2
ต้องตาต้องใจ
สัญญาเช่าซื้อสัมปทานหนังสืออนุญาตผ่านทางฉบับนี้ มีขึ้นเพื่อรับรองว่าตระกูลเย่ได้เช่าสัมปทานเส้นทางการขนส่งสินค้าของตระกูลเกา โดยมีระยะเวลาสามปี และจะมีส่วนแบ่งแก่ตระกูลเกาเป็นสองในสิบส่วนของกำไรจากการค้าขายทุกครั้ง หากตระกูลเย่ผิดสัญญานี้จะถูกยกเลิกสัญญาเช่าสัมปทานโดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า และอาจถูกบังคับให้จ่ายค่าผิดสัญญา
เย่ป๋อหรานอ่านเนื้อหาสัญญาที่ถูกเกาม่านอี้ร่างไว้ตั้งแต่ตอนอยู่ในภัตตาคาร เธอแสร้งบอกว่ามันคือหนังสือสัญญาที่คุณพ่อได้เคยขอรับรองกับจอมพลเอาไว้ แค่เพียงเติมแซ่ของผู้ที่ต้องการเช่าสัมปทานก็เป็นอันสมบรูณ์
“คุณพ่อมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ หากไม่คุณพ่อไม่สบายใจไม่ต้องทำก็ได้นะคะ ส่วนของสัญญาแนบท้ายนี้ดิฉันก็คิดว่ามันออกจะโหดไปเสียหน่อย แต่จะทำอย่างไรได้นี่เป็นเรื่องที่คุณพ่อตัดสินใจกับท่านจอมพล เพราะทางนี้เองก็ต้องแบ่งกำไรให้ท่านจอมพลเช่นกันน่ะค่ะ ดิฉันเลยทำอะไรไม่ได้”
“มีสิ่งใดต้องไม่สบายใจกัน เป็นสัญญาย่อมต้องมีส่วนแบ่ง อย่างไรก็เป็นครอบครัวเดียวกัน”
ด้วยกลัวว่าเธอจะยกเลิกเย่ป๋อหรานจึงรีบลงชื่อบนสัญญาสัมปทานอย่างรวดเร็ว เธอใช้ชื่อจอมพลคอยกดดันจนเขาไม่มีเวลาคิดทบทวนเรื่องอื่น อีกทั้งเธอยังบอกว่าลูกชายเห็นด้วย แบบนี้เขาจึงคิดว่าทิ้งโอกาสไปไม่ได้
เกาม่านอี้ลงชื่อบนสัญญาเช่นเดียวกันแล้วยื่นหนังสืออนุญาตให้เย่ป๋อหราน ส่วนตัวเธอเองเก็บสัญญาสัมปทานเอาไว้ พอลงชื่อตกลงกันได้ก็รีบกลับบ้านตระกูลเย่ เธอยังต้องไปมีเรื่องกับเย่หมิงอวี่และฉินรั่วหนานที่ตระกูลเย่อีก
“สวัสดีค่ะคุณแม่ ยังไม่ทานอาหารหรือคะ”
“ฉันจะกินไม่กินมันก็ไม่เกี่ยวกับเธอ ว่างมากนักหรือไง แล้วนี่อาเสวียนไปไหน ทำไมถึงไม่กลับมาด้วย”
ฉินรั่วหนานไม่รู้ว่าลูกชายถูกยิงจึงเอ่ยถามสะใภ้ที่ไปข้างนอกด้วยกัน หากรู้ว่าลูกชายถูกยิงคนรักลูกเช่นเธอคงเป็นลมล้มพับไปอย่างแน่นอน ฉะนั้นเธอควร...
“พี่หมิงเสวียนถูกคนร้ายยิงที่หน้าสำนักงานค่ะ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล”
เรื่องอะไรเธอจะต้องห่วงสุขภาพผู้หญิงร้ายกาจอย่างแม่สามี ฉินรั่วหนานพอได้ยินก็เบิกตาโตยกมือขึ้นทาบหน้าอกด้านซ้าย ตกใจมากเมื่อได้รับรู้เรื่องราวก่อนหน้านี้จากปากสะใภ้ ครู่เดียวก็เป็นลมล้มพับไปตามที่เธอคิดเอาไว้
“เธอพาคุณแม่กลับไปพักผ่อนที่ห้องแล้วดูแลคุณแม่ด้วย”
“ค่ะคุณนายน้อย”
สาวรับใช้สองคนช่วยกันประคองฉินรั่วหนานไปที่ห้องนอน ส่วนตัวเธอก็รีบขึ้นห้อง เธอยังต้องวางแผนช่วยให้ผู้หญิงคนนั้นได้เข้าบ้านอย่างสะดวกอีกด้วย ดูไปแล้วคงอีกไม่นานแต่อย่างไรก็ต้องรอคนที่ได้ไหว้วานผู้บัญชาการมณฑลช่วยค้นหาก่อน ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้คงยากจะจัดการ
ฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ท่านผู้บัญชาการจางแล้ว...
