3
เรื่องที่ต้องการรู้
ด้วยอำนาจผู้บัญชาการมณฑลแห่งซูเป่ยใช้เวลาเพียงสามวันเขาก็หาเจ้าของปิ่นที่เกาม่านอี้ให้หาจนเจอ เมื่อได้ข้อมูลแล้วจึงให้คนไปส่งข่าวกับเกาม่านอี้ที่ตระกูลเย่ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เขายังไปหาเธอได้แต่ตอนนี้เธอแต่งงานแล้วจะคบค้ากับผู้ชายคนอื่นคงต้องระวังการถูกนินทาว่าร้าย
วันนี้เขามาที่โรงพยาบาลเพื่อสอบถามบางอย่างจากอี้จินเฉิง แต่เธอคนนั้นไม่ได้อยู่ในห้องพักผู้ป่วยของเย่หมิงเสวียน เขาจึงยืนรออยู่หน้าห้องคิดว่าอีกไม่นานเธอคงมา
“ผู้บัญชาการมาทำอะไรที่นี่หรือคะ”
“มารอเธอ ว่างคุยกันหรือเปล่า”
“ดิฉันยังมีงานอีกนิดหน่อย ผู้บัญชาการรอสักครู่ได้ไหมคะ”
“ได้”
พอเขาพูดจบเธอก็เดินเข้าไปในห้องพัก แต่ระหว่างที่เขากำลังยืนคุยกับเธออยู่หน้าห้อง ก็มีดวงตาคู่หนึ่งมองมาอย่างสงสัย ตามบทแล้วเขาไม่ควรจะยิ้มให้ผู้หญิงคนอื่นไม่ว่าเพราะเหตุผลอะไรก็ตาม อีกอย่างเขารักเธอมั่นคงมากจะมีใจไปคิดถึงผู้หญิงคนอื่นได้อย่างไร เขาแปลกจริง ๆ มีบางอย่างผิดปกติ เธอทนไม่ไหวกับสิ่งนี้
เกาม่านอี้รีบเดินตรงไปหาจางอวี้เจินในทันที เธอเป็นผู้เขียนทำไมเหตุการณ์นี้ถึงไม่มีอยู่ในหัวของเธอเลย เธอจะไม่ทำเหมือนนางเอกนิยายทั่วไปที่เห็นอะไรนิดหน่อยก็ตีความไปเอง
หากอยากรู้อะไรเธอจะถาม เขาต้องคิดบางอย่างอยู่แน่ถึงได้คิดจะโปรยเสน่ห์ใส่ผู้หญิงคนนั้น
“พี่อวี้เจิน มาทำอะไรที่นี่หรือคะ”
“ม่านม่าน พี่เพิ่งให้คนไปแจ้งที่ตระกูลเย่ ยังคิดว่าม่านม่านอยู่ที่นั่น”
“ฉันมาเยี่ยมเย่หมิงเสวียน พี่อวี้เจินมีธุระหรือคะ”
“แน่นอนว่าต้องมี หากไม่มีจะให้คนไปรบกวนม่านม่านได้ยังไง”
“แล้วธุระของพี่กับฉัน สำคัญกว่าธุระของพี่กับพยาบาลสาวคนเมื่อครู่หรือเปล่าคะ”
“ม่านม่านก็รู้ว่าสำหรับพี่เธอสำคัญที่สุด”
“งั้นฉันขอคุยกับพี่สักครู่ได้ไหมคะ”
“ได้สิ”
เขาพาเธอเดินออกมาจากโรงพยาบาล ลัดเลาตรอกเล็กข้างโรงพยาบาลไปจนเจอรถของเขาจอดสนิทอยู่ที่นั่น ที่นี่คงปลอดภัยเพราะลับหูลับตา ผู้คนไม่พลุกพล่านคงไม่มีใครนำเรื่องนี้ไปทำให้เธอเสื่อมเสียได้
ทั้งสองขึ้นไปนั่งบนรถ โดยมีรองผู้บัญชาการคอยดูแลความปลอดภัยอยู่นอกรถ
“ม่านม่าน มีสิ่งใดอยากพูดคุยกับพี่หรือ”
“พี่อวี้เจินชอบอี้จินเฉิงหรือคะ”
“ใครคืออี้จินเฉิง หรือว่าพยาบาลคนนั้น”
“ใช่ค่ะ เธอชื่ออี้จินเฉิง พี่ชอบเธอหรือเปล่า”
“ม่านม่านเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า”
ผู้ชายหน้าดุถึงกับหน้าถอดสีเมื่อคนที่เขารัก กลับถามเขาว่าชอบคนอื่นหรือเปล่า เขาไม่ได้ชอบเธอคนนั้นเพียงแต่อยากช่วยแยกผู้หญิงคนนั้นให้ห่างจากสามีเธอ เกาม่านอี้ไม่รู้แต่พอจะเดาได้ว่าเขาต้องมีเรื่องบางอย่างที่ไม่ได้บอกเธอแน่นอน
