บทที่ 8 ขายซาลาเปา
ไอความร้อนลอยออกมาจากตัวซาลาเปาที่วางลงบนโต๊ะเวยอันรออยู่อย่างใจจดใจจ้องมองอย่างดีใจใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
"พี่เหม่ยหลิงซาลาเปาที่อยู่ตรงหน้านี้ฉันกินได้จริง ๆ ใช่มั้ย? หรือต้องรอให้ทุกคนกินอิ่มก่อนเราถึงจะได้กิน " ความเคยชินจากที่เคยอยู่บ้านตระกูลเหวินทำให้เวยอันเคยตัวเพราะกลัวการถูกทุบตี เหม่ยหลิงยื่นมือไปแตะที่หัวน้องชายอย่างแผ่วเบา
"ต่อจากนี้เราไม่ต้องรอให้ใครกินก่อนหรือเราต้องคอยกินของเหลืออีกแล้วนะ ซาลาเปาที่อยู่ในจานนี้น้องชายของพี่จะกินหมดย่อมได้ ลองกินดูสิรู้มั้ยซาลาเปาต้องกินตอนร้อน ๆ นะถึงจะอร่อย แต่พี่เองไม่รับประกันว่ารสชาติจะเป็นยังไงเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ทำ"
เด็กชายคลี่ยิ้มเต็มดวงหน้าก่อนจะใช้มือจับซาลาเปายกขึ้นมาบอกแก่พี่สาว
"พี่สาวของฉันเป็นคนที่ทำอาหารอร่อยที่สุด ซาลาเปาของพี่ต้องอร่อยอยู่แล้ว " พูดจบปากเล็ก ๆ กัดซาลาเปาคำโตเข้าปากเคี้ยวอย่างเร่งรีบเพราะความร้อนก่อนจะกลืนลงท้อง เหม่ยหลิงคาดหวังเหลือเกินว่าน้องชายของเธอจะไม่คายมันออกมา
"ฮืม ..พี่สาวของฉันทำมันออกมาได้อร่อยจริง ๆ เนื้อแป้งนุ่มราวกับนุ่นแถมไส้ก็อร่อยมาก ๆ "
"นี่ไม่ใช่ว่าเราพูดเพราะกลัวพี่เสียใจหรอกนะ"
"หากไม่เชื่อพี่สาวก็ลองกินดูสิครับ " เวยอันบอกเธอก่อนจะกัดกินคำต่อไป ใจของเหม่ยหลิงสั่นระรัวหยิบซาลาเปาขึ้นมาลองกัดกินดูเนื้อแป้งหนานุ่มแถมไส้อร่อยอย่างที่เวยอันพูดมาไม่มีผิด เธอดีใจจนน้ำตาแทบไหลการทำอาหารครั้งแรกไม่คิดเลยว่าจะทำออกมาได้อร่อยขนาดนี้
ครั้นนั้นป้าเสี่ยนได้มาหาเธอที่บ้านด้วยความเป็นห่วงเห็นเธอกลับมาอยู่ใหม่กลัวจะไม่มีอะไรกินจึงนำข้าวสารมาให้
"เหม่ยหลิงนี่ป้าเสี่ยนเอง" เหม่ยหลิงวางซาลาเปาลงเดินออกไปเปิดประตูบ้านให้ป้าเสี่ยนเข้ามาด้านใน
"ป้าเสี่ยนมีอะไรหรือคะ"
"ป้าเป็นห่วงทั้งสองคนนะสิเลยแวะเอาข้าวมาให้กลัวไม่มีอะไรกิน ว่าแต่ทำอะไรกันอยู่หรือ? "
"ขอบคุณป้าเสี่ยนที่เอ็นดูฉันกับเวยอัน เข้ามาด้านในก่อนสิคะ" เธอยื่นมือรับของจากผู้ใหญ่ก่อนจะชักชวนเข้ามาด้านใน ป้าเสี่ยนไม่รอช้าเข้ามาสำรวจในบ้านของเหม่ยหลิงเนื่องจากที่ีนี่ไม่มีคนอยู่นานของใช้จำเป็นคงพังเสียหายหากเหม่ยหลิงขาดเหลืออะไรจะช่วยได้
"ป้าเสี่ยนครับ วันนี้พี่สาวทำซาลาเปาให้ผมกินด้วย อร่อยมาก ๆ เลยครับผมกินหมดไปสามก้อนอิ่มจนจุกไปหมด"รอยยิ้มของเวยอันช่างทำให้โลกของเหม่ยหลงสดใสขึ้นเธอวางข้าวไว้ก่อนจะเดินเข้าไปในครัวเพื่อหยิบซาลาเปาให้ป้าเสี่ยนได้ลิ้มลอง
"ป้าเสี่ยนฉันไม่มีอะไรจะตอบแทนวันนี้ฉันทำซาลาเปาไว้เยอะ ป้าเสี่ยนนำกลับไปให้คุณลุงได้ลองชิมดูนะคะ นี่เป็นครั้งแรกรสชาติอาจจะไม่ค่อยดีเท่าที่ควร"
"ใครบอกล่ะ เมื่อครู่ป้ากัดไปคำหนึ่งแล้วที่เวยอันยื่นให้ อร่อยแปลกใหม่ไม่มีใครทำไปได้สูตรไส้มาจากที่ไหนกัน " จะบอกว่าเธอดูจากรายการทีวีก็คงจะแปลกเหม่ยหลิงเลือกที่จะโกหก
"ฉันลองทำมั่ว ๆ ดูนะจ้ะ"
"มีพรสวรรค์จริง ๆ ขนาดทำมั่วซั่วยังรสชาติดีขนาดนี้ทำไมไม่ลองเปิดร้านขายซาลาเปาดูล่ะ แถวนี้ไม่มีร้านของขนมพวกนี้อาจจะทำเงินได้มากเลย อีกทั่งซาลาเปาเนื้อแป้งนุ่มฟูไม่แข็งกระด้างไส้ก็แตกต่างจากที่เคยกินอีกด้วย"
ใบหน้าของผู้ที่กินบ่งบอกเหม่ยหลิงพร้อมคำชมทำให้เธอมีความหวังที่จะทำซาลาเปาขายจริง ๆ
"จะขายได้จริง ๆ หรือคะ "
"ได้สิ ป้าจะช่วยบอกต่อป่าวประกาศให้คนที่มากินอาหารที่ร้านเอง "