อากาศร้อนอบอ้าวทำให้คนเจ็บรู้สึกเหนียวตัวไม่น้อย เขานึกอยากจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนอน แต่กลับถูกห้ามไม่ให้แผลโดนน้ำ จึงทำได้เพียงนั่งขมวดคิ้วอยู่บนเตียง
“คุณเย่ ต้องการอะไรหรือเปล่าคะ สีหน้าคุณไม่ดีเท่าไร”
“ผมแค่รู้สึกว่าอากาศร้อนไปหน่อย อยากจะอาบน้ำแต่แผลนี่ห้ามโดนน้ำ”
อี้จินเฉิงยิ้มย่องในใจ นี่ก็คือหนึ่งในโอกาสที่สวรรค์ประทานให้เธอ หญิงสาวแสร้งทำหน้าเป็นกังวลแทน ครุ่นคิดสักครู่จึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน
“เอาอย่างนี้ไหมคะ หากคุณเย่ไม่รังเกียจ ดิฉันจะเช็ดตัวให้”
“จะเป็นการรบกวนคุณอี้หรือเปล่าครับ”
“ไม่หรอกค่ะ อย่างไรหน้าที่ดิฉันก็คือการดูแลคนเจ็บอยู่แล้ว อย่างนั้นคุณเย่รอสักครู่นะคะ ดิฉันจะไปเตรียมอุปกรณ์”
ไม่นานเธอก็เดินกลับมาพร้อมอ่างใส่น้ำและผ้าขนหนูขนาดกลาง ผ้าขนหนูบิดหมาดถูกลูบไล้ไปบนแผงอกกำยำ เช็ดตัวให้เขาอยู่เกือบสิบห้านาทีเธอก็หันไปวางผ้าขนหนูไว้บนอ่างเล็ก จากนั้นหันมาหาคนที่เปลือยอกอยู่ข้าง ๆ
“ดิฉันใส่เสื้อให้นะคะ”
“ขอบคุณครับ”
พอใส่เสื้อให้เขาเสร็จอี้จินเฉิงก็หันหลังกลับไป ตั้งใจจะเอาอ่างไปเก็บแต่ขณะที่หันกลับไปก็เหยียบเท้าตนเองจนเกือบจะล้ม ถ้าไม่ใช่เพราะได้เย่หมิงเสวียนช่วยดึงเอาไว้เธอคงล้มหน้ากระแทกพื้นไปแล้ว
เธอทิ้งตัวล้มลงบนร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่ม เธออาศัยโอกาสนี้แนบริมฝีปากตนเองชิดมุมริมฝีปากของเขา แสร้งทำเป็นเรื่องบังเอิญ ครู่เดียวก็ดีดตัวออกจากร่างกายเขา ทิ้งไว้เพียงความอุ่นร้อนที่ทาบทับไปก่อนหน้านี้ ใบหน้าขาวเนียนเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อรีบหันหนี
“ขอโทษค่ะ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่เป็นไรครับ คุณอี้ไม่ได้ตั้งใจผมเองก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ ต้องขอบคุณคุณอี้ด้วยซ้ำที่ช่วยเช็ดตัวให้ผมและดูแลผมเป็นอย่างดี”
“มันเป็นหน้าที่ของดิฉัน คุณเย่ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ”
“แค่หน้าที่หรือครับ”
น้ำเสียงทุ้มถามอย่างอ่อนโยนแต่แววตากลับแฝงไว้ด้วยความรู้สึกบางอย่าง ซึ่งเขากับเธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่ามันคือความรู้สึกอะไรเพียงแต่ไม่ได้พูดออกมาก็เท่านั้น แผนการของเธอดำเนินไปได้อย่างดีและแนบเนียน พอเขาว่าจบเธอก็แอบอมยิ้มแล้วถืออ่างเดินออกจากห้องไป
“ผู้บัญชาการต้องการให้ทำอะไรอีกหรือเปล่าครับ”
“ไม่ต้องแค่นี้ก็พอ”
“อย่างนั้นพวกเราขอตัวก่อน”
เมื่อเห็นว่าเจ้านายไม่มีเรื่องให้เรียกใช้รองผู้บัญชาอย่างเขาจึงปลีกตัวออกไปจากหน้าห้องพักในโรงพยาบาล เขาตั้งใจจะมาดูว่าเจ้าบ่าวของเกาม่านอี้เป็นคนอย่างไร แต่เพียงเท่านี้ก็เห็นแล้วว่าผู้ชายแบบนี้ไม่เหมาะกับเธอแม้แต่นิดเดียว
“พ่อนะพ่อ ผู้ชายแบบนี้ก็ยังอุตส่าห์ให้ม่านม่านแต่งด้วยได้”
เกาม่านอี้เสียพ่อแม่ไปตั้งแต่สิบเอ็ดขวบ หลังจากนั้นพ่อเขาก็คอยดูแลเธอมาโดยตลอด เรียกว่าทั้งคู่โตมาด้วยกันเลยก็ว่าได้เ ขาเองก็นึกอยากโทษพ่อที่ปล่อยให้เธอแต่งงานแต่คิด ๆ ดูแล้วคงเป็นความต้องการของเธอเองมากกว่า
หากเธอรักผู้ชายคนนั้นจริง ๆ เขาที่มีฐานะไม่ต่างจากพี่ชายก็ควรช่วยเธอ จางอวี้เจินคิดว่าตนเองจะช่วยให้ชีวิตแต่งงานของเธอราบรื่นได้อย่างไรดี หรือเขาควรใช้ตนเองแยกผู้หญิงคนนี้ให้ห่างจากสามีเกาม่านอี้
ระหว่างที่ยืนคิดอยู่ก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ ทำไมเธอถึงไม่ยอมมาเฝ้าสามีตนเอง ทั้งที่ตามนิสัยขี้เกรงอกเกรงใจ ใจอ่อน ยอมคนแบบเธอไม่น่าจะยอมปล่อยให้สามีนอนเจ็บอยู่คนเดียวที่โรงพยาบาลได้เลย เธอแปลกไปจนเขานึกสงสัยว่าเธอใช่เด็กสาวที่โตมากับเขาคนนั้นหรือเปล่า
ออกไปไม่นานผู้หญิงคนนั้นก็เดินกลับมา ทำตัวราวกับเป็นภรรยาของเขาเสียเอง
“ขอโทษครับ”
“คุณ...”