และสิ่งที่ทำให้เขาใช้ตนเองไปเกี่ยวข้องเรื่องนั้นย่อมต้องเกี่ยวกับเธอโดยตรงแน่นอน
“ฉันไม่ได้เข้าใจอะไรผิดหรอกค่ะ แค่ไม่อยากเข้าใจผิดจึงอยากถามพี่ก่อนว่าทำไมอยู่ ๆ ถึงได้ทำเหมือนสนใจเธอแบบนั้น ทั้งที่ชีวิตนี้ฉันเห็นพี่สนใจผู้หญิงเพียงคนเดียว”
“เธอรู้ว่าผู้หญิงคนที่พี่สนใจเป็นใคร”
“ฉันต้องรู้อยู่แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมเธอถึงยังแต่งงานกับเย่หมิงเสวียนล่ะ”
จากที่คิดว่าจะพูดเรื่องอี้จินเฉิงกลับกลายเป็นเธอทำให้เขาเข้าใจผิดเรื่องความรู้สึกไปเสียแล้ว เพราะคำพูดไม่คิดนี่แท้ ๆ พระเอกอย่างเขาต้องรักเพียงนางเอกอย่างเกาม่านอี้ แต่ตอนนี้เกาม่านอี้คนนั้นคือเธอ ทำให้เผลอลืมตัวตอบเขาไปชั่วขณะ
“พี่อวี้เจิน ฉันไม่รู้จะบอกพี่ยังไงดีแต่เชื่อฉันหรือเปล่าหากมันย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจะไม่ทำแบบนี้”
บรรยากาศในรถเงียบขึ้นมาเมื่อเธอพูดจบ เขาก็ไม่พูดเธอก็เงียบ จางอวี้เจินรู้สึกเหมือนเธอกำลังตอบรักความรู้สึกของเขาทั้งที่ตนเองเพิ่งแต่งงาน ส่วนเกาม่านอี้เงียบเพราะคิดว่าตนเองพลาดไปแล้ว เธอไม่ควรบอกเขาเรื่องนี้ อย่างไรเธอก็ไม่ใช่เกาม่านอี้ที่เขารัก ถ้าเขารู้จะต้องโกรธและอาจโทษที่เธอทำให้เกาม่านอี้หายไปแน่นอน
“พี่จะเชื่อทุกอย่างที่เธอพูด”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ชอบเธอหรือเปล่า”
“แน่นอนว่าไม่”
“แล้วพี่ทำแบบนั้นกับเธอทำไมคะ”
“พี่ก็แค่อยากแยกเธอออกจากเย่หมิงเสวียน เธอคนนั้นอาจทำให้ม่านม่านและเย่หมิงเสวียนมีปัญหากัน”
เกาม่านอี้ยิ้มน้อย ๆ แน่นอนว่านี่คือว่าคิดของเขา เธอเชื่ออย่างสนิทใจไม่ต้องคาดคั้น เพราะนี่คือพระรองแสนดีของเธอ เพราะไม่รู้ว่าเกาม่านอี้กำลังทำสิ่งใด เขาจึงจงใจใช้ตนเองมาแยกผู้หญิงคนนั้นออกไป
“หากพี่ทำแบบนั้นเมื่อไหร่ผู้ชายคนนั้นถึงจะหย่ากับฉันล่ะคะ ถ้าเขาไม่มีผู้หญิงคนอื่นฉันคงไม่ได้เป็นอิสระ”
“ม่านม่านอยากหย่าหรือ”
“ค่ะ ฉันต้องการหย่าแต่แน่นอนว่าเขาเองต้องไม่ยอม”
“ให้พี่ไปซ้อมเขาสักหน่อยก็ได้ ไม่เห็นต้องให้ตัวเธอวุ่นวายแบบนี้เลย”
3เรื่องที่ต้องการรู้“พี่เป็นทหาร จะให้พี่ทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง”“แต่พี่ทำได้”“ฉันรู้ค่ะ แต่ฉันก็มีแผนของตนเองเพียงแต่ต้องขอความช่วยเหลือจากพี่ ช่วยตามหาเจ้าของปิ่นนั่นให้เจอ”“นี่คือเรื่องที่พี่อยากจะบอก พี่เจอคน ๆ นั้นแล้ว”“ดีจังเลยค่ะ พี่อวี้เจินเก่งที่สุดเลย”เจ้าของเรือนร่างอวบอิ่มรีบโผเข้ากอดคอชายหนุ่มตรงหน้าทันที ไม่คิดว่าเขาจะใช้เวลาเพียงสามวันในการหาคน อำนาจผู้บัญชาการนี้น่าเกรงขามจริง ๆ เธอกอดเขาจนแน่นคนถูกกอดกลับนั่งนิ่งไม่ขยับไปไหน ใบหน้าขาวแดงขึ้นราวกับผลมะเขือเทศ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะถูกเกาม่านอี้กอดแบบนี้“ม่านม่าน”พอได้สติเลยเรียกชื่อเธอเสียงแผ่วเบา เกรงว่าจะมีผู้มาเห็นเหตุการณ์นี้นอกจากรองเจียง หรือรองผู้บัญชาการทหารคนสนิทของเขาที่ยืนรออยู่นอกรถ“ขอโทษค่ะ ฉันดีใจไป