"ขอบคุณป้าเสี่ยนมาก ๆ เลยนะคะ งั้นฉันจะไปหยิบซาลาเปาให้ป้าเสี่ยนไปอีก ไว้ให้ผู้อื่นชิมหากอร่อยจริง ๆ ฉันคงจะได้ขาย" เหม่ยหลิงยิ้มกริ่มรีบเดินเข้าไปในครัวหยิบซาลาเปาใส่ถุงให้ป้าเสี่ยนนำกลับไปแจกจ่ายได้ชิม หากจะขายเธอจะต้องทำการตลาดเสียก่อน
และแล้วเรื่องที่เธอไม่คาดหวังก็เกิดขึ้นเมื่อลุงจ่าวได้ชิมพร้อมกับลูกค้าที่มากินอาหารที่ร้านต่างพากันชมเป็นเสียงเดียวกันว่าซาลาเปานี่อร่อย ขนาดทิ้งไว้จนเย็นแต่แป้งไม่แข็งตัว ช่างเป็นร้านที่ผสมแป้งและตีแป้งได้เก่งจริง ๆ จนถามหาร้านที่ป้าเสี่ยนนำมา เรื่องนี้สร้างความสุขและความดีใจให้แก่เหม่ยหลิงยิ่งนัก เธอจึงคิดว่าเธอจะทำซาลาเปาขายเพื่อดำรงชีวิตต่อจากนี้ จากสูตรที่เธอดูมาจากรายการทีวีจนทำให้เธอมีรายได้ ช่างเป็นเรื่องที่ดียิ่งนัก
หลายวันต่อมาเหม่ยหลิงเริ่มปรับตัวอยู่ที่บ้านของเธออย่างคุ้นชินและเธอทำซาลาเปาส่งที่ร้านป้าเสี่ยนในทุกเช้าโดยมีเวยอันคอยช่วยเป็นลูกมือ จนมาวันนี้เหม่ยหลิงคิดว่าหากเธอเปิดร้านขายเองคงจะดีไม่น้อย แม้จะขายดีแต่ก็สู้มีหน้าร้านให้ทุกคนรู้จักว่าเธอเป็นคนทำและมาซื้อที่ร้านของเธอจะทำให้เธอมีลูกค้ามากขึ้นกว่าเดิม ซาลาเปาของเธอไม่ได้ขายแพงชาวบ้านสามารถซื้อจ่ายคล่องมือทำให้เธอสามารถเก็บเงินได้บ้าง เธอใช้โต๊ะที่ไม่ได้ใช้งานในบ้านมาตั้งเพื่อนำซาลาเปามาวางขาย โชคดีที่คนแถวนั้นรู้มาบ้างว่าเหม่ยหลิงคือคนที่ทำซาลาเปาส่งให้ร้านของป้าเสี่ยนจึงพากันมาซื้อกินที่ร้านของเธอ หลายวันมานี้เหม่ยหลิงทั้งเหนื่อยทั้งมีความสุขจนลืมคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาเลยด้วยซ้ำ
ฝั่งด้านเหวินเทียนหลังจากที่เขาหย่ากับเหม่ยหลิงเขาเอาแต่เศร้าโศกเสียใจจนผู้เป็นแม่กลัดกลุ้มไปใหญ่ วัน ๆ เอาแต่ดื่มเหล้าไม่ทำมาหากิน งานบ้านที่เหม่ยหลิงเคยทำกลับกลายเป็นไม่มีคนทำ ทำให้ข้าวของในบ้านเริ่มรกและไม่เป็นที่เป็นทาง ลู่หลินกลับมาจากโรงเย็บผ้ามาเหนื่อย ๆ ถูกแม่ใช้งานจนเธอตอบกลับผู้เป็นแม่ทันที
"คุณแม่แค่ฉันไปทำงานที่โรงเย็บผ้าก็เหนื่อยพออยู่แล้วจะให้มาทำงานบ้านหุงหาอาหารอีกไม่เอาหรอก หากตอนนี้เหม่ยหลิงยังอยู่ที่นี่คงดี ดูสิบ้านเรือนไม่น่าอยู่เลย เฮอะ! แล้วนี่เหวินเทียนอยู่ที่ไหนอย่าบอกนะว่ายังเศร้าเสียใจอยู่ จริงสิวันนี้ซิงเยียนถามหาด้วยฉันเล่าเรื่องวันที่เหม่ยหลิงแท้งให้ฟังและเล่าเรื่องที่เหวินเทียนหย่ากับเหม่ยหลิงตอนนี้ซิงเยียนเหมือนสนใจเหวินเทียนอยู่คุณแม่ช่วยจัดการให้เขาเป็นผู้เป็นคนเสียที วันนี้ฉันเหนื่อยแล้วไปพักดีกว่า " ฟางเซียนเมื่อได้ยินรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าก่อนจะไปดูลูกชายตัวเองที่ห้อง
"นั่นนะสิ! ต้องรีบจัดการให้เหวินเทียนได้สติเสียที จะไปเสียดายผู้หญิงอย่างนั้นทำไมกัน " เธอย่ำเท้าเดินเข้าไปให้ห้องของเหวินเทียนกลิ่นเหล้าคละคลุ้งไปหมด เธอรีบใช้มือบีบจมูกมองหาลูกชายของตัวเองที่เมาหลับนอนอยู่บนเตียง
"เฮ้อ! ทำไมถึงเป็นแบบนี้น่ะ ไม่ได้การละต้องจัดการเก็บกวาดห้องเสียก่อน" ฟางเซียนจัดการเก็บขวดเหล้าหยิบจัดไม้กวาดมากวาดให้สะอาดเปิดหน้าต่างให้ลมระบายออกก่อนที่เธอจะคิดบางอย่างออก หากซิงเยียนสนใจเหวินเทียนจริง และคงยากที่จะให้เหวินเทียนสนใจซิงเยียน รอยยิ้มชั่วร้ายจึงปรากฏขึ้น เธอเปลี่ยนความคิดที่จะให้ลูกชายเข้าหาแต่จะให้ซิงเยียนมาหาลูกชายเธอเอง เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอเลือกที่จะออกเดินทางไปหาซิงเยียนหากพบเธอวันนี้นับว่าเป็นโชคชะตาเข้าข้าง
