บทที่ 2 ฉันจะไม่ยอม
แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อจู่ ๆ ฝนเกิดตกลงมาฟางเซียนคิดหนักเพราะไม่มีท่าทีว่าฝนจะตกสักนิดหากจะให้ลู่หลินลูกสาวของเธอเดินตากฝนกลับมาคงไม่สบายแน่ ๆ เธอเลยรีบเดินไปเรียกลูกสะใภ้ถือร่มไปรับลู่หลินที่โรงเย็บผ้า
ตอนนั้นเวยอันออกไปด้านนอกเพื่อเฝ้าดูลู่หลินว่ากลับมาหรือยังเลยไม่เห็นว่าฟางเซียนกำลังเดินไปหาพี่สาวของตัวเอง
“นี่มันอะไรกัน! แอบมาหลับอยู่ในครัวได้ยังไงขี้เกียจตัวเป็นขนจริง ๆ นี่เหม่ยหลิงลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาพัก” ฟางเซียนใช้น้ำสาดเรียกให้เหม่ยหลิงตื่น ทันทีที่ร่างกายของเธอถูกน้ำก็ได้ลืมตาสะลึมสะลือขึ้นมาเพราะรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งร่างกาย
“คุณแม่ ฉันแค่นอนพักเท่านั้นพี่ลู่หลินมาแล้วหรือคะ” เธอรีบลุกขึ้นกวาดสายตามองไปด้านหลังของแม่สามี
“ตอนนี้ยังไม่มาเพราะข้างนอกเกิดฝนตก เธอเอาร่มไปให้ลู่หลินหน่อยสิฝนนี่ก็จริง ๆ เลยทั้งวันไม่ตกมาตกตอนลูกสาวของฉันจะกลับบ้าน” เหม่ยหลิงมองไปทางหน้าต่างเห็นเม็ดฝนกำลังหล่นลงมาไม่แรงเท่าไหร่ หากเธอไม่ตากฝนคงไม่ไข้ขึ้นเมื่อคิดเช่นนั้นเหม่ยหลิงรีบเดินไปถือร่มเพื่อออกไปรับลู่หลินตามที่แม่สามีสั่ง
“ได้ค่ะ แต่ว่าบ้านเรามีร่มอันเดียวไม่ใช่เหรอคะ แล้วอย่างนี้ขากลับจะให้ฉันทำยังไง”
“นี่เธอต้องให้ฉันบอกอีกเหรอ เธอก็เดินตากฝนกลับซ่ะสิ รีบไปเข้าป่านนี้ลู่หลินคงรอนานอยากกลับมาพักผ่อนแล้ว “แม่สามีรีบไล่ให้เธอเดินออกมา เหม่ยหลิงไม่รู้จะทำยังไงจึงเดินออกมาทั่งอย่างนั้นเห็นเวยอันนั่งใช้ไม้ขีดเขียนลงบนพื้นดิน ในใจของเธอปวดร้าวไปหมดเพราะขาดพ่อทำให้น้องชายของเธอไม่ได้ไปเรียนต่อ มาอยู่ในครอบครัวนี้เธอเคยขอแล้วแต่ทว่าแม่สามีไม่มีท่าทีจะยอมและบอกว่าสิ้นเปลืองเสียเปล่าเรียนไปก็เท่านั้นในเมื่อโตขึ้นก็ต้องมีเมียทำงานหาเงินอยู่ดีจะเรียนไปทำไม ค่าใช้จ่ายไม่ใช่น้อย ๆ เหม่ยหลิงเคยคุยเรื่องนี้กับสามีของเธอครั้นที่เขากลับมาบ้านครั้งก่อน เขารับปากจะคุยเรื่องนี้กับแม่ให้แต่ก็เงียบไปเช่นเคย เธอเงยหน้ามองบนท้องฟ้าก้อนเมฆหนาปกคลุมเม็ดฝนเม็ดใหญ่กำลังจะโปรยลงมา เธอรีบเรียกให้น้องชายเข้าไปรอในบ้านหากโดนฝนอาจจะไม่สบายได้
เหม่ยหลิงกางร่มไปรับลู่หลินที่โรงเย็บผ้า ที่เธอไม่ได้มาทำงานที่นี่เพราะแม่สามีต้องการให้เธอช่วยทำงานบ้านดูแลบ้าน หากให้เธอมาทำงานทั้งหมดจะเป็นเขาที่ทำ ทำให้เหม่ยหลิงหมดหนทางหาเงินที่จะส่งเวยอันได้เรียน
“นี่!! ทำไมถึงมาช้าแบบนี้รู้มั้ยว่าฉันเหนื่อยแค่ไหนที่ต้องทำงานทุกวัน เมื่อไหร่จะมีผู้ชายชาติตระกูลดีผ่านมาบ้างนะฉันอยากจะใช้ชีวิตเป็นคุณนายกับเขาเสียบ้าง เธอมันก็ดีนะที่ได้น้องชายของฉันเป็นสามีเพราะเธอแทบไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากอยู่บ้าน แม่ก็อีกคนทำไมถึงไม่ยอมให้เธอมาทำงานกัน เอาร่มมาสิยืนจ้องอยู่ได้” ผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าแต่งแต้มอย่างจัดจ้านที่ปากมีใฝเม็ดใหญ่ด่าทอน้องสะใภ้เพราะคิดว่าเธอนั้นสบายต่างจากตัวเองที่ต้องมาทำงานเหน็ดเหนื่อยทุกวัน เหม่ยหลิงรีบยื่นร่มให้ลู่หลินเธอไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเหม่ยหลิงจะกลับอย่างไรในเมื่อมีร่มอันเดียวเมื่อเธอได้ร่มก็รีบเดินกลับบ้านปล่อยให้เหม่ยหลิงเดินตากฝนทั้งที่ร่างกายกำลังจะเป็นไข้ ทำให้ร่างบางสั่นสะท้านหนาวถึงกระดูกริมฝีปากเริ่มซีดขาว มิหนำซ้ำกลับถึงบ้านแม่สามีก็ไม่ให้เธอได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะหิวใช้ให้เธอจัดโต๊ะอาหารต่อ มีเพียงน้องชายเท่านั้นที่เป็นห่วงเธอรีบไปคว้าผ้ามาให้เธอห่มกายก่อนจะยืนคอยสองแม่ลูกกินอาหารเสร็จ
เฮือก!