3เรื่องที่ต้องการรู้เย่หมิงเสวียนไม่พูดขัดอะไร เพราะยังงุนงงกับคำพูดของเธอไม่น้อย จะมีผู้หญิงฉลาด ๆ คนไหนยอมให้มีผู้หญิงคนอื่นมาดูแลสามีตนเองอยู่ใกล้ตัวแบบนี้ นอกจากนี้ผู้หญิงคนนั้นยังงดงามและดูดีกว่าอีกคำพูดของเกาม่านอี้ทำอี้จินเฉิงเกือบหลุดยิ้มออกมา แต่พอรวบรวมสติได้จึงทำหน้านิ่งสงบเหมือนเมื่อครู่ แต่ในใจกลับรู้สึกดีและรู้สึกสมเพชไปในตัว ต้องเป็นผู้หญิงที่โง่แค่ไหนจึงยอมพาผู้หญิงคนอื่นเข้าไปปรนนิบัติสามีตนเองแบบนี้“หากคุณเกาเชื่อว่าดิฉันทำได้ คุณเย่ไม่รังเกียจดิฉันก็ยินดีค่ะ ตอบแทนที่คุณเกาช่วยไม่ให้ดิฉันถูกจับวันนั้นถือว่าน้อยนัก”“พี่หมิงเสวียนเห็นเป็นอย่างไรคะ”การมีของสวยงามมาเดินอยู่ในบ้าน ย่อมต้องดีแน่นอนอยู่แล้ว เย่หมิงเสวียนคิดเช่นนี้แต่ไม่ได้พูดออกไป เขาเดินเข้ามาโอบไหล่ของภรรยาเอาไว้แผ่วเบา ทะนุถนอมเธอราวกับเป็นสิ่งของสูงค่าการแสดงของเย่หมิงเสวียนเองก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้เธอ เกาม่านอี้คิดใ
4แผนการของสาวงาม“คุณชายน้อย กลับมาแล้วค่ะคุณนาย”“ไป ไปดูสิ”ฉินรั่วหนานสั่งสาวใช้แล้วรีบเดินไปดูลูกชายหน้าประตู เธอมองหญิงสาวทั้งสองตรงหน้าด้วยแววตาไม่พอใจ จะกล่าวว่าไม่พอใจทั้งสองก็ออกจะผิดไปหน่อย เพราะฉินรั่วหนานไม่พอใจเพียงสะใภ้ตนเองเท่านั้น ไม่ใช่พยาบาลสาวข้าง ๆ ลูกชาย“อาเสวียนลูกเป็นอย่างไรบ้าง”“ผมไม่เป็นไรแล้วครับแม่ อาอี้ให้คนดูแลผมเป็นอย่างดี แม่ไม่ต้องเป็นห่วง”“ใช่ค่ะ อย่างที่พี่หมิงเสวียนบอก นี่คุณพยาบาลอี้จินเฉิง ฉันให้เธอมาดูแลพี่หมิงเสวียนโดยเฉพาะ เกรงว่าคนที่บ้านไม่รู้เรื่องพาลจะทำให้พี่หมิงเสวียนอาการแย่ลง หวังว่าทุกคนจะให้เกียรติเธอด้วยนะคะ”แม้จะไม่ชอบสะใภ้คนนี้แต่เมื่อเป็นเรื่องของลูกชาย ฉินรั่วหนานก็เห็นด้วยว่าควรให้คนมีความรู้คอยดูแลลูกชายมากกว่า เธอจึงให้คนไปจัดห้องให้อี้จินเฉิงซึ่งอยู่ข้าง ๆ ห้องเย่หมิงเสวียน