บทที่ 9 ขายดิบขายดีเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนในโรงงานกำลังเดินทางกลับบ้านโชคดีที่บ้านของฟางเซียนไม่ไกลจากโรงงานเท่าไหร่นัก เธอมาถึงได้ยืนชะเง้อมองหาซิงเยียน เห็นเธอโบยมือร่ำลาลูกน้องในโรงงานเมื่อหันมาเห็นฟางเซียนเธอรีบเดินเข้ามาทักทายทันที"สวัสดีค่ะป้าฟางเซียนมารับพี่ลู่หลินหรือคะ?""อ้อ…ไม่ใช่จ้ะ ป้ามาที่นี่เพราะต้องการเจอหนูซิงเยียนมาคุยกับป้าสักหน่อยได้มั้ย " ซิงเยียนคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างสงสัยแต่ก็ยอมเดินตามฟางเซียนไปยืนคุยไกล ๆ ผู้คน"คุณป้ามีเรื่องอะไรหรือคะ? ""ป้าอยากจะถามหนูอย่างจริงใจ หนูซิงเยียนชอบลูกชายของป้าหรือเปล่าจ้ะ " เมื่อถามขึ้นใบหน้าของเธอแดงระเรื่อราวมะเขือเทศ ยืนบิดอายไปมาเผยให้ฟางเซียนเห็นโดยที่เธอไม่ต้องตอบก็รู้ว่าเธอคิดยังไงกับเหวินเทียน"ป้าฟางเซียนถามอย่างนี้จะให้ฉันตอบยังไงคะ หากจะว่าชอบก็คงตรงไป ""ไม่เลยเพราะป้ามาหาหนูวันนี้เพราะมีความจริงจะบอก จริงสิวันนี้ลู่หลินเล่าให้ป้าฟังแล้วว่าหนูรู้แล้วเรื่องที่เหวินเทียนหย่ากับภรรยา ตอนนี้เขาโศกเศร้าเสียใจมากจนไม่ได้สติ หากตอนนี้หนูซิงเยียนเข้าไปปลอบใจอยู่เคียงข้างเขาคงจะมีกำลังใจขึ้นมา วันนี้หนูมีเรื่องจะต้องท
บทที่ 10 รับผิดชอบหลังจากการปฏิวัติทุกอย่างเริ่มดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตหรือการคมนาคม ชาวต่างชาติได้เข้ามาทำการค้าได้อย่างเสรี เครื่องจักรต่าง ๆ ถูกนำเข้ามาจากต่างประเทศ โรงงานมากมายถึงเปิดทำการเป็นของนายทุนแถมยังเปิดรับสมัครคนงานเป็นจำนวนมากผู้คนที่นี่จึงไม่ได้อดอยากเหมือนแต่ก่อนโรงเรียนที่เหม่ยหลิงพาเวยอันมาฝากเข้าเรียนมีการสอนภาษาด้วยแต่ทว่าไม่ใช่โรงเรียนที่สอนฟรี เหม่ยหลิงแม้จะมีทางเลือกที่จะให้เวยอันไปเข้าเรียนโรงเรียนธรรมดากลับคิดว่าเพื่อคุณภาพชีวิตของน้องชายไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรนัก เพราะภาษาคือใบเลิกทางให้เวยอันเติบโตมีความรู้ความสามารถที่ดีและได้เปรียบทางด้านภาษาจึงตกลงที่จะให้เวยอันเข้าเรียนที่นี่หลังจากที่จัดการเรื่องการเรียนซื้อชุดรองเท้าพร้อมกระเป๋าที่ตลาดทั้งสองจึงพากันกลับบ้านแต่ระหว่างได้พบเข้ากับคนละแวกบ้านของแม่สามีเก่า พวกเขาเห็นเธอใช้จ่ายมือเติบจึงได้เข้ามาถามไถ่"นี่ใช่เหม่ยหลิงสะใภ้ตระกูลเหวินมั้ย! " เหม่ยหลิงเห็นคนอาวุโสกว่าเข้ามาทักทายเธอเลือกที่จะทักทายกลับอย่างมีมารยาท"ใช่ค่ะฉันเหม่ยหลิงแต่ไม่ใช่สะใภ้บ้านนั้นแล้ว ""โฮ๊ะ ๆ จริงด้วยฉันเคยตั
บทที่ 11 ร่วมแสดงความยินดีบ้านตระกูลเหวินตกแต่งหน้าบ้านอย่างสวยงาม แขกเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกันมากมาย ฟางเซียนกับลู่หลินแต่งตัวหรูหราหากไม่บอกคิดว่าทั้งสองแม่ลูกเป็นเจ้าสาวเองเสียอีกเหม่ยหลิงก้าวเท้าเข้ามาที่บ้านของเหวินเทียนอีกครั้ง เมื่อคราที่ก้าวออกไปเธอคิดว่าจะไม่มาเหยียบที่นี่อีกแต่เมื่อสามีเก่าจะแต่งงานเธอต้องมีน้ำใจมาแสดงความยินดีเสียหน่อย"ยินดีด้วยนะฟางเซียนวาสนาของเธอดีจริง ๆ ได้สะใภ้เป็นถึงลูกสาวเจ้าของโรงเย็บผ้าได้ยินมาว่าเป็นลูกสาวคนเดียวด้วย หากว่าอนาคตข้างหน้าไม่ใช่จะตกเป็นสมบัติของลูกสะใภ้เธอหรอกหรือ? อย่างนั้นเท่ากับว่าเหวินเทียนอาจจะเป็นผู้ดูแลกิจการ แข่งอะไรก็แข่งได้วาสนาแข่งกันไม่ได้จริง ๆ " หญิงคนหนึ่งได้นำของมาร่วมยินดีก่อนจะเอ่ยแสดงความยินดีกับฟางเซียนที่ยืนต้อนรับอยู่ด้วยใบหน้าปลื้มปริติยินดี"โฮ๊ะ ๆ เธอก็กล่าวเกินไปแล้วจะมาตกเป็นของลูกชายฉันได้ยังไงล่ะอยากไรก็เป็นของลูกสะใภ้ฉันทางครอบครัวเราไม่ก้าวก่ายหรอก เชิญ ๆ ไปด้านในเถอะมีอาหารมากมายกินให้อิ่มหนำสำราญเลยนะ " ฟางเซียนเอ่ยถ่อมตัวแต่ในใจยิ้มกริ่มเบิกบานจนแทบจะหุบยิ้มไม่ไหว"โอ้โห้...ฉันพึ่งจะเห็นรอยยิ้