หยวนเหมยลืมตาสะดุ้งตื่นอีกครั้ง เธอกวาดสายตาจ้องมองไปยังเพดานพบเพียงเพดานสีขาวคล้ายโรงพยาบาลแต่ทำไมมันถึงดูทรุดโทรมและเก่าไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือหรือแม้กระทั่งเตียงยังดูซอมซ่อเสมือนว่าไม่ได้อยู่ในยุคของเธอเลยเลยซ้ำ
‘ที่นี่ที่ไหนกัน แล้วเมื่อกี้มันเป็นความฝันรึ! ทำไมผู้หญิงคนนั้นต้องยอมให้ทั้งสองแม่ลูกโขกสับด้วย เอ๊ะ!! แต่เดี๋ยวสิฉันไม่ได้ชอบดูละครน้ำเน่านี่น่าแล้วสิ่งที่ฉันฝันถึงคืออะไรกัน!’ หยวนเหมยคิดในใจก่อนที่จะได้ยินเสียงเรียกของเด็กชายที่ยืนอยู่ข้างเตียง
“พี่เหม่ยหลิงพี่ฟื้นแล้ว ฉันคิดว่าฉันจะต้องเสียพี่ไปแล้วเสียอีก ขอบคุณสวรรค์ที่ให้พี่กลับมา “หยวนเหมยมองตามเสียงสะอื้นที่พร่ำเรียกอยู่ใกล้ ๆ หูเมื่อเห็นหน้าก็เห็นว่าเด็กคนนี้ที่อยู่ในความฝันไม่ใช่เหรอ?
“นี่เด็กน้อยฉันไม่ใช่พี่สาวของเธอหรอกนะ! แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่” เด็กชายคิ้วขมวดเข้าหากันก่อนจะร้องไห้หนักมากกว่าเดิม
“พี่เหม่ยหลิงพี่เสียความทรงจำไปแล้วอย่างนั้นเหรอ อึก อึก” หยวนเหมยตกใจที่เห็นเด็กชายร้องไห้ดังมากกว่าเดิม รีบยันกายลุกขึ้นนั่งปลอบใจ
“นี่อย่าส่งเสียงดังสิที่นี่โรงพยาบาลนะ มีอะไรไหนลองเล่าให้ฉันฟังสิแล้วฉันจะช่วยนายเอง” แต่แล้วสายตาของหยวนเหมยได้หันไปสบตาตัวเองในกระจกเธอแทบไม่อยากจะเชื่อสายตา ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าหรือแม้แต่รูปร่างนี่มันไม่ใช่เธอด้วยซ้ำแต่เป็นผู้หญิงที่เธอฝันถึงเมื่อครู่นี่น่า ดวงตาของเธอเบิกโพลงก่อนจะคิดคำนวณเหตุการณ์มากมายหรือว่าสิ่งที่เธอคิดว่าความฝันอาจจะไม่ใช่ความฝันแต่เป็นความทรงจำของเจ้าของร่างนี้
“นี่เด็กน้อยฉันขอถามหน่อยสิปีนี้ปีที่ไหร่กัน “’
“ปีนี้ปี 1983 ทำไมพี่ถามเหมือนจำอะไรไม่ได้อย่างนี้ฉันจะไปตามพี่เหวินเทียนให้ตามหมอมาตรวจนะครับ “สมองของหยวนเหมยคิดหนักหากเป็นอย่างนี้นั่นหมายความว่าเธอเกิดใหม่ในร่างของผู้หญิงที่ชื่อว่าเหม่ยหลิงและเป็นพี่สาวของเวยอันเด็กชายที่อยู่ตรงหน้าสินะ! ในเมื่อสวรรค์เมตตาให้เธอกลับมาเกิดอีกครั้งแถมร่างกายนี้ก็ดูจะแข็งแรงแตกต่างร่างเก่าที่เจ็บป่วย อย่างนี้เหมือนเป็นเรื่องดีของหยวนเหมย
“เวยอันไม่ต้องไปตาม ฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้วฉันจำได้ทุกอย่างมานี่สิขอพี่กอดเธอสักหน่อย” หยวนเหมยดึงร่างของเวยอันมากอดเขาคงตกใจและขวัญเสียเป็นอย่างมากที่พี่สาวที่เป็นครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวตัดสินใจทิ้งเขาไป แต่ทว่าจากนี้หยวนเหมยผู้นี้จะไม่ยอมให้ใครมารังแกเวยอันได้อีก ในเมื่อสวรรค์บันดาลให้เธอมาเกิดใหม่เธอจะปกป้องน้องชายเอง
บทที่ 3 หย่า“เธอคงตกใจกลัวใช่มั้ยที่ไม่มีพี่อยู่เคียงข้าง เอาล่ะเลิกร้องไห้ได้แล้วต่อจากนี้พี่ไม่คิดจะหนีไปไหนอีก เราสองคนจะต้องไม่ให้ใครมารังแกได้อีกพี่จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องนายเองเวยอัน” ร่างกายของเวยอันพ่ายผอมจนหนังหุ้มกระดูกทั้งสองพี่น้องต้องพบเจอกับเรื่องไม่ยุติธรรมขนาดไหนกันนะ! แล้วทำไมเจ้าของร่างเดิมถึงได้กำลังถูกฝังอยู่ในโลง หยวนเหมยเริ่มคิดหนักในเรื่องนี้ หรือว่าเธอถูกแม่สามีกับพี่สาวรังแกจนตาย หรือว่าเธอป่วยไข้จนทนไม่ไหวตายเพราะไข้หวัดหรือ? หยวนเหมยฉุดคิดแต่ไม่ทันไรเสียงชายที่เธอพบหลังจากที่ลืมตาได้เดินเข้ามา"เหม่ยหลิงเธอฟื้นแล้วหรือ รู้มั้ยว่าฉันดีใจแค่ไหนที่เธอฟื้นขึ้นมา