4แผนการของสาวงามมือขวาเขาลูบไล้ตามเรียวขาเธอไปเรื่อย ๆ จนชายกระโปรงเลิกสูงขึ้น ฝ่ามือใหญ่บีบขยำบั้นท้ายงอนแน่นนั้นเพื่อระบายอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน แต่ดูเหมือนมันจะยิ่งทำให้ความต้องการเขามากขึ้นเสียมากกว่า“คุณเย่คะ แบบนี้ไม่ดีมั้งคะ คุณเกาอาจจะกลับมาเห็นได้นะคะ”เสียงหวานเอ่ยแย้งแต่ก็ยังยอมให้เขาลูบไล้เรียวขาอยู่เช่นนั้น เธอเองก็กลัวไม่น้อยว่าหากเกาม่านอี้กลับมาเห็นอาจถูกไล่ออกจากบ้านได้ จึงไม่กล้าปล่อยตัวไปทั้งหมด“เกาม่านอี้คงไม่กลับมาเร็ว ๆ นี้ถึงกลับมาเธอก็ต้องเคาะประตูก่อนอยู่ดี แต่ถ้าอาเฉิงไม่ต้องการผมก็ไม่บังคับ”“หากคุณเย่อยาก...”อี้จินเฉิงพูดพลางยืนขึ้น เลิกชายกระโปรงขึ้นไปกองไว้ที่เอว ใช้เข่าเท้าไปบนเตียงขยับไปนั่งคร่อมกลางกายเย่หมิงเสวียนเอาไว้ จนส่วนกลางทั้งสองทาบทับเบียดเสียดกันผ่านผ้าสาก สะโพกมนขยับเล็กน้อยก็ทำเย่หมิงเสวียนเชิดหน้าหลับตาผ่อนลมหายใจออกมาเข
4แผนการของสาวงามครู่เดียวอาหารก็ถูกจัดวางบนโต๊ะ ทั้งสามไม่ได้พูดอะไรกันอีก เกาม่านอี้ใช้ตะเกียบคีบเป็ดย่างบนโต๊ะ ยังไม่ทันได้กินก็ถูกคนอายุมากกว่าพูดจาเสียดสีเสียก่อน“กินเข้าไปเถอะ อ้วนจะตายอยู่แล้วยังไม่หยุดกิน”“คุณแม่เดินไม่ไหวแล้วหรือคะ”“มันเกี่ยวอะไรกับฉัน ฉันยังแข็งแรงดี ดีกว่าเธอด้วยซ้ำ”“ฉันนึกว่าตัวเองอ้วนแล้วทำให้คุณแม่เดินไม่ไหวเสียอีก หากฉันอ้วนแล้วไม่ได้ทำให้คุณแม่เจ็บป่วยก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับคุณแม่นะคะ”“นี่เธอว่าฉันงั้นหรือ”ฉินรั่วหนานตะเบ็งเสียงถามสะใภ้เสียงดัง พลางวางตะเกียบลงบนโต๊ะอาหารอย่างแรง เกาม่านอี้ไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของแม่สามี ยังคงนั่งเคี้ยวอาหารลอยหน้าลอยตาอยู่ข้าง ๆ“นี่เกาม่านอี้ คิดว่าพี่หมิงเสวียนจะเข้าข้างเธอหรือไง หากพี่หมิงเสวียนรู้ว่าเธอล่วงเกินคุณแม่ คิดว่าพี่ยังจะหนุนหลังเธอหรือ”เย่หมิงอวี่เองก็ไม่ชอบใจเ
5ท่าทีที่เริ่มเปลี่ยนไปเอกสารบนโต๊ะก็เอาที่เขี่ยบุหรี่ทับไว้ ไม่สนใจจะอ่านมันต่อ ยัดจดหมายเล็กใส่กระเป๋าเสื้อตรงอกซ้าย แล้วเดินออกจากห้องทำงานด้วยสีหน้ามีความสุขการใช้อำนาจในทางไม่ชอบเป็นอย่างนี้เอง เขาต้องการไปถึงโรงน้ำชาฟุ่ยหวินโดยเร็วจึงให้คนของตนเองจัดการเส้นทางให้โล่งมากพอที่รถจะวิ่งโดยไม่ต้องหยุด ไม่นานก็มาถึงร้านน้ำชา ห้องดื่มชาห้องหนึ่งถูกปิดไม่ให้ใครเข้าไปรบกวน ในห้องมีเพียงชากาเดียวเท่านั้น มาร้านชาแต่กลับไม่ดื่มชาเลยสักแก้ว“พี่มาเร็วนะคะ ฉันคิดว่าต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย”“พี่อยู่แถวนี้พอดี ม่านม่านนัดพี่ก็เลยรีบมา”“อ๋อเหรอคะ ฉันได้ยินพนักงานคุยกันว่าพี่แทบจะปิดถนนวิ่งอยู่แล้ว พี่อยู่ใกล้จริงหรือคะ”หญิงสาวพูดพลางยิ้มขบขัน รินชาใส่แก้วตนเองยกขึ้นดื่ม เธอคิดว่าจะลดน้ำหนักเสียหน่อยจึงควรดื่มน้ำให้มาก ยิ่งเป็นชาร้อนแบบนี้ยิ่งดีต่อร่างก “าย แต่กลับไม่รินให้ชายหนุ่มเลยสักแก้วเดี๋