บทที่ 12 นายพลคนใหม่เหม่ยหลิงลอบรำพึงในใจเมื่อได้ไปอวยพรกับสะใภ้ใหม่ของตระกูลเหวิน แต่เธอคงจะไม่โดนอย่างที่เหม่ยหลิงโดนแน่ ๆ เพราะเธอนั้นทั้งรวยแถมยังเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้านด้วย เหม่ยหลิงสบายใจเดินซื้อของที่ตลาดเพื่อนำกลับไปทำซาลาเปาของเธอต่อ ใครจะแต่งงานใหม่ใครจะเป็นอย่างไรต่อไปเธอไม่ได้สนใจเพราะตอนนี้หน้าที่ของเธอคือการดูแลน้องชายหาเงินและหนทางที่ร่ำรวยอยู่อย่างมีความสุขวันเวลาผ่านมาหลายวันร้านของเหม่ยหลิงเลื่องลือไปทั่วทั้งรสชาติของไส้และตัวแป้งที่ไม่เหมือนใครทำให้ผู้คนที่ได้กินต้องติดใจจนต้องรีบมายืนคอยตั้งแต่ร้านยังไม่เปิดด้วยซ้ำ แม้จะเหนื่อยกายแต่ทว่าเหม่ยหลิงกลับมีความสุขมาก ๆ"พี่เหม่ยหลิงฉันช่วยเก็นนะครับ วันนี้พี่คงเหนื่อยน่าดูผมเห็นพี่ตื่นแต่เช้าตรู่ทำซาลาเปาเพิ่มตั้งมากมาย พี่ทำเพื่อผมขนาดนี้ผมจะช่วยงานพี่เองพี่ไปนั่งพักนะครับ" วันนี้เวยอันกลับมาเร็วเนื่องจากคุณครูที่สอนจะไปร่วมงานต้อนรับนายพลที่ย้ายมาประจำการที่กองทัพในอำเภอแห่งนี้ ที่เหม่ยหลิงหนื่อยและต้องทำซาลาเปาเพิ่มเพราะมีคนมาสั่งซาลาเปาเพื่อไปเป็นของว่างกินต้อนรับนายพล เธอจ้องมองน้องชายอย่างเอ็นดูก่อนจะวางมือจากผ
บทที่ 13 ถูกใจบ้านตระกูลเหวินหลังจากงานแต่งเสร็จสิ้นสะใภ้ได้เข้ามาอยู่ที่บ้านของสามี ตั้งแต่คืนวันแต่งงานเหวินเทียนไม่ได้แตะต้องตัวของซิงเยียนเลย ทำให้เธอทุกข์ระทมหัวใจโชคดีที่มีแม่สามีคอยเอาใจใส่ดูแล ทำกับข้าวเก็บกวาดบ้านทำกระทั่งซักผ้าให้ลูกสะใภ้ด้วยซ้ำวันนี้ลู่หลินกำลังออกไปทำงานอย่างที่เธอไปทำทุกวันนี้ เธอจะออกไปทำงานหาแม่ไม่เจอจึงเดินหาอ้อมบ้านเห็นแม่กำลังนั่งซักผ้าให้ลูกสะใภ้กับลูกชายอยู่หลังบ้านเธอเลยรู้สึกว่าแม่จะทำเกินไปจริง ๆ"คุณแม่ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้เรื่องงานบ้านฉันเองก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่แม่จะมาซักผ้าให้เหวินเทียนกับน้องสะใภ้ได้ยังไง อีกอย่างตะวันขึ้นโด่งป่านนี้ยังไม่ตื่นอีก เฮ้อ! ตอนแรกฉันคิดว่าซิงเยียนจะเป็นคนขยันเห็นเข้าไปดูงานที่โรงงานทุกวัน แต่ที่ไหนได้เป็นคุณหนูตื่นสายและทำงานบ้านไม่เป็นสักอย่าง แม่หยุดทำได้แล้วไปปลุกให้เหวินเทียนมาซักให้เถอะ เจ้านั่นก็เหมือนกันทำตัวอย่างกับไร้ชีวิตชีวา ""แกไม่ต้องมาบ่นมากไม่รีบไปทำงานหรือไงอีกอย่างงานแค่นี้ฉันทำได้ จะให้ลูกสะใภ้อย่างซิงเยียนมาทำได้ยังไง อย่าลืมสิเธอเป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้าของโรงเย็บผ้านะจะให้มาทุกข์ยากได้ยังไง " ฟ
บทที่ 14 ฉันจะเป็นคุณนายทหารลู่หลินเดินทอดน่องมาถึงบ้านด้วยความตื่นเต้นที่จะเล่าให้แม่ฟังว่าตนเองพบเจอผู้ใดมาแต่เมื่อกลับมาดันเห็นว่าคุณแม่ของตัวเองกำลังนวดหลังให้ลูกสะใภ้อย่างเอาอกเอาใจเธออดที่จะต่อว่าไม่ได้ แม้จะเป็นลูกเจ้าของโรงงานแล้วยังไงในเมื่อตอนนี้ซิงเยียนก็เป็นน้องสะใภ้ของเธอเหมือนกัน"นี่น้องสะใภ้มันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอที่จะให้คุณแม่มาทำอะไรแบบนี้ ฉันไม่เคยเห็นแม่สามีบ้านไหนที่ต้องคอยนวดให้สะใภ้อย่างนี้เลย มีแต่ลูกสะใภ้ที่ต้องเอาอกเอาใจแม่สามีคอยดูแลบ้านเรือนหุงหาอาหารนวดบ่าไหลให้แม่สามี เหวินเทียนน้องไม่ได้เรื่องอยู่ที่ไหนทำไมถึงปล่อยให้ภรรยามาใช้คุณแม่อย่างนี้"ฟางเซียนกลัวว่าลูกสะใภ้จะโกรธและรังแกกลั่นแกล้งลู่หลินที่โรงงานจึงรีบตอบกลับเธอทันที"ลู่หลินมิใช่อย่างที่ลูกเห็นหรอกนะ วันนี้ลูกสะใภ้ช่วยงานบ้านแล้วเกิดปวดหลังแม่แค่นวดให้เท่านั้นไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่อะไรเลย ""นั่นสิพี่ลู่หลินคงไม่รู้ว่าฉันไม่เคยทำงานบ้านมาก่อน วันนี้ฉันใจดีช่วยคุณแม่ถูบ้านพอก้มนาน ๆ ฉันเกิดปวดหลังเท่านั้นเอง หรือว่าต่อจากนี้ฉันจะต้องจ้างคนงานมาทำความสะอาดบ้านกันนะ จะได้ไม่ทำให้คุณแม่เหน็ดเหนื่อย
