั่นกลับไปที่สำนักงานตร
1บุคคลสำคัญล้วนปรากฎตัว“นั่นเป็นเรื่องของพวกคุณ ฉันให้โอกาสพวกคุณเท่านี้ แต่พวกคุณควรรู้ไว้ว่าผู้บัญชาการมณฑลซูเป่ยจางอวี้เจินนั้นโหดเหี้ยมมาก หากเขาตั้งใจไม่ปล่อยไม่ว่าอยู่ที่ไหนเขาก็จะตามหาคุณจนเจอ”คนร้ายเมื่อได้ฟังก็ขนลุกชันขึ้นทั่วร่าง พวกโจร ขโมยไม่มีใครไม่รู้จักกิตติศัพท์ของผู้บัญชาการมณฑลจางอวี้เจิน เพราะพวกเขามาจากที่อื่นจึงไม่รู้ว่าที่นี่คือเขตพื้นที่ของจางอวี้เจินผู้นั้นปืนในมือที่ใช้ข่มขู่เธอก่อนหน้านี้เริ่มสั่นเทาเล็กน้อย ไม่คิดว่าเธอจะโกหกเพียงเพื่อเอาตัวรอดเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว“พวกเราควรทำอย่างไรต่อ”“ถ้าเชื่อฉันก็แค่จอดรถ จอดรออยู่ตรงนี้รอให้ผู้บัญชาการมณฑลมาถึง”“หากผู้บัญชาการมาถึงพวกเราจะรอดได้ยังไง”“เมื่อตัดสินใจจะเชื่อฉัน พวกคุณก็ไม่ควรถามแล้วไม่ใช่หรือคะ”รถที่ขับออกมาหยุดลงเมื่อเธอพูดจบ ถึงอย่างไรขับต่อก็ไม่รอดไม่สู้ยอมเสี่ยงอยู่ที่นี่กับเธอยังดีเสียกว่า ทั้งหมดจึงนั่งรออยู่ในรถ เกือบห้านาทีก็มีรถทหารสองคันวิ่งมาจอดฝั่งตรงข้ามของถนนนอกตัวเมือง ทหารผู้น้อยทุกคนลงจากรถแล้วจ่อปืนมายังรถที่คนร้ายขับเกาม่านอี้เปิดประตูลงจากรถยืนนิ่งอยู่ตรงประตู รอจนคนที่ตั้งใจม
1บุคคลสำคัญล้วนปรากฎตัว“พี่หมิงเสวียนที่นี่คือสำนักงานของตระกูลเย่หรือคะ”“ใช่แล้วอาอี้ เราเข้าไปข้างในกันเถอะคุณพ่อคงรออยู่แล้ว”เขาพาเธอเดินเข้าไปในสำนักงานตรงหน้าเข้าไปข้างในเป็นโถงกว้าง มองจากภายนอกอาคารนี้ดูใหญ่โดดเด่นที่สุดในแถบนี้ แต่เมื่อเข้ามาภายในจะเห็นว่าอาคารเริ่มทรุดโทรมลงตามกาลเวลาและไม่ได้ซ่อมแซมเลย บ่งบอกพวกเขากำลังอยู่ในวิกฤตเรื่องการเงินสองฝั่งซ้ายมือขวามือมีประตูฝั่งละบาน ฝั่งขวาเป็นห้องของพวกลูกน้อง บรรดานักเลงที่ใช้ลงไปช่วยกันในสุสานได้ ฝั่งซ้ายเป็นที่รับซื้อของโบราณจากพวกชาวบ้านหรือคนที่บังเอิญได้มา ชั้นสองเป็นห้องของพวกหัวหน้าสายต่าง ๆ และมีห้องรับซื้อข้อมูล ชั้นบนสุดเป็นห้องของเจ้าของสำนักงานและรับแขกสำคัญ เรื่องพวกนี้เธอรู้ดีอยู่แก่ใจเพราะเป็นคนวางแผนผังอาคารเองทั้งหมด“ที่นี่เงียบจังเลยนะคะ”“คนที่นี่จะอยู่ในห้องของตัวเองเสียส่วนใหญ่ จึงเงียบแบบนี้แต่ถ้ามีงานอะไรก็จะเรียกรวมตัว ไปเถอะครับ”ชายหนุ่มประคองมือเธอเดินขึ้นไปยังชั้นสาม ระหว่างทางเดินขึ้นไปบนผนังของทางเดินมีกรอบภาพขนาดใหญ่กรอบหนึ่ง ในกรอบมีมีดเก่าแก่ติดอยู่ ดูเหมือนพวกเขาจะตั้งใจทำไว้ตกแต่งอาคารส
บทนำย้อนกลับไปที่บทนำ“พี่หมิงเสวียนอย่าตำหนิน้องอวี่เลยค่ะ เธอยังเด็กอีกทั้งเธอก็ไม่ได้มีงานอะไรให้ทำ จะตื่นสายบ้างก็ไม่เป็นไรมั้งคะ”คำพูดนี้ไม่ได้ช่วยพูดแก้ต่างแม้แต่น้อย ดูเหมือนเป็นการยั่วโทสะของสาวน้อยอย่างเย่หมิงอวี่มากกว่า เธอไม่ชอบเกาม่านอี้อยู่แล้ว พอเธอช่วยพูดจึงดูเหมือนเป็นการว่ากล่าวเสียดสี“เธอไม่ต้องยุ่ง ฉันจะทำหรือไม่ทำงานก็ไม่เกี่ยวกับเธอ”“พี่แค่ไม่อยากให้พี่หมิงเสวียนตำหนิน้องอวี่เท่านั้น”“เรื่องของฉัน ไม่ต้องรบกวนเธอเป็นห่วง”“อาอวี่ อาอี้เป็นพี่สะใภ้ของเธอ ทำอะไรต้องให้เกียรติเธอ”เย่หมิงอวี่หน้างอสะบัดหน้าหนีเมื่อถูกพี่ชายตำหนิเรื่องที่เธอโต้เถียงเกาม่านอี้เมื่อครู่ เรื่องที่ตระกูลเย่กำลังมีปัญหาทุกคนในบ้านรู้ดี เพราะต้องใช้เกาม่านอี้เย่หมิงอวี่ถึงได้ยอมอ่อนลง ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการหนังสืออนุญาตผ่านทางของเกาม่านอี้ ตระกูลเย่คงไม่ยอมอ่อนถึงขนาดนี้แต่ก็มีบ้างที่จะลืมตัวแล้วเอ่ยตำหนิแสดงกิริยาไม่ชอบเธอจนเห็นได้ชัดเจน ถึงอย่างนั้นเกาม่านอี้ก็ไม่ได้สนใจ ขอเพียงสามีรักเธอ เธอก็พอใจมากแล้วบรรยากาศบนโต๊ะอาหารสงบลงเล็กน้อยเมื่อเย่หมิงเสวียนใช่สายตาบอกแม่กับน้องสาวให้สง
บทนำย้อนกลับไปที่บทนำ“อาอี้” เสียงแหบพร่าร่ำเรียกผู้เป็นภรรยา เขาทำใจอยู่นานกว่าจะทำใจได้ว่าต้องร่วมหอกับเธอ เดิมทีแสร้งรักไม่เท่าไรแต่ร่วมหอเขาต้องทำใจอยู่นานเพื่อให้เธอตายใจว่าเขารักด้วยใจจริง“พี่หมิงเสวียน” เกาม่านอี้แสร้งขานรับเดินไปหาเขาเชื่องช้า เก็บใบหน้าเบื่อหน่ายเอาไว้ แสดงรอยยิ้มใสซื่อให้เขาเห็นประคองเขาเดินไปยังโต๊ะกลางห้องที่ตั้งใจรินเหล้าไว้ให้เขา“อาอี้เหนื่อยหรือเปล่า”“ไม่ค่ะ พี่หมิงเสวียนต่างหากที่เหนื่อย ดื่มหน่อยสิคะฉันเตรียมเหล้านี้ไว้ให้พี่เองเลย” น้ำเสียงอ่อนโยนพูดพร้อมยกแก้วเหล้าขึ้นมาจ่อริมฝีปากเขา ฝืนใจแค่ไหนเย่หมิงเสวียนก็ไม่ปริปากพูดเขา พยักหน้ายิ้มให้แล้วเทเหล้าเข้าปากจนหมดแก้ว“พี่ดีใจจริง ๆ รู้หรือเปล่าที่อาอี้ยอมแต่งงานกับพี่” เย่หมิงเสวียนจ้องหน้าภรรยาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล สองมือประคองใบหน้าอิ่มของเธอไว้ตั้งใจจะจุมพิตแล้วพาเธอไปที่เตียง ใบหน้าโน้มใกล้เรื่อย ๆ แต่ไม่ทันได้แตะริมฝีปากเย่หมิงเสวียนก็ฟุบหน้าลงกับไหล่ของเธอ“หลับไปซะ อิหลัวชั่ว กล้าพูดนะว่าดีใจ แกน่ะเสียใจสุด ๆ เลยที่ได้แต่งกับอาอี้ ชั่วจริง ๆ” หลี่ม่านม่านในร่างเกาม่านอี้บ่นพึมพำทั้งที่
บทนำย้อนกลับไปที่บทนำหญิงสาวลืมตาขึ้นพยายามหรี่ตามองภาพตรงหน้าให้ชัดเจน ยิ่งพยายามกลับยิ่งรู้สึกว่ามันพร่าเลือน เพ่งมองอย่างดีจึงรู้ว่าเธอกำลังมองมันผ่านบางสิ่งบางอย่าง ฝ่ามืออวบอิ่มดึงผ้าคลุมหน้าผืนสีแดงบางพริ้วออกจากหัวเชื่องช้า ก่อนหยิบมาดูด้วยความงุนงง“นี่มันอะไรกันอีกละเนี่ย ไม่ใช่ว่าฉันตายไปแล้วหรอ”เธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเธอถูกตัวละครตัวหนึ่งลวงไปฆ่า ทั้งที่ตอนนั้นเธออยู่ในนิยายของตนเองแท้ ๆ แต่เมื่อถึงตอนจบของนิยายเธอกลับไม่ได้หลุดออกไปจากนิยายเรื่องนี้ กลับกันนิยายยังคงดำเนินต่อไปทั้งที่มันควรจะจบเมื่อถึงบทสุดท้ายเธอเป็นนักเขียนที่ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือชะตากลั้นแกล้งถึงได้ทะลุมิติเข้าไปเป็นนางเอกในนิยายของตัวเอง นิยายเรื่องนี้ของเธอนางเอกมีชีวิตรักที่รันทดมากทั้งที่ครอบครัวมั่งมีมากแท้ ๆ เธอก็แค่เขียนเพราะมันขายได้ แต่เมื่อได้หลุดเข้ามาเป็นนางเอกถึงได้รู้ว่าตัวละครของเธอเจ็บช้ำร่างกายจิตใจมากแค่ไหนเพราะเธอไม่ได้ฝืนชะตาปล่อยให้ทุกอย่างเดินไปตามเส้นเรื่องอย่างที่ควรจะเป็น ถึงอย่างไรพระเอกก็ต้องกลับมาตามง้อนางเอกและอยู่กันอย่างมีความสุขเมื่อเขารู้ว่าเธอท้อง มันควรจะเป็นแบบน