5ท่าทีที่เริ่มเปลี่ยนไปหนึ่งสัปดาห์หลังจากเย่หมิงเสวียนออกจากโรงพยาบาล ที่จริงเขาหายแล้วแต่ยังแสร้งเจ็บปวดเพราะต้องการให้อี้จินเฉิงอยู่ข้างกาย ทุกครั้งที่เธอไม่อยู่ทั้งคู่ก็มักจะใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุข นี่เป็นสิ่งที่เกาม่านอี้รู้สึกยินดีมาก“พี่หมิงเสวียน อยากไปเดินเล่นนอกบ้านหน่อยไหมคะ”“ไม่ล่ะ เธออยากไปก็ไปเถอะ ฉันอยากพักผ่อนอยู่บ้าน”เธอรับรู้ได้ว่าเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย มักขมวดคิ้วเมื่อเธอพูดคุยด้วย น้ำเสียงและสีหน้าก็ไม่เหมือนเดิม ใช่แล้วนี่คือสิ่งที่เกาม่านอี้ต้องพบเจอเมื่อแต่งงานกับชายใจโลเลอย่างเย่หมิงเสวียน แต่เธอที่เป็นหลี่ม่านม่านไม่ได้สนใจมันกลับชอบใจมากเสียอีก จะได้ไม่ต้องอยู่ใกล้ ๆ เขา“อย่างนั้นพี่หมิงเสวียนอยากได้อะไรหรือเปล่าคะ ฉันจะได้ซื้อกลับมาให้”“ไม่ล่ะ เธอไปเถอะ”“ค่ะ”เกาม่านอี้เดินลงมาจากชั้นสองพลันสายตาเหลือไปเห็นฉินรั่วหนานกำลังเดินออกมาที่โถงกลา
5ท่าทีที่เริ่มเปลี่ยนไปจางอวี้เจินนึกอยากจะตะโกนถามไปว่าใครมันทำเรื่องสารเลวแบบนั้น เขาจะไปเอาชีวิตมันแต่กลัวว่าขัดขึ้นมาเธอจะตำหนิ จึงไม่อยากใจร้อน ทำได้เพียงตั้งใจฟังเรื่องราวน่าเหลือเชื่อนี้“ครั้งก่อนฉันก็แต่งงานกับเย่หมิงเสวียนแบบนี้ แต่หลังแต่งงานเขาก็มีภรรยาอีกคนให้ฉันช้ำใจ ทุกอย่างเกือบจะดีแม้เขาจะมีนิสัยแบบนี้ กระทั่งฉันท้องเขาจึงกลับมาสนใจไยดีฉัน ทำดีต่อฉัน ดูแลฉันเป็นอย่างดี แต่เมื่อเป็นสันดานจะเลิกได้อย่างไร สุดท้ายเขาก็มีภรรยาอีกคน เธอคนนั้นไม่พอใจเมื่อฉันคลอดลูกชาย เย่หมิงเสวียนเริ่มสนใจฉันกับลูกมากขึ้น”“...”“เธอคนนั้นไม่พอใจที่เย่หมิงเสวียนทุ่มเทให้บุตรชาย เธอเลยจ้างวานผู้อื่นให้ลวงฉันไปฆ่า สุดท้ายฉันจึงตายที่ทางขึ้นเขาไปวัดนอกเขตเมือง”จางอวี้เจินตั้งใจฟังและคิดตามทุกเรื่องที่เธอพูด หากเป็นคนอื่นเล่าเขาก็คงไม่เชื่อ แต่คนพูดป็นเธอเขาจึงเชื่ออย่างไม่มีเงื่อนไข“ทั
16บทส่งท้ายระหว่างที่คนสองคนกำลังยืนกอดกันอยู่ ทหารคนสนิทก็พุ่งเข้ามาโดยไม่ทันได้ดูสถานการณ์ก่อน ทำเอาผู้บัญชาการคิ้วกระตุก เจียงจื่อหยวนนึกอยากจะเอาหัวโขกพนังให้รู้แล้วรู้รอดไป เขายังไม่ชินกับการมีนายหญิงในบ้านจึงค่อนข้างลืมตัวแต่เรื่องนี้จะโทษเขาก็ไม่ได้เพราะเรื่องที่เขานำมารายงานเร่งด่วน“นายอยากถูกลงโทษสักครั้งสินะจื่อหยวน”“พี่อวี้เจินอย่าดุนักสิคะ รองเจียงเข้ามาแบบนี้ต้องมีธุระแน่ ๆ”“ว่ามา”“เจอตัวอี้จินเฉิงแล้วครับ”“ที่ไหน”“ในเขตอาคารสำนักงานเก่าตระกูลเย่ครับ”“ม่านม่านเธออยู่ที่นี่ พี่ไปดูเอง”“ค่ะ”จางอวี้เจินพูดจบก็เดินนำออกไป คิดว่าคงไปจัดการอี้จินเฉิงแน่ ๆ หลังตระกูลเย่ถูกจับ อี้จินเฉิงที่ไม่ได้รู้เรื่องราวการค้าของเถื่อนเหล่านั้นถูกปล่อยตัวไป แต่เพราะข่าวลือมากมายภายนอกทำให้เธอไม่มีที่ไปอีก จะกลับไปโรงพยาบาลก็ไม่ได้ เป้าหมา