ฉันคิดว่าฉันจะเสียเธอไปแล้ว ทำไมเธอถึงได้คิดสั้นอย่างนั้น รู้บ้างมั้ยฉันต้องเจ็บปวดมากขนาดไหน " น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยแววตาเจ็บปวด ของชายที่เดินเข้ามาหยวนเหมยพอเดาออกนี่คงเป็นสามีของเธอ แต่เขาพูดว่าเธอคิดสั้น นั่นก็หมายความว่าเธอไม่ได้ถูกรังแกแต่เป็นเธอเองที่คิดจะฆ่าตัวตายอย่างนั้นเหรอ! เวยอันรีบผละออกให้พี่เขยเข้ามาคุยกับพี่สาว หยวนเหมยเห็นว่าเขาจะเข้ามากอดเธอรีบใช้มือดันอกเอาไว้ ไม่รู้ว่าเพรา
บทที่ 4 ความทรงจำ"เอามือออกไปจากร่างกายของฉันได้แล้ว ""ทำไมเธอถึงได้เปลี่ยนไปแบบนี้หรือว่าเพราะเกิดการกระทบจิตใจกับเรื่องที่เธอพบเจอมากันนะ! โธ่ภรรยาของฉันทำไมต้องเกิดเรื่องไม่ดีอย่างนี้ด้วย ต่อจากนี้ไม่ต้องกลัวอะไรแล้วนะฉันจะอยู่เคียงข้างคอยปกป้องเธอเอง ตอนนี้ฉันออกจากการรับราชการแล้วต่อจากนี้เรามาอยู่กันอย่างมีความสุขเถอะนะ! เธอคงเหนื่อยมามากพักผ่อนเถอะ ฉันจะออกไปเกลี้ยกล่อมคุณแม่เอง " เหม่ยหลิงไม่ได้โต้ตอบอะไรเธอเดินดูในห้องอย่างน่าสนใจก่อนจะนั่งลงที่เตียงหนานุ่ม แต่ทำไมเหมือนร่างนี้ไม่เคยได้อยู่ในห้องนี่เลยด้วยซ้ำที่นอนแบบนี้เธอคงไม่ได้สัมผัส เมื่อเห็นว่าประตูปิดลงหยวนเหมยที่อยู่ในร่างของเหม่ยหลิงนอนลงที่เตียงก่อนจะผลอยหลับไปอากาศเย็นสบายเหม่ยหลิงดีใจที่สามีของเธอจะกลับมาอยู่บ้านอย่างถาวรหลังจากที่ไปเป็นทหารกองหนุนเมื่อหลังจากการปฏิวัติเสร็จสิ้นทางการให้ทหารที่ไม่ได้มียศหรือทหารกองหนุนกลับบ้านพร้อมเงินจำนวนหนึ่งกลับมาด้วย วันนี้เหม่ยหลิงจึงเก็บกวาดเช็ดถูบ้านด้วยสีหน้าดีอกดีใจ เพราะมีเรื่องหนึ่งที่เธออยากบอกให้สามีรู้ สองเดือนที่แล้วสามีได้กลับมาเยี่ยมและร่วมหลับนอนหลังจากนั้นฤด
บทที่ 5 ได้สมบัติคืนมาอึก อึก'ทำไมถึงเจ็บปวดได้ขนาดนี้นะ! ' หยวนเหมยสะดุ้งตื่นขึ้นมาพบว่ายามนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดสลัวความรู้สึกหน่วงที่หัวใจคล้ายโรคหัวใจของเธอกำเริบอีกครั้งแต่เมื่อเธอหายใจเข้าออกอย่างช้า ๆ กลับหายไป"หรือว่าที่ฉันรู้สึกเจ็บไม่ใช่เพราะอาการของรฉันแต่เป็นความเจ็บปวดที่เหม่ยหลิงต้องพบเจอ ฉันรู้แล้วว่าทำไมเธอถึงได้อยากจบชีวิตตัวเอง ช่างไม่รักตัวเองเอาเสียเลยดูฉันสิอยากมีชีวิตอยู่ เฝ้าอ้อนวอนสวรรค์กลับไม่มีความเมตตา แต่เอาล่ะในเมื่อตอนนี้ฉันเป็นเธอฉันจะไม่ยอมตายง่าย ๆ แน่และฉันจะไม่ยอมทนกับครอบครัวนี้อีกต่อไป แม้เหวินเทียนสามีของเธอจะรักเธอมากแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถปกป้องเธอได้อย่างนี้จะมีไปทำไมสู้หย่าไปเสียดีกว่า คนที่รักเธอจริง ๆ มีเพียงตัวเองกับน้องชายเท่านั้น " เมื่อคิดได้อย่างนั้นหยวนเหมยลุกขึ้นจากเตียงนอนเดินไปหาผู้เป็นสามีเพื่อขอให้เขาหย่าให้ตนเอง และโชคดีที่แม่สามีเองก็นั่งอยู่ที่เก้าอี้พร้อมทั้งสามีของเธอ เธอจะจบเรื่องนี้ภายในวันนี้"เหม่ยหลิงเธอฟื้นแล้วหรือ? มาสิเดี๋ยวฉันจะพยุงเธอเอง วันนี้ฉันเข้าครัวทำข้าวต้มให้เธอด้วยนะคิดว่าเธอตื่นจะยกไปให้ที่ห้อง "เหวินเทียนเห็น