บทที่ 15 พบกันครั้งแรกเหม่ยหลิงหยิบซาลาเปาไส้ถั่วแดงกับไส้หมูใส่ถุงให้ลูกค้าพร้อมรับเงินเก็บใส่กระปุกเอาไว้"กินให้อร่อยนะคะ " ลูกค้าเดินจากไปเหม่ยหลิงหันหลังจะเดินเข้าไปในครัวเพื่อนำซาลาเปาที่นึ่งไว้มาเพิ่มแต่แล้วเสียงทุ่มต่ำได้เรียกเธอเอาไว้เสียก่อน"ผมต้องการซาลาเปาครับไม่ทราบว่าที่นี่ใช่ร้านซาลาเปาหรือไม่?" เหม่ยหลิงหันกลับมาฉีกยิ้มเต็มใบหน้ารีบต้อนรับลูกค้าคนใหม่ทันที แต่เมื่อเธอเห็นใบหน้าของเขาต้องตกตะลึงไม่ว่าจะเป็นรูปหน้าที่คมเข้มร่างกายสูงโปรงแข็งแกร่งอย่างกับคนที่ออกกำลังกายอยู่ตลอดเวลา อีกทั่งรูปร่างอย่างเขาไม่ได้เห็นได้ง่าย ๆ ในที่แห่งนี้คงจะไม่ใช่คนแถวนี้แน่นอน"ใช่แล้วค่ะ ที่ร้านของเราตอนนี้มีซาลาเปาเพิ่มมาอีกไส้ลูกค้าต้องการแบบไหนคะ มีไส้ถั่วแดงกับไส้หมูค่ะ " มิใช่แค่เหม่ยหลิงที่ตกตะลึงแต่อี้หานเองก็ตกตะลึงเช่นกัน เพราะหญิงร่างบางคนนี้มิใช่แค่รสชาติฝีมือที่เหมือนภรรยาของเขาแต่ทว่าทั้งกิริยาท่าทางช่างคล้ายภรรยาของเขายิ่งนัก"เอ่อ ...ไม่ทราบว่าลูกค้ายังต้องการจะซื้อซาลาเปาอยู่มั้ยคะ? " เหม่ยหลิงเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ต่อหน้าไม่พูดอันใดเอาแต่จ้องหน้าเธอ"เอา
บทที่ 16 ทำความรู้จักลูกค้าที่กำลังยืนต่อคิวรอซื้อซาลาเปาเริ่มหันมองหน้ากันไปมา เพราะคำพูดของฟางเซียน หากเธอมาเพียงต่อว่าเหม่ยหลิงคงจะไม่โต้ตอบแต่ทว่าตอนนี้ทั้งแม่สามีเก่าและภรรยาใหม่ของเหวินเทียนกำลังใส่ความทำให้ร้านของเธอเสียหาย ลูกค้าเริ่มเป็นกังวลหากเธอไม่โต้ตอบทั้งสองคงได้ใจไม่หยุดเพียงเท่านี้"อะไรที่มากเกินไป ที่ฉันพูดมาเป็นความจริงทั้งนั้น ""ความจริงที่ว่าฉันถูกแม่สามีเก่ากับพี่สาวของสามีรุมรังแกทำร้ายจนฉันแท้งลูกนะหรือ? มิหนำซ้ำขนาดมีฉันเป็นลูกสะใภ้อยู่ทั้งคนยังจะหาเมียน้อยให้สามีของฉันช่างเป็นแม่สามีที่ดีจริง ๆ เธอเองก็เช่นกันนะระวังตัวไว้เถิดขนาดฉันยังถูกกระทำแบบนี้เมื่อไหร่ที่เธอหมดความสำคัญต่อตระกูลนี้เธอเองก็ไม่ต่างจากฉันนักหรอก ""หุบปากสกปรกของเธอเดี๋ยวนี้เลยนะ! ใครกันที่จะทำอย่างนั้นนี่ซิงเยียนไม่ต้องไปฟังเธอพูดนะ อีกอย่างลูกสะใภ้ฉันคนนี้ดีกว่าเธอเป็นไหน ๆ อีกไม่นานคงจะท้องมีหลานคนแรกให้ฉัน ไม่มีทางที่ฉันจะรังแกลูกสะใภ้ของฉันคนนี้แน่นอน ""งั้นก็เชิญออกไปจากหน้าร้านของฉันได้แล้ว หากยังมาคอยสอดเสือกพูดเรื่องที่ไม่เข้าท่าทำให้ร้านของฉันเสียชื่อเสียงฉันจะไม่ไว้หน้าอีกต
ตอนพิเศษฟิ้ว ฟิ้ว ..สายลมพัดเย็นนะเยือกบ่งบอกว่าช่วงนี้เข้าสู่ฤดูหนาวร่างบางยืนทอดสายตาจ้องมองกลางเมืองยามค่ำคืนพลางกอดอกแน่น ชายร่างใหญ่เดินออกมาจากในตัวบ้านโผล่เข้ากอดเธอจากด้านหลังอย่างแนบชิด"ทำไมมาอยู่ตรงนี้ไม่หนาวหรือไง ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นแล้วรีบเข้าบ้านกันเถอะ" อี้หานกระซิบถามพร้อมบอกให้ภรรยาของตน"ฉันอยากมองดูดวงจันทร์อีกสักหน่อยเดี๋ยวอีกไม่กี่วันหิมะคงจะตกเมื่อนั้นดวงจันทร์ที่สวยงามคงไม่มีให้เห็น " ตั้งแต่แต่งงานมานี่ก็สามเดือนแล้ว เหม่ยหลิงมีความสุขเสียจนคิดว่านี่เป็นเพียงความฝัน"ดวงจันทร์ไม่เห็นจะน่ามองตรงไหน