16บทส่งท้ายเกาม่านอี้นั่งอยู่ที่เก้าอี้บ้านพักผู้บัญชาการ ช่วงนี้มีบางอย่างให้เธอคิดอย่างหนัก ไม่เข้าใจว่าทำไมมาถึงขนาดนี้แล้วยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ใจหนึ่งเธอก็อยากหลุดไปจากนิยาย แต่อีกใจกลับคิดว่าถ้าไม่ได้เจอผู้บัญชาการสุดโหดของเธออีกจะทำอย่างไรตอนนี้เธอเลยไม่กล้าอยู่ตามลำพังกับเขา เพราะในนิยายจบลงที่พระเอกบอกรักเธอ และเธอก็บอกรักเขากลับ กลัวว่าถ้าอยู่ด้วยกันแล้วเขาบังเอิญพูดมันออกมาเธอจะต้องจากไปทั้งที่ไม่ได้บอกความรู้สึกจริง ๆ“ม่านม่าน เธอมาทำอะไรตรงนี้”“เอ่อ พี่อวี้เจิน พี่ทำงานเสร็จแล้วหรอคะ”“ไม่รู้ว่าพี่คิดไปเองหรือเปล่า แต่พี่คิดว่าช่วงนี้เธอกำลังหลบหน้าพี่”“ฉันเปล่านะคะ ก็แค่มีเรื่องให้คิดมากก็เท่านั้น”“ถ้าเธอคิดมากเรื่องความรู้สึกของพี่ก็ไม่เป็นไร เธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่ พี่ก็จะไม่บังคับให้เธอต้องลำบากใจ”พูดแค่ประโยคเดียวคนโหดก็ทำท่าจะเดินจาก เขาไม่เป็นไรแ
15งานเลี้ยง“เย่หมิงเสวียนปล่อยเธอเดี๋ยวนี้”“แกคิดว่าฉันโง่หรือไงจางอวี้เจิน พวกแกหลอกฉันกับพ่อมาที่นี่ก็เพื่อจัดการตระกูลเย่”“ใครจะจัดการแกได้ ถ้าแกไม่ทำชั่วก่อน คิดว่าอาละวาดที่นี่แล้วจะหนีไปได้หรือไง”จางอวี้เจินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง พยายามบังคับตนเองไม่ให้ตื่นตระหนกหรือลนลานจนเย่หมิงเสวียนรู้ว่าเขากลัวมากแค่ไหนในตอนนี้ ไม่ว่าจะต้องออกรบหรือทำภารกิจแบบไหนเขาไม่เคยนึกกลัว มีแค่ตอนนี้ตอนเห็นปากกระบอกปืนจ่ออยู่ตรงลำคอระหงของเกาม่านอี้เรือนร่างบอบบางพยายามคิดหาทางหนีให้กับตนเองขณะถูกจับตัวอยู่ พลางคิดถึงเส้นเรื่องหลักของนิยาย อย่างที่คิดเรื่องไหนต้องเกิดก็ต้องเกิด ตอนใกล้จบของนิยายมีการปะทะกันระหว่างพระเอกและพระรอง ซึ่งตอนนั้นพระรองถูกยิงตาวย เธอจะไม่ยอมให้จางอวี้เจินต้องบาดเจ็บหรือเป็นอะไรไปเพราะคนสารเลวอย่างเย่หมิงเสวียนแน่นอน“พ่อถอย”จางอวี้เจินหันไปบอกจอมพลจางซีหลิงให้สั่งทหารรอ
14คนของฉันเกาม่านอี้ตอบพลางยื่นหนังสือสัญญานั้นให้เขาอีกครั้ง แต่แรกเขาไม่ได้สนใจหนังสือนี่เพราะมัวแต่ห่วงแผลตามร่างกายเธอ พอเธอยื่นให้อีกครั้งจึงหยิบมาดู หนังสือลงนามสัญญาค้าขายของตระกูลเย่กับพวกญี่ปุ่น ก่อนหน้านี้ไม่มีหลักฐานชัดเจนจึงเอาผิดพวกนั้นไม่ได้ เขาไม่อยากได้ชื่อว่าโหดเหี้ยม รังแกคนไม่มีอำนาจเลยตั้งใจหาหลักฐานมาตลอด“อย่างนั้นม่านม่านพักผ่อนเถอะ พี่จะออกไปสั่งงานจื่อหยวนสักหน่อย”“ได้ค่ะ ขอบคุณพี่อวี้เจินที่ยอมร่วมมือกับฉัน”“พูดอะไรอย่างนั้น ม่านม่านขอพี่ต้องยินดีอยู่แล้ว”คุยกันเสร็จชายหนุ่มก็ออกมาจากห้องของเธอ รีบถือหนังสือสัญญาไปยังห้องทำงาน ก่อนหน้านี้เขาใจร้อนเพราะรู้สึกโกรธที่เธอถูกคนอื่นรังแกจึงวู่วามเกือบฆ่าเย่หมิงเสวียน โชคดีได้เกาม่านอี้เตือนสติไว้ แต่ตอนนี้เขามีเหตุผลเพียงพอจะจัดการคนสารเลวคนนั้น“จื่อหยวน”“ผู้บัญชาการ มีเรื่องรายงานครับ”
15งานเลี้ยงโถงโรงแรมกลางเมืองถูกจัดแต่งไว้อย่างสวยงามใหญ่โต เหมาะกับตำแหน่งจอมพลของเจ้าของงานอย่างยิ่ง วันนี้เป็นวันเกิดของจอมพล แขกมากมายถูกเชิญมาร่วมงานและทุกคนที่ได้รับเชิญก็ไม่มีใครไม่กล้ามาร่วมงาน“สวัสดีครับท่านจอมพล”เย่ป๋อหรานเอ่ยทักจอมพลกลางงานเลี้ยงฉลองวันเกิด จอมพลหันมายิ้มพูดคุยกับเขาสักครู่ เพื่อไม่ให้ดูเสียมารยาทและหักหน้าเขาในตอนนี้“สวัสดีคุณเย่ วันนี้มากับลูกชายหรือครับ”“นี่เย่หมิงเสวียนลูกชายคนเดียวของผม”“สวัสดีครับ ท่านจอมพลนี่เป็นของขวัญให้ท่านครับ”“ขอบคุณมาก เชิญตามสบายนะ ผมขอตัวไปดูแขกคนอื่นสักหน่อย”เจ้าของงานรับของขวัญมาแล้วยื่นให้ทหารคนสนิทข้างกาย ไม่ได้เปิดดูในทันที จากนั้นจึงขอตัวออกไปดูแขกคนอื่นที่เริ่มทยอยเข้ามาในงานบ้างแล้วปกติจอมพลจะไม่จัดงานเลี้ยงรับรองหรืองานฉลองอะไร แต่ครั้งนี้เป็นครั้งสำคัญที่ถูกขอให้จัด ผู้คนจึงมาร่วมงานกันม
14คนของฉันเช้ามืดของวันต่อมาเกาม่านอี้และหลู่ปินปินเตรียมกระเป๋ามาวางไว้ใกล้ประตูเผื่อหยิบได้สะดวก พอเตรียมของเสร็จก็นั่งรอให้ฟ้าสว่างช่วงสายของวันคนบ้านนั้นต้องรีบมาเอาเรื่องเธออีกแน่“เกาม่านอี้ ออกมาเดี๋ยวนี้!”นั่นอย่างไร! เสียงโหวกเหวกด้านนอกที่เธอรอมาเสียตั้งนาน หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะเปิดประตูเรือนเดินออกมา ท่าทางนิ่งสงบต่างจากเมื่อวานทำให้อี้จินเฉิงนึกโมโห แต่พอมองดูเธอดี ๆ ก็รู้สึกดีขึ้นมากส่วนที่โผล่พ้นร่างกายของเกาม่านอี้มีแต่รอยฟกช้ำ แม้แต่ใบหน้าสวยยังบวมขึ้นเพราะถูกตีด้วยแรงของผู้ชาย หากจางอวี้เจินมาเห็นเธอในสภาพนี้ตระกูลเย่คงถูกฆ่าล้างตระกูลแน่ ๆ“เธอกล้ามากนะเกาม่านอี้ที่ทำร้ายฉัน”เย่หมิงเสวียนพูดเสียงเข้ม ก่อนจะก้าวมายืนตรงหน้าเธอ ผู้ชายคนนี้ช่างกล้าพูดเหลือเกินตัวเองถูกตีนิดหน่อยดันทำเป็นเรื่องใหญ่ แต่เรื่องที่ตีคนอื่นกลับไม่พูดถึงแม้แต่ครึ่งคำ“แล้วคุณไม่ทำร้าย