บทที่ 6 กลับบ้านหลังจากที่ตกลงและลงนามในใบหย่าหยวนเหมยมาหาน้องชายของตัวเองที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่อย่างเอร็ดอร่อย"เวยอันอร่อยหรือไม่? ""อร่อยมากเลยครับพี่เหม่ยหลิงทำยังไงวันนี้ถึงได้กินอาหารดี ๆ อย่างนี้ล่ะ" เด็กชายถามพี่สาวด้วยความอยากรู้ยากนักที่จะได้กินอาหารที่อิ่มและอร่อยอย่างนี้"ทำยังไงไม่สำคัญหรอกต่อจากนี้พี่จะทำให้เวยอันได้กินอาหารที่ดีและมีประโยชน์และครบสามมื้ออาหารไม่ให้อดอยากอีกแล้ว กินเสร็จแล้วเข้านอนเถอะนะวันรุ่งขึ้นเราจะเดินทางกลับตระกูลของเรากัน แม้ที่นั่นไม่มีคุณพ่อแต่พี่จะเป็นคนที่ดูแลเวยอันให้เติบโตเอง " หยวนเหมยจ้องมองน้องชายอย่างอ่อนโยนลูบหัวของเขาเบา ๆ ก่อนจะส่งยิ้มให้"ครับ แล้วพี่เหม่ยหลิงไม่กินด้วยกันเหรอครับไม่ใช่ว่าพี่จะอดเหมือนทุกครั้งหรอกนะ ""ไม่หรอก พี่บอกเวยอันแล้วอย่างไรว่าต่อจากนี้จะไม่ให้อดอยากอีกรวมถึงตัวพี่ด้วย" เมื่อพูดคุยกับน้องพักใหญ่หยวนเหม่ยได้กลับไปที่ห้องเพื่อเก็บเสื้อผ้าของตน แต่เมื่อเปิดตู้เสื้อผ้ากับพบว่ามีเพียงผ้าเก่า ๆ คล้ายกับผ้าไว้เช็ดถูก็ไม่ปาน ชีวิตของเหม่ยหลิงช่างน่ารันทดดีแท้ทันใดนั้นเองเธอได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังเ
บทที่ 7 หนทางหาเงินหลังจากกินอาหารเสร็จสองพี่น้องพากันกลับบ้าน เวยอันเหน็ดเหนื่อยจึงผลอยนอนหลับหากอยู่ที่บ้านของเหวินเทียนไม่มีทางที่จะได้นอนอย่างนี้ เหม่ยหลิงเดินดูรอบบ้าน ทั้งในครัวและห้องนอนก่อนจะมานั่งคิดหาทางเอาชีวิตรอดต่อจากนี้"จะทำยังไงดีนะ! จะไปหางานที่โรงเย็บผ้าก็ไม่อยากจะเจอกับลู่หลิน อีกอย่างเงินเพียงห้าสิบหยวนถ้าจับจ่ายใช้ไม่รู้จักประหยัดก็คงจะหมดไป หรือจะขายของเหมือนป้าเสี่ยนแล้วฉันจะขายอะไรได้ ไม่สิจะต้องดูตลาดแถวนี้เสียก่อนว่ายังไม่มีอะไรขายถึงจะคิดได้ว่าจะขายอะไร เอาล่ะตอนนี้ต้องหาฟืนเพื่อมาทำอาหารเสียก่อน " เหม่ยหลิงลุกขึ้นเดินออกไปนอกบ้านตอนนี้ดวงอาทิตย์ใกล้จะตกสู่พื้นโชคดีที่ยุคนี้เป็นยุคที่มีไฟฟ้าใช้แล้วแม้จะยังเข้าไม่ถึงบางพื้นที่แต่ที่นี่เธออยู่นับได้ว่าเป็นความโชคดีที่เธอยังอยู่ในตัวอำเภอหากอยู่แถวชนบทไฟฟ้าคงยังเข้าไม่ถึง เหม่ยหลิงเดินหาไม้ฟืนตามข้างบ้าน เพื่อใช้ในการหุงข้าวทำกับข้าวจนท้องฟ้าเปลี่ยนสี เสียงเรียกของเวยอันได้ดังขึ้นเมื่อลืมตาขึ้นมาไม่เจอพี่สาว"พี่เหม่ยหลิงอยู่ที่ไหนครับ พี่เหม่ยหลิง""เวยอันพี่อยู่นี่ ตอนนี้พี่จัดแจงห้องนอนให้เราแล้วนะต่อจากนี้
บทที่ 8 ขายซาลาเปาไอความร้อนลอยออกมาจากตัวซาลาเปาที่วางลงบนโต๊ะเวยอันรออยู่อย่างใจจดใจจ้องมองอย่างดีใจใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม"พี่เหม่ยหลิงซาลาเปาที่อยู่ตรงหน้านี้ฉันกินได้จริง ๆ ใช่มั้ย? หรือต้องรอให้ทุกคนกินอิ่มก่อนเราถึงจะได้กิน " ความเคยชินจากที่เคยอยู่บ้านตระกูลเหวินทำให้เวยอันเคยตัวเพราะกลัวการถูกทุบตี เหม่ยหลิงยื่นมือไปแตะที่หัวน้องชายอย่างแผ่วเบา"ต่อจากนี้เราไม่ต้องรอให้ใครกินก่อนหรือเราต้องคอยกินของเหลืออีกแล้วนะ ซาลาเปาที่อยู่ในจานนี้น้องชายของพี่จะกินหมดย่อมได้ ลองกินดูสิรู้มั้ยซาลาเปาต้องกินตอนร้อน ๆ นะถึงจะอร่อย แต่พี่เองไม่รับประกันว่ารสชาติจะเป็นยังไงเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ทำ"เด็กชายคลี่ยิ้มเต็มดวงหน้าก่อนจะใช้มือจับซาลาเปายกขึ้นมาบอกแก่พี่สาว"พี่สาวของฉันเป็นคนที่ทำอาหารอร่อยที่สุด ซาลาเปาของพี่ต้องอร่อยอยู่แล้ว " พูดจบปากเล็ก ๆ กัดซาลาเปาคำโตเข้าปากเคี้ยวอย่างเร่งรีบเพราะความร้อนก่อนจะกลืนลงท้อง เหม่ยหลิงคาดหวังเหลือเกินว่าน้องชายของเธอจะไม่คายมันออกมา"ฮืม ..พี่สาวของฉันทำมันออกมาได้อร่อยจริง ๆ เนื้อแป้งนุ่มราวกับนุ่นแถมไส้ก็อร่อยมาก ๆ ""นี่ไม่ใช่ว่าเราพูดเพราะก