สู้ภรรยาของฉันก็ไม่ได้จริงสิวันนี้คุณพ่อกับคุณแม่โทรเลขมาอยากให้ลูกสะใภ้มีหลานให้อุ้มเร็ว ๆ จนท่านทั้งสองบอกให้เธอหยุดขายซาลาเปาและจะจ่ายค่าจ้างเพื่อให้เธออุ้มท้องด้วยล่ะ ภรรยาคนสวยของฉันคงไม่อยากให้ท่านทั้งสองผิดหวังหรอกใช่มั้ย? อย่างนั้นเราไปดูดวงจันทร์ต่อที่ห้องดีมั้ย ป่านนี้เวยอันคงหลับไปแล้วไม่มีใครมารบกวนแล้วนะ! " อี้หานกระซิบข้างหูอย่างแผ่วเบาพลางหอมแก้มของเธออย่างนุ่มนวล เธออายจนใบหน้าแดงระเรื่อรีบผลักเขาออกก่อนจะเดินหนีเข้าบ้าน"ไม่เอาฉันยังไม่พร้อมจะอุ้ม
บทที่ 35 แต่งงาน"ท่านนายพลมันจะเกินไปแล้วนะ แค่ผู้หญิงต้อยต่ำคุณปกป้องเธอถึงเพียงนี้เลยหรือ? เธอคงใช้ลีลาบนเตียงเก่งสินะ ไม่ว่าจะเป็นสามีฉันเหวินเทียนหรือแม้แต่คุณก็ยังติดใจเหม่ยหลิงคนนี้ เป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจจริง ๆ " ซิงเยียนที่ยืนฟังมานานเธอได้เอ่ยขึ้นด้วยความคับแค้นใจเพราะไม่ว่าจะเป็นเหวินเทียนหรือแม้แต่ท่านนายพลลุ่มหลงอะไรเธอนักหนา"นั่นสินะแต่ก็นับว่าเป็นโชคดีที่สามีเก่าของเหม่ยหลิงโง่เง้ายอมปล่อยคนดี ๆ อย่างเหม่ยหลิงหลุดมือ ฉันไม่สนใจว่าเหมยหลิงจะผ่านใครมาหรือว่าอดีตจะเป็นอย่างไรเพราะฉันเองก็มิใช่ชายที่บริสุทธิ์ฉันเคยผ่านการมีภรรยามาก่อนอย่างนี้เท่ากันว่าฉันกับเหม่ยหลิงเราเท่าเทียมกันแล้ว คุณหนูซิงเยียนลูกสาวคนเดียวเจ้าของโรงเย็บผ้าสินะ! จำไม่ผิดเมื่อไม่กี่วันก่อนส่งคนมาทำร้ายเหม่ยหลิงถึงบ้าน วันนั้นฉันใจเย็นเพราะเหม่ยหลิงห้ามเอาไว้ หากไม่มีเธอลูกน้องของคุณหนูคงไม่ได้กลับไปอย่างมีชีวิตอยู่ คงผยองใจที่ฉันไม่เอาเรื่องสินะ ไม่ว่าจะเป็นครั้งก่อนที่เหวินเทียนสามีเก่าบุกเข้ามาหวังข่มขืน หรือจะเป็นเรื่องซาลาเปาเน่า ๆ ที่มาใส่ร้ายและคอยมาตามรังแกเหม่ยหลิงไม่เลิกลา หากวันนี้ฉันจะเอา
บทที่ 34 ผู้หญิงไร้ค่าฝั่งด้านเหม่ยหลิงหลังจากที่เธอหยุดไปหลายวันเมื่อเปิดขายอีกครั้งทำให้ซาลาเปาของเธอขายดีเพราะลูกค้าประจำคิดถึงและอยากกินพากันซื้อไปคนละหลายลูก ตอนนี้เหม่ยหลิงกำลังเก็บกวาดร้าน เพราะขายซาลาเปาหมดแล้วจังหวะนั้นเองเธอสาดน้ำราดที่ถนนหน้าบ้านพอดีเป็นจังหวะเดียวกันที่สามคนแม่ลูกเดินเข้ามาหาเธอ พวกเธอร้องกรี๊ดเสียงดังต่อว่าเหม่ยหลิงขับไล่"กรี๊ด!! อะไรของเธอกันช่างไร้มารยาท" เหม่ยหลิงมองทั้งสามพลางถอนหายใจทำไมคนพวกนี้ยังมาวุ่นวายอีก เธออุตส่าห์ไม่ไปเอาเรื่องซิงเยียนที่ส่งคนมาทำร้ายเธอแต่วันนี้ทั้งสามพากันเดินมาหาเธออย่างพร้อมหน้าดูก็รู้แล้วว่าต้องมาหาเรื่องแน่นอน"อะไรกันเดินมาไม่ดูเองยังหาว่าฉันเป็นคนทำอย่างนั้นหรือ? ถามชาวบ้านที่เดินไปมาแถวนี้สิว่าเมื่อครู่ฉันตั้งใจจะทำอย่างนั้นหรือพวกคุณเดินมาไม่ดูเอง วันนี้ตอนแรกก็อากาศแจ่มใสดีอยู่ทำไมตอนนี้เริ่มมืดครึ้มไปเสียแล้วล่ะ เป็นอย่างนี้ทำให้ฉันอารมณ์ไม่ดีเอาเสียเลย " เหม่ยหลิงทำเป็นไม่สนเดินถือกระถังน้ำเข้าบ้าน ลู่หลินทนไม่ไหวคว้าตัวเธอเอาไว้พร้อมกระชากผมของเธอเต็มแรง"นี่แกกล้าทำกับพวกฉันแบบนี้เหรอ? หลายครั้งมาแล้วที่ฉันไม