ระหว่างที่หญิงสาวเดินกลับจางอวี้เจินก็เดินไปตรงหน้าจนชนเข้ากับร่างเพรียวบางของเธออย่างจัง อี้จินเฉิงขมวดคิ้วเงยหน้ามองคนชนเธอยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไปก็ต้องเงียบปากไว้เมื่อเห็นใบหน้าคนชน
ใบหน้าหล่อเหลา เข้มดุ น่าเกรงขามตรงหน้าทำเธอพูดไม่ออก จำต้องยืนเงียบอยู่อย่างนั้น
“ฉันคงไม่ได้ทำเธอเจ็บใช่ไหม”
แม้จะเป็นคำพูดทั่วไปแต่ด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปากของเขาทำให้เธอใจเต้นไปชั่วขณะ หรือเธอควรเปลี่ยนเป้าหมายกลับมาเป็นเขาคนนี้
“ไม่ค่ะ ดิฉันไม่ได้บาดเจ็บ อย่างไรก็ต้องขอโทษผู้บัญชาการด้วยนะคะ”
“หากไม่เป็นไรฉันขอตัวก่อน”
จางอวี้เจินจากไปพร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนเห็นต้องหวั่นไหวเพราะเขาไม่เคยยิ้มให้ใครมาก่อน ไม่มากก็น้อยคนเห็นย่อมคิดเข้าข้างตนเองเป็นเมื่อเขายิ้มให้แบบนี้
3เรื่องที่ต้องการรู้ด้วยอำนาจผู้บัญชาการมณฑลแห่งซูเป่ยใช้เวลาเพียงสามวันเขาก็หาเจ้าของปิ่นที่เกาม่านอี้ให้หาจนเจอ เมื่อได้ข้อมูลแล้วจึงให้คนไปส่งข่าวกับเกาม่านอี้ที่ตระกูลเย่ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เขายังไปหาเธอได้แต่ตอนนี้เธอแต่งงานแล้วจะคบค้ากับผู้ชายคนอื่นคงต้องระวังการถูกนินทาว่าร้ายวันนี้เขามาที่โรงพยาบาลเพื่อสอบถามบางอย่างจากอี้จินเฉิง แต่เธอคนนั้นไม่ได้อยู่ในห้องพักผู้ป่วยของเย่หมิงเสวียน เขาจึงยืนรออยู่หน้าห้องคิดว่าอีกไม่นานเธอคงมา“ผู้บัญชาการมาทำอะไรที่นี่หรือคะ”“มารอเธอ ว่างคุยกันหรือเปล่า”“ดิฉันยังมีงานอีกนิดหน่อย ผู้บัญชาการรอสักครู่ได้ไหมคะ”“ได้”พอเขาพูดจบเธอก็เดินเข้าไปในห้องพัก แต่ระหว่างที่เขากำลังยืนคุยกับเธออยู่หน้าห้อง ก็มีดวงตาคู่หนึ่งมองมาอย่างสงสัย ตามบทแล้วเขาไม่ควรจะยิ้มให้ผู้หญิงคนอื่นไม่ว่าเพราะเหตุผลอะไรก็ตาม อีกอย่างเขารักเธอมั่นคงมากจะมีใจไปคิดถึงผู้หญิงคนอ
3เรื่องที่ต้องการรู้“พี่เป็นทหาร จะให้พี่ทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง”“แต่พี่ทำได้”“ฉันรู้ค่ะ แต่ฉันก็มีแผนของตนเองเพียงแต่ต้องขอความช่วยเหลือจากพี่ ช่วยตามหาเจ้าของปิ่นนั่นให้เจอ”“นี่คือเรื่องที่พี่อยากจะบอก พี่เจอคน ๆ นั้นแล้ว”“ดีจังเลยค่ะ พี่อวี้เจินเก่งที่สุดเลย”เจ้าของเรือนร่างอวบอิ่มรีบโผเข้ากอดคอชายหนุ่มตรงหน้าทันที ไม่คิดว่าเขาจะใช้เวลาเพียงสามวันในการหาคน อำนาจผู้บัญชาการนี้น่าเกรงขามจริง ๆ เธอกอดเขาจนแน่นคนถูกกอดกลับนั่งนิ่งไม่ขยับไปไหน ใบหน้าขาวแดงขึ้นราวกับผลมะเขือเทศ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะถูกเกาม่านอี้กอดแบบนี้“ม่านม่าน”พอได้สติเลยเรียกชื่อเธอเสียงแผ่วเบา เกรงว่าจะมีผู้มาเห็นเหตุการณ์นี้นอกจากรองเจียง หรือรองผู้บัญชาการทหารคนสนิทของเขาที่ยืนรออยู่นอกรถ“ขอโทษค่ะ ฉันดีใจไป
3เรื่องที่ต้องการรู้เย่หมิงเสวียนไม่พูดขัดอะไร เพราะยังงุนงงกับคำพูดของเธอไม่น้อย จะมีผู้หญิงฉลาด ๆ คนไหนยอมให้มีผู้หญิงคนอื่นมาดูแลสามีตนเองอยู่ใกล้ตัวแบบนี้ นอกจากนี้ผู้หญิงคนนั้นยังงดงามและดูดีกว่าอีกคำพูดของเกาม่านอี้ทำอี้จินเฉิงเกือบหลุดยิ้มออกมา แต่พอรวบรวมสติได้จึงทำหน้านิ่งสงบเหมือนเมื่อครู่ แต่ในใจกลับรู้สึกดีและรู้สึกสมเพชไปในตัว ต้องเป็นผู้หญิงที่โง่แค่ไหนจึงยอมพาผู้หญิงคนอื่นเข้าไปปรนนิบัติสามีตนเองแบบนี้“หากคุณเกาเชื่อว่าดิฉันทำได้ คุณเย่ไม่รังเกียจดิฉันก็ยินดีค่ะ ตอบแทนที่คุณเกาช่วยไม่ให้ดิฉันถูกจับวันนั้นถือว่าน้อยนัก”“พี่หมิงเสวียนเห็นเป็นอย่างไรคะ”การมีของสวยงามมาเดินอยู่ในบ้าน ย่อมต้องดีแน่นอนอยู่แล้ว เย่หมิงเสวียนคิดเช่นนี้แต่ไม่ได้พูดออกไป เขาเดินเข้ามาโอบไหล่ของภรรยาเอาไว้แผ่วเบา ทะนุถนอมเธอราวกับเป็นสิ่งของสูงค่าการแสดงของเย่หมิงเสวียนเองก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้เธอ เกาม่านอี้คิดใ
4แผนการของสาวงาม“คุณชายน้อย กลับมาแล้วค่ะคุณนาย”“ไป ไปดูสิ”ฉินรั่วหนานสั่งสาวใช้แล้วรีบเดินไปดูลูกชายหน้าประตู เธอมองหญิงสาวทั้งสองตรงหน้าด้วยแววตาไม่พอใจ จะกล่าวว่าไม่พอใจทั้งสองก็ออกจะผิดไปหน่อย เพราะฉินรั่วหนานไม่พอใจเพียงสะใภ้ตนเองเท่านั้น ไม่ใช่พยาบาลสาวข้าง ๆ ลูกชาย“อาเสวียนลูกเป็นอย่างไรบ้าง”“ผมไม่เป็นไรแล้วครับแม่ อาอี้ให้คนดูแลผมเป็นอย่างดี แม่ไม่ต้องเป็นห่วง”“ใช่ค่ะ อย่างที่พี่หมิงเสวียนบอก นี่คุณพยาบาลอี้จินเฉิง ฉันให้เธอมาดูแลพี่หมิงเสวียนโดยเฉพาะ เกรงว่าคนที่บ้านไม่รู้เรื่องพาลจะทำให้พี่หมิงเสวียนอาการแย่ลง หวังว่าทุกคนจะให้เกียรติเธอด้วยนะคะ”แม้จะไม่ชอบสะใภ้คนนี้แต่เมื่อเป็นเรื่องของลูกชาย ฉินรั่วหนานก็เห็นด้วยว่าควรให้คนมีความรู้คอยดูแลลูกชายมากกว่า เธอจึงให้คนไปจัดห้องให้อี้จินเฉิงซึ่งอยู่ข้าง ๆ ห้องเย่หมิงเสวียน
4แผนการของสาวงามมือขวาเขาลูบไล้ตามเรียวขาเธอไปเรื่อย ๆ จนชายกระโปรงเลิกสูงขึ้น ฝ่ามือใหญ่บีบขยำบั้นท้ายงอนแน่นนั้นเพื่อระบายอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน แต่ดูเหมือนมันจะยิ่งทำให้ความต้องการเขามากขึ้นเสียมากกว่า“คุณเย่คะ แบบนี้ไม่ดีมั้งคะ คุณเกาอาจจะกลับมาเห็นได้นะคะ”เสียงหวานเอ่ยแย้งแต่ก็ยังยอมให้เขาลูบไล้เรียวขาอยู่เช่นนั้น เธอเองก็กลัวไม่น้อยว่าหากเกาม่านอี้กลับมาเห็นอาจถูกไล่ออกจากบ้านได้ จึงไม่กล้าปล่อยตัวไปทั้งหมด“เกาม่านอี้คงไม่กลับมาเร็ว ๆ นี้ถึงกลับมาเธอก็ต้องเคาะประตูก่อนอยู่ดี แต่ถ้าอาเฉิงไม่ต้องการผมก็ไม่บังคับ”“หากคุณเย่อยาก...”อี้จินเฉิงพูดพลางยืนขึ้น เลิกชายกระโปรงขึ้นไปกองไว้ที่เอว ใช้เข่าเท้าไปบนเตียงขยับไปนั่งคร่อมกลางกายเย่หมิงเสวียนเอาไว้ จนส่วนกลางทั้งสองทาบทับเบียดเสียดกันผ่านผ้าสาก สะโพกมนขยับเล็กน้อยก็ทำเย่หมิงเสวียนเชิดหน้าหลับตาผ่อนลมหายใจออกมาเข