บทที่ 9 ขายดิบขายดีเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนในโรงงานกำลังเดินทางกลับบ้านโชคดีที่บ้านของฟางเซียนไม่ไกลจากโรงงานเท่าไหร่นัก เธอมาถึงได้ยืนชะเง้อมองหาซิงเยียน เห็นเธอโบยมือร่ำลาลูกน้องในโรงงานเมื่อหันมาเห็นฟางเซียนเธอรีบเดินเข้ามาทักทายทันที"สวัสดีค่ะป้าฟางเซียนมารับพี่ลู่หลินหรือคะ?""อ้อ…ไม่ใช่จ้ะ ป้ามาที่นี่เพราะต้องการเจอหนูซิงเยียนมาคุยกับป้าสักหน่อยได้มั้ย " ซิงเยียนคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างสงสัยแต่ก็ยอมเดินตามฟางเซียนไปยืนคุยไกล ๆ ผู้คน"คุณป้ามีเรื่องอะไรหรือคะ? ""ป้าอยากจะถามหนูอย่างจริงใจ หนูซิงเยียนชอบลูกชายของป้าหรือเปล่าจ้ะ " เมื่อถามขึ้นใบหน้าของเธอแดงระเรื่อราวมะเขือเทศ ยืนบิดอายไปมาเผยให้ฟางเซียนเห็นโดยที่เธอไม่ต้องตอบก็รู้ว่าเธอคิดยังไงกับเหวินเทียน"ป้าฟางเซียนถามอย่างนี้จะให้ฉันตอบยังไงคะ หากจะว่าชอบก็คงตรงไป ""ไม่เลยเพราะป้ามาหาหนูวันนี้เพราะมีความจริงจะบอก จริงสิวันนี้ลู่หลินเล่าให้ป้าฟังแล้วว่าหนูรู้แล้วเรื่องที่เหวินเทียนหย่ากับภรรยา ตอนนี้เขาโศกเศร้าเสียใจมากจนไม่ได้สติ หากตอนนี้หนูซิงเยียนเข้าไปปลอบใจอยู่เคียงข้างเขาคงจะมีกำลังใจขึ้นมา วันนี้หนูมีเรื่องจะต้องท
บทที่ 10 รับผิดชอบหลังจากการปฏิวัติทุกอย่างเริ่มดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตหรือการคมนาคม ชาวต่างชาติได้เข้ามาทำการค้าได้อย่างเสรี เครื่องจักรต่าง ๆ ถูกนำเข้ามาจากต่างประเทศ โรงงานมากมายถึงเปิดทำการเป็นของนายทุนแถมยังเปิดรับสมัครคนงานเป็นจำนวนมากผู้คนที่นี่จึงไม่ได้อดอยากเหมือนแต่ก่อนโรงเรียนที่เหม่ยหลิงพาเวยอันมาฝากเข้าเรียนมีการสอนภาษาด้วยแต่ทว่าไม่ใช่โรงเรียนที่สอนฟรี เหม่ยหลิงแม้จะมีทางเลือกที่จะให้เวยอันไปเข้าเรียนโรงเรียนธรรมดากลับคิดว่าเพื่อคุณภาพชีวิตของน้องชายไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรนัก เพราะภาษาคือใบเลิกทางให้เวยอันเติบโตมีความรู้ความสามารถที่ดีและได้เปรียบทางด้านภาษาจึงตกลงที่จะให้เวยอันเข้าเรียนที่นี่หลังจากที่จัดการเรื่องการเรียนซื้อชุดรองเท้าพร้อมกระเป๋าที่ตลาดทั้งสองจึงพากันกลับบ้านแต่ระหว่างได้พบเข้ากับคนละแวกบ้านของแม่สามีเก่า พวกเขาเห็นเธอใช้จ่ายมือเติบจึงได้เข้ามาถามไถ่"นี่ใช่เหม่ยหลิงสะใภ้ตระกูลเหวินมั้ย! " เหม่ยหลิงเห็นคนอาวุโสกว่าเข้ามาทักทายเธอเลือกที่จะทักทายกลับอย่างมีมารยาท"ใช่ค่ะฉันเหม่ยหลิงแต่ไม่ใช่สะใภ้บ้านนั้นแล้ว ""โฮ๊ะ ๆ จริงด้วยฉันเคยตั
ตอนพิเศษฟิ้ว ฟิ้ว ..สายลมพัดเย็นนะเยือกบ่งบอกว่าช่วงนี้เข้าสู่ฤดูหนาวร่างบางยืนทอดสายตาจ้องมองกลางเมืองยามค่ำคืนพลางกอดอกแน่น ชายร่างใหญ่เดินออกมาจากในตัวบ้านโผล่เข้ากอดเธอจากด้านหลังอย่างแนบชิด"ทำไมมาอยู่ตรงนี้ไม่หนาวหรือไง ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นแล้วรีบเข้าบ้านกันเถอะ" อี้หานกระซิบถามพร้อมบอกให้ภรรยาของตน"ฉันอยากมองดูดวงจันทร์อีกสักหน่อยเดี๋ยวอีกไม่กี่วันหิมะคงจะตกเมื่อนั้นดวงจันทร์ที่สวยงามคงไม่มีให้เห็น " ตั้งแต่แต่งงานมานี่ก็สามเดือนแล้ว เหม่ยหลิงมีความสุขเสียจนคิดว่านี่เป็นเพียงความฝัน"ดวงจันทร์ไม่เห็นจะน่ามองตรงไหน สู้ภรรยาของฉันก็ไม่ได้จริงสิวันนี้คุณพ่อกับคุณแม่โทรเลขมาอยากให้ลูกสะใภ้มีหลานให้อุ้มเร็ว ๆ จนท่านทั้งสองบอกให้เธอหยุดขายซาลาเปาและจะจ่ายค่าจ้างเพื่อให้เธออุ้มท้องด้วยล่ะ ภรรยาคนสวยของฉันคงไม่อยากให้ท่านทั้งสองผิดหวังหรอกใช่มั้ย? อย่างนั้นเราไปดูดวงจันทร์ต่อที่ห้องดีมั้ย ป่านนี้เวยอันคงหลับไปแล้วไม่มีใครมารบกวนแล้วนะ! " อี้หานกระซิบข้างหูอย่างแผ่วเบาพลางหอมแก้มของเธออย่างนุ่มนวล เธออายจนใบหน้าแดงระเรื่อรีบผลักเขาออกก่อนจะเดินหนีเข้าบ้าน"ไม่เอาฉันยังไม่พร้อมจะอุ้ม