13เรื่องดีและเรื่องร้าย“เกาม่านอี้!”เสียงตะโกนโหวกเหวกด้านนอกของคนเมา ทำให้เธอรู้ได้ในทันทีว่าเขามาแล้ว และทุกอย่างเป็นไปตามที่เธอวางแผน เหลือเพียงหนึ่งตัวประกอบที่ยังมาไม่ถึงเกาม่านอี้เดินออกไปหาเขาด้วยท่าทางปกติ ไม่หวาดกลัวความกรุ่นโกรธในดวงตาเขาเลยแม้แต่น้อย เย่หมิงเสวียนตรงเข้ามากระชากข้อมือเธออย่างแรง กำแน่นจนเธอเจ็บขึ้นมาเล็กน้อย เนื้อขาวเปลี่ยนเป็นแดงในทันที แต่ใบหน้าเธอยังคงเชิดรั้นไม่หวาดกลัวต่อท่าทีคุกคาม นั่นทำให้เย่หมิงเสวียนยิ่งรู้สึกโมโห“เธอทำแบบนั้นกับอาเฉิงได้ยังไง ไม่รู้หรือว่าอาเฉิงกำลังท้อง ฉันไม่คิดเลยว่าผู้หญิงใจดีคนนั้นจะกล้าทำร้ายแม้แต่เด็กที่ยังไม่เกิด”“ทำไมไม่ถามผู้หญิงคนนั้นดูล่ะว่าเธอมาที่นี่ทำไม และเธอทำอะไรกับคนของฉัน คุณไม่ได้ถามเธอละสิ อีกอย่างฉันไม่ใช่ผู้หญิงใจดีไม่เคยยินดีแบ่งสามีให้ใคร ฉันก็แค่แกล้งโง่เท่านั้น”“ไม่ว่าอาเฉิงจะทำอะไรเธอก็ไม่คว
13เรื่องดีและเรื่องร้ายช่วงบ่ายวันนี้อากาศไม่ร้อนมาก เธออาศัยตอนทุกคนมีธุระจัดการ มายังเรือนเล็กเพื่อดำเนินแผนการของตนเอง เธอมีโอกาสแค่วันนี้เท่านั้น ยังไม่ถึงเรือนเล็กดีก็เจอหลู่ปินปินถอนหญ้าในแปลงดอกไม้ของเกาม่านอี้อยู่“นี่ เกาม่านอี้อยู่ที่ไหน”เด็กสาวหันไปมองคนถาม ไม่พอใจที่ผู้หญิงคนนี้เรียกชื่อพี่ม่านอี้ของเธอด้วยความไม่เคารพ ทั้งที่ตัวเองเป็นแค่ภรรยารองเท่านั้น หันไปมองแต่ไม่ได้ตอบอะไร จากนั้นมือเล็กก็ถอนหญ้าอย่างไม่ใส่ใจเพราะไม่อยากพูดคุยกับคนที่เจ้านายเกลียดอี้จินเฉิงนึกโมโหขึ้นมาเมื่อถูกสาวใช้เมิน จึงต่อว่าเธออีกไม่น้อย เกาม่านอี้ที่นั่งเก็บของอยู่ในบ้านได้ยินเสียงโวยวายก็รีบออกมาดู น้องสาวบุญธรรมของเธอนั่งคลุกฝุ่นอยู่บนพื้นดิน เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยดินที่อี้จินเฉิงเป็นคนเทใส่“เธอมาหาเรื่องฉันไม่ใช่หรือไง ทำไมต้องไปลงที่คนอื่น”“คนของเธอมันไม่เคยมีใครสั่งสอนยังไงล่
13เรื่องดีและเรื่องร้ายอี้จินเฉิงใช้เวลากว่าเดือนครึ่งคิดหาวิธีกำจัดเกาม่านอี้ เพราะหลังจากกลับมายังเรือนใหญ่วันนั้น เย่หมิงเสวียนก็เอาแต่แวะเวียนไปหาเกาม่านอี้บ่อยครั้ง คิดว่าอีกไม่นานเขาต้องลืมเลือนเธอแล้วไปพาเกาม่านอี้กลับมาแน่นอน จนในที่สุดก็คิดได้ว่าตระกูลเย่ต้องการมากก็คือทายาท เธอจึงตั้งใจจะหลอกพวกเขาว่าเธอตั้งครรภ์ เรื่องนี้จะมีใครรู้ดีกว่าเธอที่เป็นพยาบาลอีกเล่าหากเธอตั้งครรภ์ทุกคนต้องดีใจมาก และคงต้องโกรธมากเมื่อรู้ว่าทายาทถูกคนอื่นทำร้ายจนถึงแก่ความตาย ริมฝีปากยกสูงเหยียดยิ้มให้กับแผนการอันแยบยลของตัวเองเช้าวันต่อมาอี้จินเฉิงลงมาทานอาหารเช้าพร้อมกับคนในตระกูลเย่ทั้งหมด เธอเลือกวันนี้เพราะทุกคนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา หลังจากสาวใช้วางอาหารจนครบเธอไอเบา ๆ ครั้งหนึ่งก่อนจะเริ่มพูดเรื่องที่คิดเอาไว้“ขอโทษนะคะที่เสียมารยาทพูดกลางโต๊ะอาหารอย่างนี้”“มีอะไรทำไมไม่รอให้ทานอาหารกันเสร็จก่อน”เย่หมิ