4แผนการของสาวงามครู่เดียวอาหารก็ถูกจัดวางบนโต๊ะ ทั้งสามไม่ได้พูดอะไรกันอีก เกาม่านอี้ใช้ตะเกียบคีบเป็ดย่างบนโต๊ะ ยังไม่ทันได้กินก็ถูกคนอายุมากกว่าพูดจาเสียดสีเสียก่อน“กินเข้าไปเถอะ อ้วนจะตายอยู่แล้วยังไม่หยุดกิน”“คุณแม่เดินไม่ไหวแล้วหรือคะ”“มันเกี่ยวอะไรกับฉัน ฉันยังแข็งแรงดี ดีกว่าเธอด้วยซ้ำ”“ฉันนึกว่าตัวเองอ้วนแล้วทำให้คุณแม่เดินไม่ไหวเสียอีก หากฉันอ้วนแล้วไม่ได้ทำให้คุณแม่เจ็บป่วยก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับคุณแม่นะคะ”“นี่เธอว่าฉันงั้นหรือ”ฉินรั่วหนานตะเบ็งเสียงถามสะใภ้เสียงดัง พลางวางตะเกียบลงบนโต๊ะอาหารอย่างแรง เกาม่านอี้ไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของแม่สามี ยังคงนั่งเคี้ยวอาหารลอยหน้าลอยตาอยู่ข้าง ๆ“นี่เกาม่านอี้ คิดว่าพี่หมิงเสวียนจะเข้าข้างเธอหรือไง หากพี่หมิงเสวียนรู้ว่าเธอล่วงเกินคุณแม่ คิดว่าพี่ยังจะหนุนหลังเธอหรือ”เย่หมิงอวี่เองก็ไม่ชอบใจเ
5ท่าทีที่เริ่มเปลี่ยนไปเอกสารบนโต๊ะก็เอาที่เขี่ยบุหรี่ทับไว้ ไม่สนใจจะอ่านมันต่อ ยัดจดหมายเล็กใส่กระเป๋าเสื้อตรงอกซ้าย แล้วเดินออกจากห้องทำงานด้วยสีหน้ามีความสุขการใช้อำนาจในทางไม่ชอบเป็นอย่างนี้เอง เขาต้องการไปถึงโรงน้ำชาฟุ่ยหวินโดยเร็วจึงให้คนของตนเองจัดการเส้นทางให้โล่งมากพอที่รถจะวิ่งโดยไม่ต้องหยุด ไม่นานก็มาถึงร้านน้ำชา ห้องดื่มชาห้องหนึ่งถูกปิดไม่ให้ใครเข้าไปรบกวน ในห้องมีเพียงชากาเดียวเท่านั้น มาร้านชาแต่กลับไม่ดื่มชาเลยสักแก้ว“พี่มาเร็วนะคะ ฉันคิดว่าต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย”“พี่อยู่แถวนี้พอดี ม่านม่านนัดพี่ก็เลยรีบมา”“อ๋อเหรอคะ ฉันได้ยินพนักงานคุยกันว่าพี่แทบจะปิดถนนวิ่งอยู่แล้ว พี่อยู่ใกล้จริงหรือคะ”หญิงสาวพูดพลางยิ้มขบขัน รินชาใส่แก้วตนเองยกขึ้นดื่ม เธอคิดว่าจะลดน้ำหนักเสียหน่อยจึงควรดื่มน้ำให้มาก ยิ่งเป็นชาร้อนแบบนี้ยิ่งดีต่อร่างก “าย แต่กลับไม่รินให้ชายหนุ่มเลยสักแก้วเดี๋
5ท่าทีที่เริ่มเปลี่ยนไปหนึ่งสัปดาห์หลังจากเย่หมิงเสวียนออกจากโรงพยาบาล ที่จริงเขาหายแล้วแต่ยังแสร้งเจ็บปวดเพราะต้องการให้อี้จินเฉิงอยู่ข้างกาย ทุกครั้งที่เธอไม่อยู่ทั้งคู่ก็มักจะใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุข นี่เป็นสิ่งที่เกาม่านอี้รู้สึกยินดีมาก“พี่หมิงเสวียน อยากไปเดินเล่นนอกบ้านหน่อยไหมคะ”“ไม่ล่ะ เธออยากไปก็ไปเถอะ ฉันอยากพักผ่อนอยู่บ้าน”เธอรับรู้ได้ว่าเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย มักขมวดคิ้วเมื่อเธอพูดคุยด้วย น้ำเสียงและสีหน้าก็ไม่เหมือนเดิม ใช่แล้วนี่คือสิ่งที่เกาม่านอี้ต้องพบเจอเมื่อแต่งงานกับชายใจโลเลอย่างเย่หมิงเสวียน แต่เธอที่เป็นหลี่ม่านม่านไม่ได้สนใจมันกลับชอบใจมากเสียอีก จะได้ไม่ต้องอยู่ใกล้ ๆ เขา“อย่างนั้นพี่หมิงเสวียนอยากได้อะไรหรือเปล่าคะ ฉันจะได้ซื้อกลับมาให้”“ไม่ล่ะ เธอไปเถอะ”“ค่ะ”เกาม่านอี้เดินลงมาจากชั้นสองพลันสายตาเหลือไปเห็นฉินรั่วหนานกำลังเดินออกมาที่โถงกลา