บทที่ 35 แต่งงาน"ท่านนายพลมันจะเกินไปแล้วนะ แค่ผู้หญิงต้อยต่ำคุณปกป้องเธอถึงเพียงนี้เลยหรือ? เธอคงใช้ลีลาบนเตียงเก่งสินะ ไม่ว่าจะเป็นสามีฉันเหวินเทียนหรือแม้แต่คุณก็ยังติดใจเหม่ยหลิงคนนี้ เป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจจริง ๆ " ซิงเยียนที่ยืนฟังมานานเธอได้เอ่ยขึ้นด้วยความคับแค้นใจเพราะไม่ว่าจะเป็นเหวินเทียนหรือแม้แต่ท่านนายพลลุ่มหลงอะไรเธอนักหนา"นั่นสินะแต่ก็นับว่าเป็นโชคดีที่สามีเก่าของเหม่ยหลิงโง่เง้ายอมปล่อยคนดี ๆ อย่างเหม่ยหลิงหลุดมือ ฉันไม่สนใจว่าเหมยหลิงจะผ่านใครมาหรือว่าอดีตจะเป็นอย่างไรเพราะฉันเองก็มิใช่ชายที่บริสุทธิ์ฉันเคยผ่านการมีภรรยามาก่อนอย่างนี้เท่ากันว่าฉันกับเหม่ยหลิงเราเท่าเทียมกันแล้ว คุณหนูซิงเยียนลูกสาวคนเดียวเจ้าของโรงเย็บผ้าสินะ! จำไม่ผิดเมื่อไม่กี่วันก่อนส่งคนมาทำร้ายเหม่ยหลิงถึงบ้าน วันนั้นฉันใจเย็นเพราะเหม่ยหลิงห้ามเอาไว้ หากไม่มีเธอลูกน้องของคุณหนูคงไม่ได้กลับไปอย่างมีชีวิตอยู่ คงผยองใจที่ฉันไม่เอาเรื่องสินะ ไม่ว่าจะเป็นครั้งก่อนที่เหวินเทียนสามีเก่าบุกเข้ามาหวังข่มขืน หรือจะเป็นเรื่องซาลาเปาเน่า ๆ ที่มาใส่ร้ายและคอยมาตามรังแกเหม่ยหลิงไม่เลิกลา หากวันนี้ฉันจะเอา
บทที่ 34 ผู้หญิงไร้ค่าฝั่งด้านเหม่ยหลิงหลังจากที่เธอหยุดไปหลายวันเมื่อเปิดขายอีกครั้งทำให้ซาลาเปาของเธอขายดีเพราะลูกค้าประจำคิดถึงและอยากกินพากันซื้อไปคนละหลายลูก ตอนนี้เหม่ยหลิงกำลังเก็บกวาดร้าน เพราะขายซาลาเปาหมดแล้วจังหวะนั้นเองเธอสาดน้ำราดที่ถนนหน้าบ้านพอดีเป็นจังหวะเดียวกันที่สามคนแม่ลูกเดินเข้ามาหาเธอ พวกเธอร้องกรี๊ดเสียงดังต่อว่าเหม่ยหลิงขับไล่"กรี๊ด!! อะไรของเธอกันช่างไร้มารยาท" เหม่ยหลิงมองทั้งสามพลางถอนหายใจทำไมคนพวกนี้ยังมาวุ่นวายอีก เธออุตส่าห์ไม่ไปเอาเรื่องซิงเยียนที่ส่งคนมาทำร้ายเธอแต่วันนี้ทั้งสามพากันเดินมาหาเธออย่างพร้อมหน้าดูก็รู้แล้วว่าต้องมาหาเรื่องแน่นอน"อะไรกันเดินมาไม่ดูเองยังหาว่าฉันเป็นคนทำอย่างนั้นหรือ? ถามชาวบ้านที่เดินไปมาแถวนี้สิว่าเมื่อครู่ฉันตั้งใจจะทำอย่างนั้นหรือพวกคุณเดินมาไม่ดูเอง วันนี้ตอนแรกก็อากาศแจ่มใสดีอยู่ทำไมตอนนี้เริ่มมืดครึ้มไปเสียแล้วล่ะ เป็นอย่างนี้ทำให้ฉันอารมณ์ไม่ดีเอาเสียเลย " เหม่ยหลิงทำเป็นไม่สนเดินถือกระถังน้ำเข้าบ้าน ลู่หลินทนไม่ไหวคว้าตัวเธอเอาไว้พร้อมกระชากผมของเธอเต็มแรง"นี่แกกล้าทำกับพวกฉันแบบนี้เหรอ? หลายครั้งมาแล้วที่ฉันไม
บทที่ 33 มีดีอะไรนักหนาทั้งสามมาถึงบ้านของลุงจ่าวทันทีที่ป้าเสี่ยนเห็นหน้าของอี้หานก็จดจำได้ทันทีนี่นายทหารที่เห็นวันนั้นเธอยิ้มกริ่มจ้องมองใบหน้าของเหม่ยหลิง วันนี้เธอคงพาเขามาเปิดตัวสินะ เมื่อเธอจะเอ่ยถามแต่ก็ถูกเหม่ยหลิงกระซิบกระซาบเสียก่อน“ฉันรู้นะว่าป้าคิดอะไรอยู่ แต่ไม่ได้เป็นอย่างที่ป้าคิดหรอกนะ เวยอันชื่นชอบนายพลผู้นี้มาจึงชักชวนเขามาด้วยฉันขัดไม่ได้จึงยอมให้เขามาด้วยเท่านั้น”“ป้ายังไม่ได้ว่าอะไรเลยมีเพียงแค่เวยอันหรอกหรือที่ชื่นชอบท่านนายพลป้าคิดว่าอาเหม่ยก็ชอบเหมือนกันซ่ะอีก ฮ่า ฮ่า ท่านนายพลเชิญเข้ามาด้านในเลยค่ะวันนี้คงเป็นวันเกิดที่ดีที่สุดของสามีฉันแล้วที่มีนายพลผู้ยิ่งใหญ่มาร่วมงาน” ป้าเสี่ยนพูดจบได้เดินจากเหม่ยหลิงไปหาอี้หานเชิญเขาเข้าไปในบ้านปล่อยให้เหม่ยหลิงยืนหน้าแดงอยู่เพียงลำพังทุกคนร่วมกันกินอาหารเย็นกันอย่างสุขสันต์จนถึงเวลาเอ่ยคำอวยพรและมอบของขวัญให้ และพากันแยกย้ายกลับบ้าน อี้หานสั่งให้ลูกน้องชุดเดิมกลับไปพักและสลับเปลี่ยนอีกชุดมาเฝ้าที่หน้าบ้านของเหม่ยหลิง ใจจริงเขาเองอยากจะอยู่เฝ้าเธอแต่จะทำให้เธอลำบากใจจึงทำได้เพียงให้ลูกน้องมาเฝ้าดูแลความปลอดภัยให้2 ว