บทที่ 33 มีดีอะไรนักหนาทั้งสามมาถึงบ้านของลุงจ่าวทันทีที่ป้าเสี่ยนเห็นหน้าของอี้หานก็จดจำได้ทันทีนี่นายทหารที่เห็นวันนั้นเธอยิ้มกริ่มจ้องมองใบหน้าของเหม่ยหลิง วันนี้เธอคงพาเขามาเปิดตัวสินะ เมื่อเธอจะเอ่ยถามแต่ก็ถูกเหม่ยหลิงกระซิบกระซาบเสียก่อน“ฉันรู้นะว่าป้าคิดอะไรอยู่ แต่ไม่ได้เป็นอย่างที่ป้าคิดหรอกนะ เวยอันชื่นชอบนายพลผู้นี้มาจึงชักชวนเขามาด้วยฉันขัดไม่ได้จึงยอมให้เขามาด้วยเท่านั้น”“ป้ายังไม่ได้ว่าอะไรเลยมีเพียงแค่เวยอันหรอกหรือที่ชื่นชอบท่านนายพลป้าคิดว่าอาเหม่ยก็ชอบเหมือนกันซ่ะอีก ฮ่า ฮ่า ท่านนายพลเชิญเข้ามาด้านในเลยค่ะวันนี้คงเป็นวันเกิดที่ดีที่สุดของสามีฉันแล้วที่มีนายพลผู้ยิ่งใหญ่มาร่วมงาน” ป้าเสี่ยนพูดจบได้เดินจากเหม่ยหลิงไปหาอี้หานเชิญเขาเข้าไปในบ้านปล่อยให้เหม่ยหลิงยืนหน้าแดงอยู่เพียงลำพังทุกคนร่วมกันกินอาหารเย็นกันอย่างสุขสันต์จนถึงเวลาเอ่ยคำอวยพรและมอบของขวัญให้ และพากันแยกย้ายกลับบ้าน อี้หานสั่งให้ลูกน้องชุดเดิมกลับไปพักและสลับเปลี่ยนอีกชุดมาเฝ้าที่หน้าบ้านของเหม่ยหลิง ใจจริงเขาเองอยากจะอยู่เฝ้าเธอแต่จะทำให้เธอลำบากใจจึงทำได้เพียงให้ลูกน้องมาเฝ้าดูแลความปลอดภัยให้2 ว
บทที่ 32 พี่ชอบพี่สาวฉันจริง ๆ ใช่มั้ยเขาค่อย ๆ ทายาให้เหม่ยหลิงอย่างเบามือเธอจ้องมองความอ่อนโยนที่เขามอบให้ เขาเป็นคนเดียวเมื่อไหร่ที่เธอพบเจอกับเรื่องอันตรายจะเข้ามาช่วยไว้ได้เสมอ เมื่อมีเขาอยู่เคียงข้างหัวใจของเธออบอุ่นทุกครั้ง ความหวาดกลัวที่มีทั้งหมดได้หายไป"ขอบคุณนะคะที่เข้ามาช่วยเหลือฉันทุกครั้งที่ฉันตกอยู่ในเหตุการณ์อันตราย หากไม่มีคุณฉันคงไม่รู้จะทำอย่างไรเลย ""ไม่เห็นจะต้องขอบคุณหลายครั้งเลย คงเป็นโชคชะตาที่ลิขิตมาให้เราได้พบเจอกัน ตอนนี้รู้สึกดีแล้วใช่มั้ยฉันขอออกไปคุยกับลูกน้องสักครู่นะ" เหม่ยหลิงพยักหน้าให้อี้หาน เขาเดินออกมาด้านนอกสั่งการให้ลูกน้องไปสืบประวัติสามีเก่าของเหม่ยหลิงรวมถึงซิงเยียนที่เป็นคนสั่งการให้คนมาทำร้ายเหม่ยหลิงอีกด้วย เมื่อสั่งการเสร็จเขาได้เดินเข้ามาหาเหม่ยหลิงด้านในเห็นเธอกำลังเก็บของที่หล่นลงบนพื้นที่ซื้อมาจากตลาดอย่างทุลักทุเลจึงนั่งลงช่วยเธอเก็บของ"มาให้ฉันช่วย ซื้อของมาเยอะขนาดนี้จะขายซาลาเปาพรุ่งนี้ใช่มั้ย? แขนเจ็บแบบนี้คงนวดแป้งไม่ได้แน่ ๆ ว่าแต่ของนี่คืออะไร"เขาเก็บของหันไปเห็นของมีค่าคล้ายซื้อไว้เก็บสะสมนิยมมอบให้ผู้ใหญ่ที่นับถือ"อ้อ...
บทที่ 31 เป็นเขาอีกแล้วที่ช่วยเหลือเมื่อมาถึงหน้าประตูเหม่ยหลิงวางของไว้ที่โต๊ะหน้าบ้านก่อนจะไขกุญแจเปิดโดยมีชายคนนั้นคอยเดินตามหลังติด ๆ ทันทีที่เธอเปิดประตูเหม่ยหลิงคว้าไม้ถูพื้นฟาดใส่หัวของชายคนนั้นทำให้เขาได้รับบาดเจ็บทำให้เขาโมโหผลักกายของเหม่ยหลิงจนล้มกับพื้น"โอ๊ย!!! นี่เธอกล้าลงมือกับฉันอย่างไม่หวาดกลัวเลยอย่างนั้นหรือตอนแรกตั้งใจแค่มาข่มขู่แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ต้องทำให้เธอเจ็บกว่าฉัน""อึก! ฉันไปทำอะไรให้ทำไมต้องมาทำฉันแบบนี้อยากได้อะไรก็เอาไปเลย" เหม่ยหลิงเจ็บแขนเพราะถูกผลักจนล้มถลาลงทับแขนตัวเอง ความหวาดกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นแววตาของชายที่อยู่ตรงหน้าเริ่มเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เขาอาฆาตจนเหม่ยหลิงคิดว่าหากเธอสู้ไม่ไหวหรือไม่มีใครช่วยเธอได้วันนี้เธอคงได้ตายอีกครั้งแน่ ๆ คนเดียวที่เธอคิดถึงกลับเป็นอี้หาน เฝ้าภาวนาในใจให้เขามาช่วยเธอ"เธอไม่เคยทำอะไรให้ฉันแต่เป็นคุณหนูของฉันต่างหากที่เธอไปก่อกวนให้รำคาญใจ ไม่พูดมากมานี่ซ่ะดี ๆ ฉันจะจัดการให้เธอเจ็บน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้เอง" เขาขึ้นคร่อมร่างของเหม่ยหลิงก่อนที่จะยกมือที่ถือมีดขึ้นเพื่อแทงเข้าที่หน้าอกของเธอ เหม่ยหลิงหัวใจเต้นร