10เรื่องอันตราย“พี่ม่านอี้”น้ำเสียงแผ่วอ่อนโยนร้องเรียกเธออยู่ด้านหลัง แต่เมื่อเรียกแล้วก็ไม่กล้าพูด มุมริมฝีปากสีซีดยกขึ้นเล็กน้อย เธอนึกเอ็นดูเด็กสาวคนนี้คงเป็นห่วงเธอแต่ไม่กล้าพูดเตือนถึงได้มีท่าทีลังเลอย่างนี้ เกาม่านอี้ได้นัดหมายกับผู้บัญชาการเอาไว้ว่าจะไปเจอเขาที่อาคารเก่าไม่มีร้านค้า เพื่อให้เขาสอนป้องกันตัว หลู่ปินปินคงกลัวว่าหากเย่หมิงเสวียนรู้เข้าเธออาจลำบาก แต่เธอกลัวเสียที่ไหนในเมืองใครจะมีอำนาจไปมากกว่าพี่อวี้เจินของเธออีก อีกทั้งตอนนี้เธอกับเย่หมิงเสวียนก็หย่ากันแล้ว“เธอมีอะไรก็พูดเถอะ ไม่ต้องกลัวหรอก ที่นี่ไม่มีคนอื่น”“พี่จะไปหาผู้บัญชาการจริงหรือคะ”“เธอไม่ต้องห่วงหรอก พี่รู้ว่าเธอกังวลอะไร แต่ตอนนี้เย่หมิงเสวียนคนนั้นไม่สนใจอย่างอื่นนอกจากอี้จินเฉิงหรอก ไม่ต้องห่วงไป”“ค่ะ ฉันเชื่อพี่”แม้ใจจะยังกังวลแต่ในเมื่อผู้มีพระคุณยืนยันหนักแน่นเธอก็ไม่มีเหตุผลให้ขัดใจ เธอยิ้มใ
9ชีวิตที่สงบสุขเธอคิดไว้อยู่แล้วว่าคงเป็นเพราะอี้จินเฉิง สาวใช้เลยไม่ได้นำอาหารไปให้ เธอเปลี่ยนเส้นเรื่องเลือกพระเอกใหม่ดังนั้นบางเรื่องที่เคยเกิดเลยไม่เกิดขึ้น แต่บางเรื่องที่ไม่เคยเกิดก็เกิดขึ้น เหมือนเรื่องของหลู่ปินปิน“อาเฉิง ที่เธอพูดจริงหรือเปล่า”อี้จินเฉิงทำหน้าเศร้าทันทีทั้งที่เมื่อครู่ยังกรอกตามองบนใส่เธออยู่เลย ดวงตาคู่สวยคลอปริ่มไปด้วยม่านน้ำบางใส หากจะให้พูดตรง ๆ เธอแสร้งตีหน้าเศร้าเพราะสามีไม่ยอมเข้าข้าง หากเขาเข้าข้างเธอเหมือนชาติก่อนอี้จินเฉิงก็จะกลายเป็นคุณนายน้อยของตระกูลเย่แทนเธอ“พี่ม่านอี้ ฉันขอโทษนะคะ ฉันคิดว่าพี่จะมากินอาหารกับพวกเราที่เรือนใหญ่เลยไม่ได้ให้คนจัดอาหารไปส่งพี่ที่เรือนเล็ก พี่หมิงเสวียนฉันไม่ได้ตั้งใจนะคะ”“อาเฉิง หากเธอทำผิดพลาดแบบนี้อีกฉันจะลงโทษเธอ อาอี้เธอไม่ต้องกังวลแม้จะต้องหย่ากัน เธอก็ยังเป็นคุณนายน้อยของพี่เสมอ”เกาม่านอี้แทบจะเบ้ปากมื่อได้ยินคำพูดเมื่อ
9ชีวิตที่สงบสุขเช้าวันนี้ดินฟ้าอากาศช่างสดใสเป็นใจให้ออกกำลัง เช็ดถูบ้านเรือน แดดไม่แรง ไม่มีใบหน้าของใครคอยรบกวนสายตา ยอดเยี่ยมที่สุดนับตั้งแต่เธอเข้ามาในนิยายเรื่องนี้หลู่ปินปินยื่นผ้าให้เกาม่านอี้เช็ดน้ำบนใบหน้า หลังจากเธอเพิ่งล้างหน้าเสร็จ หญิงสาวลุกเดินไปมองกระจกพินิจมองร่างกายตนเองในตอนนี้ ได้เวลาออกกำลังกายลดน้ำหนักแล้วครั้งก่อนเธอต้องผอมเพราะตรอมใจ แต่ครั้งนี้เธอจะผอมและแข็งแรงไปด้วย หากแข็งแรงแม้แต่เย่หมิงเสวียนก็รังแกเธอไม่ง่ายเหมือนเดิมแล้ว“พี่ม่านอี้ วันนี้จะทำอะไรหรือคะ”“ทำความสะอาดบ้านกับออกกำลังกายสักหน่อย”“ออกกำลังกาย?”“ใช่ ลดน้ำหนักสักหน่อย โชคดีจริง ๆ ได้เธอมาอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นเหงาตายเลย”“โชคดีของฉันมากกว่าค่ะ ที่ได้พี่ช่วยเหลือ”หญิงสาวทั้งสองยืนพูดคุยกันอยู่หน้ากระจก เด็กสาวคนนี้น่าเอ็นดูไม่น้อยเลย ทั้งรู้ความ เฉลียวฉลาด รู้ว่าเมื่อใด