บทที่ 32 พี่ชอบพี่สาวฉันจริง ๆ ใช่มั้ยเขาค่อย ๆ ทายาให้เหม่ยหลิงอย่างเบามือเธอจ้องมองความอ่อนโยนที่เขามอบให้ เขาเป็นคนเดียวเมื่อไหร่ที่เธอพบเจอกับเรื่องอันตรายจะเข้ามาช่วยไว้ได้เสมอ เมื่อมีเขาอยู่เคียงข้างหัวใจของเธออบอุ่นทุกครั้ง ความหวาดกลัวที่มีทั้งหมดได้หายไป"ขอบคุณนะคะที่เข้ามาช่วยเหลือฉันทุกครั้งที่ฉันตกอยู่ในเหตุการณ์อันตราย หากไม่มีคุณฉันคงไม่รู้จะทำอย่างไรเลย ""ไม่เห็นจะต้องขอบคุณหลายครั้งเลย คงเป็นโชคชะตาที่ลิขิตมาให้เราได้พบเจอกัน ตอนนี้รู้สึกดีแล้วใช่มั้ยฉันขอออกไปคุยกับลูกน้องสักครู่นะ" เหม่ยหลิงพยักหน้าให้อี้หาน เขาเดินออกมาด้านนอกสั่งการให้ลูกน้องไปสืบประวัติสามีเก่าของเหม่ยหลิงรวมถึงซิงเยียนที่เป็นคนสั่งการให้คนมาทำร้ายเหม่ยหลิงอีกด้วย เมื่อสั่งการเสร็จเขาได้เดินเข้ามาหาเหม่ยหลิงด้านในเห็นเธอกำลังเก็บของที่หล่นลงบนพื้นที่ซื้อมาจากตลาดอย่างทุลักทุเลจึงนั่งลงช่วยเธอเก็บของ"มาให้ฉันช่วย ซื้อของมาเยอะขนาดนี้จะขายซาลาเปาพรุ่งนี้ใช่มั้ย? แขนเจ็บแบบนี้คงนวดแป้งไม่ได้แน่ ๆ ว่าแต่ของนี่คืออะไร"เขาเก็บของหันไปเห็นของมีค่าคล้ายซื้อไว้เก็บสะสมนิยมมอบให้ผู้ใหญ่ที่นับถือ"อ้อ...
บทที่ 31 เป็นเขาอีกแล้วที่ช่วยเหลือเมื่อมาถึงหน้าประตูเหม่ยหลิงวางของไว้ที่โต๊ะหน้าบ้านก่อนจะไขกุญแจเปิดโดยมีชายคนนั้นคอยเดินตามหลังติด ๆ ทันทีที่เธอเปิดประตูเหม่ยหลิงคว้าไม้ถูพื้นฟาดใส่หัวของชายคนนั้นทำให้เขาได้รับบาดเจ็บทำให้เขาโมโหผลักกายของเหม่ยหลิงจนล้มกับพื้น"โอ๊ย!!! นี่เธอกล้าลงมือกับฉันอย่างไม่หวาดกลัวเลยอย่างนั้นหรือตอนแรกตั้งใจแค่มาข่มขู่แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ต้องทำให้เธอเจ็บกว่าฉัน""อึก! ฉันไปทำอะไรให้ทำไมต้องมาทำฉันแบบนี้อยากได้อะไรก็เอาไปเลย" เหม่ยหลิงเจ็บแขนเพราะถูกผลักจนล้มถลาลงทับแขนตัวเอง ความหวาดกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นแววตาของชายที่อยู่ตรงหน้าเริ่มเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เขาอาฆาตจนเหม่ยหลิงคิดว่าหากเธอสู้ไม่ไหวหรือไม่มีใครช่วยเธอได้วันนี้เธอคงได้ตายอีกครั้งแน่ ๆ คนเดียวที่เธอคิดถึงกลับเป็นอี้หาน เฝ้าภาวนาในใจให้เขามาช่วยเธอ"เธอไม่เคยทำอะไรให้ฉันแต่เป็นคุณหนูของฉันต่างหากที่เธอไปก่อกวนให้รำคาญใจ ไม่พูดมากมานี่ซ่ะดี ๆ ฉันจะจัดการให้เธอเจ็บน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้เอง" เขาขึ้นคร่อมร่างของเหม่ยหลิงก่อนที่จะยกมือที่ถือมีดขึ้นเพื่อแทงเข้าที่หน้าอกของเธอ เหม่ยหลิงหัวใจเต้นร