บทที่ 30 ถูกฉุดฝั่งด้านของลู่หลินเธอครุ่นคิดทั้งคืนจนใบหน้าเคร่งเครียดเพราะนอนไม่หลับอยากรู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งสอง ฟางเซียนยกข้าวมาให้ลูกได้กินอดที่จะสอบถามไม่ได้“วันนี้อารมณ์ไม่ดีอย่างนั้นหรือ? เกิดอะไรขึ้นอีก”“มีเรื่องชวนให้คิดนิดหน่อยค่ะ คุณแม่หากว่าผู้หญิงกับผู้ชายไม่รู้จักกันหรือไม่สนิทสนมกันเมื่อเห็นอีกฝ่ายเจ็บไข้จะเข้าไปช่วยเหลือมั้ย?”“ทำไมถึงถามอย่างนั้นล่ะ”“เมื่อวานนะสิคะฉันไปหาท่านนายพลที่บ้านไม่พบระหว่างทางที่จะเดินไปโรงงานเห็นนายพลพานางเหม่ยหลิงแนบชิดนั่งรถยนต์ไปหาหมอ”“นางเหม่ยหลิงนะหรือ? ทำไมรู้จักกับนายพลได้ไม่มีทางต่อให้รู้จักกันยังไงหากไม่ได้รู้สึกพิษสวาทคงไม่ให้เข้าใกล้ถึงเนื้อถึงตัว หรือว่านางเหม่ยหลิงคิดจะอ่อยนายพลให้สนตัวเองแสร้งเป็นไข้ให้ได้แนบชิดหรือ? ไม่ได้การเรื่องนี้แม่ไม่ยอมให้มันมาแย่งนายพลจากลูกเด็ดขาด ไปกันเถอะแม่จะไปจัดการกับเหม่ยหลิงเอง” ฟางเซียนโมโหเลือดขึ้นหน้าลุกขึ้นดึงมือของลู่หลินให้เดินตามตนเองไปที่บ้านของเหม่ยหลิงอย่างเร่งรีบเหวินเทียนเดินมาได้ยินบทสนธนาเมื่อครู่ทำให้เขาเกิดอาการหึงหวงไม่อยากให้เหม่ยหลิงได้ใกล้ชิดคนอื่น ก่อนที่เขาจะเอะใจ
บทที่ 29 นอนด้วยกันมั้ยคะอี้หานเปิดผ้าม่านเดินเข้าไปด้านในเห็นเหม่ยหลิงนอนหลับอยู่บนเตียงใบหน้าที่ซีดขาวเริ่มกลับมามีเลือดฝาดแถมตอนนี้ดูเหมือนร่างกายของเธอขับเหงื่อออกมามากกว่าเมื่อครู่ด้วยซ้ำคงเป็นฤทธิ์ยา"คนอะไรไม่รักตัวเองเลย ห่วงคนอื่นจนตัวเองไม่สบายอย่างนี้ใครจะดูแลเธอจะให้เวยอันคอยดูแลคนเดียวคงไม่ได้แน่ ๆ "อี้หานจ้องมองพลางคิดในใจหลังจากนั้นพยาบาลได้นำยาพร้อมค่ารักษามาให้แก่นายพลเขาไม่รอช้าจะจัดการในส่วนนี้ให้ เมื่อทำทุกอย่างเสร็จเขาได้อุ้มเธอไปที่รถเดินทางกลับบ้านตระะกูลฟ่งเมื่อมาถึงบ้านของเหม่ยหลิงเวยอันรีบเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้อี้หานก็ถึงเวลาเลิกงาน จงสั่งการให้ลูกน้องกลับไปพักผ่อนส่วนเขาจะคอยอยู่ที่นี่จนกว่าเหม่ยหลิงจะฟื้น"พี่เหม่ยหลิงเป็นอย่างไรบ้างครับ หมอบอกว่าพี่สาวของผมเป็นอะไรกัน""เหม่ยหลิงเป็นไข้หวัดที่เธอยังไม่รู้สึกตัวเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอน่าจะเหน็ดเหนื่อยแต่ไม่แสดงออกให้ใครรู้ จนร่างกายทุรดตัวทำให้เป็นหนักกว่าทุกครั้ง เวยอันฉันจะพาเหม่ยหลิงไปนอนที่ห้องเธอยังไม่ได้กินข้าวใช่มั้ย อย่างนั้นฉันพาเหม่ยหลิงเข้าพักแล้วจะออกมาทำอาหารให้นะ""ขอบคุณพี่อี้หานอ
บทที่ 28 จับไข้ปัง ปัง!! เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมเสียงที่เรียกด้านนอกอย่างเสียงดัง"เหม่ยหลิง เหม่ยหลิงเธออยู่ข้างในหรือไม่?" เวยอันที่เช็ดตัวให้พี่สาวได้ยินเสียงที่คุ้นเคยรีบวางผ้าลงเดินไปเปิดประตูให้อี้หานทันที"พี่อี้หานเดี๋ยวฉันจะเปิดประตูให้นะ" อี้หานได้ยินเสียงเวยอันจึงขยับกายออกมาไกลจากประตู"เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงยังไม่เปิดร้านขายซาลาเปา หรือว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น""พี่อี้หานตอนนี้พี่เหม่ยหลิงจับไข้นอนหนาวสั่นอยู่ที่ห้องฉันเอายาให้กินเช็ดตัวให้แต่ดูเหมือนไข้จะไม่ลดเลย ฉันจะพาพี่ไปหาหมอก็ไม่สามารถพาไปได้โชคดีเหลือเกินที่พี่อี้หานมาตอนนี้พอดี" เด็กชายใบหน้ามีหวังขึ้นมาเมื่อเห็นหน้าของอี้หาน เหม่ยหลิงจับไข้จนไม่ได้สติทำอย่างไรก็ไม่รู้สึกตัวสักที เมื่ออี้หานได้ยินรีบให้เวยอันพาไปที่ห้องนอนของเธอทันที"ห้องเหม่ยหลิงอยู่ตรงไหนรีบพาฉันไปหาเธอเดี๋ยวนี้ ""ด้านนี้ครับ "เวยอันรีบเดินไปหน้าห้องเปิดประตูให้เขาเข้าไป ร่างบางนอนสั่นเทาอยู่ใต้ผ้าห่มเหงื่อไหลออกตามรูขุมขนเมื่ออี้หานใช้มือแตะที่หน้าผากพบว่าร่างกายของเธอร้อนราวกับไฟ จึงรีบอุ้มร่างเล็กไปขึ้นรถพาเธอไปหาหมอที่โรงพยาบาล"เวยอันไม่