8หย่ากันเถอะจางอวี้เจินตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลก่อนจะโน้มตัวจนใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับเธอ แววตามีแต่ความอ่อนโยนใจดี คำพูดนี่ก็เพียงเพื่อหยอกล้อเธอเท่านั้น ไม่ได้คิดกล่าวโทษเธอแต่อย่างใด“พี่ควรจะรีบมาเพราะถ้าพี่มาช้ากว่านี้ฉันคงต้องกลับก่อน”“นี่พี่ก็วางงานทุกอย่างแล้วรีบมาหาเธอแล้วนะ ถ้าอยากเจอกันให้เร็วกว่านี้มีแต่เธอต้องย้ายไปอยู่บ้านเดียวกับพี่แล้วล่ะ”“พี่อวี้เจิน”“พี่เย้าเล่น ม่านม่านให้คนตามพี่ทำไมหรือ”“มาค่ะ มานั่งก่อน”ผู้บัญชาการมณฑลถามอย่างสงสัย ดีใจอยู่ที่เธออยากเจอแต่ก็สงสัยว่าอะไรทำให้เธออยากเจอเขาในตอนนี้ หญิงสาวพยักหน้าแล้วฉวยข้อมือเขาจูงมานั่งคุยกัน“พี่งานยุ่งมากไหมคะ”“ก็พอสมควร”“นั่นสิ ช่วงนี้พี่ต้องตามคนค้าของเถื่อน ไหนจะพวกติดต่อขายสมบัติชาติให้ญี่ปุ่นอีก พี่จะไม่ยุ่งได้ยังไงกัน มีแต่ฉันหาเรื
8หย่ากันเถอะ“อาเสวียนแย่แล้วลูก” ฉินรั่วหนานหันไปประคองมือลูกชายไว้ สีหน้าแววตาเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด เธอเชื่อสนิทใจเพราะก่อนนี้ลูกชายก็ถูกยิงตอนไปช่วยเธอ เกาม่านอี้รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่เห็นใบหน้านี้จากอีกฝ่าย แต่ไม่สามารถแสดงออกมาได้มากจึงต้องทำหน้าเศร้าเมื่อสองแม่ลูกนั่นหันมามองบรรยากาศรอบข้างเริ่มเคร่งเครียด ถึงอย่างไรเธอก็แต่งเข้าบ้านมาแล้วจะไล่ไปก็ไม่ได้ อีกทั้งเธอยังเป็นเจ้าของหนังสืออนุญาตอีก ฉินรั่วหนานแม้จะไม่ชอบเธอมากก็ยังเข้าใจสถานการณ์ดี ตอนนี้ตระกูลเย่ยังต้องการพึ่งพิงเส้นสายของตระกูลเกา“ท่านหลิว มีวิธีแก้หรือเปล่าคะ เราจะทำอย่างไรกันดี”“นั่นสิครับ ท่านหลิวมีวิธีแก้หรือเปล่า อาอี้เป็นภรรยาของผมจะทำอย่างนั่นได้ยังไงกัน”เย่หมิงเสวียนพูดจบก็หันไปมองเกาม่านอี้ด้วยสีหน้าอึดอัดใจ เอื้อมมือไปกุมมือเธอเพื่อปลอบใจที่ถูกคนกล่าวเช่นนี้ เกาม่านอี้นึกอยากสะบัดมือเขาแรง ๆ แล้วรีบว
8หย่ากันเถอะ“อาเสวียนแย่แล้วลูก” ฉินรั่วหนานหันไปประคองมือลูกชายไว้ สีหน้าแววตาเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด เธอเชื่อสนิทใจเพราะก่อนนี้ลูกชายก็ถูกยิงตอนไปช่วยเธอ เกาม่านอี้รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่เห็นใบหน้านี้จากอีกฝ่าย แต่ไม่สามารถแสดงออกมาได้มากจึงต้องทำหน้าเศร้าเมื่อสองแม่ลูกนั่นหันมามองบรรยากาศรอบข้างเริ่มเคร่งเครียด ถึงอย่างไรเธอก็แต่งเข้าบ้านมาแล้วจะไล่ไปก็ไม่ได้ อีกทั้งเธอยังเป็นเจ้าของหนังสืออนุญาตอีก ฉินรั่วหนานแม้จะไม่ชอบเธอมากก็ยังเข้าใจสถานการณ์ดี ตอนนี้ตระกูลเย่ยังต้องการพึ่งพิงเส้นสายของตระกูลเกา“ท่านหลิว มีวิธีแก้หรือเปล่าคะ เราจะทำอย่างไรกันดี”“นั่นสิครับ ท่านหลิวมีวิธีแก้หรือเปล่า อาอี้เป็นภรรยาของผมจะทำอย่างนั่นได้ยังไงกัน”เย่หมิงเสวียนพูดจบก็หันไปมองเกาม่านอี้ด้วยสีหน้าอึดอัดใจ เอื้อมมือไปกุมมือเธอเพื่อปลอบใจที่ถูกคนกล่าวเช่นนี้ เกาม่านอี้นึกอยากสะบัดมือเขาแรง ๆ แล้วรีบวิ่งออกไปจากบ้านหลังนี้ เ