บทที่ 30 ถูกฉุดฝั่งด้านของลู่หลินเธอครุ่นคิดทั้งคืนจนใบหน้าเคร่งเครียดเพราะนอนไม่หลับอยากรู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งสอง ฟางเซียนยกข้าวมาให้ลูกได้กินอดที่จะสอบถามไม่ได้“วันนี้อารมณ์ไม่ดีอย่างนั้นหรือ? เกิดอะไรขึ้นอีก”“มีเรื่องชวนให้คิดนิดหน่อยค่ะ คุณแม่หากว่าผู้หญิงกับผู้ชายไม่รู้จักกันหรือไม่สนิทสนมกันเมื่อเห็นอีกฝ่ายเจ็บไข้จะเข้าไปช่วยเหลือมั้ย?”“ทำไมถึงถามอย่างนั้นล่ะ”“เมื่อวานนะสิคะฉันไปหาท่านนายพลที่บ้านไม่พบระหว่างทางที่จะเดินไปโรงงานเห็นนายพลพานางเหม่ยหลิงแนบชิดนั่งรถยนต์ไปหาหมอ”“นางเหม่ยหลิงนะหรือ? ทำไมรู้จักกับนายพลได้ไม่มีทางต่อให้รู้จักกันยังไงหากไม่ได้รู้สึกพิษสวาทคงไม่ให้เข้าใกล้ถึงเนื้อถึงตัว หรือว่านางเหม่ยหลิงคิดจะอ่อยนายพลให้สนตัวเองแสร้งเป็นไข้ให้ได้แนบชิดหรือ? ไม่ได้การเรื่องนี้แม่ไม่ยอมให้มันมาแย่งนายพลจากลูกเด็ดขาด ไปกันเถอะแม่จะไปจัดการกับเหม่ยหลิงเอง” ฟางเซียนโมโหเลือดขึ้นหน้าลุกขึ้นดึงมือของลู่หลินให้เดินตามตนเองไปที่บ้านของเหม่ยหลิงอย่างเร่งรีบเหวินเทียนเดินมาได้ยินบทสนธนาเมื่อครู่ทำให้เขาเกิดอาการหึงหวงไม่อยากให้เหม่ยหลิงได้ใกล้ชิดคนอื่น ก่อนที่เขาจะเอะใจ
บทที่ 29 นอนด้วยกันมั้ยคะอี้หานเปิดผ้าม่านเดินเข้าไปด้านในเห็นเหม่ยหลิงนอนหลับอยู่บนเตียงใบหน้าที่ซีดขาวเริ่มกลับมามีเลือดฝาดแถมตอนนี้ดูเหมือนร่างกายของเธอขับเหงื่อออกมามากกว่าเมื่อครู่ด้วยซ้ำคงเป็นฤทธิ์ยา"คนอะไรไม่รักตัวเองเลย ห่วงคนอื่นจนตัวเองไม่สบายอย่างนี้ใครจะดูแลเธอจะให้เวยอันคอยดูแลคนเดียวคงไม่ได้แน่ ๆ "อี้หานจ้องมองพลางคิดในใจหลังจากนั้นพยาบาลได้นำยาพร้อมค่ารักษามาให้แก่นายพลเขาไม่รอช้าจะจัดการในส่วนนี้ให้ เมื่อทำทุกอย่างเสร็จเขาได้อุ้มเธอไปที่รถเดินทางกลับบ้านตระะกูลฟ่งเมื่อมาถึงบ้านของเหม่ยหลิงเวยอันรีบเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้อี้หานก็ถึงเวลาเลิกงาน จงสั่งการให้ลูกน้องกลับไปพักผ่อนส่วนเขาจะคอยอยู่ที่นี่จนกว่าเหม่ยหลิงจะฟื้น"พี่เหม่ยหลิงเป็นอย่างไรบ้างครับ หมอบอกว่าพี่สาวของผมเป็นอะไรกัน""เหม่ยหลิงเป็นไข้หวัดที่เธอยังไม่รู้สึกตัวเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอน่าจะเหน็ดเหนื่อยแต่ไม่แสดงออกให้ใครรู้ จนร่างกายทุรดตัวทำให้เป็นหนักกว่าทุกครั้ง เวยอันฉันจะพาเหม่ยหลิงไปนอนที่ห้องเธอยังไม่ได้กินข้าวใช่มั้ย อย่างนั้นฉันพาเหม่ยหลิงเข้าพักแล้วจะออกมาทำอาหารให้นะ""ขอบคุณพี่อี้หานอ
บทที่ 28 จับไข้ปัง ปัง!! เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมเสียงที่เรียกด้านนอกอย่างเสียงดัง"เหม่ยหลิง เหม่ยหลิงเธออยู่ข้างในหรือไม่?" เวยอันที่เช็ดตัวให้พี่สาวได้ยินเสียงที่คุ้นเคยรีบวางผ้าลงเดินไปเปิดประตูให้อี้หานทันที"พี่อี้หานเดี๋ยวฉันจะเปิดประตูให้นะ" อี้หานได้ยินเสียงเวยอันจึงขยับกายออกมาไกลจากประตู"เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงยังไม่เปิดร้านขายซาลาเปา หรือว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น""พี่อี้หานตอนนี้พี่เหม่ยหลิงจับไข้นอนหนาวสั่นอยู่ที่ห้องฉันเอายาให้กินเช็ดตัวให้แต่ดูเหมือนไข้จะไม่ลดเลย ฉันจะพาพี่ไปหาหมอก็ไม่สามารถพาไปได้โชคดีเหลือเกินที่พี่อี้หานมาตอนนี้พอดี" เด็กชายใบหน้ามีหวังขึ้นมาเมื่อเห็นหน้าของอี้หาน เหม่ยหลิงจับไข้จนไม่ได้สติทำอย่างไรก็ไม่รู้สึกตัวสักที เมื่ออี้หานได้ยินรีบให้เวยอันพาไปที่ห้องนอนของเธอทันที"ห้องเหม่ยหลิงอยู่ตรงไหนรีบพาฉันไปหาเธอเดี๋ยวนี้ ""ด้านนี้ครับ "เวยอันรีบเดินไปหน้าห้องเปิดประตูให้เขาเข้าไป ร่างบางนอนสั่นเทาอยู่ใต้ผ้าห่มเหงื่อไหลออกตามรูขุมขนเมื่ออี้หานใช้มือแตะที่หน้าผากพบว่าร่างกายของเธอร้อนราวกับไฟ จึงรีบอุ้มร่างเล็กไปขึ้นรถพาเธอไปหาหมอที่โรงพยาบาล"เวยอันไม่