7เรื่องผิดคาด“ปินปิน ต่อไปเธอก็นอนกับฉันที่นี่แหละ อีกไม่กี่วันเราจะได้ย้ายไปอยู่ที่อื่น เธอคงมีอิสระกว่านี้ ที่นี่คนมากเกินไปเธออาจจะทำตัวไม่ถูก”“ค่ะคุณนายน้อยเย่”หลู่ปินปินพยักหน้ารับคำ เด็กสาวนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นไม่กล้าเทียบเสมอผู้มีพระคุณ แม้สงสัยบางอย่างก็ไม่กล้าที่จะถามจึงคิดได้ว่าขอเพียงเป็นคำสั่งของผู้มีพระคุณ เธอยินดีทำตามทั้งนั้นเดิมทีก็ไม่ได้อยากเข้าไปยุ่งวุ่นวายเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับเส้นเรื่องหลัก แต่นึกแล้วก็สงสัยจึงอยากพาเธอมาคอยอยู่เป็นเพื่อนที่เรือนเล็ก รออยู่เฉย ๆ อีกไม่กี่วันก็จะครบหนึ่งเดือนตามนัดแล้ว ระหว่างนี้ก็แค่แสร้งทำท่าทางรักใคร่กับเย่หมิงเสวียนให้อี้จินเฉิงรู้สึกว่าเธอยังคงมีคู่แข่งอยู่เสมอ ภายหน้าจะทำอะไรเพื่อขับไล่เธอเหมือนเนื้อหาในนิยาย“คุณเย่ ทานนี่หน่อยนะคะ ฉันเป็นคนทำเอง”“ขอบคุณอาเฉิง อาอี้ลองชิมนี่หน่อยพี่จำได้ว่าเธอชอ
7เรื่องผิดคาดเย่หมิงเสวียนพาเกาม่านอี้ขึ้นรถ อี้จินเฉิงเดินตามมาไม่ห่างแต่ไม่กล้าพูดอะไร ทั้งสามนั่งด้านหลังเว้นที่วางเบาะข้าคนขับไว้ให้หลู่ปินปินที่กำลังจะแวะรับ เย่หมิงเสวียนนั่งตรงกลางซ้ายมีเกาม่านอี้ ขวามีอี้จินเฉิง รับเด็กสาวที่หน้าร้านขายเครื่องประดับ จากนั้นก็ตรงกลับบ้านกันทั้งหมดเย่หมิงเสวียนแสร้งเอาใจเกาม่านอี้ตลอด พูดคุยด้วยท่าทางเอ็นดูแสนดีดังเช่นตอนแต่งงานใหม่ ไม่ใช่เรื่องที่เธอคาดเดาไม่ได้ในเมื่อเธอเป็นคนเลือกนิสัยพื้นฐานให้กับเขาเอง แต่ก็ตามน้ำทำตัวเป็นคนโง่ต่อไป อีกไม่กี่วันเธอจะได้เลิกเห็นหน้าเขาเสียทีครั้งก่อนหลังแต่งงานได้หนึ่งเดือนก็ถูกสามีไล่ไปอยู่เรือนเล็ก อีกทั้งเขายังทำร้ายร่างกายเธอ เพราะทะเลาะหึงหวงกันตามเส้นเรื่อง ครั้งนี้เธอต้องการจากไปเพื่อให้เส้นเรื่องเปลี่ยนแปลง จะได้ทำอะไรไม่ต้องสนใจเย่หมิงเสวียน“อาเสวียน ทำไมจึงกลับมาเร็วอย่างนี้”“ลูกพาอาอี้กลับมาพักผ่อน อ
7เรื่องผิดคาดเย่หมิงเสวียนรีบหยิบกางเกงมาสวม ไม่ได้กลัวว่าเธอรู้สึกแย่เพียงกลัวเธอจะขอคืนใบอนุญาตก็เท่านั้น หากเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตขึ้นมาตระกูลเย่อาจมีปัญหาได้“พี่หมิงเสวียน จะตามเธอไปหรือคะ”“ปล่อยก่อน หากเธอไม่พอใจขึ้นมาตระกูลเย่อาจมีปัญหาเรื่องสำนักงานได้”อี้จินเฉิงรีบฉวยข้อมือเขาไว้ไม่ให้ออกวิ่งตามภรรยาออกไป แต่เขากลับสะบัดมือให้เธอปล่อย คนที่แสร้งทำแสนดีมาตลอดจึงรีบปล่อยอย่างช่วยไม่ได้ เธอไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงไม่หย่าขาดจากเกาม่านอี้ทั้งที่ก็ไม่ได้รักชอบเธอ อีกทั้งตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยบอกเธอเลยอี้จินเฉิงเองก็ไม่กล้าถามเพราะกลัวถูกกล่าวว่าวุ่นวายไร้เหตุผล เย่หมิงเสวียนวิ่งตามออกไป เธอจึงไม่ลังเลที่จะรีบวิ่งตามออกไปด้วยเกาม่านอี้เดินช้าลงเมื่อมาถึงชั้นล่าง เธอต้องการให้ด้านบนตามลงมาทันก่อนจะเดินไปถึงที่จอดรถด้านข้าง จางอวี้เจินจึงเดินช้าตามไปด้วย ไม่พูดอะไรออกมาอย่างที่ตกลงกันไว้ร